The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณี บุญข้าวสาก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ธีรพัฒน์ พัตรคำ, 2019-09-13 04:53:58

ประเพณี บุญข้าวสาก

ประเพณี บุญข้าวสาก

บุญขา้ วสาก

ประวตั ิ

บุญเดอื นสบิ บุญขา้ วสาก หมายถงึ บุญทใี่ หพ้ ระเณร
ทง้ั วดั จบั สลากเพอื่ จะรบั ปัจจยั ไทยทาน ตลอดจนสารบั
กบั ขา้ ว ทญี่ าตโิ ยมนามาถวายและบุญนีจ้ ะทากนั ในวนั
เพ็ญเดอื นสบิ จงึ เรยี กชอื่ อกี อยา่ งวา่ "บญุ เดอื นสบิ

มูลเหตทุ ที่ า

เพอื่ จะทาใหข้ า้ วในนาทปี่ ักดาไปนั้นงอกงาม
และไดผ้ ลบรบิ ูรณ์ และเป็ นการอุทศิ ส่วนกุศลถงึ
ญาตผิ ูล้ ว่ งลบั ไปแลว้

ความเป็ นมาของสลากภตั ตทาน

ในสมยั หนึ่งพุทธองคไ์ ดเ้ สด็จไปกรุงพาราณสี ในคราวนีน้ บุรุษเข็ญใจ พา
ภรรยาประกอบอาชีพตัดฟื นขายเป็ นนิ ตยเ์ สมอมา เขาเป็ นคนเลื่อมใส
พระพุทธศาสนายงิ่ นัก วนั หนึ่งเขาไดป้ รกึ ษากบั ภรรยาวา่ "เรายากจนในปัจจบุ นั
นีเ้ พราะไม่เคยทาบญุ -ใหท้ าน รกั ษาศลี แตล่ ะบรรพกาลเลย ดงั นั้นจงึ ควรทเี่ ราจกั
ไดท้ าบญุ กศุ ล อนั จกั เป็ นทพี่ งึ่ ของตนในสมั ปรายภพ-ชาตหิ นา้ "ภรรยาไดฟ้ ังดงั นี้
แลว้ ก็พลอยเห็นดดี ว้ ย จงึ ในวนั หนึ่งเขาทงั้ สองไดพ้ ากนั เขา้ ป่ าเก็บผกั หกั ฟื นมา
ขายไดท้ รพั ยแ์ ลว้ ไดน้ าไปจ่ายเป็ นค่าหมอ้ ขา้ ว 1 ใบ หมอ้ แกง 1 ใบ ออ้ ย 4 ลา
กลว้ ย 4 ลกู นามาจดั แจงลงในสารบั เรยี บรอ้ ยแลว้ นาออกไปยงั วดั เพอื่ ถวายเป็ น
สลากภตั ตทานพรอ้ มอบุ าสกอบุ าสกิ าเหลา่ อนื่

สามีภรรยาจบั สลากถูกพระภิกษุรูปหนึ่งแลว้ มีใจ
ยนิ ดี จงึ นอ้ มภตั ตาหารของตนเขา้ ไปถวายเสรจ็ แลว้ ได ้
หล่งั น้าทกั ษิโณทกใหต้ กลงเหนือแผ่นปฐพีแลว้ ตง้ั ความ
ปราถนา "ดว้ ยผลทานทงั้ นีข้ า้ พเจา้ เกดิ ในปรภพใดๆ ขนึ้
ชอื่ ว่าความยากจนเข็นใจไรท้ รพั ยเ์ หมือนดงั ในชาตินี้
โปรดอย่าไดม้ ีแก่ขา้ พเจา้ ทง้ั สองเลย ขอใหข้ า้ พเจา้ ทง้ั
สองเป็ นผูม้ ่งั คง่ั สมบรู ณเ์ พยี บพรอ้ มดว้ ยทรพั ยส์ มบตั แิ ละ
มฤี ทธเิ ์ ดชมาก ในปรภพภายภาคหนา้ โนน้ เถดิ " ดงั นี้

ครน้ั สอ งสามีภ รร ยานั้ นอ ยู่พ อสมควรแ ก่
อายุขยั แลว้ ก็ดบั ชพี วายชนมไ์ ปตามสภาพของสงั ขาร
ดว้ ยอานิสงฆแ์ ห่งสลากภตั ตทาน จึงไดไ้ ปเกิดเป็ น
เทพบุตร เทพธดิ าในดาวดงึ สส์ วรรค ์ เสวยสมบตั ทิ ิพย ์
อยู่ในวมิ านทองอนั ผุดผ่องโสภาตระการยิง่ นัก พรอ้ ม
พรง่ั ไปดว้ ยแสนสุรางคน์ างเทพอปั สรหอ้ มลอ้ มเป็ น
บริวาร มีนามบรรหารว่า "สลากภัตตเทพบุตร
เทพธดิ า"

กาล กตวา ครน้ั จุติเลือ่ นจากสวรรคแ์ ลว้ ก็ได ้
ลงมาเกดิ เป็ นกษตั รยิ ใ์ นเมอื งพาราณสี มพี ระนามว่าพระ
เจา้ สทั ธาดิส เสวยราชสมบตั ิอยู่ 84,000 ปี ครน้ั เบื่อ
หน่ายจงึ เสด็จออกบรรพชา ครนั้ สูญสนิ้ ชวี าลงแลว้ ก็ได ้
ไปเกิดในพรหมโลก และต่อมาก็ไดม้ าอุบัติเป็ นพระ
ตถาคตของเราน่ันเอง นี่ คืออานิ สงฆแ์ ห่งการถวาย
สลากภตั ต ์ นับว่ายิง่ ใหญ่ไพศาลยงิ่ นัก สามารถอานวย
สุขสวสั ดแิ ์ ก่ผูบ้ าเพ็ญทง้ั ชาตมิ นุษยแ์ ละสวรรค ์ ในทีส่ ุด
ถงึ ความเป็ นพระพุทธเจา้ ได ้

คาถวายสลากภตั

เอตานิมะนังภนั เต สะจากะภตั ตานิ สะปะรวิ ารานิ
อะสุภฏั ฐานน ฐะปิ ตานิ ภิกขสุ งั ฆสั สะ โอโณชะยามะ
สาธโุ น ภนั เตอภกิ ขสุ งั โฆ เอตานิ สะลากะภตั ตานิ สะ
ปะรวิ ารานิ ปะฏคิ ณั หาตุ อมั หากงั ทฆี ะรตั ตงั หิตายะ
สขุ ายะ

คาแปล

ขา้ แตพ่ ระภกิ ษุสงฆผ์ ูเ้ จรญิ ภตั ตาหารกบั ทง้ั บรวิ ารทง้ั หลาย
เหล่าน้ัน ซงึ่ ตง้ั ไว ้ ณ ทโี่ นน้ ขา้ พเจา้ ทง้ั หลายขอนอ้ มถวายแด่
พระภกิ ษุสงฆ ์ ขอพระภกิ ษุสงฆจ์ งรบั ซงึ่ ภตั ตาหารพรอ้ มทง้ั ของที่
เป็ นบริวารเหล่านี้ของขา้ พเจา้ ท้ังหลายเพื่อประโยชน์และ
ความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทงั้ หลาย สนิ้ กาลนานเทอญ.

พธิ กี รรม

เมอื่ ถงึ วนั ขนึ้ 14 ค่า เดอื น 10 ญาตโิ ยมจะเตรยี มอาหาร คาวหวาน
และหมากพลู บุหรี่ พอเขา้ วนั ขนึ้ 15 ค่า เดอื น 10 ญาตโิ ยมจะพากนั
ทาบุญใส่บาตร พอถงึ เวลาประมาณ 9 - 10 โมงเชา้ พระสงฆจ์ ะตกี ลอง
โฮม(รวม) ญาตโิ ยมจะนาอาหารทเี่ ตรยี มถวายพระสงฆแ์ ละห่อขา้ วนอ้ ย
ซงึ่ มอี าหารคาวหวาน อยา่ งละเล็กอย่างละนอ้ ยแตล่ ะห่อประกอบดว้ ย

1. ขา้ วเหนียว เนือ้ ปลา เนือ้ ไก่ หมู และใส่ลงไปอย่างละ
เล็กอย่างละนอ้ ยถอื เป็ นอาหารคาว

2. กลว้ ย น้อยหน่ า ฝรง่ั แตงโม สบั ปะรด ฟักทอง
(แลว้ แตจ่ ะเลอื กใส่)เป็ นอาหารหวาน

หลงั จากนาอาหารที่เตรยี มห่อเป็ นคู่ๆ นามาผูกกนั เป็ นพวง
แลว้ แต่จะใส่กหี่ ่อก็ไดส้ ่วนใหญ่จะใช ้ 10 คู่ เมื่อนาไปเลยี้ ง "ผีตา
แฮก" ที่นาของตนเองดว้ ย โดยมีความเชอื่ ว่าจะทาใหผ้ ีตาแฮก
พอใจ และชว่ ยดูแลขา้ วกลา้ ในนาใหง้ อกงามสมบูรณ์ ตลอดจน
ชว่ ยขบั ไลศ่ ตั รขู า้ วไดแ้ ก่ นก หนู ปนู า ไม่ใหม้ าทาลายตน้ ขา้ วในนา
อกี ส่วนหนึ่ง เมอื่ นาอาหารมาถงึ ศาลาวดั ทจี่ ะทาบุญแลว้ เขยี นชอื่
ของตนลงในกระดาษ มว้ นลงใสใ่ นบาตร เมอื่ ทกุ คนมาพรอ้ มกนั แลว้
ผูท้ ีจ่ ะเป็ นหวั หนา้ กล่าวนาคาถวายสลากภตั ญาตโิ ยมว่าตามจบ
แลว้ นาไปใหพ้ ระเณร จบั สลากทอี่ ยู่ในบาตร พระเณรจบั ไดส้ ลาก
ของใคร ผูเ้ ป็ นเจา้ ของพาขา้ ว(สารบั กบั ขา้ ว)และเครอื่ งปัจจยั
ไทยทานก็นาไปประเคนใหพ้ ระรูปนั้นๆ จากนั้นพระเณรจะฉันเพล
ใหพ้ รญาตโิ ยมจะพากนั รบั พรแลว้ กรวดน้าอทุ ศิ สว่ นกศุ ลไปใหญ้ าติ
พนี่ อ้ งทลี่ ว่ งลบั ไปแลว้

ห่อขา้ วนอ้ ย มูลเหตทุ ที่ า

เพอื่ จะทาใหข้ า้ วในนาทปี่ ักดาไปนั้นงอกงาม และไดผ้ ลบรบิ รู ณ์ และเป็ นการอทุ ศิ
ส่วนกุศลถงึ ญาตผิ ูล้ ่วงลบั ไปแลว้ ความเป็ นมาของสลากภตั ตทาน ในสมยั หนึ่งพุทธ
องคไ์ ดเ้ สด็จไปกรุงพาราณสี ในคราวนีน้ บุรุษเข็ญใจ พาภรรยาประกอบอาชพี ตดั ฟื น
ขายเป็ นนิตยเ์ สมอมา เขาเป็ นคนเลอื่ มใสพระพุทธศาสนายงิ่ นัก วนั หนึ่งเขาไดป้ รกึ ษา
กบั ภรรยาว่า "เรายากจนในปัจจุบนั นีเ้ พราะไม่เคยทาบุญ-ใหท้ าน รกั ษาศีลแต่ละ
บรรพกาลเลย ดังนั้นจึงควรที่เราจักไดท้ าบุญกุศล อันจักเป็ นที่พึ่งของตนใน
สมั ปรายภพ-ชาตหิ นา้ "ภรรยาไดฟ้ ังดงั นีแ้ ลว้ ก็พลอยเห็นดดี ว้ ย จงึ ในวนั หนึ่งเขาทง้ั
สองไดพ้ ากนั เขา้ ป่ าเก็บผกั หกั ฟื นมาขายไดท้ รพั ยแ์ ลว้ ไดน้ าไปจา่ ยเป็ นค่าหมอ้ ขา้ ว 1
ใบ หมอ้ แกง 1 ใบ ออ้ ย 4 ลา กลว้ ย 4 ลูก นามาจดั แจงลงในสารบั เรยี บรอ้ ยแลว้
นาออกไปยงั วดั เพื่อถวายเป็ นสลากภตั ตทานพรอ้ มอุบาสกอุบาสกิ าเหล่าอนื่ สามี
ภรรยาจบั สลากถูกพระภิกษุรูปหนึ่งแลว้ มีใจยินดี จึงนอ้ มภตั ตาหารของตนเขา้ ไป
ถวายเสร็จแลว้ ไดห้ ล่งั น้าทกั ษิโณทกใหต้ กลงเหนือแผ่นปฐพีแลว้ ตง้ั ความปราถนา
"ดว้ ยผลทานทงั้ นีข้ า้ พเจา้ เกดิ ในปรภพใดๆ ขึน้ ชอื่ ว่าความยากจนเข็นใจไรท้ รพั ย ์
เหมอื นดงั ในชาตนิ ี้ โปรดอย่าไดม้ แี กข่ า้ พเจา้ ทง้ั สองเลย ขอใหข้ า้ พเจา้ ทงั้ สองเป็ นผูม้ ่งั
ค่งั สมบูรณเ์ พยี บพรอ้ มดว้ ยทรพั ยส์ มบตั แิ ละมฤี ทธเิ ์ ดชมาก ในปรภพภายภาคหนา้
โนน้ เถดิ " ดงั นี้

ครน้ั สองสามีภรรยาน้ันอยู่พอสมควรแก่อายุขยั
แลว้ ก็ดบั ชพี วายชนมไ์ ปตามสภาพของสงั ขาร ดว้ ย
อานิสงฆแ์ ห่งสลากภตั ตทาน จงึ ไดไ้ ปเกดิ เป็ นเทพบุตร
เทพธดิ าในดาวดงึ สส์ วรรค ์ เสวยสมบตั ทิ พิ ยอ์ ยู่ในวมิ าน
ทองอนั ผุดผ่องโสภาตระการยงิ่ นัก พรอ้ มพรง่ั ไปดว้ ยแสน
สรุ างคน์ างเทพอปั สรหอ้ มลอ้ มเป็ นบรวิ าร มนี ามบรรหาร
วา่ "สลากภตั ตเทพบตุ รเทพธดิ า"

กาล กตวา ครน้ั จุตเิ ลอื่ นจากสวรรคแ์ ลว้ ก็ไดล้ งมาเกดิ
เป็ นกษตั รยิ ใ์ นเมืองพาราณสี มีพระนามว่าพระเจา้ สทั ธาดิส
เสวยราชสมบตั ิอยู่ 84,000 ปี ครน้ั เบื่อหน่ ายจึงเสด็จออก
บรรพชา ครนั้ สูญสนิ้ ชวี าลงแลว้ ก็ไดไ้ ปเกดิ ในพรหมโลก และ
ต่อมาก็ไดม้ าอบุ ตั เิ ป็ นพระตถาคตของเราน่ันเอง นี่คอื อานิสงฆ ์
แห่งการถวายสลากภตั ต ์ นับว่ายงิ่ ใหญ่ไพศาลยงิ่ นัก สามารถ
อานวยสุขสวสั ดแิ ์ กผ่ ูบ้ าเพ็ญทง้ั ชาตมิ นุษยแ์ ละสวรรค ์ ในทสี่ ุด
ถงึ ความเป็ นพระพุทธเจา้ ได ้

คาถวายสลากภตั
เอตานิมะนังภนั เต สะจากะภตั ตานิ สะปะรวิ ารานิ อะสุภฏั

ฐานน ฐะปิ ตานิ ภกิ ขสุ งั ฆสั สะ โอโณชะยามะ สาธโุ น ภันเต
อภกิ ขสุ งั โฆ เอตานิ สะลากะภตั ตานิ สะปะรวิ ารานิ ปะฏิคณั
หาตุ อมั หากงั ทฆี ะรตั ตงั หติ ายะ สขุ ายะ

คาแปล
ขา้ แต่พระภิกษุสงฆผ์ ูเ้ จรญิ ภตั ตาหารกบั ท้งั บรวิ าร

ทง้ั หลายเหล่าน้ัน ซงึ่ ตงั้ ไว ้ ณ ที่โนน้ ขา้ พเจา้ ทง้ั หลายขอ
น้อมถวายแด่พระภิกษุ สงฆ ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรบั ซึ่ง
ภตั ตาหารพรอ้ มทง้ั ของที่เป็ นบรวิ ารเหล่านี้ของขา้ พเจา้
ทง้ั หลายเพอื่ ประโยชนแ์ ละความสุขแกข่ า้ พเจา้ ทงั้ หลาย สนิ้
กาลนานเทอญ.

พธิ กี รรม
เมอื่ ถงึ วนั ขนึ้ 14 ค่า เดอื น 10 ญาตโิ ยมจะเตรยี มอาหาร คาว

หวาน และหมากพลู บหุ รี่ พอเขา้ วนั ขนึ้ 15 ค่า เดอื น 10 ญาตโิ ยมจะพากนั
ทาบุญใส่บาตร พอถงึ เวลาประมาณ 9 - 10 โมงเชา้ พระสงฆจ์ ะตกี ลองโฮม
(รวม) ญาติโยมจะนาอาหารที่เตรยี มถวายพระสงฆแ์ ละห่อขา้ วน้อยซงึ่ มี
อาหารคาวหวาน อยา่ งละเล็กอย่างละนอ้ ยแตล่ ะหอ่ ประกอบดว้ ย

1. ขา้ วเหนียว เนือ้ ปลา เนือ้ ไก่ หมู และใสล่ งไปอย่างละเล็กอย่าง
ละนอ้ ยถอื เป็ นอาหารคาว

2. กลว้ ย นอ้ ยหน่า ฝรง่ั แตงโม สบั ปะรด ฟักทอง (แลว้ แต่จะ
เลอื กใส)่ เป็ นอาหารหวาน

หลงั จากนาอาหารที่เตรยี มห่อเป็ นคู่ๆ นามาผูกกนั เป็ นพวง
แลว้ แต่จะใส่กหี่ ่อก็ไดส้ ่วนใหญ่จะใช ้ 10 คู่ เมือ่ นาไปเลยี้ ง "ผีตาแฮก" ทนี่ า
ของตนเองดว้ ย โดยมคี วามเชอื่ ว่าจะทาใหผ้ ีตาแฮกพอใจ และชว่ ยดูแลขา้ ว
กลา้ ในนาใหง้ อกงามสมบรู ณ์ ตลอดจนชว่ ยขบั ไลศ่ ตั รขู า้ วไดแ้ ก่ นก หนู ปนู า
ไม่ใหม้ าทาลายตน้ ขา้ วในนาอกี ส่วนหนึ่ง เมื่อนาอาหารมาถงึ ศาลาวดั ที่จะ
ทาบุญแลว้ เขยี นชอื่ ของตนลงในกระดาษ มว้ นลงใส่ในบาตร เมือ่ ทุกคนมา
พรอ้ มกนั แลว้ ผูท้ จี่ ะเป็ นหวั หนา้ กล่าวนาคาถวายสลากภตั ญาตโิ ยมว่าตาม
จบแลว้ นาไปใหพ้ ระเณร จบั สลากทอี่ ยู่ในบาตร พระเณรจบั ไดส้ ลากของใคร
ผูเ้ ป็ นเจา้ ของพาขา้ ว(สารบั กบั ขา้ ว)และเครอื่ งปัจจยั ไทยทานก็นาไปประเคน
ใหพ้ ระรูปนั้นๆ จากน้ันพระเณรจะฉันเพล ใหพ้ รญาตโิ ยมจะพากนั รบั พรแลว้
กรวดนา้ อทุ ศิ สว่ นกศุ ลไปใหญ้ าตพิ นี่ อ้ งทลี่ ่วงลบั ไปแลว้

ความหมาย คาเทศนา เกยี่ ว บุญขา้ วสลาก ของ หลวงพอ่ ชา พระโพธญิ าณเถระ (ชา สุภทโฺ ท)

" วันนี้เป็ นวันธรรมสวนะ ซึง่ ประกอบดว้ ยเดือน ๑๐ เพ็ญภาษา
ประเพณีบา้ นเราเรยี กวา่ "บญุ ขา้ วสาก" (สลาก) ศพั ทเ์ ดมิ มาจากคาวา่
ขา้ วสลากภตั ตามภาษาบา้ นเราเรยี กว่า "ขา้ วสาก" (ภาษาทอ้ งถนิ่ อิ
สาน) ความเป็ นจรงิ คาว่า "สาก" มนั ออกมาจาก "สลาก" สลากภตั ...
ประเพณีบรรพบรุ ษุ ของเราทง้ั หลายนับถอื กนั ว่าเป็ นบญุ ในกลางพรรษา
จะมกี ารทาบญุ กนั ในชว่ งเดอื น ๙ ดบั เดอื นเพ็ญ ๑๐

ในสมยั กอ่ นนั้น วนั นีจ้ ะมเี ทศนต์ ลอดวนั แจกหนังสอื
เป็ นกณั ฑใ์ หพ้ ระภกิ ษุสามเณรกนั ทุกปี ขา้ วสลากภตั ... เนื่องมาจาก
ญาติโยมทั้งหลายถวายทาน จับสลากกนั คือญาติโยมเขียนชอื่
พระภิกษุสามเณรลงในบาตร แลว้ ใหญ้ าติโยมจบั สลาก ใครจบั ถูก
พระองคไ์ หนก็เอาไทยทานไปถวายพระภิกษุองคน์ ั้น เรยี กว่า "ขา้ ว
สลาก" เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลหาเปรตญาติทั้งหลาย ซงึ่ เป็ น
บุพการี ระลกึ ถงึ คุณบดิ ามารดา ซงึ่ เป็ นทนี่ ับถอื ของกุลบุตรลูกหลาน
ตามประเพณีของเราเรยี กว่า พ่อ แม่ ป่ ู ย่า ตา ยายทลี่ ่วงลบั ไปนมนาน
และสัตวท์ ้ังหลายทั้งปวงที่ดับขันธไ์ ปสู่ปรโลกหน้า และที่ยังมีจิต
วญิ ญาณเวยี นวา่ ยตายเกดิ ในวฏั ฏสงสาร

ในกลางพรรษาแต่ละคราวทาบุญครงั้ หนึ่ง เรยี กวา่ บุญขา้ ว
สลาก บา้ นเราแต่กอ่ นห่อขา้ วสาก (ประเพณีชาวอสิ าน) ห่อขา้ วไปวางไว ้
ตามรอบๆ วดั หรอื รอบๆ บา้ นเรา เป็ นประเพณีของพวกเราทง้ั หลายเคย
ทากนั มาทุกๆ ปี มิไดข้ าด แลว้ ก็เอาเรอื่ งชาดกต่างๆ มาเทศน์ เกยี่ วกบั
นิยายของบรรพบุรุษทงั้ หลาย เอามาเทศนส์ ู่กนั ฟัง ปี หนึ่งๆ จะตอ้ งทากนั
และมกี ฎเกณฑว์ ่าวนั นีพ้ วกเราทเี่ ป็ นชาวพุทธ เป็ นลกู เป็ นหลานของบดิ า
มารดาทลี่ ่วงลบั ไปแลว้ ไดพ้ ากนั มาใหท้ านพ่อแม่ โบราณเขาถอื ว่าวนั นี้
ยมบาลปลอ่ ยเปรตปลอ่ ยสตั วน์ รกมารบั ของแจกทาน ในศาลาโรงธรรม

สมยั ก่อนไม่เรยี กว่า "ศาลาโรงธรรม" แต่เรยี กว่า "หอ
แจก" คอื หมายความวา่ เป็ นสถานทเี่ ราชาวพุทธบรษิ ทั ไดม้ าทาบญุ ใหท้ าน
ถวายทาน ในสถานทนี่ ้ันเรยี กวา่ "หอแจก" เพราะเป็ นโรงทานสาหรบั แจก
อาหารบรโิ ภคขบฉัน เป็ นสถานที่แจกทาน ทุกวนั นีเ้ รยี กว่า "ศาลาโรง
ธรรม" เป็ นสถานทฟี่ ังธรรม อธบิ ายธรรมะ เกยี่ วกบั การแนะนาพรา่ สอน
กุลบุตรลกู หลาน พวกเราทง้ั หลาย เราทที่ ากนั มาอย่างนีเ้ รอื่ ยๆ ตลอดมา
เรยี กว่าการทาบุญ รวมเป็ นบุญอนั เดยี วกนั ชอื่ ของบุญต่างกนั แต่ว่ามา
รวมเป็ นบุญอนั เดยี วกนั เหมอื นกบั คนเราถงึ ว่าชอื่ จะแตกต่างกนั ก็ชอื่ ว่า
เป็ นคนธรรมดาอันเดียวกัน แต่ชอื่ อาจจะแตกต่างกนั แต่ก็เป็ นคน
เหมอื นกนั

การทาบญุ สนุ ทานเรยี กวา่ "บญุ " "บญุ " คอื ความดี สรา้ ง
ความดี สรา้ งความดีเมื่อใดน้ันแหละท่านเรยี กว่ามันเป็ นบุญ
เรยี กว่าไดบ้ ุญ คนเราไม่เขา้ ใจเรอื่ งบุญ มาทาบุญก็นึกว่าไดบ้ ุญ
กลบั บา้ นก็ไม่เอาบุญไปดว้ ย พระพุทธองคท์ ่านสอนว่าใหเ้ อาบุญ
กลบั ไปดว้ ย จงึ ไดม้ าฟังธรรมกนั ฟังธรรมแลว้ ก็รจู ้ กั ผดิ รจู ้ กั ถกู แลว้
ก็จาคาน้ันไปปฏบิ ตั ิ รกั ษากาย รกั ษาวาจา รกั ษาใจเรา อยู่ทบี่ า้ น
เรยี กว่าเป็ นผูม้ บี ุญ ถา้ ใครเป็ นผูม้ บี ุญก็จะมคี วามสุขความสบายใน
ครอบครวั ตลอดถงึ หมู่บา้ น ถา้ บา้ นไหนมีบุญ ไม่ใชบ่ ุญแบบบุญ
บอ้ งไฟ ซงึ่ มแี ตก่ ารตรี นั ฟันแทงกนั อนั นีช้ อื่ วา่ บญุ แตว่ า่ ไม่เป็ นบญุ

คาที่ว่าบุญคอื ความดี พี่น้องทงั้ หลายก็ว่ามาเอาบุญ
กลบั ไปบา้ นลูกหลานถามว่า "มาแต่ไหนแม่?" ตอบลกู ว่า "มาจาก
การเอาบญุ " แลว้ ลกู ถามตอ่ ไปอกี วา่ "บญุ อย่ไู หนแม่" ตอบลกู ไม่ได ้
ซะแลว้ ไดแ้ ต่ถว้ ยเปล่ากลบั บา้ น ไดแ้ ต่กล่องขา้ วเปล่ากลับบา้ น
พระฉันหมด เพราะพวกเราไม่รูจ้ กั คาว่าบุญกนั จงึ ตอบลูกไม่ได ้
เลยไม่เคยไดบ้ ุญกนั แลว้ ก็มคี นบางคนเคยบ่นว่าทาบุญไม่เคยเห็น
ไดบ้ ุญอะไร เอาขา้ วไปก็หมดขา้ ว เอาแกงไปก็หมดแกง ไม่ไดบ้ ุญ
อะไร อยา่ งนีเ้ รยี กวา่ คนไม่รจู ้ กั บญุ เลยไม่ไดบ้ ญุ สกั ที

คาวา่ "บญุ " ก็ คอื ความดี ความดที เี่ กดิ จากการปฏบิ ตั เิ อา
การละบาปทางกาย ทางวาจา ทางใจของเรา เขา้ ใจแลว้ ก็นาไปปฏบิ ตั ิ
ไม่ใชว่ ่าจะมาเอาบุญแต่ในวดั ไปบา้ นเป็ นพ่อบา้ นแม่บา้ นเป็ นลูกเป็ น
หลานในครอบครวั ก็ทาใหค้ รอบครวั หมู่บา้ นของเราอยู่เย็นเป็ นสุข
เพราะพูดกนั ดี ไม่มกี ารทะเลาะเบาะแวง้ กนั มคี วามถูกตอ้ งสามัคคกี นั
แม่บา้ นก็ทาหนา้ ทขี่ องแม่บา้ นใหถ้ กู ตอ้ งพ่อบา้ นกท็ าหนา้ ทขี่ องพ่อบา้ น
ใหถ้ กู ตอ้ ง ตา่ งคนตา่ งกพ็ ยายามสรา้ งความดกี นั ทกุ คน ความเลวรา้ ยก็
ไม่เกดิ ขนึ้ มา นีเ้ รยี กวา่ บญุ บญุ คอื ความดี ถา้ ไปตงั้ อย่ทู ไี่ หนก็สบาย

ถา้ ใจเราเป็ นบุญ ความจรงิ ตอ้ งใหใ้ จของเรารบั เอาบุญ รบั
เอาความดไี ปประพฤตปิ ฏบิ ตั ชิ าระบาปคอื ความชว่ั ทงั้ หลายออกจากใจ
ของเรา อย่าใหม้ ีราคะ โทสะ โมหะ ใหอ้ ดใหก้ ลนั้ ใหห้ ม่นั เพียร ให ้
ถกู ตอ้ ง สามคั คกี ลมเกลยี วกนั ทง้ั พ่อแม่ลกู หลานบา้ นเมอื ง มนั ก็จะเห็น
บญุ ได ้ ทาไมจะไม่เห็น คอื ความดมี นั ตง้ั ขนึ้ มขี นึ้ อยู่ทไี่ หน บา้ นนั้นก็อยู่
เย็นเป็ นสขุ นีช้ อื่ วา่ เราไดเ้ อาบญุ ไปดว้ ย เอาไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ถิ า้ ไม่ได ้
ประพฤตปิ ฏบิ ตั ดิ ว้ ยกายวาจาของเราแลว้ บุญก็ไม่เกดิ บุญก็ไม่มี ขนึ้
ชอื่ ว่าบุญคอื ความดี ความถกู ตอ้ ง ความดที ปี่ ราศจากโทษ มอี ยู่ในใจ
ของใคร คนน้ันก็เป็ นบญุ

ถา้ ใจเป็ นบุญ จะไปอยู่ทไี่ หนก็มคี วามดเี กดิ ขนึ้ มา ใหพ้ ากนั
เขา้ ใจคาว่าบุญ ถา้ คนไม่รูจ้ กั บุญก็ไม่ไดป้ ฏบิ ตั ิ ไม่รูว้ ่าบุญอยู่ที่
ไหน เพราะว่าบุญไม่เป็ นวตั ถุ คือจติ ใจเรามนั เป็ นบุญ มีเมตตา
ความรกั ใคร่ หวงั ใหผ้ ูอ้ ื่นเป็ นสุข มีความกรุณา ความสงสาร
มนุษยท์ งั้ หลายเกดิ ขนึ้ มารว่ มโลกอนั เดยี วกนั เป็ นญาตกิ นั ญาติ
คอื ความแก่ ญาตคิ อื ความเจ็บ ญาตคิ อื ความตาย

พระพุทธเจา้ ของเรา พระองคส์ อนใหก้ ระทาในปัจจบุ นั ใหม้ ี
บญุ ในปัจจบุ นั อย่างเราทาบญุ อทุ ศิ ไปหาพ่อแม่ของเรา ไม่รวู ้ ่าพ่อ
แม่เราอยู่ไหน ไม่มีใครพาไปดไู ด ้ เพราะไม่รูจ้ กั ฉะนั้นพระพุทธ
องคข์ องเราท่านสอนว่า อย่าไปเอาบุญเมื่อตาย... มันไม่รูจ้ กั
ทาบญุ แลว้ ไดร้ บั หรอื ไม่ไดร้ บั ก็ไม่รจู ้ กั เพราะอะไร? เพราะไม่ไดท้ า
ไวใ้ นปัจจบุ นั ผูต้ ายไปแลว้ ไม่รูว้ ่าไปเกดิ ทไี่ หน หรอื ว่าไม่เกดิ ก็ไม่
รจู ้ กั ทาบญุ กนั ไปแบบไม่รมู ้ นั ก็เกดิ ความสงสยั

พระพุทธองคข์ องเราสอนวา่ ใหท้ าเมอื่ มชี วี ติ นีแ้ หละ
เป็ นคนใจดี เป็ นคนใจงาม เป็ นคนใจกวา้ งขวาง ไม่อจิ ฉาพยาบาท
กนั ใหค้ วามสขุ ซงึ่ กนั และกนั ทกุ คนถา้ เขา้ ใจธรรมะอยา่ งนี้ บญุ
มนั ก็เกดิ ขนึ้ มาเป็ นบญุ ความดที ปี่ ราศจากโทษนั้นแหละชอื่ วา่
"บญุ " ถา้ ใครรจู ้ กั ความดที ปี่ ราศจากโทษ คนนั้นก็รจู ้ กั ตวั บญุ
บญุ น้ันมนั เกดิ ขนึ้ ในจติ ใจของเรา

ฉะน้ัน วนั นีท้ า่ นจงึ ถอื วา่ เป็ นวนั สาคญั วนั หนึ่ง ทจี่ ะ
ปลอ่ ยสตั วน์ รกทง้ั หลายมารบั ไทยทานกบั ลกู หลาน ก็เปรยี บ
ประหนึ่งวา่ ตวั เรานั้นแหละปลอ่ ยตวั เรา คอื เรามาวดั วนั นี้ เป็ นวนั
บญุ ขา้ วสลาก ก็พยายามมากนั ถงึ จะย่งุ ยากก็อตุ สา่ หม์ า ปรารภ
ตวั พ่อแม่เราขนึ้ เป็ นประธานวา่ ทาบญุ อทุ ศิ ใหพ้ ่อแม่ เราเกดิ มา
จากพ่อแม่ทกุ คน ถา้ พูดถงึ พ่อแม่แลว้ ก็คดิ ถงึ ก็เลยเป็ นเหตใุ หม้ า
วดั ถงึ จะมภี าระย่งุ ยากทบี่ า้ นก็อตุ สา่ หม์ า ลาการ ลางานมา ก็
เพอื่ ทาจติ ใจของเราใหส้ งบระงบั เพอื่ ใหเ้ ป็ นบญุ เป็ นกศุ ล ใหใ้ จดี
ใจงาม ใจกวา้ งขวางใหท้ าซะในปัจจบุ นั นีด้ กี วา่ วนั หนา้ ทาวนั นี้
ดกี วา่ วนั พรงุ่ นี้ ความผดิ ทงั้ หลายทเี่ กดิ มาในเรา เราก็รจู ้ กั ใน
ขณะทเี่ รามชี วี ติ อยู่ ความชว่ั ทงั้ หลายทมี่ นั หมดไป ทเี่ ราจะละก็
รจู ้ กั ในเมอื่ เรายงั มชี วี ติ อยู่ นีเ้ รยี กวา่ "ละบาป บาเพ็ญบญุ "

พระพุทธศาสนาสอนใหพ้ วกเราทง้ั หลายกระทากนั อย่างนีอ้ ยู่กนั ฉันพีน่ อ้ ง
ไม่ใหเ้ ป็ นอนื่ ใหค้ วามสขุ คนอนื่ ก็คอื ใหค้ วามสขุ เราผูอ้ นื่ ไดร้ บั ความสขุ ก็เหมอื น
เราไดค้ วามสุข ในชวี ติ หนึ่งเกดิ มาอย่างมากก็ ๑๐๐ ปี เป็ นอายุขยั ของมนุษย ์
แต่ไม่ค่อยถงึ หรอกในเมอื่ เราเกดิ มาเราไม่ไดเ้ อาอะไรมา ไม่ไดม้ าเอาเรอื กสวน
ไรน่ า แตส่ กั วา่ เราเกดิ มาก็ตอ้ งทากนิ มถี นิ่ ฐานบา้ นเรอื น มไี รน่ าทาไปไดอ้ าศยั
อยู่กนิ ไปเพื่อเป็ นปัจจยั เครอื่ งอาศยั ใหช้ วี ติ เป็ นอยู่ได ้ เพื่อไดท้ าบุญ เพราะว่า
โลกทเี่ ราอย่อู าศยั นีม้ นั ไม่ใชบ่ า้ นเรา ไม่ใชท่ อี่ ย่อู าศยั ทแี่ ทจ้ รงิ ถงึ จะเป็ นของเรา
ก็ไม่ใชข่ องเราอย่างแทจ้ รงิ เป็ นตวั เราก็ไม่ใชต่ วั เราอย่างแทจ้ รงิ

อนั นีจ้ ะเห็นไดง้ ่ายๆ วา่ เราเคยมพี ่อ แม่ ป่ ู ยา่ ตา ยาย มพี นี่ อ้ งมนั ไม่ยง่ั ยนื
เดย๋ี วก็จากหายไป ไม่รูว้ ่าไปไหน ผลทสี่ ุดก็เหลอื แต่ผูเ้ กดิ ภายหลงั เหมอื นกนั
กบั ผลไมเ้ ป็ นดอกแลว้ ก็เป็ นผลเป็ นผลเล็กๆแลว้ ก็ห่าม ห่ามแลว้ ก็เละ แลว้ ก็รว่ ง
หล่นไป มนั เป็ นไปในทานองนี้ คนเราก็ไม่แตกต่างจากผลไม้ แต่ว่าเราไม่ค่อย
รจู ้ กั เมอื่ เกดิ มาแลว้ ก็ไปยดึ ม่นั ถอื ม่นั ว่าอนั นีเ้ ป็ นตวั เราอย่างแน่นอนถงึ อย่างไร
ก็อยู่ไม่ไดใ้ นโลกนี้ จาเป็ นตอ้ งลาโลกนีไ้ ปเบอื้ งหนา้ คนเราเกดิ มาจงึ ทุกขม์ าก
ทุกขเ์ พราะว่าไปหมายม่นั ของทไี่ ม่ใชข่ องตนว่าเป็ นของตน เมอื่ เกดิ มาแลว้ ไม่
อยากแกส่ กั คน ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากไปทางไหน แต่ก็ไม่ไดต้ ามปรารถนา เรา
จาเป็ นก็ตอ้ งไป จาเป็ นตอ้ งหนี ถงึ แมจ้ ะเรยี กรอ้ งใหอ้ ยู่ ไม่อยากหนีก็ตอ้ งหนี ผู้
ไม่อยากหนีรอ้ งไหอ้ ยากอย่กู ็ไม่ไดอ้ ยู่ เป็ นเรอื่ งจาเป็ นของมนั อยา่ งนี้

ฉะน้ันพระบรมศาสดาของเราท่านจงึ บอกว่า "อย่าประมาท"
เป็ นหนุ่มเป็ นสาวบางคนก็หลง ไม่รวู ้ ่ามาจากไหน จะไปไหนไม่รจู ้ กั ผล
ที่สุดพออายุแก่หน่ อยก็พอรูจ้ กั หรอก แต่ชว่ งที่อยู่ในวยั หนุ่ มๆ นี้ก็
เพลดิ เพลนิ มาก พอแกม่ าสกั หน่อยฟันมนั โยก ฟันมนั หลดุ เอา้ !...ลอง
ดูทีนี้ เดินไปตามทางเด็กมนั บอกรอ้ งเพลงใหม้ นั ฟัง ก็ไม่อยากรอ้ ง
หรอก คอื มนั ไม่เพลดิ เพลนิ เหมอื นแต่ก่อน มนั ไม่อยากจะเพลิดเพลนิ
เพราะมนั ไม่ใชท่ อี่ ย่ขู องเรา มนั เสอื่ มไปนีแ้ หละมนั ไม่ใชข่ องเราแทๆ้ ถา้
ไม่ใชข่ องเราจะทาอย่างไร?

พระพุทธองคท์ ่านว่าใหส้ รา้ งความดี สงิ่ ทนี่ าพาไปสู่ทดี่ นี ั้น
แหละ ถา้ พูดถงึ ธรรมะอนั สูงนั้น พระพุทธเจา้ ท่านบอกว่าใหพ้ น้ จาก
เกดิ แก่ เจ็บ ตาย แตพ่ วกเราก็ไม่อยากจะไปกนั ... ไปพระนิพพาน...วา่
มนั ไม่เกดิ ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ก็ไม่อยากไป กลวั จะไม่เห็นหนา้ เพอื่ น
ฝูง กลวั จะไม่เห็นหนา้ ลูกหลาน เรามนั ตดิ อยู่อย่างนี้ เพราะไม่ไดฟ้ ัง
ธรรมะอนั แทจ้ รงิ เห็นอะไรก็ห่วงใยอยตู่ ลอดกาลตลอดเวลา ใจเราเศรา้
หมองไม่ไดผ้ ่องใส ไม่ไดส้ ะอาด มนั ข่นุ มวั ใจข่นุ มวั เมอื่ ใดการพูดเราก็
เป็ นอกุศลกรรม การกระทาของเราก็เป็ นบาป ไม่ผ่องใส เราไม่ตอ้ งดู
จากทอี่ นื่ ดูทตี่ วั ของเรานีแ้ หละ เวลาเราโกรธทาไมมนั ถงึ พูดไม่เพราะ
ไม่น่าฟัง กรรมนีแ้ หละมนั บงั คบั ใหท้ าความชว่ั อยเู่ รอื่ ยไป

ฉะน้ัน พระพุทธเจา้ ของเราท่านจงึ สอน สอนสงิ่ ทเี่ ราเป็ นอย่นู ีแ้ หละ
ใหร้ ูจ้ กั เพราะเราไม่ค่อยรูจ้ กั สมยั ก่อนพอถึงบุญขา้ วสลากบุญขา้ ว
ประดบั ดนิ ก็เอาหนังสอื ชาดกมาอ่าน เทศนไ์ ปโนน้ เทศนไ์ ปเรอื่ งของ
คนอนื่ ไม่เทศนเ์ รอื่ งของพวกเราสกั ที มนั ก็เลยไม่รเู ้ รอื่ งของตวั เอง

บุญขา้ วสลาก นีต้ ามประวตั กิ าลมนั เกดิ มาจากบุคคล มนั เกดิ มา
จากเรอื่ งของเมียนอ้ ยกบั เมียหลวง มีคนๆ หนึ่ง มีสามีแลว้ แต่ไม่มีลูก
ดว้ ยกนั มแี ตส่ องสามภี รรยาอยดู่ ว้ ยกนั ก็กลวั ว่าจะไม่มผี ูส้ บื วงศต์ ระกลู
อยากจะไดล้ ูกเพื่อไวร้ บั มรดก เมียหลวงก็เลยไปหาเมียนอ้ ยมาใหผ้ วั
เพราะว่าอยากไดล้ ูกเพอื่ จะไดส้ บื วงศต์ ระกูล พอไดเ้ มียนอ้ ยมาอยู่ดว้ ย
เมยี นอ้ ยก็ตงั้ ทอ้ ง ฝ่ ายเมยี หลวงกลวั ว่าเมยี นอ้ ยจะไดร้ บั มรดกคนเดยี ว
จงึ คดิ จะทาลายลูกของเมยี นอ้ ย คอื หายามาทาลายครรภข์ องเมยี นอ้ ย
ใหต้ กไป (แทง้ ลกู ) ทาอย่หู ลายครงั้

ครง้ั สุดทา้ ยไดเ้ อายาพษิ ใหเ้ มยี นอ้ ยกนิ เป็ นเหตใุ หเ้ มยี นอ้ ยตายทง้ั
ลูกทงั้ แม่ กอ่ นทเี่ มยี นอ้ ยจะตายก็รูว้ ่าเมยี หลวงเป็ นผูท้ าลายตวั และลูก
จงึ ผูกพยาบาทอาฆาตไวว้ ่า เกดิ ชาติไหนๆ ก็ขอใหไ้ ดฆ้ ่าลูกของเมีย
หลวง และตวั ของเมยี หลวง เพือ่ เป็ นการแกแ้ คน้ ดว้ ย จงึ เป็ นเหตใุ หเ้ กดิ
การจองเวรกนั ขนึ้ ระหวา่ งเมยี นอ้ ยกบั เมยี หลวง

พอเกดิ ชาตใิ หม่ เมียหลวงเกดิ เป็ นไก่ เมียนอ้ ยเกดิ เป็ นแมว
แมวก็ไปกนิ ไข่ของไก่ และกนิ ตวั ไกด่ ว้ ย ตายจากชาตนิ ั้นคนหนึ่งเกดิ
เป็ นเนือ้ คนหนึ่งเกดิ เป็ นเสอื ผูกเวรกนั ไปเรอื่ ยๆ ตามทาลายกนั อยู่
ทุกๆ ชาติ ทุกๆ ภพ ครง้ั สุดทา้ ยคนหนึ่งเกดิ มาเป็ นคน คนหนึ่งเกดิ
มาเป็ นยกั ษ ์ ลูกของคนเกดิ มานางยกั ษก์ ็จบั ไปกนิ หลายต่อหลาย
ครงั้ พอดตี งั้ ครรภอ์ กี ครง้ั หนึ่งก็คดิ วา่ จะไปคลอดลกู ทบี่ า้ นแม่ของตน
ฝ่ ายนางยกั ษพ์ อทราบข่าวว่านางมนุษยจ์ ะไปคลอดลูกที่บา้ นแม่ก็
เลยตามไป

นางมนุษยย์ งั ไม่ถงึ บา้ นแม่ก็คลอดลกู ในระหว่างทาง นางจงึ
อมุ ้ ลกู ไปทสี่ ระน้า ขณะทนี่ างอมุ้ ลกู อยู่ ฝ่ ายสามกี ็ลงไปอาบน้าในสระ
นางยกั ษ ์ ก็มาถงึ พอดี ก็ตรงเขา้ ไปจะแย่งลูกของนางมนุษยค์ นน้ัน
นางมนุษยพ์ อเห็นนางยกั ษม์ าแย่งลูกของตวั ก็วิง่ หนี นางยกั ษก์ ็วงิ่
ตาม เป็ นเหตุบงั เอญิ อย่างไรไม่ทราบ นางมนุษยก์ ็วงิ่ เขา้ ไปในวดั เช
ตวนั อนั เป็ นสถานทที่ พี่ ระพุทธเจา้ ทรงประทบั อยู่ ขณะน้ันพระพุทธ
องคก์ าลงั แสดงพระธรรมใหพ้ ุทธบรษิ ทั ฟังอยู่ นางมนุษยพ์ อวงิ่ เขา้ ไป
ถึงก็ เอาลูกไปวางไวต้ รงหน้าพระพุทธเจา้ นางยักษก์ ็วิ่งตามไป
พระองคก์ ็บอกใหห้ ยดุ

พระพุทธองคต์ รสั วา่ เธอทงั้ สองคนในอดตี กาลเคยจองเวรกนั มา
หลายภพหลายชาตแิ ลว้ เวรจะไม่ระงบั ดว้ ยการจองเวร แต่เวรจะระงับ
ไดด้ ว้ ยการไม่จองเวรกนั นางยกั ษพ์ อไดฟ้ ังธรรมของพระพุทธเจา้ ก็
เกดิ ความกลวั เกดิ ความละอายต่อบาป ก็รบั ศลี หา้ จากพระพุทธองค ์
ว่า จะไม่เบยี ดเบยี นกนั ต่อไปอกี พระพุทธองคก์ ็เลยใหน้ างมนุษยเ์ อา
นางยกั ษไ์ ปเลยี้ งดดู ว้ ย

นางยกั ษม์ คี วามรพู ้ เิ ศษอยา่ งหนึ่ง คอื สามารถรวู ้ า่ ปี ไหนนา้ มาก
ปี ไหนน้านอ้ ย นางมนุษยก์ ็ไดอ้ าศยั นางยกั ษจ์ งึ รวู ้ า่ ปี ไหนน้ามากก็ทา
นาในทดี่ อน ปี ไหนนา้ นอ้ ยก็ทานาในทลี่ มุ่ นางมนุษยท์ านาไม่ผดิ หวงั
น้านอ้ ยก็ไดผ้ ล น้ามากก็ไดผ้ ล พวกชาวบา้ นสงสยั จงึ ถาม ก็ทราบ
เรอื่ งราวทง้ั หมด ทที่ านาไดผ้ ลดกี ็เพราะนางยกั ษเ์ ป็ นผูบ้ อกว่าฝนจะ
มากหรอื จะนอ้ ยประการใด ถา้ พวกชาวบา้ นทงั้ หลายอยากอยู่กนิ อดุ ม
สมบูรณ์ ก็มาชว่ ยเลยี้ งดูนางยกั ษน์ ีด้ ว้ ยกนั จงึ เป็ นเหตใุ หม้ ีการบน
บานกนั มาตามบา้ นเล็กเมอื งนอ้ ย เชน่ มปี ่ ูตา ศาลตาแฮกขนึ้ มา พอ
ถึงฤดูทานาก็มีการเลีย้ งดูป่ ูตา เลีย้ งตาแฮก เป็ นประเพณี สืบ
เนื่องมาจากเรอื่ งเมยี นอ้ ยกบั เมยี หลวงนีเ้ อง

พอถงึ กาลของงานบุญขา้ วสลากภตั ก็เอามาใหน้ างยกั ษก์ ิน
ตามสบาย อดุ มสมบรู ณ์ ฟ้ าฝนก็ตกถกู ตอ้ งตามฤดกู าล ไดท้ าไรท่ านาไม่
ผดิ หวงั การทาอย่างนีจ้ นมาถงึ เราทกุ วนั นี้ จงึ เป็ นเหตใุ หม้ ปี ่ ตู าย่าแฮก ทกุ
อยา่ งตอ้ งมกี ารบวงสรวง เป็ นประเพณีเนื่องมาจากเรอื่ งของนางยกั ษน์ ีเ้ อง

อนั นีเ้ ป็ นนิทาน ท่านยกตวั อย่างใหเ้ ราไดเ้ ห็น พระพุทธองค ์
ท่านไม่สอนไปอย่างน้ัน ท่านสอนว่า ใหพ้ วกเรามีศลี ธรรมใหม้ ีธรรมะอยู่
ในใจของเราใหม้ ี "ขนั ติ" ความอดทน ใหม้ ี "วิรยิ ะ" ความเพียรให ้ มี
"สมาธ"ิ ความตงั้ ใจม่นั ชาระความโลภ ความโกรธ ความหลงใหม้ นั หาย
คลายจากไป ใหอ้ า่ นเขา้ มาทตี่ วั เรา อยา่ อา่ นขา้ งนอก

พระพุทธองคท์ ่านสอนว่าใหม้ ศี ลี มสี มาธิ มปี ัญญา สอนศลี
สอนสมาธิให ้ เป็ นหลักของพุทธศาสนา ศีลคืออะไร ? คือการไม่
เบียดเบียนกนั ไม่ลกั ขโมยของกนั และกนั ไม่อิจฉาพยาบาทกนั ความ
เดอื ดรอ้ นก็ไม่เกดิ ขนึ้ มา ต่างคนต่างก็มศี ลี มกี าย วาจา ใจ ขอ้ ประพฤติ
ปฏบิ ตั ไิ ม่ตอ้ งไปเอามาจากทอี่ นื่ ใหเ้ อาจากตวั เรา "สมาธ"ิ คอื ความตง้ั ใจ
ม่นั ไม่หว่นั ไหวในทางที่ถูก มีหน้าที่การงานที่ถูกตอ้ ง พระองคใ์ หเ้ รา
ขยนั หม่นั เพียรดว้ ยน้าพกั น้าแรงของเรา รูจ้ กั หนา้ ทีก่ ารงานของเราทุก
ประเภท ใหห้ มน่ั ขยนั อยา่ เป็ นคนหละหลวม นีก้ ็เป็ นสมาธอิ นั หนึ่ง

"ปัญญา" ใหเ้ ป็ นคนฉลาดเฉลียว สามารถสอนตวั เราใหพ้ น้ จาก
ความชว่ั ทง้ั หลายได ้ เป็ นศลี เป็ นสมาธิ เป็ นปัญญา เป็ นหวั ใจของพุทธ
ศาสนา ใหพ้ ระท่านฝึ กทุกวนั นี้ ฝึ กญาตโิ ยมฝึ กลูกหลานใหท้ าวตั รสวด
มนต ์ รจู ้ กั กราบรูจ้ กั ไหว ้ รจู ้ กั น่ังสมาธิ ฝึ กหดั ใหม้ ศี ลี ธรรม เป็ นคนว่าง่าย
สอนง่าย เป็ นพ่อเป็ นแม่เขาก็ใหร้ จู ้ กั สอนลกู หลาน ลกู หลานก็ใหเ้ ป็ นคน
ว่าง่ายสอนง่าย อยู่ในครอบครวั ก็อย่าไปทะเลาะเบาะแวง้ เถยี งกนั ใหใ้ จดี
ใจงาม ใหอ้ ดทน แต่โดยมากไม่เป็ นอย่างนี้ บางทสี ามภี รรยาทะเลาะกนั
ทกุ วนั ก็ได ้ รอ้ งไหท้ ุกวนั ก็มี แต่หนีไม่ได ้ มนั ทุกขย์ ากลาบาก อยู่ดว้ ยกนั
อยา่ งไม่มศี ลี ธรรมก็เป็ นอยา่ งนี้ มนั ไม่สบาย

งามเบอื้ งตน้ คอื ศลี งามท่ามกลางคอื สมาธิ งามเบอื้ งปลายคอื ปัญญา
คนงามถา้ กายงามมนั ก็งาม กายงามคอื การไม่กระทาบาปทางกาย วาจา
พูดไม่ตลบตะแลง พูดคาซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ใจก็ใหเ้ ป็ นใจดี ใจงาม กายก็งาม
วาจาก็งาม ถงึ จะเอาสที าปากแดงถา้ ใจไม่ดมี นั ก็ไม่งามหรอก ทาปากแดง
ทาเล็บแดง มนั งามแต่ขา้ งนอก ส่วนใจเป็ นเปรตเป็ นผี มนั ก็งามไม่ได ้ อนั
น้ันมนั ขา้ งนอกพระพุทธองคท์ ่านให ้ "โอปนยโิ ก...นอ้ มเขา้ มา" นอ้ มเขา้
มาใสใ่ จ รเู ้ ฉพาะตวั เรา เรอื่ งของเราตดั สนิ เอาเองก็ได ้ เราทาชว่ั เราก็รจู ้ กั
เราทาดเี ราก็รจู ้ กั เราทาผดิ เราก็รจู ้ กั เราทาถูกเราก็รจู ้ กั มนั รูจ้ กั ทเี่ ราให ้
ฝึ กเราไม่ใหฝ้ ึ กอย่างอนื่ สามารถเขา้ สศู่ ลี ธรรมได ้

พระพุทธองคท์ ่านวา่ ใหน้ ับถอื คณุ พระศรรี ตั นตรยั คอื
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ ์ ใหเ้ ป็ นสรณะทพี่ งึ่ ของพวกเรา อย่า
ไปพึ่งอย่างอนื่ ถา้ ไปถอื อย่างอนื่ ไม่มีอะไร ไม่เป็ นแก่นเป็ นสาร
บางคนถา้ ทุกขม์ าถงึ ก็ไปไหวต้ น้ ไมซ้ ะ ไปไหวภ้ ูเขา จอมปลวก
สงิ่ เหล่านีเ้ ป็ นทพี่ ึง่ ไม่ได ้ เป็ นการพึง่ สงิ่ ทผี่ ิด ไม่ดี ไม่ตอ้ งพูดอนื่
ไกล ถา้ คนถงึ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆแ์ ลว้ ก็ไม่ตกนรกทุก
วนั นีแ้ ลว้ แตใ่ ครจะถอื แลว้ แตใ่ ครจะประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ

ถา้ เจ็บป่ วยมาก็ไปโทษแต่ขา้ งนอก ถา้ เจ็บป่ วยมาก็
ใหก้ นิ หยูกกนิ ยา แต่ถา้ เราไปหาคนทถี่ อื ผ.ี .. ก็มผี ี ไปหาพวกไม่
ถือผี... ก็ไม่มีผี อย่างพวกฝรง่ั เขาไม่รูจ้ กั ผีเลย ไม่รูว้ ่าผีเป็ น
อย่างไร น่ังอยู่กบั คนตายสองต่อสองตลอดคนื เขาไม่กลวั พวก
เราพ่อตายก็กลวั อนั นีไ้ ม่ถกู เป็ นพุทธบรษิ ทั ยงั ไม่รอบคอบอะไร

พระพุทธองคท์ ่านใหก้ ลัวในสิ่งที่ควรกลัว
ไม่ใหก้ ลวั ในสงิ่ ทไี่ ม่ควรกลวั ใหพ้ ากนั เขา้ ส่ศู ลี ธรรม ให ้
พากนั เขา้ ถงึ พระรตั นตรยั มนั ก็ดขี นึ้ เท่านั้นแหละ มนั ก็
ไม่เป็ นเปรตเป็ นผเี ท่านั้นแหละ เลกิ ด่าทอกนั ใหม้ ศี ลี มี
ธรรม ปี นีอ้ าตมาสอนคนในฤดพู รรษามาใหป้ ฏบิ ตั เิ อาดี
ใหว้ ่า "ด"ี ไว ้ ถา้ มนั โกรธมาจะด่าคนก็ว่า "ด"ี ไม่ใหว้ ่า
อยา่ งอนื่ ใหว้ า่ ดี มนั ก็ดเี ท่านั้นแหละ...ลองดู สว่ นมากไม่
ฝึ กตวั เองสกั ที เวลาโกรธขนึ้ มาก็พูดแต่คาเจ็บๆ แสบๆ
อย่างนีไ้ ม่ดี เรานีแ้ หละเป็ นพ่อเป็ นแม่แทนพ่อแม่ของเรา
ทลี่ ่วงลบั ไปแลว้ ใหพ้ ากนั สรา้ งสมอบรมต่อๆ ไป ใหพ้ า
กนั มศี ลี มธี รรม

จบบรบิ รู ณ์


Click to View FlipBook Version