นกั สัญจรบนหนา้ กระดาษ
ผ้แู สวงหาความรแู้ ละภมู ิปญั ญามาบรรณาการนักอา่ น
ถกเถียงอย่างไรให้ชนะ
How to Win an Argument
มาร์คสุ ตูลลิอุส ซิเซโร: เขยี น
เจมส์ เอ็ม. เมย:์ คัดสรรและเรียบเรียง
ชัยจักร ทวยทุ ธานนท์: แปล
ราคา 275 บาท
All rights reserved.
Copyright © 2016 Princeton University Press
Thai translation right © 2021 by Gypsy Publishing Co., Ltd.
©ขอ้ ความและรูปภาพในหนังสอื เล่มน้ี สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญตั ิลขิ สิทธ์ิ (ฉบบั เพม่ิ เติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกสว่ นใดๆ ในหนงั สือเล่มน้ีไปเผยแพรไ่ ม่วา่ ในรปู แบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสทิ ธ์ิกอ่ น
ยกเวน้ เพือ่ การอ้างองิ การวิจารณ์ และประชาสมั พนั ธ์
ข้อมูลทางบรรณานกุ รมของสำ� นกั หอสมดุ แหง่ ชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
ซิเซโร, มารค์ ุส ตลู ลอิ สุ .
ถกเถยี งอยา่ งไรให้ชนะ = How to win an argument.-- กรงุ เทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป, 2565.
272 หน้า.-- (ภมู ปิ ัญญาโบราณ).
8081. วาทวทิ ยา. I. ชัยจกั ร ทวยุทธานนท,์ ผู้แปล. II. ชอ่ื เรื่อง.
ISBN 978-616-301-749-9
บรรณาธิการอำ� นวยการ : คธาวุฒิ เกนยุ้
บรรณาธกิ ารบริหาร : สรุ ชัย พิงชัยภูมิ
ผู้ช่วยบรรณาธกิ ารบริหาร : วาสนา ชูรัตน์
ทป่ี รึกษาฝา่ ยต่างประเทศ : ศิริธาดา กองภา
บรรณาธิการเล่ม : จารวุ รรณ นพรัมภา
กองบรรณาธกิ าร : คณติ า สุตราม พรรณิกา ครโสภา วันวสิ า เขตรดง
เลขากองบรรณาธกิ าร : กนั ยารัตน์ ทานะเวช
หวั หนา้ พสิ จู น์อักษร : สวภัทร เพช็ รรตั น์
พิสูจน์อกั ษร : วนัชพร เขียวชอมุ่ สุธารัตน์ วรรณถาวร
รปู เลม่ : เปมิกา ตันติทวีโชค
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผู้อ�ำนวยการฝา่ ยการตลาด : นุชนันท์ ทกั ษณิ าบณั ฑิต
ผูจ้ ัดการฝา่ ยการตลาด : ชติ พล จนั สด
ผู้จัดการทวั่ ไป : เวชพงษ์ รตั นมาลี
พิมพ์ท่ ี : บริษทั วชิ ั่น พรีเพรส จำ� กดั โทร. 0 2147 3175-6
จดั พมิ พ์และจัดจ�ำหน่ายโดย : บรษิ ัท ยิปซี กรุ๊ป จำ� กดั เลขท่ี 37/145 รามคำ� แหง 98
แขวง/เขตสะพานสงู กรงุ เทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร 0 2728 0939 ต่อ 108
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
Line ID: @gypzy
ภาพปก
- Title: Marble head of a woman
https://www.metmuseum.org/art/collection/search/253057?
searchField=All&sortBy=Relevance&ft=roman&offset=80&rpp=20&pos=86
- Title: Romane ritornando dalla vendemmia
https://collections.lacma.org/node/2279880
สนใจสั่งซื้อหนงั สือจ�ำนวนมากเพือ่ สนับสนนุ ทางการศกึ ษา ส�ำนกั พมิ พล์ ดราคาพิเศษ ตดิ ตอ่ โทร. 0 2728 0939
How to Win an Argument
ถกเถียงอย่างไรใหช้ นะ
มารค์ ุส ตลู ลอิ สุ ซิเซโร
คดั สรรและเรยี บเรยี งโดย เจมส์ เอม็ . เมย์
ฉบับแปลภาษาไทยโดย ชยั จกั ร ทวยุทธานนท์
คำ� น�ำสำ� นักพมิ พ์
“จะมพี ลงั และยอดเยยี่ มเพยี งใดหากคำ� พดู ของคนผหู้ นง่ึ เปลยี่ นแปลง
วิถีของผู้คน ความรู้สึกผิดชอบช่ัวดีของเหล่าตุลาการหรืออ�ำนาจ
ของวุฒิสภา ยิ่งกว่าน้ันจะย่ิงใหญ่ การุณย์ และเอื้อเฟื้อเพียงใด
หากได้มอบความช่วยเหลือแก่คนท่ีเดือดร้อนใจทับทวี ได้หยิบยื่น
ความปลอดภัยแก่เขา ปลดเปล้ืองเขาจากอันตราย ช่วยเขาจากการ
ถกู เนรเทศ”
(ซเิ ซโร, De oratore 1.30–34)
ปฏิเสธไมไ่ ด้เลยว่า ‘วาทศลิ ป’์ เปน็ ส่งิ ท่จี ำ� เป็นในชวี ติ ประจ�ำวนั
ต่อการท�ำงานในทกุ สาขาอาชพี ศลิ ปะในการใช้ถ้อยคำ� ภาษา สง่ ผล
ต่ออารมณ์ ความร้สู กึ ความคิด ก่อใหเ้ กิดการคล้อยตาม ความเช่อื
ความศรัทธา หลายๆ เหตุการณ์ในอดีตค�ำพูดบางค�ำหรือเพียง
บางประโยคสามารถสง่ ผลใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงครงั้ สำ� คญั ได้ จาก
ดเี ป็นรา้ ยหรอื จากร้ายเปน็ ดี จากผดิ เปน็ ถกู หรอื จากถกู เป็นผดิ
หนงั สอื เลม่ นน้ี อกจากจะทำ� ใหเ้ หน็ ถงึ คณุ คา่ และความสำ� คญั ของ
วาทศิลป์แล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงวิธีการและรูปแบบการใช้วาทศิลป์
อย่างมปี ระสิทธิภาพอกี ด้วย
ส่ิงท่ีซิเซโรเขียนไว้ตั้งแต่สมัยก่อนคริสต์ศักราช เห็นได้ชัดเจน
ว่ายงั คงส�ำคญั และเปน็ ปัจจบุ นั เสมอ
สำ� นกั พิมพย์ ิปซี
ค�ำน�ำผู้แปล
มนุษย์ส่ือสารด้วยความปรารถนาที่จะโน้มน้าวใจอีกฝ่ายหนึ่ง
ให้คล้อยตามส่ิงท่ีต้องการน�ำเสนอ รูปแบบการสื่อสารท่ีปรับเปลี่ยน
และพัฒนาอยู่ตลอดเวลาด้วยกลวิธีที่ประณีตและซับซ้อนมากข้ึน
จากคำ� บอกเล่า การยกตวั อยา่ ง การเพิม่ เตมิ ข้อคิด ความเหน็ และ
ค�ำเตือน กลายเปน็ วาทศลิ ป์หรือการส่ือสารเพอื่ จงู ใจ ยิ่งเมอื่ มคี วาม
เห็นที่ขัดหรือแย้งกัน การหว่านล้อมและหักล้างจึงเป็นกุญแจส�ำคัญ
สู่การเอาชนะการถกเถียงนน้ั ๆ
ซิเซโร รัฐบุรุษคนส�ำคัญสมัยสาธารณรัฐโรมันเป็นตัวอย่างท่ีดี
ของผู้ใช้วาทศิลป์อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ข้อเขียนของเขาท่ีตกทอด
มาถึงปจั จบุ ันจะถือวา่ มมี าก แต่กเ็ ชื่อกนั ว่าท่ีสูญหายไปตามกาลเวลา
กไ็ มน่ อ้ ยเชน่ กนั ในหนงั สอื เลม่ น้ี ศาสตราจารยเ์ จมส์ เอม็ . เมย์ แหง่
วิทยาลัยเซนต์โอลาฟ รัฐมินนโิ ซตา สหรฐั อเมริกา ผเู้ ช่ยี วชาญดา้ น
วาทศลิ ปส์ มยั คลาสสกิ ไดร้ วบรวม จดั หมวดหมู่ และเขยี นบทเกรน่ิ นำ�
ในประเดน็ ต่างๆ จากขอ้ เขียนว่าด้วยการใช้วาทศลิ ป์ในการปราศรยั
ในสถานการณต์ ่างๆ ของซเิ ซโร โดยเฉพาะการแก้ตา่ งในศาล หลาย
คดีการโน้มน้าวใจเป็นผลส�ำเร็จและช่วยให้ลูกความของเขาพ้นข้อ
กล่าวหารนุ แรง ขณะเดยี วกนั การหักลา้ งดว้ ยเหตุผลและการกระต้นุ
อารมณ์ก็เป็นอีกส่ิงหน่ึง เขาใช้เพื่อจูงใจให้วุฒิสมาชิก ลูกขุน และ
ตุลาการคลอ้ ยตามไดอ้ ยา่ งแยบยล
จดุ เดน่ อกี ประการหนง่ึ ของหนงั สอื เลม่ นคี้ อื การนำ� เอกสารภาษา
ละตนิ จากขอ้ เขยี นของซเิ ซโรมาพมิ พไ์ วเ้ พอื่ ใหผ้ สู้ นใจไดค้ น้ ควา้ และ
การจดั ทำ� ประมวลชอ่ื และคำ� ศพั ทท์ า้ ยเลม่ ทจ่ี ะใชอ้ า้ งองิ ไดเ้ มอ่ื ตอ้ งการ
ขอ้ มลู ท่มี รี ายละเอยี ดหรอื มีความกระจ่างยง่ิ ขนึ้
ในยุคท่ีมีท้ังการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การพูดของนัก
สรา้ งแรงบันดาลใจ ทนายความ นกั การเมอื ง ฯลฯ หวั ใจส�ำคญั ของ
การสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจ มิใช่เพียงการเอาชนะในบรรยากาศการ
ถกเถยี งเทา่ นนั้ แตย่ งั เปน็ การแสดงความสำ� คญั ของเหตผุ ล ตลอดจน
การเรยี บเรยี งและขดั เกลาถอ้ ยคำ� และความคดิ เพอื่ บรรลผุ ลทตี่ อ้ งการ
อย่างมีประสิทธิภาพ ดังท่ีผู้เขียนกล่าวไว้ในตอนหน่ึงของค�ำน�ำว่า
...การทป่ี ระชาชนจะบรหิ ารบา้ นเมอื งไดส้ ำ� เรจ็ จงึ ตอ้ งพยายามอธบิ าย
สิ่งต่างๆ ผ่านการจูงใจด้วยค�ำพูดท่ีมีประสิทธิภาพและพัฒนาระบบ
ทฤษฎีท่ีช่วยให้พลเมืองวางแผนและน�ำเสนอค�ำปราศรัยท่ีเป็นผล
ส�ำเรจ็ ตอ่ สาธารณชน…
เปน็ ความภมู ใิ จทไี่ ดแ้ ปลหนงั สอื เลม่ เลก็ ๆ ทจ่ี ะชว่ ยใหเ้ ราเขา้ ใจ
กระบวนการคิดของบุคคลส�ำคัญอย่างซิเซโร ต้นแบบนักวาทศิลป์
อมตะคนหนง่ึ ของโลก มน่ั ใจวา่ สงิ่ ทเ่ี ขาเขยี นไวเ้ มอ่ื กวา่ สองพนั ปกี อ่ น
จะเป็นคณุ ประโยชนแ์ กเ่ ราในปัจจบุ ันและตลอดไป
ด้วยความเคารพ
ชยั จักร ทวยทุ ธานนท์
ตลุ าคม 2563
ค�ำน�ำผู้เขียน
นับแต่มนุษย์มีความสามารถในการส่ือสารเม่ือนานมาแล้ว เรา
ทมุ่ เทอยา่ งมากในการจูงใจผู้อ่ืน ไมว่ า่ จะเปน็ เพื่อความอยรู่ อด เพ่ือ
ควบคมุ เหตกุ ารณต์ ่างๆ ในชีวติ เพ่อื โน้มนา้ วความคิดเหน็ ของผ้คู น
รอบตัว หรือแม้แต่เพื่อเอาชนะการถกเถียง เราใช้รูปแบบบางอย่าง
ของการจูงใจ (persuasion) ทั้งการลงไม้ลงมือหรือการกระท�ำที่
ดูวา่ จะ ‘เจรญิ ’ กว่าอยา่ งการพูดและการเขยี นเพื่อให้บรรลเุ ปา้ หมาย
และจุดประสงค์ของเรา ศิลปะการจงู ใจด้วยคำ� พดู หรอื ทเ่ี รยี กกนั ว่า
‘วาทศิลป์’ (rhetoric) พบได้ในโลกตะวันตกในการปกครองแบบ
ประชาธิปไตยของซีราคิวส์ (Syracuse) และเอเธนส์ (Athens)
ช่วงศตวรรษที่ 5 กอ่ นคริสต์ศกั ราช พลเมอื งในสงั คมประชาธิปไตย
ได้รับการคาดหวังให้แสดงตัวในการประชุม การปรากฏตัวในศาล
และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่นๆ ของรัฐ ผลที่ตามมาคือการที่
ประชาชนจะบรหิ ารบา้ นเมอื งไดส้ ำ� เรจ็ จงึ ตอ้ งพยายามอธบิ ายสง่ิ ตา่ งๆ
ผ่านการจูงใจด้วยค�ำพูดท่ีมีประสิทธิภาพและพัฒนาระบบทฤษฎีที่
ช่วยให้พลเมืองวางแผนและน�ำเสนอค�ำปราศรัยที่เป็นผลส�ำเร็จต่อ
สาธารณชน ในอกี แงห่ น่ึงก็คือการเอาชนะการถกเถยี งนั่นเอง
หลายร้อยปีต่อมา นักปราศรัยผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงโรมและ
หนงึ่ ในนกั พดู ทยี่ ง่ิ ใหญท่ สี่ ดุ ของโลกตลอดกาล มารค์ สุ ตลู ลอิ สุ ซเิ ซโร
(Marcus Tullius Cicero) ซ่ึงก้าวข้ึนสู่ต�ำแหน่งทางการเมือง
สงู สุดในกรงุ โรม นน่ั คือต�ำแหน่งกงสลุ เขาท่มุ เทอยา่ งมากในการใช้
ศลิ ปะการพดู โนม้ นา้ วใจเพอื่ สรา้ งชอื่ เสยี งของตนในสงั คมโรมนั การ
ฝึกฝนกลวิธีของวาทศิลป์ต้ังแต่เยาว์วัยท�ำให้ซิเซโรมีความเชี่ยวชาญ
เขาไม่เพียงเป็นนักพูดในท่ีสาธารณะผู้เก่งกาจท่ีเข้าร่วมการโต้วาที
ส�ำคัญๆ และได้รับชัยชนะมาแล้ว แต่ยังเป็นผู้สร้างหลักการทฤษฎี
วา่ ด้วยศลิ ปะการพูดจูงใจ ตำ� รบั ตำ� ราหลายชน้ิ ทเี่ ขยี นขนึ้ ในช่วงชีวิต
ของเขามีเรื่องวาทศิลป์รวมอยู่ด้วย และแม้ว่าเขาจะถูกวิจารณ์อย่าง
มากในคู่มือวาทศิลป์เบ้ืองต้นในปัจจุบัน กระนั้นเขามีความช�ำนาญ
และได้ความเชื่อถือในหลักและวิธีการด้านน้ีมาโดยตลอด ในความ
เป็นจริงการเรียนรู้วาทศิลป์ส�ำหรับกิจการของพลเมืองท่ีเริ่มต้นข้ึน
โดยชาวกรีกและพัฒนาต่อยอดโดยชาวโรมันนั้นยังคงเป็นปฐมบท
ในการฝึกฝนส�ำหรับผู้มีการศึกษาทุกคน ตลอดสมัยกลางเร่ือยมา
จนถงึ สมัยฟืน้ ฟศู ิลปวทิ ยาการกระท่ังสมัยใหม่
เม่ือกล่าวถึงหัวใจของวาทศิลป์หรือศิลปะการพูดจูงใจในจารีต
ตะวันตก ข้าพเจ้าใคร่น�ำเสนอสรรนิพนธ์สั้นๆ จากงานเขียนของ
ซเิ ซโรซง่ึ สว่ นใหญม่ าจากตำ� ราวาทศลิ ปข์ องเขา ทแี่ สดงถงึ สาระสำ� คญั
ของระบบวาทศิลป์ของการจูงใจอันเป็นระบบท่ีช่วยให้ซิเซโรและนัก
ปราศรัยอีกมากกลายเป็นนักพูดผู้มีประสิทธิภาพ จูงใจผู้ฟังและ
เอาชนะการถกเถียงได้ ข้าพเจ้าเช่ือว่าผู้อ่านจะพบได้เองว่าข้อเขียน
ที่คัดเลือกมาน้ีมีความน่าสนใจ เช่นเดียวกับประโยชน์ที่จะเกิดข้ึน
เมอื่ ตอ้ งใชค้ วามพยายามในการโนม้ นา้ วใจ ทจี่ รงิ แลว้ ไมว่ า่ การจงู ใจ
เพอ่ื นในประเดน็ พน้ื ๆ หรอื การแถลงคดใี นศาลฎกี า เปา้ หมายของนกั
พูดยงั คงเปน็ การโน้มน้าวใจอยู่เสมอ และการได้รู้ว่าวธิ กี ารจูงใจที่มี
ประสิทธิภาพที่สุดในสถานการณ์ใดๆ ก็ตามจะนำ� ไปสู่ความส�ำเร็จท่ี
ชดั เจนขนึ้ ของเปา้ หมายน้นั ๆ อีกด้วย ความย้อนแย้งอย่างประหลาด
ในสังคมอเมริกันร่วมสมัยคือในยามท่ีเราพบว่าโรงเรียน วิทยาลัย
และมหาวทิ ยาลยั หลายๆ แหง่ ถกเถยี งกนั อยา่ งจรงิ จงั ถงึ ทกั ษะความ
สามารถในการพดู และการสอื่ สารทดี่ ขี องนกั ศกึ ษา เรากลบั มตี วั อยา่ ง
ของการพดู ในท่สี าธารณะทีม่ ีประสทิ ธิภาพจริงๆ นอ้ ยมาก ไม่วา่ จะ
เปน็ ในการกระทำ� ในศาล ในการสอ่ื สารหรอื ในทสี่ าธารณะทา่ มกลาง
บรรยากาศทางการเมอื ง ขณะท่หี นังสือเล่มนี้ไม่ได้มีจดุ ประสงคเ์ พ่อื
แก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว แต่ข้าพเจ้าก็หวังว่าผู้สนใจการพูดในที่
สาธารณะและต้องการเอาชนะการถกเถียง จะค้นพบความน่าสนใจ
และรื่นรมย์ไปกับการได้ทราบว่ากลวิธีต่างๆ ของการโน้มน้าวด้วย
ค�ำพูดที่มีประสิทธิภาพที่ค้นพบและแสดงไว้อย่างชัดเจนเม่ือพันปี
ก่อนยังคงใช้การได้และเกี่ยวข้องโดยตรงต่อผู้ที่ต้องพูดโน้มน้าวใจ
ในปจั จบุ นั
เพ่ือท�ำให้เนื้อหาง่ายและอ่านได้ราบร่ืน ข้าพเจ้าต้องหลีกเลี่ยง
การเพมิ่ เชงิ อรรถใหก้ บั ชอ่ื และคำ� ศพั ทท์ อ่ี าจกวนใจผอู้ า่ นทไี่ มค่ นุ้ เคย
กับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์หรือศัพท์เฉพาะต่างๆ ดังน้ัน แทนที่
จะใส่หมายเหตุดังกล่าว จึงมีการจัดท�ำประมวลชื่อและค�ำศัพท์เพ่ิม
ท้ายเล่มท่ีผู้อ่านจะใช้อ้างอิงได้เม่ือต้องการข้อมูลท่ีมีรายละเอียด
หรือมีความกระจ่างยิ่งข้ึน นอกจากนี้ยังมีรายการแหล่งค้นคว้าเพ่ิม
เติมท่ีประกอบด้วยผลงานดั้งเดิมของซิเซโรที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ
แล้ว และงานคน้ คว้าชัน้ รองท่ขี ยายความ และตง้ั ขอ้ สงั เกตเกีย่ วกับ
วาทศิลป์ และการปราศรัยยุคโบราณ รวมถึงซิเซโรและผลงานของ
เขา การแปลท้ังหมดยกเว้นที่แปลจาก De oratore เป็นผลงาน
ของข้าพเจ้าเอง ท้ังน้ีข้อเขียนช่ือ De oratore เป็นการแปลร่วม
กันกอ่ นหน้าโดยจาค็อบ ไวซ์ (Jakob Wisse) เพ่อื นร่วมงานกบั
ข้าพเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในงานแปลฉบับสมบูรณ์ของต�ำราดังกล่าวท่ี
ตีพิมพ์โดยส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเม่ือปี 2001 ช่ือ
ซิเซโร: วา่ ดว้ ยนกั ปราศรยั ในอดุ มคติ (Cicero: On the Ideal
Orator) ในหนงั สอื เลม่ นข้ี า้ พเจา้ ไดป้ รบั แกถ้ อ้ ยคำ� จากบทแปลฉบบั
เดมิ เพียงเล็กน้อย
ข้าพเจ้าใคร่ขอบคุณ คุณโรเบิร์ต เท็มพิโอ (Mr. Robert
Tempio) บรรณาธกิ ารบรหิ ารและผจู้ ดั พมิ พข์ องกลมุ่ มนษุ ยศาสตร์
(Humanities Group) ของส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
ท่ีแนะน�ำหนังสือเล่มน้ีแก่ข้าพเจ้า ตลอดจนค�ำช้ีแนะและแนวทาง
การท�ำงานตลอดช่วงการจัดพมิ พ์ และคณุ ซารา เลอร์เนอร์ (Sara
Lerner) บรรณาธิการอาวุโสสายการผลิต ข้าพเจ้าซาบซ้ึงใจต่อ
บรรณาธกิ ารตน้ ฉบับ เจนนเิ ฟอร์ แฮร์ริส (Jennifer Harris) และ
คณะกรรมการนริ นามของสำ� นักพิมพท์ ่ชี ว่ ยตรวจสอบ สงั เกต และ
แนะนำ� เพอ่ื ปรบั ปรงุ ตน้ ฉบบั ใหส้ มบรู ณย์ งิ่ ขนึ้ ขา้ พเจา้ ขอมอบหนงั สอื
เล็กๆ เล่มน้แี ด่ออกสั ตสั เจมส์ เมย์ (Augustus James May)
ดว้ ยหวังว่าเมอื่ เติบโตดว้ ยวยั และปัญญา เขาจะตระหนกั ถงึ อุดมคติ
ของเอลเดอร์ คาโต (Elder Cato) วา่ ดว้ ยการเป็น ‘vir bonus
dicendi peritus’ (คนดผี มู้ ีทกั ษะการพูด)
เจมส์ เอ็ม. เมย์
วทิ ยาลยั เซนต์โอลาฟ
สารบัญ
สังเขปชีวิตของซิเซโร 15
ถกเถยี งอยา่ งไรให้ชนะ 23
ต้นกำ� เนิดของค�ำปราศรัยทมี่ ีโวหารจูงใจ 23
ธรรมชาติ ศิลปะ และการฝกึ ฝน 23
วาทศิลป์กับความเป็นจรงิ 28
ส่วนต่างๆ ของวาทศิลป์ หรอื กิจกรรมของนักปราศรยั 33
การประดษิ ฐ์: การก�ำหนดและจำ� แนกคำ� ถามของ 34
เรอื่ งที่เกย่ี วขอ้ งกบั ท่าทีของขอ้ โต้แยง้ 55
และการค้นหาสิ่งทใ่ี ชพ้ สิ ูจน์ 77
การปรับปรุง 103
รูปแบบ 109
ความจำ�
การนำ� เสนอ
คุณคา่ ของการเลยี นแบบจากตน้ แบบการพูดที่ดี 117
คุณคา่ ของการเขียนต่อการเตรยี มการพูดทม่ี ีประสทิ ธภิ าพ 121
ความจำ� เปน็ และการศึกษาของนกั พูดในอุดมคติ 127
เคลด็ ลับการพูดอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพของซิเซโร 135
เอกสารภาษาละติน 141
ประมวลศพั ท์ 217
แหลง่ คน้ คว้าเพิ่มเติม 251
ทีม่ าของเอกสาร 255
สงั เขปชีวิตของซเิ ซโร
มาร์คสุ ตูลลิอุส ซเิ ซโร เกดิ เม่อื วนั ท่ี 3 มกราคม ปี 106 ก่อน
ครสิ ตศ์ กั ราช ทเี่ มอื งอารพ์ นิ มุ (Arpinum) ทห่ี า่ งจากกรงุ โรมไปทาง
ตะวนั ออกเฉยี งใต้ราว 70 ไมล์ แม้วา่ ครอบครวั ของเขาจะไมไ่ ด้เปน็
สมาชิกชนชั้นสูงของโรมัน แต่ก็จัดได้ว่ามีหน้ามีตาในท้องถ่ินและ
มีสายสัมพันธ์แนบแน่นในเมืองหลวง ระหว่างที่มาร์คุสกับควินตุส
พี่ชายของเขายังเป็นเด็ก ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่กรุงโรมเพ่ือให้ลูกๆ
มีโอกาสได้รับการศึกษาท่ีดีและมีอนาคตก้าวหน้า ท่ีกรุงโรมเด็กท้ัง
สองได้รู้จักกับนักปราศรัยคนส�ำคัญในเวลานั้นสองคนคือ ลูซิอุส
ลิซินิอุส คราสซุส (Lucius Licinius Crassus) และมาร์คุส
อนั โตนอิ สุ (Marcus Antonius) ตอ่ มาไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ นกั พดู
คนส�ำคัญในผลงานช่อื ว่าด้วยการปราศรัย (De oratore) ซ่ึงเป็น
ต�ำราวาทศิลป์ของซิเซโร นับแต่วัยเด็กซิเซโรที่เติบโตในบรรยากาศ
เช่นน้ันได้เห็นบทบาทของนักพูดและรัฐบุรุษคนส�ำคัญๆ ของกรุง
โรมในศาลและในท่ีประชุมอยู่เป็นประจ�ำ หลังจากมรณกรรมของ
คราสซุสในปี 91 กอ่ นคริสต์ศักราช ซเิ ซโรในวยั 15-16 ปี ถอื วา่
เปน็ ‘บรุ ษุ สวมโตกา’1 และกอ่ นหนา้ นนั้ เขาไดร้ บั การแนะนำ� ใหร้ จู้ กั กบั
1“บุรุษสวมโตกา” (toga of manhood) toga คือเสื้อคลุมโดยปกติเป็นสีขาว
สวมพาดไหลซ่ ้ายและรอบล�ำตัว สวมใส่ในโอกาสทางการโดยสามญั ชนชาย แสดงถงึ
ความเป็นพลเมืองชายที่เปน็ ผใู้ หญ่
– 15 –
ถกเถียงอย่างไรให้ชนะ
ควินตุส มซู อิ สุ สเคโวลา (Quintus Mucius Scaevola) ฉายา
“นักพยากรณ์” ผู้เป็นหน่ึงในผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคนส�ำคัญ
ท่ีสุดของกรุงโรม (เขาได้รับการกล่าวถึงไว้ในฐานะนักพูดคนส�ำคัญ
ในต�ำรา ว่าด้วยการปราศรัย ด้วย) การได้ศึกษากับควินตุสท�ำให้
ซเิ ซโรไดร้ บั การยอมรบั และมคี วามรเู้ กย่ี วกบั กฎหมายมหาชนอยา่ งดี
ไมต่ อ้ งสงสยั เลยวา่ ซเิ ซโรในวยั หนมุ่ จะเปน็ นกั เรยี นทหี่ ลกั แหลม
นอกเหนอื จากฝกึ ฝนการพดู และวชิ ากฎหมายกบั คราสซสุ อนั โตนอิ สุ
และสเคโวลา เขายังพัฒนาและมุ่งความสนใจไปในวิชาปรัชญามาก
ขึ้น ขณะที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่น้ัน เขาได้เผยแพร่ข้อเขียนทางวาทศิลป์
ชนิ้ แรกของตน เร่ือง ว่าดว้ ยการประดิษฐส์ ร้าง (De inventione)
ในเวลาต่อมาเขาอธิบายว่า “เป็นงานหยาบๆ และไม่ลึกซ้ึงที่เขียน
ไว้ในสมุดบันทึกของข้าพเจ้าเมื่อยังเป็นเด็กหรืออาจเป็นช่วงวัยรุ่น”
(De oratore 1.5) กระนน้ั ผลงานดังกลา่ วกลบั มีอิทธพิ ลอย่างมาก
ต่อการศึกษาวาทศิลป์และการปราศรัยตลอดสมัยกลางกระท่ังสมัย
ฟื้นฟศู ลิ ปวทิ ยาการ
หลงั จากเปน็ ทหารช่วงส้นั ๆ ระหวา่ งสงครามกบั พันธมติ รอิตาลี
ซิเซโรกลับไปยังกรุงโรม ในช่วงทศวรรษท่ี 8 ก่อนคริสต์ศักราช
นครหลวงแห่งน้ันตกอยู่ในภาวะแตกแยกจากการก่อความไม่สงบ
ของพลเมือง การนองเลือดและการเนรเทศ น�ำไปสู่ความขัดแย้ง
และการใช้ความรนุ แรงระหวา่ งมารอิ สุ (Marius) ซนิ นา (Cinna)
และซุลลา (Sulla) ในท่ีสุดเม่ือสถานการณ์เริ่มสงบลงและศาลเร่ิม
ท�ำหน้าที่ได้ตามปกติ ซิเซโรก็ได้ท�ำคดีของพลเมืองคดีแรกตามมา
ด้วยคดีอาชญากรรมคดีแรกของเขาในปี 80 ก่อนคริสต์ศักราชซ่ึง
เป็นการแก้ต่างให้รอสซิอุสแห่งอาเมเรีย (Roscius of Ameria)
จากการถูกกล่าวหาว่าสังหารบุพการี หลังจากได้ชัยชนะไม่นานนัก
เขาตดั สนิ ใจศึกษาตอ่ โดยใช้เวลา 2 ปใี นการ “เดินทางคร้งั ส�ำคญั ”
ไปยังกรีซ ท่ีนั่นเขาได้พบปะ แลกเปลี่ยน และศึกษาหาความรู้กับ
– 16 –
How to Win an Argument
นกั วาทศลิ ป์ นกั ปราศรยั และนกั ปรชั ญาคนสำ� คญั จำ� นวนมาก เขากลบั
มายังกรงุ โรมในปี 77 กอ่ นครสิ ตศ์ ักราชในฐานะนกั พูดผแู้ กร่งกล้า
และปราดเปรอื่ งกวา่ เดิม
ซิเซโรซ่ึงบัดนี้อายุเกือบ 30 ปีอันเป็นอายุขั้นตำ่� ส�ำหรับการเข้า
ท�ำงานในต�ำแหน่งเควสเตอร์ (quaestor) เป็นต�ำแหน่งผู้จัดเก็บ
รายไดส้ าธารณะหรอื สมหุ บ์ ญั ชี ทงั้ นตี้ ามทก่ี ลา่ วไปขา้ งตน้ ครอบครวั
ของเขาไม่ใชส่ มาชกิ ในกลุ่มชนช้ันสงู ของโรมนั ก่อนหนา้ เขาไมม่ ใี คร
ได้เป็นวุฒิสมาชิกจากการเลือกของหน่วยงานสาธารณะ ดังน้ัน ใน
ฐานะคนใหม่ (novus homo) ซเิ ซโรประสบความเสยี เปรยี บสำ� คญั
ในต�ำแหน่งทางการเมือง เขาได้เห็นการเลือกตั้งเจ้าหน้าท่ีปกครอง
ระดับสูงในกรุงโรมเต็มไปด้วยความกีดกันและมักจะตกเป็นของ
สมาชิกในตระกูลชนชั้นสูง กระน้ันเขาก็ชนะการเลือกต้ัง หลังจาก
การลงคะแนนลบั ครงั้ แรกและในปแี รกทม่ี สี ทิ ธ์ิ เขาไดเ้ ปน็ เควสเตอร์
ในเกาะซิซิลี (Sicily) สายสัมพันธท์ ี่เขาสรา้ งขน้ึ ทีน่ ่นั เป็นคณุ ตอ่ เขา
มากข้ึนในช่วง 5 ปีต่อมา เม่ือชาวซิซิลีเตือนเขาให้ท�ำหน้าที่อย่าง
ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาด้วยการขอให้เขาด�ำเนินคดีในข้อหารีดไถกับ
ไกอุส เวร์เรส (Gaius Verres) ข้าหลวงผู้ฉ้อฉลผู้ปกครองเกาะ
แห่งนั้นระหว่างปี 73-70 ก่อนคริสต์ศักราช ชัยชนะท่ีน่าอัศจรรย์
ของเขาในคดนี จ้ี ากการตอ่ สกู้ บั อำ� นาจของวฒุ สิ มาชกิ และฮอรเ์ ตนซอิ สุ
(Hortensius) ทนายความผู้โด่งดังที่สุดในเวลาน้ันซึ่งคอยแก้ต่าง
ให้กับเวร์เรส ส่งผลให้ซิเซโรกลายเปน็ จดุ สนใจในฐานะทนายความ
และนักปราศรัยชั้นแนวหน้าของกรุงโรม ต�ำแหน่งอื่นๆ ของซิเซโร
ได้แก่ เจ้าหน้าท่ีปกครอง (aedile) ผู้พิพากษา (praetor) และ
สุดท้ายคือ กงสุล (consul) เป็นต�ำแหน่งปกครองสูงสุดในกรุง
โรมสมัยสาธารณรัฐ
ช่วงเดือนท้ายๆ ของวาระการด�ำรงต�ำแหน่งกงสุลของซิเซโรใน
ปี 63 ก่อนคริสต์ศักราช เขาได้รับรู้แผนการที่จะโค่นล้มรัฐบาลที่
– 17 –
ถกเถยี งอยา่ งไรใหช้ นะ
น�ำโดยลซู ิอสุ เซอรจ์ ิอสุ คาตลิ เิ น (Lucius Sergius Catiline)
วฒุ สิ มาชิกผู้ลม้ ละลายจากตระกลู ชนชนั้ สูงท่นี ยิ มการปฏิวัติ ผลจาก
ความพากเพยี ร ความชว่ ยเหลอื ของผใู้ หป้ ากคำ� และการปราศรยั ทท่ี รง
พลงั ของเขา (นกั ศกึ ษาภาษาละตนิ ยอ่ มคนุ้ เคยกบั คำ� ปราศรยั คาตลิ เิ น
หรือ Catilinarian Orations เปน็ อย่างดี) ซเิ ซโรขดั ขวางการท�ำ
รฐั ประหารไดส้ �ำเรจ็ และในขณะทีภ่ ยั คกุ คามจวนเจยี นจะเกิดขน้ึ เขา
ไดร้ บั อนมุ ตั จิ ากวฒุ สิ ภาใหป้ ระหารผสู้ มรรู้ ว่ มคดิ โดยไมต่ อ้ งสอบสวน
แม้จะมีเสียงคัดค้านอยู่บ้างก็ตาม หลังจากนั้นจึงมีการประกาศให้
ประกอบพิธีขอบคุณเทพเจ้าเป็นการสาธารณะ และซิเซโรได้รับการ
ยกย่องเปน็ บดิ าแหง่ ปิตภุ ูมิ (Pater Patriae)
ในช่วงเวลาแห่งชัยชนะ เมื่อเขาก�ำลังเตรียมการรวมชาวโรมัน
ให้เป็นเอกภาพเพ่ือต่อต้านการท�ำรัฐประหาร ซิเซโรได้เห็นความ
กลมกลืนกันระหว่างชนชั้นทางสังคมอันหลากหลายของกรุงโรม
(concordia ordinum) ทว่าไม่กี่ปีถัดมากองก�ำลังที่ซุ่มวางแผน
ลับได้ท�ำลายความฝันดังกล่าวแล้วเปล่ียนชัยชนะสูงสุดของซิเซโร
ใหก้ ลายเป็นความพ่ายแพอ้ ันอปั ยศ ในปี 60 กอ่ นครสิ ตศ์ กั ราช มี
กลอุบายและแผนการทางการเมืองจ�ำนวนมากเกิดข้ึนในความเป็น
พันธมิตรกันระหว่างบุรุษผู้เรืองอ�ำนาจ 3 คนคือ จูเลียส ซีซาร์
(Julius Caesar) นายพลใหญป่ อมปยี ์ (Pompey) และมารค์ ุส
คราสซสุ (Marcus Crassus) ผ้มู ั่งคั่งและญาตหิ ่างๆ ของครูใน
วัยเยาว์ของซิเซโร แม้เมื่อแรกจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาลผสม
แต่ท่ีสุดแล้วซิเซโรตัดสินใจไม่ร่วมสนับสนุนสิ่งท่ีเรียกว่าคณะสาม
ผ้นู ำ� ที่หนึง่ (First Triumvirate) คนเหลา่ น้นั ตอบแทนซเิ ซโรด้วย
การปล่อยบรรดาคู่ปรับคนส�ำคัญของเขาให้เป็นอิสระ หัวหน้าของ
คนเหล่าน้ันคือ พูบลิอุส โคลดิอุส (Publius Clodius) ผู้ด�ำรง
ตำ� แหนง่ ทรบิ ูน (tribune) ศัตรูตัวฉกาจของเขาท่ีพยายามผลกั ดัน
ใหเ้ ขาถกู เนรเทศในปี 58 กอ่ นครสิ ตศ์ กั ราช จากการประหารพลเมอื ง
– 18 –
How to Win an Argument
โรมันโดยไม่มีการไต่สวน เขาต้องล้ีภัยไปยังกรีซและเอาชีวิตรอด
ท่ามกลางปีคร่ึงอันแสนยากเข็ญ ช่วงเวลาดังกล่าวเขาทรมานจาก
ภาวะหดหู่เฉียบพลันและคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว วุฒิสภาเรียกตัวเขา
กลบั มาในฐานะผู้ชนะเมื่อปี 57 กอ่ นครสิ ตศ์ ักราช แต่ผู้น�ำท้ังสามยัง
คงครอบง�ำกรงุ โรม และเตอื นซิเซโร (ผา่ นผูแ้ ทนคอื ควินตุส พ่ีชาย
ของเขา) ว่าไมใ่ ห้กล่าวหาเชิงนโยบายใดๆ ต่อผลประโยชน์ของพวก
ตน ทจ่ี รงิ ในคำ� สงั่ ของผนู้ ำ� ทง้ั สาม เขาถงึ กบั ถกู บงั คบั ใหท้ ำ� ในสงิ่ ทข่ี ดั
กบั เจตจำ� นงของตนดว้ ยการแกต้ า่ งใหก้ บั ศตั รเู กา่ หลายคน ในภาวะท่ี
ต้องอดกลน้ั อยา่ งเต็มทีน่ ี้ ซิเซโรหนั ไปสนใจการเขยี นและใชเ้ วลาใน
ช่วงหลายปีของทศวรรษสุดท้ายเรียบเรียงต�ำรับต�ำราส�ำคัญจ�ำนวน
หนึง่ ขึ้นมา ได้แก่ วา่ ด้วยนกั ปราศรัยในอดุ มคติ (De oratore) ว่า
ดว้ ยสาธารณรฐั (De republica) วา่ ดว้ ยกฎหมาย (De legibus)
ในปี 51 กอ่ นครสิ ต์ศักราช ซิเซโรได้รบั แตง่ ตัง้ จากวุฒสิ ภาให้
ด�ำรงต�ำแหนง่ ขา้ หลวงมณฑล (proconsul) ประจ�ำมณฑลซิลเิ ซยี
(Cilicia) ในเอเชียไมเนอร์ (ปัจจบุ นั อยู่ตะวนั ตกเฉียงใต้ของตุรก)ี
ทีซ่ ึง่ เขาไดป้ ฏิบตั ิหน้าทอี่ ยา่ งมีเกียรติ รกั ษาความสงบเรียบร้อย และ
แม้แต่ปฏิบัติภารกิจทางการทหารท่ีแม้จะเป็นระยะส้ันๆ แต่ประสบ
ความส�ำเร็จเหนือเผ่านักรบแห่งขุนเขา สถานการณ์ทางการเมืองใน
กรงุ โรมเสอ่ื มโทรมอยหู่ ลายปี คราสซสุ ถกู ฆา่ ในระหวา่ งปฏบิ ตั ภิ ารกจิ
ทางการทหารทมี่ ณฑลพารเ์ ธยี (Parthia) ในปี 53 กอ่ นครสิ ตศ์ กั ราช
และความสัมพันธ์ระหว่างผู้น�ำที่ยังคงอยู่คือซีซาร์กับปอมปีย์นั้นก็
เขา้ สูจ่ ดุ แตกหักอยา่ งรวดเร็ว
เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากซิเซโรหมดภาระการเป็นข้าหลวง
มณฑลซลิ เิ ซยี และเดนิ ทางกลบั สกู่ รงุ โรมกเ็ กดิ สงครามกลางเมอื งเตม็
รปู แบบขึ้น (เดอื นมกราคม ปี 49 กอ่ นคริสต์ศักราช) หลงั จากความ
ลงั เลใจอยนู่ าน ประกอบกบั ความสขุ มุ รอบคอบของเขาและความลม้
เหลวในการปรองดองระหว่างซีซาร์กับปอมปีย์ ในที่สุดซิเซโรก็เข้า
– 19 –
ถกเถียงอยา่ งไรใหช้ นะ
ร่วมกับกองก�ำลังสาธารณรัฐซึ่งอยู่ในการบังคับบัญชาของปอมปีย์ท่ี
กรีซ แต่หลังจากพ่ายแพ้ในสมรภูมิฟาร์ซาลุส (Pharsalus) เม่ือ
ปี 48 ก่อนคริสต์ศักราช เขากลับมายังอิตาลีและนอกเหนือความ
คลุมเครือท่ีแสนเจ็บปวด เขาเป็นหน่ึงในผู้ท่ีได้รับอภัยโทษจาก
ซีซาร์และได้รับอนุญาตให้ยังอยู่ในประเทศได้ ขณะท่ีคนอื่นๆ
ในกองกำ� ลังสาธารณรฐั รวมถึงคาโตผู้เยาว์ (Cato the Younger)
ยังคงต่อสู้ตอ่ ไป
ในชว่ งการใชอ้ ำ� นาจเผดจ็ การของซซี าร์ ซเิ ซโรพบวา่ โอกาสทเ่ี ขา
จะมีบทบาทส�ำคัญในเวทีสาธารณะอีกครั้งถูกจ�ำกัดลงอย่างมาก ย่ิง
กว่าน้ันมรณกรรมแสนเศร้าของทูลเลีย (Tullia) ลูกสาวผู้เป็นที่รัก
ของเขาในปี 45 ก่อนคริสต์ศักราชผลักดันให้เขาถอนตัวและเกือบ
จะหายหนา้ ไป เขาหนั ไปเขยี นหนงั สอื ทรี่ สู้ กึ สบายใจกวา่ เช่นเดยี วกบั
ที่เขาทำ� ในทศวรรษกอ่ นหนา้ นน้ั เมือ่ ถูกบงั คบั ใหต้ อ้ งถอนตวั ในชว่ ง
เวลาดังกล่าวเขาเรียบเรียงต�ำราทางวาทศิลป์และปรัชญาชิ้นส�ำคัญๆ
ขน้ึ มา ไดแ้ ก่ บรูตสุ (Brutus) นักปราศรัย (Orator) วา่ ดว้ ยการ
ส้ินสุดของศีลธรรม (De finibus bonorum et malorum)
การถกเถยี งทีท่ ัสคลู นั (Tusculan Disputations) และ ว่าดว้ ย
แกน่ สารของเทพเจ้า (De natura deorum)
แม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการลอบสังหารจูเลียส ซีซาร์ใน
วันอีเดส (วันท่ี 15) เดือนมนี าคม ปี 44 กอ่ นคริสต์ศกั ราช ซิเซโร
เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นโอกาสที่จะฟื้นสาธารณรัฐข้ึนมาอีกคร้ัง
แตก่ ารกระทำ� ตอ่ มาของมาร์ก แอนโทนี (Mark Antony) หนึ่งใน
เพ่อื นสนทิ ของซซี ารแ์ ละเพื่อนรว่ มงานของเขาซงึ่ ด�ำรงต�ำแหน่งกงสุล
ในปีนั้นท�ำให้ซิเซโรวิตกว่าคงจะตกอยู่ในมือของทรราชอีกผู้หนึ่ง
ในไม่ชา้ เขาตัดสินใจท�ำส่งิ สดุ ท้ายและอาจจะกล้าหาญท่สี ุดดว้ ยการ
ปลุกระดมผู้คนและวุฒิสภาแห่งกรุงโรมผ่านการปราศรัยหลายต่อ
หลายครัง้ ท่ีเขาเรยี กวา่ ฟิลิปปกิ ส์ (Philippics) เขาเช่ือมโยงชอ่ื ค�ำ
– 20 –
How to Win an Argument
ปราศรยั เหลา่ นนั้ กบั สง่ิ ทเ่ี ดมอสเธนสี (Demosthenes) นกั ปราศรยั
คนส�ำคัญของกรีกแสดงไว้เม่ือ 300 ปีก่อนหน้าน้ัน เพื่อต่อต้าน
พระเจา้ ฟลิ ปิ ที่ 2 แหง่ มาเซดอน (Philip II of Macedon) แตใ่ นทส่ี ดุ
ความหวังของซิเซโรท่ีจะฟื้นฟูสาธารณรัฐก็พังครืนลง เมื่ออ็อกตา-
เวียน (Octavian ต่อมาคือ ซซี าร์ เอากสุ ตุส (Caesar Augus-
tus)) เหลนและทายาทหนมุ่ ผมู้ คี วามทะเยอทะยานของซซี ารร์ ว่ มมอื
กับแอนโทนี และมารค์ สุ เอมิลอิ ุส เลพิดุส (Marcus Aemilius
Lepidus) จดั ต้ังคณะสามผนู้ �ำท่สี อง (Second Triumvirate) ที่
เปิดฉากการก�ำจัดฝ่ายตรงข้ามเพื่อควบคุมรัฐในทันที ช่ือของซิเซโร
ปรากฏชัดเจนในรายนามผู้ถูกเนรเทศ และหลังจากถูกจับกุมตัวได้
ใกล้เมอื งฟอรเ์ มีย (Formiae) ศรี ษะและมอื ของเขาถกู ตดั ออกจาก
รา่ งโดยขา้ รบั ใชข้ องแอนโทนแี ลว้ นำ� กลบั มายงั กรงุ โรมเพอื่ ประจานไว้
ทรี่ อสตรา (rostra) ซง่ึ เปน็ เวทที ซ่ี เิ ซโรมกั จะยนื ปราศรยั ตอ่ ชาวโรมนั
มรดกอมตะของซิเซโรส่วนใหญ่มาจากงานเขียนของเขา ที่จริง
เราอาจรู้เร่ืองราวของซิเซโรมากกว่าคนอ่ืนๆ ในยุคโบราณก็เป็นได้
ส่วนใหญ่มาจากต�ำรับต�ำราจ�ำนวนมากของเขาที่ยังตกทอดมาถึง
ปัจจุบัน ค�ำปราศรัยเกือบ 60 ช้ินของเขายังปรากฏอยู่เช่นเดียวกับ
ผลงานทางปรัชญาและวาทศิลป์ และจดหมายส่วนตัวอีกเกือบพัน
ฉบบั งานเขยี นเหลา่ นนั้ ทรงคณุ คา่ นบั จากยคุ ของเขามาจนถงึ สมยั ของ
เรา ทำ� ใหเ้ ราเหน็ ภาพของบรุ ษุ ผนู้ ใี้ นทกุ มติ ิ ทง้ั ในฐานะนกั ปราศรยั ผู้
ชำ� นาญดา้ นวาทศิลป์ นักการเมอื ง นกั ปรชั ญา และผูร้ กั ชาติ
– 21 –
ถกเถียงอยา่ งไรให้ชนะ
ถกเถียงอย่างไรใหช้ นะ
ตน้ กำ� เนดิ ของค�ำปราศรยั ท่ีมีโวหารจูงใจ
ธรรมชาติ ศิลปะ และการฝึกฝน
สาระอันแท้จริงของวาทศิลป์และค�ำพูดจูงใจเป็นสิ่งที่ถกเถียง
อย่างดุเดอื ดในยุคโบราณ วาทศลิ ป์เปน็ ศิลปะการแสดง เป็นทักษะ
หรือความสามารถพิเศษกันแน่ จ�ำเป็นต้องมีความสามารถโดย
ธรรมชาตหิ รอื สามารถเชย่ี วชาญไดด้ ว้ ยการมกี ลวธิ บี างอยา่ งและการ
จดจำ� กฎเกณฑแ์ ละคำ� สอนตา่ งๆ กพ็ อ โดยทว่ั ไปนกั ทฤษฎยี คุ โบราณ
กล่าวถงึ องค์ประกอบ 3 อย่าง คือความสามารถโดยธรรมชาติหรือ
พรสวรรค์ท่ตี ดิ ตวั มาแต่กำ� เนดิ ความเชีย่ วชาญในศิลปะการพูดตาม
ท่ีระบุไวใ้ นต�ำราวาทศลิ ป์ (ตำ� ราน้นั เรียกวา่ artes ในภาษาละตนิ )
และความอุตสาหะในการใช้พรสวรรค์และการฝึกฝน ซิเซโรให้ค�ำ
อธิบายก�ำเนิดของวาทศิลป์ไว้ในงานเขียนยุคแรกๆ ช่ือ ว่าด้วยการ
ประดิษฐ์ (De inventione) ที่เขยี นขนึ้ เมอ่ื อายรุ าว 17 ปี
– 23 –
ถกเถยี งอย่างไรให้ชนะ
และหากเราตอ้ งการพจิ ารณากำ� เนดิ ของสงิ่ ทเี่ ราเรยี กวา่ วาทศลิ ป์
น้ี ไม่ว่ามันจะเป็นศิลปะ เป็นการเรียนรู้ เป็นทักษะบางอย่าง หรือ
เป็นความสามารถทีธ่ รรมชาตมิ อบให้ เราจะพบว่ามนั เกดิ จากสาเหตุ
ส�ำคัญท่ีสุดและยังคงพัฒนาต่อเนื่องด้วยเหตุผลท่ีดีที่สุด ในสมัยท่ี
มนุษย์ยังเร่ร่อนในท้องทุ่งอันกว้างไกลเหมือนสัตว์ป่าและยังชีพด้วย
อาหารท่หี าไดต้ ามธรรมชาติ ไม่มีศาสนาท่เี ป็นระบบเหตผุ ลหรอื ไมม่ ี
หน้าท่ีทางสังคม ไม่มีผู้ใดจับคู่กันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มี
ใครเลี้ยงดูเด็กที่เขารู้ว่าเป็นลูกของตน และไม่มีใครรู้ถึงข้อดีของ
ประมวลกฎหมายอันเที่ยงธรรมจะพึงมีให้ ดังนั้น เพราะความผิด
พลาดและความโง่เขลา ความปรารถนาอันมืดบอดและการไม่มีสติ
ยงั้ คดิ จงึ เขา้ ครอบงำ� พวกเขา และเพอ่ื จะตอบสนองความตอ้ งการของ
ตน พวกเขาจงึ ยังคงใช้ความแขง็ แกร่งทางกายอย่างผดิ ๆ ในรูปของ
คนรบั ใชแ้ สนอนั ตราย
ในเวลาต่อมามนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่และปราดเปร่ืองเชื่อม่ันว่า
ศักยภาพที่มีมาแต่ก�ำเนิดและโอกาสอันไร้ขอบเขตส�ำหรับการบรรลุ
เปา้ หมายมอี ยใู่ นจติ วญิ ญาณของมนษุ ย์ หากเพยี งเขาจะนำ� มนั ออกมา
และปรับปรงุ ผา่ นการสัง่ สอน เขารวบรวมผู้คนไวใ้ นท่แี หง่ หนง่ึ อย่าง
เปน็ ระบบ เขานำ� มนษุ ยท์ กี่ ระจดั กระจายอยใู่ นทอ้ งทงุ่ และเรน้ กายอยู่
ในเพงิ พกั ตามปา่ มาไวด้ ว้ ยกนั แลว้ แนะนำ� พวกเขาใหร้ จู้ กั กบั การงาน
ที่มีประโยชน์และมีเกียรติทุกชนิด เม่ือแรกน้ันพวกเขาปฏิเสธเสียง
แขง็ เพราะส่งิ เหล่านนั้ เปน็ ของใหม่ แต่ต่อมาเม่ือพวกเขาเร่ิมตั้งใจรับ
ฟังมากขึ้น เขาก็ใช้เหตุผลและการปราศรัยเปลี่ยนคนเหล่านั้นจาก
สิง่ มีชวี ติ ปา่ เถ่ือนให้เปน็ คนวา่ นอนสอนง่าย
อย่างน้อยส�ำหรับข้าพเจ้า มันดูจะเป็นไปไม่ได้ว่าปัญญาเงียบ
การปราศจากความสามารถในการพูด จะเปล่ียนแปลงมนุษย์จาก
สิ่งท่ีพวกเขาคุ้นเคยไปสู่วิถีชีวิตที่ต่างออกไปได้ในทันที ย่ิงกว่าน้ัน
เมื่อมีการต้ังบ้านเมืองข้ึน มนุษย์เรียนรู้ท่ีจะยกย่องความศรัทธา
– 24 –
How to Win an Argument
และสรรเสริญความยุติธรรม และคุ้นเคยกับการเคารพผู้อ่ืนอย่าง
จริงใจ รวมถึงการตัดสินว่าพวกเขาจะต้องไม่ท�ำภารกิจใดๆ เพียง
เพ่ือประโยชน์ของตนเองเท่าน้ันแต่ยังต้องอุทิศชีวิตด้วย เว้นแต่คน
อื่นจะสามารถหว่านล้อมพวกเขาด้วยวาทศิลป์ของสิ่งท่ีพวกเขาค้น
พบด้วยเหตุผลได้อย่างไร แน่นอน ไม่มีใครทุ่มเทความแข็งแกร่ง
ทางกายภาพอย่างเต็มท่ีและปราศจากความรุนแรงด้วยการยอมท�ำ
ตามกฎหมาย ยอมให้ตนเองอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกับคนท่ีมีฐานะ
สูงกว่า ยอมสมัครใจละทิ้งธรรมเนียมที่ยอมรับกันเป็นส่วนใหญ่
โดยเฉพาะธรรมเนียมที่สืบทอดผ่านกาลเวลาซึ่งเกิดขึ้นจากพลังของ
กฎธรรมชาติ ท่ีเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้ด้วยค�ำพูดท่ี
ทรงพลังและโนม้ น้าวใจ
ดงั นน้ั จงึ ดเู หมอื นวาทศลิ ปจ์ ะถือกำ� เนดิ ขนึ้ ในลักษณะนี้ และ
ไดร้ บั การพฒั นาใหก้ า้ วหนา้ มากยงิ่ ขน้ึ มาโดยลำ� ดบั ในประเดน็ สำ� คญั
ของสันติภาพและสงคราม จึงถือได้ว่าเก่ียวข้องกับประโยชน์สูงสุด
ของมนุษยชาติ (De inventione 1.2–3)
ราว 30 ปตี อ่ มา ซเิ ซโรเขยี นผลงานชิ้นเอกของเขาชือ่ ‘ว่าด้วย
นักปราศรัยในอุดมคติ’ (De oratore) โดยสร้างต้นแบบนักพูด
ในอุดมคติขึ้นมา ผลงานดังกล่าวประกอบด้วยบทสนทนาระหว่าง
นักปราศรัยช้ันน�ำหลายคนในยุคก่อนหน้าซิเซโร ตัวละครหลักใน
บทสนทนา ไดแ้ ก่ ลซู อิ สุ คราสซสุ และมารค์ ุส อันโตนิอสุ ซ่งึ เป็น
ครูในวัยเยาว์ของซิเซโรและเป็นนักปราศรัยคนส�ำคัญที่สุดของกรุง
โรมในเวลานั้นด้วย ในตอนถัดไปคู่สนทนาของคราสซุสอ้างถึงต้น
ก�ำเนดิ ของวาทศลิ ป์อยา่ งเดยี วกัน เขายกยอ่ งศักยภาพในการพูดว่า
เปน็ พรสวรรคท์ ท่ี รงพลงั และมปี ระสทิ ธภิ าพมากทส่ี ดุ ของมนษุ ย์ และ
กระตุ้นให้ผูอ้ ่อนอาวุโสกว่าฝึกฝนศลิ ปะการพูดใหเ้ ช่ียวชาญ
– 25 –
ถกเถยี งอยา่ งไรให้ชนะ
ที่จริงข้าพเจ้าคิดว่าไม่มีสิ่งใดที่ควรแก่การยกย่องมากไปกว่า
ความสามารถที่จะโน้มน้าวจิตใจมนุษย์ด้วยค�ำพูดเพ่ือเอาชนะความ
ล�ำเอียง จูงใจให้ผู้คนเหล่านั้นมีความคิดไปในทิศทางเดียวกันและ
แยกความคิดของพวกเขาออกจากคนอื่นๆ ความสามารถนี้เป็นย่ิง
กว่าส่ิงใดๆ ยังคงงอกงาม ยังคงมีฐานะสูงสุดในทุกๆ เสรีรัฐและ
โดยเฉพาะในชมุ ชนอนั สงบสนั ติ จะนา่ อศั จรรยเ์ พยี งใดหากในฝงู ชน
มหาศาลมีผู้หนึ่งปรากฏข้ึน จะเพียงผู้เดียวหรือหยิบมือหนึ่งก็ตาม
คนผู้น้ันสามารถใช้สติปัญญาอย่างเฉียบแหลมอันเป็นพรสวรรค์
เหนือคนทั้งมวล จะน่าช่ืนใจหรือร่ืนหูเพียงใดหากมีค�ำพูดท่ีได้รับ
การขัดเกลาให้โดดเด่นและประณีตด้วยความคิดอันปราดเปร่ือง
และถ้อยค�ำอันตราตรึงใจ หรือจะมีพลังและยอดเยี่ยมเพียงใดหาก
คำ� พดู ของคนผหู้ นง่ึ เปลย่ี นแปลงวถิ ขี องผคู้ น ความรสู้ กึ ผดิ ชอบชว่ั ดี
ของเหลา่ ตลุ าการหรอื อำ� นาจของวฒุ สิ ภา ยง่ิ กวา่ นนั้ จะยงิ่ ใหญ่ การณุ ย์
และเออื้ เฟอ้ื เพยี งใดหากไดม้ อบความชว่ ยเหลอื แกค่ นทเ่ี ดอื ดรอ้ นใจ
ทบั ทวี ไดห้ ยิบย่ืนความปลอดภยั แกเ่ ขา ปลดเปล้อื งเขาจากอันตราย
ชว่ ยเขาจากการถกู เนรเทศ ขณะเดยี วกนั จะสำ� คญั เพยี งใดหากเปรยี บ
ดังมีอาวุธท่ีพร้อมให้ท่านใช้ป้องกันตัวและต่อสู้กับความช่ัวร้ายหรือ
ตอบโต้เมื่อถูกโจมตี แต่ท่ีจริงขอให้เราอย่าได้ยึดติดกับเพียงฟอรัม
(forum) ม้านั่งในศาล รอสตรา (rostra) และอาคารวฒุ ิสภา แต่
หากในเวลาว่างส่ิงใดจะน่ายินดีหรือเหมาะสมกับมนุษย์ไปกว่าการ
ได้ร่วมในวงถกเถียงอันสง่างามและแสดงตัวตนของท่านให้แก่
คนแปลกหน้าไม่ว่าเรื่องใดๆ สิ่งพิเศษมากอย่างหน่ึงที่ท�ำให้เราอยู่
เหนือสัตว์คือ เราสามารถพูดคุยกับคนอ่ืนๆ ได้และเราสามารถ
แสดงความคิดผ่านการพูดได้ ฉะนั้นใครเล่าจะไม่นิยมชมชอบ
ความสามารถน้ีและไม่คิดว่าเขาควรจะทุ่มเทอย่างสุดก�ำลังเพื่อก้าว
ไปให้ไกลกว่าเพ่ือนมนุษย์คนอ่ืนๆ ในทุกด้าน โดยเฉพาะในส่ิงท่ี
ท�ำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์โดยส้ินเชิง แต่ตอนน้ีขอให้เราไปพิจารณา
– 26 –
How to Win an Argument
ว่าส่ิงใดคือประเด็นส�ำคัญที่สุด นั่นคือมีพลังใดเล่าท่ีจะรวมผู้คนท่ี
กระจัดกระจายให้เข้ามาอยู่ในท่ีเดียว หรือจะน�ำคนเหล่าน้ันให้พ้น
จากความเป็นคนป่าในดงเถ่อื นไปสคู่ วามเปน็ มนษุ ยท์ ่ีแท้จริง มีชีวิต
อยา่ งคนเมอื ง หรอื เมอื่ มบี า้ นเมอื งเกดิ ขนึ้ แลว้ กค็ วรจะมกี ารสถาปนา
กฎหมาย ระบบการยุติธรรมและสิทธิพลเมือง เพ่ือหลีกเลี่ยงการ
จาระไนประเดน็ ใหม้ ากเกนิ ไป (ทจ่ี รงิ มมี ากนบั ไมถ่ ว้ น) ขอใหข้ า้ พเจา้
สรุปทุกสิ่งในไม่กี่ค�ำ คือข้าพเจ้ายืนยันว่าความเป็นผู้น�ำและปัญญา
ของนักปราศรัยผู้สมบูรณ์แบบเป็นพื้นฐานส�ำคัญไม่เพียงแก่ความมี
เกียรติของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นความปลอดภัยของผู้คนนับไม่ถ้วน
รวมท้ังรัฐในภาพรวมอีกด้วย ดังน้ัน หนุ่มน้อยท้ังหลายจงแสดง
ความมมุ านะและทุ่มเทพลงั ทงั้ หมดของทา่ นตอ่ ไปเพ่ือเฝ้าตดิ ตามใน
สง่ิ ท่ีทา่ นตามติดอยู่ ดว้ ยวิธนี ท้ี ่านจะน�ำเกียรติมาสูต่ นเอง ช่วยเหลือ
มวลมติ รและท�ำคณุ ประโยชนใ์ ห้แกร่ ฐั (De oratore 1.30–34)
ขณะทเี่ หน็ ไดช้ ดั วา่ ซเิ ซโรมคี วามตระหนกั และรอบรใู้ นกฎตา่ งๆ
ท่อี ยู่ในตำ� ราวาทศิลปท์ วั่ ไปในยุคของเขา แต่เขากถ็ กู วิพากษ์วจิ ารณ์
อยา่ งมากว่าเปน็ “นักเรียนจากต�ำรา” ทีจ่ ริงในข้อเขยี นเรือ่ ง วา่ ด้วย
นักปราศรัยในอุดมคติ (De oratore) เขามักวิจารณ์ค�ำสอนใน
ต�ำราเก่าๆ อยู่เสมอ บางทีค�ำสอนเหล่าน้ันอาจใช้ได้ในจุดประสงค์
พ้ืนฐาน แต่นักปราศรัยในอุดมคตินอกจากจะมีความรู้ถึงกฎเกณฑ์
ทางวาทศิลป์แล้ว ยังต้องมีความรู้กว้างในศิลปวิทยาทุกแขนงของ
มนุษย์ ท้งั ประวัตศิ าสตร์ วรรณคดี กฎหมาย และปรชั ญา (ดตู ่อไป
ในหนา้ 127-133) ความรเู้ หลา่ นนั้ เมอื่ ใชค้ วบคกู่ บั ความสามารถตาม
ธรรมชาติ การศกึ ษาและการฝึกฝนอย่างทมุ่ เทเปน็ พ้นื ฐานส�ำคัญใน
การเอาชนะการถกเถียง
– 27 –
ถกเถยี งอยา่ งไรให้ชนะ
...มขี อ้ สงั เกตถงึ สง่ิ ทเ่ี ปน็ ศกั ยภาพในการพดู แตห่ ากสงิ่ นนั้ ทำ� ให้
ผคู้ นมวี าทศลิ ปไ์ ดก้ แ็ สดงวา่ ทกุ คนจะพดู ไดด้ ี มคี นทไ่ี มอ่ าจเชยี่ วชาญ
ในเรอ่ื งนโี้ ดยงา่ ยหรอื อยา่ งนอ้ ยในบางแงม่ มุ หรอื ไม่ แตใ่ นความเหน็
ของข้าพเจ้ากฎเกณฑ์เหล่าน้ันมีพลังและเป็นประโยชน์มาก ไม่ใช่
เพราะศิลปวิทยาการท�ำให้เราได้ค้นพบสิ่งที่จะพูด แต่เพราะเม่ือเรา
เรียนรู้ประเด็นอ้างอิงท่ีถูกต้อง กฎเหล่านั้นอาจช่วยให้เรามั่นใจได้
ถึงความถูกต้อง หรือท�ำให้เราเห็นถึงความอ่อนด้อยของสิ่งท่ีเราได้
มาด้วยความสามารถตามธรรมชาติของเราเอง การศึกษาเล่าเรียน
หรอื การฝกึ ของเรา (De oratore 2.232)
วาทศลิ ปก์ บั ความเป็นจริง
พลังท่ีก่อก�ำเนิดขึ้นจากนักพูดผู้เช่ียวชาญซ่ึงรู้วิธีที่จะโน้มน้าว
ใจผ่านค�ำปราศรัยท่ีมีทักษะ และดึงดูดอารมณ์ของมนุษย์เป็นอาวุธ
อันทรงพลังดังท่ีกล่าวมาแล้ว ในความเป็นจริงสิ่งน้ีเปรียบเหมือน
ดาบสองคมที่อาจใช้เพ่ือท�ำความดีหรือความช่ัวก็ได้ เพื่อแสดงให้
เหน็ ประเดน็ นช้ี ดั เจน เราจำ� เปน็ ตอ้ งพจิ ารณานกั ปราศรยั ผมู้ ศี กั ยภาพ
ในศตวรรษที่ 20 เป็นพิเศษอยู่สองคนซ่ึงเข้ามาเก่ียวข้องในปัญหา
เดียวกันน่ันคือ วินสตัน เชอร์ชิลล์ (Winston Churchill) และ
อดอล์ฟ ฮติ เลอร์ (Adolf Hitler) ในบรบิ ทดงั กล่าวเปน็ การง่ายท่ี
จะเหน็ ไดว้ า่ เหตใุ ดคำ� วา่ ‘วาทศลิ ป’์ จงึ มกั ใชเ้ ปน็ นยั เชงิ ลบในปจั จบุ นั
ทว่าในสมัยกรีกโบราณหลังจากการสร้างระบบวาทศิลป์ที่มีพื้นฐาน
สว่ นใหญอ่ ยบู่ นหลกั การของการโตแ้ ยง้ บนความนา่ จะเปน็ ครผู สู้ อน
วาทศิลป์ปฏิเสธอุดมคติของเหตุผลบริสุทธ์ิและความจริงสัมบูรณ์
แล้วหันไปเลือกความเป็นไปได้และการอุปมาแทนย่อมยกย่องพลัง
ของถ้อยค�ำและบางครั้งก็ทุ่มเทความพยายามท�ำสาเหตุที่แย่ลงให้ดู
ดีข้ึน ในทางตรงกันข้าม นักปรัชญาอย่างโสกราตีสและเพลโตต่าง
– 28 –
How to Win an Argument
คน้ หาจดุ สน้ิ สดุ สมั บรู ณ์ เชดิ ชคู วามจรงิ ทเี่ ปดิ เผยผา่ นการไตส่ วนแบบ
มีตรรกะ ดังน้ัน สงิ่ ที่เรยี กว่าวิวาทกนั ระหว่างวาทศลิ ปก์ ับปรัชญาจงึ
เกดิ ขน้ึ เปน็ การววิ าททด่ี ำ� รงอยเู่ รอื่ ยมาในการแสดงออกทห่ี ลากหลาย
และในระดบั ความรนุ แรงหลายหลากจนถงึ ยคุ สมยั ของซเิ ซโร ยอ่ หนา้
เริ่มต้นของผลงานชอื่ วา่ ดว้ ยการประดิษฐ์ (De inventione) ของ
ซิเซโรเปดิ เผยความคดิ ของเขาตอ่ ประเด็นนี้
บ่อยครั้งท่ีข้าพเจ้าครุ่นคิดต่อค�ำถามที่ว่าการพรั่งพรูของค�ำ
พูดและการทุ่มเทต่อวาทศิลป์จะท�ำให้มนุษย์และสังคมของพวกเขา
ดีขึ้นหรือเลวลงได้หรือไม่ เม่ือข้าพเจ้าพิจารณาบาดแผลท่ีเกิดข้ึน
ในสาธารณรัฐของเราและย้อนนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตของ
สังคมอันมีช่ือเสียง ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มีแม้สักส่วนน้อยของเคราะห์
รา้ ยนั้นท่ีเกดิ ข้ึนจากการกระทำ� ของบุคคลผู้มที กั ษะการพูดข้ันสูง ใน
ทางตรงกันข้าม เมื่อข้าพเจ้าเริ่มค้นบันทึกรายปีเก่ียวกับเหตุการณ์
ต่างๆ ที่หายไปจากความทรงจ�ำของคนรุ่นเราเพราะความโบราณ
นั้น ข้าพเจ้าพบว่าเมืองหลายแห่งก่อต้ังขึ้น เพลิงสงครามจ�ำนวน
มากได้ดับลง พันธมิตรอันม่ันคงและมิตรภาพอันศักดิ์สิทธิ์ก่อตัว
ขึ้นไม่เพียงโดยพลังเหตุผลในใจ แต่ยังเกิดได้ง่ายขึ้นด้วยวาทศิลป์
และหลังจากไตร่ตรองเร่ืองน้ีอยู่นานว่าพลังเหตุผลเช่นเดียวกันน้ี
ท่ีน�ำข้าพเจ้าไปสู่รูปแบบของความเห็นส�ำคัญท่ีสุดประการแรกนั่น
คือ ปัญญาท่ีปราศจากวาทศิลป์ท�ำคุณประโยชน์ให้ชุมชนได้เพียง
เล็กน้อย แต่ในหลายกรณีวาทศิลป์ท่ีปราศจากปัญญากลับเป็นภัย
คุกคามและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย หากเป็นเช่นนั้นผู้ที่
ทมุ่ เทพลังท้งั หมดของเขาในการฝกึ ฝนศลิ ปะการพดู แตก่ ลบั ละเลย
การแสวงหาเหตผุ ลสูงสุดอันทรงเกยี รติ รวมทัง้ ความประพฤตอิ ันมี
ศีลธรรมแลว้ ย่อมถูกจัดอยใู่ นลำ� ดับท้ายๆ ของพลเมืองท่ีไม่ท�ำคณุ
ประโยชนแ์ กต่ นเอง และยงั เปน็ พษิ ภยั ตอ่ ประเทศของตนอกี ดว้ ย แต่
– 29 –
ถกเถียงอย่างไรใหช้ นะ
ผู้ท่ีเสริมความสามารถของตนเองด้วยวาทศิลป์ท่ีไม่ได้เป็นไปเพื่อให้
เขาเบียดบังประโยชน์ของประเทศ แต่เป็นไปเพื่อช่วยเหลือมากกว่า
ในทัศนะของข้าพเจ้าบุคคลผู้นั้นย่อมจะเป็นพลเมืองที่เก้ือกูลและ
ทมุ่ เทเพอื่ ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนข์ องสาธารณะ (ซเิ ซโร, De
Inventione 1.1)
หลายทศวรรษต่อมา ในข้อเขียนช่ือ De oratore ซิเซโรจะ
กล่าวถึงรายละเอียดท่ีเกี่ยวข้องกับการวิวาทและจะเพียรพยายาม
เช่ือมโยงหรือสังเคราะห์ปรัชญาเข้ากับวาทศลิ ป์ แตก่ ลบั เชือ่ มโยงถึง
การพูดโนม้ น้าวเพยี งเล็กนอ้ ย นักปราศรัยในอุดมคติของซิเซโรเปน็
นกั ปรชั ญาผมู้ วี าทศลิ ป์ หรอื นกั ปราศรยั ผลู้ มุ่ ลกึ ดว้ ยเหตผุ ล อยา่ งไร
ก็ตาม ส�ำหรับคนท่ีคุ้นเคยกับการทำ� งานด้านการปราศรัยของซิเซโร
ย่อมเข้าใจดีว่ามีอยู่หลายคร้ังท่ีซิเซโรต้องแก้ต่างให้ลูกความท่ีเขารู้ดี
อยแู่ ลว้ วา่ ทำ� ความผดิ ทจ่ี รงิ ครสู อนการพดู ในยคุ หลงั อยา่ งควนิ ตเิ ลยี น
(Quintilian) บอกกับเราว่าครั้งหน่ึงซิเซโรเคยโอ้อวดเร่ืองน้ีไว้
วา่ เมอื่ ตอ้ งแกต้ า่ งใหก้ บั ลกู ความชอ่ื คลเู อนตอิ สุ (Cluentius) เขาได้
‘สาดฝนุ่ เขา้ ตาผพู้ พิ ากษา’ ซเิ ซโรเคยพดู กบั ลกู ชายในชว่ งทา้ ยของเขา
ว่าเขามีบางเรื่องต้องพูดเก่ียวกับการแก้ต่างให้กับลูกความท่ีเป็นคน
ผิด สิ่งน้ีท�ำให้เราย้อนคิดว่าความเช่ือเก่ียวกับการให้จ�ำเลยทุกคน
ได้รับการไต่สวนอย่างเป็นธรรมน้ัน อย่างน้อยก็มีพ้ืนฐานส่วนหน่ึง
อยู่ในความคิดของซิเซโร:
ค�ำสอนเก่ียวกับภาระทางศีลธรรมน้ีต้องตั้งใจรักษาให้ดี อย่า
ให้มีการปรับเงินคนบริสุทธิ์ในศาล ที่จริงไม่มีทางท่ีจะท�ำเช่นน้ีได้
หากไม่ท�ำให้ตนกลายเป็นอาชญากร สิ่งที่โหดร้ายยิ่งกว่าการเปล่ียน
วาทศิลป์ของคนผู้หนึ่งซึ่งเป็นพรสวรรค์ท่ีธรรมชาติมอบให้ส�ำหรับ
ช่วยเหลือและพิทักษ์เพื่อนมนุษย์ของเราก็คือ การท�ำลายล้างคนดี
– 30 –
How to Win an Argument
ใชไ่ หม อย่างไรกต็ าม ขณะท่ีการกระท�ำเช่นน้เี ป็นสิง่ ที่ต้องหลกี เลย่ี ง
เราไม่จำ� เปน็ ตอ้ งกระดากใจมากนักในการแกต้ า่ งให้คนผดิ การชว่ ย
เหลือเขาไม่ใช่ส่ิงช่ัวร้ายอันน่าชัง ผู้คนต้องการมัน จารีตยอมรับได้
มนุษย์โลกยอมรับได้ ส�ำหรับคดีต่างๆ ในศาลย่อมเป็นหน้าที่ของ
ผพู้ พิ ากษาทจ่ี ะแสวงหาความจรงิ บางคร้งั กเ็ ป็นหนา้ ทีข่ องทนายทจี่ ะ
แก้ตา่ งในส่งิ ทค่ี ลา้ ยกับความจริง แมว้ า่ มันจะเปน็ นอ้ ยกว่าความจรงิ
ก็ตาม (De officiis 2.51)
– 31 –
ถกเถียงอย่างไรใหช้ นะ