เร่ือง รสสัมผสั ใหม่จากชาใบหม่อน
จดั ทำโดย
นายจกั รพันธุ์ ประชามอญ เลขท่ี 1
นายเอกภพ โศรกศรี เลขท่ี 6
นักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5/1
ครทู ีป่ รึกษาโครงงาน
คุณครูทัศนยี ์ จวนสาง
โครงงานนีเ้ ป็นสว่ นหนึง่ ของรายรายวชิ าการสื่อสารและการนำเสนอ (Is)
โรงเรียนตระกลู ประเทอื งวิทยาคม
ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
สำนกั งงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาศรสี ะเกษ ยโสธร
เกี่ยวกบั โครงงาน
ชื่อโครงงาน รสสมั ผสั ใหมจ่ ากชาใบหม่อน
รายวชิ า การส่อื สารและการนำเสนอ
1.นายจกั รพันธุ์ ประชามอญ
ชื่อผจู้ ัดทำโครงงาน 2.นายเอกภพ โศรกศรี
นางทัศนีย์ จวนสาง
ชอื่ ครูทป่ี รึกษาโครงงาน โรงเรยี นตระกลู ประเทืองวทิ ยาคม
ช่อื สถานศึกษา 2
ภาคเรยี นท่ี 2564
ปีการศกึ ษา
กิตติประกาศ
โครงงานนส้ี ามารถสำเร็จลุล่วงตามจุดประสงค์ ดว้ ยความกรุณาอนเุ คราะหจ์ าก คุณครทู ัศนีย์ จวนสาง
คุณครูที่ปรึกษาโครงงาน ที่ไดอ้ นุมตั ใิ หค้ ณะผูจ้ ดั ทำได้มีโอกาสนำความสนใจเรื่องการทำชาใบหมอ่ นมาศึกษา
ตลอดทัง้ ให้คำปรกึ ษา แนะนำ ช้ีจุดบกพร่อง อันเอื้อให้โครงงานน้เี สร็จสมบรู ณ์ได้ คณะผู้จดั ทำจงึ ขอกราบ
ขอบพระคุณเป็นอยา่ งสงู มา ณ ทีน่ ้ี
ขอกราบขอบพระคุณ คณุ แม่ ทเ่ี ป็นแรงบันดาลให้คณะผ้จู ดั ทำนำเรือ่ งการทำชาใบหม่อน มาจดั ทำเป็น
โครงงาน ตลอดทั้งผปู้ กครองทไ่ี ดส้ นับสนุนและเป็นกำลงั ใจทด่ี เี สมอมา
ขอขอบใจน้องชายของผู้จดั ทำทง้ั สองคน ทมี่ สี ว่ นชว่ ยในการจดั หา ตระเตรียมวตั ถุดบิ สำหรับการจดั ทำ
โครงงานในครั้งนี้
ขอขอบคุณในน้ำใจเพ่อื น ๆ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนตระกูลประเทืองวิทยาคม ที่ได้ใหค้ วาม
ร่วมมอื ในการทดลองชมิ ชาใบหมอ่ นรสต่าง ๆ ทำใหไ้ ดผ้ ลการศกึ ษาตามวตั ถปุ ระสงค์จนทำใหโ้ ครงงานนี้สำเร็จ
ลุล่วงไปได้
จากใจผจู้ ดั ทำ
คณะผูจ้ ัดทำ
บทคดั ย่อ
โครงงานเรอ่ื งรสสัมผสั ใหมจ่ ากชาใบหม่อนน้ี จัดทำขึน้ โดยมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือศกึ ษาขั้นตอนกรรมวธิ ี
การทำและยกระดบั ชาใบหม่อนซงึ่ มีความน่าสนใจอยูแ่ ลว้ ใหม้ คี วามนา่ ดงึ ดูดมากข้ึน โดยคณะผ้จู ัดทำไดน้ ำชา
ใบหมอ่ นมาผสมผสานกับพืชสมุนไพรวตั ถุดบิ ธรรมชาตทิ ม่ี ีกลิ่นและรสที่เปน็ เอกลักษณ์ มกี ารเปรียบเทียบให้
คะแนนระดบั ความพอใจและความชื่นชอบจากกลมุ่ ตัวอย่าง โดยผ้ลู งคะแนนได้แก่เพื่อนสมาชิกนกั เรยี นชัน้
มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5/1 โรงเรียนตระกลู ประเทืองวิทยาคม จากนนั้ จดั อนั ดบั ชาใบหม่อนตามคะแนนจากกลุ่ม
ตวั อยา่ งตามสถิติและ ร้อยละ และ คา่ เฉลยี่
จากการศกึ ษาค้นควา้ การทำโครงงานในคร้งั นี้คณะผ้จู ดั ทำพบวา่ มีข้อมลู ท่มี ีความน่าสนใจในหลายสว่ น
ท้ังในเรอ่ื งของรสชาตจิ ากชาใบหม่อนรสตา่ ง ๆ กรรมวิธีในการทำที่แตกต่างกนั รวมไปถงึ ข้อมูลดา้ นสรรพคุณ
ของวัตถุดบิ ท่ีมีอยใู่ นชาใบหม่อนแต่ละรส กบั ทั้งการได้เรยี นรูใ้ นเรอื่ งของวางแผนการจดั การบริหารงานร่วมกัน
การจดั สรรเวลาในการทำงาน การเตรยี มวตั ถุดบิ อุปกรณ์ ท้ายถึงการประเมินและแกไ้ ขจุดบกพร่อง จนสามารถ
ทำโครงงานจนบรรลวุ ัตถุประสงค์ทตี่ ้ังไวไ้ ด้สำเร็จ
สารบัญ
เร่อื ง หน้า
เกี่ยวกบั โครงงาน ก
กติ ติกรรมประกาศ ข
บทคัดย่อ ค
บทที่ 1 บทนำ 1
▪ ทีม่ าและความสำคัญของโครงงาน 1
▪ วัตถปุ ระสงค์ 1
▪ ขอบเขตของโครงงาน 1
▪ ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดรับ 1
บทท่ี 2 เอกสารทเ่ี กี่ยวข้องกับโครงงาน 2
บทท่ี 3 วิธดี ำเนินการ 7
▪ วัสดุอปุ กรณ์ 7
▪ วตั ถดุ ิบ 8
▪ ข้ันตอนวธิ ที ำเน้ือชา 8
▪ ขัน้ ตอนการชงชา 9
บทที่ 4 ผลการศึกษา 11
บทที่ 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ 13
▪ สรุปผลการศึกษา 13
▪ ข้อเสนอแนะ 13
บรรณานกุ รม 14
ภาคผนวก 15
1
บทที่ 1
บทนำ
ท่ีมาและความสำคัญของโครงงาน
เน่ืองจากต้นหม่อนเปน็ พชื ทส่ี ามารถพบเหน็ ไดท้ ่ัวไปในชนบท แตใ่ นปจั จบุ นั นั้นส่วนของใบหม่อนกลบั
มีการนำมาใช้ประโยชนน์ ้อยมาก หรอื อาจเรยี กไดว้ ่าแทบจะไม่ไดน้ ำมาใช้ประโยชน์เลย เห็นจะมกี ็แตต่ ดั ท้ิงเปน็
ขยะเสียมากกว่า จดุ น้เี องทำให้คณะผจู้ ดั ทำเล็งเห็นและสนใจทจ่ี ะนำใบหน่อนมาเปล่ียนเปน็ สิ่งท่ีมปี ระโยชน์
และคุณคา่ แทนท่ีจะปน็ ขยะ ทั้งนแี้ ล้วการนำมาทำเปน็ ชาใบหม่อนก็ถือเปน็ สงิ่ ที่นา่ สนใจสำหรบั คณะผู้จดั ทำไม่
นอ้ ยทีเดียว และหากความคดิ น้ไี ม่ไดม้ าจากคณะผจู้ ัดทำแตเ่ พยี งเท่าน้นั แตเ่ ป็นคณุ แม่ผู้ปกครองของคณะ
ผูจ้ ดั ทำทีเ่ ปน็ ผดู้ ำรคิ ิด ดว้ ยวา่ ช่อื ของชาใบหมอ่ นเองกอ็ าจจะเคยไดย้ ินได้ฟังมาบา้ งแลว้ แต่สำหรับพน้ื ถิ่นชนบท
คณะผจู้ ดั ทำเห็นวา่ ยงั ไม่เปน็ ท่ีแพรห่ ลายมากนัก น้อยคนท่ีจะรจู้ กั อย่างจริงจัง ท้งั รสชาติของชาใบหม่อนเอง
อาจจะไม่ไดม้ ีรสสัมผสั ท่ีถูกใจสำหรบั ทกุ คน แตห่ ากเปน็ ชาใบหมอ่ นท่มี รี สและกล่ินทีห่ ลากหลายและแตกตา่ ง
ไปจาเดิม แต่ยังคงคุณค่าของใบหม่อนอยู่ คณะผู้จดั ทำเห็นวา่ คงจะน่าสนใจมากข้ึนทเี ดยี ว จึงไดจ้ ดั ทำโครงงาน
เรอ่ื งนีโ้ ดยให้ชอ่ื ว่า “รสสมั ผสั ใหมจ่ ากชาใบหม่อน” ด้วยการเลอื กนำสมุนไพรพชื ไม้และวัตถุดิบจากธรรมชาติ ท่ี
มรี สและกลิน่ ที่ทำให้ทานงา่ ยขึ้นอันได้แก่ นำ้ ผ้ึง กระเจี๊ยบ ใบเตย และมะนาว มาช่วยชชู าใบหมอ่ นให้จดั อยู่
ระดบั ที่แตกต่างจากเดิม
วัตถปุ ระสงค์
1.เพ่ือนำใบหม่อนมาสร้างประโยชนแ์ ละคณุ คา่ โดยการนำมาทำเปน็ ชาใบหม่อน
2.เพือ่ ต่อยอดยกระดับใหช้ าใบหม่อนมีรสชาติท่ดี ม่ื ง่ายและหลากหลาย
3.เพอ่ื นำองค์ความรู้ท่ีได้ไปเผยแพร่เปน็ ประโยชนต์ ่อชุมชน
ขอบเขตของโครงงาน
1.ศกึ ษาขนั้ ตอนวธิ ีทำชาใบหม่อน
2.ศึกษาคณุ ค่าของใบหม่อน พืชสมุนไพรและวตั ถดุ ิบท่เี ปน็ สว่ นผสมในการทำชาใบหมอ่ นรสต่าง ๆ
3.เปรียบเทยี บความลำดบั ความชื่นชอบชาใบหม่อนในรสต่าง ๆ จากกลมุ่ ตวั อย่าง
ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดรบั
1.สามารถสร้างประโยชนแ์ ละคณุ ค่าจากใบหม่อนแทนท่ีจะถูกตัดทิง้ เป็นขยะ
2.มีองคค์ วามร้เู ร่ืองข้ันตอนวิธีการทำชาใบหม่อน
2
3.สามารถเผยแพร่องค์ความรูจ้ ากการทำใชใบหม่อนใหเ้ ปน็ ประโยชน์แกช่ มุ ชนได้
บทท่ี 2
เอกสารทีเ่ กยี่ วข้องกับโครงงาน
หม่อน เปน็ ไม้พมุ่ ขนาดกลาง เปลอื กตน้ สนี ้ำตาลแดง ลำตน้ ตั้งตรง แตกกิ่งกา้ นไมม่ ากนัก
รูปภาพ :
https://medthai.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99/
ใบหม่อน ใบเป็นใบเด่ียว ออกเรยี งสลบั ลกั ษณะของใบเปน็ รูปไข่ หรอื รูปไข่กว้าง ปลายใบแหลมยาว
โคนใบเว้าเป็นรูปหวั ใจหรอื ค่อนขา้ งตัด ขอบใบเรียบหรือหยกั เว้าเปน็ พู (ขนึ้ อยู่กับสาพนั ธุ์ที่ปลูก) ใบอ่อนขอบใบ
จกั เปน็ พูสองขา้ งไม่เท่ากัน ขอบพจู กั เป็นซ่ีฟัน ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-14 เซนตเิ มตร และยาวประมาณ 12-
16 เซนติเมตร แผน่ ใบเปน็ สีเขียวเขม้ เรียบเงา ทอ้ งใบเปน็ สีเขยี วอ่อน ใบค่อนขา้ งหนา หลังใบสากระคายมือ เสน้
ใบมี 3 เส้น ออกจากโคนยาวไปถึงกลางใบ และเส้นใบออกจากเสน้ กลางใบอีก 4 คู่ เสน้ รา่ งแหเห็ดไดช้ ัดเจนจาก
3
ดา้ นล่าง กา้ นใบเรียวเล็ก ยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร มหี ใู บเปน็ รูปแถบแคบปลายแหลม ยาวได้ประมาณ
0.2-0.5 เซนตเิ มตร
รูปภาพ :
https://medthai.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99/
ใบหมอ่ น พบวา่ มสี าร Adenine, Amylase, Choline, Crocarotene, Isoquercutrin, Succinic
acid, Trigonelline, วติ ามินเอ, วิตามนิ บี, วติ ามินบี2, วติ ามินซี, แร่ธาตุ, แคลเซยี ม, กลูโคส, แทนนิน เปน็ ตน้
และยังพบสาร Bioflavonoid และสาร Glycoprotein, Moran A เป็นสารลดนำ้ ตาลในเลอื ด[2],[3] ส่วนอกี
ขอ้ มลู หนึง่ ระบุว่าใบมสี ารในกลมุ่ อลั คาลอยด์ (ไดแ้ ก่ calystegin B-2, 1-deoxy ribitol, fagomine,
nojirimycin, zeatin riboside), สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (ได้แก่ albafuran C, astragalin, aromadendrin,
chalcomoracin, kaempferol, kuwanol, kuwanon, quercetin, quercitrin, moracetin, morin, rutin),
สารในกลุ่มคมู าริน (ได้แก่ bergapten, marmesin, scopoletin, umbelliferone), สารในกลุ่มลกิ แนน (ได้แก่
broussonin A, broussonin B)
ใบอ่อนและใบแก่สามารถนำมาทำเปน็ ชาเขียว ชาจนี หรือชาฝรง่ั ชงกบั นำ้ ด่ืมได้ โดยมีสรรพคุณชว่ ยลดระดบั
นำ้ ตาลในเลือด ลดไขมนั ในเลอื ด ลดความดันโลหิตสงู ได้ เปน็ ตน้ ซึ่งในปจั จุบันได้มกี ารแปรรูปใบหม่อนเป็น
ผลติ ภัณฑ์ชา ท้งั ชาเขียวและชาดำ ทใ่ี ช้ชงกบั น้ำด่ืมเชา้ และเยน็
น้ำผ้งึ เป็นอาหารหวานท่ผี งึ้ ผลิตโดยใช้น้ำหวานจากดอกไม้ พืชพนั ธุ์ชนดิ ตา่ งๆ น้ำผ้ึงมกั หมายถงึ ชนิดท่ี
ผลิตโดยผ้ึงน้ำหวานในสายพันธ์ุ Apis เน่ืองจาก เป็นผ้ึงเกบ็ น้ำหวานใหค้ ณุ ภาพสงู และสามารถเลยี้ งระบบกล่อง
ได้ นำ้ ผงึ้ มปี ระวัตกิ ารบริโภคของมนษุ ย์มายาวนาน และถูกใช้เปน็ สารใหค้ วามหวานในอาหารและเครือ่ งด่มื
หลายชนิด น้ำผงึ้ ยังมบี ทบาทในศาสนาและสญั ลักษณ์นิยม รสชาตขิ องน้ำผึง้ แตกตา่ งกันตามนำ้ หวานทไ่ี ด้มา
4
รปู ภาพ :
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B
6%E0%B9%89%E0%B8%87
น้ำผงึ้ ได้ความหวานจากมอโนแซ็กคาไรด์ ฟรุกโทสและกลโู คส และมีความหวานประมาณเทียบไดก้ บั
นำ้ ตาลเม็ด นำ้ ผึ้งมีคุณสมบัติทางเคมที ด่ี ึงดูดในการอบ และมรี สชาตพิ เิ ศษซ่ึงทำให้บางคนชอบน้ำผ้ึงมากกวา่
นำ้ ตาลและสารให้ความหวานอืน่ ๆ จุลินทรียส์ ว่ นมากไม่เจรญิ เตบิ โตในนำ้ ผึง้ เพราะมีค่าแอกติวติ ีของนำ้ ตำ่ ท่ี
0.6 อยา่ งไรก็ดี บางครง้ั นำ้ ผ้ึงกม็ ีเอนโดสปอร์ในระยะพักตัวของแบคทเี รีย Clostridium botulinum ซ่งึ อาจ
เป็นอันตรายต่อทารก เพราะเอนโดสปอรส์ ามารถแปลงเปน็ แบคทเี รยี ที่ผลติ ชวี พษิ ในทางเดินอาหารท่ยี งั ไม่
เจรญิ เต็มที่ของทารก ซง่ึ ทำให้เกดิ ความเจบ็ ปว่ ยและอาจถงึ แกช่ ีวติ
กระเจย๊ี บ เปน็ พืชล้มลกุ อายหุ ลายปี เจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นเขตอากาศกึ่งร้อน คอื มอี ณุ หภมู ิระหว่าง 18–
35 องศาโดยประมาณ เป็นพืชทีส่ ามารถนำมาเป็นสมนุ ไพรได้ เพราะมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยรักษาเกีย่ วกับโรค
กระเพาะอาหาร
5
รูปภาพ :
https://medthai.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%
B8%B5%E0%B9%8A%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87/
กระเจ๊ียบ เป็นพชื ท่ีมคี ณุ สมบตั ิในการชว่ ยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจ๊ียบ
นน้ั มสี ารเมอื กพวกเพกทิน, เมือก (mucilage) ซงึ่ เกดิ จากสารประกอบ acetylated acidic polysaccharide
และกรดกาแลกทูโรนกิ (galactulonic acid) และกัมช่วยเคลอื บแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ไมใ่ หล้ ุกลาม
รักษาความดันใหเ้ ป็นปกติ เป็นยาบำรุงสมอง มีสรรพคุณเป็นยาระบาย
ใบเตย (Pandanus,Fragrant Pandan,Pandom wangi) มีชอ่ื วิทยาศาสตร์คอื Pandanus
amaryllifolius Roxb Linn.Palm อย่ใู นวงศ์ PANDANACEAE เปน็ พชื ท่ีคนไทยรจู้ ักกันมานานและนำมาใช้
ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวนั กนั มาก เน่ืองจากหาได้ง่ายในประเทศไทย ราคาถกู เป็นพืชที่ให้สแี ละกล่ิน ไม่เปน็
พษิ ภัยในการนำมาประกอบอาหารและทำขนม ใบเตยมสี ารตา่ งๆ อยู่หลายชนิดและมีสารหอมทีใ่ ห้กลิน่ ด้วย จงึ
มีผู้สนใจทีจ่ ะนำใบเตยมาใชป้ ระโยชน์กนั มาก โดยท่วั ไปจะนยิ มเรียกว่า เตย แตใ่ นบางท้องถิ่นเรียกวา่ หวานข้าว
ใหม่ (ภาคกลาง) ปาแนะวองิง (มาเลเซยี -นราธิวาส)
6
รปู ภาพ :
http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/2624/pandanus-
%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A2
ใบเตย ใหก้ ล่ินหอมหวาน และหอมเย็น ช่วยลดการกระหายน้ำ เมอ่ื รบั ประทานนำ้ ใบเตยจะรสู้ กึ ชืน่ ใจ
และชมุ่ คอรักษา โรคหดื บำรุงหัวใจ ลดน้ำตาลในเสน้ เลอื ด และรักษาระดับความดันใหเ้ ป็นปกติ (Peungvicha
et.al.,1998) ส่วนรากใช้เปน็ ยาบขบั ปัสสาวะและรักษาโรคเบาหวาน
มะนาว เป็นพืชชนดิ หนึ่ง ผลมีรสเปรีย้ วจดั จัดอยู่ในสกุลสม้ (Citrus) ผลสเี ขียว เมอ่ื สุกจัดจะเปน็ สี
เหลอื ง เปลอื กบาง ภายในมีเน้อื แบ่งกลบี ๆ ชมุ่ นำ้ มาก นับเป็นผลไม้ท่ีมคี ณุ ค่า นิยมใช้เปน็ เคร่ืองปรงุ รส
นอกจากน้ยี ังถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการและทางการแพทย์ดว้ ย
รูปภาพ :
https://www.pobpad.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2
%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1
7
ในผลมะนาวมนี ำ้ มันหอมระเหยถงึ 7% แตก่ ลิ่นไมฉ่ ุนอย่างมะกรดู นำ้ มะนาวจงึ มีประโยชน์สำหรบั ใชเ้ ป็น
ส่วนผสมน้ำยาทำความสะอาด เคร่ืองหอม และการบำบดั ด้วยกลิ่น (aromatherapy) หรอื น้ำยาล้างจาน สว่ น
คุณสมบตั ทิ ี่สำคญั ทวา่ เพ่งิ ได้ทราบเม่อื ไมช่ า้ นานมาน้ี (ราวครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19) ก็คือ การป้องกันและรักษาโรค
ลักปิดลกั เปดิ ซง่ึ เคยเปน็ ปัญหาของนักเดนิ เรือมาชา้ นาน ภายหลังไดม้ ีการคน้ พบวา่ สาเหตทุ ่ีมะนาวสามารถชว่ ย
ป้องกันโรคลักปิดลกั เปดิ เพราะในมะนาวมีไวตามนิ ซเี ป็นปริมาณมาก
มะนาวมีน้ำมนั หอมระเหยที่ใหก้ ลิ่นสดชืน่ เพราะมีส่วนประกอบของสารซโิ ตรเนลลลั (Citronellal) ซิโคร
เนลลลิ อะซเี ตต (Citronellyl Acetate) ไลโมนนี (Limonene) ไลนาลลู (Linalool) เทอร์พนี ีออล
(Terpeneol) ฯลฯ รวมทงั้ มีกรดซิตรคิ (Citric Acid) กรดมาลิก (Malic Acid) และกรดแอสคอรบ์ ิก (Ascorbic
Acid) ซึง่ ถอื เป็นกรดผลไม้ (AHA : Alpha Hydroxy Acids) กลุม่ หน่ึง เป็นท่ยี อมรบั วา่ ชว่ ยใหผ้ วิ หน้าท่ี
เส่ือมสภาพหลุดลอกออกไป พรอ้ มๆ กับช่วยกระตุ้นการสรา้ งเซลลใ์ หมๆ่ ชว่ ยใหร้ อยด่างดำหรือรอยแผลเป็น
จางลง
วัสดอุ ุปกรณ์ บทท่ี 3
1.มดี วิธดี ำเนินการ
2.ถาด
3.เขียง 7.กระปกุ หรือภาชนะสำหรับบรรจุเน้ือชา
4.กะละมัง 8.ถงุ ชา ขนาด 5x7 cm.
5.กะทะ 9.ถว้ ยชา
6.ตะหลวิ 10.ชอ้ น
11.กระติกนำ้ รอ้ น
12.ชาม
8
วตั ถดุ บิ
1.ใบหมอ่ น
2.ใบเตย
3.ดอกกระเจยี๊ บ
4.มะนาว
5.นำ้ ผึ้ง
6.นำ้ สะอาด
ขน้ั ตอนวธิ ที ำเนือ้ ชา
1.เลอื กเก็บใบหม่อน ใบเตย และดอกกระเจีย๊ บมาล้างให้สะอาด โดยใบหม่อนใหแ้ ชน่ ้ำพกั ไวใ้ ห้ยางหมดกอ่ น
ประมาณ 30 นาที
2.ใชม้ ดี หน่ั ใบหมอ่ นและใบเตยใหเ้ ปน็ เสน้ เล็ก ๆ ตามขวาง
3.ใชม้ ดี ปลอกดอกกระเจีย๊ บให้เป็นกลบี ๆ
9
4.นำใบหมอ่ น ใบเตย และกระเจย๊ี บที่ได้จากการหัน่ และปลอกแล้วไปตากด้วยถาดใหแ้ หง้ สนิท
5.นำใบหมอ่ นและใบเตยท่ีตากเสรจ็ แลว้ มาคัว่ ด้วยไฟอ่อน ๆ เพื่อไลค่ วามชน้ื และเพ่ิมความหอม
6.บรรจุเนือ้ ชาที่ไดล้ งในกระปุกหรือภาชนะท่เี ตรยี มไว้ไม่ให้มีอากาศเขา้ โดยแยกแตล่ ะชนิดใหช้ ัดเจน
ขนั้ ตอนการชงชา
❖ ชาใบหม่อนธรรมดา
1.บรรจเุ นื้อชาใบหม่อนลงในถงุ ชาขนาด 5x7 เซนติเมตร นำ้ หนกั บรรจุ 5 กรัม
2.ใสถ่ ุงชาไวใ้ นถว้ ยชา
3.เตมิ น้ำรอ้ นลงในถ้วยชา ประมาณ 150 มลิ ลิลิตร
4.พกั ไว้สักครู่ ใหเ้ นื้อชาออกฤทธิ์ในน้ำร้อนจนมสี เี หลอื งอ่อน ๆ ค่อยจบิ ดื่ม
❖ ชาใบหม่อน x ใบเตย
1.บรรจเุ นอื้ ชาใบหมอ่ นและใบเตยลงในถงุ ชาขนาด 5x7 เซนติเมตร นำ้ หนักบรรจุ 5 กรัม โดย
อัตราสว่ นใบเตยต่อใบหม่อนเป็น 1 ต่อ 3
2.ใส่ถงุ ชาไวใ้ นถ้วยชา
3.เตมิ นำ้ ร้อนลงในถ้วยชา ประมาณ 150 มิลลลิ ิตร
4.พักไวส้ ักครู่ ใหเ้ น้อื ชาออกฤทธใ์ิ นนำ้ รอ้ นจนมสี เี หลอื งอ่อน ๆ ค่อยจบิ ดม่ื
10
❖ ชาใบหม่อน x กระเจีย๊ บ
1.บรรจเุ น้ือชาใบหม่อนและกระเจยี๊ บลงในถุงชาขนาด 5x7 เซนติเมตร น้ำหนักบรรจุ 5 กรัม โดย
อตั ราส่วนกระเจ๊ียบต่อใบหม่อนเปน็ 1 ตอ่ 4
2.ใส่ถงุ ชาไว้ในถว้ ยชา
3.เตมิ นำ้ ร้อนลงในถว้ ยชา ประมาณ 150 มลิ ลิลิตร
4.พกั ไว้สกั ครู่ ใหเ้ น้ือชาออกฤทธใิ์ นน้ำรอ้ นจนมีสีแดงอมชมพู ค่อยจิบดื่ม
❖ ชาใบหม่อน x มะนาว
1.บรรจเุ น้อื ชาใบหมอ่ นลงในถุงชาขนาด 5x7 เซนติเมตร น้ำหนักบรรจุ 5 กรัม
2.ห่นั มะนาวเปน็ แวน่ โดยให้ใช้ 1 แว่นต่อหน่ึงถว้ ยชา
3.ใสถ่ ุงชาและมะนาวทหี่ ัน่ เป็นแลน่ ไวใ้ นถ้วยชา
4.เตมิ นำ้ รอ้ นลงในถ้วยชา ประมาณ 150 มลิ ลิลติ ร
5.พกั ไวส้ กั ครู่ ให้เน้อื ชาออกฤทธใ์ิ นน้ำร้อนจนมสี ีเหลืองอ่อน ๆ คอ่ ยจิบด่มื
❖ ชาใบหม่อน x น้ำผ้งึ
1.บรรจุเนอ้ื ชาใบหมอ่ นลงในถุงชาขนาด 5x7 เซนติเมตร น้ำหนักบรรจุ 5 กรมั
2.เติมนำ้ ผง้ึ ลงในถว้ ยชาก่อนประมาณ 3 ช้อนชา
3.เติมนำ้ รอ้ นลงในถ้วยชา ประมาณ 150 มิลลลิ ิตร
4.ใชช้ ้อนคนใหน้ ำ้ ผ้ึงละลาย
5.ใสถ่ งุ ชาไวใ้ นถ้วยชา
6.พักไว้สกั ครู่ ใหเ้ นือ้ ชาออกฤทธ์ิ คอ่ ยจบิ ด่มื
11
บทท่ี 4
ผลการศกึ ษา
จากการทค่ี ณะผจู้ ดั ทำได้รบั ความรว่ มมือจากกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่นักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/1
โรงเรียนตระกลู ประเทอื งวทิ ยาคม จำนวน 20 คน ในการชมิ ชาใบหมอ่ นทง้ั 5 รส
ได้ผลการศึกษาดังต่อไปน้ี
คนที่ ชาใบหม่อน ชาใบหม่อน ชาใบหม่อน ชาใบหม่อน ชาใบหม่อน
ธรรมดา x ใบเตย x กระเจีย๊ บ x มะนาว x น้ำผ้งึ
145 3 12
245 3 21
332 5 41
442 3 51
523 4 51
634 2 51
745 3 21
842 3 51
943 2 51
10 3 1 2 5 4
11 2 3 4 5 1
12 2 5 3 4 1
13 4 3 2 5 1
14 2 3 5 4 1
15 2 4 3 5 1
16 2 4 3 5 1
17 2 3 4 5 1
18 3 4 2 5 1
19 2 4 3 5 1
20 2 3 4 5 1
หมายเหต*ุ เมื่อ 1 หมายถึง ชอบทีส่ ุด 4 หมายถึง ชอบเป็นอันดับ 4
2 หมายถงึ ชอบเปน็ อนั ดับ 2 5 หมายถงึ ชอบเปน็ อันดับ 5
3 หมายถงึ ชอบเป็นอนั ดบั 3
12
แผนภูมิสถิติความชอบชาใบหม่อนรสต่าง ๆ
ชาใบหมอ่ นธรรมดา ชาใบหมอ่ น x ใบเตย ชาใบหมอ่ น x กระเจีย๊ บ ชาใบหมอ่ น x มะนาว ชาใบหมอ่ น x นา้ ผงึ้
20 อนั ดบั ท่ี 2 อนั ดบั ท่ี 3 อนั ดบั ท่ี 4 อนั ดบั ท่ี 5
18
16
14
12
10
8
6
4
2
0
อนั ดบั ท่ี 1
แผนภูมิความชอบชาใบหม่อนรสตา่ ง ๆ
5.1, 17%
12.5, 41%
4.4, 15%
4.7, 16%
3.3, 11%
ชาใบหมอ่ นธรรมดา ชาใบหมอ่ น x ใบเตย ชาใบหม่อน x กระเจย๊ี บ ชาใบหม่อน x มะนาว ชาใบหม่อน x นา้ ผงึ้
13
บทท่ี 5
สรุปผลและข้อเสนอแนะ
สรุปผล
จากที่คณะผู้จัดทำได้นำหวั ข้อการทำชาใบหม่อนมาศึกษาและยกระดับใหม้ รี สชาติที่หลากหลาย โดย
ได้รบั ความรว่ มมือจากกลุ่มตวั อยา่ งในการชิมและให้คะแนนชาใบหมอ่ นรสต่าง ๆ สรปุ ผลไดด้ งั นี้ ชาใบหมอ่ นท่ี
ได้รบั ความชนื่ ชอบมากที่สดุ ได้แก่ ชาใบหม่อนนำ้ ผง้ึ อันดับท่ี 2ได้แก่ ชาใบหมอ่ นธรรมดา อนั ดับที่ 3 ได้แก่ ชา
ใบหมอ่ นกระเจย๊ี บ อันดับท่ี 4 ไดแก่ ชาใบหม่อนใบเตย และอันดบั ที่ 5 ได้แก่ ชาใบหม่อนมะนาว
อย่างไรก็ตามเหน็ ไดว้ ่าความชื่นชอบของกลุ่มตัวอย่างแตกต่างกนั ไปเป็นปจั เจกบุคคล ไม่อาจกล่าวได้
วา่ ชาใบหมอ่ นรสไหนดีทสี่ ุด หากดที ี่สุดคือมชี าใบหม่อนท่ีมีรสชาติถกู ใจและเข้าถึงทุกคนได้ตา่ งหาก
เมือ่ ชาใบหมอ่ นมรี สชาติทีห่ ลากหลายยอ่ มเปน็ ทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพได้มากขึ้น ทง้ั ยงั เป็นองค์
ความคดิ สำคัญอันจะทำใหเ้ กิดองค์ความรู้ท่ีสามารถนำไปเผยแพร่ใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ชุมชน และสงั คมได้
ฉะน้เี องจึงนบั ว่าโครงงานเรื่องนบี้ รรลุวัตถุประสงค์ทต่ี ัง้ ไว้ภายใตข้ อบเขตการศกึ ษาและเป็นประโยชน์
อันสามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดไดเ้ ปน็ ลำดับต่อไป
ขอ้ เสนอแนะ
1.สามารถจัดทำชาใบหม่อนรสอ่นื ๆ ได้มากกว่าน้ี
2.สามารถเพิ่มความหวานหรือรสชาตทิ ่ีตอ้ งการไดต้ ามความเหมาะสม
3.อาจปรับเปล่ียนกรรมวิธีการทำได้เช่นเปล่ยี นจากการตากเปน็ การอบแทน
14
บรรณานุกรม
Medtha. (2563). หมอ่ น สรรพคณุ และประโยชน์ของต้นหมอ่ น ใบหม่อน. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก :
https://medthai.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88
%E0%B8%AD%E0%B8%99/. (วันท่ีสืบคน้ ข้อมลู : 22 มกราคม 2565)
InternetArchiveBot. (2564)*แกไ้ ขล่าสดุ . หม่อน. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://th.wikipedia.org
/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%
B8%99. (วันทีส่ บื ค้นข้อมูล : 22 มกราคม 2565)
InternetArchiveBot. (2565)*แก้ไขล่าสดุ . นำ้ ผง้ึ . [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://th.wikipedia.org
/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%
B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87. (วันทส่ี บื คน้ ข้อมูล : 22 มกราคม
2565)
ผศ.ดร.พิมพเ์ พญ็ พรเฉลิมพงศ์,ศาสตราจารยเ์ กยี รติคณุ ดร.นิธิยา รตั นาปนนท์. (2564). Pandanus / ใบเตย.
[ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก : http://www.foodnetworksolution.com/wiki/
word/2624/pandanus-%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0
%B8%95%E0%B8%A2. (วันท่ีสืบคน้ ข้อมลู : 22 มกราคม 2565)
15
ภาคผนวก
“เลอื กเตรยี มวตั ถดุ ิบสำหรบั ขน้ั ตอนการทำเน้ือชา”
16
“บรรยากาศการชงชาใบหม่อนรสต่าง ๆ”