The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

3.1

3.1

นางสาวสนุ ทรผไท จนั ทระ กลมุ่ ๔

การสรุปการศกึ ษาความร้ตู ามข้อกาหนดสาระการเรยี นรู้

๓.๑ สินทรพั ยท์ คี่ นรุ่นใหม่ต้องมี

แบง่ ออกเป็น ๔ ขอ้ ดังน้ี
๑) ปณธิ าน (Determination)
๒) สานึกโลก (Global Mindset) และสานึกความย่ังยืน (Sustainability Mindset)
๓) ความสามารถดา้ นดจิ ิทัล (Digital Literacy) ความสามารถทางการเงิน (Financial Literacy)

และความสามารถทางสังคม (Social Literacy)
๔) ทกั ษะคล่องแคล่ว (Agility Skills) ทักษะคน (Human Skills) ทกั ษะผูป้ ระกอบการ

(Entrepreneurship) และทกั ษะส่อื สาร (Communication Skill)

๑) ปณธิ าน (Determination)

ขงจ่อื กลา่ วว่า “ปัญญาชนมีเจตนารมณ์ยดึ มนั่ ในวถิ ีทางอันถูกต้อง
ทว่าผทู้ ย่ี งั ละอายในอาหารหยาบและการสวมอาภรณ์เก่า
ผนู้ ั่นย่อมไมค่ ่คู วรแกก่ ารสนทนาดว้ ย”

เจา้ ชายหวางจอื่ เตี้ยน ถามวา่ “ปัญญาชนท้งั หลาย ทากิจเร่ืองใด”
เมิง่ จ่ือ ตอบวา่ “ทาปณธิ านใหส้ งู ส่ง” อะไรที่เรียกว่าทาปณธิ านใหส้ งู ส่ง
กค็ ือ “การอยู่ในครรลองแหง่ มนษุ ยธรรมและความเท่ยี งธรรมเท่านั้นเอง”
(ฉนั ทสิทธิพร, 2560)

ปณธิ าน หมายถึง ความตง้ั ใจอันแน่วแน่ ความปรารถนา
ทฤษฎีปณธิ านแห่งตน (Self-Determination)

“เป็นทฤษฎีทางจิตวิทยา โดย Edward L. Deci และ Richard M. Ryan โดยได้รับการยอมรับ
นาไปใช้ในวงการศึกษา จิตวิทยา รัฐศาสตร์ เป็นต้น กล่าวถึงแรงจูงใจและบุคลิกภาพของมนุษย์ พบว่า มี
ความต้องการพื้นฐานทางจิตใจ 3 ประการ ได้แก่ ความต้องการมีความสามารถ (competence) ความ
ต้องการมีอิสระ (Autonomy) และความต้องการมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น (Relatedness) ความต้องการ
เหล่านี้เป็นแรงจูงใจภายในที่จะช่วยพัฒนาสังคม อย่างสร้างสรรค์ทั้งช่วยให้มนุษย์มีความสุขในการทางาน
และการดารงชวี ิต โดยจะเปน็ แรงกระตุ้นใหเ้ กิดพฤติกรรม (หนุ่ เสน และคณะ, 2559)

โดยปณิทานนเ้ี ป็นแรงจูงใจซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น แรงจงู ใจจากภายใน (Intrinsic Determination)
ที่จะเกิดขึ้นจากการเห็นคุณค่าของกิจกรรมน้ัน เกิดความภาคภูมิใจจากผลการกระทาของตน โดยไม่ได้หวัง
ผลรางวัลเป็นการตอบแทน เหมอื น แรงจูงใจจากภายนอก (Extrinsic Determination)

สรุปเพ่ือการนาไปใช้ สามารถนาไปใช้ในการบริหารคน ต้องเรียนรู้วิเคราะห์ความต้องการ
ภายในของบุคลากร หรือ คนที่ต้องทากิจการใดด้วย จะทาให้สามารถตอบสนองความต้องการของ
บุคคลเหล่านั้นได้ตรงใจ จะทาให้เกิดพลังในการทางานมากขึ้น รวมถึงควรเน้นการสร้างแรงจูงใจจาก
ภายใน มากกว่าแรงจงู ใจจากภายนอก เน่อื งจากจะทาใหเ้ กดิ แรงกระตนุ้ ในการทางานมากกวา่

๒) สานกึ โลก (Global Mindset) และสานกึ ความยงั่ ยนื (Sustainability Mindset)
สถานการณ์โลกในศตวรรษที่ 21 ระบบการศึกษาต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับ

ภาวะความเป็นจริงจาเป็นที่จะต้องมีทักษะสาหรับการออกไปดารงชีวิต จึงจาเป็นท่ีจะต้องมีองค์ความรู้ท่ี
เหมาะสมกับสถานการณท์ ่ีมคี วามเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเร็วในปจั จุบัน

Global Mindset คอื การทันโลกทนั สงั คม
Sustainability Mindset คือ การสานกึ รบั ผิดชอบอยา่ งย่งั ยนื

Global Mindset
ในสภาพแวดล้อมของการแข่งขันในปจั จบุ ัน ผนวกกบั กระแสการเปล่ยี นแปลงทเ่ี กิดขน้ึ อยา่ งมากมาย

ทาให้สถานศกึ ษาจะตอ้ งเร่งปรบั ตวั เพ่ือให้สามารถแขง่ ขนั ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ดังนน้ั ผ้บู ริหารสถานศึกษา
จะต้องมีความเข้าใจถงึ กระแสโลกท่ีมเี ปล่ียนแปลงในภาพกว้าง (Global Mindset) เพ่อื ทีจ่ ะนามาประยุกต์
ให้เข้ากับการปรับตัวของการจัดการศึกษา โดยที่ผู้บริหารจะต้องมุ่งสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร และ
เครือขา่ ยเพ่อื ให้เกดิ การทางานร่วมกนั สรา้ งพลังร่วมในการปรบั ตัวและสร้างจุดแข็งใหเ้ กิดขนึ้ อย่างยงั่ ยนื

Sustainability Mindset
ความสามารถที่ต้องมขี องผู้นาท่ยี ั่งยืน “7 Competencies of Sustainable Leader” ได้แก่
๑) Personal Evolution มีการพฒั นาตวั เองอย่างตอ่ เน่ืองอยู่ตลอดเวลา
๒) Emotions, Language ต้องเข้าใจว่าท้งั สองเร่ืองนี้เปน็ เครอื่ งมอื ทสี่ าคัญในการส่อื สารและนาคน
๓) Systems Being & Thinking เขา้ ใจบรบิ ทและความเก่ยี วข้องกันของระบบ มีความคิดอยา่ งเป็นระบบ
๔) Ontological Designing มีความสามารถท่จี ะออกแบบสงิ่ ทใ่ี ช่หรือไม่ใช่ อะไรทม่ี ีหรอื ไมม่ ี
๕) Systemic Sustainability เขา้ ใจเร่อื งความยั่งยืนท่จี ะตอ้ งพ่ึงพากนั โอบอ้อมเกอื้ กลู กนั
๖) Evolutionary Visions / Scenarios มวี สิ ยั ทศั นท์ ่กี ว้างไกล สามารถมองเห็นสถานการณท์ ่จี ะเกิดขนึ้ ได้
๗) Adaptive Challenges and Collaboration ตอ้ งเข้าใจความทา้ ทายทสี่ ามารถเปล่ียนแปลงได้ และการ
รว่ มมือกนั

๓) ความสามารถด้านดิจิทัล (Digital Literacy) ความสามารถทางการเงิน (Financial Literacy)
และความสามารถทางสงั คม (Social Literacy)

ความสามารถด้านดิจิทัล (Digital Literacy)
ความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ถือเป็นหัวใจสาคัญของผู้บริหาร

ในยุคศตวรรษที่ ๒๑ ความสามารถทันดิจิทัลมีทั้งหมด ๕ หลักการ ได้แก่ ๑) การเข้าถึง และความชานาญ
ดา้ นดจิ ิทลั ๒) การส่อื สารและการรรว่ มมอื กันด้านดจิ ิทลั ๓) ความปลอดภยั การคุ้มครอง และความสมบูรณ์
ด้านดิจิทัล ๔) การประเมินผลดดิจิทัล และ ๕) การสร้างสรรค์และนวัตกรรมด้านดิจิทัล (ปฐมา, 2562)
ปัจจุบันบทบาทของผูนาเพิ่มความซับซอน และมีความสาคัญยิ่งขึ้น ผูนาในอนาคตจาเปนตองมีทักษะและ
สมรรถนะใหมๆ เพิ่มขึ้น เพื่อสรางมูลคาเพิ่ม (value creation) ใหแกตนเองสูงสุดจะไดมีศักยภาพพรอม
ที่จะแขงขนั ในโลกยุคไรพรมแดน

สานกั งานคณะกรรมการ
ขาราชการพลเรอื น
ไดกาหนดองคประกอบ
ดานความสามารถทาง
ดจิ ิทัลของขาราชการและ
บคุ ลากรภาครัฐ เพื่อ
ปรบั เปลย่ี นเปนรฐั บาล
ดิจทิ ลั ซงึ่ เปนกลมุ
พฤตกิ รรมความสามารถ
ดานดจิ ิทัลท่ขี าราชการและ
บคุ ลากรทางการศกึ ษาตอง
มีเพ่ือใหสามารถปฏิบัตงิ าน
ไดสาเร็จตามจดุ มุงหมายขององคกร ไดแก ๑) ความสามารถดานความเขาใจและใชเทคโนโลยดี จิ ิทัล
๒) ความสามารถดานการควบคุมกากบั และการปฏิบตั ติ ามกฎหมายนโยบาย และมาตรฐานการจัดการ
ดานดจิ ทิ ลั ๓) ความสามารถดานเทคโนโลยีดจิ ิทัล เพ่ือยกระดับศักยภาพองคกร ๔) ความสามารถดาน
การออกแบบกระบวนการและการใหบริการดวยระบบดจิ ิทัลเพือ่ การพฒั นาคณุ ภาพงานภาครัฐ ๕) ความ
สามารถดานการบริหารกลยทุ ธและการจดั การโครงการ ๖) ความสามารถดานผูนาดจิ ิทลั และ ๗) ความ
สามารถดานการขบั เคลอ่ื นการเปลี่ยนแปลงดานดจิ ทิ ลั

ความสามารถทางการเงิน (Financial Literacy)
การสารวจทักษะความรอบรู้ทางการเงิน ของคนในหลายประเทศทั่วโลกพบว่า ระดับทักษะ

ความรอบรู้เรื่องทางการเงินต่า ทาให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความ สาคัญท่ีจะเพิ่มทักษะ
ความรอบรูท้ างการเงนิ ของคนในชาติ โดยพจิ ารณาจากองค์ประกอบหลกั ท้ัง ๓ ด้าน ๑) ความรู้ทางการเงิน
๒) ทัศนคติทางการเงนิ และ ๓) การจา่ ยเงินและพฤติกรรมทางการเงนิ กลา่ วคือ เป้าหมายสงู สดุ ของการทา
ให้บุคคลมีความรู้ทางการเงิน (Financial Knowledge) เพื่อยกระดับให้บุคคลมีทักษะความรอบรู้ทางการ
เงิน (Financial Literacy) (Silgoner, Fuhrmann & Weber, 2015) เพื่อให้บุคคลจะสามารถท าการ
ตัดสนิ ใจทางการเงินได้ อันจะส่งผลให้ บรรลเุ ปา้ หมายการอย่ดู กี นิ ดที างการเงนิ (Financial Well-Being) ได้
ในทา้ ยที่สดุ Garman and Forgue (2000)

Financial Literacy สาหรบั ผู้บริหาร จงึ หมายถึง การท่ีผบู้ ริหารมคี วามรูท้ างการเงิน เข้าใจหลักการ
สาหรับการบริหารจัดการเงนิ จนสามารถแกป้ ัญหาทางการเงนิ ของทัง้ ตนเอง บุคลากร และของสถานศึกษา
ใหป้ ระสบความสาเร็จไดท้ างด้านบรหิ ารจดั การทรพั ยากรเงนิ ได้ (Amonhaemanon & Isaramalai, 2562)

ความสามารถทางสังคม (Social Literacy)
ทักษะทางสังคม (Social Skills) เป็นความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพในการอยู่ร่วมกันและ

ทางานกับบุคคลอื่นภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคมที่กาหนดไว้อย่างเหมาะสม ตลอดจนแก้ปัญหา
ตัดสินใจ การจดั การกบั อารมณแ์ ละสถานการณ์ทเี่ กิดขึ้นอย่างมเี หตุและผล (ศรีกลั ยา พึ่งแสงสี, 2539)

บุคลิกภาพทางสังคมของผู้บริหารจะมีผล ต่อการสร้างความน่าเชื่อถือ (Credibility) ความเชื่อมั่น
(Trust) ฃ่ึงนาไปการสร้างความ ร่วมมือร่วมใจและความภักดี(Loyalty) ต่อตัวผู้บริหาร ดังนั้นผู้บริหาร
จาเป็นต้องมีท่าทีท่ีเชือ่ มัน่ และเปน็ ทพ่ี ึงพอใจ มพี ลังการทางานตามแนวทางของผนู้ าที่ดี

ผู้บริหารควรเป็นนักการสื่อสาร (Communicator) เป็นผู้ฟังที่มีประสิทธิภาพ ผู้สื่อสารที่มี
ประสิทธิภาพกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด การฟังเพื่อเข้าใจ เป็นทักษะการฟังขั้นสูงที่มุ่งเข้าใจผู้พูดอย่าง
ลึกซึ้ง ผ่านทั้งทางคาพูด น้าเสียง สายตา และท่าทาง เพื่อให้รับรู้ถึงอารมณ์ ความรู้สึก และความต้องการ
ของผู้พูดได้ โดยไม่ขัดจังหวะ หรือตัดสินไปเสียก่อน มีทักษะนี้ได้ย่อมช่วยให้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของ
ทีมงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็จะสามารถเลือกวิธีในการสื่อสารเพื่อสร้าง
ความสัมพนั ธอ์ ันดีกับบุคลากรได้ จะนาไปส่ปู ระสิทธภิ าพในการทางานทดี่ ีข้ึน

ผู้บริหารควรมีทักษะด้านการสร้างความร่วมมือ และการติดต่อ (Collaboration and
Connection) แสวงหา แบ่งปันข้อมูล และความรู้อย่างเปิดเผยชัดเจน มีการค้นหาความเข้าใจและปฏิบัติ
อยา่ งเขา้ ใจกับคนอื่น มีการ ติดต่อกับโลกภายนอกผ่านส่ือทางสังคม และต้องสร้างการร่วมมือกับผู้อ่ืน ควร
เจียมเนื้อเจียมตัว (Be Humble) ต้องมีสัมมาคารวะ การรู้จักบุคคลในชุมชน เปิดโอกาสกับครู และชุมชน
เขา้ มามีสว่ นรว่ ม โดยการพฒั นาความสัมพันธ์ท่ีแทจ้ รงิ ใหเ้ กิดข้ึน

๔) ทักษะคล่องแคล่ว (Agility Skills) ทักษะคน (Human Skills)
ทกั ษะผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) และทกั ษะสื่อสาร (Communication Skill)

ทักษะคลอ่ งแคล่ว (Agility Skills)
ความคล่องแคล่วว่องไว เป็น

ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางของร่างกาย
อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพแต่สามารถ
ควบคุมได้ในขณะเคลื่อนไหวด้วยการใช้แรงเต็มที่
มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และร่างกายสามารถ
เปลี่ยนอิริยาบถได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีความ
ผิดพลาดเกิดขึ้น ความคล่องแคล่วว่องไวนี้จะต้อง
อาศัยการควบคุมและการประสานงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อเป็นอย่างดี จึงทาให้เกิดความ
รวดเร็วและแม่นยาขึ้นได้ นอกจากนั้นยังต้องอาศัยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความอ่อนตัวของข้อต่อ
และทักษะในการเคลื่อนไหวเข้ามาประกอบด้วย เพราะฉะนั้นนักกีฬาจะมีความคล่องแคล่วว่องไวได้
จะต้องฝึกฝนตนเองเสมอ และเป็นองค์ประกอบหลักของสมรรถภาพทางกาย ท่ีส่งผลต่อการทากิจกรรม
ตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวนั

ความคล่องในการคิด คอื การที่คนๆหนึ่งมคี วามคล่องแคลว่ ในการคดิ แล้วส่งั การให้ร่างกายลงมือทา
ตามสิ่งทีค่ ิดไว้ในจงั หวะทเี่ หมาะสมตามเหตกุ ารณ์ความคดิ และการส่ังการทีค่ ล่องและว่องไวจะทาให้คนๆน้ัน
ปรบั ตวั ได้ดที ุกสถานการณ์อย่างทนั ทว่ งที อยา่ งเหมาะสม ถูกจังหวะ ถกู กาลเทศะ และถูกเวลา

๑) สามารถปรับความคิด วิธีการทางานไดเ้ ร็ว และเหมาะสมกับสถานการณ์ สามารถดาเนินงานใน
สิ่งที่ใหม่ท่ีตนเองยังไม่เคยทามาก่อนได้ เปิดใจกว้างรบั สิง่ ที่ดี แปลกใหม่ และเรียนรู้สิ่งใหม่ กล้าลงมือฝึกฝน
สง่ิ ทดี่ ี มองไกล กล้าพฒั นาตนเองอยา่ งไมท่ อ้ แทแ้ ละเกยี จครา้ น แมส้ ่งิ นั้นจะยังไม่เกิดผลใหเ้ ห็นในระยะส้ัน

๓) สามารถคิดหาทางเลือกหาทางแก้ไข และหาทางจัดการกับสถานการณ์ใหม่ ที่เกิดขึ้นได้อย่าง
สาเร็จ และมีประสิทธิภาพอยา่ งทนั ทว่ งที และทันเหตุการณ์ได้

๔) สามารถกลน่ั กรองการคิดอย่างครบถ้วนทกุ ดา้ น แล้วสามารถตัดสินใจได้อย่างมีคุณภาพ โดยการ
ตัดสินใจนั้นทาให้เกิดความรู้สึกดี ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย สามารถคิดออกมาเป็นแนวทางที่ชัดเจนจนกระท่ัง
ตนเอง และผรู้ ่วมงานสามารถนาไปลงมือปฏบิ ัติได้ทันที

ทกั ษะคน (Human Skills)
ทักษะด้านคน (human skills) เป็นทักษะในการทาให้เกิดความประสานงานกันของกลุ่มที่ผู้บริหาร

นั้นรับผิดชอบ เป็นการทางานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทัศนคติ การสื่อสาร และผลประโยชน์ของบุคคล และ
กลุ่ม เป็นทักษะการทางานกับคน แนวคิดปัจจุบันในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ มักจะถูกกาหนดให้เป็น
สมรรถนะหนึ่งของผู้บริหารหน่วยงานระดับต่างๆ ให้มีหน้าที่ต้องดูแลพนักงานตั้งแต่รับเข้ามาทางานจนถึง
วันที่ลาออกหรือพ้นสภาพไป จึงกล่าวได้ว่ากระบวนการบริหารคนจะเกิดขึ้นภายในหน่วยงานนั้นเอง
ทักษะในการบริหารจัดการคน ตั้งแต่การวางแผนกาลังคน คัดเลือก พัฒนาและดูแลรักษาคนอย่างมี
ประสิทธิภาพ สามารถนาระบบและเครื่องมือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่เกี่ยวข้องมาใช้ได้อย่างถูกต้อง
จะช่วยสนับสนุนใหพ้ นกั งานในหนว่ ยงานปฏบิ ตั งิ านได้ตามเป้าหมายขององคก์ ร

ทกั ษะการบริหารคน มดี ังนี้
๑) ความรเู้ รอ่ื งกฎหมาย ถงึ ผ้บู รหิ ารจะไมใ่ ชน่ กั กฎหมายโดยตรงแตก่ ็ควรรูเ้ ร่อื งกฎหมายเบื้องตน้

สาหรับพนักงาน กฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ เป็นสิ่งที่จาเป็นต้องรู้เพื่อที่จะสามารถบริหารบุคคลได้อย่าง
ถูกต้องตามระเบียบแบบแผนทก่ี าหนดไว้ และกฎหมายหลักๆท่ตี ้องรู้ เชน่ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน สัญญา
จ้างแรงงานกฎหมายประกันสังคม

๒) มีทกั ษะการสอ่ื สารที่ดี ทงั้ การเขยี น ฟัง พดู เพอื่ ใหผ้ ู้รบั สารไดท้ าตามสารไดอ้ ย่างถูกต้องและ
เขา้ ใจตรงกันมากทีส่ ดุ และทาให้เกิดความน่าเชือ่ ถือมากขึน้ ด้วย

๓) ทกั ษะการจัดการคน เมื่อผบู้ ริหารต้องเปน็ Business Partner เป็นคนท่ีมสี ่วนรว่ มกาหนด
กลยุทธ์มากที่สุด เพราะฉะนั้นทักษะการจัดการคนก็เป็นสิ่งสาคัญ เพราะเป็นการช่วยในการดึงดูดคนเก่ง
เข้ามาและรักษาให้อยูใ่ นองค์กรได้ เช่น ปรับเพิ่มสวัสดกิ ารตา่ งๆ ให้เหมาะสม หรือกฎในการทางานประจา
หลายองค์กรเร่มิ มีการจ้างพนักงานในเงื่อนไขแบบไมป่ ระจามากข้นึ ซึง่ ควรเป็นขอ้ เสนอรว่ มกนั

๔) ทักษะการสรา้ งแรงบนั ดาลใจและกระตุ้นผอู้ ่นื ความสามารถสรา้ งแรงบนั ดาลใจและการกระตนุ้
ผใู้ ต้บงั คบั บญั ชาให้เกดิ พลงั งานเชิงบวกนั้นเปน็ สิ่งสาคญั ทีเ่ ป็นอกี ทักษะทผ่ี บู้ ริหารตอ้ งมี เช่น การใหข้ ้อคิดใน
การทางาน การพฒั นาตนเองในการทางาน หรือการเปน็ แบบอยา่ งที่ดใี นการทางาน เป็นตน้

๕) ทกั ษะการแก้ปัญหา และตัดสนิ ใจทักษะการแกป้ ญั หา กอ่ นการแกป้ ัญหาตอ้ งเขา้ ใจและมีความ
ชัดเจนต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่สาคัญที่สุด เพราะมีผลสืบเนื่องต่อไปถึงการพัฒนาทางเลือก
แก้ปัญหา ส่วนการตัดสินใจเกิดขึ้น
หลังจากได้ผ่านการประเมินแต่ละ
ทางเลือก แล้วจึงทาการเลือกทางเลือกท่ี
ดีที่สุด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และ
สามารถวัดผลการปฏิบัติงานองค์กรได้
อยา่ งเหมาะสม
(https://www.moneytable.com/)

ทักษะผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)
การเป็นผู้ประกอบการจะต้องมีคุณลักษณะ คุณสมบัติ และทักษะของผู้ประกอบการที่ควรมีความรู้

พื้นฐานอันเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็กก่อนการเริ่มต้นธุรกิจ รวมถึงข้อมูลด้านธุรกิจที่มี
ผลอิทธิพลต่อการตัดสินใจดาเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อพัฒนาธุรกิจเป็น
ความรทู้ ่ีผปู้ ระกอบการสามารถนามาใชใ้ นการพัฒนาศักยภาพและยังต้องมขี ้อมูลต่างๆทเี่ ก่ยี วกับการจัดการ
องคก์ รและตวั ธรุ กิจแต่ละประเภท เพ่ือให้นาไปวางแผนในการดาเนินธรุ กิจของตนเอง ตลอดจนสามารถเพิ่ม
ประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ลขน้ึ

ทักษะของผู้ประกอบการท่ีผู้บริหารสถานศึกษาควรมี และสามารถนามาประยุกต์ใช้กับการ
บรหิ ารสถานศึกษา จะนาพาองคก์ รประสบความสาเร็จ มหี ลายประการ ดังน้ี

ผู้บริหารควรเปน็ ผู้ประกอบการที่กระหายในความสาเร็จ (Need for Achievement) มีพลังผลักดัน
ลุกขึ้นมาดาเนินการให้บรรลุไปตามเป้าหมาย การจะตัดสินใจทาอะไรควรอยู่บนพื้นฐานความเสี่ยงให้น้อย
ที่สุด (Risk Taking) ควรตัดสินใจให้รอบคอบ และไม่ประมาท มีความเชื่อมั่น กล้าที่จะลองในสิ่งใหม่ๆ
มองการเปลี่ยนแปลงคือโอกาสมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ มีความอดทนต่อความไม่แน่นอน ควร
เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน มีความสามารถในการตัดสินใจ การตัดสินใจถือเป็นการสร้าง
ความมั่นใจให้เพิ่มขึ้นไม่ว่าผลของการตัดสินใจนั้นจะสาเร็จหรือล้มเหลว แต่หากได้ลองทบทวนเหตุผลให้ดี
แล้ว ก็จงเคารพในการตัดสินใจนั้น มีความยึดมั่นไม่ย่อท้อ ผู้ประกอบการที่จะประสบความสาเร็จได้ คือ
บคุ คลท่ีไม่ลม้ เลิกอะไรง่ายๆ ควรมองว่าความลม้ เหลวหลายตอ่ หลายคร้ังทเ่ี กดิ ขึ้น เปน็ บนั ไดที่จะนาไปสจู่ ดุ ทีส่ ูงกว่า

มีความคิดสร้างสรรค์ และสร้างฝันให้ยิ่งใหญ่ ผู้ประกอบการควรมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มองให้รอบ
ด้าน สามารถมองจากจดุ เล็ก แลว้ สามารถขยายกจิ การให้ใหญโ่ ตขนึ้ ได้ ร้จู ักเรม่ิ ต้นและตอ้ งการความสาเร็จที่
สมบูรณ์แบบ ควรเอาใจใส่ในรายละเอียดทุกอย่างในกิจการ ไม่ควรมุ่งพัฒนาเพียงด้านเดียว ควรมองไป
รอบๆ หาจดุ บกพร่อง และแก้ไขใหด้ ี ตอ้ งตระหนกั ในคุณค่าของเวลา เวลาเป็นสิง่ มคี ่า การตรงต่อเวลา และ
ใช้เวลาทม่ี ีอยใู่ ห้เกิดประโยชน์สงู สดุ ถอื เปน็ กาไรชวี ิต ควรมที กั ษะในการบรหิ ารเวลา

ทักษะส่ือสาร (Communication Skill)

เทคนคิ การสื่อสารท่ดี ีของผู้บรหิ าร สรปุ ไดด้ ังน้ี

ไม่ควรส่อื สารด้วย “ความกลวั ” ใช้การสือ่ สารดว้ ย “ความรกั ”ผู้บริหารจะตอ้ งแก้ปัญหาเรอ่ื งคน
และจะต้องประสานงานใหเ้ กดิ การส่ือสารทีล่ นื่ ไหลในองคก์ รได้ “ความสมั พันธ์ท่ีด”ี จงึ เป็นปัจจยั สาคัญ
ดงั นั้นจะต้องเปล่ียนบทบาท
จากการเป็น “เจ้านาย หรือ
Boss” ที่เอาแต่ส่ังการและ
ตาหนิ ไปเป็น “ผ้หู ลอ่ เลย้ี ง
หรือ Mentor” ทจี่ ะคอยรบั
ฟังและให้การสนบั สนนุ โดย
การฟงั เสียงภายใน
ตนเอง (Inner Listening)
จะทาใหผ้ นู้ าคนน้นั เขา้ ใจ
ความรูส้ กึ และความต้องการ
ของตนเองอยา่ งถ่องแท้ แล้ว
จะนาไปสคู่ วามเขา้ ใจผูอ้ ่ืนได้
อย่างแท้จรงิ ซงึ่ นนั่ จะทาให้
เขาสามารถมอบความรกั และความเห็นอกเห็นใจ ให้กับผู้คนได้อยา่ งเป็นธรรมชาติ

การฟังเพื่อผลลัพธ์ (Active Listening) เป็นทักษะที่ช่วยประหยัดเวลาในการ ฟังได้ อีกทั้งมี
ประสิทธิภาพอย่างสูง สามารถเกบ็ ประเด็นไดค้ รบ และชว่ ยใหอ้ กี ฝ่ายไดแ้ ก้ปญั หาของตนเองด้วย ควรมีการ
ตั้งคาถามต่อยอด การสะท้อนอารมณ์ การทวนความ และการจับประเด็น เพื่อให้ผู้พดู รู้วา่ ผู้บริหารกาลังใส่
ใจและรบั ฟงั อกี ท้งั ชว่ ยสนบั สนนุ ให้เค้าแกป้ ัญหาและหาทางออกดว้ ยตนเอง โดยไมช่ ้นี าและสง่ั การ เน้นการ
สื่อสารด้วยใจกรุณา (Compassionate Communication) ควรมีความมั่นคงในใจและเปิดเผย จะสามารถ
พูดจากความรู้สึก และความต้องการที่แท้จริง ออกมาจากใจโดยไม่ปิดบัง ไม่ต้องใช้กลยุทธ์ ไม่จาเป็นต้อง
อ้อมค้อมหวา่ นล้อมผนู้ าที่ดี มีสติตระหนกั รูว้ ่า คาพูดทีต่ รงไปตรงมาของเขา จะไมไ่ ปทารา้ ยจิตใจอีกฝา่ ย เขา
จะเลือกใชค้ าพูดท่ีรบั ผดิ ชอบในความรสู้ ึกของตวั เองและไมก่ ล่าวหาโจมตอี ีกฝา่ ย
(https://learninghubthailand.com)

บรรณานุกรม
Amonhaemanon, D., & Isaramalai, S. (2562). Financial Literacy: What is it and Why does it Matter?

วารสารบรหิ ารธุรกจิ นดิ า้ , 51-80.

เพาพาน, ช. (2561). ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษายคุ ใหม่ในศตวรรษที่ 21. การประชุมวิชาการระดับชาติครุศาสตร์ ครงั้ ที่ 1, (pp. 301-313).

ฉนั ทสทิ ธิพร, ส. (2560). ปัญญาชนจนี ยุคโบราณกับการรบั ราชการ. วารสารจีนศกึ ษามหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, 31-55.

ปฐมา, ส. (2562). การพัฒนาตวั บง่ ชีเ้ พ่ือการวดั ทกั ษะและความเขา้ ใจและการใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ในวฒั นธรรม และบรบิ ทไทย .
วารสารวชิ าการวทิ ยาลยั สันตพล, 274-286.

หุ่นเสน, ส. (2559). การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบปณิธานแห่งตนทางการเรยี นของนกั ศึกษาวชิ าชพี คร.ู วารสารปัญญาภวิ ฒั น์, 202-215.




Click to View FlipBook Version