รายงาน เรื่อง การโยนบัวหรือรับบัว จัดทำโดย นางสาวกัญญาณัฐ เกตุศรี นำ เสนอ คุณครูกนกพร คำ ลือไชย ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนลาดยาววิทยาคม
ประวัติความเป็นมา ประเพณีรับบัวโยนบัวเป็นประเพณีประจำ ท้องถิ่นของชาวอำ เภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดมาแต่โบราณโดยมิได้ปรากฏหลักฐานว่ามีมาแต่ยุคใดสมัยใดมีข้อ สันนิษฐานความเป็นมาจากผู้เฒ่าผู้แก่บางพลีว่าเกิดขึ้นประมาณ80ปีมาแล้วเพื่อเป็นการนมัสการหลวงพ่อ โตเล่ากันว่าเป็นพี่น้องกับหลวงพ่อโสธรแปดริ้วริ้และหลวงพ่อวัดบ้านแหลมสมุทรสงครามตำ นานกล่าวว่า หลวงพ่อโตลอยตามน้ำ เจ้าพระยามาหยุดที่ปากคลองสำ โรงลอยอยู่แถวๆนั้นเป็นการแสดงเจตจำ นงอัน แน่วแน่ว่าจะจำ พรรษาอยู่ละแวกนั้นอย่างแน่นอนชาวบ้านจึงช่วยกันชักรั้งนิมนต์เข้ามาจนถึงวัดบางพลี ใหญ่ในซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปัจจุบันแล้วอัญเชิญขึ้นไว้ในโบสถ์ หลวงพ่อโตจึงเป็นหลวงพ่อของชาวบางพลี ตั้งแต่นั้นมาหลังจากนั้นทุกๆปีชาวบางพลีจะนิมนต์หลวงพ่อขึ้นเรือรืแล่นไปให้ชาวบ้านได้นมัสการโดยครั้ง แรกทำ เป็นรูปจำ ลองโดยเอาไม้ไผ่มาสานเป็นโครงรูปองค์พระพุทธรูปปิดหุ้มด้วยกระดาษทองชาวบ้านจะ พากันคอยนมัสการหลวงพ่ออยู่ริมริคลองต่างก็จะเด็ดดอกบัวริมริน้ำ แล้วโยนเบาๆขึ้นไปบนเรือรืหลวงพ่อการ รับบัวโยนนี้แต่เดิมคงเล่นกันมาก่อนที่จะกลายเป็นประเพณีนมัสการหลวงพ่อโตเพราะตามคำ เล่าต่อๆกัน มาเล่าว่านสมัยก่อนท้องที่อำ เภอบางพลีเป็นแหล่งที่มีดอกบัวหลวงชุกชุมและมีมากในฤดูฝนดังนั้นการ บำ เพ็ญกุศลในเทศกาลออกพรรษาประชาชาชนต่างท้องที่ที่อยู่ใกล้เคียงกับอำ เภอเมืองบางพลีโดยเฉพาะ ชาวอำ เภอเมืองสมุทรปราการกับชาวอำ เภอพระประแดงจึงพากันไปหาดอกบัวหลวงในท้องที่อำ เภบางพลี
ในสมัยแรก ๆ คงจะไปเที่ยวเก็บกันเองตามลำ คลองหนองบึงต่าง ๆ แต่ในสมัยต่อมา ชาวบางพลีได้เก็บหรือรืจัดเตรียรีมดอกบัวหลวงไว้สำว้ สำหรับแจกชาวต่างบ้านที่ต้องการโดยไม่ คิดมูลค่าเป็นการอำ นวยความสะดวกให้แก่กันหรือรืเพื่อหวังวับุญกุศลร่วมกัน อันกลายมา เป็นประเพณีที่เรียรีกว่าว่ "รับบัว"แต่ปัจจุบันนี้ชาวต่างท้องที่ดูจะไม่สนใจที่จะไปหาดอกบัว หลวงที่ท้องอำ เภอบางพลีเหมือนสมัยก่อน ทางราชการอำ เภอบางพลีก็คงจัดให้มีการรับ บัวขึ้นเพื่อรักษาและส่งเสริมริประเพณีดั้งเดิมให้คงอยู่ต่อไปในสมัยก่อนนั้นในแถบอำ เภอ บางพลี มีประชาชนอยู่อาศัยเป็น3พวกคือคนไทยรามัญและคนลาว แต่ละพวกก็มีหัวหน้า ควบคุมดูแล และทำ มาหากินต่างกัน ต่อมาทั้ง 3 กลุ่มได้ปรึกรึษาที่จะร่วมแรงร่วมใจกันหัก ร้างถางพงให้กว้าว้งขวางยิ่งขึ้นเพื่อทำ ไร่และทำ สวนต่อและเมื่อถางป่ามาถึงทาง3แยกซึ่ง ตกลงกันจะแยกทำ มาหากินไปคนละทางพวกรามัญที่แยกกันไปทำ มาหากินทางคลอง ลาดกระบังทำ อยู่ได้2-3ปีก็ไม่ได้ผล เพราะนกและหนูชุกชุมรบกวน จนพืชผลเสียหายมาก เมื่อทำ มาหากินไม่ได้ผล พวกรามัญก็ปรึกรึษากันเตรียรีมตัวอพยพกลับถิ่นเดิมคือปากลัด และเริ่มริ่อพยพในตอนเช้ามืดของเดือน11ขึ้น14ค่ำ ก่อนไปได้เก็บดอกบัวในบึงบริเริวณนั้นไป มากมาย คนไทยที่คุ้นกับพวกรามัญก็บอกว่าว่จะเอาไปบูชาพระคาถาพันที่ปากลัด และ ชักชวนคนไทยที่รักและสนิทชิดชอบกันว่าว่ ในปีต่อไป พอถึงเดือน11ขึ้น14ค่ำ ให้คนไทยเก็บ ดอกบัวรวบรวมไว้ที่ว้ ที่วัดวัหลวงพ่อโตด้วยแล้วพวกตนจะมารับในปีต่อมาพอถึงกำ หนดเดือน 11ขึ้น14ค่ำ คนไทยก็ช่วยกันเก็บดอกบัวรวบรวมไว้ที่ว้ ที่บางพลีใหญ่ในตามคำ ขอร้องของพวก รามัญ พวกรามัญก็มารับดอกบัวไปทุกปี
พวกรามัญที่มารับดอกบัวนั้นมาโดยเรือรืขนาดใหญ่จุคน 50-60 คน โดยจะมาถึง ตี 3-4 และเมื่อมาถึงวัดวัก็ตีฆ้องร้องรำ ทำ เพลงและการละเล่นต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน พวกที่มาคอยรับพลอยเล่นกันสนุกสนานไปด้วย และคนไทยจึงได้เตรียรีมอาหารคาวหวาน ไปเลี้ยงรับรองโดยใช้ศาลาวัดวัเป็นที่เลี้ยงอาหารกัน เมื่ออิ่มหนำ สำ ราญดีแล้วพวกรามัญ นำ ดอกบัวไปบูชาหลวงพ่อโต และนำ น้ำ มนต์ของหลวงพ่อกลับไปเพื่อเป็นสิริมริงคล ส่วน ดอกบัวที่เหลือพวกรามัญก็นำ กลับไปบูชาพระคาถาพัน ที่วัดวัของตนต่อไป นี่เป็นที่มาของ ประเพณีรับบัวที่รับรู้และปฏิบัติสืบต่อกันมาสำ หรับประชาชนทั่วไป ทั้งชาวต่างบ้านและ ชาวบางพลีเองก็จะไปเที่ยวดูงานโยนบัวและรับบัว และเที่ยวดูการละเล่น หรือรืกิจกรรม ต่าง ๆ ที่ทางอำ เภอจัดขึ้น เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินเท่านั้น พอถึงวันวัขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปีชาวอำ เภอเมืองสมุทรปราการและชาวอำ เภอพระประแดงจะชักชวน พวกพ้องเพื่อนฝูงพากันลงเรือรืเป็นเรือรืพายบ้าง เรือรืแจวบ้าง ลำ เล็กบ้าง ลำ ใหญ่บ้าง และ ต่างก็นำ เครื่อรื่งดนตรีต่รีต่างๆไปด้วยเช่นซอปี่กระจับโทนรำ มะนาโหม่งกรับฉิ่งฉาบ เป็นต้น แล้วแต่ใครจะถนัด หรือรืมีเครื่อรื่งดนตรีชรีนิดไหนพายกันไปแจวกันไปร้องรำ ทำ เพลงกันไป เป็นที่สนุกสนานตลอดระยะทางและเป็นเช่นนี้ตลอดคืนซึ่งบางพวกจะผ่านมาทางลำ แม่น้ำ เจ้าพระยาบางพวกจะผ่านมาทางลำ คลองอื่น ๆ เข้าคลองสำ โรงและมุ่งไปยังหมู่บ้าน บางพลีใหญ่สำ หรับชาวบางพลีก็จะถือปฏิบัติกันเป็นประเพณีว่าว่เมื่อถึงวันวัขึ้น13ค่ำ เดือน11ก็จะต้องหาดอกบัวหลวงสำ หรับไว้มว้อบให้แก่ชาวต่างบ้านที่ต้องการมิตรต่างบ้าน มาเยือนในโอกาสเช่นนั้นก็แสดงมิตรจิตต้อนรับ จัดหาสุราอาหารมาเลี้ยงดูกัน ตั้งแต่ตอน ค่ำ ของวันวัขึ้น13ค่ำ เดือน11ส่วนพวกที่มารับบัวคนใดที่รู้จักมักคุ้นกับชาวบางพลีผู้เป็น เจ้าของบ้าน ก็จะพากันขึ้นไปเยี่ยมเยือนบ้านนั้นบ้านนี้
ต่างก็จะสนุกสนานร้องรำ ทำ เพลงและรับประทานสุราอาหารร่วมกันตลอดคืน พอเช้าตรู่ของวันขึ้น14ค่ำ เดือน11ชาวต่างบ้านก็จะนำ เรือรืของตนไปตามลำ คลอง สำ โรงและไปขอรับบัวจากชาวบ้านบางพลีทั้งสองฝั่งคลองการให้และรับดอกบัวก็จะ กระทำ อย่างสุภาพคือส่งและรับกันมือต่อมือหรือรืก่อนจะให้กันยกมือพนมอธิษฐาน เสียก่อน ระหว่างชาวบ้านบางพลีกับชาวบ้านต่างที่สนิทสนมคุ้นเคยกันนี้เองเมื่อนาน เข้าก็ค่อยกลายเป็นความนิยมกันเป็นการทั่วไปการให้และรับกันแบบมือต่อมือจึง เปลี่ยนไปจนมีการนำ มาพูดในตอนหลังว่า"โยนบัว"แทนคำ ว่า"รับบัว"การรับดอกบัว ของชาวต่างบ้านจากชาวบางพลีจะสิ้นสุดลงเมื่อเวลา08.00น.หรือรื09.00น.และชาว ต่างบ้านก็จะพากันกลับตอนขากลับนี้จะมีการแข่งเรือรืกันไปด้วยแต่เป็นการแข่งกัน โดยไม่มีเส้นชัยไม่มีกรรมการตัดสินและไม่มีการแบ่งประเภท หรือรืชนิดของเรือรื ใคร พอใจจะแข่งกับใครเมื่อไรที่ใดก็แข่งขันกันไป หรือรืเปลี่ยนคู่แข่งขันไปเรื่อรื่ย ๆ ตามแต่ จะสะดวกหรือรืตกลงกันดอกบัวที่ชาวต่างบ้านได้รับจากชาวบางพลีนั้นก็จะนำ ไปบูชา พระในวันเทศกาลออกพรรษาตามวัดในหมู่บ้านของตนส่วนใหญ่จะนำ ไปบูชา พระสมุทรเจดีย์ที่ปากแม่น้ำ เจ้าพระยาอำ เภอเมืองสมุทรปราการ
ขั้นตอนการทำ สำ หรับ“ประเพณีรับบัว”เริ่มริ่ต้นด้วยขั้นตอนเตรียรีมดอกบัวของชาวบ้าน บางพลี โดยเอาดอกบัวหลายดอกเสียบไว้ใว้นใบบัวแล้วเอาใบบัวห่อไว้เว้พื่อไม่ให้ ดอกบัวเหี่ยว เมื่อถึงเวลาเย็นชาวตำ บลต่าง ๆ ก็จะพากันไปยังตำ บลบางพลี ใหญ่ ช่วยกันพายเรือรืที่ ตกแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งในตอนกลางคืนมีการจับคู่ ร้องเพลงเรือรืลำ ตัดตามแต่ถนัดฝ่ายชาวบ้านบางพลีใหญ่ ก็จะตกแต่งบ้าน เรือรืนด้วยธง ทิวโคมบัว และเล่นจนถึงสว่าว่งส่วนบริเริวณที่เล่นคือคลองสำ โรง และในตอนเช้าของวันวัรุ่งขึ้นในวันวัขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ก็จะมีการโยนบัวลงไปใน ขบวนเรือรืขบวนแห่พระพุทธรูปโดยอัญเชิญหลวงพ่อโตจำ ลองลงไว้ใว้นเรือรื โดยเรือรืจะแล่นไปตามคลองสำ โรงเพื่อให้ประชาชนได้บูชา ซึ่งประชาชนจะโยน ดอกบัวลงไปในเรือรืแห่หลวงพ่อโต และในเรือรืที่ชาวบ้านมาร่วมงาน
ประเพณีรับบัว มีความสำ คัญในด้านความเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษ ของชาวบางพลีได้มอบไว้ให้ลูกหลานของตน มีความสำ คัญทางประวัติศาสตร์อัน แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ชุมชนและความหลากหลายทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ แสดงให้เห็นถึงแบบอย่างของภูมิปัญญาบรรพบุรุษที่ได้ร่วมกันสร้าง อัตลักษณ์ ชุมชนบนพื้นฐานของความเป็นกัลยาณมิตร เอื้ออาทรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้ง อาชีพการงาน ตลอดจนความเชื่อในเรื่อรื่งบุญกุศลทั้งภพนี้และภพหน้า ซึ่งในปัจจุบัน ประเพณีรับบัวเป็นประเพณีหนึ่งเดียวในโลก ที่มีประชาชนเรือรืนหมื่นทั้งในพื้นที่ จังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดใกล้เคียงต่างพากันมานมัสการหลวงพ่อโต โดยจะมี การอัญเชิญองค์หลวงพ่อโตจำ ลอง ลงเรือรืบุษบกแห่ไปตามลำ คลองสำ โรง เพื่อให้ ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ริมริสองฝั่งคลอง ได้ร่วมสักการะบูชา เพื่อเป็นสิริมริงคลแก่ ครอบครัว ซึ่งจะจัดเป็นประจำ ทุกปีเริ่มริ่ตั้งแต่ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน๑๑ถึงขึ้น๑๔ค่ำ เดือน๑๑ ก่อนวันออกพรรษา และประเพณีรับบัว ได้ประกาศขึ้นบัญชีเป็นมรดก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๔โดยกรมส่งเสริมริวัฒนธรรมกระทรวง วัฒนธรรม ประโยชน์ ประเพณีโยนบัวหรือ รื รับบัว
การอนุรักษ์ ประเพณีโยนบัววัน วั รับบัว เนื่องจากปัจจุบัน มีความเจริญริก้าวหน้า ด้านสาระสนเทศ วัดและพระสงฆ์ถือว่าเป็นผู้มีบทบาท สำ คัญใน การอนุรักษ์ และสร้างประเพณีนี้ให้กระจายไปในทุกท้องถิ่น โดยผ่านสื่อ เทคโนโลยี ให้ผู้คนได้ รู้จักและมา ท่องเที่ยว เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน วัดวัและพระสงฆ์มีบทบาทในการอนุรักษ์งาน ประเพณีรับบัวคงต้อง เป็นหลัก พระสงฆ์ทุกรูปสามารถรู้เรื่อรื่งราวงานประเพณีรับบัวอย่างแท้จริงริรู้ประวัติ องค์หลวงพ่อโต ประวัติวั ติวัดบาง พลีใหญ่ใน และสามารถตอบคำ ถามให้กับทุกคนได้อย่างถูกต้อง และตรง กัน วิธีวิธีการที่เหมาะสมในการถ่ายทอดการ อนุรักษ์และสืบทอดประเพณีรับบัวให้กับคนในชุมชน วิธีวิธีการที่ เหมาะสมในการถ่ายทอดการอนุรักษ์และสืบสาน งานประเพณีรับบัวควรใช้วิธีวิธีการทำ ให้ดู และนำ พาเยาวชน รุ่นหลังเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อทำ ตามต่อไป เพราะงาน ประเพณีรับบัวเกิดจากการมีน้ำ ใจของชาวบางพลี และ เกิดจากการสัญญา นัดหมาย ในการมาเยือนกัน และที่ สำ คัญที่สุดคือ การมารับดอกบัวจากชาวบางพลี และกราบนมัสการองค์หลวงพ่อโต วิธีวิธีการที่เหมาะสมในการ ถ่ายทอดการอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีรับ บัวให้กับคนในชุมชนผลจากการศึกษาสะท้อนให้เห็นว่า แนวทาง สำ คัญในการอนุรักษ์ประเพณีรับบัว คือ การดึงคนในชุมชนให้เข้ามาร่วมกิจกรรมมากขึ้น ทั้งในส่วนของการเข้า ร่วมและการจัดงานโดยเปิดโอกาส ให้ชาวบ้านเข้ามาแสดงความคิดเห็นในการจัดงานมากขึ้น รวมทั้งเน้นการ ประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องให้มากขึ้น โดยเฉพาะการสื่อสารกับชาวบ้านให้เข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ ของตนเองในการอนุรักษ์ และสืบสานประเพณีรับบัว (พัฒนพงศ์ จงรักดี, 2563; จันทร์เพ็ญ ลาภมากผล, 2563; ไพรวัน จงรักดี, 2563; วีร์วีร์สุดา รุ่งเรือรืง, 2563) หน่วยงานภาครัฐควรให้คำ แนะนำ และการปฏิบัติให้กับนักท่องเที่ยว ใน การที่จะอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวให้มีจิตสำ นึกและตระหนักถึงการรับรู้ภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสถานที่ท่องเที่ยว และ ผู้ประการการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวควรต้องมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้กับนัก ท่องเที่ยว เกี่ยวกับการดูแลและรักษาสถานที่ท่องเที่ยวให้คงอยู่ต่อไปเพื่อให้นักท่องเที่ยวรุ่นต่อไปได้เดินทาง มาท่องเที่ยว (รัตนา ชัยกัลยา, 2564)
นอกจากนี้แนวทางสำ คัญอีกประการหนึ่งคือการดำ เนินงานของ ประเพณีรับบัวจำ เป็นต้องรักษาสืบทอด วัฒวันธรรมของท้องถิ่นให้คง อยู่อย่างมั่นคง หน่วยงานต่างๆ ควรพยายามถ่ายทอดประเพณีดังกล่าว ให้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะเยาวชนในชุมชนเพื่อเป็นการปลูกฝังประเพณี ของท้องถิ่นและรู้จักอนุรักษ์ประเพณีในยาวนานต่อมา ใน ขณะเดียวกัน การจัดงานประเพณีรับบัวในปัจจุบันเป็นการนำ ทุนวัฒวันธรรมมาสร้าง คุณค่าทางสังคม และเพิ่มมูลค่า ทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การอนุรักษ์ และการสืบสานประเพณีรับบัวจึงจำ เป็นต้องรักษาบทบาททั้งทาง เศรษฐกิจ และ สังคมให้เกิดขึ้นอย่างสมดุล อีกทั้งการจัดงานก็ควร สะท้อนและคำ นึงถึงคุณค่าของประเพณีรับบัวที่มีต่อชุมชน ตลอดจน การอนุรักษ์ รักษาความสะอาดของน้ำ ในลำ คลองสำ โรงเพื่อเป็นการจัด ภูมิทัศน์ สีสันให้สมกับที่ประเพณี รับบัวเป็นประเพณีทางน้ำ
จบการนำ เสนอ