The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา 2563 เรื่องการใช้นิทานพื้นบ้านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา 2563

43

การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
วิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียน ชั้น

มัธยมศึกษาปีท่ี 3เป็นรายบุคคลก่อนและหลังการใช้แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้
สถิติในการวิเคราะห์ข้อมลู ดังตอ่ ไปน้ี

1. คา่ สถิตพิ ้ืนฐานทใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู มดี งั น้ี
1.1 คา่ เฉลี่ยของคะแนน (ล้วน สายยศ และ องั คณา สายยศ. 2538 : 73)

เมอื่ ̅ ̅ = ∑
N


แทน คะแนนเฉลย่ี
∑X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด
แทน จำนวนนักเรยี นในกลุ่มตัวอยา่ ง

1.2. คา่ ความเบ่ียงเบนมาตรฐาน (ลว้ น สายยศและ อังคณา สายยศ. 2538 : 79)

SD = √ ∑ 2− (∑ )2

( −1)

เม่อื SD แทน คา่ ความเบยี่ งเบนมาตรฐาน
∑x แทน ผลรวมของคะแนนทงั้ หมด
∑X2 แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะตัวยกกำลังสอง X 2
N แทน จำนวนนักเรียนในกลุ่มตวั อย่าง

2. KR 20 แบบของ คูเดอร์ รชิ ารด์ สัน เพื่อใช้หาค่าความเช่ือมน่ั ของแบบทดสอบ

= [1 − ∑ 2 ]

−1

เมื่อ แทน ค่าความเชื่อม่นั
P แทน สดั ส่วนผู้ท่ตี อบถูก

q แทน สดั ส่วนผ้ทู ต่ี อบผดิ

n แทน จำนวนข้อ

X แทน คะแนนเฉลีย่

2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนทง้ั หมด

44

การหาคา่ แปรปรวนของคะแนนใช้สูตร ดงั นี้

2= ∑ 2− (∑ )2

( −1)

เมื่อ 2 แทน ค่าความแปรปรวน
N แทน จำนวนนักเรยี นในกลมุ่ ตัวอยา่ ง
∑x2 แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะคนยกกำลงั สอง
(∑x)2 แทน ผลรวมของคะแนนทง้ั หมดยกกำลังสอง

3. สถติ ทิ ีใ่ ช้วิเคราะหป์ ระสิทธิภาพของแบบฝกึ ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
80 ตวั แรก หมายถึง ร้อยละของคา่ เฉลี่ยท่ีได้จากการทดสอบระหว่างเรียน โดยใช้แบบฝึก

ทักษะการอ่านจับใจความสำคัญจากนิทานพ้ืนบา้ น ซึ่งมสี ตู รดงั นี้



= × 1๐๐



เม่ือ E แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนจากแบบฝึก
∑ แทน คะแนนรวมของแบบฝึก
N แทน จำนวนนักเรยี นท้งั หมดในกลมุ่ ตัวอย่าง
A แทน คะแนนเต็มของแบบฝกึ ทุกแบบฝกึ รวมกัน

80 ตัวหลัง หมายถึง ร้อยละของค่าเฉล่ียที่ได้จากการทดสอบหลังเรียน โดยใช้แบบทดสอบ
วัดทกั ษะการอ่านจบั ใจความสำคัญ ซ่ึงมสี ูตรดงั นี้



= × 1๐๐



เมอื่ E แทน ประสิทธภิ าพของพฤตกิ รรมทเี่ ปลยี่ นในตัวผู้เรียน
∑ แทน คะแนนรวมของแบบทดสอบ
N แทน จำนวนนักเรยี นทั้งหมดในกลุ่มตวั อย่าง
B แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบ

45

4. สถิติท่ีใช้ในการทดสอบสมมตฐิ าน
เปรยี บเทียบความก้าวหนา้ ของนกั เรยี นก่อนและหลงั การฝึกทกั ษะการอ่านจับใจ

ความสำคญั ของวชิ าภาษาไทยโดยใช้ t – test แบบ Dependent Samples (ชศู รี วงศร์ ตั นะ. 2537 : 201)

= ∑
df √ ∑ 2−(∑ )2

−1

= n-1

เมื่อ t แทน คา่ วกิ ฤตทิ ใ่ี ชใ้ นการพจิ ารณาการแจกแจงแบบที

∑ แทน ผลรวมความแตกตา่ งจากการทดสอบกอ่ นและ
หลังการ ฝึก

∑ 2 แทน ผลรวมความแตกตา่ งจากการทดสอบกอ่ นและ
หลงั การฝกึ แตต่ วั ยกกำลงั สอง

N แทน จำนวนคขู่ องคะแนนจากการทดสอบครั้งแรกและ
ครง้ั หลัง

df แทน คา่ ความเปน็ อสิ ระ

46

บทท่ี 4
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู

ผลการใช้นทิ านพืน้ บา้ นเพื่อพัฒนาทักษะการอา่ นจับใจความสำคญั วชิ าภาษาไทยของนกั เรยี นชัน้
มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 โรงเรยี นบ้านบงึ “อุตสาหกรรมนเุ คราะห์”มผี ลการวิเคราะหข์ ้อมูลนำเสนอ ดงั นี้

สัญลกั ษณ์ทีใ่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล
N แทน จำนวนนกั เรียนในกลมุ่ ตวั อยา่ ง
X แทน คะแนนเฉลีย่
S.D. แทน สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน
E1 แทน ร้อยละของค่าเฉล่ียที่ไดจ้ ากการทดสอบระหว่างเรยี น โดยใช้
แบบฝึกทักษะการอ่านจบั ใจความสำคญั จากนิทานพื้นบ้าน
E2 แทน รอ้ ยละของคา่ เฉลีย่ ที่ไดจ้ ากการทดสอบหลังเรียน โดยใช้
แบบทดสอบวัดทกั ษะการอ่านจับใจความสำคัญ
t แทน คา่ สถติ ิทดสอบทใ่ี ช้พิจารณาใน t – test for Dependent Group

ลำดับขัน้ ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ผวู้ ิจยั ไดเ้ สนอผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ตามลำดับดังน้ี

1. การวิเคราะห์หาค่าเฉล่ีย และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานของแบบฝกึ ทักษะการอ่าน
จบั ใจความสำคญั จากนิทานพื้นบา้ น 1 เลม่ ประกอบด้วยเน้ือหา 5 เรื่อง

2. การวิเคราะหห์ าประสทิ ธิภาพของแบบทดสอบวัดทักษะการอา่ นจับใจความสำคัญ
ตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80

3. การวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นระหว่างกอ่ นเรียนและหลงั เรยี นโดยใช้
t – test for Dependent Group

47

ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู

ผวู้ ิจัยได้ดำเนนิ การวเิ คราะห์ข้อมลู และเสนอผลตามลำดับดังต่อไปน้ี คอื

4.1 การวิเคราะหห์ าประสิทธิภาพของแบบทดสอบวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ ตามเกณฑ์

มาตรฐาน 80/80

ตารางท่ี 3 การพฒั นาแบบฝึกทักษะการอ่านจบั ใจความสำคัญโดยใชน้ ิทานพนื้ บา้ น ของนักเรยี นช้ัน

มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80

เร่ืองที่ แบบฝกึ ทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ พญาคัน ไกรทอง รวมคะแนน ผลสมั ฤทธิ์
(คะแนน) คาก (10) (80) (80)
เจ้าแมล่ ้ิม ตามอ่ ง สงั ขท์ อง
กอเหน่ยี ว ล่ายกบั (10)

(10) ยายรำพึง (10)

(10)

1. เด็กชายกฤษฎา ศิรสิ ขุ สวสั ดิ์ 8 9 7 8 7 39 42

2. เดก็ ชายธีร์ทรรศน์ เผยสงา่ 9 9 8 8 7 41 43

3. เดก็ ชายพงศกร แซเ่ อย๊ี ว 7 8 7 9 8 39 42

4. เดก็ ชายภมู ิรพี ตาลแจ่ม 10 9 8 9 10 46 47

5. เด็กชายสรศกั ดิ์ จิตตเ์ จยี รนัย 7 8 9 9 9 42 45

6. เด็กชายอธิวัฒน์ วิไลรตั น์ 8 8 9 9 10 44 45

7. เด็กหญงิ ฟา้ ใส เหลืองอ่อน 9 9 8 9 8 43 46

8. เดก็ หญงิ วิรลั ยพุ า เอกกาญจน 7 9 7 8 8 39 44

กรณ์

9. เด็กหญิงสคุ มิ ชนิ 10 9 8 9 8 44 47

10. เดก็ หญิงอรพรรณ เสมแดง 9 9 8 7 8 41 45

รวม 84 87 79 85 83 418 446

รวมเฉลย่ี 8.4 8.7 7.9 8.5 8.3 41.8 44.6

S.D. 1.17 0.48 0.74 0.71 1.06 4.16 4.38

ร้อยละ 84.2 86.4 78.3 85.4 83.5 81.5 89

ประสิทธิภาพ / 81.5 89

จากตารางที่ 3 พบว่า ผลการทดลองใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้นิทานพื้นบ้าน

ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3ปรากฏว่า นักเรียนทำแบบทดสอบระหว่างเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการ

อ่านจับใจความสำคัญจากนิทานพ้ืนบ้าน คิดเป็นร้อยละ 81.5 และนักเรียนทำแบบทดสอบวัดทักษะการอ่าน

จับใจความสำคญั หลังเรียน คิดเป็นรอ้ ยละ 89 ซงึ่ เปน็ ไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด E1/E2 คอื 81.5/89

48

4.2 การวเิ คราะห์เปรียบเทยี บผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นระหว่างกอ่ นเรียนและหลงั เรียนโดยใช้ t – test

for Dependent Group

ตารางท่ี 4 การเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งระหวา่ งคะแนนเฉลย่ี ก่อนเรียนกบั คะแนนเฉล่ียหลงั เรียนของ

นักเรียนโดยใชแ้ บบทดสอบวดั ทกั ษะการอ่านจบั ใจความสำคญั ของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1

แบบทดสอบวัดทักษะการ กลุ่มทดลอง ̅ . .

อา่ นจับใจความสำคญั กอ่ นเรียน 10 16.3 0.95 8.98** 0.05

หลงั เรยี น 10 17.8 0.79

**มีนยั สำคัญทางสถิติทรี่ ะดับ 0.05 (Df = 9)

จากตารางที่ 4 พบว่า นักเรียนใชแ้ บบทดสอบวดั ทักษะการอ่านจับใจความสำคัญมีคะแนนเฉลีย่ หลงั

เรียนสงู กวา่ คะแนนเฉลีย่ ก่อนเรียน อยา่ งมีนยั สำคัญทางสถิตทิ ่ีระดบั 0.05 แสดงว่า การใชแ้ บบฝึกพฒั นา

ทักษะการอ่านจับใจความสำคญั จากนทิ านพ้ืนบ้านทำใหผ้ ลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรียน

ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3ดีขึ้น

49

บทท่ี 5
สรปุ ผลการวิจยั อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ

การวิจัยในช้ันเรียนนี้ มีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้
นิทานพื้นบ้าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนบ้านบึง-
“อุตสาหกรรมนุเคราะห์” ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 : 80/80 และเพ่ือเปรียบเทียบผละสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านจับใจความสำคัญนักเรียน กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาคือ นักเรียนชั้น
มธั ยมศึกษาปีที่ 3/7ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านบึง “อตุ สาหกรรมนุเคราะห์”อำเภอบ้านบึง
จงั หวดั ชลบรุ ี จำนวน 10 คน ซึง่ ได้มาโดยการเลือกสมุ่ แบบเจาะจง (Purposive Sampling)

สรุปผลการวจิ ยั
ผลจากการวิเคราะหข์ อ้ มูลสรปุ ได้ดังน้ี
1. การทดลองใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้นิทานพื้นบ้าน ของนักเรียนชั้น
มธั ยมศึกษาปีท่ี 3ที่ผ้วู จิ ัยสรา้ งขึ้นมปี ระสทิ ธภิ าพ 81.5/89 เปน็ ไปตามเกณฑ์ทีก่ ำหนด
2. นักเรียนใช้แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนน
เฉลีย่ กอ่ นเรียนอยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ 0.05

อภปิ รายผล
การวิจัยครั้งน้ี เป็นการเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านจับใจความสำคัญวิชา
ภาษาไทยก่อนและหลังเรียนโดยใช้นิทานพื้นบ้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนบ้านบึง-
“อุตสาหกรรมนเุ คราะห์” ผลการวจิ ัยมดี งั นี้
1. การทดลองใช้แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3
ปรากฏว่า นักเรียนทำแบบทดสอบระหว่างเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญจากนิทาน
พื้นบ้าน คิดเป็นร้อยละ 81.5 และนักเรียนทำแบบทดสอบวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญหลังเรียน คิด
เป็นร้อยละ 89 ซ่ึงเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานท่ีกำหนด E1/E2 คือ 81.5/89 ท้ังนี้เป็นเพราะแบบฝึกพัฒนา
ทักษะการอ่านจับใจความสำคัญจากนิทานพ้ืนบ้าน ท้ัง 5 ชุด มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เร้าความ
สนใจให้กับนักเรียน และผู้วจิ ัยได้นำแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ ใหน้ ักเรียนได้ฝึกทักษะอย่างซ้ำๆ
ด้วยนิทานพื้นบ้านท่ีหลากหลาย จึงทำให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ท่ีกำหนด ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยเรื่อง
“การเปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิ และความเช่ือม่ันใน
ตนเอง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ระหว่างการจัดกิจกรรมแบบ SQ4R แบบ 4MAT และแบบปกติ
ของสุภัสสร วชั รคุปต์ ทม่ี ีจดุ มุง่ หมายเพื่อสร้างชุดการสอนการอา่ นจบั ใจความโดยใช้นทิ าน สำหรับนักเรียนช้ัน

50

ประถมศึกษาปีท่ี 3 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อการสอนโดยชุด
การสอนท่ีสร้างขึน้

2. นักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้ใช้แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของวิชาภาษาไทยมี
คะแนนเฉล่ียหลงั เรียนสูงกวา่ คะแนนเฉลี่ยกอ่ นเรียน อยา่ งมีนัยสำคัญทางสถติ ทิ ่ีระดับ 0.05 ท้ังน้ีพบว่าจากการ
สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน นักเรียนทุกคนมีความต้ังใจ เอาใจใส่ในการเรียนการสอน เน่ืองจากแบบฝึก
พัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญจากนทิ านพ้ืนบ้านได้มีการเลือกเรอ่ื งท่เี หมาะสม ในการฝึกเปน็ ส่ือจูงใจ
ให้นักเรียนเกิดความสนใจ และท้าทายความสามารถของนักเรียน นักเรียนจึงให้ความสนใจร่วมกิจกรรมทุก
ข้ันตอน โดยเฉพาะอย่างย่ิงมีการวัดความสามารถของนักเรียนด้วยแบบทดสอบวัดทักษะการอ่านจับใจความ
สำคัญทั้งก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน (Post-test) ทำให้นักเรียนได้รู้ประสิทธิภาพของตนเอง ในการ
อ่านจับใจความว่ามีการพัฒนาเพ่ิมข้ึนหรือไม่ เมื่อนักเรียนทำแบบทดสอบวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ
ก่อนเรียนได้น้อย (Pre-test) นักเรียนก็จะให้ความสนใจในการทำแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ-
สำคัญจากนิทานพื้นบ้าน เพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนน้ันสูงขึ้นจากการทำแบบทดสอบวัดทักษะการอ่าน
จับใจความสำคญั หลังเรียน (Post-test) ซ่ึงถอื เป็นการพัฒนาทักษะทางดา้ นการอ่านในวิชาภาษาไทยใหส้ ูงข้ึน
และนำไปต่อยอดไดก้ ับวชิ าอ่นื

จะเห็นได้วา่ การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยใช้นิทานพ้ืนบ้าน เป็นการพฒั นาทักษะทางดา้ นการ
อ่านจับใจความสำคัญให้กับนักเรียนซ่ึงตรงกับทฤษฎีการกระทำที่มีเหตุผล (Theory of Reasoned Action)
และทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน (Theory of Planned Behavior) (Fishbein and Ajzen, 1975 Cited in
Stokmans, 1999; Ajzen and Fishbein, 1980 cited in Stokmans, 1999) ซ่ึงมีความเชื่อว่า การอ่าน
วรรณกรรมมีประโยชน์ต่อพัฒนาการทั่วไปของบุคคล เม่ือบุคคลอ่านวรรณกรรมจะเกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับ
ตัวเองมากขึ้น และการอ่านวรรณกรรมช่วยในการสร้างความคิดเห็นต่อเร่ืองต่างๆ ส่วนประกอบของทัศนคติ
ต่อการอ่านด้านอารมณ์ความรู้สึกสะท้อนถึงความเชื่อเกี่ยวกับความสุขที่ได้รับจากการอ่านวรรณกรรม
ซ่งึ นทิ านพนื้ บ้านกถ็ อื ไดว้ ่าเป็นวรรณกรรมอย่างหน่งึ ที่สร้างความเพลดิ เพลินเช่นกนั

ด้วยทฤษฎีน้ีเองจึงนำไปสู่ทฤษฎีข้ันต่อไปคือ ทฤษฎีแรงจูงใจ (Motivational Theory) กล่าวถึงการ
กำหนดการกระทำด้วยตนเอง (Selfdetermination Theory) ของ Ryan และ Deci (2000) โดยการนำ
ทฤษฎีเกี่ยวกับแรงจูงใจมาประยุกต์ใช้ในงานวิจัยที่เก่ียวกับการอ่านส่วนใหญ่จะทำการศึกษากับกลุ่มตัวอย่าง
หรือกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเรียนมากกว่าในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งการอ่านของนักเรียนจะเก่ียวข้องกับแรงจูงใจทั้งแรง
จูงภายในและแรงจูงใจภายนอก นักเรียนที่มีแรงจูงใจภายในจะสำรวจโลกการอ่านเพ่ือค้นหาหัวข้อที่ตนเอง
สนใจและมีแนวโน้มที่จะเป็นนักอ่านเพ่ือท่ีจะให้ได้รับความพอใจจากการอ่าน มีความเพียรในการอ่านแม้
เน้ือหาท่ีอ่านจะมีความยาก และพยายามเสริมสร้างทักษะในการอ่านต่างๆ เพื่อการทำความเข้าใจ ส่วน
แรงจูงใจภายนอกจะไม่ได้เกิดจากความสนใจของตนเอง แต่เกิดจากความต้องการที่จะได้รับผลลัพธ์ที่เป็น
ค่านิยมทางสังคม เช่น เพ่ือให้ได้เกรดสูงๆ การได้รับการยอมรับจากผู้อื่น หรือเพ่ือให้เกิดทักษะที่ต้องการ
เช่นเดียวกับการนำนิทานพ้ืนบ้านมาใช้ในการฝึกทักษะเกี่ยวกับการอา่ นก็เป็นสว่ นหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจที่ดี

51

เพราะเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจ ไม่น่าเบื่อ เน้ือเร่ืองสนุกสนาน สร้างความบันเทิง สามารถต่อยอด
กบั ส่ิงท่ใี กลต้ ัว สร้างประสบการณก์ ารเรยี นร้ทู ่นี อกเหนอื จากบทเรยี น

เมื่อนักเรียนเกิดแรงจูงใจในการอ่านแล้ว ก็จะทำให้เกิดทฤษฎีการอ่านในข้ันต่อไปนั้นก็คือ ทฤษฎี
เกีย่ วกับความผูกพันในการอ่าน (Reading Engagement) (Guthrie and Wigfield, 1997 Cited in Guthrie,
Wigfield andVon Secker, 2000) ประกอบด้วย 1) ความผูกพันเชิงพฤติกรรม (Behavioral Engagement)
เช่น การกระทำกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนอย่างสม่ำเสมอ 2) ความผูกพันเชิงปัญญา (Cognitive
Engagement) เป็นการใช้ยุทธวิธีขั้นสูงในการส่งเสริมการเรียนรู้แบบลึกซ้ึง และ 3) ความผูกพันด้านอารมณ์
ความรู้สึก (Emotional Engagement) เป็นความเพลิดเพลินในการทำงานที่เก่ียวกับการเรียน และการ
แสดงออกถึงความกระตือรือร้นเกี่ยวกับการเรียน โดยนำความผูกพันในการอ่านเป็นกลยุทธ์ในการอ่าน ให้
ผูอ้ ่านมีความผูกพันในการอ่านแสวงหาความเข้าใจเชงิ มโนทัศน์ในเน้ือหาท่ีอ่าน โดยผู้อ่านมีการตั้งคำถามต่อผู้
แต่งและถามผู้อ่านด้วยกันเอง เพื่อพัฒนาด้านการอ่านท่ีเกิดจากการกระทำของตนเอง โดยในงานวิจัยน้ีจะนำ
นิทานพ้ืนบ้านมาสร้างความผูกพันเชิงลึก ให้นักเรียนมีนิสัยท่ีรักการอ่าน สร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการอ่านว่า
แทจ้ รงิ แล้ว การอา่ นสรา้ งประโยชน์ทงั้ ในดา้ นความรู้ ประสบการณ์ และสังคมกับตัวของผอู้ ่านเอง

ขอ้ เสนอแนะ
1. ขอ้ เสนอแนะ

1.1. ก่อนนำแบบฝึกทักษะไปใช้ควรมีการฝึกอบรมการใช้แบบ ฝึกทักษะการอ่าน
จับใจความสำคัญของวิชาภาษาไทย เพื่อให้เข้าใจจุดมุ่งหมายและวิธีการดำเนินการ ให้ถูกต้องชัดเจนจนเกิด
ความเขา้ ใจ ความชำนาญให้กับครู ผูป้ กครอง หรอื ผู้ทเี่ ก่ียวข้องกับนกั เรยี น

1.2. ครูผู้สอนควรพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญต่อไป เพื่อใช้ฝึกทักษะทาง
ภาษาแก่นกั เรยี นให้มากขึ้น

2. ข้อเสนอแนะในการทำวจิ ัยครัง้ ต่อไป
2.1. ควรมกี ารพฒั นาและหาประสทิ ธิภาพแบบฝกึ ทักษะวชิ าภาษาไทยในสาระอนื่ ๆ

ของวชิ าภาษาไทย
2.2. ควรศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ โดยการ

พัฒนาแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญท้ายบทเรียน เพ่ือจะได้ปรับปรุงการเรียนการสอนด้าน
การอา่ นจับใจความสำคัญใหม้ ีประสทิ ธิภาพมากย่งิ ขึน้

2.3. ควรศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและความคงทนในการเรียนรู้จากการทำฝึกพัฒนา
ทกั ษะการอา่ นจับใจความสำคัญของวชิ าภาษาไทย

52

บรรณานุกรม

การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพรา้ ว, 2546.
กระทรวงศึกษาธิการ. กรมวิชาการ. หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551.

กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2551.
บันลือ พฤกษะวัน. (25338). มติ ใิ หม่ในการสอนอ่าน. (พิมพค์ รัง้ ที่ 3). กรุงเทพฯ : สถาพรบคุ๊ ส์.
อญั ชลี แจม่ เจริญ. (2526). วิธสี อนกลุ่มทกั ษะภาษาไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จรญิ ศลิ ป์.
มรดกภูมิปัญ ญ าทางวัฒ นธรรม. (2556). ตำนานเจ้าแม่ล้ิมกอเหน่ียว (ออนไลน์). สืบค้นจาก :

http://ich.culture.go.th/ [31 ธันวาคม 2559].
นิ ค ม โ ค ต ร มี . (2555). ต ำ น า น ต า ม่ อ ง ล า ย ( อ อ น ไ ล น์ ) . สื บ ค้ น จ า ก :
http://tumnantamonglai.blogspot.com/ [31 ธนั วาคม 2559].

พญาคนั คาก. มติชนรายวนั , (4 มีนาคม 2553): 20.
สงั ข์ทอง (ออนไลน์). สบื คน้ จาก : uttaradit.mnre.go.th/images/history%20of%20lab
lae.pdf [31 ธนั วาคม 2559].
นทิ านพนื้ บ้านภาคกลาง เร่อื งไกรทอง (ออนไลน)์ .
จุไรรตั น์ ลกั ษณะศริ ิ และบาหยนั อ่ิมสำราญ, การใชภ้ าษาไทย. 2547, หนา้ 45-46
กรมวิชาการ. (2547). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน สารัตถะทักษะสัมพันธ์เล่ม 1 กลุ่มสาระการ
เรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ช่วงชั้นท่ี 3 (ม.1-ม.3). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ คุรุสภา
ลาดพร้าว.
วชิราพรรณ จันทน์เทศ. (2549). การพัฒนาชุดการสอนด้วยตนเองวิชาภาษาไทยเรื่องการอ่านจับใจความ
สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1. สาระนิพนธ์ การศกึ ษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาการมัธยมศึกษา
บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ.
กานตม์ ณี ศักดเิ์ จริญ. กิจกรรมส่งเสรมิ การอา่ น. กรงุ เทพฯ : คุรสุ ภาลาดพร้าว, 2546.
จินตนา ใบกาซูยี. หลักเกณฑ์ในการจัดทำหนังสืออ่านเพ่ิมเติม ในเอกสารประกอบการประชุมการจัดทำ
หนังสืออ่านเพ่มิ เตมิ . กรุงเทพฯ : ศูนย์พฒั นาหนงั สอื กรมวิชาการ, 2547.

53

ภาคผนวก

54

ภาคผนวก ก

แบบฝกึ ทกั ษะการอ่านจบั ใจความสำคัญ โดยใช้นิทานพืน้ บา้ น
แบบทดสอบวัดทกั ษะการอา่ นจับใจความสำคญั กอ่ นเรยี นและหลงั

เรียน

55

เจ้าแม่ลมิ้ กอเหนี่ยว

เรื่องเจ้าแม่ลิ้มกอเหน่ียวเป็ นตานานที่เล่ากันมาหลายร้อยปี ศาลที่ประดิษฐานรูปสลัก
เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ปัจจุบนั ต้งั อยู่กลางเมืองปัตตานี ชาวบา้ นเรียก ศาลเจา้ เล่งจู เกียงตานานเกี่ยวกบั
ศาลเจา้ แมล่ ิม้ กอเหน่ียวมีวา่ แต่เดิมน้นั เมืองปัตตานีเรียกวา่ เมืองตานี เป็นเมืองทา่ ท่ีสาคญั แห่งหน่ึง
มีเรือสาเภานาสินคา้ จากต่างเมืองมาคา้ ขายและขนถ่ายสินคา้ เป็นประจา ลิ้มโต๊ะเคี่ยมเป็นพ่อคา้ หนุ่ม
ชาวจีนนาเรือสาเภาไปคา้ ขายตามเมืองต่างๆ ไดแ้ วะมาท่ีเมืองตานี และนาสินคา้ เคร่ืองบรรณาการไป

มอบให้เจา้ เมืองตานี จึงไดม้ ีโอกาสพบธิดาเจา้ เมืองซ่ึงมีรูปโฉมงดงาม ลิ้มโต๊ะเค่ียมเกิดหลงรักอยา่ ง
ถอนตวั ไม่ข้ึน ส่วนนางก็มีใจตรงกนั ติดขดั อยทู่ ่ีว่าฝ่ ายชายเป็นคนต่างชาติ ต่างศาสนา บิดาของนางจึง
ขอให้ล่ิมโต๊ะเคย่ี มเปลี่ยนมานบั ถือศาสนาอิสลามตามอยา่ งนาง ซ่ึงล่ิมโต๊ะเคี่ยมกย็ นิ ยอมโดยไดส้ ่งเรือ
สาเภาใหเ้ ดินทางกลบั ไปส่งข่าวใหม้ ารดาทราบวา่ ตนจะต้งั หลกั แหล่งอยทู่ ี่เมืองตานีไมก่ ลบั ไปเมืองจีน
อีก เมื่อมารดาทราบข่าวก็เศร้าโศกเสียใจมาก นางลิม้ กอเหน่ียวผเู้ ป็นนอ้ งสาวจึงตดั สินใจเดินทางมาหา
พชี่ ายเพ่ือขอร้องใหก้ ลบั ไปเยย่ี มมารดา

56

เม่อื ลิม้ กอเหน่ียวมาท่เี มืองตานี ก็พบวา่ พ่ชี ายไดเ้ ขา้ รีตนบั ถือศาสนาอิสลาม และกาลงั เป็นหวั เรยี่ ว
หัวแรงช่วยเจา้ เมืองตานีก่อ สรา้ งมัสยิดหลังใหญ่เพ่ือเป็นอนุสรณ์สถานทางศาสนาซ่ึงนางเห็นว่าเป็น
ความผิดอย่างมหันต์ เพราะจะทาใหว้ ิญญาณของบรรพ บุรุษตอ้ งเสียใจท่ีลกู หลานนอกรีตนอกรอย นาง
พยายามขอใหพ้ ่ีชายวางมือจากการก่อสรา้ ง แต่ลิม้ โต๊ะเค่ียมก็ไม่ยอมฟังเสียง ในท่ีสดุ นางลิม้ กอ-เหน่ียวก็
ล่นั วาจาสาปแช่งขออย่าใหพ้ ่ชี ายสรา้ งมสั ยิดไดส้ าเรจ็ แลว้ คนื นนั้ เอง นางก็ตดั สินใจผกู คอตายกบั ก่ิงมะม่วง
หมิ พานตท์ ่ตี รงหนา้ มสั ยดิ ท่กี าลงั ก่อสรา้ ง เม่ือลิ่มโต๊ะเค่ียมรูก้ ็เศรา้ โศกเสียใจและไดจ้ ดั การ ฝังศพนางไวใ้ ต้
ตน้ มะม่วงหมิ พานตต์ น้ นนั้

หลงั จากทาศพนอ้ งสาวเสร็จ ลิม้ โต๊ะเค่ียมก็พยายามสรา้ งมัสยิดต่อไป โดยเจตนาใหเ้ ป็นอนุสรณ์
แก่นอ้ งสาวดว้ ยแต่ ปรากฏว่าเม่ือสรา้ งไปถึงยอดโดมอันเป็นสญั ลกั ษณ์สาคัญก็เกิดเหตุอศั จรรยฟ์ ้าผ่าลง
ตรงกลางทาให้ยอดโดมพังทลายลงมา ครั้งแรกยังไม่มีใครคิดเป็ นอย่างอ่ืนนอกจากเห็นว่าเป็ น
ปรากฏการณธ์ รรมชาติและลงมือสรา้ งต่อไปใหม่ แต่พอสรา้ งถึงยอดโดมก็เกิดฟ้าผ่าเปรยี้ งลงมาเป็นครงั้ ท่ี
สอง ทาใหย้ อดโดมพงั ทลายลงไปอีก ลิ่มโต๊ะเคี่ยมจึงนึกถึงคาสาปแช่งของนางลิม้ กอ-เหน่ียวขึน้ มาไดแ้ ละ
ส่ังให้คนวางมือจากการก่อสรา้ งทั้งๆ ท่ีสร้างเสร็จแล้วเป็นส่วนมากเหลืออยู่แต่เพียงยอดโดมท่ีเป็น
สญั ลกั ษณข์ องมสั ยดิ เท่านนั้

มีเร่ืองเลา่ ว่าเม่ือประมาณรอ้ ยปีมานมี้ ีผพู้ ยายามสรา้ งยอดโดมตอ่ แตก่ ็ประสบเหตอุ าถรรพเ์ ช่นเดิม
อีกกล่าวคือเกิดฟ้าผ่าลงมาตรงกลางครงั้ ท่ีสาม เป็นเหตใุ หผ้ คู้ นเช่ือว่าเป็นเพราะคาสาปแช่งของนางล่ิมกอ
เหน่ียวน่นั เอง ในปัจจบุ นั มสั ยิดแหง่ นยี้ งั คงเหลอื โครงรา่ งอยเู่ ชน่ เดิม ท่ตี าบลกรือเซะ

ห่างจากตวั เมืองประมาณ 7 กิโลเมตร และหลมุ ศพของนางลิ่มกอเหน่ยี วกย็ งั คงปรากฏอย่เู ช่นกนั

เรื่องเมืองปัตตานสี รา้ งมสั ยิดไม่สาเรจ็ เพราะคาสาปแช่งของนางล่มิ กอเหน่ยี วไดแ้ พรส่ ะพดั ไปท่วั

ต่างก็ร่าลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพข์ องคาสาป หลมุ ศพของนางลิ่มกอเหน่ียวจึงกลายเป็นสถานท่ี
ศกั ดิ์สิทธิ์ มีคนไปกราบไหวไ้ ม่ขาดและเช่ือกนั ว่าเป็นหลุมศพของเจา้ แม่ เม่ือมีเร่ืองทุกขร์ อ้ นก็พากนั ไปบน
บานศาลกลา่ วขอใหเ้ จา้ แม่ชว่ ยเหลือ และก็ปรากฏวา่ สมั ฤทธิผลไปตามๆ กนั คน จงึ พากนั นบั ถือมากขนึ้ ทกุ
ที ต่อมามีชาวจีนคนหน่ึงไดต้ ัดก่ิงมะม่วงหิมพานต์ท่ีนางลิม้ กอเหน่ียวผูกคอตายนาไปแกะสลักเป็นรูป
เหมือนของนางและสรา้ งศาลเล็กๆ ขึน้ ไว้ใตต้ น้ มะม่วงหิมพานต์ นารูปแกะสลกั ไปประดิษฐานไวใ้ หค้ นไป
เคารพบชู า

เม่ือไม่นานมานีเ้ อง ชาวจีนในจังหวดั ปัตตานีส่วนมากมีความเห็นว่า ศาลเจา้ แม่ลิม้ กอเหน่ียวเป็นท่ี
เคารพบูชาของคนท่ัวไป ดว้ ยถือว่าเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ แต่ศาลนั้นตงั้ อยู่ไกลจากตัวเมือง ไม่สะดวกแก่การ
ประกอบพธิ ีบวงสรวง จงึ ไดร้ ว่ มมอื กนั สรา้ งศาลเจา้ แห่งใหมข่ นึ้ ท่ตี วั เมอื งปัตตานี คอื ศาลเจา้

57

แบบฝกึ ทกั ษะการอา่ นจบั ใจความสำคัญที่ 1 เร่อื ง “เจา้ แม่ลิม้ กอเหนยี่ ว”

คำชี้แจง : ให้นักเรยี นตอบคำถามต่อไปนใี้ ห้ถกู ต้อง (คะแนนเต็ม 10 คะแนน)

1. เจ้าแม่ลมิ้ กอเหนีย่ วเป็ นนิทานของภาคใด
……………………………………………………………………………………………………………..
2. เหตุการณ์ในเร่ืองเกดิ ขึน้ ที่จงั หวดั ใด
……………………………………………………………………………………………………………..
3. ลมิ้ โต๊ะเคีย่ มสร้างมัสยิดช่ือว่าอะไร
……………………………………………………………………………………………………………..
4. ศาลเจ้าแม่ลมิ้ กอเหนี่ยวเป็ นทเ่ี คารพบูชาของคนทว่ั ไป ด้วยถือว่าเป็ นศาลศักด์สิ ิทธ์ิ แต่ศาลน้นั ต้งั อยู่
ไกลจากตวั เมือง ไม่สะดวกแก่การประกอบพธิ ีบวงสรวง จึงได้ร่วมมือกนั สร้างศาลเจ้าแห่งใหม่ขนึ้ ทีต่ วั
เมืองปัตตานี ช่ือว่าศาลเจ้าอะไร
……………………………………………………………………………………………………………..
5. หลงั จากอ่านเรื่องนี้ นักเรียนรู้สึกอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………..
6. “นางลมิ้ กอเหนี่ยวพยายามอ้อนวอนลมิ้ โต๊ะเคี่ยมให้กลบั ไปหาแม่ท่ีเมืองจีนแต่ลมิ้ โต๊ะเค่ียมไม่ยอม
กลบั ” จากข้อความ ถ้าไม่มเี หตผุ ลอ่ืนแสดงว่าลมิ้ โต๊ะเคยี่ ม ขาดคุณธรรมใด
……………………………………………………………………………………………………………..

7. “ลมิ้ กเอฉเลหยนแ่ียวบสบงฝสึการทแกัมษ่ที่คะกิดถารึงพอ่าชี นายจเพบั รใาจะคไวม่าทมราสบำขค่าญั วคทร่ีา1ว จเรงึ อ่ืนงาเร“ือเสจาา้ เแภมาอล่ อิม้ กกทอะเลหตนิด่ยี ตวา”มหา

คพำชช่ี ี้แาจย”ง จากข้อค:วใาหม้นแักสเรดียงนใหตอ้เหบ็นควำ่าถลามิ้ กตอ่ เไหปนีย่ใ้ หว้ถเปกู ็ นตค้อนง อ(คยะ่าแงไนรนเตม็ 10 คะแนน)
……………………………………………………………………………………………………………..
8. ถ้านักเรียนเป็ นนางลมิ้ กอเหนยี่ ว จะทาอย่างไรกบั เหตกุ ารณ์ท่ีเกดิ ขึน้

58

1. เจ้าแม่ลมิ้ กอเหนีย่ วเป็ นนิทานของภาคใด
ภาคใต้

2. เหตกุ ารณ์ในเร่ืองเกดิ ขึน้ ท่ีจังหวดั ใด
จงั หวดั ปัตตานี

3. ลมิ้ โต๊ะเคี่ยมสร้างมัสยิดช่ือว่าอะไร
มสั ยดิ กรือเซะ

4. ศาลเจ้าแม่ลมิ้ กอเหนี่ยวเป็ นท่ีเคารพบูชาของคนท่วั ไป ด้วยถือว่าเป็ นศาลศักด์ิสิทธ์ิ แต่ศาลน้นั ต้ังอยู่
ไกลจากตวั เมือง ไม่สะดวกแก่การประกอบพธิ บี วงสรวง จึงได้ร่วมมือกนั สร้างศาลเจ้าแห่งใหม่ขนึ้ ทีต่ ัว
เมืองปัตตานี ช่ือว่าศาลเจ้าอะไร

ศาลเจา้ เล่งจูเกียง
5. หลงั จากอ่านเร่ืองนี้ นักเรียนรู้สึกอย่างไร

ข้ึนอยกู่ บั ดุลยพินิจของครูผสู้ อน
6. “นางลมิ้ กอเหนีย่ วพยายามอ้อนวอนลมิ้ โต๊ะเคย่ี มให้กลบั ไปหาแม่ที่เมืองจีนแต่ลมิ้ โต๊ะเคย่ี มไม่ยอม
กลบั ” จากข้อความ ถ้าไม่มีเหตุผลอื่นแสดงว่าลมิ้ โต๊ะเคยี่ ม ขาดคุณธรรมใด

ความกตญั ญู
7. “ลมิ้ กอเหน่ียวสงสารแม่ที่คิดถงึ พชี่ ายเพราะไม่ทราบข่าวคราว จึงนาเรือสาเภาออกทะเลติดตามหา
พชี่ าย” จากข้อความ แสดงให้เห็นว่าลมิ้ กอเหน่ียวเป็ นคนอย่างไร

59

ตาม่องล่ายกบั ยายรำพึง

ณ หมบู่ า้ นอ่าวนอ้ ย มีบา้ นหลงั หน่ึง หวั หนา้ ครอบครัวชื่อ “มอ่ งล่าย” เมียชื่อ “ราพึง” และ ลูก
สาวช่ือ “ยม” โดยความงามและความดีของนางเลื่องลืออยู่ในหมู่ชาวประมงแลพ่อคา้ วานิช ที่เคยเขา้ มา
คา้ ขายในอ่าวน้อย ขณะเดียวกนั หมู่บ้านแห่งหน่ึงในเขตเมืองเพชรบุรี มีเจ้าเมืองปกครองด้วยความ
ร่มเยน็ มีลูกชายรูปงามชื่อ เจา้ ลาย ไดย้ นิ กิตติศพั ทค์ วามงามของยมโดย จึงคิดอุบายเพ่ือชมความงามของ
นาง จึงไดป้ ลอมตวั เป็นชาวประมงล่องเรือขายปลามาถึงหมู่บา้ นอ่าวนอ้ ย และไดท้ าความรู้จกั นางราพึง
ดว้ ยความขยนั ขนั แขง็ สุภาพอ่อนนอ้ มของเจา้ ลาย ทาใหน้ างราพึงยนิ ดีใหเ้ จา้ ลายสนิทสนมกบั สาวยมโดย
ส่วนตาม่องลา่ ยกลบั ไมพ่ อใจจึงขดั ขวางทุกวถิ ีทาง

ความรักของคนท้ังสองเริ่มมีอุปสรรคมากข้ึน เมื่อมีเรือสาเภาจีนเข้ามาค้าขาย และได้จอด
ทอดสมอเรือที่บริเวณหนา้ บา้ นตาม่องล่ายในอา่ วนอ้ ย เจา้ ของเรือคือ เจา้ กรุงจีน ซ่ึงไดย้ นิ กิตติศพั ทค์ วาม
งามของนางยมโดย จึงตีสนิทกบั ตาม่องล่ายไดส้ าเร็จ แต่นางราพึงไม่พอใจ ยายราพึงกบั ตาม่อง
ลา่ ยมกั มีปากเสียงกนั ดว้ ยเร่ืองน้ีอยเู่ สมอ

ต่อมาเม่ือเจา้ ลายส่งผใู้ หญ่มาสู่ขอนางยมโดยจากยายราพึง ยายราพึงไดร้ ับขนั หมากเจา้ ลาย โดย
ไม่ใหต้ าม่องลา่ ยรู้ และเมื่อเจา้ กรุงจีนมาสู่ขอนางยมจากตามอ่ งล่าย ตาม่องลา่ ยก็ไม่ใหย้ ายราพงึ รู้

60

เม่ือถึงวันนัดหมายขบวนขันหมากของทัง้ สองฝ่ ายก็ยกเขา้ มา โดยท่ีทางเจา้ กรุงจีนยกเขา้ มา
ทางดา้ นใตข้ องอ่าวน้อย ส่วนขบวนขันหมากของเจา้ ลายยกเขา้ มาทางดา้ นเหนือของอ่าวน้อย สรา้ ง
ความตกตะลึงของทุกฝ่ าย สองผัวเมียต่างก็ทุ่มเก่ียวกนั อย่างรุนแรง และต่างก็ใชข้ า้ วของปาเขา้ ใส่กัน
จนกลายเป็นตานานของสถานท่ตี ่างๆ สืบมาคอื

ยายราพึงฉวยหมวกใบหนึ่ง ขวา้ งไปยงั ตามม่องล่าย แต่ตาม่องลายหลบทนั หมวกจึงลอยไปตก
บรเิ วณอ่าวเกาะหลกั หรืออ่าวประจวบฯ กลายเป็นเขาลอ้ มหมวก ฝ่ายตาม่องลา่ ยควา้ กระบงุ ขวา้ งไปท่ี
ยายราพึงแต่ไม่ถูก กระบงุ เลยตกทะเลลอยไปทางทิศตะวนั ออก กลายเป็นเกาะกระบุง ในจงั หวดั ตราด
ยายราพงึ เอางอบขวา้ งไป งอบลอยไปตกกลายเป็น แหลมงอบ ในจงั หวดั จนั ทบรุ ี ตามอ่ งลา่ ยควา้ สากตา
ขา้ วขวา้ งยายราพึง สากลอยไปถกู เขาทะลุ กลายเป็นเกาะทะลุ ในอาเภอบางสะพานนอ้ ย ส่วนสากลอย
ไปตกกลางทะเลกลายเป็น เกาะสาก ในจงั หวดั ตราด

บรรดาขันหมากท่ีตาม่องล่ายขวา้ งไปได้กลายเป็นเขาขันหมาก หรือเขาสามรอ้ ยยอด ในก่ิง
อาเภอสามรอ้ ยยอด ขนมจีนกลายเป็นสาหร่ายทะเล หมากพลูกลายเป็น หอยมวนพลู กระจกนาง
ยมโดยลอยไปติดบนเขาเป็น เขาชอ่ งกระจก จากกลายเป็นเกาะจาน ตะเกียบกลายเป็นเขาตะเกียบ

แก้วแหวนเงินทองทับทิม กลายเป็นเปลือกหอยรูปร่างสวยงาม เหมือนเพชรพลอย ทับทิม อยู่ตาม
ชายหาด ปูทอดกลายเป็น ปูหิน ดว้ ยความเสียใจ ยายราพึงเดินซมซานไปนอนราพึง ถึงเคราะหก์ รรม
ของครอบครวั ตน จนกลายเป็นเขาแมร่ าพงึ ในอาเภอบางสะพาน สว่ นตาม่องลา่ ยหนั มาเห็นนางยม

ซ่ึงเป็นต้นเหตุจึงจับลูกสาวฉีกออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งขว้างไปทางบ้านเจ้าลายทางเหนือ ตกลง
กลายเป็นเขานมสาว อย่บู รเิ วณชายทะเลบา้ นบางปู ก่ิงอาเภอสามรอ้ ยยอด อีกซีกหน่ึงขวา้ งไปทางเมือง
เจา้ กรุงจีน ทางดา้ นทิศตะวันออกกลายเป็นเกาะนมสาว ในจังหวดั จันทบุรี เจา้ ลายเสียใจจึงเดินทาง
กลบั บา้ นและตรอมใจตาย กลายเป็นเขาเจ้าลาย ในอาเภอชะอา จงั หวดั เพชรบรุ ี ส่วนตาม่องล่ายเสียใจ
ไปน่งั ดื่มเหลา้ อย่ทู ่เี ชิงเขา รมิ ทะเลจนตายกลายเป็นเขาตาม่องลา่ ยท่ีหม่บู า้ นอ่าวนอ้ ย บรรดาชาวประมง
ในจงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ ลว้ นนบั ถือตาม่องลา่ ยจงึ ไดส้ รา้ งศาลไวใ้ ห้

61

แบบฝึกทกั ษะการอา่ นจบั ใจความสำคญั ท่ี 2 เรอ่ื ง “ตาม่องล่ายกบั ยายรำพึง”

คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง (คะแนนเต็ม 10 คะแนน)

1. ตามอ่ งล่ายกบั ยายราพึงเป็ นนิทานของภาคใด
……………………………………………………………………………………………………………..
2. ยายราพงึ มีลกั ษณะนิสัยเป็ นอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………..
3. นิทานเร่ืองตาม่องลา่ ยกบั ยายราพึงทะเลาะกันเรอ่ื งอะไร
……………………………………………………………………………………………………………..
4. ยายราพึงเสียชวี ติ เพราะสาเหตใุ ด
……………………………………………………………………………………………………………..
5. ตาม่องล่ายกบั ยายราพงึ ส่งใครมาสู่ขอลูกสาวตนเอง
……………………………………………………………………………………………………………..
6. สากลอยไปตกกลางทะเลกลายเป็ น เกาะสาก ทจี่ ังหวัดใด
……………………………………………………………………………………………………………..
7. นกั เรียนคดิ ว่าท่ตี าม่องล่าย ฉีกลูกสาวออกเป็ นสองซีก เป็ นการกระทาท่ีผดิ หรือไม่ เพราะเหตุใด
……………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………..
8. นกั เรียนคิดว่านทิ านเร่ืองตาม่องล่ายกบั ยายราพงึ เป็ นเรื่องทเ่ี กดิ ขึน้ จริงหรือไม่ อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………..

62

เฉลยแบบฝึกทักษะการอา่ นจับใจความสำคัญที่ 2 เรื่อง “ตามอ่ งลา่ ยกบั ยายรำพงึ ”

คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปนีใ้ ห้ถกู ต้อง (คะแนนเตม็ 10 คะแนน)

1. ตามอ่ งลา่ ยกบั ยายราพงึ เป็ นนิทานของภาคใด
ภาคตะวนั ออกและภาคตะวนั ตก

2. ยายราพงึ มีลกั ษณะนสิ ัยเป็ นอย่างไร
ใจเรว็ นิยมคนรูปงาม

3. นิทานเรื่องตามอ่ งล่ายกบั ยายราพงึ ทะเลาะกันเร่ืองอะไร
เรือ่ งตกลงกนั ไม่ไดว้ า่ จะยกลกู สาวใหแ้ ก่ผใู้ ด

4. ยายราพงึ เสยี ชีวติ เพราะสาเหตุใด
ยายราพงึ เดนิ ซมซานไปนอนราพงึ ถึงเคราะหก์ รรมของครอบครวั ตน (ตรอมใจตาย)

5. ตาม่องล่ายกบั ยายราพงึ ส่งใครมาสู่ขอลูกสาวตนเอง
ตาม่องล่าย : เจา้ กรุงจีน
ยายราพึง : เจา้ ลาย

6. สากลอยไปตกกลางทะเลกลายเป็ น เกาะสาก ทจี่ งั หวดั ใด
จงั หวดั ตราด

7. นักเรียนคิดว่าที่ตาม่องล่าย ฉีกลูกสาวออกเป็ นสองซีก เป็ นการกระทาที่ผิดหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
ข้นึ อยกู่ บั ดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน

63

สงั ข์ทอง

“ทา้ วยศวมิ ล” มีมเหสีช่ือ”นางจนั ทเ์ ทวี” มีสนมเอกชื่อ “นางจนั ทาเทวี” …พระองคไ์ มม่ ีโอรสธิดา
จึงบวงสรวงและรักษาศีลหา้ เพ่ือขอบุตร และประกาศแก่พระมเหสีและนางสนมวา่ ถา้ ใครมีโอรสก็จะมอบ
เมืองใหค้ รอง

อยู่มานางจันท์เทวีทรงครรภ์ เทวบุตรจุติมา เป็ นพระโอรสของนาง แต่ประสู ติมาเป็ น
“หอยสังข”์ นางจนั ทาเทวีเกิดความริษยาจึงติดสินบนโหรหลวงให้ทานายว่าหอยสังขจ์ ะทาให้บา้ นเมือง
เกิดความหายนะ ทา้ วยศวิมลหลงเช่ือนางจนั ทาเทวี จึงจาใจตอ้ งเนรเทศนางจนั ทเ์ ทวีและหอยสังขไ์ ปจาก
เมือง นางจนั ทเ์ ทวีพาหอยสงั ขไ์ ปอาศยั ตายายช่าวไร่ ช่วยงานตายายเป็นเวลา 5 ปี พระโอรสในหอยสงั ข์

ในเวลาต่อมา พระนางจนั ทาเทวีไดไ้ ปว่าจา้ งแม่เฒ่าสเุ มธาใหช้ ่วยทาเสน่หเ์ พ่ือท่ีทา้ วยศวิมลจะ

ไดห้ ลงอยู่ในมนตส์ ะกด และไดย้ ุยงใหท้ า้ วยศวิมลไปจับตวั พระสงั ขม์ าประหาร ทา้ วยศวิมลจึงมีบญั ชา

ใหจ้ บั ตวั พระสงั ขม์ าถ่วงนา้ แต่ทา้ วภุชงค(์ พญานาค) ราชาแห่งเมืองบาดาลก็มาช่วยไว้ และนาไปเลีย้ ง

เป็นบตุ รบญุ ธรรม กอ่ นจะสง่ ใหน้ างพนั ธุรตั เลีย้ งดตู อ่ ไปจนพระสงั ขม์ ีอายไุ ด้ 15 ปีบรบิ รู ณ์

นหน่ึง นางพนั ธุรตั ไดไ้ ปหาอาหาร พระสงั ขไ์ ดแ้ อบไปเท่ียวเล่นท่ีหลงั วงั และไดพ้ บกบั บ่อเงิน บ่อ

ทอง รูปเงาะ เกือกทอง(รองเทา้ ทองนนั้ เอง) ไมพ้ ลอง และพระสงั ขก์ ็รูค้ วามจริงว่านางพันธุรตั เป็นยกั ษ์

เม่ือพระสงั ขพ์ บเขา้ กบั โครงกระดกู จึงไดเ้ ตรียมแผนการหนีดว้ ยการสวมกระโดดลงไปชุบตวั ในบ่อทอง

สวมรูปเงาะ กบั เกือกทอง และขโมยไมพ้ ลองเหาะหนไี ป

64

เม่อื นางพนั ธุรตั ทราบว่าพระสงั ขห์ นีไป ก็ออกตามหาจนพบพระสงั ขอ์ ยบู่ นเขาลกู หนงึ่ จึงขอรอ้ ง
ใหพ้ ระสงั ขล์ งมา แต่พระสงั ขก์ ไ็ ม่ยอม นางพนั ธุรตั จึงเขยี นมหาจินดามนตรท์ ่ใี ชเ้ รียกเนอื้ เรียกปลาไดไ้ วท้ ่ี
กอ้ นหิน กอ่ นท่ีนางจะอกแตกตาย ซ่งึ พระสงั ขไ์ ดล้ งมาท่องมหาจินดามนตรจ์ นจาได้ และไดส้ วมรูปเงาะ
ออกเดินทางต่อไป

พระสงั ขเ์ ดินทางมาถึงเมืองสามล ซ่ึงมี “ทา้ วสามล”และ “พระนางมณฑา” ปกครองเมือง ซ่ึง
ทา้ วสามลและพระนางมณฑามีธิดาลว้ นถึง 7 พระองค์ โดยเฉพาะ พระธิดาองคส์ ดุ ทอ้ งท่ีช่ือ “รจนา” มี
สิริโฉมเลิศลา้ กว่าธิดาทกุ องค์ จนวนั หนึ่งทา้ วสามลไดจ้ ดั ใหม้ ีพธิ ีเสี่ยงมาลยั เลอื กค่ใู หธ้ ิดาทงั้ เจ็ด ซ่งึ ธิดา
ทงั้ 6 ตา่ งเส่ยี งมาลยั ไดค้ คู่ รองทงั้ สนิ้ เวน้ แต่นางรจนาท่ีมิไดเ้ ลือกเจา้ ชายองคใ์ ดเป็นคคู่ รอง

ทา้ วสามลจึงไดใ้ หท้ หารไปนาตัวพระสงั ขใ์ นร่างเจา้ เงาะซ่ึงเป็นชายเพียงคนเดียวท่ีเหลือในเมืองสามล
ซง่ึ นางรจนาเห็นรูปทองภายในของเจา้ เงาะ จงึ ไดเ้ สย่ี งพวงมาลยั ใหเ้ จา้ เงาะ ทาใหท้ า้ วสามลโกรธมากจึง
เนรเทศนางรจนาไปอย่ทู ่กี ระทอ่ มปลายนากบั เจา้ เงาะ

ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงสข์ องพระอินทร์ อาสนท์ ่ีประทับของพระอินทรเ์ กิดแข็งกระดา้ ง อันเป็น
สญั ญาณว่ามีผมู้ ีบญุ กาลงั เดือดรอ้ น จึงสอ่ งทิพยเนตรลงไปพบเหตกุ ารณใ์ นเมอื งสามล จึงไดแ้ ปลงกาย
เป็นกษัตริยเ์ มืองยกทพั ไปลอ้ มเมืองสามล ทา้ ใหท้ า้ วสามลออกมาแข่งตีคลีกบั พระองค์ หากทา้ วสามล
แพ้ พระองคจ์ ะยึดเมืองสามลเสีย ทา้ วสามลส่งหกเขยไปแข่งตีคลีกับพระอินทร์ แต่ก็แพไ้ ม่เป็นท่า จึง
จาตอ้ งเรียกเจา้ เงาะใหม้ าช่วยตีคลี ซ่งึ นางรจนาไดข้ อรอ้ งใหส้ ามีช่วยถอดรูปเงาะมาช่วยตีคลี เจา้ เงาะ
ถกู ขอรอ้ งจนใจอ่อน และเงาะป่ าก็ถอดรูปเป็นพระสงั ขท์ องใสเ่ กือกแกว้ เหาะขึน้ ไปตีคลีกบั พระอินทรจ์ น
ชนะ พระอนิ ทรก์ ็กลบั ไปบนสวรรค์

หลงั จากเสรจ็ ภารกิจท่ีเมืองสามลแลว้ พระอินทรไ์ ดไ้ ปเขา้ ฝันทา้ วยศวิมล และเปิดโปงความช่วั
ของพระนางจนั ทาเทวีผเู้ ป็นสนมเอก พรอ้ มกบั ส่งั ใหท้ า้ วยศวิมลไปรบั พระนางจนั ทเ์ ทวกี บั พระสงั ขม์ าอยู่
ดว้ ยกันดังเดิม ทา้ วยศวิมลจึงยกขบวนเสด็จไปรบั พระนางจันทเ์ ทวีกลับมา และพากันเดินทางไปยัง
เมืองสามลเม่อื ตามหาพระสงั ข์

ทา้ วยศวิมลและพระนางจนั ทเ์ ทวีปลอมตวั เป็นสามัญชนเขา้ ไปอย่ใู นวัง โดยทา้ วยศวิมลเขา้ ไป
สมคั รเป็นช่างสานกระบุง ตะกรา้ สว่ นพระนางจนั ทเ์ ทวีเขา้ ไปสมคั รเป็นแม่ครวั และในวันหนง่ึ พระนาง
จนั ทเ์ ทวีก็ปรุงแกงฟักถวายพระสงั ข์ โดยพระนางจนั ทเ์ ทวีไดแ้ กะสลกั ชิน้ ฟักเจ็ดชิน้ เป็นเรื่องราวของพระ
สงั ขต์ งั้ แต่เยาวว์ ยั ทาใหพ้ ระสงั ขร์ ูว้ ่าพระมารดาตามมาแลว้ จึงมาท่ีหอ้ งครวั และไดพ้ บกบั พระมารดาท่ี
พลดั พรากจากกนั ไปนานอีกครง้ั …หลงั จากนนั้ ทา้ วยศวิมล พระนางจนั ทเ์ ทวี พระสงั ขก์ บั นางรจนาได้
เดนิ ทางกลบั เมอื งยศวิมล ทา้ วยศวิมลไดส้ ่งั ประหารพระนางจนั ทาเทวี และสละราชสมบตั ิใหพ้ ระสงั ขไ์ ด้

65

คำช้แี จง แบบฝกึ ทกั ษะการอ่านจบั ใจความสำคัญที่ 3 เร่อื ง “สงั ขท์ อง”

: ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปนีใ้ ห้ถกู ต้อง (คะแนนเต็ม 10 คะแนน)

1. พระสังข์เปล่ยี นรูปร่างเป็ นเงาะโดยใช้ส่ิงใด

…………………………………………………………………………………………………………….
2. เพราะเหตใุ ดนางรจนาถึงเลือกเจ้าเงาะเป็ นคู่ครอง

…………………………………………………………………………………………………………….
3. นางพันธุรัตเขียนมนตรเ์ รียกเนือ้ เรียกปลาให้พระสงั ขก์ ่อนสนิ้ ลมหายใจเพราะเหตใุ ด

…………………………………………………………………………………………………………….
4. ท้าวสามลมีลกั ษณะนิสัยอย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………….
5. ต้นเหตุที่ทาให้เกดิ เรื่องวุ่นวายในเรื่องสังข์ทองคือ

…………………………………………………………………………………………………………….
6. รูปทองของพระสงั ขห์ มายถึงอะไร

…………………………………………………………………………………………………………….
7. ถ้านกั เรียนเป็ นรจนา นกั เรียนจะเลือกคู่ท่ีเหมาะสมกบั เราอย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………….
8. นกั เรียนคดิ ว่านางพนั ธุรัต เป็ นยักษ์ทีม่ ลี กั ษณะอย่างไร และแตกต่างจากยกั ษ์ในเร่ืองอ่ืนๆ หรือไม่
อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………….
9. หากนกั เรียนอยู่กบั ยกั ษ์ซ่ึงไม่ใช่แม่ของตนเอง แต่ยักษ์ได้เลยี้ งดูเรามาเป็ นอย่างดี นกั เรียนรู้สึกอย่างไร
และจะปฏิบตั ติ ่อยักษ์อย่างไร

66

เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะการอ่านจับใจความสำคัญท่ี 3 เรื่อง “สงั ข์ทอง”

คำชี้แจง : ให้นักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ีใหถ้ ูกต้อง (คะแนนเตม็ 10 คะแนน)

1. พระสังข์เปลย่ี นรูปร่างเป็ นเงาะโดยใช้ส่ิงใด
รูปเงาะ

2. เพราะเหตใุ ดนางรจนาถึงเลือกเจ้าเงาะเป็ นคู่ครอง
เห็นรูปทองภายในของเจา้ เงาะ

3. นางพันธุรัตเขียนมนตรเ์ รยี กเนือ้ เรียกปลาให้พระสงั ขก์ ่อนสนิ้ ลมหายใจเพราะเหตุใด
เพราะความรกั และความเป็นหว่ งพระสงั ข์

4. ท้าวสามลมีลกั ษณะนิสัยอย่างไร
มองคนแตเ่ พียงภายนอก

5. ต้นเหตุท่ีทาให้เกดิ เรื่องวุ่นวายในเร่ืองสังข์ทองคือ
ความอิจฉาริษยาของนางจนั ทา

6. รูปทองของพระสงั ขห์ มายถงึ อะไร
ความดีงามของแต่ละคน

7. ถ้านกั เรียนเป็ นรจนา นกั เรียนจะเลือกคู่ทีเ่ หมาะสมกบั เราอย่างไร
ข้นึ อยกู่ บั ดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน

8. นักเรียนคิดว่านางพนั ธุรัต เป็ นยักษ์ที่มีลกั ษณะอย่างไร และแตกต่างจากยกั ษ์ในเรื่องอื่นๆ หรือไม่
อย่างไร

รักและเป็ นห่วงลกู

67

พญาคนั คาก

พระนางแก้วเทวี มเหสีแห่งพญาเอกราชเจ้าเมืองอินทปัตถ์นคร ไดป้ ระสูติพระโอรส ซ่ึงมี
ผิวพรรณเหลืองอร่ามด่งั ทองคา แต่ว่ามีผิวหนังดจุ คางคก และในวันท่ีพระกุมารประสตู ิ เกิดอศั จรรย์
ขึน้ บนพืน้ โลก ฝนตก ฟ้ารอ้ ง ฟ้าผ่า เปรีย้ งปรา้ ง ลมพายุพัดตน้ ไมห้ ักลม้ ระเนระนาด เสียงดังสน่ัน
หว่นั ไหวราวกบั ว่าโลกจะถล่มทลาย ซ่งึ เป็นสญั ลกั ษณ์ของผมู้ ีบุญลงมาเกิด พระยาเอกราชไดจ้ ัดหา
หญิงสาว ท่ีมีลกั ษณะดี เช่น มีถนั เต่งตึงกลมงาม มาเป็นแม่เลีย้ งนางนมแก่พระกุมาร เม่ือพระกมุ าร
เจรญิ วยั เติบใหญ่เป็นหน่มุ ก็คิดอยากจะไดค้ ่คู รอง และอยากไดป้ ราสาทเสาเดียวไวเ้ ป็นท่ีประทับ จึง
เขา้ เฝ้าและทลู ขอให้ พระบิดาช่วย ฝ่ายบิดาเหน็ ว่าพระโอรสของตนมีรูปรา่ งผิดแผกแตกตา่ งไปจากคน
ท่วั ไป คงไม่มีหญิงใดปรารถนาจะไดเ้ ป็นค่คู รอง จึงทรงบอกใหพ้ ระกุมารเลิกลม้ ความคิดเช่นนนั้ เสีย
โดยใหเ้ หตผุ ลว่าพระกมุ ารมีรูปรา่ งอปั ลกั ษณ์ ทาใหพ้ ระกมุ ารเสยี พระทยั ยง่ิ นกั

ต่อมาในกลางดึกสงัดของคืนวันหน่ึง พระกุมาร จึงตงั้ จิตอธิษฐานว่า ถา้ ตนเคยไดส้ รา้ ง สม
บญุ บารมีมา ก็ขอใหส้ าเร็จดังความปรารถนาดว้ ยเถิด ดว้ ยแรงอธิษฐานทาใหบ้ ณั ฑกุ มั พลศิลาอาสน์
ซ่งึ เป็นท่ีประทบั น่งั ของพระอินทรเ์ กิดแข็งกระดา้ งขึน้ พระอินทรจ์ ึงลงมาเนรมิตปราสาทเสาเดียวอัน
งดงามหาท่ีเปรียบไม่ได้ พรอ้ มดว้ ยขา้ ทาสบริวาร เครื่องอุปโภคบริโภค ซ่ึงลว้ นแลว้ ไปดว้ ยทิพยป์ าน
ประหนึ่งเมืองสวรรค์ และยงั ไดเ้ อานางแกว้ จากอตุ รกุรุทวีปมามอบใหเ้ ป็นค่คู รอง ก่อนจากไดเ้ นรมิต
พระกุมาร ใหเ้ ป็นชายหนุ่มรูปงาม พญาเอกราชเห็นประจักษ์ในบุญบารมีของลูก จึงยกราชสมบัติ
บา้ นเมอื งใหค้ รอบครอง

68

เม่อื พระกมุ ารไดค้ รองราชยแ์ ลว้ เจา้ เมืองทงั้ หลายในชมพทู วีปตา่ งก็มาขออย่ภู ายใต้ รม่ บารมี
แมพ้ วกพญาครุฑ พญานาค พญาหงส์ เหล่าสตั วน์ อ้ ยใหญ่ เช่น ชา้ ง มา้ เสือ สิงห์ กระทิง แรด ลงไป
ถึงกบ เขียด อ่ึงอ่าง คางคก ผึง้ ต่อ แตน มด ปลวก ต่างก็พากันมาถวายตวั เป็นบริวารจนหมดสิน้ ทา
ความไม่พอใจใหพ้ ญาแถนเป็นย่ิงนกั พญาแถนจึงไม่ยอมใหพ้ วกพญานาคลงเล่นนา้ เป็นเหตุ ใหเ้ กิด
ความแหง้ แลง้ ฝนไม่ตกลงมายงั โลกมนุษยเ์ ป็นเวลาหลายปี ทาใหพ้ ืชพนั ธุธ์ ัญญาหารเห่ียวเฉา ตาย
มนุษยแ์ ละเหล่าสตั วต์ ่างพากนั เดือดรอ้ น จึงไปทูลใหพ้ ญาคนั คากทราบ พญาคันคากจึงไปยังเมือง
บาดาลถามพวกนาคดู เม่ือรูเ้ หตทุ ่ีทาใหฝ้ นแลง้ แลว้ พญาคนั คากจึงยกทัพอนั ประกอบไปดว้ ยมนุษย์
และเหลา่ สตั วท์ งั้ หลายท่มี อี ย่ใู นโลกขนึ้ ไปทาสงครามกบั พวกพญาแถน

พญาคนั คากกบั พญาแถน ไดต้ ่อสกู้ นั ดว้ ยอิทธิฤทธิต์ า่ งๆ เม่ือพญาแถน เหน็ ว่า จะเอาชนะ

พญาคนั คากดว้ ยฤทธิ์เดชไม่ได้ จึงทา้ ใหช้ นชา้ งกนั ในท่ีสดุ พญาคนั คากชนะ จึงจบั พญาแถนและให้
พญานาคจบั มดั ไว้ พญาแถนจึงขอยอมแพ้ และขอมอบถวายบา้ นเมอื งให้ และสญั ญาว่าจะส่ง นา้ ฝน
ลงมาใหต้ ามฤดกู าลดงั เดิม และจะลงมาปลูกพนั ธุข์ า้ วทิพยล์ กู เท่ามะพรา้ วให้ นบั แตน่ นั้ เป็นตน้ มา พอ
ถึงฤดกู าลทานา ฝนก็ตกลงมายงั ใหค้ วามชมุ่ ชนื้ แกแ่ ผน่ ดนิ เป็นประจาทุกปี

พญาคนั คาก ปกครองบา้ นเมืองดว้ ยหลกั ทศพธิ ราชธรรม ถือศีลภาวนา สรา้ งบญุ กศุ ล อย่มู ิได้
ขาด ทาใหช้ าวประชารม่ เยน็ เป็นสขุ กนั ถว้ นหนา้ พระองคท์ รงพระชนมายุไดแ้ สนปีจงึ สวรรคต หลงั จาก
นนั้ เป็นตน้ มา ชาวโลกก็ไดอ้ าศยั หนทางท่ีพญาคนั คากสรา้ งไวข้ ึน้ ไปเรียนเอาเวทยม์ นตค์ าถาจากพวก
พญาแถน เม่ือลงมายงั โลกแลว้ กใ็ ชค้ าถาอาคมท่ีตนเองเรียนมาจากครูบาอาจารยเ์ ดียวกนั รบราฆ่าฟัน
กนั ลม้ ตายเป็นจานวนมากต่อมาก และพวกมนุษยย์ งั พากันเกียจครา้ นไม่เอาใจใสเ่ รอื กสวนไรน่ า เม่ือ
ขา้ วกลา้ ท่ีพญาแถนปลูกไวต้ ามท่ีสญั ญากบั พญาคนั คากสุกแก่เต็มท่ีแลว้ ก็ไม่พากันทายุง้ ฉางไวใ้ ส่
มิหนาซา้ ยงั พากนั โกรธแคน้ ท่ีใหเ้ มล็ดขา้ วเท่าลกู มะพรา้ ว จึงช่วยกนั สบั ฟัน จนแตกเป็นเม็ดเล็ก เม็ด
นอ้ ย เมล็ดขา้ วจึงกลายเป็นเมล็ดเล็ก ๆ ดงั ท่ีเห็นในปัจจุบนั นี้ จากนนั้ มาขา้ วจึงไม่เกิดเอง มนุษยต์ อ้ ง
หวา่ น ไถ ปัก ดา จึงจะไดข้ า้ วมากิน

เม่ือพญาแถนเห็นชาวโลกละเลยศีลธรรม ไม่ตั้ง ตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม พญาแถนจึง
ทาลายเสน้ ทางติดต่อระหว่างชาวโลกกบั พญาแถนเสีย นบั ตงั้ แตน่ นั้ เป็นตน้ มาชาวโลกจึงไม่อาจขึน้ ไป
ยงั เมอื งฟา้ พญาแถนไดอ้ กี

69

คำช้ีแจง แบบฝึกทักษะการอา่ นจบั ใจความสำคญั ท่ี 4 เรอ่ื ง “พญาคันคาก”

: ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปนีใ้ หถ้ กู ต้อง (คะแนนเตม็ 10 คะแนน)

1. พญาคนั คากเป็ นนิทานของภาคใด

……………………………………………………………………………………………………………..
2. พญาคันคามีลกั ษณะคล้ายกบั สัตว์ชนิดใด

……………………………………………………………………………………………………………..
3. ใครเป็ นผเู้ นรมติ ปราสาทเสาเดยี วอนั งดงามให้แก่พญาคันคาก

……………………………………………………………………………………………………………..
4. เพราะเหตใุ ดพญาแถนถึงไม่พอใจพญาคันคาก

……………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………..
5. เม่ือพญาแถนไม่พอใจพญาคนั คากจงึ บันดาลสิ่งใดให้เกดิ ขึน้

……………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………..
6. พญาคันคากมีลกั ษณะนิสัยอยา่ งไร

……………………………………………………………………………………………………………..
7. ถ้านกั เรียนได้ปกครองเมืองต่อพญาคนั คาก นักเรียนจาทาอย่างไรให้ประชาชนขยนั ทามาหากนิ ไม่
ละเลยต่อศีลธรรมอนั ดีงามเหมือนอย่างที่พญาคนั คากเคยปกครอง

……………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………..
8. พญาแถนมีอทิ ธิพลอย่างไร ต่อคนภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

……………………………………………………………………………………………………………..
9. จากเร่ืองนิทานพญาคนั คาก สะท้อนให้เหน็ ถงึ ความเชื่อของคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเรื่องใด

70

เฉลยแบบฝกึ ทักษะการอ่านจับใจความสำคญั ท่ี 4 เรอ่ื ง “พญาคนั คาก”

คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง (คะแนนเต็ม 10 คะแนน)

1. พญาคันคากเป็ นนิทานของภาคใด
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

2. พญาคนั คามีลกั ษณะคล้ายกบั สัตว์ชนดิ ใด
คางคก

3. ใครเป็ นผู้เนรมติ ปราสาทเสาเดยี วอนั งดงามให้แก่พญาคนั คาก
พระอนิ ทร์

4. เพราะเหตใุ ดพญาแถนถึงไม่พอใจพญาคันคาก
เม่อื พระกมุ ารไดค้ รองราชยแ์ ลว้ เจา้ เมอื งทงั้ หลายในชมพทู วีปต่างก็มาขออย่ภู ายใต้ ร่มบารมี

แมพ้ วกพญาครุฑ พญานาค พญาหงส์ เหลา่ สตั วน์ อ้ ยใหญ่ เช่น ชา้ ง มา้ เสือ สิงห์ กระทงิ แรด ลงไปถงึ
กบ เขยี ด อง่ึ อ่าง คางคก ผงึ้ ต่อ แตน มด ปลวก ต่างกพ็ ากนั มาถวายตวั เป็นบรวิ ารจนหมดสนิ้ ทาความ
ไม่พอใจใหพ้ ญาแถนเป็นยิ่งนกั

5. เมื่อพญาแถนไม่พอใจพญาคนั คากจึงบนั ดาลสิ่งใดให้เกดิ ขนึ้
พญาแถนจึงไมย่ อมใหพ้ วกพญานาคลงเลน่ นา้ เป็นเหตุ ใหเ้ กิดความแหง้ แลง้ ฝนไม่ตกลงมายงั

โลกมนษุ ยเ์ ป็นเวลาหลายปี ทาใหพ้ ืชพนั ธุธ์ ัญญาหารเห่ยี วเฉา ตาย มนษุ ยแ์ ละเหลา่ สตั วต์ ่างพากนั
เดือดรอ้ น

6. พญาคันคากมลี ักษณะนิสัยอย่างไร
มจี ิตใจกลา้ หาญ และเป็นผนู้ าท่ดี ี ปกครองอยใู่ นหลกั ทศพธิ ราชธรรม ถือศลี ภาวนา สรา้ งบญุ กุศล

7. ถ้านกั เรียนได้ปกครองเมืองต่อพญาคันคาก นกั เรียนจาทาอย่างไรให้ประชาชนขยันทามาหากนิ ไม่
ละเลยต่อศีลธรรมอนั ดงี ามเหมือนอย่างท่ีพญาคันคากเคยปกครอง

ข้ึนอยกู่ บั ดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน

71

ไกรทอง

ชาละวนั เป็นจระเขเ้ จา้ อาศัยอยู่ในถา้ ทองใตบ้ าดาล ในถา้ ทองจระเขจ้ ะกลายร่าง เป็นคนได้ ชา
ละวนั ตอนกลายรา่ งเป็นคนจะเป็น หน่มุ รูปงาม โดยชาละวนั เองมีเมียสาว สวยเป็นนางจระเข้ 2 ตวั คือ วิ
มาลา และเลื่อมลายวรรณ ชาละวนั เป็นหลานชายของ ทา้ วราไพ ผูเ้ ป็นจระเขเ้ จา้ ท่ีอย่ใู นศีลธรรม ไม่เคย
จบั สตั วห์ รอื มนษุ ยก์ ินเป็นอาหารและ จะกนิ แต่ซากสตั วท์ ่ตี ายแลว้ เป็นอาหารเท่านนั้ ชาละวนั แมอ้ ย่ใู นถา้
ทองจะอ่ิมทิพย์ไม่ตอ้ ง กินเนือ้ แต่ ดว้ ย ความมีนิสัยท่ีเป็น อันธพาล จึงชอบมาเมืองบน ตามแม่นา้ ลา
คลอง จบั คนท่เี ป็นชาวบา้ นและสตั วก์ นิ เพ่ือความสนุกสนาน

ณ หมู่บา้ นดงเศรษฐี แขวงเมืองพิจิตร มีพ่ีนอ้ งฝาแฝดคู่หน่ึง มีความงามเป็นท่ี เลื่องลือ ช่ือนาง
ตะเภาแกว้ ผูพ้ ่ี และนางตะเภาทอง ผูน้ อ้ ง ทัง้ สองเป็นบุตรเศรษฐีคา และ คุณนายทองมา วันหน่ึงนาง
ตะเภาแกว้ และนางตะเภาทองไดล้ งไปเล่นนา้ ท่ีท่าหน้าบา้ น ช่วงเวลานั้นเจา้ ชาละวัน ซ่ึงเป็นจระเขไ้ ด้
ออกมาว่ายนา้ หาเหย่อื เม่ือไดเ้ ห็นนางตะเภาทอง ก็ลมุ่ หลงในความงาม จึงโผลข่ นึ้ เหนือนา้ เขา้ ไปคาบนาง
ตะเภาทองแลว้ ดาด่ิงไปยังถา้ ทอง อันเป็นท่ีอยู่ของเจา้ ชาละวัน เมียของชาละวันคือ วิมาลา และเล่ือม
ลายวรรณ เห็นก็ไม่ พอใจแต่ก็หา้ มสามีไม่ไดเ้ พราะเกรงกลวั จึงตอ้ งยอมใหผ้ วั มีเมียเป็นมนุษยอ์ ีกคน เม่ือ
นางตะเภาทองฟื้นขึน้ มาเจา้ ชาละวนั ก็เกีย้ วพาราสี แต่นางตะเภาทองก็ไม่สนใจ เจา้ ชาละวนั จึงจาตอ้ งใช้
เวทมนตรส์ ะกดใหน้ างตะเภาทองหลงรกั และยอมเป็นภรรยาตงั้ แต่นนั้ มา

72

เศรษฐีคา และคุณนายทองมาโศกเศรา้ เสียใจเป็นอย่างมาก ท่ีนางตะเภาทอง บุตรสาวคนเล็กถูก
เจา้ ชาละวนั คาบไป และคิดว่าบตุ รสาวตนคงตายไปแลว้ ดว้ ยความรกั ในบุตรสาว และความแคน้ ในเจา้ ชา
ละวนั จึงประกาศออกไปว่าใครท่ีพบศพนางตะเภาทอง และสามารถปราบจระเขต้ ัวนีไ้ ดจ้ ะมอบสมบตั ิของ
ตนเองใหค้ ร่งึ หน่ึง และจะใหแ้ ต่งงาน กบั นางตะเภาแกว้ ดว้ ย แต่ก็ไม่มีหมอจระเขค้ นไหนสามารถปราบเจา้
ชาละวนั ได้ นอกจาก กลายเป็นเหย่ือของเจา้ ชาละวนั คนแลว้ คนเล่า จนในท่ีสดุ ก็มีชายหนุ่มรูปงาม นามว่า
ไกรทอง ซ่งึ ไดร้ า่ เรียนวิชาการปราบจระเขจ้ ากอาจารยค์ ง จนมีความเก่งกล้า ไดอ้ าสามาปราบเจา้ ชาละวนั
แต่อาจารยค์ งรูว้ ่าเจา้ ชาละวนั เป็นพญาจระเขม้ ีอานาจมาก และหนงั เหน่ียว ฆ่าฟันไม่ตาย เน่ืองจากมีเขีย้ ว
เพชรทาใหอ้ ย่ยู งคงกระพนั จึงไดม้ อบหอกสตั ตโลหะ เทยี นระเบิดนา้ เสือ้ ยนั ตแ์ ละลกู ประคาปลกุ เสก แก่ไกร
ทอง

รุง่ เชา้ ตงั้ พิธีบวงสรวงพรอ้ มอ่านคาถา ทาใหเ้ จา้ ชาละวนั เกิดรอ้ นล่มุ ตอ้ งออกจาก ถา้ ขึน้ มาต่อสกู้ บั
ไกรทอง ไกรทองกระโดดขึน้ บนหลงั จระเข้ และแทงดว้ ยหอกสตั ตโลหะ ทาใหอ้ าคมของเขยี้ วเพชรเสือ่ ม หอก
ไดท้ มิ่ แทงเจา้ ชาละวนั จนบาดเจบ็ สาหสั และไดห้ นี กลบั ไปท่ีถา้ แตไ่ กรทองก็ใช้ เทียนระเบิดนา้ ตามไปต่อสู้
อกี ในถา้

ระหว่างท่ีเขา้ ไปในถา้ ไกรทองกพ็ บกบั วิมาลา เมียของชาละวนั ดว้ ยความเจา้ ชู้ จงึ เกีย้ วพาราสี นาง
วิมาลา จนนางใจอ่อนยอมเป็นชู้ และบอกทางไปชว่ ย นางตะเภาทอง ไกรทองตามมาต่อสกู้ บั

เจา้ ชาละวนั ในถา้ ต่อจนเจา้ ชาละวนั ตาย และไกรทองก็ได้ พานางตะเภาทองกลบั ขึน้ มา เศรษฐีดีใจมากจึง
จดั งานแตง่ งานใหไ้ กรทองกบั นางตะเภาแกว้ พรอ้ มมอบสมบตั ิใหค้ รง่ึ หน่ึง แถมนางตะเภาทองใหอ้ กี คน ไกร
ทองจอมเจา้ ชกู้ ็รบั ไวด้ ว้ ยความยินดี

แต่ยังไม่จบแค่นนั้ ดว้ ยความเจา้ ชูข้ องไกรทองแมช้ าละวนั ตายไป ไกรทองก็ยงั หลง รสรกั กับนางวิ
มาลา จงไปหาส่ทู ่ีถา้ ทอง และคิดจะพานางวิมาลาไปอยู่กินดว้ ย โดยทาพิธีทา ใหน้ างยังคงเป็นมนุษยแ์ ม้
ออกนอกถา้ ทอง นางตะเภาแกว้ และ นางตะเภาทอง จับไดว้ ่า สามีไปมาหาสู่ นางจระเขจ้ ึงไปหาเรื่องกับ
นางในรา่ งมนุษยจ์ นนางวิมาลาทนไม่ไหวกลบั รา่ งเป็นจระเขแ้ ละไกรทองตอ้ งออกไปหา้ มไม่ใหเ้ มียตีกนั และ
อาลาจากนางวิมาลา ดว้ ยใจอาวรณ์

73

เฉลยแบบฝกึ ทักษะการอา่ นจับใจความสำคัญท่ี 5 เร่อื ง “ไกรทอง”

คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปนใี้ หถ้ กู ต้อง (คะแนนเตม็ 10 คะแนน)

1. ไกรทองเป็ นนิทานของภาคใด

…………………………………………………………………………………………………………….
2. เหตกุ ารณ์ในเรื่องเกดิ ขึน้ ที่จังหวัดใด

…………………………………………………………………………………………………………….
3. จากเรอื่ งไกรทองได้ภรรยาก่ีคน มใี ครบา้ ง

…………………………………………………………………………………………………………….
4. ใครที่โดนชาละวันจบั ตัวลงไปในถา้

…………………………………………………………………………………………………………….
5. อาวธุ ท่ีไกรทองใช้ปราบชาละวนั

…………………………………………………………………………………………………………….
6. ไกรทองมีลักษณะนสิ ัยอย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………….
7. เรอ่ื งไกรทองสะทอ้ นให้เหน็ สภาพทางสงั คมของผหู้ ญงิ อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………….
8. “เหตุการณต์ อนจบนางวมิ าลายอม..........................ของนางตะเภาแก้ว ตะเภาทอง” จาก
ข้อความดังกล่าว ควรเตมิ สานวนใดลงในชอ่ งว่าง

ฃ…………………………………………………………………………………………………………….
9. ถ้านักเรียนเป็ นวิมาลา จะปฏบิ ัติตนอย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………….

74

เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะการอา่ นจบั ใจความสำคัญที่ 5 เรอ่ื ง “ไกรทองก”

คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปนี้ใหถ้ ูกต้อง (คะแนนเตม็ 10 คะแนน)

1. ไกรทองเป็ นนิทานของภาคใด
ภาคกลาง

2. เหตกุ ารณ์ในเร่ืองเกดิ ขึน้ ที่จงั หวดั ใด
จงั หวดั พิจติ ร

3. จากเรอ่ื งไกรทองไดภ้ รรยาก่คี น มใี ครบา้ ง
3 คน ไดแ้ ก่ ตะเภาแกว้ ตะเภาทอง และวมิ าลา

4. ใครที่โดนชาละวนั จับตัวลงไปในถา้
ตะเภาทอง

5. อาวุธทไี่ กรทองใช้ปราบชาละวนั
หอกสตั ตโลหะ

6. ไกรทองมลี กั ษณะนสิ ัยอย่างไร
กลา้ หาญ และเจา้ ชู้

7. เรือ่ งไกรทองสะทอ้ นให้เหน็ สภาพทางสังคมของผ้หู ญิงอย่างไร
ผหู้ ญิงอย่ใู นอานาจของผชู้ าย ตอ้ งอาศยั ผชู้ ายไมว่ า่ จะเป็นบดิ าหรือสามี

75

แบบทดสอบวดั ทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ
ทดสอบกอ่ นเรียน (Pre-test)

คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบทถี่ ูกท่สี ุดแล้วทำเคร่ืองหมาย (X) ลงในกระดาษคำตอบ
ให้นกั เรียนอา่ นขอ้ ความต่อไปน้ี แล้วตอบคำถามข้อที่ 1 – 5

นางพกิ ลุ ทอง

กาลครง้ั หนึ่งนานมาแลว้ มีหญิงสาวสวย คนหน่ึงช่อื วา่ “พิกลุ ” กลา่ วกนั ว่าเธอมีความสวยทงั้ หนา้ ตาและ
กริ ยิ ามรรยาท มารดาของเธอตายตงั้ แต่เธอยงั เล็กมาก ดงั นนั้ เธอจึงไดร้ บั การเลีย้ งดจู ากแม่เลีย้ งซ่งึ เธอเองก็มีลกู
สาวคนหนึง่ ช่ือว่า “มะลิ” แต่ก็โชครา้ ยท่ีว่าทงั้ แม่เลีย้ งและลกู สาวของเธอนนั้ เป็นคนใจรา้ ย ทงั้ ค่จู ะบงั คบั ใหพ้ ิกุล
ทางานหนกั ทกุ วนั

อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากตาขา้ วเสร็จแลว้ พิกุลก็ออกไปตกั นา้ ท่ีลาธารซ่ึงอยู่ไม่ไกลจากบา้ นนกั ในขณะ
เดินทางกลบั ทนั ใดนนั้ ก็มีหญิงชราคนหน่ึงปรากฏอย่เู บือ้ งหนา้ ของพิกุลและขอนา้ เธอดื่ม พิกลุ ดีใจมากท่ีไดช้ ่วย
หญิงชราคนนนั้ เธอเอานา้ ใหห้ ญิงชราและบอกให้เธอเอานา้ ไปอีกเพ่ือจะไดล้ า้ งหนา้ และลา้ งตวั ใหส้ ดช่ืน พิกุล
บอกหญิงชราวา่ ไมต้ อ้ งห่วงเพราะถา้ นา้ ไมพ่ อเธอจะไปตกั มาอกี หญิงชรายมิ้ และกลา่ วว่า “เธอน่นี อกจากจะสวย
แลว้ ยงั ใจดอี ีกถึงแมว้ า่ ฉนั จะดยู ากจน และมอมแมมเธอกป็ ฏิบตั ิกบั ฉนั เป็นอย่างดี”

หลงั จากกล่าวช่ืนชมพิกลุ แลว้ หญิงชราก็ใหพ้ รวิเศษกบั เธอ และดว้ ยอานาจของพรวิเศษนีจ้ ะทาใหด้ อก
พกิ ลุ ทองคารว่ งออกมาจากปากของเธอ …เม่ือใดก็ตามท่ีเธอรูส้ กึ สงสารใครหรือสิ่งใด …หลงั จากหญิงชราใหพ้ ร
วิเศษแก่พิกุลแลว้ ก็หายวบั ไปต่อหนา้ ต่อตาของเธอ …พิกุลก็รูท้ นั ทีว่าแทท้ ่ีจรงิ แลว้ หญิงผูน้ นั้ เป็นนางฟ้าจาแลง
มาใหพ้ รวิเศษแก่ตน ทนั ทีท่ีกลบั ถึงบา้ นชา้ เธอก็ถูกแม่เลีย้ งดดุ ่าว่าไปเถลไถลเพ่ือหนีงาน ดังนนั้ พิกุลจึงเล่าเร่ือง
ทงั้ หมด ใหผ้ ูเ้ ป็นแม่เลีย้ งฟังพรอ้ มกับเกิดความรูส้ ึกสงสารในขณะเลา่ จึงทาใหด้ อกพิกุลทองคาร่วงออกมาจาก
ปากของเธอดว้ ย แม่เลีย้ งจอมละโมบก็เปล่ียนอารมณจ์ ากโกรธเป็นละโมบในทนั ทพี รอ้ มกบั ตะครุบดอกพิกลุ ทอง
ทงั้ หมดไวใ้ นขณะท่ีปากก็ส่งั ใหพ้ ิกลุ พดู ตอ่ ไปเรื่อยๆ เพ่อื สนองความละโมบของเธอน่นั เอง

นบั จากวนั นนั้ เป็นตน้ มา แม่เลีย้ งของพิกุลก็เก็บรวบรวมดอกพิกุลทองคาไวใ้ หม้ ากท่ีสดุ เท่าท่ีจะทาได้
เพ่ือนาไปขายและได้เงินมามากมาย ชีวิตทุกคนตอนนีก้ ็มีความเป็นอยู่ท่ีดีขึน้ พิกุลเองก็ไม่ต้องทางานหนัก
เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ถกู บงั คบั ใหพ้ ดู ทงั้ วนั เพ่ือใหด้ อกพิกุลทองคาออกมาจากปากของเธอมากๆ น่นั เอง พิกลุ ทอง
ออ่ นลา้ ไปกบั การตอบสนองความละโมบของแม่เลีย้ ง ตอนนพี้ ิกลุ เองเกิดเจ็บคอและกลายเป็นคน เสยี งแหบเสยี ง
แหง้ ไปเลย เธอพดู ไม่ไดไ้ ประยะหน่ึง …อาการเช่นนีท้ าใหแ้ ม่เลีย้ งโมโหมากขึน้ จนถึงขนั้ ตบตี พิกุลเพ่ือพยายาม
ยงั คบั ใหเ้ ธอพดู แต่พิกลุ ก็พดู ไมไ่ ดแ้ มแ้ ตค่ าเดียว

76

นางพกิ ลุ ทอง (ต่อ)

เพ่ือตอบสนองความละโมบของตน ตวั แม่เลีย้ งเองจึงตัดสินใจส่งลกู สาวของตนนามว่ามะลิไปทาตาม
อย่างพิกุลบา้ ง มะลิถูกสง่ ไปยังสถานท่ีเดียวกบั ท่ีพิกุลบอกไวแ้ ต่ว่าแทนท่ีจะไดพ้ บกบั หญิง ชราก็กลบั เป็น พบ
หญิงสาวสวยสวมเสือ้ ผา้ งดงามยืนอยู่ใต้ร่มใหญ่ หญิงสาวผูน้ ั้นขอนา้ มะลิดื่มแต่ดว้ ยความริษยามะลิแสดง
อาการโกรธและคิดว่า หญิงผูน้ นั้ ไม่ใช่นางฟ้า เธอจึงปฏิเสธและใชว้ าจาหยาบคายด่าทอนางฟ้าจาแลง ดังนั้น
นางฟ้าจึงสาปแช่งมะลิว่า เม่ือใดก็ตามท่ีเธอโกรธและพดู ออกมาแลว้ ไซร้ ก็จะมีหนอนรว่ งออกมาจากปากของ
เธอ เม่อื กลบั มาถงึ บา้ นมะลิก็เลา่ เร่ืองทั้งหมดใหผ้ เู้ ป็นแมฟ่ ังและดว้ ยความโกรธ ในขณะ เลา่ เรื่องนนั้ กท็ าใหบ้ า้ น
ทงั้ หลังเต็มไปดว้ ยตวั หนอน ผูเ้ ป็นแม่คิดว่าพิกุลอิจฉาลกู สาวของตน ดังนนั้ จึงแกลง้ บิดเบือนเรื่องท่ีเล่าจึงเป็น
เหตใุ หล้ กู สาวของตนไม่ไดพ้ บกบั หญิงชราแมเ่ ลีย้ งจึงทบุ ตีพกิ ลุ และไลเ่ ธอออกจากบา้ นไป

ดว้ ยความเสียใจอย่างสุดซึง้ พิกุลจึงท่องเท่ียวไปในป่ า แต่เพียงลาพงั โชคดีท่ีว่าเธอเดินไปในทิศทางท่ี
เจา้ ชายหนุ่มกาลงั เพลิดเพลินอยู่กับการข่ีมา้ ประพาสป่ ากับขา้ ราชบรพิ ารผ่าน มาพอดีเม่ือทอดพระเนตรเห็น
สาวน่งั รอ้ งไหอ้ ยู่ทรงถามเรื่องราวความเป็นมาทงั้ หมด ทันทีท่ีพูดจบท่ีบริเวณนนั้ ก็เต็มไปดว้ ยดอกพิกุลทองคา
…เจา้ ชายดีพระทัยย่ิงนัก จึงขอนางอภิเษกสมรสดว้ ยและหลังจากการอภิเษกสมรสทั้งสองพระองคก์ ็ได้ ขึน้
ครองราชยแ์ ละปกครองเมอื งของพระองคด์ ว้ ยความรม่ เย็นเป็นสขุ ตลอดมา

1. เพราะเหตุใดจงึ เรียกนางพกิ ลุ ว่า “นางพกิ ลุ ทอง”

ก. เพราะนางประพฤติตนไม่ดีในการเลือกคู่ครอง

ข. เพราะนางชอบใส่เครื่องประดับท่ที ำด้วยทองเป็นจำนวนมาก

ค. เพราะต้องการใหส้ มกับฐานะในตำแหน่งมเหสขี องพระราชา

ง. เพราะทุกครงั้ ทนี่ างพดู จะมีดอกพกิ ลุ ทองร่วงหล่นออกมาจากปากนาง

2. สมมตุ ิให้นักเรียนเปน็ นางมะลิ นักเรียนจะประกอบอาชพี อะไรจงึ จะไดป้ ระโยชนจ์ ากคำสาปทไี่ ด้รบั

ก. ทำสวน ไร่ นา ข. ขุดบอ่ เล้ยี งปลา

ค. ประกอบอาหาร ง. เปดิ รา้ นขายทอง

3. เหตุใดนางมะลจิ ึงได้รบั คำสาปแทนที่จะไดร้ บั พรเหมือนนางพิกลุ

ก. เพราะนางมะลปิ ฏบิ ัตติ นไม่ดีตอ่ ผู้อ่นื

ข. เพราะนางพิกลุ มีโอกาสได้ขอพรก่อน

ค. เพราะนางมะลิมีรูปร่างหน้าตาเหมือนแมม่ าก

77

ง. เพราะนางพิกลุ มคี วามอดทนมากกว่านางมะลิ

4. ข้อใดมิใชป่ ระโยชนท์ ไี่ ด้รับจากเรื่องพิกุลทอง

ก. สอนให้รกั บิดามารดา ข. สอนใหเ้ ปน็ ผู้มีน้ำใจต่อผู้อื่น

ค. สอนให้พดู จาไพเราะอ่อนหวาน ง. สอนใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ัติดตี ่อผู้อืน่

5. จากข้อความในเร่อื งนางพิกลุ ทอง ขอ้ ความใดท่เี ป็นขอ้ เทจ็ จรงิ

ก. หญิงหม้ายผูเ้ ป็นแมร่ กั มะลิมากกวา่ พกิ ุล

ข. หญงิ หมา้ ยมักแกลง้ ใช้พกิ ลุ ใหท้ ำงานหนักทกุ อย่างในบ้าน

ค. พระพิชยั มงกฎุ เหน็ พิกลุ มีรูปโฉมสวยงามและลกั ษณะกริ ิยาเรียบรอ้ ยกน็ ึกรกั

ง. หญงิ หมา้ ยเห็นดอกพิกลุ ทองซึง่ เป็นทองจริง ๆ มีสีเหลืองอร่ามรว่ งออกมาจากปาก

ใหน้ กั เรียนอ่านข้อความต่อไปน้ี แลว้ ตอบคำถามข้อท่ี 6 – 10

ปลาบู่ทอง
ยังมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งช่ือ “เอือ้ ย” อาศยั อยู่กับพ่อ แม่เลีย้ ง และลูกสาวของแม่เลีย้ งอีกสองคนช่ือ

“อ่ี” และ “อา้ ย” สาเหตทุ ่ีเอือ้ ยตอ้ งอยู่กบั แม่เลีย้ งเพราะว่าแม่จริง ๆ ของเอือ้ ยนนั้ ตกนา้ ตาย แต่ดว้ ยความรกั ลูก

มาก แม่ของเออื้ ยจงึ ไปเกดิ เป็นปลาบ่ทู อง เพ่ือจะไดม้ าอย่ใู กลๆ้ กบั ลกู ดงั นนั้ ทกุ วนั เวลาเยน็ เอือ้ ยก็จะนาราออ่ น

ๆ ออกมาใหแ้ ม่ปลาบ่ทู องกินท่ที ่านา้

อย่มู าวนั หนง่ึ ขณะท่ีเออื้ ยไม่อยบู่ า้ น อ่ผี เู้ ป็นลกู ของแมเ่ ลยี้ ง และเคยแอบดเู ออื้ ยนารามาใหป้ ลาบ่ทู อง จน

รูว้ ่าปลาบ่ทู องเป็นแม่ของเออื้ ยมาเกิด อ่กี ็แกลง้ เอารามาลอ่ ใหป้ ลาบ่ทู องกิน ปลาบ่ทู องไม่รู้

คิดว่าเป็นลูกเอือ้ ยของตน ก็ว่ายมากินราเหมือนเคย อ่ีได้ทีจับแม่ปลาบู่ทองขึน้ มาแล้วนาไปแกงกิน อ่ีได้ทา

เกล็ดปลาบ่ทู องรว่ งหลน่ เอาไวส้ องเกล็ด เป็ดนอ้ ยผเู้ ป็นเพ่ือนของเอือ้ ยมาพบเขา้ ก็เก็บเอาไวใ้ ห้ ฝ่ายเออื้ ยเม่ือกลบั

มาถึงบา้ น ก็รีบไปท่ีท่านา้ ทนั ที หมายจะนารามาใหแ้ ม่ปลาบู่ทองกินเช่นทุกวนั แต่วนั นีไ้ ม่ว่าเอือ้ ยจะเรียกเท่าใด

แม่ปลาบู่ทองก็ไม่มา เอือ้ ยจึงไปถามเป็ด ถามไก่ เป็ดบอกว่าอ่ีกับอา้ ยจับไปกินเสียแลว้ เอือ้ ยไดย้ ินเช่นนัน้ ก็

เสียใจมาก รอ้ งไห้อยู่นาน และเอือ้ ยก็รบั เกล็ดปลาสองเกล็ดท่ีเป็ดเก็บมาให้ไปฝังดิน เกล็ดปลาบู่ทองงอก

กลายเป็นตน้ มะเขือ เอือ้ ยจึงรกั ตน้ มะเขือนีม้ าก พูดคยุ กบั แม่ท่ีกลบั กลายเป็นตน้ มะเขือนีท้ กุ วนั เม่ืออา้ ยรูเ้ รื่องท่ี

แม่ของเอือ้ ยมาเกิดใหม่เป็นตน้ มะเขือเขา้ ก็อิจฉา พอเอือ้ ยไม่อย่อู า้ ยแอบมาถอนตน้ มะเขือ เอาลกู มะเขือไปกินจน

หมดเพ่อื ไม่ใหเ้ ออื้ ยรู้ แตม่ เี มล็ดมะเขือตกดนิ ไปสองเมล็ด

เม่อื เอือ้ ยกลบั มาถึงบา้ น ไม่เหน็ ตน้ มะเขือจึงไปถามเป็ดไก่ดู เป็ดบอกว่าอา้ ยถอนตน้ มะเขือทิง้ ไปแลว้ แต่

ไดท้ าเมล็ดตกไวส้ องเมล็ด เป็ดเก็บเอาไวใ้ ห้ เอือ้ ยจึงรบั เมล็ดมะเขือไปปลกู เมล็ดมะเขือท่ีเอือ้ ยปลกู นนั้ ไดง้ อก
ขึน้ มาเป็นตน้ โพธิ์เงินโพธิท์ อง ตน้ โพธิ์ทงั้ สองตน้ นีส้ วยงามมาก เวลาท่ลี มพดั ผ่านก็จะเกิดเสียงดงั คลา้ ยเสียงเพลง
ไพเราะดงั ไปไดไ้ กลถึงในวงั เม่ือทา้ วพรหมทตั ผเู้ ป็นพระเจา้ แผ่นดินทรงทราบก็พอพระทยั มาก เสดจ็ มารบั ตน้ โพธิ์
เงินโพธิ์ทองและเอือ้ ยไปอยู่ในวัง ส่วนอ่ีกับอา้ ยนั้น เม่ือรูว้ ่าเอือ้ ยไดเ้ ขา้ ไปอยู่ในวังก็ยิ่งอิจฉาริษยามากขึน้ จึง

วางแผนใหค้ นไปหลอกเออื้ ยท่ใี นวงั ว่าพอ่ ของเอือ้ ยป่วยหนกั เออื้ ยรูข้ ่าวกร็ บี กลบั มาท่บี า้ น

78

ปลาบู่ทอง (ต่อ)

แต่ระหว่างทางกลบั บา้ นนนั้ เอง อ่ีกับอา้ ยไดส้ รา้ งกับดักทาใหเ้ อือ้ ยตกสะพานลงไปในกระทะ
รอ้ นจนตาย แลว้ อ่ีซ่ึงเป็นนอ้ งพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ และมีหนา้ ตาคลา้ ยเอือ้ ยมาก ก็ปลอมตวั เป็น
เอือ้ ยเขา้ ไปอยู่ในวังแทน แต่ตน้ โพธิ์เงินโพธิ์ทองกลบั เห่ียวเฉา เพราะรูว้ ่าไม่ใช่เอือ้ ยตัวจรงิ เอือ้ ยเม่ือ
ตายไปไดไ้ ปเกิดใหม่เป็นนกแขกเตา้ แลว้ บินเขา้ ไปในวังไปเกาะท่ีตน้ โพธิ์เงินโพธิ์ทอง ตน้ โพธิ์ก็กลบั มีสี
สดใสขนึ้ มาใหม่ ฝ่ายทา้ วพรหมทตั เหน็ นกแขกเตา้ เขา้ กช็ อบใจ นามาเลีย้ งเอาไวใ้ นกรงทอง

แลว้ วันหนึ่ง อ่ีซ่ึงปลอมตัวเป็นเอือ้ ยอยู่ ก็ไดร้ ูว้ ่านกแขกเต้านีเ้ ป็นเอือ้ ยท่ีมาเกิดใหม่ ดังนั้น
ขณะท่ีทา้ วพรหมทตั ออกไปคลอ้ งชา้ งในป่ า อ่ีจึงใหแ้ ม่ครวั จับนกแขกเตา้ ไปถอนขน จะฆ่าทาเป็นแกง
นก ขณะท่ีแม่ครวั เผลอ นกแขกเตา้ หนีไปได้ ไปหลบอาศัยอย่กู บั หนู แลว้ ก็หนีต่อไปจนไปพบกบั พระ
ฤาษี พระฤาษีสงสารจึงเสกคาถาชุบตัวใหน้ กแขกเตา้ กลายเป็นหญิงสาวสวย และเสกลกู ชายใหอ้ ยู่
ดว้ ยกนั อกี หน่งึ คน

อยู่มาวันหน่ึงหญิงสาวสวยหรือเอือ้ ยท่ีอาศัยอยู่กับพระฤาษีเกิดคิดถึงท้าวพรหมทัต จึงรอ้ ย
พวงมาลยั ดว้ ยดอกไมเ้ ป็นลวดลายเลา่ เรื่องของตน แลว้ ใหล้ กู ชายนาไปถวายทา้ วพรหมทตั ทนั ทีท่ีทา้ ว
พรหมทตั รบั พวงมาลยั มาทอดพระเนตร เห็นลวดลายเลา่ เร่ืองถึงครง้ั ท่ีเอือ้ ยมาอยู่ดว้ ยในวงั มีตน้ โพธิ์
เงินโพธิ์ทอง ต่อมาถูกอา้ ยกบั อ่ีหลอกไปฆ่าในกระทะรอ้ น และไดก้ ลายเป็นนกแขกเตา้ จนกระท่งั ตอ้ ง
หนีไปอย่กู บั พระฤาษี ทา้ วพรหมทตั ทรงทราบไดท้ นั ทีว่า พวงมาลยั นมี้ าจากเออื้ ยผเู้ ป็นพระมเหสตี วั จริง
ของพระองค์ จึงรบั ส่งั ใหจ้ บั อ่ีและอา้ ยไปขงั เอาไวใ้ นหอ้ งใตด้ ิน และไปรบั เอือ้ ยกลบั มาอย่ดู ว้ ยกนั ในวัง
แลว้ ทงั้ คกู่ อ็ ยดู่ ว้ ยกนั อย่างมคี วามสขุ ตงั้ แตน่ นั้ สืบมา

6. บิดาของเอ้ือยมภี รรยาและบตุ รทงั้ หมดกค่ี น ข. ภรรยา 1 คน บุตร 2 คน
ก. ภรรยา 1 คน บุตร 1 คน ง. ภรรยา 2 คน บุตร 3 คน
ค. ภรรยา 2 คน บุตร 2 คน

79

7. สมมุตนิ กั เรียนเป็นเออ้ื ยซึ่งตอ้ งการปรับปรงุ ตนเองไม่ใหผ้ ้อู ่นื รงั แก นักเรียนควรปฏิบัตติ นอยา่ งไร

ก. ไปเรียนศิลปะป้องกนั ตวั

ข. รูจ้ กั ศกึ ษานิสยั ใจคอของผู้อนื่

ค. ปรับปรุงบคุ ลกิ ภาพใหเ้ ขม้ แขง็

ง. รูจ้ ักระมดั ระวังตวั จากบคุ คลที่ไม่เปน็ มิตร

8. ข้อใดมใิ ชล่ ักษณะนิสัยของเออ้ื ย

ก. หยง่ิ ทะนง ข. เมตตากรุณา

ค. สุภาพเรียบรอ้ ย ง. กตัญญตู อ่ บิดามารดา

9. เร่อื งปลาบู่ทองให้ข้อคดิ คติสอนใจท่ตี รงกับสำนวนในขอ้ ใด

ก. ทำดีไดด้ ี ทำชั่วได้ชว่ั ข. คบั ทอ่ี ยู่ได้ คบั ใจอยยู่ าก

ค. รักดีหามจั่ว รักชวั่ หามเสา ง. สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ

10. เรื่องปลาบู่ทองใหค้ ณุ คา่ ในการดำเนนิ ชวี ิตเรอ่ื งใดมากท่ีสุด

ก. การศกึ ษา ข. การประพฤตติ น

ค. การเลอื กคู่ครอง ง. การประกอบอาชพี

80

ใหน้ ักเรียนอา่ นข้อความต่อไปน้ี แล้วตอบคำถามข้อที่ 11 – 15

ท่าเตยี น

ยงั มีรูปป้ันยกั ษ์อย่สู องพวก พวกแรกเป็นยกั ษ์วดั แจง้ มี 2 ตน รูปร่างเป็นยกั ษ์ไทยตวั ใหญ่เขีย้ วแหลม

โงง้ ถือไมก้ ระบองสีขาวเป็นอาวธุ มีใบหนา้ สีเขยี ว อีกตนหนึ่งมีหนา้ สีขาว ยืนเฝ้าอย่ทู ่ีวัดแจง้ หรือท่ีมชี ่ือเป็น

ทางการว่า “วัดอรุณราชวราราม” อยู่ริมแม่นา้ เจา้ พระยาฝ่ังธนบุรี ส่วนยักษ์อีกพวกหนึ่งเป็นยกั ษ์วดั โพธิ์มี ภ

ตน รูปรา่ งเป็นยกั ษไ์ ทยเช่นกนั แต่ตวั มขี นาดเลก็ กวา่

ตนหนึง่ มีหนา้ สีแดงช่อื “พญาแสงอาทิตย”์ ตนท่สี องมีหนา้ สีเขยี วช่อื “พญาไมยราพณ”์

อกี ตนหน่งึ มหี นา้ สเี ทาช่ือ “พญาขร” ตนสดุ ทา้ ยมีหนา้ สีเนอื้ ช่ือ “พญาสทั ธาสรู ”

ยกั ษ์พวกนีย้ นื เฝา้ อย่ทู ่วี ดั โพธิ์ หรือท่ีมีช่อื เป็นทางการว่า “วดั พระเชตพุ นวิมลมงั คลาราม” อยรู่ ิมแมน่ า้

เจา้ พระยาฝ่ังพระนคร วันหน่ึงขณะท่ียักษ์ทั้งสองต่างก็ยืนเฝ้าวดั ของตนอยู่นั้น ยักษ์วัดโพธิ์ก็ตะโกนขา้ มฝ่ัง

แม่นา้ คยุ กบั ยกั ษว์ ดั แจง้ วา่ “น่ี...น่ี...เราเห็นพวกเจา้ ยืนถือกระบองอย่ทู กุ วนั เจา้ เฝ้ารกั ษาอะไรในวดั หรอื ”ยกั ษ์

วดั แจง้ จึงตะโกนตอบไปว่า “พวกเราเฝา้ พระธรรมคาส่งั สอนของพระพทุ ธเจา้ ซ่งึ เป็นสิ่งสาคญั ท่สี ดุ ” แลว้ ยกั ษ์

วดั แจง้ ก็ถามยกั ษว์ ดั โพธิ์กลบั ไปวา่ “แลว้ พวกเจา้ ทงั้ 4 ตนละ่ ยืนเฝา้ อะไรในวดั อยู่” “พวกเราเฝ้าสิง่ สาคญั กวา่ ก็

คือพระพทุ ธยงั ไงละ่ ” ยกั ษว์ ดั โพธิ์ตอบ

ยกั ษว์ ดั แจง้ ไดย้ ินเขา้ รูส้ ึกไม่พอใจบอกว่า “ไม่จริงหรอก พระพุทธไม่ใช่ส่ิงสาคญั ท่ีสดุ พระธรรมท่ีเรา

เฝ้าน่ีสิสาคญั ท่ีสดุ พระในวดั และผูค้ นยงั ปฏิบตั ิตามพระธรรมเลย” ยกั ษ์วดั โพธิ์ไดย้ ินดังนนั้ ก็เร่มิ ไม่พอใจบา้ ง

จงึ พดู วา่ “พระพทุ ธสิสาคญั ท่สี ดุ ผคู้ นมากราบไหวพ้ ระพทุ ธกนั ทกุ วนั ”

ทงั้ ยกั ษว์ ดั โพธิ์และยกั ษว์ ดั แจง้ ต่างก็คิดว่าส่ิงท่ีฝ่ายตนยืนเฝ้าอย่นู นั้ สาคญั ท่ีสดุ เถียงกนั ไปเถียงกนั มา

ก็โกรธกนั เจา้ ยักษ์วดั แจง้ ทงั้ 2 ตน ไดเ้ หาะขา้ มแม่นา้ มาพบกับยักษ์วัดโพธิ์ท่ีบริเวณใกล้ ๆ กบั วดั โพธิ์ แลว้

ยกั ษ์ทงั้ สองฝ่ ายก็เขา้ ต่อสกู้ ันอย่างดเุ ดือด เสียงต่อสดู้ ว้ ยกระบองของยกั ษ์ทั้ง 2 ฝ่ ายดังสน่นั ตน้ ไมใ้ หญ่นอ้ ย

หกั โค่นลม้ ลงเป็นจานวนมาก ทาใหบ้ รเิ วณนนั้ กลายเป็นท่เี ตียนโลง่

เวลาผ่านไปหลายวนั ยกั ษท์ งั้ สองพวกท่ตี ่อสกู้ นั มานานก็เร่มิ เหน่อื ยและต่างก็เห็นวา่ คงไม่มใี ครแพช้ นะ

จึงเลิกสกู้ ัน พระสงฆร์ ูปหน่ึงเห็นยกั ษ์ทงั้ สองพวกหายโกรธแลว้ พอท่ีจะพูดจากันรูเ้ ร่ือง จึงเขา้ ไปส่งั สอนว่า

“อันท่ีจริง ทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ก็สาคัญทั้งสิน้ เรียกว่า พระรตั นตรยั พระพุทธเจา้ เป็น

ศาสดาของศาสนาพุทธ พระธรรมเป็นคาส่งั สอนของพระพทุ ธเจา้ ท่ีใหท้ ุกคนเป็นคนดี และพระสงฆเ์ ป็นผูส้ ืบ

ทอดพระธรรมคาส่งั สอน จึงตอ้ งมีทงั้ สามอย่าง จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้” “พวกเจา้ ก็เหมือนกัน ต่าง

ฝ่ายต่างมีหนา้ ท่ีเฝ้าส่ิงสาคญั คนละอย่าง ถา้ ขาดไปฝ่ ายหนึ่งก็จะไม่มีใครเฝา้ ดงั นีจ้ งไปทาหนา้ ท่ีของตนใหด้ ี

เถิด”

81

11. ข้อใดคอื ชื่อเรียกที่เปน็ ทางการของวดั แจง้

ก. วัดพระแกว้ ข. วัดอรณุ ราชวราราม

ค. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ง. วัดพระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม

12. เหตใุ ดจึงเรยี กสถานที่แหง่ นี้ว่า “ทา่ เตยี น”

ก. เพราะเคยเป็นทา่ เรือมาก่อน

ข. เพราะนายเตยี น แซโ่ ง้ว เปน็ ผู้บริจาคทด่ี นิ แหง่ น้ี

ค. เพราะยักษว์ ดั โพธ์กิ บั ยักษ์วดั แจ้งมาทะเลาะกนั จนพ้ืนท่ีเตยี นโล่ง

ง. เพราะเปน็ พื้นที่ทย่ี ักษ์วัดโพธิ์กบั ยกั ษว์ ัดแจง้ มาใชท้ ำกจิ กรรมรว่ มกนั เสมอ

13. การทะเลาะกนั ของยักษ์ทั้งสองฝา่ ยจะไม่เกดิ ข้นึ ถา้ ยักษท์ ้ังสองยึดถอื สภุ าษติ สำนวนใด

ก. วันพระไม่มหี นเดียว ข. มือถือสาก ปากถอื ศลี

ค. แพ้เปน็ พระ ชนะเปน็ มาร ง. สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ

14. ข้อความในข้อใดท่ีทำให้นักเรยี นทราบวา่ นิทานเรือ่ งน้เี ป็นเรอื่ งท่แี ตง่ ขน้ึ

ก. “เสียงตอ่ สดู้ ้วยกระบองของยักษ์ทั้งสองฝ่ายดังสนนั่ ”

ข. “รปู ป้ันยักษ์วดั โพธกิ์ ต็ ะโกนข้ามฝั่งแม่น้ำคุยกับรูปป้ันยกั ษว์ ัดแจง้ ”

ค. “พระสงฆร์ ปู หน่งึ เห็นยกั ษ์ท้ังสองพวกหายโกรธ จงึ เข้าไปสง่ั สอน”

ง. “เจา้ ยักษว์ ดั แจ้งท้ังสองตนไดเ้ หาะขา้ มแมน่ ้ำมาพบกบั ยักษว์ ัดโพธ์ิ”

15. ข้อใดบอกคุณค่าที่ไดร้ ับจากเรือ่ งท่าเตยี น

ก. ดา้ นสงั คม ข. ดา้ นวัฒนธรรม

ค. ด้านการใช้ภาษา ง. ด้านการเมอื งและการปกครอง

ใหน้ ักเรยี นอา่ นขอ้ ความตอ่ ไปนี้ แล้วตอบคำถามขอ้ ที่ 16 – 20

นางอุทยั

มีเดก็ หญิงคนหนงึ่ ซง่ึ เป็นบตุ รสาวของรุกขเทวดากบั นางนาคท่ีอาศยั อยใู่ ตน้ า้ ในโลกบาดาล
ตอ้ งมาพลดั หลงอย่บู นโลกมนษุ ย์ เดก็ หญิงจึงตอ้ งอาศยั หลบอยใู่ นรา่ งของคางคก

วนั หน่ึงตากลุ โกถาดกบั ยายกาวนั สองคนตายายออกจบั ปลามาพบคางคกท่เี ดก็ หญิงอาศยั รา่ ง
หลบอย่เู ขา้ เด็กหญิงก็ไดอ้ อ้ นวอนตายายว่า “ตาจ๋า ยายจา๋ ใหห้ ลานไปอย่ดู ว้ ยคนเถดิ นะ เม่ือเติบโต
หลานจะขอทดแทนบญุ คณุ ตากบั ยายต่อไป” สองตายายเม่ือไดย้ นิ คางคกพดู ไดก้ ็แปลกใจและเกิดมใี จ
เมตตาสงสาร จึงรบั ไปอย่ดู ว้ ยกนั

82

นางอทุ ยั (ตอ่ )
รุง่ เชา้ ตากบั ยายก็ออกไปหาผกั หาปลาเหมอื นทุกวนั เด็กหญิงเห็นบา้ นปลอดคนแลว้ จึงออกมาจากรา่ ง
คางคก เธอจดั การทาความสะอาดบา้ นและเสกขา้ วปลาอาหารท่อี ร่อย ๆ มาเตรยี มไวใ้ หต้ ากบั ยาย เม่ือตากบั ยาย
กลบั มาถึงบา้ นในเวลาเยน็ ทงั้ สองพบวา่ บา้ นสะอาด และมีอาหารรสอร่อยมากมายเตรียมไวแ้ ลว้ ก็รูส้ กึ แปลกใจยง่ิ
นกั ตากบั ยายจึงตกลงกนั ว่าในวนั พรุง่ นีจ้ ะแอบดวู า่ ใครเป็นคนทาส่งิ เหลา่ นี้ วนั รุง่ ขึน้ ตากบั ยายก็ทาทเี หมือน
ออกไปหาผกั หาปลาตามปกติ แต่ทงั้ สองไดเ้ ดินยอ้ นกลบั มาแอบดอู ยนู่ อกบา้ น ก็รูว้ ่าเด็กหญิงนา่ รกั ท่ีออกมาจาก
รา่ งของคางคกเป็นคนทางานบา้ นเหล่านนั้ ตากบั ยายไดอ้ อกมาจากท่ซี อ่ นแลว้ พดู ขอใหเ้ ด็กหญิงออกมาเสยี จาก
รา่ งคางคก แต่เด็กหญิงก็ไม่ยอม เธอหนกี ลบั เขา้ ไปอย่ใู นรา่ งคางคกอีก
เวลาผา่ นไปหลายปี เด็กหญิงในรา่ งคางคกก็เตบิ โตเป็นสาวสวย นางมีความงามอย่างมาก ผวิ นนั้ ขาว
เหลืองเหมือนแสงอาทิตยย์ ามอทุ ยั นางจึงไดช้ ่ือว่า “นางอทุ ยั ”
จนกระท่งั วนั หน่ึงเป็นวนั พระ ชาวบา้ นไดม้ าชวนตายายไปฟังเทศนท์ ่วี ดั นางอทุ ยั ทราบเขา้ ก็ศรทั ธาขอไป
วดั ดว้ ย และนางอทุ ยั ก็ออกมาจากรา่ งคางคกนบั แต่วนั นนั้ เป็นตน้ มา ท่วี ดั นางอทุ ยั ไดพ้ บกบั เจา้ ชายรูปงามนาม
ว่าเจา้ ชายสทุ ราชกมุ าร เจา้ ชายเห็นนางอทุ ยั ก็นกึ รกั จงึ ไปสขู่ อนางอทุ ยั กบั ตายาย แตฝ่ ่ายตายายกลบั บอกว่า ถา้
เจา้ ชายรกั นางอทุ ยั จรงิ ๆ ก็ขอใหส้ รา้ งสะพานทองจากพระราชวังมายงั บา้ นของตายาย ตายายจึงจะยกนางอทุ ยั ให้
แตง่ งานดว้ ย ฝ่ายพระราชาและเจา้ ชายไดท้ ราบขอ้ แมเ้ รื่องสะพานทองท่ีตายายใหส้ รา้ งกพ็ โิ รธ พระราชารบั ส่งั ให้
อามาตยไ์ ปแจง้ แก่ตายายว่า ทางฝ่ายตายายก็ตอ้ งสรา้ งปราสาททองหลงั ใหญ่ใหส้ มกบั ตาแหน่งเจา้ ชายภายใน
เจ็ดวนั ดว้ ย ถา้ ทาไมส่ าเรจ็ ก็จะถกู ลงโทษถงึ ประหารชีวิต ตายายไดท้ ราบวา่ จะตอ้ งสรา้ งปราสาททองกพ็ ากนั วิตก
กงั วล พลางบ่นว่า “พวกเราไมน่ ่าตงั้ ขอ้ แมใ้ หเ้ จา้ ชายสรา้ งสะพานทองเลยนะ เรากเ็ ลยเดอื ดรอ้ น น่ถี า้ สรา้ งไม่
สาเรจ็ มีหวงั โดนโทษประหารกนั หมด”
นางอทุ ยั ไดย้ ินตายายราพงึ เช่นนนั้ ก็รบั อาสาวา่ เรอื่ งสรา้ งปราสาททองนนั้ เป็นเร่อื งเล็กนอ้ ย เอาไวค้ ืนนี้
นางจะสรา้ งขนึ้ มาเอง ในเวลาเท่ยี งคนื นนั้ เอง นางอทุ ยั ซ่งึ แทจ้ รงิ เป็นบตุ รีของนาคและสามารถเนรมิตส่ิงของต่าง ๆ
ได้ กเ็ นรมิตปราสาททองหลงั งาม สงู เจด็ ชนั้ ประดบั ดว้ ยเพชรพลอยมีคา่ ตา่ ง ๆ

ภาคผนวก กครนั้ พอรุง่ เชา้ พระราชากบั เจา้ ชายทอดพระเนตรเห็นปราสาททองเจด็ ชนั้ สรา้ งสาเรจ็ ก็แปลกใจ แลว้

พระองคก์ ห็ นั มานกึ ถงึ สะพานทองท่ีพระองคจ์ ะตอ้ งสรา้ งก็เกิดกงั วลวา่ จะสรา้ งเสรจ็ ทนั ไดอ้ ย่างไรกนั

เจา้ ชายตจางึ ไรดาต้ งงั้ จคิตะอธแิษนฐานนขว่าอหงานกพกั รเะรอียงคนเ์ ปช็นเั้นนือ้มคัธ่กู ยบั นมาศงอกึ ทุ ยัษแาลว้ปกที็ขอี่ ใ1หเ้/ก8ดิ สิ่งท่ดี ีมาทาใหส้ ะพาน

ทองสรา้ งสาเรจ็ คาอธิษฐานของเจา้ ชายนนั้ ดงั ไปถึงพระอินทรเ์ ทวดาผเู้ ป็นใหญ่บนสวรรค์ พระอินทรจ์ งึ เนรมิต
สะพานทองใหเ้ จา้ ชาย ดงั นนั้ ในวนั รุง่ ขึน้ ก็ปรากฏสะพานทองทอดยาวเป็นทางไปสบู่ า้ นของตายายตามสญั ญา
และยงั ทอดเลยไปถงึ ปราสาทดว้ ย เจา้ ชายกบั นางอทุ ยั จึงไดอ้ ภิเษกสมรส และทงั้ สองก็อย่ดู ว้ ยกนั อย่างมี
ความสขุ

83

16. นางอุทยั อาศัยอยใู่ นรา่ งของสตั วช์ นิดใด

ก. กบ ข. เขยี ด

ค. อึ่งอา่ ง ง. คางคก

17. “นางอุทยั ” เปน็ ช่ือท่ตี ั้งตามลักษณะของนางในข้อใด

ก. ผิวของนาง ข. เลบ็ ของนาง

ค. แกม้ ของนาง ง. หนา้ ผากของนาง

18. ข้อใดเปน็ ความประทับใจท่ไี ดจ้ ากการอา่ นเร่ืองนางอุทยั มากท่สี ุด

ก. ความรักของทหารกบั เจา้ ชาย ข. ความรกั ของนางอุทัยกบั ชาวบ้าน

ค. ความรักของพระราชากับเจา้ ชาย ง. ความรกั ของนางอทุ ัยกบั สองตายาย

19. ในการสู่ขอนางอุทัย เหตใุ ดตายายจงึ ขอให้สรา้ งสะพานทองจากพระราชวังมายังบา้ นของตายาย

ก. เพราะความโลภของตายาย

ข. เพราะตายายต้องการพสิ จู น์ความรักของเจ้าชาย

ค. เพราะตายายไม่ตอ้ งการยกนางอุทยั ใหก้ ับเจา้ ชาย

ง. เพราะตายายต้องการเดนิ ทางหานางอุทยั ได้อย่างรวดเร็ว

20. ข้อใดไมไ่ ด้สะท้อนให้เห็นความเช่อื ของคนไทยในเรือ่ งนางอทุ ัยุ

ก. เทวดา ข. เวทมนตร์

ค. พรหมลขิ ิต ง. ลางสังหรณ์

84

กระดาษคำตอบ แบบทดสอบวดั ทกั ษะการอา่ นจับใจความสำคัญ
ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)

ช่อื …………………………………..นามสกลุ ……………………… ช้นั ………….. เลขท…่ี …….. ง

คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพยี งคำตอบเดียว

ขอ้ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค
1 11
2 12
3 13
4 14
5 15
6 16
7 17
8 18
9 19
10 20

85

เฉลยแบบทดสอบวัดทกั ษะการอ่านจบั ใจความสำคญั
ทดสอบกอ่ นเรียน (Pre-test)

ขอ้ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค ง
1 11
2 12
3 13
4 14
5 15
6 16
7 17
8 18
9 19
10 20

86

แบบทดสอบวัดทกั ษะการอา่ นจับใจความสำคญั
ทดสอบหลงั เรียน (Post-test)

คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบทถี่ ูกท่ีสุดแลว้ ทำเครื่องหมาย (X) ลงในกระดาษคำตอบ
ใหน้ ักเรยี นอ่านขอ้ ความต่อไปน้ี แลว้ ตอบคำถามขอ้ ที่ 1 – 5

ปลาบู่ทอง
ยงั มีหญิงสาวสวยคนหน่ึงช่ือ “เอือ้ ย” อาศยั อย่กู บั พ่อ แม่เลีย้ ง และลกู สาวของแม่เลีย้ งอีกสอง
คนช่ือ “อ่ี” และ “อา้ ย” สาเหตทุ ่ีเอือ้ ยตอ้ งอยู่กบั แม่เลีย้ งเพราะว่าแม่จริง ๆ ของเอือ้ ยนนั้ ตกนา้ ตาย แต่
ดว้ ยความรกั ลกู มาก แม่ของเออื้ ยจึงไปเกิดเป็นปลาบ่ทู อง เพ่อื จะไดม้ าอยใู่ กลๆ้ กบั ลกู ดงั นนั้ ทกุ วนั เวลา
เยน็ เออื้ ยก็จะนาราอ่อน ๆ ออกมาใหแ้ ม่ปลาบ่ทู องกนิ ท่ีท่านา้
อยมู่ าวนั หนึง่ ขณะท่ีเออื้ ยไม่อย่บู า้ น อ่ีผเู้ ป็นลกู ของแม่เลีย้ ง และเคยแอบดเู ออื้ ยนารามาใหป้ ลาบู่
ทอง จนรูว้ ่าปลาบ่ทู องเป็นแมข่ องเออื้ ยมาเกิด อ่กี ็แกลง้ เอารามาลอ่ ใหป้ ลาบ่ทู องกิน ปลาบ่ทู องไม่รู้
คิดว่าเป็นลกู เอือ้ ยของตน ก็ว่ายมากินราเหมือนเคย อ่ีไดท้ ีจบั แม่ปลาบู่ทองขึน้ มาแลว้ นาไปแกงกิน อ่ีได้
ทาเกล็ดปลาบู่ทองร่วงหล่นเอาไวส้ องเกล็ด เป็ดน้อยผูเ้ ป็นเพ่ือนของเอือ้ ยมาพบเขา้ ก็เก็บเอาไวใ้ ห้ ฝ่ าย
เอือ้ ยเม่ือกลบั มาถึงบา้ น ก็รีบไปท่ีท่านา้ ทนั ที หมายจะนารามาใหแ้ ม่ปลาบู่ทองกินเช่นทุกวนั แต่วนั นีไ้ ม่
ว่าเอือ้ ยจะเรียกเท่าใด แม่ปลาบู่ทองก็ไม่มา เอือ้ ยจึงไปถามเป็ด ถามไก่ เป็ดบอกว่าอ่ีกบั อา้ ยจบั ไปกิน
เสียแลว้ เออื้ ยไดย้ ินเช่นนนั้ ก็เสียใจมาก รอ้ งไหอ้ ย่นู าน และเอือ้ ยก็รบั เกล็ดปลาสองเกล็ดท่ีเป็ดเก็บมาให้
ไปฝังดิน เกล็ดปลาบู่ทองงอกกลายเป็นต้นมะเขือ เอือ้ ยจึงรกั ต้นมะเขือนีม้ าก พูดคุยกับแม่ท่ีกลับ
กลายเป็นตน้ มะเขือนีท้ กุ วนั เม่ืออา้ ยรูเ้ ร่ืองท่ีแม่ของเอือ้ ยมาเกิดใหม่เป็นตน้ มะเขือเขา้ ก็อิจฉา พอเอือ้ ยไม่
อย่อู า้ ยแอบมาถอนตน้ มะเขือ เอาลกู มะเขือไปกินจนหมดเพ่ือไม่ใหเ้ อือ้ ยรู้ แต่มีเมล็ดมะเขือตกดินไปสอง
เมลด็
เม่ือเอือ้ ยกลบั มาถึงบา้ น ไม่เห็นตน้ มะเขือจึงไปถามเป็ดไก่ดู เป็ดบอกว่าอา้ ยถอนตน้ มะเขือทิง้ ไป
แลว้ แต่ไดท้ าเมล็ดตกไวส้ องเมล็ด เป็ดเก็บเอาไวใ้ ห้ เอือ้ ยจึงรบั เมล็ดมะเขือไปปลกู เมล็ดมะเขือท่ีเอือ้ ย
ปลกู นนั้ ไดง้ อกขนึ้ มาเป็นตน้ โพธิ์เงินโพธิ์ทอง ตน้ โพธิท์ งั้ สองตน้ นีส้ วยงามมาก เวลาท่ลี มพดั ผา่ นก็จะเกิด
เสียงดงั คลา้ ยเสียงเพลงไพเราะดงั ไปไดไ้ กลถึงในวงั เม่อื ทา้ วพรหมทตั ผเู้ ป็นพระเจา้ แผ่นดินทรงทราบกพ็ อ
พระทยั มาก เสด็จมารบั ตน้ โพธิ์เงินโพธิ์ทองและเอือ้ ยไปอย่ใู นวงั สว่ นอ่ีกบั อา้ ยนนั้ เม่ือรูว้ ่าเอือ้ ยไดเ้ ขา้ ไป
อยู่ในวังก็ย่ิงอิจฉาริษยามากขึน้ จึงวางแผนใหค้ นไปหลอกเอือ้ ยท่ีในวงั ว่าพ่อของเอือ้ ยป่ วยหนัก เอือ้ ยรู้
ขา่ วก็รบี กลบั มาท่บี า้ น
แต่ระหว่างทางกลบั บา้ นนนั้ เอง อ่ีกบั อา้ ยไดส้ รา้ งกบั ดกั ทาใหเ้ อือ้ ยตกสะพานลงไปในกระทะรอ้ น

87

ปลาบู่ทอง (ต่อ)

แลว้ วันหน่ึง อ่ีซ่ึงปลอมตัวเป็นเอือ้ ยอยู่ ก็ไดร้ ูว้ ่านกแขกเตา้ นีเ้ ป็นเอือ้ ยท่ีมาเกิดใหม่ ดังนั้น
ขณะท่ีทา้ วพรหมทตั ออกไปคลอ้ งชา้ งในป่ า อ่ีจึงใหแ้ ม่ครวั จบั นกแขกเตา้ ไปถอนขน จะฆ่าทาเป็นแกง
นก ขณะท่ีแม่ครวั เผลอ นกแขกเตา้ หนีไปได้ ไปหลบอาศัยอย่กู บั หนู แลว้ ก็หนีต่อไปจนไปพบกบั พระ
ฤาษี พระฤาษีสงสารจึงเสกคาถาชุบตัวใหน้ กแขกเตา้ กลายเป็นหญิงสาวสวย และเสกลูกชายใหอ้ ยู่
ดว้ ยกนั อกี หน่งึ คน

อยู่มาวันหนึ่งหญิงสาวสวยหรือเอือ้ ยท่ีอาศัยอยู่กับพระฤาษีเกิดคิดถึงท้าวพรหมทัต จึงรอ้ ย
พวงมาลยั ดว้ ยดอกไมเ้ ป็นลวดลายเลา่ เรื่องของตน แลว้ ใหล้ กู ชายนาไปถวายทา้ วพรหมทตั ทนั ทีท่ีทา้ ว
พรหมทตั รบั พวงมาลยั มาทอดพระเนตร เห็นลวดลายเล่าเร่ืองถึงครง้ั ท่ีเอือ้ ยมาอยู่ดว้ ยในวงั มีตน้ โพธิ์
เงินโพธิ์ทอง ต่อมาถูกอา้ ยกบั อ่ีหลอกไปฆ่าในกระทะรอ้ น และไดก้ ลายเป็นนกแขกเตา้ จนกระท่งั ตอ้ ง
หนไี ปอย่กู บั พระฤาษี ทา้ วพรหมทตั ทรงทราบไดท้ นั ทวี ่า พวงมาลยั นมี้ าจากเออื้ ยผเู้ ป็นพระมเหสตี วั จรงิ
ของพระองค์ จึงรบั ส่งั ใหจ้ บั อ่ีและอา้ ยไปขงั เอาไวใ้ นหอ้ งใตด้ ิน และไปรบั เอือ้ ยกลบั มาอย่ดู ว้ ยกนั ในวัง
แลว้ ทงั้ ค่กู อ็ ย่ดู ว้ ยกนั อยา่ งมีความสขุ ตงั้ แต่นนั้ สืบมา

1. บิดาของเอ้ือยมภี รรยาและบุตรทัง้ หมดก่ีคน

ก. ภรรยา 1 คน บุตร 1 คน ข. ภรรยา 1 คน บตุ ร 2 คน

ค. ภรรยา 2 คน บุตร 2 คน ง. ภรรยา 2 คน บุตร 3 คน

2. สมมุตนิ กั เรียนเปน็ เออื้ ยซ่ึงต้องการปรับปรุงตนเองไม่ให้ผูอ้ ่นื รังแก นักเรยี นควรปฏิบัติตนอย่างไร

ก. ไปเรยี นศิลปะป้องกนั ตวั

ข. รจู้ ักศึกษานิสัยใจคอของผู้อน่ื

ค. ปรับปรุงบุคลกิ ภาพใหเ้ ข้มแขง็

ง. รู้จกั ระมดั ระวงั ตวั จากบคุ คลทีไ่ ม่เป็นมิตร

88

3. ขอ้ ใดมใิ ชล่ ักษณะนสิ ัยของเออื้ ย

ก. หยิ่งทะนง ข. เมตตากรณุ า

ค. สภุ าพเรียบรอ้ ย ง. กตัญญตู อ่ บิดามารดา

4. เรื่องปลาบู่ทองให้ขอ้ คิดคติสอนใจท่ีตรงกับสำนวนในขอ้ ใด

ก. ทำดไี ด้ดี ทำชวั่ ไดช้ ั่ว ข. คับที่อยู่ได้ คบั ใจอยยู่ าก

ค. รกั ดหี ามจ่ัว รักชั่วหามเสา ง. สวรรค์อยใู่ นอก นรกอยใู่ นใจ

5. เร่อื งปลาบทู่ องให้คณุ คา่ ในการดำเนินชีวติ เร่ืองใดมากที่สุด

ก. การศึกษา ข. การประพฤตติ น

ค. การเลอื กคคู่ รอง ง. การประกอบอาชีพ

ใหน้ กั เรียนอ่านข้อความตอ่ ไปน้ี แล้วตอบคำถามข้อที่ 6 – 10

นางพกิ ลุ ทอง
กาลครงั้ หน่ึงนานมาแลว้ มีหญิงสาวสวย คนหน่ึงช่ือว่า “พิกุล” กล่าวกันว่าเธอมีความสวยทงั้ หนา้ ตา

และ กริ ยิ ามรรยาท มารดาของเธอตายตงั้ แต่เธอยงั เล็กมาก ดงั นนั้ เธอจึงไดร้ บั การเลีย้ งดจู ากแม่เลีย้ งซ่งึ เธอเอง

ก็มีลกู สาวคนหน่ึง ช่ือว่า “มะลิ” แต่กโ็ ชครา้ ยท่ีว่าทงั้ แม่เลีย้ งและลกู สาวของเธอนนั้ เป็นคนใจรา้ ย ทงั้ ค่จู ะบงั คบั

ใหพ้ กิ ลุ ทางานหนกั ทกุ วนั

อย่มู าวนั หนึ่ง หลงั จากตาขา้ วเสรจ็ แลว้ พิกุลก็ออกไปตกั นา้ ท่ีลาธารซ่งึ อยู่ไม่ไกลจากบา้ นนกั ในขณะ

เดนิ ทางกลบั ทนั ใดนนั้ ก็มีหญิงชราคนหนง่ึ ปรากฏอย่เู บอื้ งหนา้ ของพิกลุ และขอนา้ เธอดม่ื พกิ ลุ ดีใจมากท่ไี ดช้ ว่ ย

หญิงชราคนนนั้ เธอเอานา้ ใหห้ ญิงชราและบอกใหเ้ ธอเอานา้ ไปอีกเพ่ือจะไดล้ า้ งหนา้ และลา้ งตวั ใหส้ ดช่ืน พิกุล

บอกหญิงชราว่าไมต้ อ้ งห่วงเพราะถา้ นา้ ไม่พอเธอจะไปตักมาอีก หญิงชรายิม้ และกล่าวว่า “เธอน่ีนอกจากจะ

สวยแลว้ ยงั ใจดอี กี ถงึ แมว้ ่าฉนั จะดยู ากจน และมอมแมมเธอกป็ ฏบิ ตั กิ บั ฉนั เป็นอยา่ งดี”

หลงั จากกลา่ วช่ืนชมพกิ ลุ แลว้ หญิงชราก็ใหพ้ รวิเศษกบั เธอ และดว้ ยอานาจของพรวเิ ศษนจี้ ะทาใหด้ อก

พิกุลทองคาร่วงออกมาจากปากของเธอ …เม่ือใดก็ตามท่ีเธอรูส้ ึกสงสารใครหรือสิ่งใด …หลงั จากหญิงชราให้

พรวิเศษแก่พิกุลแลว้ ก็หายวบั ไปต่อหน้าต่อตาของเธอ …พิกุลก็รูท้ ันทีว่าแทท้ ่ีจริงแลว้ หญิงผูน้ ัน้ เป็นนางฟ้า

จาแลงมาใหพ้ รวิเศษแก่ตน ทนั ทีท่ีกลบั ถึงบา้ นชา้ เธอก็ถกู แม่เลีย้ งดดุ ่าว่าไปเถลไถลเพ่ือหนีงาน ดงั นนั้ พิกลุ จึง

เล่าเรื่องทั้งหมด ใหผ้ ูเ้ ป็นแม่เลีย้ งฟังพรอ้ มกับเกิดความรูส้ ึกสงสารในขณะเล่าจึงทาใหด้ อกพิกุลทองคาร่วง

ออกมาจากปากของเธอดว้ ย แม่เลีย้ งจอมละโมบก็เปลี่ยนอารมณจ์ ากโกรธเป็นละโมบในทนั ทีพรอ้ มกบั ตะครุบ

ดอกพิกลุ ทองทงั้ หมดไวใ้ นขณะท่ีปากก็ส่งั ใหพ้ กิ ลุ พดู ตอ่ ไปเรอ่ื ยๆ เพ่อื สนองความละโมบของเธอน่นั เอง

นบั จากวันนนั้ เป็นตน้ มา แม่เลีย้ งของพิกุลก็เก็บรวบรวมดอกพิกุลทองคาไวใ้ หม้ ากท่ีสดุ เท่าท่ีจะทาได้

เพ่ือนาไปขายและไดเ้ งินมามากมาย ชีวิตทุกคนตอนนีก้ ็มีความเป็นอยู่ท่ีดีขึน้ พิกุลเองก็ไม่ตอ้ งทางานหนัก

เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ถูกบงั คับใหพ้ ดู ทงั้ วันเพ่ือใหด้ อกพิกุลทองคาออกมาจากปากของเธอมากๆ น่นั เอง พิกุล

89

นางพกิ ลุ ทอง (ต่อ)

เม่อื กลบั มาถึงบา้ นมะลิก็เลา่ เรอ่ื งทงั้ หมดใหผ้ เู้ ป็นแม่ฟังและดว้ ยความโกรธ ในขณะเลา่ เร่อื งนนั้
ก็ทาให้บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยตัวหนอน ผู้เป็นแม่คิดว่าพิกุลอิจฉาลูกสาวของตน ดังนั้นจึงแกล้ง
บิดเบือนเร่ืองท่ีเล่าจึงเป็นเหตุใหล้ ูกสาวของตนไม่ไดพ้ บกับ หญิงชราแม่เลีย้ งจึงทุบตีพิกุลและไล่เธอ
ออกจาก

บา้ นไป

ดว้ ยความเสียใจอย่างสุดซึง้ พิกุลจึงท่องเท่ียวไปในป่ า แต่เพียงลาพัง โชคดีท่ีว่าเธอเดินไปใน
ทิศทางท่ี เจา้ ชายหนุ่มกาลงั เพลิดเพลินอยู่กับการข่ีมา้ ประพาสป่ ากับขา้ ราชบริพารผ่าน มาพอดีเม่ือ
ทอดพระเนตรเห็นสาวน่ังรอ้ งไหอ้ ยู่ทรงถามเรื่องราวความเป็นมาทั้ง หมด ทนั ทีท่ีพดู จบท่ีบริเวณนนั้ ก็
เต็มไปดว้ ยดอกพิกุลทองคา …เจา้ ชายดีพระทัยย่ิงนัก จึงขอนางอภิเษกสมรสดว้ ยและหลงั จากการ
อภิเษกสมรสทงั้ สองพระองคก์ ็ได้ ขึน้ ครองราชยแ์ ละปกครองเมืองของพระองคด์ ว้ ยความรม่ เย็นเป็นสขุ
6ต. ลเพอรดามะาเหตใุ ดจึงเรยี กนางพกิ ุลว่า “นางพกิ ลุ ทอง”

ก. เพราะนางประพฤติตนไม่ดใี นการเลือกคู่ครอง

ข. เพราะนางชอบใส่เครื่องประดับทที่ ำดว้ ยทองเปน็ จำนวนมาก

ค. เพราะต้องการใหส้ มกับฐานะในตำแหน่งมเหสขี องพระราชา

ง. เพราะทุกครัง้ ทนี่ างพดู จะมีดอกพกิ ลุ ทองร่วงหลน่ ออกมาจากปากนาง

7. สมมตุ ใิ หน้ กั เรียนเปน็ นางมะลิ นักเรียนจะประกอบอาชีพอะไรจงึ จะได้ประโยชน์จากคำสาปทไี่ ด้รับ

ก. ทำสวน ไร่ นา ข. ขดุ บ่อเล้ยี งปลา

ค. ประกอบอาหาร ง. เปิดรา้ นขายทอง

90

8. เหตุใดนางมะลจิ งึ ได้รบั คำสาปแทนที่จะได้รบั พรเหมอื นนางพกิ ุล

ก. เพราะนางมะลิปฏบิ ัตติ นไม่ดตี ่อผู้อนื่

ข. เพราะนางพกิ ลุ มีโอกาสได้ขอพรก่อน

ค. เพราะนางมะลิมีรปู ร่างหน้าตาเหมอื นแมม่ าก

ง. เพราะนางพกิ ุลมีความอดทนมากกว่านางมะลิ

9. ข้อใดมิใชป่ ระโยชนท์ ไี่ ดร้ ับจากเร่อื งพิกลุ ทอง

ก. สอนใหร้ ักบดิ ามารดา ข. สอนใหเ้ ปน็ ผมู้ ีน้ำใจต่อผู้อื่น

ค. สอนให้พดู จาไพเราะอ่อนหวาน ง. สอนใหป้ ระพฤตปิ ฏิบตั ิดีต่อผู้อ่ืน

10. จากข้อความในเรือ่ งนางพิกลุ ทอง ข้อความใดทเ่ี ปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ

ก. หญงิ หมา้ ยผู้เปน็ แม่รักมะลมิ ากกวา่ พกิ ุล

ข. หญิงหม้ายมกั แกลง้ ใช้พกิ ุลให้ทำงานหนกั ทกุ อย่างในบ้าน

ค. พระพชิ ัยมงกุฎเหน็ พิกลุ มีรูปโฉมสวยงามและลกั ษณะกริ ิยาเรียบรอ้ ยกน็ ึกรกั

ง. หญงิ หม้ายเห็นดอกพิกุลทองซง่ึ เปน็ ทองจริง ๆ มสี ีเหลอื งอรา่ มรว่ งออกมาจากปาก

ใหน้ ักเรยี นอา่ นขอ้ ความต่อไปนี้ แล้วตอบคำถามข้อท่ี 11 – 15

นางอทุ ัย

มีเด็กหญิงคนหนึ่ง ซ่งึ เป็นบุตรสาวของรุกขเทวดากบั นางนาคท่ีอาศยั อย่ใู ตน้ า้ ในโลกบาดาล ตอ้ งมาพลดั

หลงอย่บู นโลกมนุษย์ เด็กหญิงจึงตอ้ งอาศยั หลบอย่ใู นร่างของคางคก

วนั หน่งึ ตากลุ โกถาดกบั ยายกาวนั สองคนตายายออกจบั ปลามาพบคางคกท่เี ด็กหญิงอาศยั รา่ งหลบอยู่

เขา้ เด็กหญิงก็ไดอ้ อ้ นวอนตายายว่า “ตาจา๋ ยายจ๋า ใหห้ ลานไปอยดู่ ว้ ยคนเถิดนะ เม่ือเติบโตหลานจะขอ

ทดแทนบญุ คณุ ตากบั ยายต่อไป” สองตายายเม่ือไดย้ นิ คางคกพดู ไดก้ ็แปลกใจและเกดิ มใี จเมตตาสงสาร จงึ รบั ไป

อย่ดู ว้ ยกนั

รุง่ เชา้ ตากบั ยายก็ออกไปหาผกั หาปลาเหมือนทกุ วนั เด็กหญิงเห็นบา้ นปลอดคนแลว้ จึงออกมาจากรา่ ง

คางคก เธอจดั การทาความสะอาดบา้ นและเสกขา้ วปลาอาหารท่อี ร่อย ๆ มาเตรยี มไวใ้ หต้ ากบั ยาย เม่ือตากบั ยาย

กลบั มาถึงบา้ นในเวลาเยน็ ทงั้ สองพบว่าบา้ นสะอาด และมอี าหารรสอรอ่ ยมากมายเตรยี มไวแ้ ลว้ กร็ ูส้ กึ แปลกใจ

ยิ่งนกั ตากบั ยายจงึ ตกลงกนั ว่าในวนั พรุง่ นีจ้ ะแอบดวู า่ ใครเป็นคนทาสิ่งเหลา่ นี้ วนั รุ่งขึน้ ตากบั ยายก็ทาทีเหมือน

ออกไปหาผกั หาปลาตามปกติ แตท่ งั้ สองไดเ้ ดินยอ้ นกลบั มาแอบดอู ยนู่ อกบา้ น กร็ ูว้ ่าเด็กหญิงน่ารกั ท่ีออกมาจาก

รา่ งของคางคกเป็นคนทางานบา้ นเหล่านนั้ ตากบั ยายไดอ้ อกมาจากท่ซี ่อนแลว้ พดู ขอใหเ้ ด็กหญิงออกมาเสยี จาก

รา่ งคางคก แตเ่ ด็กหญิงก็ไม่ยอม เธอหนีกลบั เขา้ ไปอย่ใู นรา่ งคางคกอีก

เวลาผา่ นไปหลายปี เด็กหญิงในรา่ งคางคกกเ็ ติบโตเป็นสาวสวย นางมีความงามอย่างมาก ผวิ นนั้ ขาว

เหลืองเหมือนแสงอาทิตยย์ ามอทุ ยั นางจึงไดช้ ่ือว่า “นางอทุ ยั ”

จนกระท่งั วนั หนึง่ เป็นวนั พระ ชาวบา้ นไดม้ าชวนตายายไปฟังเทศนท์ ่วี ดั นางอทุ ยั ทราบเขา้ ก็ศรทั ธาขอไป

91

นางอุทัย (ตอ่ )

ครนั้ พอรุง่ เชา้ พระราชากบั เจา้ ชายทอดพระเนตรเหน็ ปราสาททองเจด็ ชนั้ สรา้ งสาเรจ็ ก็แปลกใจ
แลว้ พระองคก์ ็หนั มานกึ ถงึ สะพานทองท่ีพระองคจ์ ะตอ้ งสรา้ งก็เกดิ กงั วลว่าจะสรา้ งเสรจ็ ทนั ไดอ้ ยา่ งไรกนั

เจา้ ชายจงึ ไดต้ งั้ จิตอธิษฐานว่า หากพระองคเ์ ป็นเนือ้ ค่กู บั นางอทุ ยั แลว้ ก็ขอใหเ้ กดิ สง่ิ ท่ดี มี าทาให้
สะพานทองสรา้ งสาเรจ็ คาอธิษฐานของเจา้ ชายนนั้ ดงั ไปถงึ พระอินทรเ์ ทวดาผเู้ ป็นใหญ่บนสวรรค์ พระ

\อนิ ทรจ์ งึ เนรมิตสะพานทองใหเ้ จา้ ชาย ดงั นนั้ ในวนั รุง่ ขึน้ ก็ปรากฏสะพานทองทอดยาวเป็นทางไปสบู่ า้ น

ของตายายตามสญั ญา และยงั ทอดเลยไปถึงปราสาทดว้ ย เจา้ ชายกบั นางอทุ ยั จึงไดอ้ ภเิ ษกสมรส
และทงั้ สองก็อย่ดู ว้ ยกนั อยา่ งมคี วามสขุ

11. นางอุทยั อาศยั อยใู่ นร่างของสตั วช์ นิดใด

ก. กบ ข. เขยี ด

ค. องึ่ อา่ ง ง. คางคก

12. “นางอุทัย” เปน็ ชื่อท่ตี ั้งตามลกั ษณะของนางในขอ้ ใด

ก. ผวิ ของนาง ข. เลบ็ ของนาง

ค. แก้มของนาง ง. หนา้ ผากของนาง

13. ข้อใดเป็นความประทบั ใจท่ีไดจ้ ากการอา่ นเรอื่ งนางอุทัยมากทีส่ ุด

ก. ความรกั ของทหารกับเจา้ ชาย ข. ความรกั ของนางอทุ ยั กับชาวบา้ น

ค. ความรักของพระราชากับเจา้ ชาย ง. ความรกั ของนางอุทยั กับสองตายาย

14. ในการสขู่ อนางอุทัย เหตุใดตายายจึงขอให้สรา้ งสะพานทองจากพระราชวังมายังบ้านของตายาย

ก. เพราะความโลภของตายาย

ข. เพราะตายายตอ้ งการพสิ ูจน์ความรักของเจ้าชาย

ค. เพราะตายายไม่ตอ้ งการยกนางอุทัยใหก้ ับเจ้าชาย

ง. เพราะตายายต้องการเดินทางหานางอุทัยได้อยา่ งรวดเร็ว

15. ข้อใดไมไ่ ด้สะท้อนใหเ้ ห็นความเชื่อของคนไทยในเรอ่ื งนางอทุ ัยุ

ก. เทวดา ข. เวทมนตร์

ค. พรหมลิขติ ง. ลางสังหรณ์

92

ใหน้ ักเรียนอา่ นขอ้ ความตอ่ ไปน้ี แล้วตอบคำถามข้อที่ 16 – 20

ท่าเตยี น
ยงั มีรูปป้ันยกั ษอ์ ย่สู องพวก พวกแรกเป็นยกั ษว์ ดั แจง้ มี 2 ตน รูปรา่ งเป็นยกั ษไ์ ทยตวั ใหญ่เขีย้ วแหลมโงง้
ถือไม้กระบองสีขาวเป็นอาวุธ มีใบหน้าสีเขียว อีกตนหน่ึงมีหน้าสีขาว ยืนเฝ้าอยู่ท่ีวัดแจง้ หรือท่ีมีช่ือเป็น
ทางการว่า “วดั อรุณราชวราราม” อย่รู มิ แม่นา้ เจา้ พระยาฝ่ังธนบุรี ส่วนยกั ษอ์ ีกพวกหน่ึงเป็นยกั ษว์ ดั โพธิ์มี ภ ตน
รูปรา่ งเป็นยกั ษไ์ ทยเช่นกนั แต่ตวั มีขนาดเลก็ กว่า
ตนหนงึ่ มีหนา้ สแี ดงช่อื “พญาแสงอาทิตย”์
ตนท่สี องมหี นา้ สเี ขียวช่อื “พญาไมยราพณ”์
อกี ตนหน่ึงมีหนา้ สเี ทาช่ือ “พญาขร”
ตนสดุ ทา้ ยมหี นา้ สเี นอื้ ช่ือ “พญาสทั ธาสรู ”
ยกั ษ์พวกนีย้ ืนเฝ้าอยู่ท่ีวดั โพธิ์ หรือท่ีมีช่ือเป็นทางการว่า “วดั พระเชตพุ นวิมลมงั คลาราม” อยู่รมิ แม่นา้
เจา้ พระยาฝ่ังพระนคร วนั หน่งึ ขณะท่ียกั ษท์ งั้ สองตา่ งก็ยืนเฝา้ วดั ของตนอยนู่ นั้ ยกั ษว์ ดั โพธิ์ก็ตะโกนขา้ มฝ่ังแม่นา้
คยุ กบั ยกั ษว์ ดั แจง้ ว่า “น่ี...น่ี...เราเห็นพวกเจา้ ยืนถือกระบองอย่ทู กุ วนั เจา้ เฝ้ารกั ษาอะไรในวดั หรือ”ยกั ษ์วดั แจง้
จงึ ตะโกนตอบไปวา่ “พวกเราเฝา้ พระธรรมคาส่งั สอนของพระพทุ ธเจา้ ซ่งึ เป็นสิง่ สาคญั ท่สี ดุ ” แลว้ ยกั ษว์ ดั แจง้ ก็
ถามยกั ษ์วดั โพธิ์กลบั ไปว่า “แลว้ พวกเจา้ ทงั้ 4 ตนละ่ ยืนเฝ้าอะไรในวัดอยู่” “พวกเราเฝา้ สิ่งสาคญั กว่าก็คือพระ
พทุ ธยงั ไงละ่ ” ยกั ษว์ ดั โพธิต์ อบ
ยกั ษ์วดั แจง้ ไดย้ ินเขา้ รูส้ ึกไม่พอใจบอกว่า “ไม่จริงหรอก พระพทุ ธไม่ใช่ส่ิงสาคัญท่ีสุด พระธรรมท่ีเรา
เฝ้าน่ีสิสาคญั ท่ีสดุ พระในวดั และผูค้ นยงั ปฏิบตั ิตามพระธรรมเลย” ยกั ษ์วัดโพธิ์ไดย้ ินดังนั้นก็เร่มิ ไม่พอใจบา้ ง
จึงพดู วา่ “พระพทุ ธสิสาคญั ท่ีสดุ ผคู้ นมากราบไหวพ้ ระพทุ ธกนั ทกุ วนั ”
ทงั้ ยกั ษ์วดั โพธิ์และยกั ษ์วดั แจง้ ต่างก็คิดว่าสิ่งท่ีฝ่ายตนยืนเฝา้ อย่นู นั้ สาคญั ท่ีสดุ เถียงกนั ไปเถียงกนั มาก็
โกรธกนั เจา้ ยักษ์วดั แจง้ ทงั้ 2 ตน ไดเ้ หาะขา้ มแม่นา้ มาพบกบั ยกั ษว์ ดั โพธิ์ท่ีบริเวณใกล้ ๆ กบั วดั โพธิ์ แลว้ ยกั ษ์
ทงั้ สองฝ่ ายก็เขา้ ต่อสกู้ ันอย่างดเุ ดือด เสียงต่อสดู้ ว้ ยกระบองของยกั ษ์ทงั้ 2 ฝ่ายดงั สน่นั ตน้ ไมใ้ หญ่นอ้ ยหกั โค่น
ลม้ ลงเป็นจานวนมาก ทาใหบ้ รเิ วณนนั้ กลายเป็นท่เี ตียนโลง่
เวลาผ่านไปหลายวนั ยกั ษ์ทงั้ สองพวกท่ีต่อสกู้ นั มานานก็เร่มิ เหน่ือยและต่างก็เห็นว่าคงไม่มีใครแพช้ นะ
จึงเลิกสกู้ นั พระสงฆร์ ูปหน่ึงเหน็ ยกั ษท์ งั้ สองพวกหายโกรธแลว้ พอท่ีจะพดู จากนั รูเ้ รอ่ื ง จงึ เขา้ ไปส่งั สอนว่า “อนั
ท่จี ริง ทงั้ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ กส็ าคญั ทงั้ สิน้ เรยี กว่า พระรัตนตรยั พระพทุ ธเจา้ เป็นศาสดาของ
ศาสนาพทุ ธ พระธรรมเป็นคาส่งั สอนของพระพทุ ธเจา้ ท่ีใหท้ กุ คนเป็นคนดี และพระสงฆเ์ ป็นผสู้ ืบทอดพระธรรม
คาส่งั สอน จึงตอ้ งมีทงั้ สามอย่าง จะขาดอย่างใดอย่างหน่ึงไม่ได้” “พวกเจา้ ก็เหมือนกนั ต่างฝ่ ายต่างมีหนา้ ท่ี
เฝา้ สิ่งสาคญั คนละอยา่ ง ถา้ ขาดไปฝ่ายหนึง่ ก็จะไมม่ ีใครเฝา้ ดงั นีจ้ งไปทาหนา้ ท่ขี องตนใหด้ เี ถดิ ”


Click to View FlipBook Version