แต้จิ๋ว แต่แจ๋ว
สมชาย จวิ : เขยี น
ราคา 275 บาท
ขอ้ มลู ทางบรรณานุกรมของส�ำ นักหอสมุดแหง่ ชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
สมชาย จิว.
แต้จิ๋ว แต่แจ๋ว.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป, 2565.
272 หน้า.
1. จีน -- ประวัติศาสตร์. 2. จีน -- วัฒนธรรม. I. ชื่อเรื่อง.
951
ISBN 978-616-301-755-0
© ขอ้ ความในหนงั สอื เล่มน้ี สงวนลขิ สิทธติ์ ามพระราชบัญญตั ิลิขสิทธิ์ (ฉบบั เพ่ิมเตมิ ) พ.ศ. 2558
การคัดลอกสว่ นใดๆ ในหนังสอื เล่มนไี้ ปเผยแพร่ไมว่ า่ ในรปู แบบใดต้องได้รับอนญุ าตจากเจา้ ของลขิ สิทธ์กิ ่อน
ยกเว้นเพื่อการอา้ งองิ การวจิ ารณ์ และประชาสัมพนั ธ์
บรรณาธิการอ�ำ นวยการ : คธาวุฒิ เกนยุ้
บรรณาธิการบรหิ าร : สุรชัย พิงชัยภมู ิ
บรรณาธิการเล่ม : วาสนา ชรู ตั น์
กองบรรณาธิการ : คณติ า สตุ ราม พรรณิกา ครโสภา วันวิสา เขตรดง
เลขากองบรรณาธิการ : กนั ยารตั น์ ทานะเวช
พสิ จู น์อกั ษร : ยพุ ดี ตันตทิ วีโชค
รปู เล่ม : Evolution Art
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผ้อู ำ�นวยการฝ่ายการตลาด : นชุ นนั ท์ ทกั ษณิ าบณั ฑติ
ผจู้ ดั การฝ่ายการตลาด : ชติ พล จนั สด
ผจู้ ดั การทว่ั ไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
พมิ พท์ ่ี : บรษิ ทั วิชน่ั พรีเพรส จ�ำ กดั โทร. 0 2147 3175-6
จดั พมิ พ์และจัดจำ�หนา่ ยโดย : บริษทั ยปิ ซี กร๊ปุ จ�ำ กดั เลขที่ 37/145 รามค�ำ แหง 98
แขวง/เขตสะพานสงู กรงุ เทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต่อ 108
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
Line ID: @gypzy
สนใจสั่งซอ้ื หนงั สือจำ�นวนมากเพ่ือสนบั สนุนทางการศกึ ษา สำ�นักพิมพ์ลดราคาพเิ ศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939
แต้จิ๋ว แต่แจ๋ว
潮州
สมชาย จิว
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์
‘แตจ้ ิ๋ว แตแ่ จ๋ว’ เปน็ ผลงานหนงั สือลำ� ดบั ที่ 4 ของ ‘สมชาย จิว’
ที่จดั พมิ พ์โดยสำ� นกั พิมพ์ยิปซี ซ่งึ ล�ำดับที่ 1 นั้นคอื ‘จนี มเี กรด็ ’ บอกเล่า
เกร็ดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนหลากยุคหลายสมัย กับเรื่องเล่าเร้น
ใจลกู หลานมังกรโบราณ ล�ำดับท่ี 2 ‘เกรด็ เทพเจา้ จีน’ บอกเล่ากำ� เนดิ ของ
เทพเจ้าแต่ละองค์ และเกร็ดแปลกใหม่ของเทพเจ้าองค์ต่างๆ ล�ำดับท่ี 3
‘มังกรสยายเกรด็ ’ บอกเล่าเกรด็ ประวตั ศิ าสตร์จนี อันตนื่ ตาตืน่ ใจ เร่ืองราว
ทไี่ มเ่ คยร้มู ากอ่ น ย้อน ‘เกร็ด’ มังกรจากโพน้ อดตี สู่ปัจจุบัน
และส�ำหรับ ‘แต้จิว๋ แต่แจ๋ว’ เลม่ น้ี ผู้เขียนได้คดั สรรเรอื่ งราวของ
คนจนี แตจ้ ิ๋วทั้งที่อย่ใู นจีนแผน่ ดินใหญ่ และทเ่ี ปน็ จนี โพ้นทะเลในเมอื งไทย
โดยคอ่ ยๆ พาผอู้ า่ นไปรจู้ กั กบั ดนิ แดนทเ่ี รยี กวา่ แตจ้ ว๋ิ ไลเ่ รยี งประวตั ศิ าสตร์
แต้จ๋ิวผ่านแต่ละราชวงศ์เรื่อยลงมาจนปัจจุบัน ในท่วงท�ำนองแบบเล่าสู่
กันฟงั ในบรรยากาศทีเ่ ปน็ กันเอง และในแบบฉบับ ‘สมชาย จวิ ’ ที่หลาย
ท่านค้นุ เคยและประทบั ใจ
ดว้ ยความขอบคณุ
ส�ำนกั พิมพ์ยปิ ซี
ค�ำน�ำผู้เขียน
床前明月光,
疑是地上霜。
举头望明月,
低头思故乡。
ปลายเตียงแสงจนั ทร์พรา่ ง
น�้ำคา้ งแข็งฤาไฉน
เงยหนา้ มองจันทรอ์ ำ� ไพ
กม้ หน้าคดิ ไกลถงึ บา้ นเกิด
静夜思 : หวนคำ� นงึ ในดกึ สงัด : หลไ่ี ป๋
คนจนี แตจ้ วิ๋ เปน็ หนงึ่ ในชาวจนี โพน้ ทะเลทมี่ มี ากทสี่ ดุ ในเมอื งไทย ผู้
เขยี นเองกเ็ ปน็ ลกู จนี แตจ้ วิ๋ ทพ่ี อ่ และแมม่ าจากเมอื งจนี ทง้ั คู่ ตวั เองจงึ โตมา
ในแวดลอ้ มของความเปน็ จนี ทว่า ก็เหมือนใกล้เกลอื กนิ ดา่ ง เพราะไม่ใคร่
จะใหค้ วามสำ� คญั กบั ทม่ี าทไี่ ปของตวั เองมากนกั ตง้ั แตเ่ ลก็ มา กร็ เู้ พยี งวา่ ตวั
เองเปน็ คนจีนแต้จว๋ิ พดู ภาษาจนี แตจ้ ว๋ิ ได้ แต่ถ้าซักไซ้ไลเ่ รยี งมากไปกวา่ น้ี
ผู้เขียนก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน จนเม่ือมาสนใจกับความเป็นจีนมากข้ึนน่ีเอง
ทคี่ อ่ ยๆ กลับไปเสาะค้นเร่อื งราวของบรรพชน ย่ิงศึกษาหาความรู้ กย็ ง่ิ ค้น
พบความนา่ สนใจมากมาย
คนเชื้อสายจีนในเมอื งไทยทีเ่ คยถูกกำ� หนดใหเ้ ปน็ “คนนอก” เปน็
“เจ๊ก” ในวันน้ัน ณ วนั นล้ี ้วนกลายเปน็ “ลกู จีน” ที่เปยี่ มไปด้วยความภาค
ภูมใิ จในรากเหงา้ ของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกนั กด็ เู หมอื นจะ “ต่อไมต่ ดิ ”
กบั ความเปน็ จนี ของตัวเองเท่าไรนัก
เรามักได้ยนิ ค�ำกลา่ วขานกันว่า...
“บรรพบรุ ษุ ของเราโลส้ ำ� เภา เสอ่ื ผนื หมอนใบหนคี วามอดอยากจาก
เมอื งจนี มาสร้างเนอ้ื สร้างตัวด้วยสองมือเปลา่ ”
ประโยคน้ีจะวา่ ผิดกไ็ มเ่ ชิง แตจ่ ะวา่ ถูกต้องทั้งหมดก็ไมใ่ ช่
• บรรพบุรุษของเรา เมื่อตอนมาน�ำเส่ือและหมอนติดตัวมาด้วย
จริงหรอื ?
• เรอื ทีบ่ รรพบรุ ุษของเราโดยสารมายงั เปน็ เรือสำ� เภา กางใบอาศัย
ลม หรอื เป็นเรอื กลไฟแลว้ กันแน่
• บรรพบุรษุ ของเรา สรา้ งเน้อื สรา้ งตัวดว้ ยสองมอื เปลา่ หรอื อาศัย
เครือขา่ ยความสมั พันธอ์ นื่ ประกอบดว้ ย
แคป่ ระโยคเดียว ยงั ท�ำใหต้ ง้ั ค�ำถามได้มากมาย!
หนงั สอื “แตจ้ ิ๋ว แต่แจว๋ ” เลม่ น้ี ผเู้ ขียนพยายามคดั สรรเรือ่ งราว
ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี ของคนจีนแต้จ๋ิว ท้ังท่ีอยู่ในจีน
แผน่ ดนิ ใหญ่ และทเี่ ปน็ จนี โพน้ ทะเลในเมอื งไทย โดยอาศยั การเลา่ เรอ่ื งผา่ น
ค�ำศพั ทท์ ี่เราๆ อาจคนุ้ หู แตไ่ มร่ ู้ทมี่ าทไี่ ป โดยจะค่อยๆ พาผูอ้ ่านไปรู้จักกับ
ดนิ แดนทเ่ี รยี กวา่ แตจ้ ว๋ิ ทคี่ นจนี ทกุ วนั นเ้ี รยี กวา่ เฉาซา่ น ไลเ่ รยี งประวตั ศิ าสตร์
แตจ้ วิ๋ ผา่ นแตล่ ะราชวงศเ์ รือ่ ยลงมาจนปัจจบุ ัน
จากนน้ั กค็ อ่ ยพาทา่ นผอู้ า่ นลงเรอื อง่ั เถา่ จงุ๊ รจู้ กั เรอื สำ� เภาหวั แดง ท่ี
ครั้งหนึง่ เคยเปน็ สินค้าสง่ ออกของสยาม จากนนั้ ไปร้ทู ี่มาของค�ำวา่ หัวเฉียว
ที่ไม่ใช่แค่ชื่อโรงพยาบาล พากระทบไหล่เจ้าสัว การสร้างเนื้อสร้างตัว
และการสร้างเครอื ข่าย คยุ กบั กุลีจีนจนรจู้ ักต่ึงซวั ต่งึ นั้ง กากี่นงั้ เยยี่ มยล
โพยก๊วน ธุรกิจที่เป็นสายใยเช่ือมคนสองฝั่งระหว่างโพ้นทะเลและถ่ินเกิด
เกาะขอบโรงงิ้วแต้จิ๋วจากจีนสู่สยาม ไปดูประเพณีคนแต้จิ๋วที่ไหว้เจ้าแทบ
จะทกุ วนั รจู้ กั กับบางเมนูอาหารแต้จิ๋วเลอ่ื งช่ือ
พบคนดงั แตจ้ ว๋ิ ในจนี และไทย ทงั้ แมท่ พั ทส่ี ละชพี เพอ่ื ชาติ จอหงวน
หนมุ่ มหาเศรษฐฮี อ่ งกง และลกู จนี แตจ้ ว๋ิ ผยู้ งิ่ ยงอยา่ งอาจารยป์ ว๋ ย องึ๊ ภากรณ์
แล้วพาไปสนกุ กบั สุภาษติ ค�ำคมแตจ้ ว๋ิ ท่แี ฝงแงค่ ดิ และบททีว่ ่าด้วยสำ� เนยี ง
เสยี งจนี แตจ้ วิ๋ ทม่ี เี อกลกั ษณ์ ปดิ ทา้ ยดว้ ยเกรด็ จนี แตจ้ ว๋ิ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยอรรถรส
ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองคนจีนแต้จิ๋วผู้อยู่เบ้ืองหลังการเชิญธงชาติในวันสถาปนา
สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน เรื่องของคู่ชีวิตชาวจีน
แต้จ๋ิวสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ท่ีเข้ามาถูกจับในเมืองไทย เม่ือ 91 ปี
ท่ีแลว้ ฯลฯ
องค์ความรู้อันว่าด้วยจีนแต้จ๋ิวน้ันมีท่านผู้รู้หลายต่อหลายท่านเคย
ถา่ ยทอดไวแ้ ลว้ ซง่ึ ลว้ นแตเ่ ปน็ หนงั สอื ทมี่ คี า่ ยงิ่ ผเู้ ขยี นจงึ พยายามนำ� เสนอ
แตจ้ ว๋ิ ในสว่ นทย่ี งั ไมถ่ กู กลา่ วถงึ หรอื นำ� มาเลา่ ใหมใ่ นแงม่ มุ ทแี่ ผกแตกตา่ งกนั
ออกไป ดว้ ยหวงั จะเปน็ สว่ นหนง่ึ ทไี่ ดเ้ ตมิ เตม็ ความรดู้ า้ นจนี แตจ้ วิ๋ ในไทยให้
เพม่ิ ข้นึ ไม่มากก็น้อย
คนจีนน้ัน วา่ กนั วา่ ดว้ ยความผกู พันกับบรรพบรุ ษุ หากเลือกไดม้ ัก
ไมม่ ใี ครอยากเคลอ่ื นยา้ ยถน่ิ ฐาน หรอื อพยพไปแดนไกล แตเ่ มอ่ื จำ� ตอ้ งจาก
มา กอ็ ดหวนค�ำนงึ ถงึ บา้ นเกิดไม่ได้ ดง่ั บทกวีของหลไ่ี ป๋ แหง่ ราชวงศ์ถัง ท่ี
หยบิ ยกขนึ้ มาขา้ งตน้ แตก่ อ่ นนน้ั บรรพบรุ ษุ ของเราเมอ่ื มาทำ� มาหากนิ แดน
ไกล ลว้ นหวงั จะเปน็ “ใบไมห้ วนคนื สรู่ าก” ไดก้ ลบั คนื ภมู ลิ ำ� เนา ทวา่ มาถงึ
วันน้ี หลายต่อหลายตระกูล กลายเป็นผู้ “หย่ังรากฝังลกึ ” ในแผ่นดนิ ไทย
นี้แลว้ หวงั เปน็ อย่างยิง่ ว่า “แต้จ๋วิ แตแ่ จ๋ว” เล่มนี้ จะได้เปน็ สือ่ พาทุกท่าน
หวนคนื สรู่ ากเหง้าถิน่ เกิดบรรพชน
สมชาย จิว
เมษายน 2564
สารบัญ 10
14
บทน�ำ 36
1. แต้จ๋วิ 52
2. องั่ เถ่าจุ๊ง 66
3. หวั เฉยี ว 82
4. เจา้ สัว 94
5. กุลี 102
6. ตึ่งซัว ตึง่ นงั้ กาก่นี ้งั 116
7. โพยกว๊ น 150
8. งิ้วแตจ้ ๋วิ 164
9. ไปเ๊ หลา่ เอีย๊ แตจ้ ว๋ิ ไหว้เจ้า 174
10. รสแตจ้ ๋วิ 200
11. คนแตจ้ ว๋ิ 216
12. คมแต้จิว๋ 226
13. เสียงแตจ้ ว๋ิ
14. เกร็ดแตจ้ ๋ิว
บท
น�ำ
ในรัชสมยั ยงเจ้ิงฮอ่ งเต้ แห่งราชวงศ์ต้าชิง
ณ ทา่ เรอื เจยี งหลนิ (จงึ ลมิ้ ในสำ� เนยี งแตจ้ ว๋ิ ) 樟林 อำ� เภอเฉงิ หา่ ย
(เถง่ ไฮ่) 澄海 เมอื งแตจ้ ิ๋ว วันน้ัน ผูค้ นขวกั ไขว่
เสียงดังเซ็งแซ่ ลูกเรือก�ำลังขนสินค้าลงเรือกันโกลาหล ลมมรสุม
ตะวันออกเฉียงเหนือมาแล้ว ถึงฤดูกางใบแล่นเรือข้ามน�้ำข้ามทะเลไป
ค้าขายยงั ต่างแดนอีกแลว้
ในท่ามกลางความอึกทึกจอแจ กลับมีชายหนุ่มผู้หน่ึงก�ำลังยืนน่ิง
ไม่ไหวติง เขายืนมองดูเรือส�ำเภาอ่ังเถ่าจุ๊งล�ำใหญ่ตรงหน้า ดวงตากลมโต
ที่ถูกวาดข้ึนตรงหัวเรือสีแดงเหมือนก�ำลังสบตากับเขาอยู่ มันคล้ายกับ
จะถามเขาวา่ ...
“แนใ่ จแล้วหรือ ทจ่ี ะทง้ิ แผ่นดนิ เกิดไปกับข้า”
เขาคอื เจ้ิงยง (แตย้ ง) 郑镛 ชายหนมุ่ ชาวแตจ้ ิว๋ จากหมูบ่ า้ นหัวฝู่
(ฮวั ป)ู๋ 华富村 อำ� เภอเถง่ ไฮ่ เจงิ้ ยง เดมิ ชือ่ เจงิ้ ตา๋ เขาเปน็ คนออกจะ
โผงผาง อารมณ์รอ้ น จนคนในหมูบ่ ้านเอือมระอา ต่างเรยี กขานเขาลบั หลัง
วา่ “อันธพาลตา๋ ” ชีวิตของเขาที่บา้ นเกิดคงไมน่ า่ อภิรมย์นกั เขาจึงตดั สิน
ใจจะทงิ้ แผน่ ดนิ เกดิ ไปแสวงโชคทต่ี า่ งแดน ถา้ รำ่� รวยกลบั มาเมอ่ื ไร ชาวบา้ น
จะตอ้ งเสยี ใจทเ่ี คยเรยี กเขาว่าอันธพาล
วนั นั้น เป็นวันท่หี นาวผดิ ปกติ เจ้งิ ยงไมแ่ นใ่ จว่าเปน็ หนาวยะเยือก
จากภายนอก หรอื วา่ หนาวยะเยือกจากภายในใจ
เจ้ิงยงหันกลับไปมองด้านหลัง เหมือนจะสั่งลามาตุภูมิเป็นคร้ัง
สุดท้าย จากนั้นก็ก้มลงหยิบตะกร้าท่ีมีเพียงขนมเข่งและฟักเขียวลูกหน่ึง
ข้ึนมา แลว้ ตัดใจเดนิ อาดๆ ไปยังเรือส�ำเภาอ่งั เถา่ จุ๊ง เรอื ท่ีจะกางใบรบั ลม
11
แหวกคลน่ื พาเขาไปยงั เมืองสยาม
และเม่ือมาถึงยังพระนครศรีอยุธยาโดยสวัสดิภาพ เจิ้งยงก็ไปต้ัง
รกรากอยูใ่ นยา่ นของคนแตจ้ ิว๋ ด้วยกันที่แถวคลองสวนพลู ข้างวดั พนัญเชงิ
กรุงศรีอยุธยาเวลาน้ัน ชาวจีนฮกเกี้ยนมีจ�ำนวนมากที่สุดและมีอิทธิพล
ท่ีสุด เจ้ิงยงท่ีเป็นจีนแต้จิ๋วเลือกประกอบสัมมาชีพเท่าท่ีจะท�ำได้ จาก
คา้ ขายคอ่ ยๆ ขยบั ฐานะสนู่ ายอากร
แต่เจิ้งยงคงไม่คาดคิดว่า โชคชะตาจะพาเขาไปไกลจนเหลือเช่ือ
เพราะต่อมาเขาจะกลายเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของลูกชายคนหนึ่ง ลูกชายท่ี
เมอื่ เตบิ ใหญไ่ ดก้ มุ ดาบปราบขา้ ศกึ รวมแผน่ ดนิ สยามกลบั มาเปน็ หนง่ึ แลว้
สถาปนาแผ่นดินกรุงธนบรุ ี ปราบดาภเิ ษกข้นึ เป็น สมเดจ็ พระเจ้าตากสิน
มหาราช
เรื่องราวของเจ้ิงยง เป็นตัวอย่างหน่ึงของชาวจีนแต้จ๋ิวโพ้นทะเล
ท่ีมาแสวงโชคสร้างเนื้อสร้างตัวบนแผ่นดินอ่ืนจนประสบความส�ำเร็จ (แม้
ในกรณีเจิ้งยงจะประสบความส�ำเรจ็ เกนิ คาดหมายไปมาก)
สุสานหลวงพระเจ้าตากสนิ ท่ีเถ่งไฮ่ แตจ้ ๋ิว
12
เร่ืองราวของจีนแต้จิ๋ว จะนับได้ว่า “แต้จ๋ิว แต่แจ๋ว” ก็ไม่ผิดนัก
เพราะแตจ้ ว๋ิ อาจจะเป็นเพยี งสว่ นเสย้ี วเลก็ ๆ ของชนกลมุ่ นอ้ ยบนแผ่นดิน
มังกร เแต่กลับเต็มไปดว้ ยเร่ืองราว สถานท่ี ผคู้ น ศลิ ปวัฒนธรรมทยี่ ่งิ ใหญ่
ลกู จีนเชอ้ื สายแตจ้ วิ๋ ยงั มีอยู่มากมายบนผนื แผน่ ดนิ ไทย แต่เรารจู้ กั
แต้จิ๋วรากเหง้าของเรามากนอ้ ยเพียงใดกัน
หลายคนรเู้ พียงแค่ว่า บรรพบรุ ุษของตัวเองเป็นคนจีนแตจ้ ว๋ิ หลาย
คนพอจะบอกได้ว่า นามสกลุ ท่ตี นใช้อยมู่ าจากแซอ่ ะไรของบรรพบุรุษ เชน่
ขน้ึ ต้นด้วย อัศวะ... มกั มาจาก แซเ่ บ๊ ขนึ้ ตน้ ดว้ ย จิระ... มักมาจาก แซ่จวิ
ข้ึนต้นด้วย สิมะ... มักมาจาก แซ่ซิ้ม ข้ึนต้นด้วย ลี... มักมาจาก แซ่ลี้
แตเ่ รื่องราวพน้ ไปจากนีเ้ ลา่ รากเหง้าของเราอยูท่ ่ีไหน เป็นเชน่ ไร
แต้จ๋ิวคือใคร แต้จิ๋วอยู่ที่ไหน แต้จ๋ิวต่างกับจีนอื่นอย่างไร
ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมจีนแต้จิ๋วมีเอกลักษณ์อย่างไร องค์
ความรเู้ หลา่ น้ี ดูเหมือนจะเลือนรางหา่ งไกลจากเราไปทุกที
หนังสือเล่มนี้ ขออาสาพาคุณย้อนคืนสู่รากเหง้าความเป็นชาวจีน
แตจ้ ๋ิว โดยบอกเลา่ ผา่ นคำ� จีนแตจ้ ว๋ิ ท่เี ราๆ ทา่ นๆ อาจคุ้นหแู ตไ่ มร่ ูท้ ่มี าท่ี
ไป เมอื่ อ่านหนงั สอื เลม่ น้ีแลว้ คุณจะพบว่า แตจ้ ิ๋ว แตแ่ จ๋ว
หมายเหตุ
ชือ่ บคุ คล และสถานที่ต่างๆ ในหนังสือเลม่ น้ี จะพยายามถ่ายทอด
เป็นภาษาจีนกลางเป็นหลัก โดยมีส�ำเนียงแต้จ๋ิวก�ำกับไว้ในวงเล็บ ยกเว้น
บางช่ือท่ีคนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว ก็จะออกเสียงตามท่ีคุ้นเคยกันมา
เชน่ แตจ้ ๋วิ หรือ กวางตุ้ง เปน็ ต้น
13
1.
แต้
จ๋ิว
潮
州
有潮水的地方就有潮汕人
ท่ีใดมีกระแสน�้ำ ท่นี ัน่ มคี นแตจ้ ๋วิ
แต้จิ๋ว...อยหู่ นใด
กงั ไส
ตว่ั โปว ฮกเกย้ี น
กวางตุ้ง ฮงสุง เหยี่ยวเพ้ง
ก๊ิกเอ๊ีย ไหเอ๊ีย เมอื งแตจ้ ว๋ิ
เถง่ ไฮ่
โผวเลง้ เต่ยี เอ๊ยี เมอืิ งซวั เถา
ฮุ่ยไล้
แผนท่แี สดงบริเวณแถบแตจ้ ิ๋วใน ค.ศ. 1911 โดยระบุช่อื แต่ละอ�ำเภอเปน็ แต้จวิ๋ และจนี กลาง
คำ� วา่ 潮州 แตจ้ ว๋ิ หรอื เฉาโจว ในสำ� เนยี งจนี กลาง เปน็ ชอื่ ดนิ แดน
ในทางตอนใตข้ องจนี ตงั้ อยทู่ างตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของมณฑลกวางตงุ้ ทศิ
ตะวนั ออกอยตู่ ดิ กบั มณฑลฮกเกย้ี น บรเิ วณแถบนบี้ างครงั้ กม็ ขี นาดใหญข่ น้ึ
บางครง้ั กห็ ดเลก็ ลง แล้วแต่ยคุ สมยั
แตจ้ วิ๋ มขี นาดพน้ื ท่ี 10,451 ตารางกโิ ลเมตร มพี น้ื ทรี่ าบเพยี ง 1 ใน 3
ของพนื้ ทท่ี ง้ั หมด มเี ทอื กเขา เหลยี นฮวั ซาน ทางตะวนั ตก ทแ่ี ยกแตจ้ วิ๋ ออก
จากกลมุ่ คนทใ่ี ชภ้ าษากวางตงุ้ ในเขตแมน่ ำ้� จเู จยี ง ในขณะทภี่ เู ขาเฟง่ิ หวงซาน
ก็ก้ันพวกแต้จิ๋วออกจากพวกฮากกาทางเหนือ ดินแดนนี้หันหน้าออกสู่
ทะเลจนี ใต้ มชี ายฝัง่ ยาวประมาณ 325.6 กโิ ลเมตร มเี กาะนอ้ ยใหญ่บริเวณ
16
ชายฝงั่ เกาะท่มี ีขนาดใหญ่สุด คือเกาะหนานเอา้ แต้จ๋วิ มีแม่น้ำ� ส�ำคญั สาย
หลักอยู่ 3 สาย ไดแ้ ก่
1. แมน่ �้ำหานเจียง (หั่งกงั ) 韩江 ไหลผา่ น แตจ้ ิว๋ เท่งไฮ้ ซวั เถา
2. แมน่ ำ้� หยงเจียง (หยง่ กัง) 榕江 ในก๊ิกเอ๊ีย โผวเลง้
3. แม่น�้ำเล่ียนเจียง (เหล่ียงกัง) 练江 ท่ีไหลผ่านเต่ียเอ๊ียและ
โผวเลง้
ด้วยสภาพภมู ปิ ระเทศที่ปิดในทางบก และเปดิ ออกทางทะเล ทำ� ให้
แตจ้ ิว๋ เป็นเขตทีม่ ลี ักษณะเฉพาะตัว แมจ้ ะไดช้ อ่ื ว่าเป็นสว่ นหนึง่ ของมณฑล
กวางตงุ้ แตก่ ไ็ ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากทางกวางตงุ้ นอ้ ยมาก และแมจ้ ะเปน็ สว่ นหนงึ่
ของมณฑลกวางตุ้ง แตท่ างภาษาและวฒั นธรรม กลบั มีความเช่อื มโยงกับ
ชาวฮกเกี้ยนทอ่ี ยู่ตดิ กันทางดา้ นตะวันออกมากกวา่
แต้จวิ๋ ...แปลวา่ อะไร
ชื่อแต้จิ๋วน้ัน ในส�ำเนียงแต้จ๋ิวจริงๆ ต้องออกเสียงว่า เตี่ยจิว จีน
กลางออกเสยี งวา่ เฉาโจว ประกอบด้วยสองคำ� คือ เตี๋ย หรอื เฉา ท่แี ปล
ว่า กระแสน้�ำ หรอื คลืน่ ทะเลใหญ่ กบั ค�ำว่า จวิ หรอื โจว ท่ีแปลวา่ เมือง
หรือ เขตการปกครอง
ท่ีเรียกว่า เฉาโจว หรือ แต้จ๋ิว มีสาเหตุจากการที่ดินแดนแถบนี้มี
กระแสน�้ำทะเลไหลกลับไปกลับมาข้ึนลงตลอดเวลา (บางครั้งก็ท่วมเป็น
อุทกภัย)
ก่อนจะไดช้ อ่ื ว่า แตจ้ ๋ิว สมยั ทร่ี าชวงศฮ์ ่ันผนวกดินแดนแถบชายฝั่ง
ทะเลจีนใตเ้ ขา้ มาในปกครอง ก็ใหเ้ รยี กดินแดนน้วี ่า เจยี หยาง (ก๊กิ เอ๊ีย ใน
17
สำ� เนยี งแตจ้ ว๋ิ ) ตอ่ มาสมยั ราชวงศจ์ นิ้ ถกู เรยี กเสยี ใหมว่ า่ ออ้ี นั (หงอ่ี งั ) 义安
จนกระท่งั ในสมยั ราชวงศ์สุย จงึ ถูกเรียกวา่ เฉาโจว หรอื แตจ้ ๋วิ อยา่ งเป็น
ทางการ
ช่อื แตจ้ วิ๋ ไปปรากฏในเอกสารของชาวตะวันตกครั้งแรก ในหนังสือ
The History of the Great and Mighty Kingdom of China and
the Situation Thereof ของ Juan González de Mendoza ซงึ่ ตี
พมิ พ์เป็นภาษาสเปนใน ค.ศ. 1586 แล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี 1588
ตอนหน่งึ ในหนงั สือเลา่ ถึงโจรสลัดทช่ี ื่อ หลนิ อาเฟิง่ (หลิ่มอาฮวง) วา่ ...
เปน็ คนพืน้ เพเมอื ง “Trucheo” ซึ่งกค็ ือเมืองแต้จวิ๋ น่ันเอง
แม้ชาวจีนโพ้นทะเลจะยังคุ้นชินที่จะเรียกดินแดนบรรพบุรุษว่า
แต้จิว๋ เรียกตวั เองว่า เป็นคนแตจ้ ๋ิว กนิ อาหารแตจ้ ๋วิ ดงู ิ้วแตจ้ ว๋ิ แตใ่ นเมือง
จนี ปจั จบุ นั คนจนี เรยี กดนิ แดนแถบนด้ี ว้ ยสำ� เนยี งจนี กลางวา่ เฉาซา่ น หรอื
เต่ียซัว ในส�ำเนียงแต้จ๋ิว ซ่ึงประกอบไปด้วยสามจังหวัดหลักคือ เฉาโจว
(แต้จ๋วิ ) เจียหยาง (กกิ๊ เอี๊ย) และ ซ่านโถว (ซัวเถา)
18
เฉาซา่ น 潮汕 : ชือ่ อนั ท่มี าจากเส้นทางรถไฟ
ภาพพธิ เี ปดิ เดินรถไฟสายเฉาซ่าน วนั ท่ี 25 เดอื นพฤศจกิ ายน ค.ศ. 1906
เดือนเมษายน ค.ศ. 1904 พ่อค้านักลงทุนชาวจีนโพ้นทะเลโดย
การน�ำของจางอว้หี นาน 张煜南 และน้องชายกบั พวก ไดร้ ะดมทนุ กนั
กอ่ ตง้ั บรษิ ทั รถไฟเฉาซา่ น 潮汕铁路有限公司 ขึ้นมาเพอื่ เช่ือม
เสน้ ทางจากเมอื งท่าซ่านโถว (ซัวเถา) เขา้ สเู่ ฉาโจว (แต้จ๋วิ ) เสน้ ทางรถไฟ
สายน้ียังถือเป็นรถไฟสายแรกของจีนท่ีใช้ทุนสร้างและการบริหารจัดการ
โดยชาวจนี ทั้งหมด
หลังจากที่ได้รับสัมปทานในปี 1903 ก็เริ่มต้นก่อสร้างในปี 1904
โดยมวี ศิ วกรชาวญ่ีปุ่นเปน็ คนดแู ลโครงการ ทางรถไฟสายนส้ี ร้างแลว้ เสรจ็
ในวนั ที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1906 มคี วามยาวท้งั หมด 39.8 กิโลเมตร มี
19
สถานรี ถไฟ 4 สถานี ตอ่ มาในปี 1908 มกี ารสร้างสว่ นต่อขยายเพมิ่ ขน้ึ อกี
2.3 กโิ ลเมตร ท�ำใหเ้ ส้นทางรถไฟสายนีม้ คี วามยาวรวม 42.1 กโิ ลเมตร
ชื่อบรษิ ทั รถไฟเฉาซา่ นมาจากการน�ำคำ� แรกของชอ่ื เมืองท้ังสองคือ
เฉา 潮 จาก เฉาโจว (แตจ้ ิ๋ว) และ ซ่าน 汕 จาก ซา่ นโถว (ซัวเถา)
เมื่อนำ� มารวมกันจงึ เป็น เฉาซา่ น
ต่อมาช่ือ เฉาซ่าน 潮汕 ถูกน�ำมาเรียกใช้บริเวณแถบน้ีทั้งหมด
ส�ำหรับชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่จึงรู้จักและใช้ค�ำว่า เฉาซ่าน (เตี่ยซัว)
มากกว่า เฉาโจว (เต่ียจวิ หรือ แตจ้ ิ๋ว)
แต้จว๋ิ ...ในประวตั ศิ าสตรจ์ นี
บรเิ วณทเี่ ปน็ เขตแตจ้ ว๋ิ มปี ระวตั ศิ าสตรอ์ นั ยาวนาน แตโ่ บราณนานมา
ก่อนประวัตศิ าสตร์
มีการคน้ พบเคร่ืองมอื หินของมนษุ ยย์ คุ กอ่ นประวัตศิ าสตร์ อายรุ าว
8,000 ปี บนภูเขาเซ่ียงซาน เกาะหนานเอ้า จึงเช่ือได้ว่าดินแดนแถบนี้มี
มนษุ ยอ์ ยอู่ าศัยมาตงั้ แต่บรรพกาล
แผ่นดินแถบนี้ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนพ้ืนเมืองที่เรียกว่าพวก
ไป๋เยว่ ในหนังสือ อี้ตี้ก่วงจี้ สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ ระบุไว้ว่า: “แต้จ๋ิว ยุค
ชนุ ชวิ เป็นดนิ แดนชหี มิ่น ยุคจ้านกวอ๋ เปน็ ทีอ่ ยู่อาศยั ของพวกเยว”่ โดยใน
ยคุ จา้ นกวอ๋ แควน้ ฉู่ปราบปรามแควน้ เยว่ ท�ำใหม้ ีคนของแควน้ เยว่อพยพ
เขา้ มาดนิ แดนแถบนี้จนเกิดเป็นวัฒนธรรมหนานเยวข่ น้ึ
20
ราชวงศฉ์ นิ
จนมาถึงราชวงศ์ฉิน จีนจึงเริ่มเข้ามาผสมผสานกับคนพ้ืนเมือง
เพราะเมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้ปราบหกแคว้น รวบรวมแผ่นดินเข้าเป็นหนึ่งเดียว
ได้แล้ว ก็ส่งกองก�ำลังส่วนหนึ่งลงใต้ปราบชนพ้ืนเมืองหนานเยว่ ตั้งเมือง
หนานไหจ่ นุ ขน้ึ บรเิ วณทจี่ ะเปน็ แตจ้ วิ๋ ในปจั จบุ นั กเ็ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของหนานไหจ่ นุ
นเ่ี อง
ราชวงศฮ์ ั่น
เมื่อราชวงศฉ์ ินลม่ สลาย แมท่ ัพของฉนิ นาม จา้ วทวั น�ำไพรพ่ ลหนี
ลงมาก่อตั้ง หนานเยวก่ ว๋อ ข้นึ ที่นี่ แล้วนำ� ประเพณกี ารปกครองแบบแควน้
ฉนิ เขา้ มาดว้ ย ตอ่ มา ในรชั สมยั ฮน่ั อตู่ ้ี หนานเยวก่ วอ๋ กล็ ม่ สลาย ดนิ แดนทาง
ใต้กลับไปผนวกรวมกบั แผ่นดนิ ฮ่นั
สมยั ราชวงศฮ์ น่ั ตะวนั ตก บรเิ วณทจี่ ะเปน็ เมอื งแตจ้ วิ๋ กถ็ กู ตงั้ ใหเ้ ปน็
อำ� เภอเจยี หยาง กลายเป็นเมืองทีม่ คี วามเจรญิ ขนึ้ มาระดบั หนึ่ง
ในยคุ ฮนั่ ตะวนั ออก ทเี่ มอื งเจยี หยางนเี่ อง กเ็ กดิ ยอดคนขน้ึ มาผหู้ นงึ่
นาม อู่ต้ัง คนผู้น้ีมีความรู้ความสามารถจนได้เป็นขุนนางปกครองเมือง
อานเฉงิ ในฉางซา ตอ่ มาเมือ่ ฮ่ันระสำ�่ ระสาย บา้ นเมืองเริ่มแบง่ เปน็ สามกก๊
ซุนกวนแห่งง่อก๊กบุกตีเมืองอานเฉิง โลซกท่ีเป็นเสนาธิการของง่อก๊ก ส่ง
คนมาเกล้ียกล่อมอู่ตั้งให้สวามิภักด์ิเข้าด้วยกับง่อก๊ก แต่อู่ตั้งปฏิเสธอย่าง
แข็งขนั เขากล่าววา่
“ขา้ (อู)่ ตั้ง รับพระราชโองการโอรสสวรรค์
รู้จักเพยี งฮน่ั ไม่รจู้ ักอู่ (ง่อก๊ก)
21
แต่น้�ำนอ้ ยย่อมแพ้ไฟ อู่ตัง้ ไม่อาจรักษาเมืองอานเฉงิ ไว้ได้ หลงั จาก
เมอื งแตก อ่ตู ้ังกห็ นีกลับบ้านเกดิ ที่เมืองเจยี หยาง แลว้ ตัวเขากค็ ่อยๆ เลือน
หายไปจากหนา้ ประวตั ิศาสตร์
สามก๊กและราชวงศ์จนิ้
ในยคุ สามกก๊ และสมยั ราชวงศจ์ น้ิ แผน่ ดนิ แถบจงหยวนระสำ่� ระสาย
ดว้ ยภัยสงครามกลางเมือง ผู้คนสว่ นหน่งึ กอ็ พยพหลบลี้มาหาความสงบใน
ดนิ แดนแถบแตจ้ วิ๋ นก้ี นั มากขนึ้ ในสมยั ตงจน้ิ หรอื ราชวงศจ์ น้ิ ตะวนั ออก ดนิ
แดนแถบนี้ได้ช่ือว่าจังหวัดอ้ีอัน ข้ึนอยู่กับสวินโจว คร้ันสมัยซีจิ้น หรือจิ้น
ตะวันตก ราชวงศจ์ ิน้ ใกลล้ ม่ สลาย มกี ารยา้ ยเมืองหลวงจากล่วั หยาง ลงใต้
มาที่เมอื งเจ้ียนคงั (หนานจิงในปจั จุบัน) ผคู้ นกท็ ะลกั เขา้ ฮกเก้ยี น แลว้ เลย
ลงมาสแู่ ตจ้ ๋วิ อกี ทอด
ราชวงศส์ ยุ
ครนั้ ถึงปที ่ี 10 ของรชั สมัยสยุ เหวนิ ตี้ แห่งราชวงศส์ ุย จงั หวัดอ้อี าน
ถกู เปลยี่ นชอื่ เปน็ เปน็ เมอื งเฉาโจว หรอื แตจ้ วิ๋ ทเี่ ราคนุ้ เคย นน่ี บั เปน็ ครงั้ แรก
ท่คี �ำว่า เฉาโจว หรือ แต้จวิ๋ ถือกำ� เนิดข้ึนอยา่ งเปน็ ทางการ
คำ� วา่ เฉาโจว นนั้ แปลวา่ เมอื งแหง่ กระแสนำ�้ เนอื่ งจากบรเิ วณแถบ
นต้ี ดิ ทะเล มกี ระแสน�ำ้ ขึ้นลงตลอดเวลา ถ้าจะพยายามแปลให้ใกล้เคยี งกับ
ช่ือบ้านนามเมืองในไทย จะเรียกว่า เมืองชลบุรี กไ็ ม่น่าจะผดิ นกั
พอเข้าสู่รัชสมัยของพระเจ้าสุยหยางต้ี แผ่นดินก็กลับมาวุ่นวายอีก
ครง้ั เกดิ การลกุ ฮอื กอ่ กบฏของบรรดาผมู้ อี ทิ ธพิ ลตามทอ้ งถนิ่ ตา่ งๆ แทบทกุ
22
หวั ระแหง ทแี่ ตจ้ ว๋ิ หยางซอ่ื เลวย่ี นำ� กองกำ� ลงั ยดึ เมอื งแตจ้ ว๋ิ แลว้ ไปเขา้ รว่ ม
กบั กองกำ� ลังกบฏของ หลินซอื่ หง ที่สถาปนาตวั เองข้ึนเปน็ ฉตู่ ้ี จักรพรรดิ
ฉู่ ซึ่งมเี ขตอิทธพิ ลอยูใ่ นแถบมณฑลเจียงซีหรือกังไส และมณฑลกวางตุ้ง
ราชวงศถ์ งั
ครนั้ สยุ ลม่ สลาย ราชวงศถ์ งั สบื ตอ่ มกี ารสง่ กองกำ� ลงั จากสว่ นกลางเขา้
ปราบปรามกบฏทางใต้ กองทพั ของราชวงศถ์ งั เกลย้ี กลอ่ มจนหยางซอ่ื เลวย่ี
ยอมสวามภิ กั ด์ิ จนกระทงั่ ตอ่ มาทพั ราชวงศถ์ งั กป็ ราบปรามกบฏหลนิ ซอ่ื หง
ลงได้เปน็ ผลส�ำเร็จ
วัฒนธรรมของชาวจงหยวน แพร่เข้ามาสู่แต้จิ๋วเป็นอย่างมากใน
สมัยราชวงศ์ถังนี่เอง เพราะเมื่อทางราชส�ำนักส่งแม่ทัพเฉินเจ้ิงและบุตร
ชาย เฉนิ หยวนกวง เข้ามาปราบปรามกบฏ และควบคุมดูแลทางใต้ มชี าว
จนี จากทางเหนอื อพยพเขา้ มาลงหลกั ปกั ฐานพรอ้ มๆ กบั นำ� วฒั นธรรมของ
ชาวฮั่นเขา้ มาดว้ ย
เนื่องจากแต้จ๋ิวเป็นดินแดนทุรกันดารห่างไกลจากฉางอานเมือง
หลวงในสมยั นน้ั จงึ ถกู เลอื กใหเ้ ปน็ เมอื งทใ่ี ชล้ งโทษเนรเทศขนุ นางจากสว่ น
กลางให้มาประจ�ำการท่ีนี่ ขุนนางจากส่วนกลางที่มีชื่อเสียงที่สุดที่เคยถูก
เนรเทศมาอยแู่ ตจ้ ๋ิว ย่อมหนไี ม่พ้น หานอว้ี ์ หรือ (หัง่ ยู่) 韩愈 แต่กอ่ น
หน้า หานอวี้ ์ ก็เคยมีขนุ นางถูกเนรเทศมาท่นี ้ี แล้วท�ำประโยชนใ์ ห้กับเมอื ง
แต้จ๋ิวมาก่อนแล้ว อาทิ ฉางไหว่เต๋อ ฉางกุน ผู้ริเร่ิมท�ำเรื่องการศึกษาใน
แตจ้ ว๋ิ และหล่ซี ู่ ผู้สอนชนพ้ืนเมืองทำ� การเกษตร แต่ขนุ นางทเ่ี ข้ามาสร้าง
ความเจริญให้กับแต้จิ๋ว และได้รับการยอมรับและเคารพนับถือเป็นอย่าง
มากในหมู่ชาวจีนแต้จวิ๋ กค็ ือ ทา่ นหานอี้ว์ นีเ่ อง
23
รปู เคารพหานอี้ว์ภายในศาลเจา้ หานเหวนิ กง (ห่งั บ่งุ กง) ทีแ่ ตจ้ ๋วิ
หานอ้วี ์ กับ แต้จ๋ิว
หานอวี้ ์ เป็นท้ังกวี ปญั ญาชน และเปน็ ขุนนางตงฉิน พน้ื เพเปน็ คน
มณฑลเหอหนาน เรมิ่ เขา้ รบั ราชการเมอ่ื อายุ 29 ปี แลว้ กา้ วหนา้ ขนึ้ ตามลำ� ดบั
จนกระท่งั เมอื่ อายไุ ด้ 51 ปี ค.ศ. 819 รชั สมยั พระเจ้าถงั เซ่ียนจง หานอวี้ ์
ถวายฎีกาคัดค้านการฉลองพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้าในวังหลวง
(หานอว้ี ์ ไมน่ ยิ มศาสนาพทุ ธ เพราะเปน็ บณั ฑติ ทศี่ รทั ธาในลทั ธหิ รู ของขงจอื๊
ถึงกับเคยล่นั วาจาว่า 若世无孔子,不当在弟子之列:
หากโลกน้ีไม่มีขงจ่ือ ก็ไม่ขอเป็นศิษย์ใคร) การถวายฎีกาครั้งนี้ท�ำให้
หานอี้วถ์ ูกถอดจากตำ� แหน่ง แล้วใหเ้ นรเทศไปเป็นเจา้ เมอื งแต้จวิ๋
การเดินทางไปแต้จิ๋วนั้นก็ไม่ต่างจากเดินทางไปตาย ด้วยหนทางท่ี
24
ยาวไกล และเตม็ ไปดว้ ยภยันตราย หานอวี้ ใ์ ชเ้ วลาเดินทางจากฉางอานไป
ถึงเมอื งแต้จวิ๋ รวมท้งั สนิ้ 70 วนั หานอ้ีว์เมอื่ ไปถึงเมืองแต้จิว๋ ก็ไปสรา้ งความ
เจริญให้กับเมืองแต้จ๋ิว มีทั้งต�ำนานการขับไล่จระเข้ออกจากแม่น�้ำเอ้อซี
แตท่ สี่ ำ� คญั สดุ คอื สรา้ งสถานศกึ ษา ฟน้ื ฟแู ละเผยแพรล่ ทั ธขิ งจอื๊ จะเรยี กวา่ นำ�
ความเปน็ จนี เขา้ ไปสดู่ นิ แดนชนพน้ื เมอื งกว็ า่ ได้ ดว้ ยสาเหตนุ ้ี ทำ� ใหช้ าวแตจ้ ว๋ิ
นับถือบูชาหานอ้ีว์เป็นอย่างมาก ผู้คนกลับยกย่องท่านเป็น หานเหวินกง
หรือ ห่ังบุ่งกง สร้างศาลบูชาให้กบั ทา่ น แล้วยังน�ำแซ่ของทา่ นไปเรียกขาน
ชอ่ื บา้ นนามเมอื งตา่ งๆ เพอื่ ระลกึ ถงึ เชน่ แมน่ ำ้� ทเี่ ดมิ ชอ่ื เออ้ ซี ลำ� นำ� จระเข้
ก็เปล่ียนช่ือเป็น แม่น้�ำหานเจียง (หั่งกัง) มีภูเขาหานซาน (หั่งซัว) ศาลา
หานถิง (หั่งเต๊ง) เป็นต้น แต่เร่ืองน้ีต้องตราไว้ว่า ในความเป็นจริงทาง
ประวัติศาสตรน์ ัน้ หานอี้วเ์ ป็นเจา้ เมืองแต้จวิ๋ เพยี งเจด็ เดือนเศษ
กระบวนการสรา้ งความนยิ มหานอว้ี ใ์ นแตจ้ วิ๋ นนั้ นา่ จะเกดิ จากคนใน
ชน้ั หลงั มากกวา่ เพราะในสมยั ราชวงศซ์ ง่ เหนอื เฉนิ เหราจว่ั (ซง่ึ กเ็ ปน็ ขนุ นาง
ที่ถูกลดต�ำแหน่งมาน่ังเมืองแต้จ๋ิวไม่ต่างจากหานอ้ีว์) เป็นผู้ท่ีให้สร้างศาล
บชู าหานอวี้ ์ข้ึนเปน็ แหง่ แรกในแตจ้ ๋ิว
ราชวงศ์ซง่
พอเข้าราชวงศ์ซ่ง ด้วยเหตุแห่งความวุ่นวายจากศึกสงครามในดิน
แดนภาคกลาง จงึ มผี คู้ นจำ� นวนมากอพยพมายงั มณฑลกวางตงุ้ โดยเฉพาะ
ท่ีแต้จิ๋ว เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองชายฝั่งทะเลอยู่ห่างไกลจากภัยสงคราม มี
บนั ทกึ วา่ ในระหวา่ งชว่ งราชวงศซ์ ง่ แตจ้ วิ๋ มพี ลเรอื นเพม่ิ ขนึ้ จาก 5,831 ครวั
เรือน เปน็ 74,682 ครัวเรอื น และเป็นในสมัยราชวงศ์ซง่ นี่เองที่มผี คู้ นจาก
ฮกเกี้ยนอพยพเข้ามาอีกเป็นระลอกใหญ่ ท�ำให้วัฒนธรรมและภาษาของ
25
ฮกเกย้ี นเขา้ ผสมผสานกับแต้จิ๋ว
ยคุ ราชวงศซ์ ง่ ถอื เปน็ ยคุ ทองของแตจ้ วิ๋ เศรษฐกจิ รงุ่ เรอื ง มกี ารสง่ ออก
เครอื่ งถว้ ยสกลุ ชา่ งแตจ้ วิ๋ ออกไปคา้ ขายตามเสน้ ทางสายไหมทางทะเล (มกี าร
คน้ พบเศษเครอ่ื งถว้ ยแตจ้ ว๋ิ สมยั ราชวงศซ์ ง่ ทางตอนใตข้ องประเทศไทย) การ
ศกึ ษาของชาวแตจ้ ว๋ิ ในยคุ นกี้ เ็ ฟอ่ื งฟู จนไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ “ดนิ แดนแหง่
ขงจอื่ และเมง่ิ จอื่ ในชายฝง่ั ทะเล” วดั ไดจ้ ากจำ� นวนจน้ิ ซอ่ื (ผทู้ ผี่ า่ นการสอบ
คดั เลอื กหนา้ พระทนี่ งั่ ) ในสมยั ถงั มชี าวแตจ้ ว๋ิ ทส่ี อบไดเ้ ปน็ จน้ิ ซอ่ื เพยี ง 4 คน
พอมาถงึ สมยั ราชวงศซ์ ง่ มคี นแตจ้ ว๋ิ สอบผา่ นไดเ้ ปน็ จนิ้ ซอ่ื ถงึ 172 คน
ในเวลาน้ันมีขุนนางช่ือดังท่ีเป็นชาวแต้จ๋ิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
ขนุ นางสตั ยซ์ อื่ ไมเ่ หน็ แกป่ ระโยชนต์ นอยา่ ง หลนิ ฉงโจว หลวิ ยนุ่ และจางขยุ
ผู้ได้รับพระราชทานป้ายยกย่องให้เป็น “ผู้ลือเลื่องแห่งแดนใต้” รวมถึง
หวงั ต้าเปา้ (เฮ้งไต่ปอ้ ) ขนุ นางคนส�ำคญั ในรัชสมยั ซ่งเสย้ี วจง ท่มี ีพื้นเพเป็น
คนไหห่ ยาง หรอื เฉาอัน (เต่ียอัง) ในปัจจุบนั หวังตา้ เปา้ ผู้นี้ แทจ้ ริงก็สอบ
ไดท้ ่จี อหงวน แตถ่ ูกฮอ่ งเต้ขอต�ำแหนง่ จอหงวนไปใหค้ นอื่น เขาจึงถูกจัดให้
เปน็ อนั ดับสองท่ี ป๋างเหย่ียน 榜眼
หวงั ต้าเปา้ เป็นหน่งึ ใน “แปดปัญญาชนแต้จ๋ิวแห่งยุคถงั , ซ่ง” ครัง้
หนงึ่ ซง่ เสย้ี วจงฮอ่ งเตเ้ คยตรสั ถามหวงั ตา้ เปา้ วา่ ทแ่ี ตจ้ วิ๋ เรอื่ งการศกึ ษาเปน็
เช่นไร หวังตา้ เป้าทูลวา่
“ที่ดินเพาะปลูกได้น้อย ครอบครัวยากจน แต่ลูกหลานสนใจ
ศึกษา”
และเป็นในรชั สมัยซ่งเส้ยี วจง แหง่ ราชวงศซ์ ง่ ใตน้ ี่เอง ในปี 1171 ได้
มีการเริ่มต้นสร้างสะพานเซียงจื่อเฉียว (เซียงจ๋ือเกี๊ย) สะพานช่ือดังท่ีเป็น
หน้าเปน็ ตาของเมืองแตจ้ ิว๋ มาจนถงึ ทกุ วันนี้
26
เซยี งจ๋อื เกีย๊ 湘子桥 : สะพานลือเลอ่ื งเมอื งแต้จ๋วิ
สะพานเซยี งจื๋อเกยี๊ ทีใ่ ชเ้ รอื ผกู ตดิ กนั ช่วงกลางสะพาน
อีกบางมมุ ของสะพานเซียงจอ๋ื เกย๊ี
27
ในแผ่นดินจีน มีสะพานท่ีถูกจัดอันดับให้เป็นสะพานเก่าแก่และ
ย่ิงใหญ่อยู่ 4 สะพาน คือ สะพานหลูโกวเฉียวในปักกิ่ง เจ้าโจวเฉียวใน
เหอเปย่ ลว่ั หยางเฉยี วในฮกเกยี้ น และ เซยี งจอื่ เฉยี ว หรอื ทค่ี นแตจ้ ว๋ิ เรยี กวา่
เซียงจือ๋ เกยี๊ สะพานน้ีมีอีกชือ่ หนึง่ ว่า ก่วงจีเ้ ฉียว (กวงจีเ้ กีย๊ ) 广济桥
เร่ิมต้นก่อสร้างปี 1171 ในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ ต้ังอยู่นอกประตูเมืองทิศ
ตะวนั ออกของเขตเซยี งเฉยี ว เมอื งแตจ้ ว๋ิ เชอื่ มฝง่ั ตะวนั ออกและฝง่ั ตะวนั ตก
ของแม่นำ�้ หง่ั กังเข้าไว้ด้วยกัน มีความยาวท้ังส้นิ 518 เมตร
สะพานแหง่ นมี้ คี วามงดงาม แปลกตาจนถกู จดั ใหเ้ ปน็ “หนง่ึ ในแปด
ทิวทัศน์แต้จิ๋ว” ที่คนต้องมาเยือน จนคนแต้จิ๋วมีค�ำกล่าว ... ขออ่านเป็น
ส�ำเนียงแต้จ๋วิ เพ่ืออรรถรสวา่
到潮不到桥,白白走一场
“เก้าเตี๊ยปกุ๊ เก๋าเกยี๊ แปะแปะ๊ เจาเจก็ เตีย๊ ”
“มาถึงแตจ้ ว๋ิ ไปไมถ่ ึงสะพาน ก็เสยี เท่ียวเปลา่ ”
สะพานเซียงจื๋อเกี้ย จากสองฝั่งเป็นแบบสะพานคานค้�ำ โดยสร้าง
ฐานตอม่อเขา้ หากันรวม 24 ฐาน บนตอม่อก่อเป็นศาลาทีแ่ ต่ละหลังมรี ปู
แบบแตกต่างกันออกไป ช่วงกลางล�ำน�้ำใช้เรือผูกติดกันเข้าไว้ 18 ล�ำเป็น
สะพานทุ่นลอย จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของสะพานนี้ ท่ีมีการผสมผสาน
รูปแบบสะพานแบบคานค�้ำ และสะพานทุ่นลอยเข้าไว้ด้วยกันได้อย่าง
ลงตวั ชว่ งกลางสะพานทเ่ี ปน็ เรอื ผกู เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั นนั้ เมอ่ื มเี รอื สญั จรไปมาก็
สามารถเปดิ ออกใหเ้ รอื แลน่ ผา่ นได้ เหมาอเี่ ซงิ ปรมาจารยว์ ศิ วกรโครงสรา้ ง
แหง่ จนี ใหม่ ยกยอ่ งใหส้ ะพานเซยี งจอื๋ เกยี๊ แหง่ นเี้ ปน็ สะพานเปดิ -ปดิ ไดท้ เ่ี กา่
แกอ่ นั ดบั ต้นๆ ของโลก
28
ในปที สี่ อง ของรัชสมยั ยงเจ้ิงฮ่องเต้ (1724) ราชวงศ์ชิง มีการหล่อ
รปู โค มาตงั้ ไวฝ้ ง่ั ละหนงึ่ ตวั ดว้ ยความเชอื่ วา่ จะชว่ ย “คมุ้ ครองสะพาน ทาน
น�้ำทว่ ม” แต่ท่ีสุด ในสมยั เต้ากวงฮ่องเต้ ปี 1842 ก็เกดิ น้ำ� ท่วมรุนแรงพดั
พาเอาโคของฝงั่ ตะวันออกจมหายไปกบั สายนำ�้
โคเหลก็ ทหี่ ลงเหลือ
จนต่อมามบี ทกลอนที่บอกเลา่ ถงึ ตวั สะพานและโคทงั้ สองตวั ไวว้ ่า
潮州湘桥好风流,
十八梭船廿四洲。
廿四楼台廿四样,
两只锉牛一只溜
29
“สะพานเซยี ง (จ๋อื ) เกย๊ี แหง่ แต้จ๋วิ ช่างงดงาม
สบิ แปดล�ำเรือยส่ี บิ สต่ี อมอ่
ยีส่ บิ สห่ี อยีส่ ิบสล่ี กั ษณ์
โคเหลก็ สองตัวเหลือเพียงหนง่ึ ”
สะพานเกา่ แกแ่ หง่ นม้ี กี ารบรู ณะซอ่ มแซมตอ่ ๆ กนั มาทกุ ยคุ ทกุ สมยั
เปลยี่ นหนา้ คา่ ตาไปหลายครง้ั อยา่ งในปี 1958 กม็ กี ารเอาเรอื ทเี่ ปน็ สะพาน
ทุ่นลอยออก แล้วท�ำเป็นสะพานปูด้วยแผ่นเหล็กข้ึนมาแทนก็มี สะพาน
เซียงจ๋ือเก๊ียที่เราเห็นทุกวันน้ี กลับมาฟื้นคืนชีพอีกคร้ังในโครงการบูรณะ
ปี 2007 นเ่ี อง
นิทานพ้ืนบา้ น สะพานพทุ ธ-เต๋า
นอกจากความงดงามแปลกตาของสะพานเซยี งจ๋อื เกยี๊ แล้ว สะพาน
แห่งน้ียังกลายเป็นจุดก�ำเนิดของนิทานพ้ืนบ้านว่าด้วยก�ำเนิดแห่งสะพาน
โดยเรอื่ งเล่าย่อมหนีไมพ่ ้นตอ้ งไปเกี่ยวพนั กับหานอวี้ ์ (หั่งย)ู่ พอ่ เมอื งแตจ้ ๋วิ
ในสมัยราชวงศถ์ งั ท่คี นแต้จิ๋วนับถอื นั่นเอง
ในนิทานเลา่ ว่า หานอ้ีว์ เห็นผู้คนสองฝงั่ นำ�้ ไปมาหาส่กู ันลำ� บาก จึง
ชกั ชวนให้ หานเซยี งจอ่ื ผเู้ ปน็ หลานชาย และเปน็ หนง่ึ ในโปย๊ เซยี น ใหม้ าชว่ ย
สรา้ งสะพาน โดยหลวงจนี กว่ งจี้ ไดม้ ารว่ มสรา้ งดว้ ย แลว้ จงึ กลายเปน็ การ
แขง่ ขนั กนั กลายๆ ระหวา่ ง เซยี นเตา๋ และ หลวงจนี พทุ ธ วา่ ตอ้ งสรา้ งสะพาน
ในฝง่ั ของตวั เองใหเ้ สรจ็ กอ่ นฟา้ สาง หานเซยี งจอื่ รบั หนา้ ทสี่ รา้ งสะพานจาก
ฝ่งั ตะวันออก หลวงจนี ก่วงจีร้ ับผดิ ชอบฝ่ังตะวนั ตก
30
หานเซียงจอื่ เรยี กสหายเซียนอีกเจ็ดเซยี นทเี่ หลอื มาชว่ ยสรา้ ง
ขา้ งหลวงจนี ก่วงจี้กน็ มิ นต์สิบแปดอรหนั ต์ใหอ้ อกหนา้
หานเซยี งจอ่ื และเหลา่ เซียนเหาะไปยงั ภเู ขาหงเฟ่งิ ซาน เสกใหก้ ้อน
หินกลายเป็นสุกรดำ� เดินแถวลงจากเขาเพ่อื ไปเปน็ หนิ กอ่ ตอมอ่ แตพ่ ลนั มี
หญิงทอ้ งแก่มาพบเห็นเขา้ นางรอ้ งทกั วา่ “ช่างประหลาดแท”้ แค่ร้องทกั
มนต์ก็เส่ือม พวกสกุ รดำ� กลับกลายเปน็ หนิ ดังเดิม
ข้างหลวงจีนก่วงจ้ีและสิบแปดอรหันต์อยู่อีกฝั่งแม่น�้ำ ก็เหาะไปยัง
เขาอีกลกู เสกกอ้ นหินใหก้ ลายเปน็ ฝงู แพะเดินลงแม่น้ำ� เชน่ กนั แตก่ ม็ เี หตุ
ใหเ้ จา้ ท่ี ณ ทีแ่ หง่ นนั้ เกิดอยากไดแ้ พะเหลา่ นี้ข้ึนมา จงึ มาทวงสทิ ธิว์ ่า แพะ
เหล่าน้ีอยู่ในท่ีของเขา จึงสมควรเป็นของเขา หลวงจีนก่วงจี้จ�ำต้องมอบ
ใหไ้ ป แตเ่ มอ่ื เจ้าทต่ี ้อนฝงู แพะไป ฝูงแพะกค็ นื ร่างกลายเป็นหนิ ไปในทีส่ ดุ
ทั้งสองเหตุการณ์น้ี เป็นการอธิบายว่า เพราะหินมีไม่พอสะพานน้ี
จึงไม่ได้สร้างเป็นสะพานมีคานตอม่อไปท้ังสะพาน จึงเว้นว่างให้มีส่วนที่
เปน็ สะพานทนุ่ ซึ่งในนิทานเล่าว่า เมือ่ หนิ ไม่พอ ทงั้ เซียนเตา๋ และหลวงจีน
พทุ ธก็ใช้อิทธฤิ ทธิแ์ ก้ปัญหา
เหอเซียนกู โปรยกลีบดอกบัวลงไปในน้�ำกลายเป็นเรือสิบแปดล�ำ
หลวงจีนก่วงจี้ โยนไม้เท้าลงไปกลายเป็นโซ่คล้องเรือท้ังสิบแปดล�ำเข้าไว้
ด้วยกนั จนส�ำเรจ็ เปน็ สะพานขนึ้ มาได้
และด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านจึงเช่ือกันว่า สะพานฝั่งตะวันออกเรียกว่า
เซียงจอ่ื เฉียว ตามชอื่ ของโป๊ยเซียน หานเซียงจื่อ สว่ นฝั่งตะวนั ตกเรยี กวา่
ก่วงจ้ีเฉียว ตามชื่อของหลวงจีนก่วงจี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ท�ำให้สะพานเส้นนี้
มีสองชอ่ื อยา่ งท่ที ราบกนั
31
ปลายราชวงศซ์ ง่ ใต้ กองทัพมองโกลของราชวงศ์หยวนรกุ ไล่จนราช
สำ� นกั ซง่ ตอ้ งเรร่ อ่ นลงใต้ ในเวลาน้ี มชี าวแตจ้ ว๋ิ เขา้ รว่ มปกปกั พทิ กั ษร์ าชวงศ์
มากมาย โดยเฉพาะชาวแตจ้ วิ๋ จากอำ� เภอเหยยี่ วเพ้ง น�ำโดย แมท่ ัพจางตา๋
(เตยี ต๊ัก) และภริยา เฉินป้ีเหนียง (ตง่ั เพก็ เนยี้ )
ในชว่ งซง่ ใตน้ เี่ อง ทม่ี ผี คู้ นอพยพเข้าแตจ้ วิ๋ เพอื่ หนภี ยั มองโกลเขา้ มา
อกี ระลอกหนึ่ง
ราชวงศห์ ยวน
ตอ่ มากองทพั มองโกลลอ้ มเมอื งแตจ้ วิ๋ ไวไ้ ด้ ในเวลานน้ั แมท่ พั หมา่ ฟา
พยายามป้องกันเมืองอยา่ งแข็งขัน ทวา่ พอถึงวนั ที่ 27 เดอื น 1 ปี 1278
หวงหู่จ่ือ ผู้รักษาประตูเมืองด้านทิศใต้กลับลอบเปิดประตูเมืองให้กองทัพ
หยวนเขา้ มา หม่าฟายงั ส้ตู ่อจนถึงวันที่ 1 เดอื น 3 แต่สดุ ทา้ ยน้�ำนอ้ ยยอ่ ม
แพไ้ ฟ หมา่ ฟาใหล้ กู เมยี ฆา่ ตวั ตาย กอ่ นทเ่ี ขาจะดม่ื ยาพษิ ตายตามไป แตจ้ ว๋ิ
แตกพา่ ยอยา่ งสน้ิ เชงิ แลว้ กองทพั หยวนสงั หารชาวแตจ้ วิ๋ อยา่ งไมเ่ ลอื กหนา้
ราชวงศ์หมิง
ในสมัยราชวงศ์หมิง มีชาวแต้จิ๋วที่สร้างชื่อในประวัติศาสตร์จีน
มากมาย ไมว่ ่าจะเปน็ หลนิ ตา้ ชนิ (หล่ิมไตค่ ิม) จอหงวนฝ่ายบนุ๋ ชาวแต้จวิ๋
คนแรกและคนเดยี วในประวัติศาสตร์จนี รวมไปถงึ เอง็ บว่ งตกั๊ จวิ กวงเฮา้
และอกี มาก
และเปน็ ในยคุ ราชวงศห์ มงิ นเ่ี อง ทท่ี างราชสำ� นกั มนี โยบายหา้ มเดนิ
เรอื ออกทะเล จากนโยบายนท้ี ำ� ใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าแขง็ ขอ้ ตอ่ รฐั บาล เชน่ กรณี
32
ของ หลินเตา้ เฉยี น หรือท่คี นไทยคุ้นในชอ่ื วา่ ลิม้ โต๊ะเคย่ี ม ทท่ี างราชสำ� นกั
ถอื วา่ เปน็ กบฏ โจรสลดั หลนิ เตา้ เฉยี น รวบรวมสมคั รพรรคพวกราว 1,000
คน ลงเรอื อพยพหนรี าชภยั ไปยงั ลซู อน ประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์ จนมาลงหลกั ปกั
ฐานท่ีแผ่นดินปตานี หลนิ เต้าเฉยี น เปน็ ชาวจนี แต้จิว๋ จากอำ� เภอเถ่งไฮ่ (แต่
บางขอ้ มูลว่ามาจากฮุ่ยไล้ บ้างวา่ เป็นชาวฮกเกย้ี น)
หลินเตา้ เฉยี นนีเ่ อง ท่ีเปน็ พ่ชี ายของลิม้ กอเหนย่ี ว ในตำ� นานเจ้าแม่
ลม้ิ กอเหนี่ยวของไทย
ราชวงศ์ชงิ
เม่ือชาวแมนจบู กุ เขา้ ดา่ น ยดึ ครองดนิ แดนจีน สถาปนาราชวงศ์ชิง
แผ่นดินจีนทางใต้ยังไม่สงบราบคาบ มีการแข็งข้อข้ึนท่ีน่ันท่ีน่ี โดยเฉพาะ
จากกองก�ำลังของเจิ้งเฉิงกง หรือ โคชิงกา ส่วนท่ีแต้จ๋ิวเองก็มีแม่ทัพห่าว
ซา่ งจิ่วที่ตั้งตนเป็นใหญอ่ ยู่
ตัวห่าวซ่างจ่ิวน้ัน อุดมการณ์ไม่ชัดแจ้ง เดี๋ยวจะฟื้นหมิง เดี๋ยว
สวามภิ ักด์ชิ งิ จนกระท่ังเดือนสาม วนั ที่ 15 ปที ่ี 10 ของรัชสมัยซ่นุ จอื้ แหง่
ราชวงศช์ งิ (ค.ศ. 1653) หา่ วซา่ งจวิ่ สงั่ จบั กมุ ทหารตา้ ชงิ ทอี่ ยใู่ นแตจ้ ว๋ิ ทง้ั หมด
จากน้ันเขาก็ออกค�ำส่ังให้ไพร่พลตัดเปีย เปล่ียนเคร่ืองแบบ กลับไปเป็น
ทหารต้าหมงิ ห่าวซา่ งจว่ิ ต้ังตนขึ้นเป็น “แม่ทพั กอบกู้หมิง”
แตพ่ อถงึ เดอื นแปด ตา้ ชงิ สง่ กองทพั บกุ ตแี ตจ้ วิ๋ เกนิ กำ� ลงั ทห่ี า่ วซา่ งจว่ิ
จะตา้ นทานไหว กลางดึกวนั ที่ 11 เดือน 9 เมืองแตจ้ วิ๋ ก็แตก ห่าวซา่ งจิว่
พรอ้ มบตุ รชาย ห่าวเยา่ ถง กระโดดลงบอ่ น�้ำดับชวี ติ ตวั เอง ทหารตา้ ชงิ เม่อื
เข้าเมืองได้แล้ว ก็ไล่ฆ่าชาวเมืองเป็นว่าเล่น ผู้คนล้มตายกว่าแสนคน จน
ประวตั ิศาสตร์เรียกเหตกุ ารณ์น้วี า่ “กรณีสงั หารหมู่แต้จิว๋ ”
33
เม่ือราชส�ำนักแมนจูปราบปรามกบฏที่ฟอร์โมซาราบคาบลงแล้ว
กฎหมายการห้ามออกทะเลก็ถูกยกเลิกไปในปี 1684 เม่ือบ้านเมืองสงบ
การเมอื งมนั่ คง ประชากรในแตจ้ ิ๋วก็มเี พิ่มมากข้นึ เม่ือประชากรมาก ที่ดิน
ทำ� กนิ นอ้ ย พชื พนั ธธ์ุ ญั ญาหารไมเ่ พยี งพอ ในปที ่ี 61 ของรชั สมยั คงั ซฮี อ่ งเต้
(ค.ศ. 1772) ทางราชสำ� นักเรม่ิ ใหม้ กี ารนำ� เขา้ ขา้ วจากสยาม เป็นการเร่มิ
ค้าขายกับสยามอย่างเป็นทางการอีกคร้ัง การเดินทางจากแต้จ๋ิวไปสยาม
เร่ิมคึกคกั โดยใชเ้ มอื งท่าจึงลิ้มทีอ่ �ำเภอเถง่ ไฮเ่ ปน็ หลกั
หลังจากจีนแพ้สงครามฝิ่นครั้งที่สอง ต่างชาติบีบให้จีนเปิดเมือง
ทา่ ค้าขายเพิ่มมากข้นึ ท�ำใหซ้ ัวเถาเปิดเมืองทา่ ในปี 1860 ตามสนธสิ ญั ญา
เทียนจิน การเปิดเมืองทา่ ท่ซี ัวเถา ทำ� ใหค้ วามส�ำคัญของเมืองท่าจงึ ลม้ิ ลด
ลงโดยปริยาย จีนอพยพจากซัวเถาไปยงั หนานหยางหรืออุษาคเนยก์ ็มเี พมิ่
มากขึ้น และเป็นทีน่ ่ี ทีเ่ รือกลไฟเข้ามามบี ทบาท จนเรือส�ำเภาอ่ังเถา่ จุง๊ ลด
ความสำ� คัญและกลายเปน็ อดตี ไปในทส่ี ดุ
จีนยคุ ใกล้
วนั ที่ 23 เดือนกนั ยายน ค.ศ. 1927 เกดิ เหตุการณ์ส�ำคัญที่แตจ้ ๋ิว
เมอื่ กองทัพปฏิวตั ทิ น่ี ำ� โดย โจวเอินไหล บกุ เข้ายดึ แต้จว๋ิ ซวั เถาไว้ได้ จาก
น้ันเกิดการปะทะกับกองก�ำลังของกว๋อหมินตั่งอย่างดุเดือด เป็นการรบ
ที่กล้าหาญชาญชัย แต่ที่สุด ในวันที่ 30 เดือนกันยายน กองก�ำลังของ
โจวเอินไหลจงึ ต้องยอมล่าถอยออกจากแต้จวิ๋ นับเวลาการรบกันคร้ังนร้ี วม
7 วนั จึงเรยี กเหตกุ ารณน์ ว้ี า่
“แตจ้ ๋ิวแดงเจด็ วนั ”
34
“แต้จว๋ิ แดงเจ็ดวัน” จากค�ำบอกเล่าจวงสอ้ื ผงิ
ในหนงั สอื ชวี ประวตั จิ วงสอื้ ผงิ (เลยี่ วฉ:ี เขยี น กำ� ธร วรรธนะเลาหะ:
แปล) จวงสอื้ ผงิ ทา่ นน้ีเปน็ นักต่อสู้ นกั การศึกษา นักธุรกิจอันเลื่องชอื่ ผ้มู ี
พน้ื เพเปน็ คนแตจ้ ว๋ิ อำ� เภอผหู่ นงิ (โผวเลง้ ) และเคยเปน็ จนี โพน้ ทะเลทอ่ี พยพ
มาอยู่เมอื งไทยช่วงหนึง่ ด้วย
จวงสอื้ ผิงเล่าเหตุการณใ์ นช่วง “แตจ้ ิว๋ แดงเจด็ วัน” ไวว้ ่า เวลานัน้
ท่านอยูท่ ่ซี วั เถา ยังเปน็ นกั เรียนอยู่ ทา่ นวา่ ทหารปฏิวัติที่ผูกโบแดงไมแ่ ตะ
ต้องแม้แต่เส้นผมของชาวบ้านสักเส้นเดียว มีแต่จะจัดปราศรัยเผยแพร่
อดุ มการณล์ ทั ธคิ อมมวิ นสิ ต์ และจดั การแสดงใหช้ าวบา้ นอบอนุ่ ใจ จวงสอื้ ผงิ
กล่าวว่า ตอนน้ันทั้งซัวเถาและท้องที่แต้จิ๋วหลายๆ แห่งเกิดปรากฏการณ์
“ขับเพลงเรงิ ระบ�ำฉลองความสงบสุข”
แต่ความสุขนั้นแสนสั้น จวงสื้อผิงเล่าว่า ตอนกองทัพปฏิวัติจะ
ถอนก�ำลังจากไป ชาวเมืองซัวเถาต่างออกมาส่งกองทัพปฏิวัติของท่าน
โจวเอนิ ไหลทไ่ี ดใ้ จประชาชน
ค.ศ. 1950 เมื่อเขา้ ส่ยู คุ จนี ใหม่ แต้จ๋วิ ถกู แบง่ เขตการปกครองใหม่
เป็น Chaoshan Zone มี 1 เมอื ง คือ ซัวเถา 8 อำ� เภอ ไดแ้ ก่ เตยี่ เอ๊ีย
เตีย่ องั กิ๊กเอ๊ยี เหย่ยี วเพ้ง ฮ่ยุ ไล้ เถ่งไฮ่ โผวเลง้ และ หน�่ำเอา้
มาถงึ ปจั จบุ ัน นับตง้ั แตเ่ ดอื นพฤศจกิ ายน ค.ศ. 1991 ก็จดั แบ่งเขต
การปกครองใหมเ่ ป็น “เฉาซ่านซานฉี” (เตีย่ ซัวสามเมอื ง) ประกอบไปด้วย
เมอื งซัวเถา เมืองแตจ้ ๋วิ และเมืองกก๊ิ เอ๊ยี จากการส�ำรวจจำ� นวนประชากร
ในปี 2019 เฉาซา่ นมีจ�ำนวนประชากรโดยรวม 14,330,000 คน
35