The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นำเสนอ
1. การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
2. วิธีการจัดเก็บข้อมูลระบบเดิม (Traditional Approach)
3. ตัวแบบข้อมูล และตัวแบบฐานข้อมูล
4. ระบบจัดการฐานข้อมูล
5. คลังข้อมูล ดาต้ามาร์ท และการทำเหมืองข้อมูล
6. ระบบธุรกิจอัจฉริยะ (Business Intelligence หรือ BI)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 64302150055, 2022-12-07 06:00:38

นำเสนอความรู้พื้นฐานของระบบธุรกิจอัจฉริยะ ฐานข้อมูลและการจัดการข้อมูล

นำเสนอ
1. การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
2. วิธีการจัดเก็บข้อมูลระบบเดิม (Traditional Approach)
3. ตัวแบบข้อมูล และตัวแบบฐานข้อมูล
4. ระบบจัดการฐานข้อมูล
5. คลังข้อมูล ดาต้ามาร์ท และการทำเหมืองข้อมูล
6. ระบบธุรกิจอัจฉริยะ (Business Intelligence หรือ BI)

ความรู้พื้นฐานของระบบธุรกิจอัจฉริยะ:
ฐานข้อมูลและการจัดการข้อมูล

(FOUNDATIONS OF BUSINESS
INTELLIGENCE: DATABASES AND

INFORMATION MANAGEMET)


การจัดการข้อมูล ข้อมูล (Data) เป็นทรัพยากรที่สำคัญในการ
และสารสนเทศ ดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ข้อมูลประกอบด้วย
ข้อเท็จจริงเบื้องต้น เอกสาร ข่าวสาร ข้อเท็จ
จริงต่าง ๆ ที่มีอยู่ในรูปของตัวเลขภาษา
สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มีความหมายเฉพาะตัว
ซึ่งยังไม่มีการประมวลผลหรือวิเคราะห์ผล

เมื่ อสารสนเทศถูกนำมาผ่านกระบวนการ
สังเคราะห์ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ เชื่อมโยงจน
เกิดความเข้าใจ สามารถนำมาแก้ไขปัญหาและ
ตัดสินใจและแบ่งปันให้กับผู้อื่ น สารสนเทศนั้น
ก็จะเปลี่ยนเป็นความรู้ (Knowledge) ไป
โดยปริยาย


ขั้นตอนในการทำสารสนเทศ

1) การนำข้อมูลเข้า 2) การประมวลผลข้อมูล
ประกอบด้วย เช่น

การรวบรวมข้อมูล เมื่อได้ข้อมูลแล้ว การแบ่งประเภทข้อมูล คือ การจำแนก
จะต้องนำมาจัดให้อยู่ในรูปแบบที่จะใช้ การแบ่งปรขะ้เอภทมขู้อลมูทลั้งหมหายมถึดง กอาอรจกำแเนปก็ขน้อปมูลรทัะ้งเหภมดทอตอ่กาเงป็นปๆระเภทต่าง ๆ
ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ได้
การตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อให้ การจัดเรียงลำดับ คือ การนำข้อมูล
แน่ใจก่อนจะส่งเข้าประมวลผล ทั้งหมดมาเรียงตามลำดับ
การคำนวณ คือ การนำข้อมูลบางอย่าง
มาบวกลบหรือคูณหารกัน


3) การจัดการกับผลลัพธ์ 4) การนำไปใช้งานหรือ
ประกอบด้วย การสื่อสารข้อมูล

การแสดงผล โดยผ่านสื่อชนิดใดชนิด การแบ่งประเภทข้อมูล หมายถึง การจำแนกข้อมูลทั้งหมดออกเป็นประเภท
หนึ่ง เช่น บนจอภาพ
การเก็บรักษาไว้ในสื่อต่าง ๆ เพื่อเรียก เป็นกระบวนกาตร่าใงนๆการถ่ายทอด
ใช้งานตามความต้องการ หรือเรียกข้อมูล ทำได้โดยการผ่าน
สายโทรศัพท์ หรือทางดาวเทียม


ประโยนช์ของสารสนเทศ

การวางแผน มีการวางแผนล่วงหน้าการวางแผนที่ดีจะ
ต้องอาศัยสารสนเทศขององค์กร
การตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นระดับสูงต่ำเพียงใด ผู้บริหารจะ
ต้องมีการตัดสินใจอยู่เกือบตลอดเวลา
การปรับปรุงหน่วยงาน องค์กรจำเป็นต้องอาศัย
สารสนเทศเพื่อใช้ในการปรับปรุงหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นการ
ลงทุน
การควบคุมงาน สารสนเทศสามารถใช้ควบคุมการทำงาน
ภายในหน่วยงานให้เป็นไปตามมาตรฐานและตาม
วัตถุประสงค์


ลำดับขั้นของ ฐานข้อมูล (Database) คือ แฟ้มข้อมูลหลาย ๆ แฟ้ม
ข้อมูล รวมกัน

แฟ้มข้อมูล (File) เป็นการเก็บเรคคอร์ด (Record)
หลาย ๆ เรคคอร์ดเอามารวมกันไว้ในแฟ้มข้อมูลเดียวกัน

เรคคอร์ด หรือ ระเบียน (Record) เป็นการรวมเอา
เรื่องหลาย ๆ เรื่องมาไว้ด้วยกัน เรคคอร์ดจะมีข้อมูล
บรรจุอยู่เรียกว่า เขตข้อมูลหรือฟิลด์ (Field)


ลำดับขั้นของ ไบต์ (Byte) หรือ ตัวอักขระ (Character)
ข้อมูล ประกอบด้วย บิต จำนวน 8 หรือ 16 บิต หรือ 32 บิต
ชุดของบิตตั้งแต่ 2 บิตขึ้นไปที่นำมาใช้เป็นรหัสแทน
ความหมายของตัวเลข

บิต (Bit) เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของข้อมูลที่
คอมพิวเตอร์สามารถรับรู้ได้ ย่อมาจาก binary
digit หรือเลขฐานสอง


วิธีการจัดเก็บข้อมูลระบบเดิม
(Traditional Approach)

1. การจัดเก็บข้อมูลระบบเดิม มี 2 รูปแบบคือ
1) การจัดเก็บและประเมินผลด้วยมือ ข้อบกพร่องของ

การจัดเก็บคือระบบไม่สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนได้
2) ระบบการประมวลผลแฟ้มข้อมูล (File Processing

Systems) วิธีนี้จะใช้การสร้างแฟ้มข้อมูลและเก็บข้อมูลใน
แต่ละโปรแกรมประยุกต์ แต่ละระบบหรือแผนกงานจะมีข้อมูล
ของตนเอง


วิธีการจัดเก็บข้อมูลแบบ
ระบบฐานข้อมูล



ฐานข้อมูล (Database) หมายถึง การรวบรวม
ข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันและมีการจัดการเพื่อตอบสนอง
ความต้องการของผู้ใช้ และโครงสร้างขององค์กร ฐานข้อมูล
เป็นการนำแฟ้มข้อมูลหลายๆ แฟ้มที่เกี่ยวข้องกันมารวมอยู่
ด้วยกัน


การจัดระเบียบแฟ้มข้อมูลมี 3 วิธีคือ

1. การจัดระเบียบแฟ้มข้อมูลแบบตามลำดับ
(Sequential Access File Organization)




เป็นการเก็บข้อมูลโดยเรียงตามลำดับก่อนหลังเช่น
เดียวกับการบันทึกลงเทปคาสเซ็ท
ข้อดี คือ เข้าใจง่าย เพราะการเก็บจะเรียงลำดับประหยัด
เนื้ อที่ และง่ายต่อการสร้างแฟ้มใหม่
ข้อเสีย คือ เสียเวลาในการปรับปรุงเพราะจะต้องอ่านทุก
รายการ ต้องมีการจัดเรียงข้อมูลใหม่ก่อนที่จะประมวลผล


2. การจัดระเบียบแฟ้มข้อมูลแบบตรงหรือแบบสุ่ม
(Direct-Access File Organization)

เป็นการเก็บเรคคอร์ดในแฟ้มข้อมูลที่ไหนก็ได้
โดยไม่ต้องจัดเรียงลำดับ
ข้อดี คือ สามารถบันทึกเรียกปรับปรุงข้อมูลที่
ต้องการได้โดยตรง การปรับปรุงและแก้ไขทำได้ทันที
ข้อเสีย คือ สิ้นเปลืองเนื้ อที่ รวมทั้งต้องมีการสำรอง
ข้อมูลเนื่ องจากโอกาสจากความเสียหาย


3. การจัดระเบียบแฟ้มข้อมูลแบบดัชนี (Indexed
Sequential-Access File Organization)




ใช้หลักการเดียวกับการใช้ดรรชนีค้นหาเอกสาร

หรือศัพท์ในพจนานุกรม ข้อกําหนดที่จำเป็นของแฟ้ม

ข้อมูลแบบดัชนีเป็นเช่นเดียวกับชนิดสุ่ม คือทุกระเบียน
จะต้องมีรหัสหลัก (Primary key) และจะต้องเก็บ

ข้อมู ลอยู่ในอุ ปกรณ์และสื่ อชนิดเข้าถึงได้โดยตรง

เท่านั้น


ตัวแบบข้อมูล
และตัวแบบฐานข้อมูล

1. ตัวแบบข้อมูล

ตัวแบบข้อมูล (Data Model) จะถูกพัฒนาขึ้น
เพื่ อช่วยให้เข้าใจปัญหาเฉพาะของธุรกิจช่วยในการ
วิเคราะห์ข้อมูลหรือสารสนเทศที่จำเป็นต้องใช้เพื่ อแก้
ปัญหา ตัวแบบข้อมูลที่ทำขึ้นในระดับองค์กร จะเรียกว่า
ตัวแบบข้อมูลขององค์กร (Enterprise Data
Modeling)


ตัวแบบข้อมูลขององค์กรจะเริ่มจากการตรวจ
สอบข้อมูลและสารสนเทศทั่วไปที่จำเป็นสำหรับ
องค์กรในระดับกลยุทธ์โดยข้อมูลขององค์กรและ
ความสัมพันธ์ของข้อมูลจะถูกเขียนในรูปกราฟิก
เพื่อให้เข้าใจง่าย เรียกว่า แผนผังความสัมพันธ์
ของเอนทิตี หรือ อี อาร์ไดอะแกรม


ความสัมพันธ์ 1) ความสัมพันธ์แบบหนึ่ง 3) ความสัมพันธ์แบบ
ของข้อมูล ต่อหนึ่ง (One to One มากกว่าหนึ่ง (Many to
Relationship) คือ ความ Many Relationship)

สัมพันธ์ของข้อมูลที่มี คือ ความสัมพันธ์ที่ข้อมูล
ลักษณะหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น ตัวหนึ่งมีหลายค่าและ

2) ความสัมพันธ์แบบหนึ่ง สามารถมีความสัมพันธ์กับ
ต่อมากกว่าหนึ่ง (One to ข้อมูลตัวอื่ นได้หลายตัว
Many Relationship)
คือ ความสัมพันธ์ที่ข้อมูล

ตัวหนึ่งสามารถมีความ
สัมพันธ์กับข้อมูลตัวอื่ นได้

หลายตัว


2. ตัวแบบฐานข้อมูล 1. ฐานข้อมูลแบบลำดับชั้น (Hierarchical Database
(Database Model) Model) หมายถึง ตัวแบบฐานข้อมูล ซึ่งข้อมูลมีการจัดการ
แบบลงล่างหรือการวางตามโครงสร้างแบบต้นไม้

2. ฐานข้อมูลแบบเครือข่าย (Network Data Model)
เป็นการจัดข้อมูลที่ขยายต่อจากการจัดฐานข้อมูลแบบลำดับ
ขั้น ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของและสมาชิก

3. ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Data Model)
จะนำองค์ประกอบของข้อมูลมาจัดวางในตารางซึ่งแทนแฟ้ม
ข้อมูลหนึ่งแฟ้ม


การจัดการข้อมูล Selecting เป็นการเลือกเรคคอร์ดตามเกณฑ์ที่กำหนด
ขั้นพื้นฐาน ได้แก่ โดยขจัดแถวอื่น ๆ ให้เหลือเฉพาะแถวที่เลือก

Projecting เป็นการเลือกเฉพาะบางคอลัมน์ของ
ความสัมพันธ์ที่สนใจขึ้นมาแสดง

การรวม (Joinine) เป็นการจัดการข้อมูลที่รวมตาราง
ตั้งแต่สองตารางเป็นต้นไป

การเชื่อมโยง (Linked) เป็นการเชื่อมโยงตาราง
ที่เกี่ยวข้องกันในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์


ระบบจัดการฐานข้อมูล

ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management
System หรือ DBMS) เป็นซอฟต์แวร์พิเศษสำหรับสร้างและ
บำรุงรักษาฐานข้อมูล DBMS ยอมให้ใช้โปรแกรมประยุกต์
เข้าถึงข้อมูลที่เก็บไว้โดยไม่จําเป็นต้องสร้างแฟ้มข้อมูลแยก
ต่างหาก


1 ภาษาคํานิยามของข้อมูล
(Data Definition Language หรือ DDL)

1. องค์ประกอบของ 2 ภาษาการจัดการข้อมูล
ระบบจัดการฐานข้อมูล (Data Manipulation Language หรือ DML)

ได้แก่

3 พจนานุกรมข้อมูล
(Data Dictionary)


1. คลังข้อมูล (Data Warehouse)

เป็นแหล่งกลางของข้อมูลซึ่งถูกสกัด
ทำให้เป็นมาตรฐานและรวมข้อมูลจากฐาน
ข้อมูลปฏิบัติการและฐานข้อมูลการจัดการ
ขององค์กร


เน้นที่เรื่องหรือผู้กระทำหลัก มีการอัพเดทข้อมูลตามช่วง การอัพเดทที่เก็บข้อมูล
(Subject-Oriented) เวลา (Allow for Periodic (Update Repository)

การรวมข้อมูล Update)
(Integrated Data)
คลังข้อมูลมี การสรุป
ข้อมูลที่เก็บมีความ คุณสมบัติ ดังนี้ (Summarizing)
สัมพันธ์กันกับช่วงเวลา
การขัดล้าง
(Time-Variant) (Scrubbing)
ไม่เปลี่ยนแปลงง่าย
(Non-Volatile) การค้นคืนข้อมูล การรวม
(Data Retrieval) (Consolidation)


2. ดาต้ามาร์ท (DATAMART)

เป็นส่วนย่อยของคลังข้อมูล (Data Warehouse)
การสร้างดาต้ามาร์ทมีแนวคิด เช่นเดียวกับคลังข้อมูล
แต่จะใช้สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและแผนก
งานในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น การวิเคราะห์ยอดขาย สินค้า
คงคลัง และข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญ


3. การทำเหมืองข้อมูล (DATA MINING)

การทำเหมืองข้อมูล หมายถึง กระบวนการในการสกัดเอาความรู้ซึ่งซ่อนอยู่ในข้อมูลดิบจำนวนมาก
หรือฐานข้อมูลใหญ่ เพื่อค้นหาความรู้ที่ได้จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้เป็นเครื่องมือเพื่อทำนายแนวโน้มและ
พฤติกรรม เป็นการใช้สารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้


งานหลักของการขุดค้นข้อมูล
(DATA MINING) ได้แก่

การพยากรณ์ การแยกแยะหรือจำแนก การค้นหาความสัมพันธ์
(Prediction) (Classification) (Detection of
Relations)



การจัดกลุ่ม การวิเคราะห์การจัดตะกร้า การหาความสัมพันธ์ การหารูปแบบที่ต่อ
(Clustering) การตลาด (Market (Associations) เนื่องกัน (Sequential
Basket Analysis)
Patterns)


ระบบธุรกิจอัจฉริยะ
(BUSINESS INTELLIGENCE

หรือ BI)

ธุรกิจอัจฉริยะ (Business Intelligence) คือ ระบบหรือ
กลุ่ม ซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับเป็นเครื่องมือในการ
วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมไว้ในคลังข้อมูล (Data
Warehouse) เพื่อสนับสนุนการวางแผน การตัดสินใจและ
การบริหารงานของผู้บริหารผ่านการประมวลผลออนไลน์เชิง
วิเคราะห์ (Online Analytical Processing) ทำให้องค์กร
สามารถคาดการณ์พยากรณ์ความต้องการของผู้บริโภคได้
อย่างถูกต้อง แม่นยำ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของ
องค์กรเพิ่มสูงขึ้น


สมาชิก

นางสาวเมฑาภัณฑ์ จันทร์แก้ว เลขที่ 2
นางสาวกนิษฐนาฏ ดีแก้ว เลขที่ 3
นางสาวพณิดา บุญวรรณ เลขที่ 9
นางสาวเสาวลักษณ์ วงศ์ใหญ่ เลขที่ 25


Click to View FlipBook Version