The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

“มีหนังสือจำนวนมากเล่มนับไม่ถ้วนที่เกี่ยวกับการปิดฉากการปกครองของอังกฤษในอินเดีย
และชวาหะร์ลาล เนรูห์ จึงดูเหมือนจะยากยิ่งที่จะเขียนเพิ่มอีกเล่มด้วยมุมมองที่สดใหม่
หรือให้ข้อมูลใหม่อย่างมีนัยสำคัญ แต่อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ ทำสำเร็จอย่างงดงาม
ใน Indian Summer: The Secret History of the End of an Empire
เธอทำให้เกร็ดประวัติศาสตร์อันตรึงใจกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในแบบที่อ่านแล้ววางไม่ลง
จากมุมมองใหม่ ปลุกตัวเอกทั้งหลายขึ้นมาโลดแล่นอีกครั้ง”
― Sudha Shah ผู้เขียน The King in Exile: The fall of
the royal family of Burma

"อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ได้สร้างงานสุดยอด เรื่องราวเหตุการณ์ที่ยังคงทรงพลังที่จะทำให้ช็อก
การเล่าเรื่องอย่างเข้าใจง่ายและไม่โอนเอียงของเธอนำทางพวกเราผ่านความตื่นเต้น
และความซับซ้อนของช่วงเวลานั้นได้อย่างตลอดรอดฝั่ง"
― Trevor Royle ผู้เขียน The Last Days of the Raj

"นี่คือประวัติศาสตร์และชีวประวัติของหลายบุคคลที่ถูกเชื่อมร้อยเข้าด้วยกัน...
Indian Summer บรรลุถึงบางสิ่งทั้งที่ง่ายและยาก ในพฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิด
ของบุคคลสำคัญที่เป็นศูนย์กลางของช่วงเวลาอันสับสนอลหม่านยิ่งในประวัติศาสตร์"
― The New York Times Book Review

“เป็นงานเขียนทรงพลังที่ฟื้นความทรงจำอย่างมีชีวิตชีวา อาบเสน่ห์ เต็มไปด้วยข้อถกเถียง
อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ เขียนเรื่องราวอันน่าทึ่ง ร้อยเรียงโศกนาฏกรรมกับหัสนาฏกรรม
เข้าด้วยกัน และทำได้ดียิ่ง เป็นการเปิดตัวที่เยี่ยมยอดมาก"
― Lawrence James ผู้เขียน Raj: The Making and Unmaking of British India

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kanyarat T., 2021-12-01 21:48:02

ประวัติศาสตร์ลับปิดฉากจักรวรรดิอังกฤษ : INDIAN SUMMER

“มีหนังสือจำนวนมากเล่มนับไม่ถ้วนที่เกี่ยวกับการปิดฉากการปกครองของอังกฤษในอินเดีย
และชวาหะร์ลาล เนรูห์ จึงดูเหมือนจะยากยิ่งที่จะเขียนเพิ่มอีกเล่มด้วยมุมมองที่สดใหม่
หรือให้ข้อมูลใหม่อย่างมีนัยสำคัญ แต่อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ ทำสำเร็จอย่างงดงาม
ใน Indian Summer: The Secret History of the End of an Empire
เธอทำให้เกร็ดประวัติศาสตร์อันตรึงใจกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในแบบที่อ่านแล้ววางไม่ลง
จากมุมมองใหม่ ปลุกตัวเอกทั้งหลายขึ้นมาโลดแล่นอีกครั้ง”
― Sudha Shah ผู้เขียน The King in Exile: The fall of
the royal family of Burma

"อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ได้สร้างงานสุดยอด เรื่องราวเหตุการณ์ที่ยังคงทรงพลังที่จะทำให้ช็อก
การเล่าเรื่องอย่างเข้าใจง่ายและไม่โอนเอียงของเธอนำทางพวกเราผ่านความตื่นเต้น
และความซับซ้อนของช่วงเวลานั้นได้อย่างตลอดรอดฝั่ง"
― Trevor Royle ผู้เขียน The Last Days of the Raj

"นี่คือประวัติศาสตร์และชีวประวัติของหลายบุคคลที่ถูกเชื่อมร้อยเข้าด้วยกัน...
Indian Summer บรรลุถึงบางสิ่งทั้งที่ง่ายและยาก ในพฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิด
ของบุคคลสำคัญที่เป็นศูนย์กลางของช่วงเวลาอันสับสนอลหม่านยิ่งในประวัติศาสตร์"
― The New York Times Book Review

“เป็นงานเขียนทรงพลังที่ฟื้นความทรงจำอย่างมีชีวิตชีวา อาบเสน่ห์ เต็มไปด้วยข้อถกเถียง
อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ เขียนเรื่องราวอันน่าทึ่ง ร้อยเรียงโศกนาฏกรรมกับหัสนาฏกรรม
เข้าด้วยกัน และทำได้ดียิ่ง เป็นการเปิดตัวที่เยี่ยมยอดมาก"
― Lawrence James ผู้เขียน Raj: The Making and Unmaking of British India

Keywords: 1. รัฐบุรุษ--อินเดีย--ชีวประวัติ. 2. อินเดีย--ประวัติศาสตร์

ค�ำชนื่ ชม

นกั ประวตั ศิ าสตรท์ ยี่ อดเยยี่ มคนหนงึ่  ดว้ ยความปราดเปรอ่ื งและการมองตวั ละครทะลปุ รโุ ปรง่ ...
เธอเขยี นอยา่ งแพรวพราว’ - Indian Today

‘[ฟาน ทันซัลมานน์] สร้างเร่ืองเล่าที่กระตุ้นความสนใจ บางครั้งเป็นที่ถกเถียง บางคราว
ผดิ ขนบ ไมท่ อ่ื หรอื นา่ เบอื่  ดงึ ดดู ใหต้ ดิ ตามวา่ เธอจะเลา่ อะไรตอ่ ไป มเี หตผุ ลทกุ ประการทจี่ ะ
หวงั วา่ หนงั สอื เลม่ นค้ี วรคา่ แกก่ ารอา่ น’ - Philip Ziegler, Spectator 

เรอื่ งราวเขม้ ขน้ ครอบคลมุ  จดุ แขง็ อยทู่ คี่ วามชาญฉลาดของผเู้ ขยี นในการรอื้ สรา้ งบคุ ลกิ ภาพ
ตา่ งๆ ของผทู้ รงอำ� นาจทางการเมอื งกลมุ่ เลก็ ๆ ทกี่ ำ� หนด “พอ้ งพานกบั โชคชะตา” อนั บดิ เบย้ี ว
ของอนทุ วปี  - Sunday Times

ฟาน ทนั ซลั มานนเ์ ปน็ นกั เขยี นทมี่ พี รสวรรค ์ ฉาดฉาน ผผู้ ลติ เรอ่ื งเลา่ เรา้ อารมณแ์ หง่ เลห่ เ์ พทบุ าย
ทางการเมอื งชน้ั ยอดระหวา่ งครอบครวั เมานทแ์ บตเทน, ชวาหะรล์ าล เนหร์ ,ู  โมหนั ทาส คานธี
และจนิ นาห’์  - Independent

‘เปย่ี มชวี ติ ชวี า...เรอ่ื งเลา่ สดใหม ่ เตม็ ไปดว้ ยรายละเอยี ดสว่ นบคุ คลทน่ี อกประเดน็ แตใ่ หค้ วาม
สนุกเพลิดเพลิน...เธอมีความสามารถอย่างน่าอัศจรรย์ในการเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย...จุดที่
ผเู้ ขยี นรเิ รม่ิ แหวกขนบคอื  การเชอื่ มโยงขอ้ เทจ็ จรงิ ตา่ งๆ ทแี่ ตกตา่ งกนั โดยสนิ้ เชงิ ในรปู แบบใหม่
และเปดิ เผย’ - Patrick French, Sunday Telegraph

‘ประวตั ศิ าสตรแ์ นวเรอ่ื งเลา่ ทดี่ งึ ดดู ...งานเขยี นชดั เจนเขา้ ใจงา่ ยและปราดเปรอื่ ง และการวาง
จงั หวะของการเลา่ อยา่ งดเี ลศิ  ดว้ ยองคป์ ระกอบทถ่ี กู ตอ้ งของการวเิ คราะห ์ และใหค้ วามสนใจ
กบั ขอ้ บกพรอ่ งเลก็ ๆ นอ้ ยๆ ของบรรดามนษุ ยผ์ มู้ บี ทบาทสำ� คญั ’ - Christopher Silvester,
Daily Express

‘ทา่ มกลางหนงั สอื มากมายทว่ มทน้ ในวาระครบรอบ 70 ปขี องอสิ รภาพ หนงั สอื เลม่ นเี้ ปน็ ความ
แตกตา่ ง...Indian Summer บรรลบุ างสงิ่ ทที่ ง้ั งา่ ยกวา่ และยากกวา่  การจดั วางพฤตกิ รรมและ
อารมณ์ความรู้สึกของบุคคลหลักไม่ก่ีคนไว้ที่ใจกลางของห้วงนาทีอันสับสนอลหม่านย่ิงใน
ประวตั ศิ าสตร’์  - Ben Macintyre, New York Times 

‘งานทใี่ ชค้ วามสามารถ ดงึ ดดู  เปน็ ทถ่ี กเถยี ง เปย่ี มชวี ติ ชวี ายง่ิ  และบางครง้ั  อยา่ งไมส่ นใจวา่
คนอน่ื จะเหน็ วา่ เหมาะสมหรอื ไม.่ ..เปน็ การเปดิ ตวั ทโ่ี ดดเดน่ ’ - Lawrence James, ผเู้ ขยี น
The Rise and Fall of British Empire  และ  Raj: The Making and Unmaking
of British India

‘อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ อ้างอิงถ้อยค�ำชวนสยองของสตาลิน “หนึ่งความตายเป็นหนึ่ง
โศกนาฏกรรม หนึ่งล้านความตายเป็นสถิติ” ในหนังสือเยี่ยมยอดและชวนจดจ่อเล่มน้ี คือ
ความสำ� เรจ็ ของเธอทท่ี ำ� ใหถ้ อ้ ยคำ� เหลา่ นเ้ี ปน็ คำ� ลวง และบางบทอนั ทรงพลงั ทส่ี ดุ ในเลม่  เปน็
ส่ิงเตือนความจ�ำท่ีสยดสยองยิ่งไปกว่าจินตนาการที่เลวร้ายสุดของพวกเรา’ - Miranda
Seymour,  Evening Standard

‘Indian Summer’ เปน็ การใชค้ วามสามารถเอกอแุ ทจ้ รงิ  ซมึ ซบั ในรายละเอยี ดของเรอ่ื งราว
และในขอบเขตกวา้ งขวางอยา่ งเชยี่ วชาญ’ - Martin Gillbert

‘อเลก็ ซ ์ ฟาน ทนั ซลั มานนเ์ ปน็ นกั ประวตั ศิ าสตรท์ เี่ ยย่ี มยอด รอบรแู้ ละหลกั แหลม แตเ่ ธอยงั
มบี างสง่ิ ทค่ี าดไมถ่ งึ  เปน็ นกั เขยี นทมี่ ไี หวพรบิ  และมองตวั ละครไดท้ ะลปุ รโุ ปรง่  แบบทอ่ี ฟี ลนิ
วอห ์ (Evelyn Waugh) จะตอ้ งปลมื้ แนๆ่ ’ - Tom Holland

‘[ฟาน ทนั ซลั มานน]์  มคี วามสามารถในการศกึ ษาคน้ ควา้  และเลา่ เรอ่ื งของเธอพรอ้ มกบั การ
วินิจฉัยท่ีละเอียดลออเปี่ยมชีวิตชีวา ในท่วงท�ำนองที่มีศิลปะและเปี่ยมสีสัน’ - Literary
Review

‘ในการเปดิ ตวั อนั นา่ ประทบั ใจน ี้ อเลก็ ซ ์ ฟาน ทนั ซลั มานน ์ จดั วางเรอ่ื งเลา่ เรา้ ใจของการหนุ หนั
ละท้ิงดินแดนอาณานิคมสูงค่าท่ีสุดของอังกฤษ “เพชรยอดมงกุฎ?” ซึ่งดูขัดกับเล่ห์เพทุบาย
ทถี่ กู คลอ่ี อกมาพรอ้ มกบั การแตง่ ตงั้ เอริ ล์ เมานทแ์ บตเทนเปน็ ผสู้ ำ� เรจ็ ราชการคนสดุ ทา้ ย – รกั
สามเสา้ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั เอด็ วนิ า ภรยิ าของเขา และชวาหะรล์ าล เนหร์  ู นายกรฐั มนตรคี นแรกของ
อนิ เดยี อสิ รภาพ’ - Independent on Sunday

‘Indian Summer แจม่ แจง้ และมหี ลกั ฐานพสิ จู นไ์ ดอ้ ยา่ งเหน็ ชดั  อเลก็ ซ ์ ฟาน ทนั ซลั มานน์
นำ� ความคดิ เหน็ ใหมๆ่  มาเลา่ เรยี งการเขยี นประวตั ศิ าสตรอ์ ยา่ งทรงพลงั ’ - Victoria Glend-
inning

èĀÐùĀÜ×òéèúèśāÐòÿãāø
ëĈśČùöÖúāÓöāðòĈśČôÿïĈðăêŠÜÜāðāéòòâāÐāòèĀÐüŚāè

ประวัตศิ าสตรล์ ับปิดฉากจกั รวรรดอิ งั กฤษ
INDIAN SUMMER

อเลก็ ซ์ ฟาน ทนั ซลั มานน์: เขียน
สภุ ัตรา ภูมปิ ระภาส: แปล
ราคา 585 บาท

ALL RIGHTS RESERVED.
Copyright © Alex von Tunzelmann 2007
Thai translation right © 2021 by Gypsy Publishing Co., Ltd.

© ข้อความและรปู ภาพในหนังสอื เล่มนี้ สงวนลิขสิทธิต์ ามพระราชบัญญตั ลิ ิขสทิ ธ์ิ (ฉบับเพิ่มเตมิ ) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเลม่ นไี้ ปเผยแพรไ่ ม่ว่าในรูปแบบใดตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจากเจา้ ของลิขสทิ ธ์กิ ่อน
ยกเว้นเพอื่ การอ้างองิ การวจิ ารณ์ และประชาสัมพนั ธ์

ข้อมลู ทางบรรณานกุ รมของส�ำ นกั หอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
ฟาน ทนั ซลั มานน,์ อเลก็ ซ,์ ค.ศ.1977-.
ประวัตศิ าสตร์ลบั ปดิ ฉากจักรวรรดิองั กฤษ = Indian summer.-- กรุงเทพฯ : ยปิ ซกี รุป๊ , 2564.
588 หน้า.
1. รัฐบุรุษ--อนิ เดีย--ชวี ประวตั .ิ 2. อินเดีย--ประวตั ิศาสตร.์ I. สุภัตรา ภมู ิประภาส, ผแู้ ปล. II. ชือ่ เร่อื ง.
954.0359
ISBN 978-616-301-751-2

บรรณาธิการอำ�นวยการ : คธาวุฒิ เกนยุ้
บรรณาธิการบริหาร : สุรชยั พิงชัยภมู ิ
ทป่ี รึกษาฝ่ายต่างประเทศ : ศริ ิธาดา กองภา
บรรณาธกิ ารเล่ม : ชัยจักร ทวยุทธานนท์
กองบรรณาธกิ าร : คณติ า สตุ ราม พรรณิกา ครโสภา
เลขากองบรรณาธิการ : กันยารัตน์ ทานะเวช
พิสูจน์อักษร : ปทุม ปทมุ นภา
รปู เลม่ : วรนิ ทร์ เกตุรัตน์
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผูอ้ �ำ นวยการฝา่ ยการตลาด : นุชนันท์ ทกั ษิณาบัณฑิต
ผจู้ ดั การฝา่ ยการตลาด : ชิตพล จนั สด
ผู้จัดการทวั่ ไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
พิมพ์ท่ี : บริษัท วชิ ่ัน พรเี พรส จ�ำ กัด โทร. 0 2147 3175-6
จดั พิมพ์และจดั จ�ำ หน่ายโดย : บรษิ ัท ยิปซี กรุป๊ จ�ำ กดั เลขที่ 37/145 รามคำ�แหง 98 แขวง/เขตสะพานสงู กรงุ เทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร 0 2728 0939 ตอ่ 108
www.gypsygroup.net  www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd  Line ID: @gypzy
เครด ิตภาพ ปก : 1. Gandhi Jinnah 1944
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Gandhi_Jinnah_1944.jpg
2. Prime Minister Jawaharlal Nehru and Lady Mountbatten are seen at the Viceregal Lodge, Simla
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Prime_Minister_Jawaharlal_Nehru_and_Lady_Mountbatten_
are_seen_at_the_Viceregal_Lodge,_Simla.jpg
3. Cecil Beaton Photographs- Political and Military Personalities; Mountbatten, Louis (Earl) IB122
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Cecil_Beaton_Photographs-_Political_and_Military_
Personalities;_Mountbatten,_Louis_(Earl)_IB122.jpg
4. Independence Day celebrations in front of South Block, New Delhi
https://artsandculture.google.com/asset/dawn-of-independence/_wGHOg-GfW1H4w
5. Independence Day Celebrations: H.E. Lord Mountbatten and others leaving Viceroy's House
https://artsandculture.google.com/asset/dawn-of-independence/ywEFWmGMUnblvg
6. Pandit Jawaharlal Nehru Addressing Mid-Night Session of the Constituent Assembly of India
https://artsandculture.google.com/asset/dawn-of-independence/VAF5SKqCkr2HBQ

สนใจสัง่ ซ้อื หนังสอื จำ�นวนมากเพ่อื สนับสนุนทางการศกึ ษา  สำ�นักพมิ พ์ลดราคาพิเศษ  ตดิ ตอ่   โทร.  0  2728  0939

ประวัติศาสตร์ลบั ปดิ ฉากจักรวรรดอิ งั กฤษ

Indian Summer

อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ เขียน
สุภัตรา ภูมิประภาส แปล



แด่นกิ และแครอล
ด้วยรกั และขอบคณุ

สารบญั 49
61
คำ� นำ� สำ� นกั พมิ พ์ 83
หนง่ึ ภาพ พนั คำ� 101
แทนคำ� ขอบคณุ 121
คำ� ขอบคณุ 137
เครอื จกั รภพ (Commonwealth) 165
แผนท่ี 185
คำ� นำ� ในวาระครบรอบ 70 ปแี หง่ อสิ รภาพอนิ เดยี 203
บทนำ� : พอ้ งพานกบั โชคชะตา

ภาคหนงึ่ จกั รวรรดิ
1. ความกตญั ญรู คู้ ุณของพวกเขา คอื รางวัลท่ดี ที ่สี ดุ ของเรา
2. โมหนั กบั ชวาหะร ์
3. ข้าพเจา้ เปน็ พลเมืองอังกฤษ
4. ฝันถึงตะวนั ออก
5. ชีวติ สว่ นตวั
6. เราไมต่ อ้ งการซีซาร์ส
7. อ�ำนาจทไ่ี รค้ วามรบั ผิดชอบ
8. ละครฉากใหม ่
9. โอกาสสุดทา้ ย

ภาคสอง ปดิ ฉาก 231
10. ปฏบิ ตั กิ ารโรงพยาบาลบ้า 255
11. ลังดนิ ปืน 273
12. เรว็ ปานสายฟ้าก็ยงั ชา้ ไป 291
13. แอปเปิ้ลเต็มตะกรา้ 309
14. สายรุ้ง
333
ภาคสาม จดุ เรมิ่ ตน้ 355
15. สวรรคบ์ นดิน 377
16. สงครามเพือ่ เดลี 401
17. แคชเมยี ร ์
18. อาจไมใ่ ชว่ ันน้ี อาจไม่ใชพ่ ร่งุ นี้ 433
457
ภาคสี่ ภายหลงั
19. จูบอำ� ลา 477
20. เสยี งสะท้อนก้องกลบั 479
หมายเหต:ุ คำ� นำ� หนา้ ชอ่ื - ตำ� แหนง่ - บรรดาศกั ด ์ิ 484
อภธิ านศพั ท ์ 501
บรรณานกุ รม 567
เชงิ อรรถ
ดชั นคี ำ�

ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์

จักรวรรดิอังกฤษประกอบด้วยอาณานิคมโพ้นทะเลและสถานีการค้าของ
ราชอาณาจกั รองั กฤษ กอ่ ตงั้ ขน้ึ ตงั้ แตป่ ลายศตวรรษท ี่ 16 และเจรญิ ขนึ้ ถงึ ขดี
สดุ ในชว่ งตน้ ศตวรรษท ่ี 18 ครอบคลมุ พนื้ ทมี่ ากกวา่  33 ลา้ นตารางกโิ ลเมตร
หรอื เกอื บหนงึ่ ในสข่ี องโลก จนเปน็ ทม่ี าของคำ� วา่  “ดนิ แดนทดี่ วงอาทติ ยไ์ มเ่ คย
ตกดนิ ”
หลังการสูญเสียอาณานิคม 13 แห่งในทวีปอเมริกาเหนือเม่ือปลาย
ศตวรรษท ี่ 18 ความสนใจของจกั รวรรดมิ งุ่ ไปทที่ วปี แอฟรกิ า ทวปี เอเชยี และ
พน้ื ทใี่ นมหาสมทุ รแปซฟิ กิ  ประกอบกบั ความพา่ ยแพข้ องนโปเลยี นในป ี 1815
ท�ำให้อังกฤษก้าวข้ึนมาเป็นมหาอ�ำนาจโลก กรุงลอนดอนกลายเป็นมหานคร
ขนาดใหญท่ เี่ ปน็ ศนู ยก์ ลางของการเมอื ง เศรษฐกจิ  และวฒั นธรรม 
ความยง่ิ ใหญท่ ยี่ ากจะหาผตู้ อ่ ตา้ นไดท้ ำ� ใหเ้ กดิ ชว่ งเวลาทเ่ี รยี กวา่ สนั ติ
แหง่ บรติ ชิ  (Pax Britannica) ซง่ึ เปน็ ความสงบสขุ เรยี บรอ้ ยทอี่ งั กฤษบนั ดาล
หรอื ใชอ้ ำ� นาจบบี บงั คบั ใหเ้ กดิ ขน้ึ  องั กฤษแสดงบทบาทในฐานะผจู้ ดั ระเบยี บโลก
โดยเฉพาะในช่วงเวลาราว 100 ปี ระหว่างปี 1815-1914 ย่ิงเม่ือมีการผนวก
ดินแดนต่างๆ ท้ังอินเดีย พ้ืนท่ีส่วนใหญ่ของแอฟริกา อียิปต์ ออสเตรเลีย
แคนาดา ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด ์ การควบคมุ และครอบงำ� ทงั้ ทางการเมอื ง
และเศรษฐกจิ อยา่ งเปน็ ทางการกป็ รากฏชดั ยง่ิ ขน้ึ
ความทา้ ทายจากเยอรมนแี ละสหรฐั อเมรกิ า ตลอดจนความตงึ เครยี ด
ทเี่ กดิ จากสงครามโลกครงั้ ท ี่ 1 (1914-1918) ทำ� ใหอ้ งั กฤษตอ้ งพง่ึ พาจกั รวรรดิ
ของตนเป็นหลักทั้งก�ำลังคนและการเงิน ท�ำให้เม่ือสงครามดังกล่าว
ยุติลง อังกฤษมิได้เป็นมหาอ�ำนาจทางการทหารและอุตสาหกรรมของโลกอีก
ตอ่ ไป ยง่ิ เมอ่ื เกดิ สงครามโลกครง้ั ท ่ี 2 (1938-1945) อาณานคิ มหลายแหง่ ของ

อังกฤษถูกญี่ปุ่นยึดครอง แม้ในช่วงท้ายอังกฤษและฝ่ายสัมพันธมิตรจะได้
ชยั ชนะ แตอ่ กี ดา้ นหนง่ึ ความเสอื่ มของจกั รวรรดกิ ม็ าถงึ จดุ ตำ�่ สดุ
เหตุการณ์ในคืนวันที่ 15 สิงหาคม 1947 ปลดปล่อยผู้คนกว่า 400
ลา้ นคนจากจกั รวรรดอิ งั กฤษ เพยี งไมก่ ช่ี ว่ั โมงหลงั จากนนั้  กเ็ กดิ การปะทะกนั
อยา่ งรนุ แรง ผคู้ นนบั ลา้ นถกู ทำ� รา้ ย บาดเจบ็  ลม้ ตาย จากสาเหตขุ องการแบง่
แยกดนิ แดนระหวา่ งประชาชาตทิ เี่ พงิ่ เกดิ ใหม ่ คอื  อนิ เดยี และปากสี ถาน ทแ่ี ม้
ผ่านไปเกือบร้อยปี ความขัดแย้งหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์คร้ังน้ันก็
สง่ ผลเรอ่ื ยมา
  อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ ค้นคว้าด้วยความอุตสาหะ จากหลักฐาน
ประวัติศาสตร์ จดหมายเหตุ เอกสารส่วนบุคคล ฯลฯ จนได้ภาพชีวิตของ
ชวาหะรล์ าล เนหร์ ,ู  มหาตมะ คานธ,ี  ลอรด์ หลยุ ส ์ เมานทแ์ บตเทน กบั เลดเี้ อด็ วนิ า
เมานทแ์ บตเทน ผสู้ ำ� เรจ็ ราชการและสภุ าพสตรหี มายเลขหนง่ึ คสู่ ดุ ทา้ ยแหง่ บรติ ชิ
อนิ เดยี  โมฮมั หมดั  อาล ี จนิ นาห ์ ผกู้ อ่ ตงั้ ปากสี ถาน และอดตี กษตั รยิ เ์ อด็ เวริ ด์ ที่
8 เมื่อคร้ังเป็นมกุฎราชกุมาร ที่ล้วนแต่เป็น “ตัวละคร” ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ใน “ประวตั ศิ าสตรล์ บั ” นท้ี งั้ สน้ิ
สำ� นกั พมิ พย์ ปิ ซ ี ภมู ใิ จทไี่ ดจ้ ดั พมิ พห์ นงั สอื แนวประวตั ศิ าสตรท์ ท่ี รง
คณุ คา่ เลม่ น ้ี ซง่ึ  สภุ ตั รา ภมู ปิ ระภาสแปลและถา่ ยทอดขอ้ มลู  อารมณแ์ ละความ
รู้สึกอย่างพิถีพิถัน พร้อมอธิบายขยายความเพ่ิมเติมไว้ด้วย หนังสือเล่มนี้จึง
เหมาะทั้งการอ่านเพิ่มพูนความรู้และการใช้อ้างอิงทางวิชาการส�ำหรับผู้สนใจ
เหตกุ ารณท์ ส่ี ง่ ผลกระทบไปทวั่ โลกกอ่ นการสนิ้ สดุ จกั รวรรดอิ งั กฤษ

สำ� นกั พมิ พย์ ปิ ซี

หนึ่งภาพ พนั คำ�

ประวตั ศิ าสตรล์ บั ทต่ี ดั สนิ อนาคตของอนิ เดยี และปากสี ถานปจั จบุ นั เกดิ ขนึ้ ใน
ฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1947 เม่ืออังกฤษให้เอกราชกับบริติชอินเดีย แต่ต้อง
ขีดเส้นแบ่งเขตแดนแยกแผ่นดินเป็นอินเดียกับปากีสถาน น�ำไปสู่เหตุการณ์
ปะทะกนั รนุ แรงโหดรา้ ยระหวา่ งประชาชนชาวฮนิ ด ู ซกิ ข ์ และมสุ ลมิ  ประชาชน
นบั ลา้ นถกู ทำ� รา้ ย ฆา่ ฟนั  ขม่ ขนื  ลม้ ตายเลอื ดนองแผน่ ดนิ  และประชาชนราว
14 ลา้ นคนตอ้ งอพยพหนตี ายกลายเปน็ ผพู้ ลดั ถนิ่ ในแผน่ ดนิ ทเ่ี คยถกู เรยี กวา่
“บริตชิ อนิ เดีย”
  อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ (Alex von Tunzelmann) ผู้เขียน
Indian Summer เล่าไว้ในค�ำน�ำฉบับพิมพ์ปี 2017 ในวาระครบรอบ 70 ปี
ของอิสรภาพอินเดีย ว่าเธอเร่ิมต้นจากความสนใจและการท�ำวิจัยหาข้อมูล
เกยี่ วกบั ลอรด์ หลยุ ส ์ เมานทแ์ บตเทน กบั เลดเี้ อด็ วนิ า เมานทแ์ บตเทน ผสู้ ำ� เรจ็
ราชการและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคู่สุดท้ายแห่งบริติชอินเดีย และเม่ือเธอ

ตามไปหาข้อมูลท่ีพิพิธภัณฑ์และห้องสมุดเนห์รู เมมโมเรียล (The Nehru
Memorial Museum Library – NMML) ในกรงุ เดล ี ป ี 2005 เธอสะดดุ ตา
กบั ภาพถ่ายเลด้ีเมานทแ์ บตเทนกบั ชวาหะร์ลาล เนห์รู นายกรฐั มนตรคี นแรก
ของอินเดียอิสรภาพระหว่างเย่ียมค่ายผู้ลี้ภัย ทั้งสองเกาะกุมมือกันอยู่ เธอ
บอกว่าเร่ืองความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสองคนนี้ เป็นเร่ืองที่รู้กันและถูก
พูดถึงกันท่ัวอยู่แล้ว และได้รับการยืนยันโดยลูกสาวของเลดี้เอ็ดวินา และ
หลานสาวของเนห์รู แต่จะมีเรื่อง “สัมพันธภาพทางกาย” หรือไม่น้ัน มีเพียง
คนสองคนเทา่ นนั้ ทรี่  ู้ และทง้ั สองกต็ ายไปแลว้  แตภ่ าพการเกาะกมุ มอื กนั ของ
ทง้ั สองในยคุ นน้ั  “โดยเฉพาะระหวา่ งหญงิ แตง่ งานแลว้ กบั พอ่ มา่ ย” สรา้ งความ
ชอ็ กใหก้ บั คนจ�ำนวนมากท้ังในอังกฤษและอินเดยี  
  ส�ำหรับเธอในฐานะนักประวัติศาสตร์ สนใจการแปรความในเร่ือง
ความสัมพนั ธ์อนั พเิ ศษนี้ของท้ังสองกับผลกระทบทางการเมอื ง  
  จากภาพถ่ายใบนี้ อเล็กซ์ ฟาน ทันซัลมานน์ พาผู้อ่านย้อนกลับไป
สัมผัสประวัติศาสตร์การเมืองของบริติชราช กับราชส�ำนักและรัฐบาลใน
ลอนดอน อนิ เดยี  ปากสี ถาน และภมู หิ ลงั บคุ คลสำ� คญั ทเี่ กย่ี วขอ้ งในเหตกุ ารณ์
ช่วงนั้นอย่างชวนติดตามย่ิง ไม่เพียงเนห์รู และเลดี้เอ็ดวินาเท่าน้ัน แต่เธอได้
ขุดค้นและเปิดให้เห็นภาพท้ังด้านสว่างและด้านมืดของอีกหลายบุคคล ทั้ง
มหาตมะ คานธี, โมฮัมหมัด อาลี จินนาห์ ผู้ก่อต้ังปากีสถาน, ลอร์ดหลุยส์
เมานทแ์ บตเทน, รวมทงั้ อดตี กษตั รยิ เ์ อด็ เวริ ด์ ท ี่ 8 เมอื่ ครง้ั เปน็ มกฎุ ราชกมุ าร 
  อเลก็ ซ ์ ฟาน ทนั ซลั มานน ์ ปลกุ บคุ คลสำ� คญั เหลา่ นม้ี าโลดแลน่ อยา่ ง
มีสีสันอยู่ตรงหน้าผู้อ่าน เปิดชีวิตส่วนตัวของพวกเขาที่แยกไม่ออกจาก
การเมอื ง ความสมั พนั ธท์ น่ี ำ� ไปสสู่ ขุ และโศกนาฏกรรมอนั ลอื ลนั่ ครง้ั หนง่ึ ทโ่ี ลก
ตอ้ งจารึกไว้


สภุ ตั รา ภมู ปิ ระภาส

แทนค�ำขอบคุณ

Indian Summer: The Secret History of the End of an Empire เปน็
หนึง่ เลม่ ในหนังสือขนึ้ หิง้ ของผแู้ ปลมานานหลายปี อยากแปลตง้ั แต่อา่ น และ
ดใี จทมี่ โี อกาสไดแ้ ปลในทสี่ ดุ  สองคนแรกทชี่ ว่ ยเปดิ ชอ่ งทางใหค้ วามปรารถนา
เป็นจรงิ คอื  สมชาย จิว  และวาสนา ชูรัตนแ์ ห่งส�ำนกั พิมพย์ ปิ ซ ี
ระหว่างการแปล มีบุคคลมากมายให้ความช่วยเหลือเก้ือหนุนใน
ทุกด้านที่ผู้แปลติดขัด ท้ังข้อมูลความรู้ ค�ำศัพท์เฉพาะ การตีความ การออก
เสียงขานนามในภาษาต่างๆ รวมท้ังการตรวจทาน การตั้งชื่อ หนังสือเล่มนี้
ส�ำเร็จลุล่วงอยู่ในมือผู้อ่านได้เพราะความช่วยเหลือในทางใดทางหน่ึงของ
บุคคลดงั ตอ่ ไปนี้
กนกวรรณ เกดิ ผลานนั ท,์  ศราวฒุ  ิ ประทมุ ราช, ประวติ ร โรจนพฤกษ,์
ซาอุดี ตาเยะ, สมฤทธ์ิ ลือชัย, ดวงทิพย์ อิฐกอ, นันทิยา ต้ังวิสุทธิจิต,
รศ. นฤมล ทบั จมุ พล, รศ. อบุ ลรตั น ์ ศริ ยิ วุ ศกั ด,ิ์  สงวน คมุ้ รงุ่ โรจน,์  แมทธวิ
ทิพยมาบุตร, อ้อมทิพย์ เกิดผลานันท์, รศ. โคทม - พรทิพย์ อารียา,
SADAQAT-UR-RAHMAN, Sudha Shah, Emma Larkin, Owen
Lammers ,ชัยจักร  ทวยุทธานนท์  บรรณาธิการแปล,  สุรชัย  พิงชัยภูมิ
บรรณาธกิ ารสำ� นักพมิ พ์ และทมี งานทกุ ทา่ น

ผแู้ ปลขอจารจดนามแทนคำ� ขอบคุณไว้ ณ ท่นี ี้


สภุ ตั รา ภมู ปิ ระภาส
มนี าคม ค.ศ. 2021

คำ� ขอบคณุ

ในองั กฤษ ฉนั ซาบซง้ึ ในนำ�้ พระทยั สมเดจ็ พระราชนิ นี าถเอลซิ าเบธท ่ี 2 ทที่ รง
อนุญาตให้ฉันได้เข้าถึงเอกสารหอจดหมายเหตุวินด์เซอร์ และขอบคุณ
เจ้าหน้าท่ีท่ีนี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pamela Clark; เจ้าหน้าที่กองเอกสาร
เมานท์แบตเทนท่ีมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตัน และขอบคุณเป็นพิเศษส�ำหรับ
Karen Robson และ Chris Woolgar; หอจดหมายเหตุแห่งชาติท่ีคิว
(Kew); แผนกเอเชียและแอฟริกันศึกษา ท่ีหอสมุดแห่งชาติอังกฤษ ใน
ลอนดอน; หอ้ งสมดุ หนงั สอื พมิ พท์ ค่ี อลนิ เดล (Colindale); หอจดหมายเหตุ
เชอรช์ ลิ  ทว่ี ทิ ยาลยั เชอรช์ ลิ  ในเคมบรดิ จ;์  ศนู ยเ์ อเชยี ใตศ้ กึ ษา; แผนกเอกสาร
สมยั ใหม่ ทีห่ ้องสมดุ  Bodlein Library ในออกซฟอรด์  โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่
Colin Harris และ Helen Langley; วทิ ยาลยั บรู พคดศี กึ ษาและการศกึ ษา
แอฟรกิ า มหาวทิ ยาลยั ลอนดอน; และหอ้ งสมดุ ลอนดอน.  ในอนิ เดยี  ฉนั ขอ
ขอบคุณเจ้าหน้าท่ีทุกคนที่หอสมุดแห่งชาติ และท่ีพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด
เนหร์  ู เมมโมเรยี ล (Nehru Memorial Museum & Library) ทง้ั สองแหง่
ในนิวเดลี
ระหวา่ งเขยี นหนงั สอื เลม่ น ้ี ฉนั เพยี รพยายามในการตดิ ตอ่ กบั ครอบครวั
เมานท์แบตเทนและเนห์รู ด้วยความหวังว่าจะได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อมูลจาก
จดหมายโต้ตอบระหว่างชวาหะร์ลาล เนห์รู กับเอ็ดวินา เมานท์แบตเทน แม้
ไดร้ บั คำ� ตอบสภุ าพ แตท่ งั้ สองครอบครวั ไมก่ ระตอื รอื รน้ ทจี่ ะใหค้ วามรว่ มมอื
มีเพียงข้อมูลจ�ำนวนหนึ่งของบรรดานักประวัติศาสตร์ซึ่งได้คัดสรรมาอย่าง
ระมัดระวัง ที่ยอมให้ส�ำรวจตรวจตราจดหมายโต้ตอบกันนี้ ซึ่งน่าเสียดาย
เน่ืองเพราะข้อมูลเหล่านี้จะเผยให้เห็นถึงการเมืองและเรื่องส่วนตัวบางเร่ืองที่
ตรึงใจท่ีสุดแห่งศตวรรษท่ี 20 กล่าวกันว่าลอร์ดเมานท์แบตเทนต้องการให้
จดหมายเหล่านี้ได้รับการตีพิมพ์ แต่ระหว่างที่เขียนหนังสือเล่มนี้ จดหมาย

ทงั้ หมดยังถกู เก็บไว้

บคุ คลจำ� นวนมากเออื้ เฟอ้ื ใหค้ ำ� แนะนำ� และความเหน็  ฉนั ขอขอบคณุ
โดยเฉพาะ M.J. Akbar, William Dalrymple, Saul David, Nicky
Goldberg, Anna and James Hatt, Lawrence James, Julia Jordan,
Edward Luce, Eleanor Newbigin, Dora Napolitano, Alexander
van Praag, Nicole Taylor, Eugènie von Tunzelmann และ Siraj
Ulmulk. ค�ำขอบคุณพิเศษมอบแด่ Nayantara Sahgal ท่ีแบ่งปันความ

ทรงจ�ำแจ่มชัดและทะลุปรุโปร่งของเธอต่อช่วงเวลาน้ันและบุคคลในหนังสือ

เล่มน้ี  อีกทั้งอนุญาตให้ฉันได้ดูคลังจดหมายส่วนตัวและภาพถ่ายสุดพิเศษ
ของเธอ ฉนั ตอ้ งการขอบคณุ  Jeremy Paxman ดว้ ยสำ� หรบั การมอบโอกาส
อันประเมินค่ามิได้ให้กับการฝึกฝนทักษะการท�ำวิจัยของฉัน และส�ำหรับการ

สนบั สนนุ ใหเ้ ขยี นหนงั สอื ของตวั เอง  เพอื่ นสองคนทใ่ี หค้ วามชว่ ยเหลอื สำ� คญั
ย่ิงเป็นการเฉพาะ คือ Maddie Rowe ผู้ให้ความเห็นอันปราดเปรื่องและ
ท�ำให้เข้าใจได้ทะลุปรุโปร่ง และความเห็นของ Adi Bloom ผ่านสายตาของ

นกั อา่ นทเ่ี ยยี่ มยอด และความกระตอื รอื รน้ ทแ่ี พรล่ ามสำ� หรบั ทกุ เรอ่ื งทอ่ี นทุ วปี

สรา้ งแรงบนั ดาลใจ
เหตุการณ์ทั้งหมดของปี 1947-1948 ยังคงเป็นที่ถกเถียง และบาง
คนทส่ี นทนากบั ฉนั ขอใหส้ งวนนาม พวกเขาไดร้ บั การขอบคณุ อยา่ งแนน่ อนไม่

วา่ อยา่ งไรกต็ าม ความผดิ พลาดคลาดเคลอ่ื นใดๆ ในหนงั สอื เลม่ นเี้ ปน็ ความรบั

ผิดชอบของฉนั ทง้ั หมด

ส�ำหรับการผลิตหนังสือเล่มนี้ ฉันขอบคุณบรรณาธิการทุกคน
Andrew Gordon, George Hodgman และ Chris Bucci;  รวมทั้ง
Jennifer Barth, Kari Brownlie, Martin Bryant, Eva Diaz, Joanne
Edgecombe, Lisa Fyfe, Sue Gard, Vicki Haire, Meryl Levavi,
Vanessa Mobley, Emily Montjoy, Lindsay Ross, Kenn Russell,
Rory Scarfe, John Sterling, และทกุ คนทสี่ ำ� นกั พมิ พ ์ Simon & Schuster
ในลอนดอน, ส�ำนักพิมพ์ Henry Holt ในนิวยอร์ก และส�ำนักพิมพ์ Mc
Clelland & Stewart ในโตรอนโต ฉนั ขอบคณุ อยา่ งทสี่ ดุ สำ� หรบั  Natasha
Fairweather  และทุกคนที่ A.P. Watt โดยเฉพาะอย่างย่ิง Philippa

Donovan, Rob Kraitt, Naomi Leon และ Linda Shaughnessy.
ทา้ ยสดุ  ขอบคณุ พอ่ แมส่ ำ� หรบั หลายสงิ่ มากมายเกนิ จะจาระไนไวใ้ น
ที่นี้ นอกจากการเก้ือหนุนไม่จบส้ินของท่าน ทั้งความรอบรู้ ความใจกว้าง
ค�ำชี้แนะ และความรักที่มีให้ตลอดโครงการนี้ น่ีเป็นโอกาสท่ีจะอุทิศหนังสือ
เล่มน้ีแดท่ า่ น

เครือจกั รภพ (Commonwealth)

แต่เดิมเครือจักรภพอังกฤษ (British Commonwealth) หมายถึงดินแดน
ในอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ ที่ได้รับอิสรภาพและมีรัฐบาลปกครอง
ตวั เอง แตย่ งั รกั ษาสายสมั พนั ธก์ บั องั กฤษอนั จะกอ่ ประโยชนต์ า่ งๆ โดยใหค้ ำ�
สัตย์ปฏิญาณจะจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษ ซึ่งกษัตริย์หรือราชินี
อังกฤษจะด�ำรงต�ำแหน่งประมุขของประเทศในเครือจักรภพเหล่าน้ี แต่ไม่
ปกครอง จนถึงบัดนี้ เครือจักรภพมีประมุขเพียง 2 พระองค์ คือ กษัตริย์
จอรจ์ ท ่ี 6 และสมเด็จพระราชินีนาถเอลซิ าเบธท่ ี 2 แห่งสหราชอาณาจกั ร
  อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ. 1858 และได้รับ
อสิ รภาพป ี ค.ศ. 1947 มสี ถานะเปน็ รฐั ในเครอื จกั รภพ โดยมกี ษตั รยิ จ์ อรจ์ ท ่ี
6 เป็นองค์ประมขุ  
  ปี ค.ศ. 1949 หลังการประชุมนายกรัฐมนตรีของประเทศใน
เครอื จกั รภพทลี่ อนดอน มกี ารประกาศปฏญิ ญาลอนดอน ระบใุ หส้ าธารณรฐั
และประเทศอน่ื ๆ สามารถเขา้ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของเครอื จกั รภพได ้ โดยเปลย่ี นชอื่
จาก “British Commonwealth” เป็น “Commonwealth” รวมท้ังยกเลิก
การให้ค�ำสัตย์ปฏิญาณจะจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษออกจาก
ระเบยี บขอ้ บงั คบั ของกลมุ่  ถอื เปน็ จดุ กำ� เนดิ ของเครอื จกั รภพยคุ ใหม ่ นบั จาก
นน้ั มปี ระเทศเอกราชจากแอฟรกิ า อเมรกิ า เอเชยี  ยโุ รป และแปซฟิ กิ  เขา้ รว่ ม
เปน็ สมาชกิ เครอื จกั รภพ ปจั จบุ นั สมาชกิ ภาพอยบู่ นความรว่ มมอื โดยสมคั รใจ
อย่างเทา่ เทียมและเสร ี
  ป ี 1950 อนิ เดยี สถาปนาเปน็ สาธารณรฐั อนิ เดยี  โดยมปี ระธานาธบิ ดี
เป็นประมุข และมีชวาหะร์ลาล เนห์รู เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ยังเป็นสมาชิก
เครอื จักรภพ และเป็นประเทศสมาชกิ ที่มีประชากรมากท่สี ดุ

  พลเมอื งของเครอื จกั รภพมสี ทิ ธพิ เิ ศษเมอ่ื พำ� นกั ในองั กฤษ มากกวา่
ผอู้ พยพยา้ ยถน่ิ เดมิ ไดร้ บั  พลเมอื งอนิ เดยี ทพี่ ำ� นกั ในทแี่ หง่ ใดกต็ ามในองั กฤษ
สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ และเวลส์  มีสิทธิลงคะแนนเสียงในการ
เลอื กตงั้ ระดบั ทอ้ งถน่ิ และระดบั ชาต ิ และถา้ พลเมอื งอนิ เดยี เดนิ ทางไปประเทศ
ที่ไมม่ สี ถานทตู อินเดีย กส็ ามารถรบั ความชว่ ยเหลือทส่ี ถานทตู องั กฤษแทน
  ทง้ั น ี้ ประเทศทส่ี มคั รเปน็ สมาชกิ ตอ้ งมพี นั ธสญั ญาตอ่ ประชาธปิ ไตย
มีการเลือกตั้งท่ีเป็นธรรม และมีสภานิติบัญญัติ รวมทั้งยอมรับข้อถกเถียงท่ี
เกิดข้ึนภายในเครือจักรภพ และสามารถถูกระงับสมาชิกภาพได้หากมีกรณี
การละเมดิ สทิ ธมิ นษุ ยชนในประเทศ อาท ิ ปากสี ถานเคยถกู ระงบั สมาชกิ ภาพ
ชวั่ คราวหลังเกดิ รฐั ประหารป ี 1999

สภุ ตั รา ภมู ปิ ระภาส
2021



Indian Summer

ประวตั ศิ าสตรล์ ับปิดฉากจักรวรรดอิ ังกฤษ











ค�ำน�ำ
ในวาระครบรอบ 70 ปแี ห่งอสิ รภาพอินเดยี

สบิ ปที แี่ ลว้ เมอื่ ฉนั เขยี นหนงั สอื เลม่ น ี้ ฉนั สรปุ ดว้ ยความคดิ วา่  ‘ฝนั รา้ ยเหลา่ นี้
เกยี่ วกบั จกั รวรรดกิ ำ� ลงั ลบั เลอื นไป’ ฉนั มคี วามรสู้ กึ วา่ ความทรงจำ� ทง้ั ปวงของ
จกั รวรรด ิ ในบรเิ ตน อนิ เดยี  และปากสี ถาน กำ� ลงั ลว่ งผา่ นเขา้ ไปสปู่ ระวตั ศิ าสตร์
แต่ฉันคิดผิด ในประเทศเหล่านี้ท้ังหมด ประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิและ
ผลกระทบจากการสนิ้ สดุ ของมนั ดเู หมอื นจะสำ� แดงในปจั จบุ นั มากยงิ่ กวา่ ทเ่ี ปน็
เมอ่ื หนงึ่ ทศวรรษทแ่ี ลว้
เปน็ ทเ่ี ชอื่ กนั ของผคู้ นมากมายในเวลาของการแยกประเทศวา่ อนิ เดยี
และปากสี ถานจะฟน้ื สมั พนั ธภาพหรอื อยา่ งนอ้ ยกล็ งเอยเปน็ เพอ่ื นบา้ นทใ่ี หค้ วาม
ร่วมมือกันอย่างสมเหตุสมผล โมฮัมหมัด อาลี จินนาห์ ผู้ก่อต้ังปากีสถาน
ดเู หมอื นจะเชอ่ื เชน่ น ้ี เขาไมข่ ายบา้ นอนั เปน็ ทร่ี กั ของเขาในบอมเบย ์ และตง้ั ใจ
จะยังคงใช้บ้านน้ีต่อไปอย่างเห็นชัด บ้านเซาท์คอร์ท (South Court) ยังคง
ต้ังอยู่บนเนินมะละบาร์ ฮิลล์ (Malabar Hill) ในเมืองท่ีปัจจุบันนี้คือมุมไบ
บา้ นไมห้ ลงั งามโออ่ า่ คอ่ ยๆ ผพุ งั อยบู่ นคาบสมทุ รระหวา่ งมหาสมทุ รอนิ เดยี กบั
แบคเบย ์ (Back Bay) ครอบครวั จนิ นาหต์ อ่ สเู้ พอื่ ทจ่ี ะเรยี กคนื จากรฐั บาลแหง่
อนิ เดยี  เหลา่ นกั การเมอื งชาตนิ ยิ มฮนิ ดใู นทอ้ งถนิ่ สง่ เสยี งเรยี กรอ้ งใหท้ ำ� ลายบา้ น
หลงั นเี้ พราะเปน็  ‘สญั ลกั ษณแ์ หง่ การแบง่ แผน่ ดนิ ’
ประชาชนราว 14 ลา้ นคนพลดั ถน่ิ ฐานจากการแบง่ แผน่ ดนิ ของอนิ เดยี
ครอบครัวพวกเขาโดยส่วนใหญ่จะไม่เคยได้รับกรรมสิทธ์ิครอบครองคืนมา
แม้ว่าท่ีดินทั้งหมดน้ีคือการสูญเสียใหญ่หลวงท่ีสุดไม่ว่าทางใด ไม่มีตัวเลขท่ี
สามารถอธิบายได้อย่างเพียงพอส�ำหรับส่ิงท่ีสูญเสียไปพร้อมกับชีวิตจ�ำนวน
มาก – อาจหนงึ่ ลา้ น แตท่ วา่ ไมม่ ใี ครร ู้ – และผลกระทบตอ่ อกี หลายลา้ นคนท่ี

ค�ำน�ำ

ถกู ทารณุ  ไดร้ บั ความบอบชำ�้ ทางใจ หรอื บาดเจบ็ สาหสั
สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ไมเ่ ปน็ ทพี่ งึ ปรารถนาของผใู้ ด อนิ เดยี ถกู แบง่ แยก ซงึ่ ชาว
อินเดียและรัฐบาลอังกฤษไม่ต้องการ การแบ่งแยกน้ีเกิดสิ่งที่จินนาห์เรียก
ว่า ‘ปากีสถานท่ีถูกแมลงกัดกิน’ ซึ่งชาวปากีสถานและผู้สนับสนุนพวกเขา
ไมต่ อ้ งการ เมอื่ กลบั มาอา่ นหนงั สอื เลม่ น ้ี ฉนั รสู้ กึ ไดอ้ กี ครงั้ ถงึ โอกาสมากมาย
เพยี งใดทจ่ี ะหลกี เลย่ี งสงิ่ ทงั้ หมดเหลา่ น้ี
เขตแดนทตี่ อนนคี้ อื อนิ เดยี  ปากสี ถาน และบงั กลาเทศ ถกู แบง่ เปน็ รฐั
ยอ่ ยๆ หลายรอ้ ยรฐั ภายใตก้ ารปกครองขององั กฤษ ผกู กนั ไวด้ ว้ ยแบบแผนที่
ซับซ้อนของเศรษฐกิจ ภาษา วัฒนธรรม อาหาร ศาสนา และจารีตประเพณี
ในวันที่ 14-15 สิงหาคม 1947 เส้นแบ่งนี้ฉีกโยงใยท่ีบอบบางนี้ถ้วนทั่ว ใน
70 ปีท่ีตามมา โยงใยต่างๆ ถูกถักทอข้ึนอีก – แต่บนแต่ละฝั่งของเส้นแบ่ง
เขตแดน ไมข่ า้ มพรมแดน ความตงึ เครยี ดระหวา่ งอนิ เดยี กบั ปากสี ถานเพมิ่ ขน้ึ
นับต้ังแต่หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้น อินเดียเลือกต้ังรัฐบาลฝ่ายขวาพร้อมกับ
ทิศทางชาตินิยมฮินดู และปากีสถาน – ซึ่งทุกข์ทนใหญ่หลวงจากผลกระทบ
ของสงครามในอฟั กานสิ ถานระหวา่ งป ี 2001-2014 ทนี่ ำ� โดยอเมรกิ า – ยงั คง
สู้รบกับพวกหัวรุนแรงสุดโต่ง ลัทธิชาตินิยมและลัทธิสุดโต่งต่างต้องการศัตรู
และศัตรูที่ชัดเจนส�ำหรับแต่ละประเทศคืออีกฝ่าย ในปีท้ายๆ มีการยิงข้าม
แนวเสน้ ควบคมุ พรมแดนโดยพฤตนิ ยั ในแคชเมยี ร ์ เสรมิ ดว้ ยความโกรธเกรยี้ ว
จากทหารอนิ เดยี และปากสี ถาน สงครามระหวา่ งสองประเทศนวิ เคลยี รจ์ ะเปน็
อนั ตรายอยา่ งรา้ ยแรง แตใ่ นสองประเทศจะไดป้ ระโยชนท์ างการเมอื งมาก โดย
การยว่ั ยอุ กี ฝา่ ยไปสรู่ มิ หบุ เหวของความพนิ าศ
เสน้ อะไรกต็ ามทผ่ี คู้ นยอมรบั แคชเมยี รโ์ ดยทางการเมอื ง เปน็ การยาก
ทจี่ ะปฏเิ สธวา่ สถานการณส์ ำ� หรบั ชาวแคชเมยี รท์ วั่ ๆ ไปยงั คงทกุ ขท์ นจากการแบง่
ประเทศทย่ี งั คง่ั คา้ งนน้ั เลวรา้ ยมาก รฐั แสนงดงามเกนิ กวา่ จะพรรณนาของพวก
เขาถกู เฉอื นออกโดยลวดหนามและกำ� แพงคอนกรตี  ถกู ยดึ ครองโดยทหารอยา่ ง
แนน่ หนา และกอ่ ใหเ้ กดิ การบงั คบั ทกุ รปู แบบทที่ ำ� ใหช้ วี ติ ธรรมดาสามญั เปน็ ไป
ไมไ่ ด ้ ไมเ่ พยี งแตแ่ คชเมยี ร ์ ตลอดแนวพรมแดนทง้ั หมดทข่ี ดี เสน้ แบง่ โดยเซอร์
ซรี ลี  แรดคลฟิ ฟใ์ นฤดรู อ้ นแสนรอ้ นของป ี 1947 ประชาชนทเ่ี คยเปน็ เพอ่ื นบา้ น
กนั  ตอนนถี้ กู กำ� หนดใหเ้ ปน็ ศตั รกู นั

28

ในวาระครบรอบ 70 ปีแห่งอิสรภาพอินเดีย

มีสถานที่เพียงแห่งเดียวท่ีเราอาจข้ามพรมแดนอย่างถูกกฎหมาย
ระหวา่ งอนิ เดยี และปากสี ถาน ทห่ี มบู่ า้ นอตั ตารขี องอนิ เดยี  และหมบู่ า้ นวากะห์
ของปากสี ถานในปญั จาบ ฉนั เดนิ ขา้ มพรมแดนทน่ี นั่ ครงั้ หนงึ่ ในป ี 2011 และ
รู้สึกสะดุดใจเหมือนทุกคน จากระยะทางส้ันๆ ระหว่างเมืองหลักแต่ละฝั่ง
อมั รติ สารแ์ ละลาฮอร ์ เมอื่ การเดนิ ทางระหวา่ งสองประเทศงา่ ยขนึ้  เพอื่ นๆ ของ
ฉนั ขจ่ี กั รยานจากลาฮอรม์ ายงั อมั รติ สารใ์ นตอนเชา้ และกลบั ไปทนั เวลาอาหารคำ่�
แผน่ ดนิ ถกู แบง่ แยกเหลอื แคต่ ารางฟตุ  บนเสน้ แบง่ เขตแดน ลำ� ตน้ ไม้
ถูกระบายด้วยแถบสีเพ่ือที่จะบอกว่าชาติใดอ้างสิทธิ์ ฉันถ่ายรูปล�ำต้นที่ถูก
ระบายส ี (ไมม่ ใี ครบอกฉนั วา่ ไมค่ วรทำ� ) และโพสตบ์ นทวติ เตอร ์ ไมก่ วี่ นั ตอ่ มา
รปู ภาพและขอ้ ความของฉนั ถกู ลบหายไปอยา่ งลกึ ลบั  ฉนั สงสยั วา่ หรอื มนั ถกู ลบ
จากคำ� รอ้ งขออยา่ งเปน็ ทางการ บางทเี จา้ หนา้ ทบ่ี างคนของฝง่ั หนงึ่ หรอื อกี ฝง่ั ของ
พรมแดนอาจเหน็ วา่ การสวามภิ กั ดข์ิ องตน้ ไมเ้ หลา่ นเี้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของความมน่ั คง
รฐั
หากอนทุ วปี ไมฟ่ น้ื คนื มาจากการแบง่ แยกประเทศ บรเิ ตนกจ็ ะไมม่ ที าง
ปดิ ฉากจกั รวรรดเิ ชน่ กนั  ในหนทางทฉี่ นั ไมค่ าดคดิ ในป ี 2007 ความทรงจำ� อนั
แพรห่ ลายแหง่ ความยงิ่ ใหญข่ องบรเิ ตนทถ่ี กู ฝงั กลบไว ้ โหมกระพอื แลว้ กลายเปน็
สิ่งไร้ค่าโดยพลัน ในปี 2016 หัวข้อน้ีท�ำให้เกิดผลกระทบใหญ่สุดต่อชีวิต
ประเทศเมอื่ สาธารณชนชาวองั กฤษลงประชามตดิ ว้ ยผลตา่ งนอ้ ยนดิ ทจี่ ะออกจาก
สหภาพยโุ รป ‘เบรก็ ซทิ ’ (Brexit) ถกู ฝงั รากอยใู่ นอารมณถ์ วลิ หาจกั รวรรดแิ ละ
ต�ำนานท้ังหลายของลัทธิข้อยกเว้นของอังกฤษ’ นักปรัชญาชื่อทอม วายแมน
(Tom Whyman) เขยี นใน นวิ ยอรก์  ไทมส ์ วา่  ‘ผดุ ขนึ้ มาเหมอื นกบั ทพ่ี วกเขา
ม ี – โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ตง้ั แตป่  ี 2008 – คา้ นความจรงิ ทวี่ า่ องั กฤษไมไ่ ดเ้ ปน็
หนง่ึ ในมหาอำ� นาจของโลกอกี ตอ่ ไปแลว้ ’ การลงประชามตนิ เี้ ปน็ การปฏเิ สธอยา่ ง
เฉพาะเจาะจงของแนวคิดอังกฤษในฐานะผู้เล่นที่เป็นสมาชิกในทีม ของการ
ประนปี ระนอมกบั ความเสมอภาค
ตอนนี้ ดูเหมือนจะมีความพยายามขยายแนวคิดนี้ออกไปสู่
เครือจักรภพ นี่จะส่งผลที่ไม่อาจหลีกเล่ียงได้กับความเสมอภาคด้วย แต่ยัง
ไม่ชัดเจนว่าสิ่งนี้เป็นท่ีเข้าใจในระดับผู้มีอ�ำนาจตัดสินใจ ในสุนทรพจน์ท่ี
เต็มไปด้วยถ้อยค�ำสละสลวย นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์กล่าวอ้างในเดือน

29

ค�ำน�ำ

มกราคม 2017 ว่า ‘ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของบริเตนเป็นสากลอย่าง
ลกึ ซง้ึ ’ และวา่ องั กฤษ ‘มองพน้ ยโุ รปไปสโู่ ลกทกี่ วา้ งกวา่ เสมอ’ มสิ ซสิ เมยเ์ รยี ก
วิสัยทัศน์ของเธอต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลังเบร็กซิทว่า ‘สหราช-
อาณาจักรสู่โลก’ (Global Britain) ข้าราชการรัฐบาลอังกฤษเรียกมันอย่าง
เหยยี ดหยนั กวา่ วา่  ‘จกั รวรรด ิ 2.0 (Empire 2.0)’
แนวคิด ‘จักรวรรดิ 2.0’ สร้างความกังขาให้โลกโดยส่วนมาก แต่
แนวคดิ นไี้ มไ่ ดแ้ ยน่ กั ในสหราชอาณาจกั ร การทำ� สำ� รวจของยโู กฟ (YouGov)
ในปี 2014 ถามชาวอังกฤษว่า จักรวรรดิเป็นเรื่องท่ีน่าภาคภูมิใจ หรือ
น่าอับอายมากกว่ากัน คนส่วนใหญ่ จ�ำนวน 59 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่าเป็นส่ิงที่
น่าภาคภูมิใจ มีเพียง 19 เปอร์เซ็นต์ตอบว่าน่าอับอาย และ 23 เปอร์เซ็นต์
ยอมรบั ว่าพวกเขาไม่รู้
ลอรด์ เมานทแ์ บตเทนตามทป่ี รากฏในหนงั สอื เลม่ น ้ี นำ� ไปสชู่ ว่ งระยะ
เวลาส�ำคัญในการนำ� อินเดียเข้ามาในเครือจักรภพ นักจักรวรรดินิยมไม่กี่คน
ที่ยังไม่ปรับตัวนักหวังว่า ณ เวลานั้น องค์การความร่วมมือแห่งนี้จะยังคง
สบื ตอ่ จกั รวรรด ิ ทำ� ใหม้ น่ั ใจวา่ บรเิ ตนยนื อยชู่ นั้ บนสดุ ของโลก แตเ่ ครอื จกั รภพ
ร่วงโรย ถูกละเลยโดยรัฐบาลชุดต่อๆ มา (พร้อมกับสมเด็จพระราชินีเป็น
ข้อยกเว้นเด่นชัด) และถูกมองจากนักการเมืองหลายรุ่นว่าเป็นเหมือนหนี้สิน
ที่อาจเกิดขึ้นได้ ย้อนไปทศวรรษท่ี 1950 ส�ำนักงานความสัมพันธ์เครือ
จกั รภพมภี าระหนา้ ทใ่ี นการสกดั ผอู้ พยพจากอดตี อาณานคิ มของบรเิ ตน ไดส้ ง่
ข้อความประชาสัมพันธ์ท่ีน่าขุ่นเคืองไปยังหนังสือพิมพ์ของเอเชียใต้ว่า ‘ชาว
อินเดียและชาวปากีสถานจ�ำนวนมากเกินไปก�ำลังมายังบริเตน’ ข้อความนี้มา
พร้อมกับค�ำเตือนว่า งานในอังกฤษหายาก ข้าวแพง และเครื่องแต่งกายของ
อนทุ วปี ไมเ่ หมาะกับสภาพดินฟา้ อากาศของยอรก์ เชอร์ (Yorkshire)
หากประเทศในเครือจักรภพจะถูกเว้าวอนตอนน้ี บริเตนต้อง
เปลยี่ นแปลง ประเทศทงั้ ปวงทคี่ รง้ั หนงึ่ เปน็ อาณานคิ มตา่ งมแี นวคดิ และวาระ
ของตัวเอง และระหว่างความเสมอภาค ชาติเหล่านี้ต้องเป็นส่วนหน่ึงของข้อ
ตกลง มคี วามรสู้ กึ ในบรเิ ตนวา่ ความมงั่ คงั่  ความทนั สมยั  และความสขุ สบาย
ของบรเิ ตน เปน็ กฎเกณฑธ์ รรมชาตขิ องสรรพสงิ่  ประเทศเหลา่ นนั้ ไมใ่ ช ่ พวก
เขาไมไ่ ดอ้ ยทู่ น่ี น่ั ตลอดเวลา พวกเขาเปน็ ผลลพั ธข์ องประวตั ศิ าสตรอ์ นั เฉพาะ

30

ในวาระครบรอบ 70 ปีแห่งอิสรภาพอินเดีย

เจาะจง และไม่มีหลักประกันว่าพวกเขาจะสืบต่อ ข้อความจาก Indian
Summer ท่ีฉันอา้ งถึงบ่อยๆ คอื  ยอ่ หน้าแรกของบททีห่ นึ่ง

แต่แรกเริ่มมีสองชาติ ชาติหน่ึงเป็นอาณาจักรกว้างใหญ่
งดงามและทรงอ�ำนาจ ถูกจัดสรรอย่างชาญฉลาด และเป็น
หนึ่งเดียวกันด้วยวัฒนธรรมซ่ึงทรงอิทธิพลต่อดินแดน
อันไพศาลของโลก อีกชาติหน่ึงเป็นอาณาจักรกึ่งศักดินา
ด้อยพัฒนา ถูกแบ่งแยกโดยฝักฝ่ายทางศาสนา และแทบ
ไม่สามารถเล้ียงดูประชาชนที่ไร้การศึกษา ป่วยไข้ และ
เสื่อมทราม ชาตแิ รกคืออินเดยี  ชาติท่ีสองคอื องั กฤษ

ฉนั จำ� ไดต้ อนเขยี นขอ้ ความน ้ี ฉนั ตนื่ กลางดกึ พรอ้ มกบั คดิ บรรทดั นี้
อยู่ในใจ และตอ้ งกระโดดลุกจากเตยี งเพือ่ มาจดลงบนกระดาษกอ่ นท่ีจะลืม
ว่ามันมาได้อย่างไร บางทีมันอาจสะท้อนก้องกลับเพราะมันแสดงให้เห็น
เหตกุ ารณ์ต่างๆ อาจเปลยี่ นสถานะของชาติเหล่านัน้ โดยสมุฏฐานเช่นไร
ขณะฉนั เขยี นเรอ่ื งนตี้ อนน ้ี ในเดอื นพฤษภาคม 2017 ยงั เรว็ เกนิ ไป
ที่จะรู้ว่าบริเตนจะก้าวสู่ความพยายามท่ีจะมีปฏิสัมพันธ์กับโลกในวิถีใหม่
อยา่ งไร แตไ่ ม่เรว็ เกินไปทีจ่ ะร้วู ่าอดตี จักรวรรดิจะไม่มวี ันหวนคืนมา

นาทีสุดยอดในการท�ำวิจัยส�ำหรับหนังสือเล่มน้ีมาถึงเมื่อฉันพบภาพถ่ายของ
ชวาหะร์ลาล เนห์รู กับเอ็ดวินา เมานท์แบตเทนเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยที่ถูกเอามา
พมิ พซ์ ำ�้
ภาพนอ้ี ยใู่ นกลอ่ งใบหนงึ่ ทมี่ ภี าพถา่ ยหลายรอ้ ยใบคละกนั และไมไ่ ด้
จัดหมวดหมู่ไว้ เป็นหน่ึงในจ�ำนวนยี่สิบกล่องที่มีลักษณะคล้ายๆ กันท่ี
พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดเนห์รู เมมโมเรียล (The Nehru Memorial
Museum Library – NMML) ในนิวเดลี ฉันส�ำรวจกล่องท้ังหมดนี้อยู่ท้ัง
วนั  และพบภาพถ่ายเรว็ ๆ (snapshot) ที่น่าสนใจมากมาย แตภ่ าพน้ตี รึงฉนั
ไว้ในการแกะรอย ภาพใบนี้เป็นภาพค่ายผู้ลี้ภัยท่ีสับสนอลหม่าน คนมากล้น
เบียดเสียดกันและก�ำลังตะโกน นายกรัฐมนตรีของอินเดียกับภริยาข้าหลวง

31

ค�ำน�ำ

ตา่ งพระองคอ์ ยตู่ รงกลางความอลหมา่ นน ้ี เมอ่ื ฉนั มองดอู ยา่ งตง้ั ใจ กง็ า่ ยทจ่ี ะ
มองเหน็ พวกเขาเกาะกุมมอื กันอยู่
ฉันจ้องมองภาพน้ีด้วยความประหลาดใจ มันเป็นหลักฐานท่ีเป็น
ภาพถ่ายใบเดียวท่ีฉันเคยเห็นสัมพันธภาพทางกายระหว่างเนห์รูกับเลดี้
เมานท์แบตเทนในปี 1947 – และเป็นภาพที่ไม่เคยถูกพิมพ์ซ�้ำมาก่อนเท่าท่ี
ฉันรู้ (ตอนน้ีภาพน้ีถูกน�ำมาพิมพ์ใหม่จ�ำนวนมากทีเดียว) ฉันสงสัยว่าผู้ดูแล
เอกสารนจี้ ะมปี ฏกิ ริ ยิ าตอบสนองไมด่ หี รอื ไม ่ หากฉนั แสดงความสนใจกบั ภาพ
ใบนี้ หรือพวกเขาอาจปล่อยหลุดเข้ามาอยู่ในเอกสารสาธารณะโดยไม่ต้ังใจ?
หรอื พวกเขาอาจจะเอามนั ออกไปหากเหน็ วา่ ภาพนแ้ี สดงใหเ้ หน็ อะไร? แตย่ อ้ น
กลับไปปี 2005 ฉันไม่มีสมาร์ตโฟน และไม่มีทางท่ีจะถ่ายเอกสารภาพนี้
นอกจากขออนญุ าตถา่ ยสำ� เนาอย่างเป็นทางการ
เสยี้ ววนิ าทหี นง่ึ  ฉนั คดิ ทจี่ ะแอบสอดภาพนใ้ี สก่ ระเปา๋ ตวั เองอยา่ งนา่
ละอาย แต่ในฐานะคนหนึ่งท่ีทำ� งานในห้องสมุดและการเก็บรวบรวมต้นฉบับ
ตา่ งๆ มาตลอดชวี ติ วยั ผใู้ หญ ่ ฉนั ไมส่ ามารถพาตวั เองเขา้ ไปสรา้ งความเสยี หาย
ให้กับสารบัญของหอจดหมายเหตุได้ ฉันต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ใส่ภาพ
ใบนี้เพ่ือขออัดส�ำเนาอย่างเป็นทางการ และหวังว่าพวกเขาจะไม่มีปัญหาหรือ
ไม่สังเกต ฉันสอดมันไว้ในระดับราวสองในสามของกองรูปท่ีวางทับซ้อนกัน
อยู่กองใหญ่ ที่ฉันขอให้อัดส�ำเนาให้ด้วย แล้วส่งให้เจ้าหน้าท่ีพร้อมให้ที่อยู่
ของฉันในลอนดอนไว้ หวังอย่างที่สุดว่ามันจะมาถึงตามเวลาที่คาดไว้ในอีก
ไม่กสี่ ัปดาห์
ภาพมาถงึ  และฉนั โลง่ ใจเมอื่ ไรกต็ ามทคี่ ดิ เกย่ี วกบั ภาพนวี้ า่ ฉนั ไมไ่ ด้
ทำ� ความเสยี หายใหค้ ลงั เอกสารสำ� คญั น ้ี ภาพพมิ พซ์ ำ�้ จากภาพใบนท้ี ส่ี ง่ มาจาก
พพิ ธิ ภัณฑ์และหอ้ งสมุดเนหร์  ู เมมโมเรยี ลอยา่ งกรณุ าและระมดั ระวงั  ตอนน้ี
ถูกใส่กรอบวางอยู่บนโต๊ะท�ำงานของฉัน และพิมพ์ซ�้ำไว้ในหนังสือฉบับพิมพ์
คร้งั น้ี
ภาพน้ันเป็นส่วนหนึ่งของค�ำตอบต่อค�ำถามที่ฉันถูกถามมากที่สุด
เกี่ยวกับหนังสือเล่มน้ี ว่าเลด้ีเมานท์แบตเทนกับเนห์รูเคยมีความสัมพันธ์
ทางกายกนั หรอื ไม ่ เรอื่ งพวกเขารกั กนั นน้ั ไรข้ อ้ สงสยั  นน่ั ไดร้ บั การยนื ยนั โดย
แยกกนั จากประจกั ษพ์ ยานสองคนทใ่ี กลช้ ดิ ทส่ี ดุ  ลกู สาวของครอบครวั เมานท-์

32

ในวาระครบรอบ 70 ปีแห่งอิสรภาพอินเดีย

แบตเทน และหลานสาวของเนห์รู อีกหลายคนที่รู้จักพวกเขากล่าวถึงเรื่องน้ี
อย่างเปิดเผย และส่ิงที่พวกเขาเขียนก็บอกเล่าเร่ืองน้ีอย่างทรงพลัง ความ
สัมพันธ์น้ีโรแมนติกและเป็นความลึกซ้ึงทางอารมณ์ นั่นเป็นหลักฐานเกินพอ
สำ� หรบั ฉนั ในฐานะนกั ประวตั ศิ าสตร ์ ในการตรวจสอบอทิ ธพิ ลของมนั ตอ่ การ
ตดั สินใจทางการเมอื งและเหตกุ ารณ์ทงั้ หลาย
ส�ำหรับว่าเป็นเร่ืองทางกายหรือไม่น้ัน มีเพียงสองคนเท่าน้ันท่ีรู้
ค�ำตอบแท้จริงส�ำหรับค�ำถามน้ัน และทั้งสองก็เสียชีวิตไปแล้ว ผู้คนเข้าใจ
สงิ่ ตา่ งๆ แตกตา่ งกนั โดย ‘ทางกาย’ ความสมั พนั ธท์ เี่ ปน็ ทางกายในความรสู้ กึ
วา่ พวกเขาเกาะกมุ มอื กนั  และในหลายภาพตอ่ มา (ในภาพทง้ั หมด มภี าพหนง่ึ
ที่เนห์รูจุมพิตมือเลด้ีเมานท์แบตเทน และภาพหน่ึงที่เขาแตะแขนเธอ) ยืนยัน
วา่ พวกเขายงั คงสบายใจในวถิ นี น้ั ตลอดชวี ติ ทเ่ี หลอื อยขู่ องพวกเขา คนจำ� นวน
มากในบริเตน อินเดีย และปากีสถาน คงจะมองการจับมือถือแขนเป็นเรื่อง
ชวนตระหนกตกใจในทศวรรษท ี่ 1940 หรอื  1950 โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ระหวา่ ง
หญงิ ที่แตง่ งานแล้วกบั พ่อหม้าย
การตคี วามของฉนั ในเรอื่ งหลกั ฐานของผลกระทบจากความสมั พนั ธ์
ระหว่างเลด้ีเมานท์แบตเทนกับเนห์รูต่อเรื่องต่างๆ ทางการเมืองอยู่บนฐาน
ของส่ิงท่ีฉันสามารถพิสูจน์ได้ ว่าพวกเขาตกหลุมรักกัน อะไรก็ตามท่ีพวกเขา
อาจท�ำหรืออาจไม่ท�ำในท่ีส่วนตัวจะไม่ท�ำให้เกิดความแตกต่างในการตีความ
จุดส�ำคัญส�ำหรับนักประวัติศาสตร์คนหน่ึงคือความลึกซึ้งทางอารมณ ์ ดังนั้น
คำ� ตอบตอ่ คำ� ถามเรอื่ งวา่ ความสมั พนั ธข์ องพวกเขาเปน็ ทางกายหรอื ไม ่ ฉนั ไมร่ ู้
ว่าพวกเขาเคยท�ำมากกว่าเกาะกุมมือกันหรือไม่ และฉันไม่คิดว่าจ�ำเป็นต้องรู้
เป็นท่ีรู้กันว่าผู้ฟังในงานบุ๊กทอล์กและงานเทศกาลต่างๆ ต่างพึมพ�ำกันด้วย
ความหงุดหงิดกับค�ำตอบท่ีจี้จุดไม่เพียงพอนี้ โชคร้ายนะ! มันเป็นความจริง
ท่ีสุดที่ฉนั ใหไ้ ด้
ฉันอ่านหนังสือเล่มน้ีซ้�ำเพียงสองคร้ังนับจากเขียนมัน คร้ังหนึ่ง
ก่อนพูดท่ีเทศกาลวรรณกรรมจัยปูร์ในปี 2011 เพื่อทวนความจ�ำตัวเองใน
รายละเอียดต่างๆ ของเร่ืองราวนี้อย่างแม่นย�ำ ก่อนท่ีจะเผชิญหน้ากับผู้ฟังท่ี
มีความรู้มาก อีกคร้ังในปี 2017 เม่ือเขียนค�ำน�ำใหม่ช้ินนี้ ท้ังๆ ที่ความ
ปรารถนาคุโชนที่จะเชื่อมต่อพร้อมกับเรื่องน้ี แต่ฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนส่ิงใดใน

33

ค�ำน�ำ

ต้นฉบับ มีความคลาดเคล่ือนเล็กน้อยไม่กี่จุด และความคลาดเคล่ือนชวน
อึดอัด กับบางส่ิงซ่ึงฉันอาจจัดการอย่างแตกต่างหากเขียนมันตอนนี้ – แต่
หนงั สือเมอ่ื ถกู เขยี นขน้ึ  มันคือการบอกเล่า ณ เวลานน้ั
แน่ล่ะ ประวัติศาสตร์ค่อยๆ สืบเนื่องพัฒนาไป หากหลักฐานใหม่
นา่ ตืน่ เต้นผุดขน้ึ บนแกน่ สำ� คัญของหนังสือเล่มนี้ ฉันจะพจิ ารณาทจี่ ะทบทวน
ต้นฉบับหรือเขียนบางเรื่องใหม่ ขณะท่ีรายละเอียดใหม่ๆ มักจะปรากฏขึ้น
เสมอ แตป่ รศิ นาสามชนิ้ ใหญส่ ดุ ทห่ี ายไปในป ี 2007 กย็ งั คงหายไปในป ี 2017
ชนิ้ หนงึ่ หายไปพรอ้ มกบั ประวตั ศิ าสตร ์ เอกสารตา่ งๆ ของแรดคลฟิ ฟเ์ กย่ี วกบั
การลากเส้นแบ่งประเทศ ซ่ึงเขาเผาทิ้งหลังจากวันท่ี 15 สิงหาคม 1947
เอกสารเหลา่ นอ้ี าจจะตอบคำ� ถามมากมายเกย่ี วกบั เสน้ แบง่ นขี้ ดี ขนึ้ อยา่ งไรและ
ทำ� ไม มที างเลอื กอะไรบา้ งทถี่ กู พจิ ารณา และทำ� ไมทางเลอื กเหลา่ นน้ั ถกู ปฏเิ สธ
หลกั ฐานทง้ั หมดนถ้ี กู เผาผลาญในหมอกควนั  แรดคลฟิ ฟต์ ายในป ี 1977 และ
เราอาจจะไมไ่ ด้รู้อะไรมากกว่าทเ่ี รารตู้ อนน้ี
ชิ้นสองที่หายไปคือภาพท่ีสมบูรณ์กว่านี้ของบุคลิกและเจตจ�ำนง
แทจ้ รงิ ของจนิ นาห ์ มีการรวบรวมตพี มิ พง์ านของเขาไว ้ แต่เปน็ บนั ทึกสว่ นตวั
ที่ท�ำให้ทราบข้อเท็จจริงแบบประปราย ที่เป็นเอกสารบรรยายลักษณะนิสัย
เมานท์แบตเทน เนห์รู และคานธี ช่วงอยู่ในอ�ำนาจของเขาสั้น เพราะเขา
เสียชีวิตหลังการก่อตั้งปากีสถานปีเศษๆ เป็นไปไม่ได้ท่ีจะสร้างลักษณะนิสัย
ของเขาขึ้นใหม่พร้อมกับความร้อนแรงและสีสันเท่ากับคนอื่นๆ มีร่องรอย
แวบให้เห็นบุรุษทรงปัญญา ล้�ำหน้ารอบรู้ ผู้ที่ครั้งหนึ่งได้รับการแซ่ซ้อง
สรรเสริญเป็นแบบอย่างล้�ำเลิศแห่งเอกภาพฮินดู-มุสลิม ผู้กลายเป็นมุสลิม
แบง่ แยกดนิ แดน ทง้ั ๆ ทไ่ี มไ่ ดเ้ ครง่ ศาสนา และแตง่ งานกบั สาวปารซ์ ที รงเสนห่ ์
ทอ่ี อ่ นวยั กวา่ มาก ผฝู้ า่ ฝนื ครอบครวั ของเธอเพอ่ื มาอยกู่ บั เขา หลงั มรณกรรม
กอ่ นเวลาอนั ควรของภรยิ า เขามอบความไวว้ างใจโดยสว่ นใหญใ่ หก้ บั นอ้ งสาว
เขา ฟาติมะผู้น่าสนใจหรือแม้แต่มีความรอบรู้น้อยกว่าเขา – ขณะท่ีบุกบ่ัน
เส้นทางการเมืองที่เกินธรรมดาที่สุดของศตวรรษที่ 20 ก่อตั้งประเทศของเขา
เอง บางทอี าจดว้ ยความผดิ พลาด
ยังคงเป็นการยากท่ีจะประเมินว่าจินนาห์ต้องการรัฐที่แยกออกไป
จริงๆ แค่ไหน ณ จุดวิกฤตอันแตกต่างหลากหลาย ในหนทางอะไรท่ีเขา

34

ในวาระครบรอบ 70 ปีแห่งอิสรภาพอินเดีย

หมายถงึ อสิ ลามทจี่ ะเปน็ สว่ นหนงึ่ ของคณุ ลกั ษณะแหง่ ชาตขิ องรฐั นนั้  และเขา
จนิ ตนาการใหพ้ ฒั นาไปเชน่ ไร สำ� หรบั ปากสี ถานวนั น ี้ ยงั คงเปน็ กระดานชนวน
ท่ีว่างเปล่า ในงานเขียนของเธอเร่ือง ‘Portrait of Jinnah’ (Granta 112,
2010) นักข่าว – เจน เปอร์เลซ (Jane Perlez) มองภาพไกด์-ดิ-อาซัม ที่
พวกเจา้ หนา้ ทเี่ ลอื กมาแขวนไวใ้ นทที่ ำ� งานของพวกเขา ‘การเลอื กภาพถา่ ยเปน็
หน่ึงในสัญลักษณ์ที่สื่อข้อมูลมากที่สุดว่าคุณอยู่ท่ีไหน พบกับใคร ลักษณะ
ของภาพจะให้เบาะแสว่าเจ้าภาพของคุณตีความเจตจ�ำนงของผู้ก่อต้ังประเทศ
อย่างไร’
เรอื่ งนยี้ งั เปน็ จรงิ ดว้ ยในรา้ นคา้ ตา่ งๆ และบา้ นพกั สว่ นตวั  มจี นิ นาห์
อยมู่ ากมาย และคณุ สามารถเลอื กจนิ นาหไ์ หนกต็ ามทคี่ ณุ ตอ้ งการ เขาอาจถกู
ส่ือสะท้อนยิ้มแย้มหรือเคร่งขรึม ในชุดอิสลาม ในชุดตัดเย็บอย่างประณีต
แต่เห็นชัดว่าท�ำให้เป็นชุดแบบตะวันตกจากย่านซาวิลโรว์ (Savile Row)
พร้อมกับฟาติมะอยู่ข้างๆ (สวมผ้าคลุมหน้าหลวมๆ หรือไม่สวมเลย) ภาพ
เป็นนักกฎหมายหนุ่มรูปงาม ไว้หนวดเป็นพุ่ม ภาพเป็นรัฐบุรุษอาวุโสผู้ดี
หวีผมเรียบแปล้ไปด้านหลังกับคีบบุหรี่ไว้หลวมๆ นักประวัติศาสตร์ – ทอม
ฮอลลแ์ ลนด ์ (Tom Holland) บอกกบั ฉนั ครงั้ หนงึ่ วา่ จนิ นาหใ์ นชว่ งทศวรรษ
1940 มคี วามละมา้ ยคลา้ ยคลงึ อยา่ งสะดดุ ตากบั เดวดิ  โบว ี (David Bowie)
ในชว่ งทฝ่ี า่ ยหลงั แสดงเปน็ ดยคุ ผวิ ขาวรา่ งผอม (Thin White Duke) บางที
ฉันก็สังเกตเหมือนกันว่าจินนาห์ภาพสุดท้ายน้ีเป็นที่นิยมชมชอบในหมู่
ฮิปสเตอรป์ ากีสถาน
ท้ายสุด โอกาสของการเสาะหารายละเอียดมากข้ึนในสัมพันธภาพ
ระหว่างเลด้ีเมานท์แบตเทน กับชวาหะร์ลาล เนห์รูกลับกลายห่างไกลไปอีก
นบั แตป่  ี 2007 ผรู้ บั ผดิ ชอบเกบ็ รกั ษาจดหมายของพวกเขา (ครอบครวั เมานท-์
แบตเทนในบรเิ ตน และครอบครวั เนหร์ -ู คานธใี นอนิ เดยี ) ตดั สนิ แลว้ วา่ ไมม่ ี
ผใู้ ดสามารถเขา้ ถงึ จดหมายทงั้ หมดไดโ้ ดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจากสองครอบครวั
แตเ่ ปน็ เรอื่ งไปไมไ่ ดท้ จี่ ะไดร้ บั อนญุ าต ตอนน ี้ ดว้ ยเหตผุ ลเรอื่ งหวั ขอ้ ทางการ
เมืองในจดหมายเหล่าน้ี พวกเขาตัดสินใจด้วยว่ารัฐบาลแห่งอินเดียอาจใช้
อ�ำนาจยับยั้งการเข้าถึงข้อมูลของนักประวัติศาสตร์ทุกคน น่ีเป็นหายนะของ
นักวิจัย ไม่ควรมีรัฐบาลใดถามหา (หรือได้รับอนุญาต) ในการควบคุมหรือ

35

ค�ำน�ำ

จ�ำกดั การสบื ค้นข้อมูลทางประวัติศาสตร์
ดเู หมอื นไมน่ า่ เชอื่ วา่ จดหมายเหลา่ นจ้ี ะมอี ะไรทน่ี า่ ตน่ื ตกใจ พจิ ารณา
จากความเห็นอกเห็นใจทางการเมืองระหว่างเนห์รูและเลด้ีเมานท์แบตเทน
เป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะใส่ข้อมูลเชิงลึกเข้าไปในความเชื่อของเนห์รู การ
ถกเถียงและการตัดสินใจของรัฐบาล ระหว่างปี 1948 ถึง 1960 ส่ิงนี้จะเป็น
ประโยชน์ต่อนักประวัติศาสตร์ เหตุผลส�ำคัญประการหนึ่งเพราะเอกสาร
ตา่ งๆ ของเนหร์ หู ลงั จากป ี 1948 ถกู จำ� กดั โดยครอบครวั เนหร์ ดู ว้ ยเชน่ กนั นา่
เสยี ดายทก่ี ารกกั เกบ็ เอกสารตา่ งๆ ของบรรดาบคุ คลสาธารณะในคลงั เอกสาร
เอกชนท่ีถูกพิทักษ์อย่างระแวดระวัง ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์
องั กฤษดว้ ย และไดร้ บั การยนื ยนั ในป ี 2011 หลงั จากการกดดนั อยา่ งมากของ
บรรดานกั ประวตั ศิ าสตร ์ ทส่ี ำ� นกั งานการตา่ งประเทศและเครอื จกั รภพซกุ ซอ่ น
เอกสารประวัติศาสตร์นับล้านชิ้นจากอดีตประเทศอาณานิคมทั้งหลายไว้ใน
คลังเอกสารลับมาหลายทศวรรษ ข้อจ�ำกัดท้ังหมดเหล่านี้ในเรื่องหลักฐาน
สกัดขัดขวางความรู้ของเราในเร่ืองประชาชนและเหตุการณ์ท้ังหลายที่ปรับวิถี
โลกของเรา ฉนั เชอ่ื อยา่ งแรงกลา้ วา่ เราทกุ คนมสี ทิ ธท์ิ จ่ี ะรปู้ ระวตั ศิ าสตรข์ องเรา
เอง และการเผชญิ หนา้ กบั ความจรงิ ทง้ั หมดทำ� ใหส้ งั คมใดๆ เขม้ แขง็ ขน้ึ  ไมใ่ ช่
ออ่ นแอลง
ฉันอยากขอบคุณ Iain MacGregor และทุกคนท่ี Simon &
Schuster ส�ำหรับงานท่ีรับผิดชอบในการพิมพ์ครบรอบ 10 ปีฉบับนี้ เป็น
เรอ่ื งนา่ สนใจทจี่ ะกลบั มาอา่ น Indian Summer และชวนปตี ทิ จ่ี ะจดจำ� บคุ คล
นา่ ชน่ื ชมทง้ั หมดทฉี่ นั ไดพ้ บและประสบการณท์ ฉ่ี นั ไดร้ บั เมอ่ื ฉนั คน้ ควา้ ขอ้ มลู
เรอ่ื งน ี้ ฉนั ไมเ่ คยไปอนิ เดยี หรอื ปากสี ถานเมอ่ื วางโครงรา่ งหนงั สอื เลม่ น ี้ ความ
สนใจของฉนั ในประเดน็ นม้ี าจากงานวจิ ยั ชวี ติ ทางการเมอื งของลอรด์ และเลดี้
เมานทแ์ บตเทน ตอนนฉี้ นั ไปเยอื นสองประเทศนบ้ี อ่ ยเทา่ ทที่ ำ� ได ้ และในแตล่ ะ
ประเทศ ฉันมีเพ่ือนท่ีดีท่ีสุดในโลก ฉันอยากไปเยือนบังกลาเทศด้วยเช่นกัน
แต่ไม่เคยมีโอกาสระหว่างท�ำวิจัย เพราะเอกสารส�ำคัญท่ีฉันต้องการอยู่ท่ีอื่น
เร่ืองราวของการแบ่งเบงกอลยังคงเป็นส่วนที่ถูกละเลยของเร่ืองนี้ ถูกบีบคั้น
จากโศกนาฏกรรมมหันต์ของการแบ่งปัญจาบ บรรดานักประวัติศาสตร์มี
และจะยังคงด�ำเนินต่อไปท่ีจะแก้ไขเรื่องน้ัน แต่เท่าท่ีฉันพบเมื่อเขียน

36

ในวาระครบรอบ 70 ปีแห่งอิสรภาพอินเดีย

Indian Summer มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกเล่าทุกๆ ภาคส่วนของเร่ืองราว
ในหนังสือเพียงเลม่ เดียว
ฉนั เชอื่ วา่ ประเทศทงั้ หมดทเ่ี คยเปน็ บรติ ชิ อนิ เดยี จะไดป้ ระโยชนใ์ หญ่
หลวงจากความรว่ มมอื กนั มากขนึ้  การสอื่ สารคมนาคมมากขนึ้  ความตงึ เครยี ด
ลดลง และเดนิ ทางอยา่ งเสรมี ากขนึ้  เชิงเศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม และใน
แง่ความมั่นคง ฉันเช่ือด้วยว่าบริเตนจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากความ
สมั พนั ธอ์ ยา่ งเสมอภาคกบั ชาตเิ หลา่ น ้ี นา่ เศรา้ ใจทบ่ี าดแผลทถี่ กู ทง้ิ ไวจ้ ากการ
แบ่งประเทศยังไม่ได้รับการเยียวยาพร้อมกับกาลเวลา บาดแผลเหล่านี้ย่ิง
บาดลึกขึ้น ลึกข้ึน สิบปีหลังจากที่ฉันเขียนหนังสือเล่มนี้ ฉันยังคงปรารถนา
ให้เรอื่ งนจี้ บลงด้วยความสุข
เพ่ือค้นหาความจริงว่าทำ� ไมถึงไม่เป็นเชน่ นั้น ขอใหอ้ า่ นต่อไป

อเล็กซ์ ฟาน ทันซลั มานน์
ลอนดอน, พฤษภาคม 2017

37




Click to View FlipBook Version