1
รศ.น.สพ.ดร.สุวิชัย โรจนเสถียร นายกสัตวแพทยสภา สำานักงานสัตวแพทยสภา ตึกผู้เชี่ยวชาญ กรมปศุสัตว์ เลขที่ ๖๙/๑ ถ.พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๒๕๐-๐๓๙๖-๘ โทรสาร ๐-๒๒๕๐-๐๓๙๙ สวัสดีปีใหม่ แด่สมาชิกสัตวแพทยสภาทุกท่าน คณะกรรมการสัตวแพทยสภา วาระ ๒๕๕๕-๒๕๕๘ ฯพณฯ น.สพ.ยุคล ลิ้มแหลมทอง รมต.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สภานายกพิเศษ กรรมการโดยตำาแหน่ง ๑ นายสัตวแพทย์ทฤษดี ชาวสวนเจริญ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ๒ ศ.นายสัตวแพทย์ดร.มงคล เตชะกำ พุ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๓ ศ.นายสัตวแพทย์ดร.อภินันท์ สุประเสริฐ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ๔ รศ.สัตวแพทย์หญิง ดร.สุณีรัตน์ เอี่ยมละมัย คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๕ รศ.นายสัตวแพทย์ดร.เลิศรัก ศรีกิจการ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ๖ รศ.นายสัตวแพทย์ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ๗ รศ.นายสัตวแพทย์ดร.จตุพร กระจายศรี คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ๘ สัตวแพทย์หญิงแขไข จิตทิชานนท์ ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ๙ สัตวแพทย์หญิงอภิรมย์ พวงหัตถ์ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ๑๐ สัตวแพทย์หญิงนัยนา อภิชาติพันธุ์ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ๑๑ พันเอกนายสัตวแพทย์เริงชัย กาญจนารมย์ ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ๑๒ นายสัตวแพทย์ยุทธนา ชัยศักดานุกูล ผู้แทนกรมปศุสัตว์ ๑๓ รศ.สัตวแพทย์หญิง ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ นายกสมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำ บัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย ๑๔ นายสัตวแพทย์นิรันดร เอื้องตระกูลสุข นายกสัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวาระที่สารสัตวแพทยสภาฉบับปฐมฤกษ์ได้เกิดขึ้นใน ช่วงปีใหม่ไทยและปีใหม่จีนนี้ ผมในนามของนายกสัตวแพทยสภา ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงเป็นที่พึ่ง ทางจิตใจ อำ นวยผลให้ทุกๆท่านมุ่งมั่นกระทำ การงาน สามารถ ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง มีความสุขทั้งกายและใจ ปราศจากทุกข์และ ภยันตราย เกิดผลแต่ในสิ่งที่ดีงามกับตนเองและสังคม ในช่วงอีก ๒ ปีกว่าของวาระคณะกรรมการ ชุดปัจจุบัน สิ่งที่จะต้องดำ เนินการให้ลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพคือการเตรียม ความพร้อมสำ หรับการประเมินความรู้ความสามารถ ที่เกี่ยวกับ มาตรฐานวิชาชีพการสัตวแพทย์ของนิสิตนักศึกษาในชั้นปีสุดท้าย ของหลักสูตรปีการศึกษา ๒๕๕๓ การก่อตั้งวิทยาลัยเฉพาะทาง การเตรียมความพร้อมของวิชาชีพต่อการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียนการดำ เนินการและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการฟ้องร้องบทบาท และการพัฒนาวิชาชีพ การประสานงานกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น FAO/OIE อีกทั้งการช่วยเหลือสมาชิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใ น ส่วนที่เกี่ยวพันกันระหว่างการศึกษาต่อเนื่องและการเป็นสมาชิก ของสัตวแพทยสภา ฯลฯ ขั้นตอนที่จะทำ ให้เกิดประสิทธิผลของสิ่งต่างๆ ดังกล่าว ข้างต้น สัตวแพทยสภาได้ดำ เนินโครงการสัตวแพทยสภาสัญจรไป ยังสถานที่ต่างๆ เพื่อบอกเล่าการดำ เนินงานของสภา แลกเปลี่ยน รับฟัง ชี้แจง และแก้ปัญหาของสมาชิก อีกทั้งจะมีการประเมิน ปัญหาของสมาชิกจากแบบสอบถามที่จะส่งให้ทุกท่านในช่วง เดือนมกราคม ๒๕๕๖ เพื่อนำ ข้อมูลต่างๆมาใช้ในการจัดทำ แผน ยุทธศาสตร์กลยุทธ์และโครงการต่างๆ รวมทั้งกำ หนดตัวชี้วัด ซึ่ง คาดว่าจะดำ เนินการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึง มีนาคม ๒๕๕๖ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำ เนินการเพื่อพัฒนาวิชาชีพการ สัตวแพทย์ให้เจริญรุดหน้าต่อไป และผมขออนุญาติถือโอกาสนี้ใน การประชาสัมพันธ์งานใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน คือ งาน ประชุมใหญ่ เนื่องในโอกาส ครบรอบ ๑๑ ปี สัตวแพทยสภา ด้วย Concept ของงานคือ Veterinary Move and Veterinary Trend ทิศทางสัตวแพทย์ไทย ภายใต้บริษัทใหม่ที่มาพร้อมกับ การเปลี่ยนแปลงที่ท้าทาย ทั้งในและต่างปรเทศ ด้วยวิทยากรผู้ทรง คุณวุฒิที่จะมาให้องค์ความรู้แลกเปลี่ยนแนวคิดกับเรา นอกจาก นั้นเราจะได้ประกาศยุทธศาสตร์สัตวแพทยสภาปี ๒๕๕๖-๒๕๖๐ ด้วยการประชุมสัมมนาวิชาการ ๕ สาขาได้แก่ สุกร, สัตว์ปีก, สัตว์- เลี้ยง,สัตว์เคี้ยวเอื้อง และสัตว์น้ำ ถือว่าเป็นงานใหญ่ที่พลาดไม่ได้ วัน เวลา สถานที่ขอให้ติดตามในลำ ดับต่อไป ท้ายที่สุดผมหวังว่า...สารสัตวแพทยสภาสามารถเป็นสื่อ กลางเพื่อทำ ให้ท่านสมาชิกได้รับทราบการดำ เนินงานของ สัตวแพทยสภา และเปิดโอกาสให้กับสมาชิกมีการติดต่อหรือสื่อสาร กับสัตวแพทยสภาเพื่อประโยชน์โดยตรงของท่านและผมอยากเชิญ ชวนให้ทุกๆ ท่านที่จบทั้งประกาศนียบัตรและปริญญาสัตวแพทยศาตร์ บัณฑิตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาวิชาชีพการสัตวแพทย์ซึ่ง เป็นที่รักของเรา กรรมการโดยการเลือกตั้ง ๑ รศ.นายสัตวแพทย์ดร.สุวิชัย โรจนเสถียร นายกสัตวแพทยสภา ๒ ศ.นายสัตวแพทย์ดร.อรรณพ คุณาวงษ์กฤต อุปนายกคนที่หนึ่ง ๓ ผศ.นายสัตวแพทย์ดร.ธวัชชัย ศักดิ์ภู่อร่าม อุปนายกคนที่สอง ๔ นายสัตวแพทย์สุเมธ ทรัพย์ชูกุล เลขาธิการ ๕ นายสัตวแพทย์ธานินทร์ ชีวะผลาบูรณ์ รองเลขาธิการ ๖ ผศ.นายสัตวแพทย์ดร.พีรศักดิ์ สุทธิโยธิน ประชาสัมพันธ์ ๗ สัตวแพทย์หญิงพรรณพิไล เสกสิทธิ์ เหรัญญิก ๘ นายสัตวแพทย์ธีระ รักความสุข กรรมการ ๙ นายสัตวแพทย์นพพร วายุโชติ กรรมการ ๑๐ สัตวแพทย์หญิงกัลยา เก่งวิกย์กรรม กรรมการ ๑๑ ศ.นายสัตวแพทย์ดร.นิวัตน์ มณีกาญจน์ กรรมการ ๑๒ นายสัตวแพทย์วิริยะ แก้วทอง กรรมการ ๑๓ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ กรรมการ ๑๔ ผศ.นายสัตวแพทย์ดร.ประวิทย์ บุตรอุดม กรรมการ ๑๕ นายสัตวแพทย์พรชัย สุวรรณาภิรมย์ กรรมการ
4 วันขึ้นปีใหม่ เมื่อวันที่ ๑๗มกราคม ๒๕๕๖ รศ.น.สพ.ดร.สุวิชัย โรจนเสถียร นายกสัตวแพทยสภาและกรรมการเข้าพบ ฯพณฯ น.สพ.ยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ แสดงความยินดี ฯพณฯ น.สพ.ยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สัตวแพทยสภา เข้าร่วมแสดงความยินดีกับ ฯพณฯ น.สพ.ยุคล ลิ้มแหลมทอง ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โรงแรมรามาการ์เดนท์ ซึ่งจัดโดย สมาคมนิสิตเก่าสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สภานายกพิเศษมอบนโยบายและถ่ายงาน ฯพณฯ น.สพ.ยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะสภานายกพิเศษ สัตวแพทยสภา ได้ถ่ายงานและมอบนโยบาย ให้กับคณะกรรมการสัตวแพทยสภา ชุดใหม่ ซึ่งนำทีมโดย รศ.น.สพ.ดร. สุวิชัย โรจนเสถียร นายกสัตวแพทยสภา คนปัจจุบัน พร้อมทั้งมอบนโยบาย เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
5 นับตั้งแต่ปี ๒๔๕๕ โรงเรียนนายสิบสัตวรักษ์ ได้ถือกำ เนิดขึ้น และได้เปลี่ยชื่อเป็น อัศวแพทย์ทหารบกในเวลา ต่อมาจนได้รับการจัดตั้งเป็น แผนกสัตวแพทย์ภายในคณะอักษร ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยลัยในปี ๒๔๗๘ ถือได้ว่าวิชาชีพ สัตวแพทย์เป็นวิชาชีพที่เก่าแก่และน่าภาคภูมิใจวิชาชีพหนึ่งใน ประเทศ เริ่มแรกสัตวแพทยสภา เริ่มต้นจากศูนย์เนื่องจากไม่มีทุน ทรัพย์และไม่มีที่ทำ การซึ่งกรมปศุสัตว์ได้อนุเคราะห์ที่ทำ การชั่วคราว ส่วนเครื่องใช้สำ นักงานได้รับความอนุเคราะห์จาก นายสัตวแพทย์ สุเมธ ทรัพย์ชูกุล นอกจากนั้น สัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ได้บริจาคเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ใช้ในการดำ เนิน งาน ซึ่งในช่วงนั้น เราได้ขอความร่วมมือ จากกรมปศุสัตว์และคณะ สัตวแพทยศาสตร์ ทุกมหาวิทยาลัย ในการดำ เนินงานจัดกิจกรรม ต่างๆ เช่น การบริโภคเนื้อสัตว์ปลอดภัย การฝึกอบรมต่างๆ อย่างต่อ เนื่อง เมื่อสัตวแพทยสภามีเงินจำ นวนหนึ่ง ในที่ประชุมจึงได้มีมติให้ ซื้อที่ดิน+สำ หรับก่อสร้างที่ทำ การสำ นักงานสัตวแพทยสภา สัตวแพทยสภามีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ ๑) ควบคุมการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ๒) ควบคุมความประพฤติและการดำ เนินงานของ ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ให้ถูกต้องตามจรรยาบรรณแห่ง วิชาชีพสัตวแพทย์ ๓) ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการประกอบวิชาชีพการ สัตวแพทย์ ๔) ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก ๕)ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การบริการทาง ด้านวิชาการแก่สมาชิก รวมทั้งประชาชนและองค์กรอื่นในเรื่องเกี่ยว กับวิชาชีพ การสัตวแพทย์ ๖) ให้คำ ปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบาย และปัญหาวิชาชีพการสัตวแพทย์ ๗) เป็นตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ของ ประเทศไทย ๘) ผดุงความเป็นธรรมและส่งเสริมสวัสดิการให้แก่สมาชิก ๙) ดำ เนินการอื่นตามที่กำ หนดในกฎกระทรวง สัตวแพทยสภามีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๑) รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ขอเป็นผู้ ประกอบวิชา สัตวแพทยย์ ๒) ทำ คำ สั่งตามมาตรา ๔๕ ๓) รับรองปริญญาอนุปริญญา ประกาศนียบัตรอนุมัติบัตร หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพการสัตวแพทย์ของสถาบันต่างๆเพื่อ ประโยชน์ของสมาชิก ๔) รับรองหลักสูตรต่างๆ สำ หรับการฝึกอบรมเป็นผู้ชำ นาญการ ในสาขาต่างๆของวิชาชีพการสัตวแพทย์ของสถาบันต่างๆ ๕) รับรองวิทยฐานะของสถาบันที่ทำ การฝึกอบรมใน (๔) ๖)ออกหนังสืออนุมัติหรือให้วุฒิบัตรแสดงความรู้ความ ชำ นาญในการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์สาขาต่างๆ และออก หนังสือแสดงวุฒิอื่นในวิชาชีพการสัตวแพทย์ ๗) ดำ เนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสัตวแพทยสภา การดำ เนินงานของสัตวแพทยสภายึดตามวัตถุประสงค์ และอำ นาจหน้าที่ของสัตวแพทยสภาที่กำ หนดไว้ในกฎหมาย ถึงแม้ ว่ากฏหมายจะให้อิสระต่อสัตวแพทยสภาเหมือนกับสภาวิชาชีพทั้ง หลาย แต่ในตัวกฏหมายก็ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าการดำ เนินงานของคณะ กรรมการสัตวแพทยสภานั้นจะต้องดำ เนินการตามข้อบังคับที่ระบุ ในตัวกฏหมาย ๑๕ ฉบับ และในกฏหมายดังกล่าวมี๑๑ ฉบับ เป็น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสมาชิก และประชาชนในข้อบังคับ ๑๑ ข้อนี้ ได้ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาแล้วจึงมีผลบังคับใช้ --^_^-- ความเป็นมาของสัตวแพทยสภา
6 เป็นที่ทราบกันดีว่า...การประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์ใน ปัจจุบัน อยู่ภายใต้การกำ กับดูแลของสัตวแพทยสภาซึ่งเป็นองค์กร วิชาชีพที่กฎหมายกำ หนดให้ทำ หน้าที่ดังกล่าว หน้าที่ประการหนึ่ง คือการกำ กับดูแลมาตรฐานของสถาบันผลิตสัตวแพทยศาสตร บัณฑิต สัตวแพทยสภาจึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการกำ กับมาตรฐานฯ ขึ้น เพื่อให้การรับรองปริญญา และได้ออกประกาศสัตวแพทยสภา ที่ ๗/๒๕๕๒ เรื่อง “เกณฑ์มาตรฐานสถาบันผลิตสัตวแพทยศาสตร บัณฑิต”ขึ้น โดยได้แต่งตั้งคณะทำ งานตรวจประเมินเพื่อการรับรอง สถาบันฯเพื่อทำ หน้าที่ตรวจประเมินเพื่อการรับรองปริญญา อัน ประกอบด้วย ๒ ขั้นตอน คือ ๑. การเห็นชอบให้ใช้หลักสูตร และ ๒. การรับรองสถาบัน โดยใช้กับสถาบันผลิตสัตวแพทยศาสตร บัณฑิตในประเทศไทยทุกแห่ง โดยบัณฑิตที่จบจากสถาบันที่สัตว แพทยสภาให้การรับรองปริญญาเท่านั้นจึงจะเป็นผู้มีคุณสมบัติใน การเข้าสอบประเมินความรู้ความสามารถขั้นพื้นฐานฯซึ่งดำ เนิน การโดยศูนย์ประเมินความรู้ฯของสัตวแพทยสภา เพื่อยื่นขอรับ ในอนุญาตประกอบวิชาชีพฯ ต่อไป แต่เนื่องจากมีสถาบันฯที่สัตว แพทยสภาให้การรับรองที่เปิดดำ เนินการมาก่อนประกาศดังกล่าว และได้มีการผลิตสัตวแพทยศาสตรบัณฑิตซึ่งสัตวแพทยสภาได้ อนุมัติใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ให้แก่บัณฑิต จากสถาบันเหล่านั้นไปแล้ว จึงได้มีการกำ หนดบทเฉพาะกาลให้ การรับรองชั่วคราวเป็นระยะเวลา ๕ ปีแก่สถาบันกลุ่มดังกล่าวเมื่อ ครบกำ หนด สถาบันเหล่านั้นต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจประเมิน ตามประกาศที่ ๗/๒๕๕๒ เช่นเดียวกับสถาบันใหม่ทุกประการ ตรวจประเมินอย่างไร.... สำ หรับสถาบันผลิตสัตวแพทยศาสตรบัณฑิตที่ตั้งขึ้นใหม่ และ/หรือยังไม่ได้รับการรับรอง ต้องยื่นเรื่องต่อสัตวแพทยสภาเพื่อ ขอให้สัตวแพทยสภารับรองปริญญา ซึ่งประกอบด้วย ๒ ขั้นตอน ดังกล่าวไปแล้วข้างต้น คือ ๑. เสนอหลักสูตรที่ผ่านสภาสถาบันมา แล้ว ต่อสัตวแพทยสภา เพื่อการพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อน การเปิดรับนิสิต/นักศึกษา และ ๒. ให้สัตวแพทยสภาเข้าตรวจ ประเมินเพื่อการรับรองสถาบัน หลังจากที่หลักสูตรผ่านความเห็น ชอบแล้วจากสัตวแพทยสภาแล้วและเริ่มรับนิสิต/นักศึกษา ทั้งสอง ขั้นตอนดังกล่าวดำ เนินการโดยคณะทำ งานตรวจประเมินเพื่อการ รับรองสถาบันฯ ตามประกาศสัตวแพทยสภาที่ ๗/๒๕๕๒ เรื่อง “เกณฑ์มาตรฐานสถาบันผลิตสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต” การรับรองปริญญา สัตวแพทยศาสตรบัณฑิตโดยสัตวแพทยสภา ตรวจประเมินอย่างไร? โดย ผศ.น.สพ.ดร.ทนงศักดิ์ มะมม
7 ขั้นตอนที่ ๑คณะทำ งานฯ จะประชุมเพื่อพิจารณาหลัก สูตรให้เป็นไปตามเกณฑ์ดังกล่าว รวมถึงให้ความเห็นเพื่อการปรับ ปรุง/พัฒนาหลักสูตรด้วย ในการนี้สถาบันต้องส่งเอกสารประมวล รายวิชาตลอดหลักสูตรมาให้ประกอบการพิจารณาด้วย หลักสูตร ที่ผ่านการพิจารณาแล้วจะถูกส่งกลับไปยังสถาบันเพื่อแก้ไข และส่งฉบับที่แก้ไขมายังคณะทำ งานฯ อีกครั้ง หากคณะทำ งานฯ ยังเห็นว่าไม่ถูกต้อง/เหมาะสม จะเสนอแนะเพิ่มเติมและส่งกลับ ไปยังสถาบันเพื่อแก้ไขและส่งฉบับที่แก้ไขมายังคณะทำ งานฯ อีกครั้งจนกว่าจะได้รับการเห็นชอบ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาค่อนข้างมาก หากต้องแก้ไขหลักสูตรหลายครั้ง เมื่อหลักสูตรผ่านการเห็นชอบ จากคณะทำ งานฯแล้วจะส่งให้คณะอนุกรรมการกำ กับมาตรฐาน วิชาชีพและคณะกรรมการบริหารสัตวแพทยสภารับรองตาม ลำ ดับขั้นต่อไป จึงแจ้งผลการตรวจประเมินให้การเห็นชอบหลัก สูตรอย่างเป็นทางการไปยังสถาบันนั้นๆ ขั้นตอนที่ ๒ คณะทำ งานและสถาบันร่วมกันกำ หนด การเยือนสถาบันเพื่อการตรวจประเมิน โดยสำ หรับสถาบันที่ตั้ง ใหม่สามารถแจ้งความจำ นงได้ว่าจะให้สัตวแพทยสภาตรวจ รับรองครั้งเดียว หรือ ตรวจรับรองเป็นรายปีภาคการศึกษาละ ๑ ครั้ง ขึ้นกับความพร้อมของสถาบันเอง ในการตรวจประเมิน สถาบันทุกครั้ง ทางสัตวแพทยสภาจะเชิญผู้แทนจากสำ นักงาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย กรณีที่สถาบันเลือกให้สัตวแพทยสภาตรวจประเมินครั้งเดียว สัตว แพทยสภาจะเข้าไปประเมินการจัดการเรียนการสอนและความ พร้อมของสถาบันด้านต่างๆในทุกรายวิชาตลอด ๖ ชั้นปี ตามที่ ระบุไว้ในหลักสูตรฉบับที่ผ่านการเห็นชอบจากสัตวแพทยสภา หากสถาบันเลือกการประเมินเป็นรายปีคณะทำ งานฯจะเข้าตรวจ เยี่ยมสถาบันเพื่อการประเมินเป็นระยะเวลา ๕ ปีโดยตรวจภาค การศึกษาละ ๑ ครั้ง ในการตรวจประเมินแต่ละภาคการศึกษา จะใช้หลักเกณฑ์ตามประกาศสัตวแพทยสภาที่ ๗/๒๕๕๒ โดย พิจารณาองค์ประกอบต่างๆโดยรวมและประเมินการจัดการเรียน การสอนรายวิชาในชั้นปีที่ ๑ ภาคการศึกษาที่๑ ก่อน การตรวจ ประเมินครั้งต่อไปจะพิจารณารายวิชาในภาคการศึกษาถัดไป นอกจากตรวจประเมินภาคการศึกษานั้นๆแล้ว ยังทำ การตรวจ ความพร้อมของการจัดการศึกษาในรายวิชาของปีการศึกษาถัด ไปด้วย เช่น ขณะเข้าตรวจประเมินชั้นปีที่ ๑ ภาคการศึกษาที่ ๑ ก็จะตรวจความพร้อมของการจัดการศึกษาในรายวิชาของปี ๒ พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง/เตรียมการด้วย ผลการ ประเมินจะสรุปเป็นรายปี โดยหากสถาบันไม่ผ่านการประเมิน ๒ ปีต่อเนื่องกัน สัตวแพทยสภาจะไม่รับรองสถาบันนั้น สถาบัน ต้องเสนอเรื่องเข้าสู่สัตวแพทยสภาเพื่อการขอรับรองปริญญา ใหม่ หากสถาบันไม่ผ่านในชั้นปีที่ ๑ และสามารถแก้ไขและผ่าน ในชั้นปีที่ ๒ ได้โดยที่แก้ไขข้อบกพร่องของชั้นปีที่ ๑ ได้ทุกข้อ จะ ถือได้ว่าสถาบันผ่านการประเมิน ๒ ปี หากสถาบันสามารถผ่าน การประเมินได้ครบ ๕ ปีสัตวแพทยสภาจะให้การรับรองปริญญา แก่สถาบันนั้นเป็นเวลา ๕ ปีระหว่างขั้นตอนการประเมินแต่ละครั้ง คณะทำ งานต้องสรุปผลให้ผู้บริหารสถาบันและผู้เกี่ยวข้องทราบ พร้อมรายงานสรุปเป็นลายลักษณ์อักษร และสถาบันสามารถโต้ แย้งได้ตามกรอบเวลาที่กำ หนด สำ หรับสถาบันที่อายุการรับรองปริญญาหมดลงต้องเข้าสู่ กระบวนการรับรองตั้งแต่ต้น ทุกสถาบัน เพื่อให้ทุกสถาบันอยู่ได้รับ การประเมินโดยเท่าเทียมกัน ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน ทำาไมต้องตรวจรับรองทุก ๕ ปี.... สัตวแพทยสภาในฐานะองค์กรวิชาชีพตามกฎหมาย มีหน้าที่ที่ต้องกำ กับดูแลให้ทุกสถาบันที่สัตวแพทยสภาให้การ รับรองปริญญา มีการดำ เนินการที่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานฯ ที่กำ หนด เพื่อศักดิ์ศรีของวิชาชีพทั้งในระดับชาติและระดับ นานาชาติการตรวจประเมินทุกรอบ ๕ ปีเป็นกลไกด้านประกัน คุณภาพอย่างหนึ่งที่ต้องดำ เนินการตราบเท่าที่สัตวแพทยสภายัง คงให้การรับรองปริญญาแก่สถาบันนั้น นับเป็นภาระที่หนักหน่วง ของสัตวแพทยสภามาก ทางสถาบันเองก็น่าจะมีความตั้งใจเช่น เดียวกับสัตวแพทยสภาที่จะให้สถาบันของตนมีมาตรฐานเป็นที่ ยอมรับ และสามารถผลิตบัณฑิตสู่วิชาชีพสัตวแพทย์ได้อย่างมี คุณภาพ ทางที่สถาบันจะทำ ได้คือ เตรียมความพร้อมและดำ เนิน การจัดการศึกษาให้ดีที่สุดและเป็นไปตามมาตรฐานที่กำ หนด ส่วนสัตวแพทยสภาเองก็ต้องดำ เนิการตามกระบวนการ ขั้นตอน ต่างๆอย่างโปร่งใส เป็นธรรม หากทุกฝ่ายเข้าใจบริบทของกัน และกันแล้วจะทำ ให้สามารถดำ เนินการในทุกสิ่งได้อย่างราบรื่น เพื่อให้มาตรฐานของสถาบันผลิตสัตวแพทยศาสตรบัณฑิตใน ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวได้ตลอดไป “ One standard for veterinary education in Thailand ” --^_^--
8 เป็นหน่วยงานหนึ่งในสัตวแพทยสภา มีหน้าที่ตามประกาศ สัตวแพทยสภา ที่ ๑๐/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๒ ในการประเมินและรับรองความรู้ความสามารถของบัณฑิต สัตวแพทย์ที่เข้ารับการศึกษาในสถาบันที่ได้รับการรับรองโดย สัตวแพทยสภาตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๓ และมีความประสงค์ จะขึ้นทะเบียนและขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการ สัตวแพทย์ พูดง่ายๆก็คือ..นิสิต/นักศึกษาสัตวแพทย์ที่เข้าศึกษา ในสถาบันที่ได้รับการรับรองจากสัตวแพทยสภา(ปัจจุบันมี ๖แห่ง คือ เกษตร, จุฬาฯ, ขอนแก่น, เชียงใหม่, มหิดล และ เทคโนโลยี มหานคร) นับจากรุ่นสอบเข้าในปีพ.ศ. ๒๕๕๓ เมื่อรำ ่เรียนจน จบกระบวนวิชาของปีห้าแล้ว หากมีเป้าหมายว่าเมื่อเรียนจบแล้ว อยากทำ มาหาเลี้ยงชีพตรงกับสาขาวิชาที่เรียนมาด้วยการเป็น หมอรักษาสัตว์ อยากเปิดคลินิก ก็ต้องมีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบ วิชาชีพการสัตวแพทย์ คนที่เข้าเรียนก่อนปีพ.ศ.๒๕๕๓ ไม่มี ปัญหา เมื่อจบ สพ.บ.แล้ว สามารถยื่นเรื่องขอรับใบอนุญาตฯ ได้ เลย แต่สำ หรับผู้ที่เข้าเรียนตั้งแต่ปี๒๕๕๓ เป็นต้นมา กฎหมาย ระบุว่าต้องผ่านการสอบประเมินความรู้ความสามารถขั้นพื้นฐาน ของการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ก่อน เมื่อผ่านแล้วจึงจะ สามารถขึ้นทะเบียนและขอรับใบอนุญาตได้ ทำไมต้องให้ยุ่งยากปานนั้น.....คำ ตอบมีคำ เดียว คือ มาตรฐาน เราซึ่งเป็นผู้รำ ่เรียนมา ใช้เวลาอย่างน้อย ๖ ปี ถูก อาจารย์เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำ กรำ ไป คงไม่อยากให้ใครก็ไม่รู้ เรียน จบอะไรก็ไม่รู้เข้ามาแฝงตัวอยู่ในวงการวิชาชีพของเรา มาเปิด คลินิกหรือให้การรักษาสัตว์แบบไม่ถูกต้องตามหลักวิชา ให้ชาว ประชาดูถูก รำ ่ลือไปทั่วว่าวิชาชีพของเราไม่มีมาตรฐาน.. เอาละ..แล้วจะสอบอะไร...ยังไง..การสอบประเมินฯ อย่างเป็นทางการครั้งแรก สำ หรับนิสิต/นักศึกษาแรกเข้าปี๒๕๕๓ กำ หนดจัดประมาณต้นปีพ.ศ. ๒๕๕๘ หลังจากที่นิสิต/นักศึกษา สอบผ่านรายวิชาของการเรียน๕ปีแรกแล้ว ซึ่งก็...ยังมีเวลาเตรียม ตัวอีกสองปีข่าวว่าจะมีการสอบประมาณธันวาคม ๒๕๕๕ กับ เมษายน ๒๕๕๖ จริงรึเปล่า..... จริง เพื่อเป็นการทดสอบระบบ และเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการ รวมทั้งกระตุ้นให้ นิสิต/นักศึกษาตระหนักและมีความพร้อม ศูนย์ประเมินฯจึงขอ ความร่วมมือนิสิต/นักศึกษาแรกเข้าปี๒๕๕๑ และ ๒๕๕๒ จาก คณะทั้ง ๖ ให้เข้ารับการทดสอบประเมินฯในปี ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ตามลำ ดับ โดยคะแนนที่นิสิต/นักศึกษาสอบได้นี้จะไม่มี ผลต่อการขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกสัตวแพทยสภาและการขอรับ ใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ศูนย์ประเมินความรู้ ความสามารถขั้นพื้นฐานของ การประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ โดย รศ.สพ.ญ.ดร.วรา พานิฃเกรียงไกร
9 สำ หรับการสอบประจำ ปี ๒๕๕๖ สำ หรับนิสิต/นักศึกษาแรกเข้าปี ๒๕๕๑ ประกอบด้วยการสอบข้อสอบ จิตวิทยาและเกณฑ์มาตรฐานหมวดที่ ๑ ข้อ ๓,๔ และ ๕ ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ และสอบเกณฑ์มาตรฐาน หมวดที่ ๒ และ ๓ ในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๖ ศูนย์ประเมินฯ..พยายามปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย ตามขอบข่าย อำนาจที่สัตวแพทยสภากำหนดเพื่อให้การประกอบวิชาชีพของสัตวแพทย์มีมาตรฐาน เดียวกันไม่ว่าจะสำเร็จการศึกษาสัตวแพทยศาสตร์จากสถาบันใด เพื่อประโยชน์ใน การขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์และเพื่อจรรโลงวิชาชีพ สัตวแพทย์ให้เป็นที่ยอมรับของสังคม รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยรวม --^_^-- แล้ว...เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพการ สัตวแพทย์ คืออะไรมาได้ยังไง..... เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพฯ เป็นข้อสรุปที่ยึดแนวทางมา จากการสัมมนาสัตวแพทยศาสตร์ศึกษา ครั้งที่ ๓ เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบด้วย ๓ หมวด ๓๙ ข้อ หมวดที่ ๑ ความสามารถ ทั่วไปเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์และเอกลักษณ์ ประจำ ตัว มี๑๒ หัวข้อ ตั้งแต่ข้อ ๑ ถึงข้อ ๑๒, หมวดที่ ๒ ความ รู้ความเข้าใจในวิชาการด้านสัตวแพทย์มี๑๐ หัวข้อ ตั้งแต่ข้อ ๑๓ ถึงข้อ ๒๒, และ หมวดที่ ๓ ความสามารถในการปฏิบัติมี ๑๗ หัวข้อ ตั้งแต่ข้อ ๒๓ จนถึงข้อ ๓๙ (สามารถดาวน์โหลดคู่มือ ประกอบเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพฯ ได้ที่ www.dld.go.th/vetcouncil/cvca) การสอบได้สอบตกตัดสินยังไง..... สำ หรับหมวดที่ ๑ แต่ละสถาบันจะทำ การประเมินนิสิต/ นักศึกษา เอง การประเมินประกอบด้วย - การสอบผ่านรายวิชาที่คณะฯกำ หนดและเป็นข้อตกลงระหว่าง แต่ละคณะฯกับศูนย์ประเมินฯ - การทำ ข้อสอบที่ออกโดยศูนย์ประเมินฯและข้อสอบทางจิตวิทยา - เมื่อนิสิต/นักศึกษาผ่านการประเมินในหมวดที่ ๑ ด้วยคะแนน ไม่ต่ำ กว่า ๘๐% แล้ว จึงมีสิทธิ์เข้ารับการสอบประเมินในหมวดที่ ๒ และ หมวดที่ ๓ นิสิต/นักศึกษาสามารถเลือกสนามสอบได้๓ แห่ง คือ ส่วนกลางที่ คณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาฯ (สำ หรับ ปี๒๕๕๖) และส่วนภูมิภาคที่ขอนแก่น และ เชียงใหม่ การสอบแบ่งเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย ในเบื้องต้นนี้กำ หนด ให้มีข้อสอบหมวดละ ๑๕๐ ข้อ คิดเกณฑ์ผ่านการประเมินที่หมวด ละ ๕๐ % โดยยึดหลักว่า สัตวแพทย์ทุกคนควรมีความรู้ขั้นพื้นฐาน ของการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์และ เมื่อสอบผ่านการประ เมินฯแล้ว เป็นที่เชื่อได้ว่าจะสามารถออกไปเป็นบัณฑิตสัตวแพทย์ ที่ ทำ งานรับใช้สังคมได้เท่าเทียมกัน หากบางคนต้องการความรู้เชี่ยวชาญ ด้านใดด้านหนึ่งก็สามารถทำ การศึกษาหรือหาประสบการณ์ต่อยอด ได้ในภายหลัง
10 นับตั้งแต่สัตวแพทยสภาได้ออกประกาศคณะกรรมการสัตว แพทยสภาที่ ๙/๒๕๔๗ ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๔๗ เรื่อง การจัดตั้งศูนย์การศึกษาต่อนื่องทางสัตวแพทย์ (ศ.ศ.สพ.) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบการศึกษาต่อเนื่องทาง สัตวแพทย์ให้กับผู้ปร ะกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ได้มี การเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการสัตวแพทย์และศาสตร์อื่นที่ เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องนั้น ศ.ศ.สพ. ได้มีการแบ่งกลุ่มประเภท กิจกรรมและจำนวนหน่วยกิตของกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องทาง สัตวแพทย์ ออกเป็น ๔ กลุ่มหลัก ดังนี้ กลุ่มที่ ๑ เป็นกิจกรรมที่เผยแพร่องค์ความรู้ใหม่ หรือองค์ ความรู้เดิมที่ได้ถูกทบทวนให้ทันสมัย และเป็นมาตรฐาน ที่ยอมรับ ในวงการวิชาชีพ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถทางวิชาชีพ หรือวิชาการ ประกอบด้วย - การประชุมวิชาการทางสัตวแพทย์ระดับชาติ ผู้ร่วมประชุม จะได้รับ ๑ หน่วยกิต/ชม. (ไม่เกิน ๕ หน่วยกิต/วัน) - การประชุมวิชาการทางสัตวแพทย์ระดับนานาชาติ ผู้ร่วมประชุมจะได้รับ ๑.๕ หน่วยกิต/ชม. (ไม่เกิน ๖ หน่วยกิต/วัน) - การบรรยายพิเศษ/ ภายในประเทศ ผู้ฟังบรรยายจะได้รับ ๑ หน่วยกิต/ชม. - การบรรยายพิเศษ/การบรรยายชุดพิเศษ ในต่างประเทศ ผู้ฟังบรรยายจะได้รับ ๑.๕ หน่วยกิต/ชม. - การสัมมนาวิชาการ/การประชุมเชิงปฏิบัติการ/การฝึกอบรม /การอภิปรายหมู่ ผู้ฟังบรรยายจะได้รับ ๐.๕ หน่วยกิต/ชม. กลุ่มที่ ๒ เป็นกิจกรรมกลุ่มที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพ ความสามารถทางวิชาชีพหรือวิชาการ ประกอบด้วย - กิจกรรมสโมสรวารสาร/การประชุมวิชาการภายในหน่วยงาน/ การประชุมวิชาการระหว่างหน่วยงาน ผู้ฟังบรรยายจะได้รับ ๐.๕ หน่วยกิต/ชม. ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางสัตวแพทย์ โดย สพ.ญ.ฉัฐมา นันทนากรณ์ กลุ่มที่ ๓ เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ และพัฒนาความรู้ด้วย ตนเอง แบ่งออกเป็น ๔ กลุ่มย่อยได้แก่ ๓.๑) เป็นกิจกรรมการถ่ายทอดความรู้ การตีพิมพ์ผลงานวิจัย บทความ และกรณีศึกษา ประกอบด้วย - ตีพิมพ์บทความในวารสารวิชาการภายในประเทศ ชื่อแรก/ ชื่อหลัก ๕ หน่วยกิต/เรื่อง ชื่อรอง ๒.๕ หน่วยกิต/เรื่อง - ตีพิมพ์บทความในวารสารวิชาการต่างประเทศ ชื่อแรก/ ชื่อหลัก ๑๐ หน่วยกิต/เรื่อง ชื่อรอง ๕ หน่วยกิต/เรื่อง - ตีพิมพ์บทความในสิ่งตีพิมพ์อื่นๆชื่อแรก/ชื่อหลัก ๓ หน่วยกิต/เรื่อง ชื่อรอง ๑.๕ หน่วยกิต/เรื่อง ๓.๒) เป็นกิจกรรมการประเมิน ประกอบด้วย - ผู้ประเมินบทความ ผลงานวิจัย และโครงการวิจัย ผู้ประเมิน (ภาษาไทย)จะได้รับ ๓ หน่วยกิต/เรื่อง ผู้ประเมิน (ภาษาอังกฤษ)จะได้รับ ๖ หน่วยกิต/เรื่อง - ผู้ประเมินตำ แหน่งวิชาการจะได้รับ ๕ หน่วยกิต/ราย ๓.๓) เป็นกิจกรรมการผลิตสื่อวิชาการ ได้แก่ การผลิตตำ รา วิดีทัศน์การเรียนรู้ด้วยตนเองทางคอมพิวเตอร์ วารสารวิชาการ การผลิตสื่อวิชาการ และข้อสอบสำ หรับสัตวแพทยสภาและการ ศึกษาต่อเนื่องทางสัตวแพทย์ฯลฯ - ผู้ผลิตหลัก ๑๐ หน่วยกิต/ผลงาน ผู้ร่วมในการผลิต ๕ หน่วยกิต/ผลงาน - ตำ ราจำ นวนต่ำ กว่า ๑๐๐ หน้าได้รับ ๒๐ หน่วยกิต จำ นวน ๑๐๐-๒๐๐ หน้าได้รับ ๔๐ หน่วยกิต จำ นวน ๒๐๑-๓๐๐ หน้าได้รับ ๖๐ หน่วยกิต จำ นวน ๓๐๑-๔๐๐ หน้าได้รับ ๘๐ หน่วยกิต จำ นวน ๔๐๑ หน้าขึ้นไปได้รับ ๑๐๐ หน่วยกิต - ผู้ผลิตข้อสอบสำ หรับศ.ศ.สพ. ได้แก่ชุดคำ ถาม-คำ ตอบ (เนื้อเรื่องสั้น)๑๐หน่วยกิต/เรื่องชุดคำ ถาม-คำ ตอบ (เนื้อเรื่องยาว /วิดีทัศน์) ๓๐ หน่วยกิต/เรื่อง - ผู้ผลิตข้อสอบสำ หรับศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ ขั้นพื้นฐานของการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ๑ หน่วยกิต/ข้อ
๓.๔) เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านจากสื่อ หรือการตอบคำ ถาม ประกอบด้วย - การตอบคำ ถามจากบทความในวารสารหรือสื่ออื่นที่ศูนย์การศึกษา ต่อเนื่องทางสัตวแพทย์รับรอง ผู้ตั้งคำ ถาม ๕ หน่วยกิต/ผลงาน ผู้ตอบ ๑ หน่วยกิต/ผลงาน - การเรียนรู้ทางอินเตอร์เน็ตที่ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางสัตวแพทย์ รับรอง/การเรียนรู้จาก e-learning ของสัตวแพทยสภา ผู้เรียนรู้ (เนื้อเรื่องยาว/วิดีทัศน์) ๓ หน่วยกิต/บทเรียน ผู้เรียนรู้ (เนื้อเรื่องสั้น) ๑ หน่วยกิต/บทเรียน ๓.๕) การศึกษาต่อในสายงานวิชาชีพการสัตวแพทย์หรือศาสตร์ที่ เกี่ยวข้อง ผู้ศึกษา ๑๕ หน่วยกิต/เทอม ๓.๖) เป็นกิจกรรมการพัฒนาองค์ความรู้จากประสบการณ์/การ บริหารงานด้านวิชาชีพการสัตวแพทย์ระดับชาติกิจกรรมละ ๕ หน่วยกิต ระดับนานาชาติกิจกรรมละ ๑๐ หน่วยกิต (ไม่เกิน ๒๐ หน่วยกิต/ปี) ๓.๗) เป็นกิจกรรมพัฒนาองค์ความรู้วิชาชีพการสัตวแพทย์และเผย แพร่สู่สาธารณะ ระดับชาติชั่วโมงละ ๑ หน่วยกิต (ไม่เกิน ๕ หน่วยกิต/ วัน) ระดับนานาชาติชั่วโมงละ ๒ หน่วยกิต (ไม่เกิน ๑๐ หน่วยกิต/วัน) (ไม่เกิน ๒๐ หน่วยกิต/ปี) ๓.๘) เป็นกิจกรรมด้านวิชาชีพการสัตวแพทย์สำ หรับสัตวแพทย์ อาวุโส (อายุ๕๕ ปีขึ้นไป) - บทความที่เป็นประสบการณ์ทำ งานที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพการ สัตวแพทย์ถือว่าเป็นเกณฑ์ปกติได้รับ ๕๐ หน่วยกิต - บทความปกติที่มีหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนก่อให้เกิดแนวคิด ใหม่ ทางด้านวิชาชีพการสัตวแพทย์๑๐๐ หน่วยกิต (ขอรับรอง หน่วยกิตไม่เกินปีละ ๒ ครั้ง) กลุ่มที่ ๔เป็นกิจกรรมที่ไม่สามารถจัดเข้ากลุ่มกิจกรรมที่ ๑ หรือ กลุ่มที่ ๒ หรือ กลุ่มที่ ๓ ได้จัดเป็นกลุ่มกิจกรรมอื่นๆ ที่นอก เหนือจากที่ประกาศโดยบุคคล หรือกลุ่มบุคคล หรือสถาบันได้ยื่นขอการ รับรองจากศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทาง สัตวแพทย์และได้รับการ รับรอง โดย..ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ที่เป็นสมาชิก ของสัตวแพทยสภา จะต้องสะสมหน่วยกิตให้ครบ ๑๐๐ หน่วยกิต ขึ้นไป จึงจะสามารถต่อใบอนุญาตฯ ได้ สำ หรับผู้ที่ใบอนุญาติหมด อายุ ต้องทำ ใบอนุญาติใหม่เท่านั้น หากสมาชิกฯ.. ท่านใดมีข้อสงสัยในการเก็บสะสมหน่วยกิต สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศ.ศ.สพ.โทร ๐-๒๒๕๐-๐๓๙๕-๘ ต่อ ๑๓,๑๗ email : [email protected] ,[email protected] --^_^--
12 ผลการดำเนินงาน คณะอนุกรรมการก่อตั้งวิทยาลัย ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ชำนาญการแห่งประเทศไทย ----------------------------------- รายนามคณะอนุกรรมการก่อตั้งวิทยาลัยผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ เฉพาะทางแห่งประเทศไทย (วาระพ.ศ.๒๕๕๑-๒๕๕๔) ๑. รศ.นายสัตวแพทย์ดร.สงคราม เหลืองทองคำ ประธานคณะอนุกรรมการ ๒. ศ.กิตติคุณ สัตวแพทย์หญิงปราณี ตันติวนิช อนุกรรมการ ๓. ศ.สัตวแพทย์หญิง ดร.วันเพ็ญ ชัยคำ ภา อนุกรรมการ ๔. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.เชิดชัย รัตนเศรษฐากุล อนุกรรมการ ๕. ศ.กิตติคุณ นายสัตวแพทย์ดร.ณรงค์ศักดิ์ ชัยบุตร อนุกรรมการ ๖. ศ.เกียรติคุณ นายสัตวแพทย์ดร.ศุภกิจ อังศุภากร อนุกรรมการ ๗. ศ.นายสัตวแพทย์วิทยา ธรรมวิทย์ อนุกรรมการ ๘. ศ.นายสัตวแพทย์อติชาต พรหมาสา อนุกรรมการ ๙. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.นิวัตน์ มณีกาญจน์ อนุกรรมการ ๑๐. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.อรรณพ คุณาวงษ์กฤต อนุกรรมการ ๑๑. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.ชัยวัฒน์ ต่อสกุลแก้ว อนุกรรมการ ๑๒. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.มาริษศักร์ กัลล์ประวิทธ์ อนุกรรมการและเลขานุการ รายนามคณะอนุกรรมการก่อตั้งวิทยาลัยผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ชำนาญการแห่งประเทศไทย (วาระพ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๘) ๑. รศ.นายสัตวแพทย์ดร.สงคราม เหลืองทองคำ ประธานคณะอนุกรรมการ ๒. ศ.กิตติคุณ สัตวแพทย์หญิงปราณี ตันติวนิช อนุกรรมการ ๓. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.เชิดชัย รัตนเศรษฐากุล อนุกรรมการ ๔. ศ.กิตติคุณ นายสัตวแพทย์ดร.ณรงค์ศักดิ์ ชัยบุตร อนุกรรมการ ๕. ศ.เกียรติคุณ นายสัตวแพทย์ดร.ศุภกิจ อังศุภากร อนุกรรมการ ๖. ศ.นายสัตวแพทย์อติชาต พรหมาสา อนุกรรมการ ๗. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.นิวัตน์ มณีกาญจน์ อนุกรรมการ ๘. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.อรรณพ คุณาวงษ์กฤต อนุกรรมการ ๙. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.อภินันท์ สุประเสริฐ อนุกรรมการ ๑๐. ศ.นายสัตวแพทย์ดร.มาริษศักร์ กัลล์ประวิทธ์ อนุกรรมการและเลขานุการ สัตวแพทยสภาได้มีการจัดตั้งวิทยาลัยผู้ประกอบการวิชาชีพการสัตวแพทย์เฉพาะทางแห่งประเทศไทยขึ้น เพื่อ จัดการฝึกอบรม เสริมสร้างทักษะทางวิชาชีพมีความรู้ความชำนาญเฉพาะทางซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร และผู้เลี้ยง การพัฒนาต่อยอดการศึกษาในระดับหลังปริญญา การรับรองหลักสูตร รับรองสถาบันที่จะให้ผึกอบรม รวมถึงเป็น ผู้นำที่ทำหน้าที่ในการสอบวัดความรู้ความสามารถ เพื่อมอบใบวุฒิบัตรประกอบวิชาชีพให้กับผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม โดย ศ.น.สพ.ดร.มาริษศักร์ กัลล์ประวิทย์ วิทยาลัยผู้ประกอบวิชาชีพ การสัตวแพทย์ชำนาญการแห่งประเทศไทย
13 หน้าที่ของคณะอนุกรรมการก่อตั้งวิทยาลัย ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ชำนาญการแห่ง ประเทศไทย ๑.ร่างระเบียบการบริหารจัดการการดำ เนินการของ วิทยาลัย ๒.พิจารณาเปิดและปิดสาขาชำ นาญการที่จะดำ เนิน การออกอนุมัติบัตรและวุฒิบัตร ๓. กำ หนดคุณสมบัติของผู้สมัครสอบเพื่อขออนุมัติ บัตรและวุฒิบัตร ๔.กำ หนดคุณสมบัติของกรรมการในคณะกรรมการ สอบผู้ขออนุมัติบัตรและวุฒิบัตร ๕.กำ หนดเกณฑ์ของหลักสูตรสัตวแพทย์ประจำ บ้าน ๖.กำ หนดคุณสมบัติของกรรมการในคณะกรรมการฝึก อบรมสัตวแพทย์ประจำ บ้าน ๗.กำ หนดเกณฑ์ของการเป็นสถาบันฝึกอบรมหลักสูตร สัตวแพทย์ประจำ บ้าน ๘.เสนอชื่อสถาบันต่อสัตวแพทยสภาเพื่ออนุมัติหรือเลิกให้ เป็นสถาบันฝึกอบรมหลักสูตรสัตวแพทย์ประจำ บ้าน ๙.ร่างระเบียบการสอบและการสมัครสอบเพื่อขออนุมัติ บัตรและวุฒิบัตร ๑๐.เสนอชื่อผู้สอบผ่านการแสดงความรู้ความชำ นาญ สาขาต่างๆ ต่อสัตวแพทยสภาเพื่อให้การรับรองและออกหนังสือ อนุมัติบัตรและวุฒิบัตร งานที่ดำเนินการเสร็จแล้ว ๑. ยกร่างข้อบังคับสัตวแพทยสภาว่าด้วย หลักเกณฑ์การ ออกอนุมัติบัตรและวุฒิบัตร เพื่อแสดงความรู้ความชำ นาญในการ ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์สาขาต่างๆ พ.ศ.๒๕๕๖ ๒. ยกร่างประกาศสัตวแพทยสภา ที่..../๒๕๕๖ เรื่อง เกณฑ์หลักสูตรการฝึกอบรมผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ประจำ บ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำ นาญในการประกอบ วิชาชีพการสัตวแพทย์สาขาต่างๆ ๓. ยกร่าง (แบบฟอร์ม) หลักสูตรการฝึกอบรมผู้ประกอบ วิชาชีพการสัตวแพทย์ประจำ บ้านระดับวุฒิบัตรสาขา................. (ResidencyTraining in Veterinary……………………..) งานที่กำลังดำเนินการขั้นสุดท้าย ๔. ยกร่างข้อบังคับสัตวแพทยสภาว่าด้วย การจัดตั้ง การ ดำ เนินการและการเลิกสถาบันที่ทำ การฝึกอบรมหลักสูตรการฝึก อบรมผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ประจำ บ้านเพื่อวุฒิบัตร แสดงความรู้ความชำ นาญในสาขาต่างๆของวิชาชีพการสัตวแพทย์ งานที่จะดำเนินการต่อไป ๕. ยกร่างข้อบังคับสัตวแพทยสภาว่าด้วย วิทยาลัยผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ชำ นาญ การแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ๖. สรรหาผู้ทรงคุณวุฒิคณะอนุกรรมการ ฝึกอบรมและสอบผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ประจำ บ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำ นาญ ในสาขาต่างๆของวิชาชีพการสัตวแพทย์ ๗. สรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ คณะอนุกรรม การสอบผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์เพื่อ วุฒิบัตรและอนุมัติบัตรแสดงความรู้ความชำ นาญ ในสาขาต่างๆของวิชาชีพการสัตวแพทย์ --^_^--
14 เราสัตวแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพการบำบัดโรคสัตว์ ภาย ใต้การควบคุมดูแลของสัตวแพทยสภา จำเป็นที่จะต้องปฎิบัติตาม กฎและระเบียบของสัตวแพทยสภา กฎ ระเบียบต่างๆ ภายใต้ กฎหมาย พระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ ออกมาควบคุมการประกอบวิชาชีพของพวกเราก็ออกมาตาม พระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. ๒๕๔๕ นั่นเอง มิได้ กำหนดออกมาตามใจชอบของสัตวแพทยสภาแต่อย่างใด กฎหมายที่ควบคุมการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ที่สำคัญๆ ได้แก่ - ข้อบังคับสัตวแพทยสภาว่าด้วยข้อจำ กัดและเงื่อนไขการ ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกาศเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ - ข้อบังคับสัตวแพทยสภาว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการ สัตวแพทย์พ.ศ. ๒๕๔๖ ประกาศเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๔๖ - ข้อบังคับสัตวแพทยสภาว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการ สัตวแพทย์(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ ประกาศเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๔๙ - ประกาศสัตวแพทยสภาที่ ๑๒/๒๕๕๑ เรื่อง การใช้คำ ข้อความ และพฤติกรรมในการโฆษณาการประกอบวิชาชีพการ สัตวแพทย์ ประกาศเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ - ประกาศสัตวแพทยสภาที่ ๑๙/๒๕๕๑ เรื่อง แนวปฏิบัติ และเกณฑ์มาตรฐานการระงับความรู้สึกและการวางยาสลบสัตว์ ประกาศเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ - ประกาศสัตวแพทยสภาที่ ๒/๒๕๕๔ เรื่อง แนวปฏิบัติและ เกณฑ์มาตรฐานในการทำ หมัน และผ่าตัดนำ ลูกออกทางหน้าท้อง ในสัตว์ ประกาศเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์พ.ศ. ๒๕๕๔ ทำอย่างไร? จึงจะไม่ถูกร้องเรียน (จากหนังสือรวมกฎ ระเบียบ ข้อบังคับฯของสัตวแพทยสภา ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๔ สำ นักงานสัตวแพทยสภา) ในการพิจารณาเมื่อมีการร้องเรียน กล่าวหา หรือกล่าวโทษ สัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำ บัดโรคสัตว์ โดยเจ้าของสัตว์มายัง สัตวแพทยสภา สัตวแพทยสภาจะส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวมายัง คณะอนุกรรมการจรรยาบรรณเพื่อพิจารณา โดยคณะอนุกรรมการ จรรยาบรรณ จะเชิญผู้ร้องเรียนและผู้ถูกร้องเรียนมาให้ถ้อยคำ พร้อมหลักฐานต่างๆ คณะอนุกรรมการจรรยาบรรณจะพิจารณาข้อ ร้องเรียนโดยยึดกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับของสัตวแพทย สภาเป็นหลัก เมื่อพิจารณาเสร็จแล้วคณะอนุกรรมการจรรยาบรรณ จะต้องชี้ว่าเรื่องที่ถูกร้องเรียนนั้นๆ “มีมูล” หรือ “ไม่มีมูล” เท่านั้น แล้วส่งเรื่องกลับไปยังสัตวแพทยสภาพิจารณาอีกครั้ง สัตวแพทยสภาจะพิจารณาตามที่คณะ อนุกรรมการจรรยาบรรณเสนอ ถ้าไม่ มีมูลก็อาจจะยุติเรื่องร้องเรียนได้ แต่ถ้าสัตวแพทยสภาพิจารณา แล้วเห็นว่ามีมูลก็จะส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปให้คณะอนุกรรมการ สืบสวนสอบสวนต่อไป เพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบการบำ บัดโรคสัตว์ถูกผู้รับบริการร้อง เรียน กล่าวหาหรือกล่าวโทษ ผู้ประกอบการบำ บัดโรคสัตว์ควรจะ ต้องศึกษากฎ ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ของสัตวแพทยสภา อย่างถ่องแท้ และจะต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ และข้อบังคับ นั้น ๆ ด้วย นอกจากนั้นควรจะต้อง ศึกษาและปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐานต่างๆของสัตวแพทยสภา หรือ CPG ที่สัตวแพทยสภาให้ไว้ด้วย โดย ศาสตราจารย์กิตติคุณ สพ.ญ.ปราณี ตันติวนิช --^_^--
15 เราอาจนึกไม่ถึงเกี่ยวกับการบอกเล่าความสามารถ ของตัวเราว่า เราเป็นคนเก่ง มีความสามารถทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ได้ดี หรือมีผู้ประสงค์ดี มีความชื่นชม ช่วยบอก ต่อความเก่งของเรา ถ้าเป็นความสามารถทั่วไปก็คงไม่ เป็นประเด็น แต่หากเกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบวิชา ชีพการสัตวแพทย์ จะเป็นประเด็นของการโฆษณาและ ประเด็นของการผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการ สัตวแพทย์ ลองดูกรณีต่อไปนี้ กรณีที่ ๑ บทความปรากฏลงพิมพ์ในนิตยสารสัตว์เลี้ยง แสนรัก เขียนโดยคุณดาว ดวงเด่น กล่าวถึงการดูแลรักษาสัตว์ เลี้ยง มีรูปของนายสัตวแพทย์เก่ง ฝีมือดี ประกอบข้อความระบุว่า เป็นสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง เนื้องอก และ เป็นผู้ชำ นาญงานวินิจฉัยโรคด้วยวิธี อัลตราซาวด์ ขอเชิญเจ้าของ สัตว์ใช้บริการได้ กรณีนี้ถือว่าเป็นการโฆษณาหรือไม่ เมื่อพิจารณา จากข้อบังคับสัตวแพทยสภาว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการ สัตวแพทย์พ.ศ.๒๕๔๖ ที่ให้นิยามหรือความหมายของการโฆษณา พบว่าข้อความดังกล่าวเป็นการโฆษณา เพราะเป็นการเผยแพร่ ประกาศ โดยเป็นหนังสือปรากฏแก่สาธารณชนทางสื่อนิตยสาร สิ่งพิมพ์ พิจารณาต่อไปว่าเจ้าตัวยินยอมให้มีการโฆษณาหรือไม่ หากเจ้าตัวไม่ยินยอม ก็ต้องหาเหตุผล และหลักฐานที่ชัดเจนมา แย้งให้ได้ว่าไม่ทราบจริงๆ แต่หากนำ ้หนักของกรณีนี้ส่อว่าได้รับรู้ การกระทำ ดังกล่าวด้วย (คนรู้จริง สามารถจริง มักไม่โอ้อวด) นาย สัตวแพทย์เก่ง ฝีมือดีน่าจะประพฤติผิดข้อบังคับว่าด้วยจรรยา บรรณแห่งวิชาชีพการสัตวแพทย์พ.ศ.๒๕๔๖ หมวด ๔ ข้อ๑๘ “ ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ต้องไม่โฆษณา ใช้ จ้าง หรือ ยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ความ รู้ความชำ นาญในการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ของตน ” กรณีที่ ๒ “ สัตวแพทย์หญิงสุดสวย แจ่มใส ให้สัมภาษณ์ ทางวิชาการและประสบการณ์รักษาสัตว์แก่สื่อหนังสือพิมพ์ฉบับ หนึ่ง มีภาพการปฏิบัติงานพร้อมทั้งระบุชื่อ สถานที่ประกอบการ ที่ อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ของสถานที่ประกอบการ มีข้อความโฆษณา ความรู้ความสามารถของ สัตวแพทย์หญิงสุดสวย แจ่มใส” บทสัมภาษณ์ดังกล่าวมีความชัดเจนที่จะวิเคราะห์ได้ ว่า สัตวแพทย์หญิงสุดสวย แจ่มใส น่าจะประพฤติผิดข้อบังคับ สัตวแพทยสภาว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ.๒๕๔๖ หมวด ๔ ข้อ ๒๓ “ผู้ประกอบวิชาชีพการ สัตวแพทย์ผู้กระทำ การเผยแพร่ให้ข้อมูลทางวิชาการหรือตอบ ปัญหาทางวิชาชีพการสัตวแพทย์ทางสื่อมวลชน ถ้ามีการแสดง ว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการ สัตวแพทย์จะต้องไม่แจ้งสถาน ที่ทำ การประกอบวิชาชีพส่วนตนหรือส่วนบุคคล และต้องไม่มีการ แจ้งข้อความตามข้อ ๒๒** ในที่เดียวกันหรือขณะเดียวกันไปใน ทำ นองโฆษณา ” ประเด็นของ การผิดจรรยาบรรณแห่ง วิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการ โฆษณา และเป็นเรื่องร้อง เรียนต่อสัตวแพทยสภามี อยู่จำ นวนหนึ่งที่เราอาจ นึกไม่ถึง ถ้าเราฉุกคิดสัก นิด ก็คงไม่เป็นประเด็น ของการกระทำ ผิดจรรยา บรรณวิชาชีพ ข้อบังคับสัตวแพทยสภาว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ การสัตวแพทย์ พ.ศ.๒๕๔๖ ** ข้อ ๒๑ ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์อาจแสดงข้อความเกี่ยวกับการ ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ของตนที่สำนักงานได้เพียงข้อความเฉพาะเรื่องต่อไปนี้คือ ๑. ชื่อ นามสกุล และอาจมีคำประกอบชื่อได้เพียงคำว่า นายสัตวแพทย์ หรือ สัตวแพทย์หญิง สัตวแพทย์ อภิไธย ตำแหน่งทางวิชาการ ฐานันดรศักดิ์ ยศ และ บรรดาศักดิ์ เท่านั้น ๒. ชื่อปริญญา ประกาศนียบัตร วุฒิบัตรหรืออนุมัติบัตร หรือคุณวุฒิอย่าง อื่น ซึ่งตนได้รับมาโดยวิธีการถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของสัตวแพทยสภาหรือสถาบันนั้นๆ ที่สัตวแพทยสภารับรอง ๓. เวลาทำการ ข้อ ๒๒ ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์อาจแจ้งความการประกอบวิชาชีพการ สัตวแพทย์ของตนได้เฉพาะการแสดงที่อยู่ ที่ตั้งสำนักงาน หมายเลขโทรศัพท์ และหรือ ข้อความตามข้อ ๒๑ เท่านั้น โดย รศ.สพ.ญ.ดร.วรรณดา สุจริต นึกไม่ถึง! ประเด็นการกระทำผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการสัตวแพทย์ --^_^--
16 ภาวะฉุกเฉินที่เกิดขึ้นในสัตว์เลี้ยงถือว่าเป็นสภาวะที่เสี่ยงและมีผลต่อการเสียชีวิต ซึ่งจะถูกประเมิน โดยสัตวแพทย์ผู้ที่รับเคสนั้นๆ โดยถ้าเกิดภาวะฉุกเฉินขึ้นหากจำเป็นจะ ต้องมีการเคลื่อนย้ายสัตว์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้อง ต้น กดหรือห้ามเลือดหากมีสภาวะเลือดออก หรือหากมีการหักของกระดูกควรจะมี การดามเพื่อไม่ให้เกิดการเคลื่อนที่ และหากก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายควรทำการแจ้งให้ สถานพยาบาลนั้นๆทราบล่วงหน้า สัมมนาวิชาการสัตวแพทยสภา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ Emergency Case จัดการได้ไม่ยาก โดย อ.น.สพ.พายุ ศรีศุภร คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น การแบ่งระดับของภาวะฉุกเฉิน อุปกรณ์ภายในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ถูกจัดทำ สำ หรับรับเคสในภาวะฉุกเฉินนั้นจำ เป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตสัตว์ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านั้นได้แก่ Flow meterand oxygensource, laryngoscope, Endotracheal tube, Tracheostomy tube ,Ambu bag, Warm plate, Suction, Clip- pers and blades, Emergency drug, IV cath, Extention, Three way, Tomcat, folley, UB cath, Pressure bag, Oxygen mask, Ice pad Anesthesia machine VS ventilator : ECG, Blood pressure measurement, Pulseoxymeter, X-ray,ultrasound, Infusion pump/syringeLab equipment : Microheamatocrit,Tubefor sampling,culture, Refractometer, Blood glucose measure- ment เป็นต้น หลักการการพิจารณาภาวะฉุกเฉิน ๑.ตรวจเบื้องต้น และสำ รวจ Breathingและvital signอื่นๆ ๒.ซักประวัติเก็บข้อมูลจากเคสฉุกเฉินที่เข้ารับการรักษา ๓.เก็บข้อมูลย้อนหลังเพื่อหาปัญหาและสภาวะแทรกซ้อนที่จะ เกิดขึ้น การตรวจเบื้องต้นในสัตว์ป่วยภาวะฉุกเฉิน หากพบว่าสัตว์ป่วยหรือพบว่าสัตว์ได้รับการบาดเจ็บที่เข้ามารับ การรักษา ควรทำ การสำ รวจหรือตรวจตามหลัก ABCs(Airway,Br eathing,Circulation) ซึ่งในแต่ระบบจะมีภาวะบ่งชี้ถึงสัตว์ที่ป่วย ภาวะฉุกเฉินดังนี้ ระบบCardiovascular :: Cardiacarrest (no pulse, noheart beat),Pale mucous membrane,CRT>๒, weakor absent pulse, Activehemorrhage, Brick-red membrane (CRT<๑),Tachycardia(Dog>๑๘๐,Cat>๒๕๐), Bradycardia (Dog<๖๐,Cat<๑๕๐) Arrest ระบบ Respiratory :: Rapid, shallow respiratory, Upper respiratoryobstruction, Cyanosis Open mouse breathing , Pulmonarycrackerand wheezelung sound ,Chest trauma ระบบ Neurogical :: Seizure, Stupor, Coma, Head trauma, Historyof toxiningestion, Acute paralysis ระบบ Urinary ::Inabilityofurinate,Largeand painful UB, Palpateno UB post trauma,Not seenurine post trauma ระบบอื่นๆ ::Hyperthermia(T>๑๐๕ •F),Dystocia, Poi- soning, Burn,Openfracture, Organ prolapse, Gastric dila- tion, Electrocution, Smokeinhalation, Recent toxiningestion
17 การใช้หลักการ A CRASH PLAN A : airway C: cardiovascular/Circulation R: respiratory A: abdomen S: spine H: head(eye,ear,neck) P: pelvis L: limbs A: arteries N: nerves การตรวจเช็คประวัติย้อนหลังสัตว์ป่วยภาวะฉุกเฉิน หลังจากที่ทำ การตรวจเบื้องต้นไปแล้ว การเช็คประวัติสัตว์ย้อน เช่น อาการที่เกิดขึ้นกับสัตว์ก่อนนำ มารักษา ระยะเวลาของการแสดง อาการ อาการของแต่ระระบบที่แสดงออกมา (ไอ,จาม,ปัสสาวะ บ่อย) หรือแม้กระทั่งประวัติการรับยาหรือการรักษามาก่อนหน้านี้ การเก็บข้อมูลย้อนหลังเพื่อหาปัญหาและสภาวะแทรกซ้อน ที่จะเกิดขึ้น ๑. Packed cell volume, total solid protein (๖.๒-๘.๐g/dl) - Indication::dehydration,anemia, trauma, shock - Advantage::วินิจฉัย anemia VS poor perfusionใช้เป็น ข้อมูลประกอบเพื่อเฝ้าระวัง - ภาวะongoing blood lose,correction dehydrate) โดย Recheck ทุกๆ ๒๐-๓๐ นาที ๒. Blood urea nitrogen (BUN),Blood glucose - Hypoglycemia(severesepsis,neonatal, toy breed puppy) - ใช้แยกภาวะ DM และ Renal failure(anorexiaand vomit) ๓. Serum electrolyte and blood chemistry - Indication:: vomiting, diarrhea,or both,diabetes mellitus, urinary tract disease, toxicingestion,ecclampsia ๔. Blood gas analysis Indication:: Respiratoryemergency (pulmonary thromboembolism ,pneumonia,congestive heart failure),Metabolicemergency (urethralobstruction, DKA,eclampsia, Addison‘s disease) , shock ๕. Blood smear ประเมินสภาวะ leukocytosis, leukopenia,estimating platelet, blood parasite, red blood cell ๖. Coaglulation test Indication::rodent toxicity, IMHA, sepsis, DIC, liver disease ๗. Urinalysis - ควรทำ ก่อนที่จะมีการให้สารนำ ้และใช้ประเมินการสร้างนำ ้ ปัสสาวะ หรือตรวจสภาวะ ตะกอนในปัสสาวะ,hematuria, hemoglobinuria, ketonuria ๘. Electrocardiogram - ใช้ตรวจสภาวะarrhythmia,cardiac disease ๙. Blood pressure/pulse oxymeter Cardiopulmonary-Cerebral Resuscitation (CPCR) เป็นการกู้ชีพเพื่อช่วยเหลือภาวะหัวใจหยุดเต้น(cardiac arrest) ในระหว่างที่มีการรักษาภาวะฉุกเฉินที่สัตว์มาเข้ารับการรักษา โดย จะทำ ให้ประสบผลสำ เร็จในการรักษามากยิ่งขึ้น โดยอาจจะสังเกตุ ภาวะ cardiac arrest จากอาการเหล่านี้เช่น อาการ Cyanosis, เยื่อเมือกขาวซีด,ม่านตาไม่รับการตอบสนอง,weak, barely palpable pulses หรือแม้แต่ไม่พบว่าไม่มีเลือดไหลจากบริเวณที่ทำ การ ผ่าตัด เป็นต้น โดยจะมีขั้นตอนการช่วยเหลือดังต่อไปนี้ - Immediate basic life support ทำ การตรวจระบบ ABCs(Airways, Breathing, Circulation) โดย - Airway: การใช้Endotracheal tubeช่วยสอดเพื่อทำ การเปิด ทางเดินหายใจเพื่อให้สัตว์หายใจได้ปกติ - Breathing: ตรวจดูเกี่ยวกับรูปแบบการหายใจ การช่วยเหลือ โดยจะเริ่มจากการให้ดมอ๊อกซิเจน การกดช่องอกพร้อมกับการ หายใจ(ให้ผลดีกับสัตว์ที่ขนาดตัวใหญ่) โดยอาจจะต้องระวังการ เกิด barotraumas และpneumothoraxซึ่งเป้าหมายของการกู้ชีพ วิธีนี้เพื่อที่จะเพิ่มการหายใจของสัตว์ให้เข้าสู่ภาวะปกติ - Circulation: การตรวจช่วยเหลือระบบไหลเวียน โดยให้เกิด การไหลเวียนให้เพียงพอเช่นการกดช่องอกเพื่อเพิ่มระบบไหลเวียน ให้ปกติโดยกดในอัตรา ๘๐-๑๒๐ ครั้ง/นาทีแรงที่กดใช้เพียง ๒๕- ๓๐% ให้สัตว์นอนในท่า lateral หรือ dorsal recumbency Advance Cardiac life support สัตว์ที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินหรือมีอาการcardiacarrestซึ่งจะ ทำ ให้เกิดการขยายของหลอดเลือดอย่างรวดเร็ว โดยอาจจะมีการ เลือกใช้สารน้ำ หรือยาช่วยในการรักษาเช่น - กลุ่ม Sympathomimetics::epinephrineเริ่มที่โด้ส ๐.๐๑-๐.๐๒mg/kg (สูงสุด๐.๒mg/kg) Dopamine ๓-๕microgram/kg/minute - กลุ่ม Anticholinergics:: Atropine ๐.๐๔mg/kg (๑cc/๑๕-๒๐kg) - Sodiumbicarbonate::๐.๕mEq/kg per๕minuteforcardiacarrest - Magnesium :: ๐.๑๕-๐.๓ mEq/kg (slowly) - Calcium :: ๐.๒ ml/kg of ๑๐% CaCl หรือ ๐.๖ml/kg of calcium gluconate - กลุ่ม Antiarrhythmic:: lidocaine ๑-๓ mg/kg Post resuscitation care กลุ่มยา Support cardiovascular system - Dopamine ๕microgram/kg/min CRI - Epinephrine ๑-๑๐ microgram/kg/min CRI - Supraventricular tachycardia:: Diltiazen ๐.๕-๒.๐ mg/kg IV then ๑-๑๐ microgram/kg/min CRI - Ventriculararrhythmias ::Lidocaine ๒-๔ mg/kg then ๒๕-๗๕ microgram/kg/min CRI Minimize brain damage - Mannital ๐.๕g/kg IV (slowly qid) Corticosteroids (controversial) - Dexa ๒mg/kg - Prednisolonesodium succinate ๑๐-๓๐ mg/kg qid -Furosemide ๑mg/kg IV Monitor Urine output - Dopamine+Mannital (ป้องกัน acuterenal failure) Protect the GI tract - sucralfate ๑ g/๒๐kg - Unconscious :ranitidine ๐.๕ mg/kg : famotidine ๑ mg/kg bid
18 ๑. สิ่งที่พึงกระทำ เพื่อเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นคือ ก. กดหรือห้ามเลือด ข. เคลื่อนย้ายอย่างระมัดระวัง และมีการแจ้งให้ สถานพยาบาล ทราบล่วงหน้า ค. ดามกระดูกส่วนที่หักไม่ให้มีการเคลื่อนที ง. ถูกทุกข้อ ๒. ภาวะฉุกเฉินแบบ Urgent คือกรณีใดบ้าง ก. Dystocia ข. Epitaxis ค. Heart Stroke ง. Head Trauma ๓. ข้อต่อไปนี้เป็นอุปกรณ์ที่ควรมีในห้องฉุกเฉินยกเว้นข้อใด ก.Flow meterand Oxygensource ข.Lab Equipment ค. Anesthesia machine ง. ทุกข้อเป็นอุปกรณ์ที่ควรมีทั้งหมด ๔. ข้อใดไม่ใช้ระบบต่างๆ ในร่างกายที่ควรสำ รวจหรือตรวจ สอบตามหลักการ ABCs (Airway, Breathing, Circulation) ก. Reproductive System ข. Respiratory System ค. Neurogical System ง. Urinary System ๕. เราใช้ Blood Gas Analysis บ่งชี้อาการใดบ้าง ก. Vomiting ข. Rodent toxicity ค. RenalFailure ง. Metabolicemergency ๖. สภาวะในข้อใดไม่ใช่ผลการประเมินจากการทำ Blood smear ก. Eclampsia ข. Blood parasite ค.Leukocytosis ง. Estimate platelet ๗. ข้อใดเป็นข้อเท็จจริงของการทำ CPCR (Cardiopulmonary-Cerebral Resuscitation) ก.ช่วยให้เกิดผลสำ เร็จในการรักษามากขึ้น ข. ใช้ในภาวะ Cardiacarrest ค. ใช้เพื่อรักษาสัตว์ป่วยฉุกเฉินจากอาการ Cyanosis ง. ถูกทุกข้อ ๘. ข้อใดคือข้อบ่งชี้ของการทำ Circulation ก. ใช้ตรวจช่วยเหลือระบบไหลเวียน ข. ทำ การกดช่องอกเพื่อเพิ่มระบบไหลเวียน ค.ออกแรงกด ๘๐-๑๐๐ ครั้ง/นาทีโดยใช้แรง ๔๐% ง. ให้สัตว์นอนท่าLateral recumbency ๙. ข้อใดต่อไปไม่ใช่ยาในกลุ่ม Support Cardiovascular System ก. Mannital ข. Epinephrine ค. Dopamine ง. Diltiazen ๑๐. ข้อใดคือเหตุผลในการพิจารณาการใช้ยา Dopamine + Mannital ก. Chest trauma ข. Dystocia ค. Acute RenalFailure ง. Gastric dilation --^_^--
19 การติดเชื้อ PRRSv (PRRSv infection) PRRSv เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดปัญหาในสุกร ๒ ระบบ คือ ระบบทางเดินหายใจ (Respiratory syndrome) ที่พบได้ในสุกรทุกช่วงอายุโดยพบปัญหาปอดอักเสบเป็นหลัก ส่วนระบบสืบพันธุ์ (Reproductive syndrome) มักพบในแม่สุกรอุ้มท้องหรือแม่สุกรแก่มากกว่า ซึ่งปัญหาที่สร้างความเสียหาย อย่างมากให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในปัจจุบันคือโรคระบบทางเดินหายใจ ภาวะ Respiratory Syndrome PRRSv ทำ ให้ปอดอักเสบ เกิดภาพของvirusinfection หรือ bacterial infection ที่ทำ ให้เกิด septicemia เพราะ PRRSv จะก่อโรคที่เซลล์macrophage ที่ปอดทำ ให้ปอดไวต่อการติดเชื้อแทรกซ้อนทำ ให้เกิดปอดอักเสบ ชนิด Interstitial pneumoniaซึ่งเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวหลั่ง cytokineออกมามาก และ cytokine นี้ไปมีผลต่อ หลอดเลือดฝอยในปอดทำ ให้มีการซึมผ่านของเลือดและของเหลวออกมาจากหลอดเลือดสู่ภายนอก PRDC (Porcine Respiratory Disease Complex) คือโรคระบบทางเดินหายใจซับซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อร่วมกันระหว่างไวรัส และ แบคทีเรีย โดยมี PRRSV เป็นไวรัสหลักที่สร้างปัญหา ลักษณะของโรคที่มักพบในภาคสนาม จะเป็นแบบเฉียบพลัน ( acute onset) แต่กรณีที่เกิดลักษณะปอดอักเสบแบบเรื้อรังในระยะยาว ( prolonged period of pneumonia) จะมีเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นเชื้อร่วมสำ คัญคือ Mycoplasmahyopneumoniae( Mh) เพราะแม่สุกรส่วนใหญ่เป็นพาหะ ของเชื้อ Mhโดย ธรรมชาติและเกิดการแพร่เชื้อในเล้าคลอดและเมื่อลูกสุกรหย่านมที่หมดภูมิคุ้มกัน Mh จากแม่สุกร ร่วมกับมีการ ติดเชื้อ PRRSv ขึ้นก็จะทำ ให้เกิดการเสริมฤทธิ์กันในการกระตุ้นการหลั่ง cytokine จึงทำ ให้เกิดภาพ PRDC เกิด ขึ้น สุกรติดเชื้อจะเกิดปอดอักเสบแบบ Bronchopneumonia เมื่อผ่าซากออกมาจะพบปอดอักเสบค่อนข้างรุนแรง วิการของปอดเป็นแบบ red hepatization จุดการผลิตที่มักพบปัญหา PRDC คือ ๑. PRDC in Nursery pigโดยสุกรอายุมากเป็นตัวแพร่เชื้อให้กับสุกรที่อายุน้อยกว่า และแม่สุกรแพร่เชื้อให้ กับลูกสุกรในเล้าคลอดจากฝูงแม่ที่ PRRSไม่stableซึ่งหลักของการควบคุม PRRS คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ฝูงแม่ stable และให้ลูกสุกรหย่านมปลอด PRRSv ๒. PRDC in Grow-Finish pigเกิดขึ้นในกรณีที่ช่วงการเลี้ยงในอนุบาลมีการจัดการแบบเข้าหมด-ออกหมด (All In All Out) ไม่มีการติดเชื้อจากสุกรที่อายุมากสู่สุกรอายุน้อย แต่พอลงโรงเรือนสุกรขุนไปเจอสุกรจากแหล่งอื่น ทำ ให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในโรงเรือนได้ สัมมนาวิชาการสัตวแพทยสภา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ ความเสียหาย PRRS,CIRCO & ทิศทางวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดย รศ.น.สพ.กิจจา อุไรรงค์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ : คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ความเสียหาย PRRS & CIRCO
20 แบคทีเรียและไวรัสที่สามารถพบได้ในสุกรที่ป่วยเป็น PRDC Bacteria Virus Streptococcus suis Pseudorabies virus Haemophilus parasuis Swineinfluenzavirus Escherichiacoli Porcinecircovirus typeII Pasteurella multosida Actinobacillus pleuropneumoniae Salmonella ในสุกรอนุบาล เชื้อที่ติดส่วนใหญ่คือ Escherichiacoli, Streptococcus suis, Haemophilus parasuis, Porcinecircovi- rus typeII ในสุกรขุน เชื้อที่ติดส่วนใหญ่ คือ Streptococcus suis, Pasteurella multosida, Actinobacillus pleuropneumoniae, Salmonella, Porcinecircovirus typeII ทั้งนี้ในส่วนของ E.coli มีงานวิจัยว่า LPS (Lipopolysaccharide) หรือ endotoxin ของ E.coli จะเสริมฤทธิ์กับ PRRSv ทำ ให้เกิดการหลั่งของ cytokines มากกว่าการติด PRRSv เดี่ยวๆ ๑๐-๑๐๐ เท่า ทำ ให้ปอดอักเสบอย่างรุนแรง ดังนั้นฟาร์มควรจะมี การทำ ระบบน้ำ ประปาหรือการ treat น้ำ ด้วยคลอรีน เพื่อลดความ เสี่ยงต่อความเสียหายของโรคที่มากขึ้น PCVAD (Porcine Circovirus Associated Disease) PCVAD คือการติดเชื้อ PCV อย่างรุนแรง ส่งผลไป ทำ ลายต่อมน้ำ เหลือง (general damage of lymphoid tissue) ทำ ให้เกิดลักษณะทางกายภายคือต่อมน้ำ เหลืองขยายใหญ่แต่มี ลักษณะเหลว เมื่อต่อมน้ำ เหลืองถูกทำ ลายทำ ให้ไวต่อการติดเชื้อ ทั้งร่างกาย ซึ่ง PCVAD จะต่างจาก PRDC คือ PCVAD จะมีอัตรา การตายมากกว่า PRDC เพราะมันเป็น systemic infection ส่วน PRDC จะไปเสียหายที่ Respiratory system เป็นหลัก ในส่วนของ Passive immunity จากแม่สุกรของสุกรที่ ติดเชื้อ PCV จะหมดที่ลูกสุกรอายุ๘-๑๐ สัปดาห์ซึ่งต่างจาก Passive immunity ของ PRRSv ที่จะหมดที่ลูกสุกรอายุ ๔-๕ สัปดาห์ ทำ ให้ PCV มักไปก่อโรคที่หมูเล็ก แต่ปัจจุบัน มีการจัดการเรื่อง PRRS เช่น การทำ วัคซีนในแม่ และหรือ การทำ วัคซีนในลูก ทำ ให้ PRRS กลับไปก่อโรคในช่วงหมูเล็กซึ่งจะไปตรงกับ PCV ทำ ให้ เกิด PCVAD อาการของสุกรที่ป่วย มักเป็นการป่วยเรื้อรัง สุกรจะมี อาการซีดเหลือง ผ่าซากพบม้ามค่อนข้างใหญ่ มีจุดเนื้อตายที่ไต การควบคุมปัญหา PRDC and PCVAD ๑. ทำ วัคซีน PRRS เชื้อเป็นในลูกอายุ๒ สัปดาห์ ๒. ทำ ให้ฝูงแม่เป็น stableherd โดยการทำ วัคซีน PRRS เชื้อเป็นในแม่ ๓. ทำ วัคซีน Mycoplasmaเพราะแม่สุกรส่วนใหญ่เป็น carrierของ Mhโดยธรรมชาติ ๔. ทำ วัคซีน PCV๒ ตัวอย่างโปรแกรมวัคซีนในลูกสุกร ๖. การจัดการ (Management) อย่าทดแทนสุกรสาวเกิน ๔๐-๔๕% เพื่อลด ความเสี่ยงในการติดเชื้อของสุกรอนุบาล เพราะลูกสุกรสาวมักมี ปัญหาเรื่อง passiveimmunity --^_^--
21 ปัจจุบัน..ต้นทุนลูกสุกรหย่านม (น้ำ หนัก ๗ กก.) อยู่ที่ประมาณ ๑,๐๖๐ บาท, สุกรอนุบาล (น้ำ หนัก ๗-๒๕ กก.)ประมาณ ๑,๙๘๐ บาท, สุกรขุน (๒๕-๑๐๕ กก.) ประมาณ ๓,๗๓๐ บาท รวมแล้วทั้งหมดประมาณ ๕,๗๑๐ บาท (ราคา ๕๕ บาท/กก.สุกร) และหากรวมค่าวัคซีน PRRS/ PCV๒, ค่าสายพันธุ์, ค่าดอกเบี้ยแล้ว รวมทั้งหมดประมาณ ๖,๐๖๐ บาท (ราคา ๕๗.๗ บาท/กก.สุกร) โดยต้นทุนหลัก เกือบ ๘๐% จะเป็นค่าอาหารสุกร แต่ราคาสุกรเป็นสิ่งที่ ตั้งความหวังได้แต่ไม่สามารถคาดเดาได้ นอกจากนี้ราคา วัตถุดิบก็มีราคาที่แพงขึ้นมาเรื่อยๆ ดังนั้นเราจึงต้องปรับ ตัวเพื่อรองรับเหตุการณ์ต่างๆ ดังนี้ ทิศทางวัตถุดิบอาหารสัตว์ เราจะอยู่รอดอย่างไร? โดย ผศ.น.สพ.ณัฐวุฒิ รัตนวนิชย์โรจน์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ๑๐ เรื่องที่ควรและไม่ควรทำในภาวะที่ราคาสุกรถูกวัตถุดิบแพง ๑. การทดแทนสุกรสาวมากกว่า ๕๐ % ไม่ควรทำ เพราะเมื่อราคาสุกรต่ำ เกษตรกรจะคัดแม่สุกรแก่ทิ้งและทดแทนสุกรสาว เพราะหมูสาวกินอาหารน้อยกว่า เนื่องจากมูลค่าอาหารรวมที่กินของแม่สุกรนางคือ ๗,๒๙๕ บาท ส่วนสุกรสาวอยู่ที่ ๖,๕๕๗ บาท ต่าง กัน ๗๓๘ บาท แต่ไม่สมควรทำ เพราะฝูงที่มีการทดแทนสุกรสาวมากกว่า ๕๐% ในแต่ละเดือน มีโอกาสเกิดปัญหาจากโรค PRRS มากกว่าฝูงที่ทดแทนน้อยกว่า ๕๐% ถึง ๑๕ เท่า ๒. วัตถุดิบทางเลือกหรือวัตถุดิบทดแทน ต้องดูคุณค่าทางโภชนาการ ความน่ากิน ความเหมาะสมกับสุกรแต่ละช่วงอายุ การ ปนเปื้อน การเก็บรักษา ความคงทน การเสื่อมสภาพ ความสะดวกในการใช้การมีปริมาณสม่ำ เสมอและราคา ตัวอย่างวัตถุดิบทางเลือก วัตถุดิบทางเลือกเพื่อทดแทนโปรตีน ได้แก่ เนื้อกระดูกป่น, เลือดป่น,ขนไก่ป่น, Canola, Rapeseed , Sunflower, Mung bean, DDGS, Singlecell proteinวัตถุดิบทางเลือกเพื่อทดแทนพลังงาน ได้แก่ น้ำ มันมะพร้า ว,ข้าวสาลี, กากมัน สำ ปะหลัง, กากเมล็ดในปาล์ม, ปลายข้าวเทียม ๓. วัตถุดิบที่ไม่มีทางเลือก เป็นวัตถุดิบที่ไม่ควรใช้แต่จำ เป็นต้องใช้เช่น น้ำ มันใช้แล้ว น้ำ ต้มปลา น้ำ ต้มเป็ดพะโล้ข้าวโพด เม็ดดำ ปลายข้าวนึ่งไหม้เม็ดดำ รำ ข้าวที่โรงสกัดไม่รับ นมบูด เวย์แข็งเป็นก้อน ซึ่งไม่คุ้มต่อการนำ มาใช้ ๔.อาหารสูญเสีย เป็นสิ่งที่เจ้าของฟาร์มละเลยมากที่สุด โดยเฉพาะอาหารในแม่พันธุ์ที่ถูกเลี้ยงให้อ้วนเกินความจำ เป็นเพราะ ปกติสุกรอุ้มท้องจะกินอาหารอยู่ที่ ๒.๒-๒.๓ kg/ตัว/วัน แต่ปัจจุบันบางฟาร์มให้ถึง ๒.๕๕ kg/ตัว/วัน ซึ่งเป็นการสูญเสีย ควรควบคุมการ กินของแม่พันธุ์อีกอย่างคือการสูญเสียในสุกรขุนในกรณีอาหารหกหล่นทำ ให้FCR สูงขึ้น ๕.การลด ADG ในสุกรขุนในช่วงที่ราคาสุกรถูก เมื่อราคาอาหารแพงอย่างหนึ่งที่เกษตรกรชอบทำ คือขายสุกรในขนาดตัว เล็กที่สุด การขายสุกรตัวเล็ก ทำ ได้๒ วิธีคือ ลด ADG และลดระยะวันเลี้ยง ๖. ทำ ลายลูกสุกรตกเกรด แคระแกร็น ตัวเล็กกว่าเพื่อนในฝูงเนื่องจากสุกรตกเกรดจะมีADG น้อยกว่าสุกรปกติประมาณ๕๐ กรัม/วัน, FCR สูงกว่าหมูปกติประมาณ ๐.๒ และมีFCG สูงกว่าประมาณ ๒.๕-๓.๕ บาท/กก. ซึ่งสุกรตกเกรดจะมีต้นทุนสูงที่สูงกว่า สุกรปกติอยู่ประมาณ ๒๐๐-๒๘๐ บาท/ตัว
22 ๗. ลดการใช้สารเสริมเติมแต่ง (Feed additive) ใน อาหารสัตว์ที่ไม่จำ เป็นออก ยกเว้นสารเสริมบางตัวเป็นสารเสริม เพื่อลดต้นทุนเช่น Enzyme ซึ่งการใช้Enzyme มีความคุ้มค่ามาก ขึ้นเรื่อยๆเมื่อวัตถุดิบราคาสูงขึ้น จึงไม่ควรถอดออก เพราะต้นทุน ของค่า Enzymeอยู่ที่ประมาณ ๒๐ บาท/ตัวซึ่งคิดเป็น FCR คืออยู่ ที่ประมาณ ๐.๐๑๕ ดังนั้น ถ้าใส่ Enzyme แล้วทำ ให้FCR ลดลงได้ มากกว่า ๐.๐๑๕ ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ๘. ขายสุกรตัวเล็กหรือตัวใหญ่ดีขึ้นกับราคาสุกร ต้นทุน ค่าอาหารและต้นทุนลูกสุกรอนุบาล (Fixed cost) ถ้าราคาขาย ยังสูงกว่าต้นทุนรวมต้องขายสุกรตัวใหญ่ แต่ถ้าราคาขายต่ำ กว่า ต้นทุนรวมอาจต้องขายสุกรที่ขนาดเล็กเพื่อกระแสเงินสด และถ้า อาหารแพงมากขึ้นก็ต้องขายสุกรเล็กที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ ๙. ลดขนาดฝูงแม่พันธุ์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำ แต่ควรไป เพิ่ม cash flow ดีกว่า เช่น ขายสุกรออกมากขึ้น ลดน้ำ หนักขาย ขายสุกรอนุบาล ลดค่าใช้จ่ายอาหาร ลดคุณภาพซาก ลดความเข้ม ข้น วัตถุดิบทางเลือก ใช้อาหารเม็ด ปลดแม่สุกรแก่เพิ่มสุกรสาว (ไม่เกิน ๔๕%) ไม่ไหวจริงๆ ค่อยลดจำ นวนแม่พันธุ์ ๑๐. ค่าแรงงานและค่าไฟ เป็นต้นทุนส่วนน้อย ค่าแรง งานเป็นต้นทุนประมาณ ๒-๔ % และค่าไฟเป็นต้นทุน < ๒% ถือว่า เป็นต้นทุนส่วนน้อยแต่มีผลต่อส่วนมาก เจ้าของฟาร์มควรให้ความ สำ คัญ ให้คิดว่าแรงงานเป็นสินทรัพย์ที่จะต้องพัฒนา ๑. ลักษณะของปอดอักเสบจากการติดเชื้อ PRRSv คือ? ก. Interstitial pneumonia ข. Bronchopneumonia ค.Fibrotic pleropneumonia ง. ถูกทุกข้อ ๒. ปัจจัยเสี่ยงที่ทำ ให้เกิด PRDC คืออะไร ก. เลี้ยงสุกรขุนจากหลายแหล่ง ข. แม่บนเล้าคลอดเป็นพาหะของ Mh ค. การจัดการอนุบาลแบบต่อเนื่อง ง. ถูกทุกข้อ ๓. เชื้อแบคทีเรียก่อโรคใดที่สามารถพบได้ในสุกรที่เกิด PRDC ก. Aspergillus flavus ข. Bordetella bronchiseptica ค. Escherichiacoli ง. Eperythrozoonsuis ๔. เหตุผลใดที่ทำ ให้วิการปอดอักเสบจากการติดเชื้อร่วมของ E.coli กับ PRRSv รุนแรงมากขึ้น ก.LPS (Lipopolysaccharide) ข. Endotoxin ค. การหลั่ง Cytokines ที่มากขึ้นกว่าปกติ ง. ถูกทุกข้อ ๕. ความเสียหายของสุกรที่เกิด PCVAD แตกต่างจากสุกรที่เกิด PRDC อย่างไร ก. PCVAD ก่อให้เกิดวิการที่ระบบทางเดินหายใจ ข. Passiveimmunityของ PCV จะหมดเมื่อลูกสุกรอายุ ๔-๕ สัปดาห์ ค.อัตราการป่วยที่สูงกว่า ในสุกรที่เป็น PCVAD ง. การเกิด SystemicInfectionในสุกรที่เป็น PCVAD ๖.ข้อใดเป็นเรื่องที่ควรทำ ในภาวะราคาสุกรถูก และ วัตถุดิบมีราคาแพง ก. ปลดแม่สุกรแก่ออกแล้วเพิ่มแม่สุกรสาวเข้าฟาร์ม ๕๐% เพื่อลดภาระค่าอาหาร ข. ใช้วัตถุดิบทดแทนเพื่อลดต้นทุนค่าอาหารอย่างเหมาะสม ค. ถอด Enzymeออกจากสูตรอาหารเพื่อลดค่าใช้จ่าย ง. เก็บลูกสุกร แคระแกรน หรือตกเกรดไว้เพื่อขาย ๗. ข้อต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ในภาวะราคาสุกร ถูก และวัตถุดิบมีราคาแพง ยกเว้นข้อใด ก. ลดขนาดฝูงแม่พันธุ์ ข. ปล่อยอาหารให้สูญเสีย ค. ลดค่าแรงงาน เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย ง. เร่งให้อาหารเพิ่มเพื่อให้สุกรโตเร็ว และขายออกเร็ว ๘. จุดใดในการผลิตที่มีโอกาสเกิดอาหารสูญเสียมากที่สุด ก. แม่สุกรอุ้มท้อง ข. พ่อพันธุ์ ค. สุกรอนุบาล ง. แม่สุกรเลี้ยงลูก ๙. การตัดสินใจขายสุกรตัวใหญ่ หรือ ตัวเล็ก ขึ้นอยู่ กับปัจจัยอะไรบ้าง ก. ราคาสุกรมีชีวิต ข. ต้นทุนค่าอาหาร ค. ต้นทุนค่าลูกสุกรอนุบาล ง. ถูกทุกข้อ ๑๐. ข้อใดเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อเพิ่ม cash flow ให้กับฟาร์ม ก. เก็บสุกรขุนไว้รอให้ราคาสุกรมีชีวิตมากขึ้น ข. ลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าแรงงาน ค่าไฟฟ้า ค. คงคุณภาพซากไว้เพื่อดึงดูดคนจับ ง.ขายลูกสุกรอนุบาล
23 ๑. ร่างกฏหมายของกรมปศุสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพสัตวแพทย์ วิทยากร ๑. นายสัตวแพทย์ธนิตย์ เอนกวิทย์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ๒. นายกฤติคุณ แจ้งสุทธิมล นิตติกรชำ นาญการพิเศษ สำ นักกฎหมาย กรมปศุสัตว์ รอธ.ธนิตย์เอนกวิทย์กล่าวว่า ตั้งแต่ปี๒๕๔๘ ถึงปัจจุบัน กรมปศุสัตว์ได้เสนอให้ มีการปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบหลายฉบับ และยกเป็นแผนการ พัฒนากฎหมายกรมปศุสัตว์ ซึ่งปัจจุบันมีร่างกฎหมายสำ คัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวิชาชีพ สัตวแพทย์และอยู่ในระหว่างดำ เนินการยกร่าง ๔ ฉบับ คือ ร่าง พระราชบัญญัติป้องกันการ ทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์, ร่าง พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์, ร่าง พระราช บัญญัติสถานพยาบาลสัตว์, ร่าง พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำ หน่ายเนื้อ สัตว์โดยมีหลักการและเหตุผลในการปรับปรุงแก้ไข ดังนี้ ๑. (ร่าง) พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์เนื่องจากสัตว์เป็น สิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกและเป็นองค์ประกอบสำ คัญของสิ่งแวดล้อมจึงควรได้รับการคุ้มครอง มิให้ถูกกระทำ การทารุณกรรม และเจ้าของสัตว์ซึ่งนำ สัตว์มาเลี้ยงจะต้องจัดสวัสดิภาพให้ เหมาะสมตามประเภทและชนิดของสัตว์ ทั้งในระหว่างการเลี้ยงดู การขนส่ง การนำ สัตว์ไป ใช้งาน หรือใช้ในการแสดง ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำ หนดหลักเกณฑ์ใน การป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อให้สัตว์ได้รับการคุ้มครองตาม ธรรมชาติของสัตว์อย่างเหมาะสม ๒. (ร่าง) พรบ.โรคระบาดสัตว์เนื่องจาก พรบ.ฉบับเดิม พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้ใช้บังคับมา เป็นเวลานาน สมควรปรับปรุงบทบัญญัติบางประการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้การป้องกันและควบคุมโรคระบาดที่เกิดกับสัตว์และการทำ งานของสัตวแพทย์ สารวัตร และพนักงานเจ้าหน้าที่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันเป็นการคุ้มครองความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งปรับปรุงบทกำ หนดโทษและอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น สรุปเนื้อหา : ประชุมวิชาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกและสัตวแพทยสภา สัญจร ครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ สวนนงนุช จ.ชลบุรี ๓. (ร่าง) พระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ เนื่องจาก พรบ.ฉบับเดิม พ.ศ. ๒๕๓๓ ขาดการบังคับกับสถานพยาบาล สัตว์ของราชการ องค์การของรัฐ สภากาชาดไทย และสถานพยาบาลสัตว์อื่น ซึ่งรัฐมนตรีประกาศกำ หนด จึงทำ ให้มีมาตรฐาน แตกต่างจากสถานพยาบาลสัตว์ของเอกชน ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการควบคุมสถานพยาบาลสัตว์ทั้งสองประเภทให้มีมาตรฐาน เดียวกัน สมควรแก้ไขกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลสัตว์โดยให้รัฐมนตรีมีอำ นาจกำ หนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำ หรับ สถานพยาบาลสัตว์ที่ได้รับการยกเว้นดังกล่าวด้วย ประกอบกับสมควรกำ หนดขั้นตอนในการขออนุญาตจัดตั้งสถานพยาบาลสัตว์ให้ ต้องเสนอขออนุมัติแผนงานการจัดตั้งสถานพยาบาลสัตว์ก่อนขอรับใบอนุญาต และเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับการโอนใบอนุญาต และการแสดงความจำ นงเพื่อขอประกอบกิจการต่อไปในกรณีที่ผู้รับอนุญาตตาย รวมทั้งปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราช บัญญัติให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ๔. (ร่าง) พรบ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำ หน่ายเนื้อสัตว์ เนื่องด้วยกฎหมาย การควบคุมการฆ่าสัตว์และจำ หน่าย เนื้อสัตว์ ซึ่งใช้บังคับมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำ คัญและรายละเอียดบางประการไม่เหมาะสมกับสภาพปัจจุบันโดยเฉพาะ หลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ ที่ยังขาดเอกภาพ อีกทั้งระบบการควบคุมและตรวจสอบสุขอนามัย ในกระบวนการฆ่าสัตว์ยังไม่ได้มาตรฐาน และไม่ครอบคลุมถึงกระบวนการขนส่งเนื้อสัตว์ ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ กำ หนดหลักเกณฑ์การอนุญาตให้มีเอกภาพ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพิจารณาอนุญาตตั้งแต่ต้น และสร้าง โดย น.สพ.ณรงค์ อำพินธ์
24 ระบบการควบคุมตรวจสอบคุณภาพใน กระบวนการฆ่าสัตว์และการขนส่งเนื้อ สัตว์เพื่อการจำ หน่ายให้ได้มาตรฐาน ยิ่งขึ้นและเพื่อสร้างความปลอดภัยด้าน อาหารอันเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ บริโภคเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขอนามัย ในการนี้นิติกรสำ นักกฎหมายฯ ได้นำ อธิบายเปรียบเทียบประเด็นสำ คัญ ของเนื้อหาข้อกฎหมายก่อนและหลัง การปรับปรุงแก้ไข เช่น เปลี่ยนจาก “ผู้ ประกอบการบำ บัดโรคสัตว์” เป็น “ผู้ประ กอบวิชาชีพสัตวแพทย์”, เปรียบเทียบค่า ธรรมเนียมการขออนุญาตให้ตั้งสถาน พยาบาลสัตว์ที่เก็บเพิ่มขึ้นจากเดิม เป็นต้น ๒. โครงการเขตปลอดโรคปาก เท้าเปื่อยในภาคตะวันออก วิทยากร ๑. นายสัตวแพทย์ประวัติ รัตนะภุมมะ ปศุสัตว์เขต ๒ กรมปศุสัตว์ ๒. สัตวแพทย์หญิงนพวรรณ บัวมีธูป สำ นักควบคุมป้องกันและบำ บัด โรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ • พื้นที่ดำ เนินการเขตปลอดโรคฯ: นครนายก ฉะเชิงเทราชลบุรีระยอง ปราจีนบุรีจันทบุรีสระแก้ว และตราด • เป้าหมาย: ภาคตะวันออกได้รับการ รับรองสถานภาพปลอดโรคปากและ เท้าเปื่อยจาก OIE ในปีพ.ศ.๒๕๖๐ ขั้นตอนดำ เนินการ ๑. การพัฒนาปรับปรุงกฎหมาย เพื่อกำ หนดขอบเขตพื้นที่เป้าหมาย ๒. เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน ควบคุมโรค ๒.๑ การจัดทำ เครื่องหมายและขึ้นทะเบียนสัตว์แห่งชาติ ๒.๒ กำ หนดพิกัดสถานที่ ๒.๓ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคปากและเท้าเปื่อยโดยการฉีดวัคซีน ๒.๔ การควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ ๒.๕ การควบคุมโรค ๒.๖ การรับรองฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย ๓. ส่งเสริมการเลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะ ให้เพียงพอ ๔. พัฒนาปรับปรุงการเลี้ยงสัตว์รายย่อย ๕. ความร่วมมือระหว่างประเทศ ๖. การประชาสัมพันธ์และเตือนภัย ๗. การเจรจาเปิดตลาดการค้าสัตว์และซากสัตว์ ๘. การติดตามประเมินผล หลักเกณฑ์ของ OIE. ในการรับรองพื้นที่ปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย • ต้องมีแนวกันชน (Buffer Zone) กั้นระหว่างเขตปลอดโรคกับเขตปกติ • มีการรายงานภาวะโรคต่อ OIE.อย่างสม่ำ เสมอ • ต้องไม่มีการระบาด องโรค FMD ในเขตปลอดโรคเป็นเวลาอย่างน้อย ๒ ปี • มีหลักฐานทางซีรั่มไม่พบเชื้อFMDV ในช่วง ๑ ปีก่อนยื่นขอรับรอง • มีการฉีดวัคซีน FMD ให้กับสัตว์กีบคู่ในพื้นที่เป็นประจำ โดยวัคซีนต้องมีมาตรฐานตามที่ OIE. กำ หนด • มีระบบควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์ที่ไวต่อการติดต่อโรคเข้าพื้นที่ปลอดโรคอย่างเข้มงวด หลักฐานประกอบการยื่นขอการรับรองจาก OIE • ไม่มีการระบาดของโรค FMD ในเขตปลอดโรคเป็นเวลาอย่างน้อย ๒ ปี • มีหลักฐานทางซีรั่มผลการเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการไม่พบผลบวก NSP บวก • มีความครอบคลุมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์กีบคู่มากกว่าร้อยละ ๘๐ • มีระบบควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์เข้าพื้นที่มีผลวิเคราะห์ความเสี่ยงของการติดเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยผล สัมฤทธิ์ของโครงการฯ เมื่อภาคตะวันออกปลอดจากโรคปากและเท้าเปื่อย • สามารถเพิ่มการส่งออกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ • ลดค่าใช้จ่ายด้านการควบคุมป้องกันกำ จัดโรคปากและเท้าเปื่อยของประเทศ
25 • ลดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจกรณีผลผลิตปศุสัตว์ ลดลงจากการเกิดโรคระบาด • ส่งเสริมให้มีการพัฒนาการเลี้ยงปศุสัตว์และสามารถยึด อาชีพการเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหลักที่มั่นคงได้ • เป็นแนวทางในการที่จะกำ จัดโรคระบาดในปศุสัตว์ที่ สำ คัญชนิดอื่นต่อไปในอนาคต --^_^-- ๑. ข้อใดเป็นกฎหมายที่กรมปศุสัตว์กำ ลังดำ เนินการแก้ไข? ก. พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ข. พรบ.โรคระบาดสัตว์ ค. พระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ ง. พรบ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำ หน่ายเนื้อสัตว์ จ. ถูกทุกข้อ ๒. กฎหมายฉบับใดต่อไปนี้มีระยะเวลาการประกาศใช้ มาแล้วเป็นเวลานานมากที่สุด? ก. พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ข. พรบ.โรคระบาดสัตว์ ค. พระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ ง. พรบ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำ หน่ายเนื้อสัตว์ จ. ถูกทุกข้อ ๓. จังหวัดใดต่อไปนี้อยู่ในพื้นที่โครงการเขตปลอดโรค ปากและเท้าเปื่อยภาคตะวันออก? ก.ชลบุรี ข. สมุทรปราการ ค. สระแก้ว ง.ข้อ ก. และ ค. ถูก จ. ถูกทุกข้อ ๔. ข้อใดเป็นเกณฑ์การรับรองพื้นที่ปลอดโรคปากและเท้า เปื่อยภาคตะวันออกปี ๒๕๖๐ โดย OIE? ก. สัตว์ในพื้นที่ได้รับวัคซีน FMD เป็นโปรแกรมอย่างสม่ำ เสมอ ข. ไม่พบการระบาดของFMD ในภาคตะวันออกเป็นเวลาอย่าง น้อยตั้งแต่ปี๒๕๕๘ ค. มีระบบควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์อย่างเข้มงวด ง.ข้อข. และ ค. ถูก จ. ถูกทุกข้อ ๕. หากต้องการติดต่อศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี เพื่อขอคำ แนะนำ และส่งซากสัตว์ ตรวจวินิจฉัยโรคพิษสุนัขบ้า ควรใช้หมายเลขโทรศัพท์ ใด? ก. ๐๓๘-๗๔๒ ๑๑๘ ข. ๐๘๓-๗๔๒ ๑๑๖ ค. ๐๘๑-๗๔๒ ๑๑๙ ง. ๐๘๙-๗๔๒ ๑๑๗ จ. ถูกทุกข้อ ๓. การให้บริการตรวจโรคพิษสุนัขบ้าโดยศูนย์วิจัยและ พัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วิทยากร นายสัตวแพทย์มุฑิตะ ชลามาตย์ กลุ่มงานไวรัส ศวพ.ตะวันออก จ.ชลบุรี โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่ติดต่อที่มีสุนัข และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นพาหะ ปัจจุบันพบพื้นที่เสี่ยงในหลายภูมิภาคของโลก ได้แก่อเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชีย โดยยังคงพบการระบาดใน ๑๕๐ ประเทศทั่วโลกและมีผู้ป่วยและตายด้วยโรคนี้มากกว่า ๕๕,๐๐๐ คนต่อปีและในจำ นวนนี้พบ ว่ากว่า ๒๐,๐๐๐ คน เป็นเด็กอายุต่ำ กว่า ๑๕ ปี แม้อัตราการป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้าในไทยจะลดลง แต่ เฉพาะภาคตะวันออกเราพบเชื้อrabies ในสัตว์มากถึงเกือบ ๓๐ เคสต่อปีและที่น่า เป็นกังวลคือ มีรายงานจากต่างประเทศพบการแพร่ระบาดของเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจากการถูกค้างคาวกัด ปัจจุบัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออก ให้บริการตรวจชันสูตรโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ด้วยห้องปฏิบัติ การที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC ๑๗๐๒๕:๒๐๐๕ พร้อมด้วยเทคนิคการตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อไวรัสขั้นสูง ได้แก่ Fluorescent Antibody Test ( FAT ), Mouse Inoculation Test ( MIT ), RRT-PCR และ วิธี จุลพยาธิวิทยา (Histopathology) เป็นต้น โดยสามารถส่งตัวอย่าง หรือ ติดต่อขอรับบริการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๘-๗๔๒ ๑๑๖ - ๑๙ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้จากเอกสารประกอบการประชุม (ในรูปแบบ CD) .......ฉบับนี้ลาไปก่อน พบกันใหม่โอกาสหน้าครับ สวัสดี. ชุดค ำ าถามสำหรับสะสมหน่วยกิจ ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องฯ (ตอบในกระดาษคำตอบที่แนบมาด้วย)
26 สัตวแพทยสภาสัญจร ๕ครั้ง เป็นการสัญจรเพื่อพบปะสมาชิก ถาม-ตอบ ประเด็นข้อสงสัย และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และนำข้อเสนอแนะไปปรับใช้ในการบริหารต่อไป ครั้งที่ ๑ : ๑๗ สิงหาคม ๕๕ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ ๒ :่ ๒๐ กันยายน ๕๕ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครั้งที่ ๓ : ๒๓ พฤศจิกายน ๕๕ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอบแก่น ครั้งที่ ๔ : ๑๓ ธันวาคม ๕๕ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ครั้งที่ ๕ : ๑๙ ธันวาคม ๕๕ สวนนงนุข พัทยา
สถาปนา? ..................................... พิธีบวงสรวงเจ้าที่ หน้ากรมปศุสัตว์ รศ.น.สพ.ดร.สุวิชัย โรจนเสถียร นายกสัตวแพทยสภาพร้อมด้วยคณะกรรมการ ได้จัดพิธีบวงสรวง สักการะแด่เจ้าที่หน้า กรมปศุสัตว์ เพื่อเป็นสิริมงคงในช่วงเทศกาลปีใหม่เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ วางพวงมาลาวันสถาปณาคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฯพณฯ น.สพ.ยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สภานายกพิเศษ สัตวแพทยสภา และ รศ.น.สพ.ดร.สุวิชัย โรจนเสถียร นายกสัตวแพทยสภา พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ได้วางพวงมาลาหน้าอนุสาวรีย์ ศ.น.สพ.ดร. จักร พิชัยรณรงค์สงคราม เนื่องในโอกาสวันสถาปนาคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา
28