สัตว์สูญพันธ์ในยุค
ดึกดำบรรพ์
คำนำ
รายงานเรื่อง “สัตว์สูญพันธุ์ในยุคดึกดำบรรพ์” ฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการ
ออกแบบและเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จุดประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับสายพันธุ์สัตว์ที่สูญพันธุ์ในยุค
ดึกดำบรรพ์ ซึ่งรายงานฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับยุคที่สัตว์สูญพันธุ์เพราะ การไล่ล่า การ
กิน การอยู่รอด ของมนุษย์
การศึกษาค้นคว้าเรื่อง “สัตว์สูญพันธุ์ในยุคดึกดำบรรพ์” เล่มนี้ ข้าพเจ้าได้
วางแผนการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่างๆ อาทิ เว็บ
https://teen.mthai.com/variety/83448.html และเเหล่งความรู้ต่างๆ เป็นต้น
จัดทำโดย
นายเจนณรงค์ ทำสวน เลขที่ 1
นางสาวยิ่งเจริญ ปริ่มผล เลขที่22
วันที่ 27 กรกฎาคม 2565
สารบัญ 2
4
นกโดโด้ 6
เพนกวินยักษ์ 8
กวางไอริซ 10
พยูนสเตลล่า 12
queggy (ครึ่งม้าลายครึ่งม้า) 14
วัวยักษ์ (aurochs) 16
ช้างเเมมมอธ 18
นกพิราบ 20
เสือดาวแซนซิบาร์
เสือทัชมาเนีย
นกโดโด้
: สูญพันธ์ุ
ตอนปลายของศตวรรษที่ 17
นกโดโด้
สูญพันธุ ตอนปลายของศตวรรษที่ 17
นกโดโด้หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Raphus Cucullatus เป็น 2
นกที่บินไม่ได้ แหล่งที่อยู่อาศัยคือ หมู่เกาะเมอริตัส เป็นนกในตระกูล
เดียวกันกับนกพิราบและนกนางแอ่น สูงประมาณ 1 เมตร (3 ฟุต) กิน
ผลไม้เป็นอาหารและมักทำรังบนพื้นดิน นกโดโด้มักจะได้เป็น
สัญลักษณ์ของการสูญพันธุ์ของสัตว์ต่างๆเพราะมันเป็นสัตว์ชนิด
แรกของโลกที่สูญพันธุ์ในยุคที่มนุษย์เริ่มบันทึกการหายไปของสัตว์
เพราะฉะนั้นฝรั่งจะมีสำนวนที่ว่า “as dead as dodo” แปลได้ว่า ตาย
หยังเขียด หรือ “to go the way of the dodo” แปลได้ว่า การสูญ
พันธุ์ หรือ ล้าสมัย
เพนกวินยักษ์
: สูญพันธุ์ในปี 1844
แพนกวินยักษ์
สูญพันธุ์ในปี 1844
เพนกวินยักษ์เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกันกับเพนกวินซึ่งบินไม่ได้ สูงประมาณ 75
เซนติเมตร หรือ 30-34 นิ้วและหนัก 5 กิโลกรัม
ในสมัยก่อนพบมากในแถบหมู่เกาะนอกชาวฝั่งของแคนาดา กรีนแลนด์ ไอซ์
แลนด์ นอร์เวย์ ไอแลนส์ และอังกฤษ แต่จากการล่าโดยไม่มีการจำกัดทำให้มัน
สูญพันธุ์ในที่สุด
4
กวางไอริซ
: กวางที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูญพันธุ์ไปเมื่อ 7,700
ปีก่อน
กวางไอริซ
สูญพันธุ์ไปเมื่อ 7,700 ปีก่อน
กวางไอริชหรือกวางยักษ์อาศัยในแถบยูเรเชียตั้งแต่ประเทศไอแลนด์ไปจนถึง
เบงกอลในยุค Pleitocene ถึงช่วงต้นยุค Holocene จากการศึกษาโครงกระดูก
มันมีชีวิตอยู่ในช่วง 5,700 BC หรือ 7,700 ปีที่แล้ว มันสูงถึง 2.1 เมตร หรือ
ราวๆ 7 ฟุต วัดจากเท้าถึงไหล่ มีการถกเถียงกันถึงสาเหตุของการสูญพันธุ์ของ
มันซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าเป็นเพราะขนาดที่ใหญ่ของมันทำให้เป็นจุดเด่นสำหรับผู้ล่า
6
พะยูน สเตลล่า
: สูญพันธุ์ในปี 1768
พะยูน สเตลล่า
สูญพันธุ์ในปี 1768
สมัยก่อนมักพบมากในเขตทะเลแบร์ลิ่ง มันถูกพบเห็นเป็นครั้งแรกในปี 1741 โดยนัก
ธรรมชาติวิทยา George Steller พยูนนี้สามารถโตเต็มที่และยาวได้ถึง 7.9 เมตร (25.9
ฟุต) และหนักได้ถึง 3 ตัน จากการศึกษาฟอสซิลของมันพยูนนี้เคยอาศัยอยู่ในแถบทะเล
แปซิฟิคยาวไปถึงตอนใต้ของญี่ปุ่นและรัฐแคลิฟอเนีย
สาเหตุหลักๆที่ทำให้มันสูญพันธุ์คือ การมาถึงของมนุษย์ในแถบชายฝั่งทะเล มีหลายคนอ้าง
ว่ายังพบเห็นกลุ่มพยูนสเตลล่าอยู่บริเวณทะเลแบร์ลิ่งและชายฝั่งของประเทศกรีนแลนด์
ซึ่งก็อาจจะยังมีพยูนแตลล่าบางส่วนเหลือรอดมาได้แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันแต่อย่างใด
8
Quegga
: ครึ่งม้าลาย ครึ่งม้า
สูญพันธุ์ในปี 1883
ครึ่งม้าลาย ครึ่งม้า
สูญพันธุ์ในปี 1883
หนึ่งในสัตว์สูญพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักในแอฟริกา Quagga เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับม้าลาย ซึ่ง
ในช่วงหนึ่งพบมากในแถบแอฟริกาใต้ เหมือนสัตว์อื่นๆที่ถูกล่าเพื่อนำมาเป็นอาหาร
Quagga ตัวสุดท้ายถูกยิงในปี 1870 และ Quagga ในสวนสัตว์ตัวสุดท้ายของโลกตายเมื่อ
12 สิงหาคม 1883 ที่ สวนสัตว์ Artis Magistra ในกรุงอัมส์เตอร์ดัม
เพราะความสับสนในการแยกแยะว่า Quagga ควรแยกเป็นสัตว์อีกพันธุ์จากม้าลายหรือ
ไม่ มันก็สูญพันธุ์ไปซะก่อนก่อนที่มันจะถูกจัดเป็นสัตว์อีกพันธุ์นึงที่ไม่ใช่ม้าลาย แต่จากการ
ศึกษารูปแบบ DNA ของมันโดยศูนย์วิจัยของสมิธโซเนี่ยนพบว่า Quagga ก็คือม้าลาย
ธรรมดานี่เองเพียงแต่มันเริ่มกลายพันธุ์โดยไม่ทราบสาเหตุ
10
วัวยักษ์ (aurochs)
:สูญพันธุ์ในปี 1627
วัวยักษ์ (aurochs)
สูญพันธุ์ในปี 1627
เป็นสัตว์ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในยุโรป มีแหล่งกำเนิดในแถบประเทศอินเดียเมื่อกว่า 2
ล้านปีก่อนและได้อพยพไปอาศัยในแถบเอเชีย และอพยพมาอยู่ในยุโรป
เมื่อราวๆ 250,000 ปีก่อน จนเมื่อศตวรรษที่ 13 จะพบมันได้เฉพาะในประเทศ โปแลนด์
ลิทูเนีย โมดาเวีย ทรานซิลเวเนีย และ ปรัสเซีย
ในสมัยก่อนผู้ที่จะสามารถล่ามันได้มีเฉพาะขุนนางผู้ใหญ่และเศรษฐีเท่านั้น เมื่อการล่า
เพิ่มมากขึ้นกฎหมายคุ้มครองมันก็ถูกร่างขึ้นมาแต่สำนักราชวังยังคงต้อง ทำการล่า
พวกมัน เพราะเป็นส่วนหนึ่งในประเพณีของราชวงศ์ที่ต้องคงไว้แต่หากผู้อื่นใดล่ามัน
จะถูกประหารชีวิตทันที ในปี 1564 มีการบันทึกโดยราชวงศ์ว่ามี Aurochs เหลืออยู่
เพียง 38 ตัว 12
ช้างเเมมมอธ
: สูญพันธุ์ 10,000 ปีก่อน
ช้างแมมมอธ
สูญพันธ์ 10,000 ปีก่อน
เป็นช้างที่อาศัยอยู่ในยุคน้ำแข็งเมื่อ 20,000 ปีก่อน แต่สูญพันธุ์ไปเพราะถูก
มนุษย์ยุค หินล่า แม้ก่อนหน้านี้จะมีการสันนิษฐานสาเหตุการตายของมันว่า เกิด
จากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันจึงทำให้ล้มตาย แต่หลังจากมีการ
ค้นพบสุสานช้างขนาดใหญ่ พร้อมด้วยอาวูธยุคหินจำนวนมากที่ฝังอยู่ใต้กระดูก
ของพวกมัน และดูเหมือนว่าทุกตัวจะกระดูกขาหักเพราะตกจากที่สูง จึงทำให้
บางส่วนคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับการล่าของมนุษย์ด้วย ซึ่งเชื่อว่ามนุษย์ยุคก่อนใช้ไฟ
และหอกปลายแหลมไล่ล่าเจ้าแมมมอธพวกนี้ให้ตกจากหน้าผา เพื่อให้ง่ายต่อ
การฆ่าภายหลัง 14
นกพิราบ
: สูญพันธุ์เมื่อปี 1914
นกพิราบ
สูญพันธ์เมื่อปี 1914
จากนกพิราบที่เคยมีนับพันล้านตัวในทวีปอเมริกาเหนือ ดูเหมือนว่าพวกมันได้รับ
ผลกระทบจากการตัดไม้และไล่ล่าพวกมันเพื่อนำเนื้อมากิน จนเกือบสูญพันธ์ใน
ช่วงยุค 1890 แต่ก็ยังประสบปัญหาเดิมอยู่ในภาวะวิกฤติ ก่อนที่จะหายสาบสูญไป
อบ่างสมบูรณ์ เมื่อนกตัวสุดท้ายตายลงในปี 1924 ที่สวนสัตว์ Cincinnati
Zoological Garden
16
เสือดาวแซนซิบาร์
: สูญพันธุ์เมื่อปี 2000
เสือดาวแซนซิบาร์
สูญพันธ์เมื่อปี 2000
สัตว์ตระกูลแมวยอดนักล่าที่สวยงามสายพันธุ์นี้ เคยอาศัยอยู่ในผืนป่าบนเกาะแซนซิบาร์
ของประเทศแทนซาเนีย เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ในมหาสมทุรอินเดีย นอกชายฝั่งอาฟริกาตะวัน
ออก
เสือเหล่านี้มีเฉพาะบนเกาะแซนซิบาร์เท่านั้น ทว่ามีข้อมูลของพวกมันอยู่น้อยมาก โดยมี
หนังของเสือดาวชนิดนี้ถูกเก็บไว้เพียงหกผืน การขยายตัวของชุมชนมนุษย์บนเกาะแห่งนี้
ส่งผลคุกคามต่อเสือดาว และเมื่อพวกมันเข้ารบกวนสัตว์เลี้ยงและมนุษย์ พวกเสือดาว
จึงถูกไล่ล่าจนลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อกลางทศวรรษที่ 1990 เสือดาวแซนซิ
บาร์ก็ถูกระบุว่าสูญพันธุ์ อย่างไรก็ตาม มีรายงานที่ไม่แน่ชัดถึงการพบเห็นเสือดาวบน
เกาะแซนซิบาร์อยู่เป็นระยะ ทว่ายังไม่มีหลักฐานอื่นที่ชัดเจนถึงการเหลืออยู่ของพวกมัน
18
เสือทัสมาเนีย
: สูญพันธุ์เมื่อปี 1936
เสือทัสมาเนีย
สูญพันธ์ปี 1936
หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หมาป่าทัสมาเนีย (Tasmanian Wolf) ชื่อวิทยาศาสตร์เรียก
ว่า Thylacine เป็นสัตว์กินเนื้อที่หายากซึ่งนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า
สูญพันธุ์หมดไปจากโลกนี้แล้ว เป็นสัตว์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดที่สูญพันธุ์ในยุคปัจจุบันส่วน
ใหญ่ที่สูญพันธุ์จะเป็นสัตว์กินพืชซะมากกว่า มีถิ่นกำเนิดในประเทศออสเตรเลียและ
ปาปัวนิวกินีย์ มีการพบเห็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเสือทัสมาเนียครั้งสุดท้าย
ในเวสต์ออสเตเลีย บนแผ่นดินใหญ่ แต่พบเป็นฟอสซิล หรือซากศพที่ติดอยู่ในหินอายุ
ประมาณ 3,100 ปี
มีลักษณะคล้ายๆกับสุนัขในบ้านเรา แต่มีฟันหน้าที่แหลมคม นอกจากนั้นลำตัวและ
หางของเสือประเภทนี้มีลักษณะคล้ายๆกับจิงโจ้ บางครั้งมันยืนด้วยสองขาหลัง
เหมือนจิงโจ้ด้วย เสือทัสมาเนียที่ชาวออสเตเลียเคยเห็นเป็นขนปุยลายทางสีน้ำตาล
อ่อน มีสีดำสลับที่สันหลังค่อนไปทางก้น 20