๖๖ วันได้นายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๐ นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางเสียงสนับสนุน อย่างท่วมท้นจาก สส. และสว. ที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 22 ส.ค. มีมติ 482 ต่อ 165 เห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มติรัฐสภา 482:165 โหวต เศรษฐา ทวีสิน นั่งนายกฯ 100 วันหลังเลือก ตั้ง ๗๖ วัน วันที่ (2 ก.ย. 66) เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผย แพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศ ว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศ ลงวันที่ 22 สิงหาคม พุทธศักราช 2566 แล้วนั้น บัดนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ ที่สมควรดำ รงตำ แหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ ประกาศ ณ วันที่ 1 ก.ย. 2566 เป็นปี ที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระราชโองการ เศรษฐา ทวีสิน รายนามคณะรัฐมนตรี มีรายชื่อดังต่อ ไปนี้ นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน, รองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ควบ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ, นายสมศักดิ์ เทพสุ ทิน, นายอนุทิน ชาญวีรกูล ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, รัฐมนตรีประจำ สำ นักนายกรัฐมนตรี นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด, กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการ, กระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวง, นาย นภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ, กระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการ, กระทรวง สาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการ, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ, กระทรวงการต่างประเทศ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการ, นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการ, กระทรวงพลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐ วิภาค รัฐมนตรีว่าการ, กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน รัฐมนตรีว่าการ, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการ, นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการ, กระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการ, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการ, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการ, นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการ, นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการ, กระทรวง คมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการ, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการ, นาง มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการ, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายประเสริฐ จันทรรวง ทอง รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ, กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการ, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการ, นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ, นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ, กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการ, กระทรวงวัฒนธรรม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการ, กระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ, สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการ, กระทรวง อุตสาหกรรม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการ, ทั้งสิ้น ๓๕ ท่าน อนาคตประเทศฝากไว้ในการ บริหารการของคณะรัฐบาลชุดนี้ครับ บทบรรณาธิการ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ : ศิวะ แสงมณี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ : พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร, ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี, สมพงษ์ ชาตะวิถี, ชำ นาญ ศรีสวัสดิ์, รองศาสตราจารย์ นที ขลิบทอง, พรหมมินทร์ กัณธิยะ, ณรงค์ วุ่นซิ้ว, ผล ดำ ธรรม, เฉลิมพล มั่งคั่ง, สุเมธ ธีรนิต, บุญพาศ รักนุ้ย, จุฑาธุช จงเสถียร, มาลัย มินศรี, ไชยทร งามเกิดศิริ, ว่าที่ พ.ต.ภูมิพัฒน์ เจียรประวัต, สันต์ วรรณวิชัยกุล, พัฒนพงษ์ จารุลักขณา, อาทิตย์ แสงสว่าง, ดร.พุฒธิพงค์ ทองวิมล, ธนาวุฒิ นุชตเวชวงศ์, ดร.ธานินท์ มุมทอง, วีระพงษ์ บริสุทธิ์สุขกมล, วันชัย ตันวัฒนะ, ชัยณรงค์ ชยานุคุณลิขิต, เชาวลิต ศิริพรพิริยะ บรรณาธิการบริหาร : ประสาน สินลิขิตกุล บรรณาธิการอำ นวยการ : กนกณัฐ กตเวทิตาสกุล กองบรรณาธิการ : วิญญู ศรีศุภโชค, ณธพร สายยืน, มัจซี สง่างาม, พิทักษ์ กอเซ็ม, ฐิติกานต์ ถนอมสิน, รสริน วิรัญโท, สุนิดา ทับทอง, กุลณัฐฐา จิรจงพาณิชย์, นราวดี เทิดคงพันธุ์, ไพลิน เอี่ยมละหาญ, ภรัณยา แจ้งจิตร, มอร์ หิมะคุณ อาร์ต ไดเร็คเตอร์ : โสภณ ทองเกื้อ, ทองสุข อุระ สำ นักงาน : สมาคมสมาพันธ์เครือข่ายสื่อมวลชนไทย 96 หมู่ 1 ซอยเทศบาลบางปู 26 ถนนแพรกษา ตำ บลท้ายบ้านใหม่ อำ เภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10280 กองบรรณาธิการ 3 ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๒๒ เดือนกันยายน ๒๕๖๖ ประสาน สินลิขิตกุล
ศิลปวัฒนธรรมสยาม (ไทย) มิไร้ซึ่งครูดีถ่ายศิษย์สืบสาน บรรณวัฒน์วัชรกุลภิรมย์
5 ศิลปวัฒนธรรมสยาม(ไทย) การศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับ พฤติกรรมของคนไทย ศิลปะท้องถิ่น ในการแสดงออก ของถึง พฤติกรรมต่างๆ โดยคำ ว่า “ศิลปะวัฒนธรรม” มีความหมายคือ ความคิดผลรวมของมนุษย์ โดยเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่ สะท้อนออก มาใน รูปแบบที่หลากหลาย ทั้งรูปแบบนามธรรม และรูปธรรมนั่นเอง ความสำ คัญของวัฒนธรรม... ซึ่งแน่นอนว่าคำ ว่า“ศิลปะ” คือสิ่งที่เกิดจากมนุษย์ทั้งสิ้น เพื่อเป็นการ สะท้อนคุณลักษณะ และอารมณ์ได้เป็นอย่างดีโดยให้สามารถตอบสนองได้ ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจวัฒนธรรมไทย 4 ภาค ซึ่งแน่นอนว่ามีความ สำ คัญอย่างมากมาจนถึงปัจจุบันนี้ที่สืบทอดขนบธรรมเนียม ประเพณีมา จนถึงทุกวันนี้ได้ อย่างไรก็ตามในประเทศไทย มีศิลปวัฒนธรรมเป็นของตนเอง ไทย ประเพณีค่อนข้างที่จะมีศิลปวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมแต่ละภาค มีความเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก มากกว่าประเทศ ไหนๆ ภาพวาดประเพณีไทย โดยมาจากความเจริญของสังคม ตั้งแต่อดีตส่ง ผลมาปัจจุบัน มาอย่างยาวนานทีเดียวจึงทำ ให้ศิลปวัฒนธรรม มีความน่า ภาคภูมิใจ และแสดงความเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกันของสังคม ภายในชุมชนของเราได้อย่างดี พัฒนาการด้านศิลปวัฒนธรรม มรดกอันรุ่มรวย ของไทย … มรดกอันรุ่มรวยของไทย มีต้นกำ เนิดมาจาก ตำ แหน่ง ทางภูมิศาสตร์ที่มีพรมแดนติดกับเมียนมาร์ลาว และมาเลเซีย บางส่วนรวมถึงชนกลุ่มน้อยต่างๆเช่น เวียดนาม เขมร ม้ง และ หมี่ และคนไทยที่มีชาติพันธุ์ศาสนา วัฒนธรรมแต่ละภาค ยัง มีอิทธิพลสำ คัญ กับประเพณีและความเชื่อหลายๆ อย่างของ ผู้คนที่มาจากศาสนาพุทธ ศิลปะพื้นบ้านภาคกลาง เนื่องจากความใกล้ชิด ทำ ให้เกิดความเชื่อมโยง อย่าง ใกล้ชิดระหว่างไทย กับอินเดียในด้านศิลปะ วรรณกรรม และ ในประเพณีไทยมากมาย วัฒนธรรมไทย 4 ภาค โดยการแสดง ศิลปะในประเทศไทย มีให้เห็นอย่างเด่นชัด วัฒนธรรมแต่ละ ภาค ในงานประติมากรรมพุทธศิลป์ซึ่งมีอายุตั้งแต่ศตวรรษ ที่ 11 จนถึงปัจจุบัน และอาจมีจำ นวนมากกว่าประชากรใน ประเทศ ศิลปะวัฒนธรรมมากมาย ถูกประดับด้วยไม้ โลหะ งาช้าง หินมีค่า และปูนปั้นอย่างวิจิตรบรรจง ศิลปะภาค กลาง สิ่งเหล่านี้คนไทยให้เป็น ตัวแทนของหลักคำ สอน ของ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์รูปแบบของภาพวาด ม.ร.ว.นิวัติ กัลยาณวงศ์
6 คลาสสิก เป็นที่แพร่หลายมากที่สุด ในรูปแบบของภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่ พบในวัดและพระราชวังของชาวพุทธ ศิลปะท้องถิ่น ซึ่งงานที่สวยงาม และ ละเอียดอ่อนเช่นศิลปะ มักพรรณนาเรื่องราวของพุทธศาสนา นอกเหนือจาก ขนบธรรมเนียม และประเพณีอีกด้วย ทัศนศิลป์รูปภาพประเพณีอิทธิพลจากพระพุทธศาสนาอัน เก่าแก่... ศิลปวัฒนธรรมไทย อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ด้วยความที่พระพุทธ ศาสนา วัฒนธรรมแต่ละภาค มีอิทธิพลเป็นอย่างมากทีเดียว ต่อศิลปะ สถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมของไทย ศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค บางส่วนของโครงสร้างวัดที่พบในอยุธยาเมืองหลวงตั้งแต่ศตวรรษ ที่14 ถึงศตวรรษที่18 และในจังหวัดเชียงใหม่ โครงของวัดมักจะทำ จากไม้วัฒนธรรมภาคตะวันตก ในขณะที่ผนัง ประกอบด้วยอิฐ และปูนปลาสเตอร์วัฒนธรรมไทย 4 ภาค ส่วนที่เป็นไม้ ประดับ ของโครงสร้างมักจะประดับ ด้วยกระเบื้องโมเสคแก้ว ปิดทองเครื่อง ลายคราม ปูนปั้น แล็กเกอร์และหอยมุกฝังซากปรักหักพังของพระราชวัง และวัดดั้งเดิม ยังคงพบเห็นได้ในศูนย์ราชการอันเก่าแก่หลาย แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ มีวัดทางพุทธศาสนาจำ นวนมาก กระจัดกระจายทั้งในและนอกกำ แพงเมืองโบราณ ซึ่งยังคงตั้ง ตระหง่านอยู่ แม้แต่ห้องโถงสำ หรับประกอบพิธีกรรม และพิธีที่ใหม่ กว่า ก็มักจะรวมการออกแบบ แบบดั้งเดิมไว้ด้วย ศิลปะท้องถิ่น เช่น ปลายโค้ง หลังคาสูง ประตูและหน้าต่างที่แกะสลัก อย่าง วิจิตรบรรจงวัฒนธรรมไทย 4 ภาค และบันไดที่ขนาบข้าง ด้วย พญานาคหรืองูยักษ์ถือว่าเป็นความสวยงาม ที่ได้รับอิทธิพล อย่างแรงกล้าจากพระพุทธศาสนา ที่มีต่อศิลปะวัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรมไทย กับศิลปะการแสดง ดนตรีและ ต่อยมวยไทย... แน่นอนว่าศิลปวัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมแต่ละภาค ไม่ได้มีเพียงแค่ศิลป์บนผนังของวัดวาอาราม หรือจิตกรรม หลากหลายเท่านั้น แต่ยังคงมีความโดดเด่น ในเรื่องของดนตรี ศิลปการแสดง และการต่อยมวยไทย ซึ่งดนตรีและเครื่องดนตรี ที่ ใช้ในการบรรเลงเพลง ภูมิปัญญาไทยภาคกลาง ส่วนใหญ่ ของทั้งตำ แหน่ง ทางภูมิศาสตร์ของไทยที่จีนและอินเดีย อีกทั้งในการการแสดงศิลป์อย่างที่รู้จักกันว่าเป็น นาฏศิลป์ไทย เป็นรูปแบบศิลปะการละครหลัก ของประเทศไทย
7 วัฒนธรรมไทย4ภาค ด้วยลักษณะการเคลื่อนไหวที่สง่างาม พร้อมกับเครื่อง แต่งกายที่โดยที่มีความแตกต่างกัน ออกไปในแต่ละภูมิภาค แม้ศิลปะการ แสดง อาจไม่ได้เห็นบ่อยนักในตอนนี้แต่สังคมสมัยใหม่ไม่ได้ทำ ให้การ แสดงเหล่านี้สูญหายไป ศิลปะท้องถิ่น พร้อมยังมีหลักสูตรการเรียนการ สอนหลัก ดนตรีป. 4 ให้เด็กนักเรียนได้เล่าเรียนกัน ในช่วงมัธยมอีกด้วย เช่นกัน และท้ายที่สุดนี้แม้ว่ามวยไทยจะเป็นกีฬา ศิลปวัฒนธรรมไทย ศิลป วัฒนธรรมภาคกลาง แต่ก็ถือเป็นศิลปะการป้องกันตัวระดับชาติที่โด่งดัง ไปทั่วโลก แม้กระทั่งสนามมวยไทย ยังสามารถพบได้ทั่วประเทศ ด้วยการ แสดงที่โดดเด่น ของกีฬามวยไทย จึงได้รับความนิยมมากขึ้น โดยดึงดูดผู้ เข้าชมจากต่างประเทศ แถมยังมีให้ฝึกอบรม วัฒนธรรมประเพณีภาคอีสาน และได้รับประโยชน์จากกิจกรรมเพื่อสุขภาพได้ด้วย ศิลปวัฒนธรรมสยาม (ไทย).. มิไร้ซึ่งครูดีถ่ายศิษย์สืบสาน... ดังนั้นในบ้านเมืองสยาม จึ่งได้ปรากฎกลุ่มชนซึ่งได้รับถ่ายทอด สืบสานศิลปวัฒนธรรมสยาม (ไทย) จากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่นนับกว่า 2-3 พันปีบรรดาครูบาอาจารย์เหล่ายังคงดำ รงการสืบสานศิลป วัฒนธรรมสยาม (ไทย) โดยไม่สนกาลเวลา แต่ได้ปรับศิลปวัฒนธรรม สยาม (ไทย)..ให้คงอยู่ในยุคสมัยได้อย่างลงตัว และประสานสัมพันธ์ กับนานาชาติแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม ถือได้ว่า “ศิลป วัฒนธรรมสยาม (ไทย)..มิไร้ซึ่งครูดีถ่ายศิษย์สืบสาน...” หนึ่งในกลุ่มบรรดาครูบาอาจารย์นั้นก็คือ “กลุ่มคุณครู โอปอ” คุณครูโอปอ ชื่อเดิม นายประเวช ตราชู แล้วเปลี่ยน เป็น บรรณวัฒน์วัชรกุลภิรมย์ ชื่อเล่น โอปอ ภูมิลำ�เนาเป็น คนจังหวัดนครราชสีมา ประวัติการศึกษา พ.ศ. 2545 มัยธมศึกษาตอนต้น โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2548 ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) คณะวิชาบริหารธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2552 ปริญญาบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ บัณฑิต (การตลาด) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา พ.ศ.
8 - คณะกรรมการดำ เนินการตัดสินโครงการ “เพชรในเพลง” กระทรวง วัฒนธรรม - นักร้องผู้ชนะเลิศประจำจังหวัดนครราชสีมาโครงการหนึ่งตำ บล หนึ่ง นักร้อง - นักศึกษาดีเด่นด้านกิจกรรม ประจำ ปี2547,2548,2550 - นักศึกษาดีเด่นรุ่นใหม่จากมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีคณะวิทยาการ จัดการ ประจำ ปี2557 - นักจัดรายการวิทยุ คลื่น FM.105 Mhz คลื่นสีขาวเพื่อเด็กเยาวชน และครอบครัว - นักจัดรายการวิทยุ คลื่น AM.819 Mhz เพลงจากวงดนตรีกรม ประชาสัมพันธ์ - นักร้องวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์(สุนทราภรณ์) ดาวรุ่งในยุค ปัจจุบัน - ตัวแทนด้านจริยธรรมดีเด่น ของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่ง ประเทศไทย สวท. - ผู้ผ่านการทดสอบ รับบัตรผู้ประกาศในกิจการวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์และ คมนาคม กสทช. ผลงานล่าสุด การจัดงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-จีน นานาชาติ 2556 ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ (การจัดการทั่วไป) มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ประวัติการทำ งาน ปัจจุบัน คีตศิลปิน (บริหารทั่วไป) สถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ฝ่าย ดนตรีสากล ส่วนบริหารการดนตรีกรมประชาสัมพันธ์สำ นัก นายกรัฐมนตรีและดำ รงตำ แหน่งคณะกรรมการโครงการการ แข่งขันขับร้อง5 ภูมิภาค เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านการแสดง และรายการวิทยุรายการโทรทัศน์ ประสบการณ์/ผลงานต่างๆ - นักร้องถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ รัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีจากเวทีFashionIsland Star Contest - นักร้องผู้แทนประเทศไทย ABUTV Song Festival2014 กรุง Colombo สีสันของเอเชีย Wonderful Country - พิธีกรจากรายการเสียงสวรรค์ตะวันฉาย อกอากาศทาง สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง11 - นักร้องรายการเพลงเงินล้าน และกรรมการโครงการ แข่งขันขับร้อง5 ภูมิภาค - นักร้องยอดเยี่ยมระดับชาติไทย ของกรมอาชีวศึกษา ประเภทเพลงไทยสากล และ เพลงสากล - นักร้องผ่านมาตรฐานสากลจากสถาบัน YAMAHA ใบ ประกาศทองคำ
9 2023 เมื่อศุกร์วันที่ 11 สิงหาคม 2566 ณ โรงละครอักษรา คิงส์เพาเวอร์ รางนํ้า มีการจัดงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-จีน นานาชาติ2023จัดขึ้น โดยมีม.ร.ว.นิวัติกัลยาณวงศ์เป็นประธานฝ่ายไทย และนายเฉิน ซู่หลิน รองประธานสภาวัฒนธรรมประเทศจีน เป็นประธานฝ่ายจีน เป็นประธาน เปิดงาน และท่าน GUO SHU DONG โปรดิวส์เซอร์รายการ ทีวีประเทศจีน ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีน ชื่นมื่นแลกเปลี่ยน วัฒนธรรมไร้พรมแดน งานนี้จัดขึ้นด้วยความร่วมมือของสภาวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาชนจีน กับศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย นานาชาติและ บริษัท โอปอลการดนตรีจำ กัด (อาจารย์โอปอ) มีวัตถุประสงค์ให้เด็กและเยาวชนทั้งสองประเทศได้ร่วม แลกเปลี่ยนทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ เพื่อให้เกิดความรักและหวงแหนวัฒนธรรมของตนเอง เพื่อ สืบสานและดำ รงไว้ให้อยู่ตราบนานเท่านาน โดยมีการคัดเลือกเด็กและเยาวชน มีกระบวนการคัดสรร จากความสามารถของแต่ละบุคคลผ่านเกณฑ์คัดสรร ได้เป็น ตันแทนเพื่อมาโชว์ศักยภาพบนเวทีและมีการคัดเลือกเด็ก และเยาวชนที่มีความสามารถ ผ่านการคัดสรรให้รับรางวัลทูต วัฒนธรรมไทย-จีน 2023 ทางผู้จัดได้มอบถ้วยรางวัล VIP แก่ 1. นายรุ่งโรจน์ ทองเรือง CEO บริษัท ทูอาร์ไบโอโปรดักส์จำ กัด 2. นายไตร สิทธิ์เกียรติกมลศรีประธานบริษัท เจ อุตสาหกรรม จำ กัด 3. ดร.สฤษฏเกียรติแจ่มสมบูรณ์รายการฮอตไลน์ไทยแลนด์ ททบ.๕ 4. ดร.สุวิทย์วิชัด ที่ปรึกษาสมาชิกวุฒิสภา๑๒๐ เครือ ข่ายการเมืองวิถีใหม่ 5. ดร.นิตยา อรุณวงศ์นายกสมาคมนัก ร้องแห่งประเทศไทย 6. นายธวัชชัย ภูนุช ผู้ประกาศข่าวรอบ รั้ว สมุทรปราการ 6. ดร.ชญาธร เจริญฤทธิ์ชมรมอิ่มในบุญ อุ่นในธรรม กับ ชญาธร 7.นางสาวชญาดา พิชญาอัมพุช และ คุณพ่อ สกุลพงศ์สิทธิกิจโยธิน ประธานกรรมการบริษัทเกรท พ้อยท์จำ กัด 8. ดร. รณิดา นกไทยเจริญ นกไทย ยาสีฟัน 9. พลอย พุ่มพวง ศิลปินค่าย เอส.เค.เร็คคอร์ด พร้อมกับผู้บริหาร ค่ายเอส เค เร็คคอร์ด 10. นางสาวณัฏฐากร วิชัด เลขาธิการ ที่ปรึกษาสมาชิกวุฒิสภา๑๒๐ เครือข่ายการเมืองวิถีใหม่ 11. นางสาววลัยลักษณ์ สุขวิโรจน์ผู้อำ นวยการวิทยาลัยเทคโนโลยี สารสาสน์ มอบถ้วยรางวัล แก่1. ด.ญ.อนันตพร ตะโกนาร.ร.เปรม ประชาวัฒนา 2. ด.ญ.บุณยอร ทรัพย์สิรินาวิน ร.ร.โชคชัย หทัยราษฎร์เขตคลองสามวา กทม. 3. ด.ญ.วิภาดา สืบสาย ทอง ร.ร.บ้านหาญ จ.นครราชสีมา4. ด.ญ.กรวรรณ เดชวงษา ร.ร.รัตนโกสินทร์สมโภชบางขุนเทียน 5. น.ส.วิศรุตา วรพฤ ทธิกุล ร.ร.สารสาสน์ประชาอุทิศพิทยาคาร 6. ด.ญ.ศิวาพัช ญ์เบญจไตรพัฒน์ร.ร.อนุบาลสุรินทร์7. ด.ญ.วาสนา เนื่อง ทวีร.ร.สายปัญญารังสิต 8. ด.ญ.ภูณิศรา จิราภัทรภูวดล
10 ร.ร.มารีวิทยากบินทร์บุรี9. ด.ช.ชวณัฏฐ์อยู่สวัสดิ์ร.ร.สาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวัน 10. ด.ญ.ศศิชญา อยู่ สวัสดิ์ร.ร.เซนต์โยเซฟคอนแวนต์11. ด.ช.ปณิฐิยั่งยืนพิพัฒน์ กุล Basis International School Bangkok12. ด.ญ.พิชญา ยั่งยืนพิพัฒน์ กุล King’s College International School Bangkok 13. ด.ญ.ศิรประภา อ่อนวิมล ร.ร.สงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี14. น.ส.ณัฐนรีศรีอภิรัฐ วิทยาลัย นวัตกรรมสื่อสารสังคม มศว.15. ด.ญ.ชนัฐปภาจุลตี่ร.ร.พระหฤทัยนนทบุรี 16. ด.ญ.จิรัชฎ์ชยาน์ภัคบริวัตร ร.ร.จารุวัฒนานุกูล 17. ด.ญ.ธนศิริทวี อภิรดีมั่นคง ร.ร.วัฒนาวิทยาลัย 18. ด.ช.สธนธร ฤทธิ์ทรง ร.ร.สารสาสน์ วิเทศบางบอน 19. ด.ญ.พิมพ์ภัช พรอนันต์ตระกูล ร.ร.โชคชัย หทัยราษฎร์ 20. ด.ญ.ณัฐณิชา เกยุระพันธ์ร.ร.ยอแซฟพิจิตร 21. ด.ญ.ชัยวดีหิรัญ ลาภ ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน 22. ด.ญ.พราว ด์พิชชา ศรีชัยมูล ร.ร.อนุบาลสิงห์บุรี23. ด.ญ.ลัลน์ญดา บัวแก้วร.ร.สาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร 24. น.ส.ชัชชญา นิวงษา ตัวแทนจังหวัดลำ ปาง 25. นายธีระ ฟง เสิ้น ลีร.ร.สารสาสน์วิเทศรังสิต 26. ด.ญ.ณรัชฎา ภูวดลวานิชกุล ร.ร.อนุบาลภูเก็ต 27. ด.ญ.ปูชิตา ธน ธรรม ร.ร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์28. ด.ญ.ภคภรณ์กิตติ ชริน ร.ร. Saint Joseph Convent School 29. ด.ญ.ภัทรวรรณ เผ่าเผือก ร.ร. Raffle American International Bangkok, 30. ด.ญ.พิชญาภา วัฒน จินดา ห้องเรียนพิเศษดนตรีโรงเรียนหอวัง 31. ด.ญ.พลอยระวีส่งศรี Halio International School Hua Hin 32. ด.ญ.พิชญ์สิตา ลือวงษ์วระกูล ร.ร.สาธิตเกษตรศาสตร์International program, 33. ด.ญฐปิตา เกตตะ พันธ์ร.ร.คุณธรรมวิทยาจ.สงขลา 34. นายชิษณุชา วรพฤทธิกุล วิทยาลัย เทคโนโลยีสารสาสน์35. น.ส.กันติชา ลีลาเจริญทอง มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ 36. น.ส.ณัฐณิชา นาคสีชุ่ม นาฏศิลป์ไทย by ครูดาว 37. ด.ญ.ภานรินทร์ฤกษ์อร่าม ร.ร.นานาชาติสาธิตคริสเตียนนนทบุรี38. ด.ญ.ชมพชาญา สิงหากัน ร.ร.พระกุมารร้อยเอ็ด 39. ด.ญ.กมลชญา ชยา จิรกิจร.ร.เซนต์เมรี่40. ด.ญ.เอญาดา ศรีสุขร.ร.อนุบาลนครปฐม ศิลปินฝ่ายไทยและศิลปินฝ่ายจีน ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทั้ง สองประเทศกันอย่างไร้พรมแดน ด้วยในศิลปินผู้แสดงจำ นวนกว่า 3-400 คน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มชื่นมื่น
ช้างน้าว, ตาลเหลือง Ochna integerrima (Lour.) พันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำ จังหวัด มุกดาหาร
13 พันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำ จังหวัด มุกดาหาร ช้างน้าว, ตาลเหลือง: Ochna integerrima (Lour.) ลักษณะดอกช้างน้าว ลักษณะใบช้างน้าว ลักษณะผลช้างน้าว เรียบเรียงโดย. ส.ทองเกื้อ ช้างน้าว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ochna integerrima (Lour.) สมุนไพรช้างน้าว มีชื่อท้อง ถิ่นอื่นๆ ว่า ช้างโน้ม (ตราด), ช้างโหม (ร้อยเอ็ด), ขมิ้นพระต้น (จันทบุรี), ช้างน้าว ตานนก กรด (นครราชสีมา), แง่ง (บุรีรัมย์), ฝิ่น (ราชบุรี), กระแจะ ช้างโน้ม ช้างโหม (ระยอง), ตาล เหลือง (ภาคเหนือ), กำ ลังช้างสาร (กลาง), ตาชีบ้าง (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), โว้โร้ (กะเหรี่ยงกาญจนบุรี), ควุ (กะเหรี่ยง-นครสวรรค์), กระโดงแดง เป็นต้น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ช้างน้าวจัดเป็นไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก เป็นไม้ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 3-8 เมตร และอาจสูงได้ถึง 12 เมตร กิ่งก้านแผ่ขยายออก ลำ ต้นมักคดงอ เปลือกต้นเป็น สีนํ้าตาลเข้ม แตกเป็นสะเก็ดเป็นร่องลึก ตามปลายกิ่งมีกาบหุ้มตาลักษณะแข็งและแหลม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด การตอนกิ่ง และวิธีการปักชำ กิ่ง เป็นพันธุ์ไม้ที่เจริญเติบโตได้ ช้า เติบโตได้ในสภาพดินทุกชนิดแม้พื้นที่แห้งแล้ง แต่ชอบดินร่วน ระบายนํ้าได้ดี ไม่ชอบ นํ้าท่วมขัง ต้องการนํ้าและความชื้นปานกลาง ชอบแสงแดดจัด ทนแล้งและทนไฟป่าได้ดี ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน สามารถพบได้ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่า สน และป่าชายหาด สรรพคุณทางยา เปลือก, ต้น : มีรสขม ช่วยบำ รุงหัวใจ ตำ รายาไทยใช้ต้นช้างน้าวนำ มาต้มกับนํ้าดื่ม เป็นยาบำ รุงร่างกาย, ช่วยขับผายลม หรือจะใช้ต้นช้างน้าวผสมกับต้นนมสาว เถาตาไก้ รา กนํ้าเต้าต้น รากลกครก อย่างละเท่ากัน มาต้มกินเป็นยาบำ รุงกำ ลังก็ได้ ทางภาคอีสานใช้ ลำ ต้นต้มนํ้าดื่ม แก้ปวดเมื่อย ทางจังหวัดอุบลราชธานีใช้แก่นต้มนํ้าดื่มแก้ประดง ต้นก็มี สรรพคุณแก้กษัย เนื้อไม้: เนื้อไม้มีรสจืดเย็น ช่วยแก้กษัย ช่วยดับพิษร้อนในร่างกาย หมอยาไทยใหญ่จะใช้สมุนไพรช้างน้าวเพื่อรักษาเด็กที่เป็นซางจ่อยผอม หรือสภาวะที่ ภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่ดี เป็นโรคเรื้อรัง มีการติดเชื้อบางชนิดที่ร่างกายไม่สามารถกำ จัด ได้, ช่วยแก้โลหิตพิการ แก่น : ใช้ต้มกับนํ้าดื่มเป็นยาแก้ประดง ราก : ชาวเขาเผ่ามูเซอจะใช้ราก โดยนำ มาตากแห้ง หรือดองกับเหล้า หรือต้มกับนํ้า ดื่มเป็นยาบำ รุงกำ ลัง รากใช้ขับพยาธิและฟอกนํ้าเหลือง ช่วยแก้ดีซ่าน รากนำ มาต้มกับนํ้า ดื่มเป็นยาแก้ผิดสำ แดง ช่วยบำ รุงระบบย่อยอาหาร ต้มกับนํ้าดื่มเป็นยาแก้เบาหวาน ช่วย รักษาโรคปวดขา ส่วนในประเทศอินเดียจะใช้ใบและรากช้างน้าวเป็นยาลดไข้, เป็นยาแก้ บิด ผล : มีรสมันสุขุม เป็นยาบำ รุงร่างกาย
จั่น Millettia brandisiana พันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำ จังหวัด แม่ฮ่องสอน
15 จั่น หรือ กระพี้จั่น ชื่อวิทยาศาสตร์ : Millettia brandisiana ชื่อท้องถิ่น จั่น พี้จั่น (ทั่วไป) ปี้จั่น (ภาคเหนือ) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 8-20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดทรง กลม โคนต้นเป็นพูพอน เปลือกสีนํ้าตาล หรือนํ้าตาลเทาแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ตามกิ่งมีรอย แผลทั่วไป ใบ : ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ปลายใบคี่ เรียงเวียนสลับ ใบย่อยรูปรีแกมขอบ ขนาน เรียงตรงข้าม โคนใบมน สอบเรียว หรือเบี้ยว ขอบใบเรียบ ปลายใบทู่ แผ่นใบบาง ดอก : ดอกช่อแยกแขนง ออกตามกิ่งและง่ามใบ ดอกย่อยสีม่วงแกมขาว หรือสีชมพู อมม่วง รูปถั่ว กลีบเลี้ยงสีม่วงดำ เชื่อมติดกันคล้ายรูประฆัง ปลายแยกออกเป็น 5 แฉก มี ขนอ่อนปกคลุม ดอกตูมสีนํ้าตาลเข้มหรือม่วงดำ มีกลีบดอก 5 กลีบ ผล : ผลแห้งแก่แล้วแตกสองแนว ฝักแบน โคนแคบกว่าปลาย เปลือกเกลี้ยงหนา คล้ายแผ่นหนัง ขอบเป็นสัน เมล็ดสีนํ้าตาลดำ 1-4 เมล็ด เมล็ดกลมแบน ออกดอกเดือน กุมภาพันธ์-เดือนเมษายน ติดผลเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม การใช้ประโยชน์ เป็นไม้ประดับเนื่องจากมีช่อดอกที่สวยงาม เมื่อถึงฤดูกาลออกดอกกระพี้จั่นจะทิ้งใบ และผลิดอกสีม่วงอมครามกระจ่างไปทั้งต้น เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้าง ใช้ทำ เครื่องมือช่าง หรือเครื่องมือการเกษตร ทำ เยื่อกระดาษ ใบอ่อนรับประทานเป็นผักหรือใส่ในแกง สรรพคุณทางยา ลำ ต้น : ต้มดื่มบำ รุงเลือด พันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำ จังหวัด แม่ฮ่องสอน จั่น : Millettia brandisiana เรียบเรียงโดย. ส.ทองเกื้อ ลักษณะดอกจั่น ลักษณะใบจั่น ลักษณะฝักแห้งจั่น
วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก
19 ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุหรือ ‘วัดใหญ่’ และ วัดราชบูรณะ เป็นแหล่งค้นพบพระเครื่องพิมพ์สำ คัญ “พระนาง พญา” ๑ ในพระชุดเบญจภาคีที่เลิศเลอค่า ถึงแม้จะเป็นวัดเก่าแก่ที่มี ขนาดไม่ใหญ่นัก แต่เมื่อทราบประวัติความเป็นมาแล้ว ก็นับเป็นหนึ่ง วัดสำ คัญในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพราะ...... นาม “วัดนางพญา” นั้น สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากชื่อของ พระวิสุทธิกษัตริย์ตรีพระอัครชายาของพระมหาธรรมราชา และพระราช มารดาของพระสุพรรณกัลยา, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระ เอกาทศรถ ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าทรงสถาปนาพระอารามแห่งนี้ขณะดำ รง พระอิสริยยศเป็นแม่เมืองสองแคว ในคราวบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบูรณะ ราวปีพ.ศ. ๓๐๙๐-๒๑๐๐ และทรงสร้าง “พระนางพญา” บรรจุไว้ในองค์ พระเจดีย์ตามคติความเชื่อแต่โบราณกาลต่อมาวัดนี้ถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน เนื่องจากศึกสงคราม กระทั่งเมื่อมีการขุดค้นพบ ‘พระนาง พญา’ วัดนางพญาจึงกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งหนึ่ง มูลเหตุอีกประการหนึ่งคือ ถ้าพิจารณาจากพุทธ ลักษณะจะเห็นได้ว่าองค์พระแทบทุกพิมพ์จะมีความงดงาม สง่า โดยจะเน้นบริเวณอกที่ตั้งนูนเด่นและลำ แขนทอดอ่อน ช้อยคล้ายกับ “อิสสตรี”จึงเรียกกันว่า“นางพญา” และได้รับ สมญา“ราชินีแห่งพระเครื่อง”ซึ่งสนับสนุนข้อสันนิษฐานแรก ได้เป็นอย่างดีพระนางพญา มีการขุดพบครั้งแรกในปีพ.ศ. ๒๔๔๔ โดยทางวัดดำ ริสร้างศาลาเล็กๆ ขึ้นบริเวณด้านหน้า ของวัด เพื่อเป็นปะรำ พิธีในการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองพิษณุโลก เพื่อทอดพระเนตรการหล่อพระพุทธชินราชจำ ลอง ครั้นพอ ขุดหลุมจะลงเสาก็ได้พบ ‘พระนางพญา’ จำ นวนมหาศาล ฝังจมดินอยู่กับซากปรักหักพังจึงได้เก็บรวบรวมไว้และเมื่อ ล้นเกล้าฯรัชกาลที่๕ เสด็จฯไปวัดนางพญา ก็ได้นำ พระนาง พญาส่วนหนึ่งขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ครานั้นพระองค์ทรงแจก จ่ายแก่ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จกันโดยถ้วนหน้า ดังนั้น พระนางพญาส่วนหนึ่งจึงมีการนำ กลับยังกรุงเทพมหานคร ต่อมาในราวปีพ.ศ. ๒๔๗๐ สมัย พระอธิการถนอม เป็นเจ้าอาวาส องค์พระเจดีย์ด้านตะวันออกของวัดได้พังลง ก็ปรากฏพบพระนางพญาอีกจำ นวนหนึ่ง ดังบทความที่“ท่าน ตรียัมปวาย” ได้เขียนไว้ในหนังสือ“ปริอรรถาธิบายแห่งพระ เครื่องฯเล่มที่๒ เรื่อง นางพญาและพระเครื่องสำ คัญ ว่า‘... มีโอกาสได้พบผู้ใหญ่เลี่ยว ปาลิวณิช นักพระเครื่องอาวุโส ของจังหวัดพิษณุโลก ท่านเล่าว่า“กรุพระนางพญา”เป็นพระ เจดีย์ที่พังทลายฝังจมดินอยู่บริเวณด้านหน้าของวัด ตรงหน้า กุฏิท่านสมภารถนอม มีการขุดพบพระนางพญา ได้พระเป็น จำ นวนมาก ในคราวนั้นปรากฏว่าชาวเมืองพิษณุโลกไม่ได้ ให้ความสนใจ ดังนั้น พระนางพญาที่ถูกค้นพบจึงถูกเก็บไว้
20 ที่วัดนางพญา และบางส่วนอาจถูกนำ ไปบรรจุกรุยังที่อื่นๆ อีกด้วย ...’ ตามประวัติความเป็นมาต่างๆของ “พระนางพญา วัด นางพญา” เป็นมูลเหตุสำ คัญในการอ้างอิงถึงการพบพระ นางพญาในกรุอื่นๆ ที่ จ.พิษณุโลก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการพบพระพิมพ์ที่มีเนื้อหาและพิมพ์ทรงแบบเดียวกัน กับพระนางพญาจากกรุวัดนางพญาทุกประการในหลายๆ กรุอาทิวัดอินทรวิหาร และวัดเลียบ เป็นต้น สันนิษฐานว่า เป็นพระได้มาในคราวปีพ.ศ. ๒๔๔๔ แล้วได้นำ มาบรรจุตาม กรุพระเจดีย์ต่างๆ ซึ่งจะมีจำ นวนมากบ้างน้อยบ้าง และเมื่อ ผ่านกาลเวลา สภาพองค์พระก็จะแตกต่างกันไปตามสภาพ กรุที่บรรจุ ยังปรากฏหลักฐานจากบันทึกของ ‘ท่านตรียัมปวาย’ ว่ามีการพบพระพิมพ์นางพญากรุวัดนางพญาขึ้นที่กรุวัด อินทรวิหาร กรุงเทพมหานคร จากการสืบสาวเรื่องราวได้ พบว่าเป็นนางพญาพิมพ์เดียวกับกรุวัดนางพญา จังหวัด พิษณุโลก พร้อมหลักฐานที่สอดคล้องกัน จากคำ จารึกบน แผ่นลานเงิน ลานทอง และลานนาก มีความว่า‘…พระพิมพ์ ที่บรรจุอยู่ในกรุนี้เป็นพระพิมพ์ที่เอามาจากวัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ในปีพ.ศ. ๒๔๔๔ ซึ่งเป็นปีที่พระบาท สมเด็จปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์ จักรีเสด็จประพาสจังหวัดพิษณุโลก เพื่อนมัสการพระพุทธชินราชและทอด พระเนตรการหล่อพระพุทธชินราชจำ ลองในวาระดิถีอันเป็นมหามงคลนี้ได้ มีราษฎรผู้จงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท นำ พระพิมพ์มาถวายแด่ล้น เกล้าล้นกระหม่อมเป็นอันมาก และเมื่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับไว้ก็ได้พระราชทานจ่ายแจกแก่พระบรมวงศานุวงศ์และเจ้านาย ใหญ่น้อย ตลอดจนบรรดาข้าราชบริพารที่ตามเสด็จในครั้งนั้นโดยทั่วถึงกัน และเนื่องจากพระพิมพ์นี้มีจำ นวนมาก ส่วนหนึ่งจึงได้มีผู้รวบรวมมาบรรจุไว้ ใน กรุพระเจีดย์นี้...’ พระนางพญา วัดนางพญา เป็นพระเนื้อดินเผา องค์พระจึงมีหลาย สีและหลายขนาดตามลักษณะของพระเนื้อดินเผาทั่วไป พุทธศิลปะเป็น ศิลปะผสมผสานระหว่างสุโขทัยและอยุธยา พิมพ์ทรงรูปสามเหลี่ยม มีการ ตัดขอบแม่พิมพ์ด้วยตอกชิดองค์พระองค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปาง มารวิชัย พระเกศเมาลีมีลักษณะคล้ายปลีกล้วย พระหัตถ์ขวาพาดที่พระชานุ (หัวเข่า) พระหัตถ์ซ้ายวางตรงหน้าพระเพลา(หน้าตัก)ในลักษณะอ่อนช้อย ส่วนด้านหลังเป็นหลังเรียบ แต่ด้วยผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน จึงมีรอยเหี่ยว ย่นจากการหดตัวของเนื้อมวลสารโดยสามารถแบ่งแยกพิมพ์ได้๖ พิมพ์คือ พิมพ์เข่าโค้ง, พิมพ์เข่าตรง, พิมพ์อกนูนใหญ่, พิมพ์สังฆาฏิ, พิมพ์เทวดา และ พิมพ์อกนูนเล็ก พระนางพญาวัดนางพญา นับเป็นพระเครื่องที่มีความสำ คัญที่ปรากฏ หลักฐานการสร้างและการค้นพบมาแต่โบราณ และด้วยพุทธลักษณะอัน งดงามสง่า กอปรกับพุทธาคมที่ปรากฏเป็นเลิศทั้งเมตตามหานิยม อำ นาจ วาสนาบารมีและแคล้วคลาด คงกระพันชาตรีครบครันเป็นที่กล่าวขาน จึง ได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “พระชุดเบญจภาคี” สุดยอดพระ เครื่องของเมืองไทย ที่ณ ปัจจุบันเป็นที่ใฝ่ฝันและแสวงหาด้วยค่านิยมที่สูง เอามากๆ...
21 วัดนางพญา สันนิษฐานว่า ผู้สร้างพระนางพญาคือพระ วิสุทธิกษัตรีย์พระมเหสีของพระมหาธรรมราชา และทรงเป็น พระราชมารดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์ทรง สร้างพระนางพญาขึ้นในคราวบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบูรณะ ราวปีพ.ศ. ๒๐๙๐-๒๑๐๐ ขณะนั้นพิษณุโลกเป็นเมือง ลูกหลวง และพระองค์ดำ รงพระอิสริยยศเป็นแม่เมืองสอง แคว และพระมหาธรรมราชาทรงพระอิสริยยศที่ พระอุปราช แห่งแผ่นดินพระมหาจักรพรรดิกรุงศรีอยุธยา พื้นที่ติดกับวัด พระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร(วัดใหญ่) โดยมีถนนจ่าการ บุญคั่นกลาง นอกจากนั้นอยู่ติดกับวัดราชบูรณะ แต่ปัจจุบันถนนสายมิตรภาพตัดผ่าน ทำ ให้วัด นางพญากับวัดราชบูรณะ ตั้งอยู่คนละฝั่งถนน ได้ขึ้น ทะเบียนโบราณสถาน ในวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๔๙๗ เฉพาะวิหาร ปัจจุบันเป็นอุโบสถ และเจดีย์ย่อมุมไม้สิบ ๒ องค์ วัดนางพญาไม่มีพระอุโบสถมีแต่วิหาร วัดนี้มีชื่อเสียง ในด้านพระเครื่อง เรียกว่า พระนางพญา ซึ่งเล่าลือกันถึง ความศักดิ์สิทธิ์พระนางพญาเป็นสุดยอดพระ หนึ่งในชุด เบญจภาคีพระเครื่องนางพญามีชื่อเสียงทางด้านเมตตามหา นิยม โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่เป็นนักปกครองและหัวหน้างาน ต้องดูแลลูกน้องจำ นวนมาก โดยจะมีความเชื่อว่าจะทำ ให้ผู้ ใต้ปกครองยำ เกรงประดุจ“นางพญา” ปัจจุบันหาได้ยากมาก มีก็แต่ที่ได้สร้างจำ ลองขึ้นภายหลังมีการพบกรุพระเครื่องครั้ง แรกใน พ.ศ. ๒๔๔๔ และครั้งหลังเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ พระประธานในอุโบสถเรียกพระสมเด็จนางพญา เรือนแก้ว นอกจากนี้มีพระเครื่องพิมพ์นางพญา เป็นต้น ตระกูลในสมัยนั้น ๓ ขนาด และมีเจดีย์เก่า ๒ องค์มีมาคู่กับ วิหารวัดนางพญา สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๑๒๐ เป็นที่ทราบกันว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ท่านสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ์พระนางวิสุทธิกษัตริย์พระ ราชชนนีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชวีรกษัตริย์ไทย วัดนี้เป็น วัดต้นตระกูลของพระเครื่องสมเด็จนางพญา แต่เดิมนั้นยังไม่มีอุโบสถ แต่มีวิหารสมเด็จ นางพญาเรือนแก้ว ต่อมาวิหารชำรุดทรุดโทรม ทางวัด จึงได้ทำการบูรณะของเก่าทำ ให้เป็นอุโบสถ ซึ่งพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบันพระราชทานพระ ฤกษ์การสร้างอุโบสถ ณ วันพุธที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๖ พระพิมพ์นางพญา มีทั้งหมด ๖ พิมพ์ พิมพ์เข่าโค้ง พิมพ์เข่าตรง พิมพ์เทวดา พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์อกนูนใหญ่ พิมพ์อกนูนเล็ก
ต้นกล้าความดี 3 สร้างอนาคตชาติโดยแท้
25 ด้วยจิตอาสาที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรี สินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกฝังแด่ พสกนิกรชาวไทย ทำ ให้บรรดาคุณครูอำ เภอกันทรลักษ์ อําเภอ ขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ผู้มีจิตสำ นึก ได้ตั้ง “ชมรมจิตอาสาต้น กล้าความดี” ชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดีได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมีนายธนวัฒน์ชยณัฐฐปนนท์เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธาน ชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี โดยมีวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งชมรมฯ ดังนี้ ๑. สร้างเครือข่ายจิตอาสาเพื่อบำ เพ็ญสาธารณะประโยชน์ต่อเด็กและ เยาวชน ๒. เพื่อปลูกจิตสำ นึกด้านสาธารณะ ปลูกฝังจิตใจให้มีความรับผิดชอบ ต่อตนเองชุมชนและสังคม ๓. เพื่อส่งเสริมจิตสำ นึกด้านคุณธรรมกับการทำ งาน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาชมรมจิตอาสาต้นกล้าความ ดีได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษา ร่วมกับสถานศึกษา ต่างๆ ในเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้รับการสนับสนุน จากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรทางศาสนา ดังนี้ ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๕ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ โครงการทอดผ้าป่าสามัคคีพัฒนาการศึกษา มีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดหาเงินทุนซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และปรับปรุงห้องเรียน ICT ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพ และจัดหาทุนการศึกษา
26 มอบให้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านม่วง (รามคำ แหงอนุสรณ์11) ตำ บล ตระกาจอำ เภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ โครงการทอดผ้าป่าสามัคคี พัฒนาการศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาทุนซื้อเครื่องเล่นสนาม ปรับปรุง อาคารเรียน และจัดหาทุนการศึกษามอบให้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียน บ้านหนองบัว ตำ บลโนนสูงอำ เภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่๑๖ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ โครงการทอดผ้าป่า สามัคคีพัฒนาการศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาทุนสมทบสร้างอาคารนอน นักเรียนชั้นอนุบาล สร้างอาคารโดมสนามเด็กเล่น และจัดหาทุนการศึกษา มอบให้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านซำ ตาโตง ตำ บลพราน อำ เภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ และครั้งที่ ๔ ชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดีได้กำ หนดจัดกิจกรรรม ทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อพัฒนาการศึกษา ในระหว่างวันที่ ๙-๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๖ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาทุนซื้อเครื่องเล่นสนาม สร้างป้าย โรงเรียน และจัดหาทุนการศึกษามอบให้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านขนา
27 ตำ บลนํ้าอ้อม อำ เภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ ปัจจุบัน ชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดีได้รับความเมตตาจาก ท่าน พระครูธรรมธรสมพล ปญฺญาพโล ประธานศูนย์อบรมคุณธรรมจริยธรรม เจ้าอาวาสวัดป่าประชาสามัคคี(ธ) ตำ บลขุนหาญ อำ เภอขุนหาญ จังหวัด ศรีสะเกษ เป็นองค์อุปถัมภ์ชมรมฯ และได้รับความกรุณาจาก ว่าที่ร้อยตรี หม่อมราชวงศ์นิวัติกัลยาณวงศ์นัดดาในนายร้อยเอก มหาอำ มาตย์ตรี นายกองตรีเสือป่า พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชา (พระบวร วงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณประวัติ) เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้ แก่ชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี ชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดีมีคณะกรรมการบริหาร ดังนี้ ๑. นายธนวัฒน์ชยณัฐฐปนนท์ประธานชมรมจิตอาสาต้นกล้าความ ดี, ๒. นางสาวลัดดา บุญสน รองประธานชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี, ๓. นางจิตฤทัย ผงลํ่า รองประธานชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี, ๔. นาง ศุภรัตน์สมบัติรองประธานชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี,๕. นางสาวศตพร ยศศิริกรรมการชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี, ๖. นางสาวจาริ ยา แก่นการ กรรมการชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี, ๗. นาย ภานุฮาตะสุ้ย กรรมการชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี,๘. นาย ปัญญาพร พิมมาศ กรรมการชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี, ๙. ส.ต.อ.อักษรนันท์ อนันต์กรรมการชมรมจิตอาสาต้นกล้า ความดี, ๑๐. ส.ต.อ.ชาญณรงค์ทับทอง กรรมการชมรมจิต อาสาต้นกล้าความดี, ๑๑. ส.ต.อ.นพพล แก่นภักดีกรรมการ ชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี, ๑๒. ส.อ.ณัฐกมล จำ ปาเงิน กรรมการชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี,๑๓. ส.อ.สถาพร สันติ ภพ กรรมการชมรมจิตอาสาต้นกล้าความดี คณะกรรมการที่ปรึกษา ๑. นายประสาน สินลิขิต กุล ประธานสมาพันธ์เครือข่ายสื่อมวลชนไทย ที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์, ๒. นางสุนีย์สีสันต์ข้าราชการบำ นาญ ที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์, ๓. นางสาวพรศรีเจริญศรีประธานชมรมผู้ไกล่ เกลี่ยสำ นักงานตำ รวจภูธร ภาค ๓ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์, ๔. นายพิชัย ตุลยเสวีผู้อำ นวยการโรงเรียนบ้านขนา ที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์, ๕. นางมะลิหลักคำ ผู้อำ นวยการโรงเรียน บ้านหนองหญ้าลาด ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์, ๖. นายศุภวิทย์ สุภโกศล ผู้อำ นวยการโรงเรียนบ้านหนองบัว ที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์, ๗. นางสาริณีคำ ศรีผู้อำ นวยการโรงเรียนบ้าน โนนแฝก ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์, ๘. นายโผน ธรรมทวีผู้อำ นวย การโรงเรียนบ้านละลายมีชัย ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์, ๙. นาย วิทยาวงค์พิทักษ์ผู้อำ นวยการโรงเรียนบ้านกระเบา ที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์, ๑๐. นายโสภณ ทองเกื้อ นายทะเบียน สมาพันธ์ เครือข่ายสื่อมวลชนไทย ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์, ๑๑. นายพิทยา แจ่มจันทร์นายกผู้ก่อตั้ง สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชนภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์
รับบริหารความปลอดภัยทุกที่ สนใจติดตอ 02 089 9363, 081 110 9363
จากจินตการสู่ที่พักในฝันพร้อมเป็นธุรกิจ Pandora Valley Khao Yai
31 เมื่อนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ไปชมภาพยนตร์เรื่อง Pandora “แพนโดรานั้นเหมือนกับสวนอีเดน ที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวและกรง เล็บ” เจมส์คาเมรอน ได้อธิบายถึงแพนโดราในจักรวาลของอวตาร เขาก็ค่อยสะสมความรู้และประสบการณ์สรรค์สร้างที่พักให้มีธรรมชาติดัง สวนอีเดนในความฝันเขา โครงการ Pandora Valley Khao Yai ก็ได้ถือกำ เนิด ขึ้นในพื้นที่อันนับได้มีบรรยากาศ ภูมิศาสตร์อันสมบูรณ์แบบติดอันดับต้นๆของ โลก แถมมีโอโซนที่ดีติดอันดับโลก ที่นั้น คือเขาใหญ่ ที่พักที่สรรค์สร้างขึ้นมานั้นมีเพียง 16 ยูนิตเท่านั้น เป็นพูลวิลล่าตาก อากาศสุดฟิน หรูหราท่ามกลางวิวเขาใหญ่ พาโนราม่า 360 องศา อากาศดี ตลอดทั้งปีเริ่มต้น 15.5 ล้าน* ให้คุณเพลิดเพลินกับทัศนียภาพพาโนราม่าของ ภูเขาธรรมชาติและท้องฟ้าแบบไม่มีอะไรกั้น ในสังคมคุณภาพ ส่วนตัว และปลอดภัย รายล้อมด้วยสนามกล๊อฟ ชั้นนำ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย มีสระว่ายนํ้าและดาดฟ้าส่วนตัวทุก ยูนิต นับได้ว่าเป็น โปรแกรมการลงทุนสุดคุ้ม ผลตอบแทน 6%/ปี นาน 6 ปีครบ กำ หนดการันตรีซื้อคืน เท่าราคาเดิม และยังส่วนลด 10% กับทุกการใช้จ่ายในเครือ เดอะแพนดอร่า กรุ๊ป ยาวนาน 5 ปี * ธุรกิจในเครือ บริบัท เดอะแพนดอร่า กรุ๊ป จำ�กัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 061 919 9891 คุณกฤษ Map : https://goo.gl/maps/tB6GkCcBfdRsyHYt5 #บ้านพลูวิลล่าเขา ใหญ่ #ขายที่ดินเขาใหญ่#ขายบ้านพลูวิลล่าเขาใหญ่ #บ้านพลูวิลล่าเพื่อการ ลงทุน #บ้านพลูวิลล่าวิวเขา#ขายบ้านเขาใหญ่ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำ�หนดฯ
ฝากให้คิด : ครอบครัวมหิดลอยู่ของท่านดีๆ หลีกหนีการเมืองที่รุนแรงไปอยู่สวิส คณะราษฎร ก็ไปขอ ไปกดดันให้พระองค์เจ้าอานันท์ กลับมาครองราชย์ เพราะพวกตัวเองคุมประเทศไม่อยู่ ประชาชนเริ่มก่อหวอดไม่พอใจโหยหา สถาบันกษัตริย์
37 ครอบครัวมหิดลอยู่ของท่านดีๆ หลีกหนี การเมืองที่รุนแรงไปอยู่สวิส คณะราษฎร ก็ไปขอ ไปกดดันให้พระองค์เจ้าอานันท์กลับมาครองราชย์ เพราะพวกตัวเองคุมประเทศไม่อยู่ ประชาชนเริ่ม ก่อหวอดไม่พอใจโหยหาสถาบันกษัตริย์ พอท่านกลับมา หลังสงครามโลก รัฐบาลจอมพล ป. ไปเข้าฝ่ายอักษะ ไทยจะแพ้สงคราม และเสียค่าปฏิกรณ์ สงคราม ร.๘ จึงทรงตรวจแถวกองทัพสัมพันธมิตร เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า ร.๘ เป็นประมุขของราช อาณาจักรไม่ใช่จอมพล ป. ที่เป็นเผด็จการฟาสซิสม์ทำ ให้ ราชอาณาจักรไทยไม่แพ้สงคราม พอนายปรีดีขึ้นเป็นนายก เกิดเหตุไทย-จีนขัดแย้งกัน ด้วยผลพวงจากการรุกรานจีนของญี่ปุ่น จนส่อแววว่าจะเกิด สงครามกลางเมือง รัฐบาลปรีดีแก้ไขปัญหาไม่ได้ ในหลวง ร.๘ และพระอนุชา ตัดสินพระทัยว่าจะทรง เสด็จสำ เพ็ง แม้ความขัดแย้งจะคุกรุ่น และอันตราย แต่ ผลกลับกลายว่า ชาวจีนในสำ เพ็ง เกิดความปิติยินดีจัด ร้าน ทำ ความสะอาด ต้อนรับองค์เหนือหัวชื่นชมพระบารมี ความขัดแย้งทุกอย่างจบสิ้น บารมีองค์กษัตริย์ที่ดับไฟแผ่นดินได้สร้างความหวั่น เกรงต่อกลุ่มผู้ครองอำ นาจ 6 วันหลังจากนั้น ในหลวง ร.๘ ถูกลอบปลง พระชนม์ หลังในหลวงร.๙ขึ้นครองราชย์มีการเพิ่มการเฝ้าระวัง ในเขตพระราชฐาน มีบุคคลลึกลับแอบลอบเข้าวัง และถูก จับได้ก่อนอ้างว่าเป็นคนบ้า ในหลวง ร.๙ จึงตัดสินพระทัยเสด็จไปศึกษา ต่อ เพื่อเรียนสายการปกครอง เพิ่มเติม ปรีดีหนีไปต่างประเทศ พร้อมคนสนิท จอมพล ป. กลับมาครองอำ นาจ ปรีดีรวมกำ ลังกลับมายึดอำ นาจแต่ แพ้ปรีดีหนีคดีกบฎ ลี้ภัยจนวันตาย ต่อมาจอมพล ป. ก็พบ ชะตากรรมเดียวกัน บนเวทีม็อบเมื่อวันก่อน ยังมีคนปราศรัย โทษว่า ปรีดีตายเพราะในหลวง ทั้งที่ข้อเท็จจริงนั้น มันกลับ กันเป็นคนละเรื่อง ขอยํ้าไว้ว่า “แผ่นดินนี้คือราชอาณาจักร ผู้คิดคดทรยศชาติศาสน์กษัตริย์ไม่เคยจบสวย ซักราย”
โดย... มังกรโพ้นทะเล ฌ้อปาอ๋องสิ้นชีพ
39 ก่อนคริสต์ศักราช 202 ปีหานซิ่นวางกับดัก ล้อมเซี่ยงอวี่ไว้ที่ไกเซี่ย (ปัจจุบันคือทางตะวันออก เฉียงใต้ของอำ เภอหลิงปี้มณฑลอันฮุย) เซี่ยงอวี่ มีกำ ลังคนน้อย เสบียงอาหารก็เหลือไม่มากจึงคิด จะฝ่าวงล้อมออกไป แต่ทหารฮั่นและผู้ครองแคว้น ต่างๆ กลับร่วมมือกันล้อมทัพฉู่ไว้อย่างแน่นหนา เซี่ยงอวี่ขับไล่ไปได้กลุ่มหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่งก็บุกเข้า มาแทนที่สังหารได้กลุ่มหนึ่งก็ยังเหลืออีกกลุ่มหนึ่ง เซี่ยงอวี่ฝ่าวงล้อมออกไปไม่ได้จึงจำ ต้องกลับไปยัง ค่ายใหญ่ที่ไกเซี่ย และสั่งให้ทหารคอยระวังเตรียม หาโอกาสที่จะบุกฝ่าออกไป ในคืนนี้เซี่ยงอวี่ก้าวเข้าไปในกระโจมด้วยใบหน้าที่ เป็นทุกข์สาวงามนามอวี๋จีซึ่งอยู่ข้างกายเห็นเขามีเรื่องทุกข์ ใจก็ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนหวังให้เขาคลายกังวล เมื่อถึงยามต้น (ประมาณ 2 ทุ่ม) เซี่ยงอวี่ก็ได้ยินเสียง เพลงแว่วมาพร้อมกับเสียงสายลมที่พัดผ่าน พอตั้งใจฟังดูก็ พบว่าเสียงเพลงนั้นดังมาจากค่ายของทัพฮั่น แต่เพลงที่ร้อง เป็นเพลงของชาวฉู่ซํ้าจำ นวนคนที่ร้องก็ยังมีจำ นวนไม่น้อย อีกด้วย เซี่ยงอวี่ได้ยินเพลงดังมาจากรอบด้านก็อดตกตะลึงไม่ ได้เขาร้องด้วยความตกใจขึ้นว่า“แย่แล้ว! หลิวปังยึดซีฉู่(ฉู่ ตะวันตก)ได้แล้วงั้นรึ? ทำ ไมในค่ายฮั่นถึงได้มีชาวฉู่มากเช่น นี้” เซี่ยงอวี่เศร้าใจมากจึงขับขานบทเพลงที่โศกเศร้า บทเพลงหนึ่งออกมา “วีรบุรุษอาจหาญเหนือกว่าผู้ใดในใต้หล้า ถึงคราว อัปราอุปสรรคนานาไม่อาจฝืน เวลาไม่อาจย้อนคืนได้แต่ คำ�นึงทอดถอนใจ แม้นางที่รักยังไม่อาจปกป้องได้วันนี้จัก ทำ�ฉันใด?” เซี่ยงอวี่ร้องเพลงบทนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า อวี๋จีก็ร้องตาม ไปด้วย ร้องไปร้องมานํ้าตาฌ้อปาอ๋องก็หลั่งไหลออกมา เหล่าผู้ติดตามที่อยู่ข้างกายต่างก็โศกเศร้าจนไม่อาจกลั้นนํ้า ตาไว้ได้ ในคืนนั้น เซี่ยงอวี่ก้าวขึ้นบนหลังม้า นำ พาทหารที่ เหลืออยู่800 คน ฝ่าวงล้อมของภาพฮั่นออกไป เมื่อถึงยาม รุ่งสางทหารฮั่นเพิ่งรู้ตัวว่าเซี่ยงอวี่หลบหนีไปจึงให้ทหารม้า 5,000 นาย ติดตามไปทันทีในที่สุดก็ตามมาทันที่ริมแม่นํ้ าไหวเหอ แต่เซี่ยงอวี่ก็หลบหนีไปได้อีก เซี่ยงอวี่หลงทางมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงทางสามแพร่ง แห่งหนึ่งในตอนนั้นมีชาวนาบังเอิญผ่านมาพอดีเขาจึงสอบถามเส้นทางที่จะ ไปเผิงเฉิงจากชาวนาชาวนารู้ว่าเขาคือฌ้อปาอ๋องจึงไม่ยินดีที่จะบอกทางให้ และแกล้งบอกว่า “ไปทางซ้าย” แทน เซี่ยงอวี่และทหารอีกร้อยกว่าคนมุ่งหน้าไปทางซ้าย แต่ยิ่งไปก็ยิ่งรู้สึก ว่าไม่ถูกต้อง ในที่สุดเขาก็ไปถึงสุดทางและพบเข้ากับบึงแห่งหนึ่งจึงได้รู้ว่า ถูกหลอกเสียแล้ว เซี่ยงอวี่คิดจะหาทางอ้อมออกไปจากเขตบึงนํ้า แต่ทหาร ฮั่นกลับไล่ตามมาทันเสียก่อน เซี่ยงอวี่รีบหีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างทางทหารของเขาบาด เจ็บล้มตายไปอีกไม่น้อย เมื่อไปถึงตงเฉิง (ปัจจุบันคือทางตะวันออกเฉียงใต้ ของอำ เภอติ้งหย่วน มณฑลอันฮุย) จึงมีทหารเหลือเพียงแค่ 28 คนเท่านั้น แต่ทหารฮั่นหลายพันนายก็ยังคงไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ เซี่ยงอวี่ตระหนัก ดีว่าคงไม่มีโอกาสหนีรอดแต่ก็ไม่คิดจะยอมจำ นน เขากล่าวกับบรรดาทหาร ว่า “ข้านำ�ทัพมานานถึง 8 ปี ทำ�ศึกมา 70 กว่าครั้งไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว บัดนี้ข้าถูกล้อมอยู่ที่นี่ เพราะสวรรค์ลิขิตให้ข้าต้องพ่ายแพ้ ไม่ใช่ว่าข้าสู้พวก เขาไม่ได้!” เขาแบ่งทหารที่เหลืออยู่เพียง28 คนเป็นสี่กลุ่ม พลางกำ ชับว่า “เมื่อข้า สังหารแม่ทัพใหญ่ของพวกมันได้พวกท่านก็รีบแยกกันหนีเป็นสี่ทางแล้วค่อย ไปพบกันที่ตงซาน” กล่าวจบ เขาก็ตะโกนเสียงดังและบุกเข้าหาทัพฮั่นทันที ทหารฮั่นค่อยๆ แตกพ่ายไปในที่สุด เซี่ยงอวี่ก็สังหารแม่ทัพใหญ่ของฮั่นได้คน หนึ่ง เมื่อทหารทั้งสี่กลุ่มไปสมทบกันที่ตงซาน เซี่ยงอวี่ก็แบ่งกลุ่มทหารใหม่ เป็นสามกลุ่ม ให้เฝ้ารักษาสามจุด แต่ทัพฮั่นก็แบ่งทหารออกเป็นสามทัพล้อม ทัพฉู่ไว้หมด เซี่ยงอวี่พยายามฝ่าวงล้อมออกมา ทั้งยังสามารถสังหารทหารฮั่น ได้อีกหลายร้อยคน แต่ทหาร28 คน ของเซี่ยงอวี่ก็ต้องพลชีพไป 2 คน เซี่ยงอวี่นำ ทหารที่เหลือ26 คน ฝ่าวงล้อมหนีไปทางใต้เรื่อยๆจนกระทั่ง ถึงแม่นํ้าอูเจียง (ปัจจุบันคือทางตะวันออกเฉียงเหนือของอำ เภอเหอเสี้ยน มณฑลอันฮุย) ขุนนางท้องถิ่นที่นั่นมีเรือเล็กจอดอยู่ที่ริมฝั่งลำ หนึ่งพอดีเขา กล่าวกับเซี่ยงอวี่ว่า “ถึงแม้เจียงตงจะเล็ก แต่ก็มีพื้นที่มากถึงพันกว่าลี้มี ประชากรหลายแสนคน ท่านอ๋องข้ามแม่นํ้าไปก็ยังคงตั้งตนเป็นอ๋องที่นั่นได้” เซี่ยงอวี่ยิ้มด้วยความขมขื่นพลางกล่าวว่า“นับแต่ข้าเริ่มก่อการที่จีจวิ้น ข้านำ พี่น้อง8,000 คน ข้ามแม่นํ้ามา แต่บัดนี้กลับไม่มีใครสามารถข้ามแม่นํ้า กลับไปได้เหลือเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้พ่อแม่พี่น้องที่เจียงตงจะเห็นใจ ยอมรับข้าเป็นอ๋อง แต่ข้ายังมีหน้ากลับไปพบพวกเขาอีกหรือ” เซี่ยงอวี่มอบม้าคู่ใจให้ขุนนางท้องถิ่น จากนั้นก็สั่งให้ทหารลงจาก หลังม้าเขาและทหารอีก26 คน ชักมีดสั้นออกมาต่อสู้กับทหารฮั่นที่ไล่ ตามมาอย่างกล้าหาญพวกเขาสามารถสังหารทหารฮั่นได้หลายร้อยคน แต่ทหารฉู่ก็ทยอยล้มลงทีละคนๆ เซี่ยงอวี่ได้รับบาดเจ็บนับสิบกว่าแผล ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเชือดคอตายอยู่ที่ริมแม่นํ้าอูเจียงนั้นเอง Cr.หนังสือ “เกร็ดประวัติศาสตร์จีน 5,000 ปี สมัยราชวงศ์ฮั่น, เว่ย, จิ้น และราชวงศ์เหนือใต้”
คนลัคนาราศีเมษ ดาวราหูเป็นเจ้าเรือนของความสำ เร็จ คือเป็นดาวลาภะ ดาวลาภะย้ายเข้าไปอยู่ในภพวินาศ แปลว่า ต่างประเทศ และไม่คาดฝัน เพราะฉะนั้นอาจารย์ไม่ได้มองว่า ล่าผลเงินทองที่ได้มานั้นจะตายไป แต่กลับมอง ว่าเป็นโอกาสดีของคนลัคนาราศีเมษที่จะทำ เกี่ยวกับเรื่องการค้าขายออนไลน์ทำ เกี่ยวกับเรื่องการนาเข้าส่งออก ํ หรือทำ เกี่ยวกับด้านต่างประเทศ เพราะว่าดาวราหูนั้นอยู่ในเรือนพฤหัส และดาวพฤหัสเองก็โคจรทับลัคนาอยู่ แสดงว่าความ สำ เร็จ ลาภผลเงินทองนั้นยังเอื้อมถึงคนลัคนาราศีเมษโดยปริยาย เพราะฉะนั้นคนลัคนาราศีเมษนั้น ไม่ต้องไปคิด ไม่ ต้องหวังมาก เพียงแต่ว่ามีอะไรทำ ไป มีความมุ่งมั่น และมีความขยัน จะเกิดความสุข หรือความสำ เร็จแบบไม่คาดฝัน แต่ด้วยมุมดาวอังคาร จะโคจรเข้าไปอยู่ภพมรณะ ทำ ให้ส่งผลกับคนลัคนาราศีเมษในแง่ไม่ดีก่อน และหลังจากวันที่ 27ธันวาคมไปแล้ว ดาวอังคารจะย้ายออกจากภพมรณะ และให้คุณเท่ากับว่าในช่วงที่ดาวราหูนั้นย้าย ตั้งแต่วันที่17 ตุลาคมยาวไปถึงวันที่5 พฤษภาคมนั้นจะส่งผลเรื่องดีมากกว่าเรื่องเสีย เพียงแต่ว่าในช่วงแรกที่ดาวราหูย้าย ดาวประ จําตัวคนลัคนาราศีเมษนั้นตกภพมรณทำ ให้ส่งผลไม่ดีในช่วงแรก เพราะฉะนั้นถ้ามองระยะยาวจะส่งผลดีมากกว่าส่ง ผลเสีย คนลัคนาราศีพฤษภ ดาวราหูเป็นดาวเจ้าเรือนภพการงาน ดาวการงานโคจรเข้าไปอยู่ในภพลาภะ แสดงให้ เห็นว่า จะมีงานเข้ามาแล้วงานนั้นจะส่งผลด้านความสำ เร็จ ใครตกงานอยู่มีเกณฑ์ได้งาน ใครหางานอยู่ มีเกณฑ์ได้ งานเช่นเดียวกัน หรือใครต้องการเปลี่ยนงาน มีเกณฑ์ได้งาน แต่อุปสรรคของคนลัคนาราศีพฤษภ ในช่วงดาวราหูย้าย คือดาวมฤตยูที่โคจรถอยหลังวันที่ 21 กันยายน ส่งผลให้ความสำ เร็จต่างๆ ของคนลัคนาราศีพฤษภนั้นล่าช้าไม่ได้ดั่ง ใจ เพราะฉะนั้นราหูที่ย้ายในช่วงวันที่ 17 ตุลาคมนั้นจะส่งผลให้เรื่องงาน มีความสำ เร็จเข้ามามากกว่าจะส่งผลเสีย หาย เพราะว่า ดาวการงานเมื่ออยู่ในภพลาภะแปลว่า ความสำ เร็จ แต่จะเกิดความล่าช้าจากดาวมฤตยูที่โคจรถอยหลัง และดาวมฤตยูนั้นจะกลับมาเดินเป็นปกติต้องรอจนถึงวันที่23 มกราคม พ.ศ.2567เพราะฉะนั้นใครที่หวังเรื่องความ สำ เร็จเกี่ยวกับเรื่องงานอยู่ โหราพญายักษ์มองว่ามีมุมดาวที่ดีที่จะมีความสำ เร็จเข้ามาเพราะฉะนั้นเรื่องการงานดีขึ้น แต่มฤตยูนั้นกลับดึงให้เรื่องต่างๆ ของคนลัคนาราศีพฤษภนั้นช้าลงเพราะฉะนั้นหลังจากดาวทุกอย่างกลับมาเดินเป็น ปกติแล้ว คนลัคนาราศีพฤษภก็จะกลับมามีความสุขเหมือนเดิม คนลัคนาราศีเมถุน ดาวราหูเป็นดาวศุภะ คือ ความสำ เร็จ ความเจริญของธุรกิจ มองเรื่องตำ แหน่งหน้าที่การ งาน และการเป็นที่ยอมรับในสังคม การได้องค์เกณฑ์กับลัคนา หากใครเป็นพนักงานเงินเดือนอยู่ในช่วงตั้งแต่ดาวราหู ย้ายคือสิบเจ็ดตุลาคมไปจนถึงวันที่5 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 1 ปีครึ่งที่ราหูย้ายอยู่อย่างนี้จะส่งผลดีกับคนลัคนาราศี เมถุนด้านการงานอย่างแน่นอน ไม่เกี่ยวกับเรื่องความรัก ไม่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับเรื่องการสร้างเนื้อสร้างตัว และความสำ เร็จเกี่ยวกับเรื่องการงานถ้าท่านไม่ได้มีดาวอะไรสำ คัญอยู่ในราศีกันย์ราหูที่ย้ายเข้ามาอยู่ตรงนี้จะทำ ให้ ท่านมีความสุข มีความสำ เร็จ มีความก้าวหน้าในเรื่องการงานในกรณีเป็นพนักงานเงินเดือน แต่ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจ ตรงนี้มันก็จะทำ ให้ท่านสามารถตั้งตัวได้และธุรกิจค่อยๆเริ่มดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องระวังเนื่องจากท่านนั้น มีอุปสรรคมีปัญหาแบบไม่คาดคิดไม่คาดฝัน ระวังเรื่องสุขภาพ สิ่งที่มันจะมีปัญหา คือ เหตุที่ไม่คาดคิดเหตุที่ไม่คาด ฝัน และปัญหาสุขภาพของคนลัคนาราศีเมถุน แต่ว่าดาวเสาร์ที่โคจรถอยหลังนั้น เดี๋ยวจะกลับมาเดินเป็นปกติในช่วง ราศีเมถุน ราศีเมษ ราศีพฤษภ วันที่ 17 ตุลาคม ดาวราหูจะย้ายราศี ซึ่งการย้ายครั้งนี้จะอยู่ในราศีมีนไปจนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ลัคนาราศีที่จะโดนผลกระทบจากการที่ดาวราหูย้ายเข้าไปอยู่ในราศีเมษนั้นจะส่งผลกระทบกับใคร และเป็นอย่างไรบ้าง
43 ราศีกรกฎ ราศีสิงห์ ราศีกันย์ วันที่24 ตุลาคม เท่ากับว่าหลังจากวันที่24 ตุลาคม ด้านสุขภาพก็จะเริ่มดีขึ้น กิจการการงานอะไรต่างๆ ก็จะเริ่มดีขึ้น เพราะฉะนั้นมีเรื่องดีมากกว่าเรื่องไม่ดี คนลัคนาราศีกรกฎ ดาวราหูเป็นดาวที่ให้โทษกับคนลัคนาราศีกรกฎโดยตรง เพราะดาวราหูนั้นเป็นดาวเจ้า เรือนภพมรณะ แปลว่าอุบัติเหตุความตาย เมื่อดาวราหูย้ายคนลัคนาราศีกรกฎจะต้องโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ และ อุบัติเหตุเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการที่ดาวราหูย้าย แนะนําให้ไปซื้อปลาที่กําลังจะฆ่าไปปล่อย ซื้อนกที่เขากําลังจะฆ่า ไปปล่อย ซื้อไก่ที่เขากําลังจะฆ่าไปปล่อย เน้นเรื่องการปล่อยชีวิตมากกว่าเรื่องอื่น ทำ บุญสังฆทาน วิหารทาน หรือขัด ห้องน้ำ เป็นของแถมก็สามารถทำ ได้ดาวราหูย้าย แสดงว่าท่านก็จะต้องระวังเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ และกู้อุบัติเหตุจาก ฟืนไฟความร้อนแล้วก็ระเบิดเป็นหลักและหลังจากดาวราหูย้ายราศีดาวราหูจะย้ายจากภพการงาน แปลว่า ความสำ เร็จ ความเจริญและดาวราหูเอง แปลว่า ผู้ใหญ่ที่ท่านนับถือเพราะฉะนั้นการที่ท่านจะไปทำ บุญในช่วงนี้อยากให้ชวนคุณ พ่อ คุณแม่ ผู้ใหญ่ที่ท่านรักนั้นให้มีส่วนในบุญด้วย มีเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพดีขึ้น ส่งผลทำ ให้ผู้ใหญ่ที่ท่านรักเคารพหรือ นับถือนั้นสุขภาพไม่ดีคนลัคนาราศีกรกฎจะต้องระวังเกี่ยวกับเรื่องฟืนไฟความร้อนจะต้องกลับใหม่ต้องระวังเกี่ยวกับ เรื่องอุบัติเหตุทางนํ้าในที่ทำ งาน ให้ระวังอะไรที่เกี่ยวกับนํ้า ถ้าเป็นไปได้โหราพญายักษ์แนะนำ ให้ห้อยวัตถุมงคลตาม ศาสนาของท่าน หลังจากดาวราหูย้ายแล้ว ดาวราหูจะเสวยสมโนฤกษ์แสดงว่าคนลัคนาราศีกรกฎจะรับเรื่องเหนือ ธรรมชาติแบบไม่คาดคิด มีเกณฑ์โดนผีอำ เพราะฉะนั้นอยากให้ระวังด้านสุขภาพเป็นหลัก คนลัคนาราศีสิงห์โชคไม่ดีสองเด้ง เพราะตอนนี้ดาวเสาร์ก็โคจรเล็งลัคนาอยู่ ก็ถือว่าเป็นจุดพินทุบาทว์ดาว ราหูเป็นดาวคนรัก พอดาวราหูเป็นดาวคนรัก ดาวราหูย้ายเข้าไปอยู่ในภพมรณะแน่นอน ท่านจะต้องมีปัญหากับคน รัก คือ ไม่ถึงกับเลิกกัน แต่อาจจะมีการห่างกัน เจอกันน้อยลง หรือนานๆ เจอกันครั้งหนึ่ง ถ้าหนักสุดก็คือ แฟนท่าน เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบาย แฟนอาจจะมีปัญหาต้องย้ายงาน ต้องย้ายที่อยู่ ทำ ให้คุยกันน้อยลง เจอกันน้อยลง หรืออาจ จะมีการย้ายประเทศย้ายที่อยู่กันเกิดขึ้น เมื่อดาวราหูเป็นดาวคนรัก และอยู่ในภพมรณะสำ หรับคนโสด หรือคนที่ไม่มี แฟนก็จะมีเกณฑ์เจอคนรัก แต่จะกลายเป็นว่าคนรักจะต้องเป็นคนต่างถิ่น ต่างประเทศ ต่างชาติต่างจังหวัด หรือต่าง เผ่าพันธุ์อะไรลักษณะนั้น เพราะฉะนั้นถ้าใครอยู่เมืองไทย ไปทำ งานเมืองนอกมีเกณฑ์จะเจอคนถูกใจที่นั่น มีเกณฑ์ ได้คนต่างถิ่น ต่างชาติต่างภาษา ต่างเผ่าพันธุ์มาเป็นแฟน แต่มันมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง คือในช่วงที่ดาวตราหูย้ายนั้น ดาวเสาร์และดาวศุกร์เล็งกัน เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาในช่วงนี้ยังไม่ใช่เป็นคนที่จะตอบโจทย์ชีวิตท่านเท่าไหร่ ถ้าท่าน อยากได้คนที่ คบทน คบยาว คบนาน เลิกยาก แนะนําเป็นช่วงมกราคม พ.ศ.2567ไปแล้วรอให้ดาวอังคาร และดาว พฤหัสเป็นเกษตรสลับเรือนเสียก่อน ช่วงนั้นถึงจะดีหนึ่งจะได้คนที่เลิกกันยาก คบกันยาว สองจะได้คนที่หาเงินเก่งทำ มาหากินเก่ง แต่ถ้าเป็นคนที่เจอกันในช่วงเดือนตุลาคมที่หลังจากดาวราหูย้ายดาวโคจรวิปริตหลายดวง คนลัคนาราศี สิงห์จะต้องประสบพบเจอกับเรื่องสุขภาพ หรืออุบัติเหตุด้วย เพราะฉะนั้นราหูเป็นธาตุลม พอดาวราหูอยู่ในภพมรณะ สิ่งที่มันเกิดขึ้นมาก็จะทำ ให้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลม เช่น ระบบทางเดินหายใจ โควิด ตกจากที่สูง เป็นความดัน อาจ จะเป็นความดันสูงเท่ากับว่าร่างกายนั้นปรับเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีเพราะฉะนั้นอย่าเครียดเยอะ พยายามออกกําลัง กาย รักษาสุขภาพ และที่ดาวราหูอยู่แบบนี้ คนลัคนาราศีกันย์ไม่ต่างจากคนลัคนาราศีสิงห์เท่าไหร่ดาวเสาร์เล็งลัคนาคนลัคนาราศีกันย์ปรากฏว่าดาวราหู นั้นย้ายมาเล็งลักษณ์แล้วก็ดาวพฤหัส ซึ่งเป็นดาวคนรักก็ตกภพมรณะ ดาวราหูที่ย้ายออกจากภพมรณะ ทำ ให้ปัญหา เกี่ยวกับเรื่องความดันนั้นหมดไป ปัญหาเรื่องการหน้ามืดเป็นลมหมดไป ปัญหาเรื่องอุบัติเหตุเกี่ยวกับเรื่องความร้อน ของคนลัคนาราศีกันย์หมดไป แต่พอดาวราหูนั้นมาเล็งลัคนาชีวิตคนลัคนาราศีกันย์จะมีการเปลี่ยนแปลงไปทั้งในทางที่ ไม่ดีและในทางที่ดีมีความคิดมีการอยากเปลี่ยนแปลง มีการอยากทำ นู่นทำ นี่จะมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ด้านความ รักดาวราหูที่เข้ามา เนื่องจากดาวราหูเจ้าเรือนภพอริอริแปลว่า ปัญหาอุปสรรค เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาในช่วงนี้ไม่
44 เหมาะสมที่จะรับเข้ามาทำ แฟน หรือคบระยะยาวเพราะดาวราหูนั้นมาจากเรือนภพอริเข้ามาอยู่ในภพคนรัก แสดงว่า ท่านจะมีปัญหากับคนรัก หรือจะเอาคนที่ไม่คู่ควรมาเป็นคนรัก เพราะฉะนั้นถ้าใครโสดอยู่โสดต่อไป ใครที่มีแฟนแล้ว ต้องดูแลเอาใจใส่แฟน หรือคนรักของตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ไม่ควรไปลงทุนร่วมกับใคร มีอะไรทำ คนเดียว อย่าไปทำ ร่วมกับใคร มีเกณฑ์จะโดนคดโดนโกง โดนยืมเงินแล้วไม่คืน ในวันที่1 พฤษภาคม พ.ศ.2567 คนลัคนาราศีตุลย์ดาวราหูเล็งลักษณ์มาปีครึ่ง หลังจากนั้นดาวราหูก็ย้ายราศีเสียทีนึง ชีวิตก็เริ่มมีความสุขขึ้น แต่ในช่วงวันที่ 21 กันยายน ดาวมฤตยูเริ่มโคจรถอยหลัง ต้องระวังด้านสุขภาพมากกว่าเรื่องอื่น ส่วนดาวราหูที่ย้าย ราศีออกไปนั้นแน่นอน ส่งผลให้ด้านความรักดีขึ้น ดาวราหูไม่ได้เป็นพินทุบาทว์แล้ว การโดนเด็กหลอกหรือการโดนคน หน้าใหม่หลอกก็จะหมดไป ส่วนดาวราหูที่ไปอยู่ในภพอริเปิดธุรกิจกิจการของตัวเองอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นโปรเจกต์ ใหม่ที่ไม่เคยทำ มาก่อน ใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจอยู่หรือมีลูกน้องอยู่ต้องระวังลูกน้องก่อปัญหาสร้างปัญหา มีลูกน้อง ระวังทะเลาะกับลูกน้อง เพราะดาวราหูเองนั้นมาจากเรือนภพปุตร แปลว่า คนอ่อนวัยกว่าหรือลูกน้องนั่นเอง พอดาว ราหูมาอยู่ในภพอริจะทำ ให้สร้างปัญหาเท่ากับว่าอาจจะมีปัญหากับลูกน้อง ลูกน้องสร้างตัวเป็นศัตรูหรือลูกน้องสร้าง ปัญหา คนลัคนาราศีตุลย์จะได้เริ่มลงทุนทโปรเจกต์ใหม่ๆ แต่ด้วยมุมดาวของดาวราหูอังคารนั้นย้ายเป็นเกษตรในวัน ที่15 พฤศจิกายน ช่วงดาวราหูย้ายนั้น อังคารโคจรทับตัว เพราะฉะนั้นมุมดาวรายได้คือ ดาวอังคารนั้นไม่โดนทำ ร้าย เรื่องรายได้ไม่น่ากระทบ แต่ให้ระวังเรื่องการลงทุนนิดนึงแล้วกันเพราะว่าดาวราหูที่ย้ายราศีไปนั้นมาเสวยฤกษ์แสดง ว่า มันไม่ใช่ฤกษ์การค้าขายเท่าไหร่ และต้องระวังเรื่องการพนัน โดยเฉพาะการเล่นหุ้นหรือบิทคอยน์คนลัคนาราศี ตุลย์ไม่ควรจะเสี่ยงในช่วงนี้เพราะดาวเสาร์ก็ยังอยู่ในมุมไม่ดีหากอยากจะเริ่มจริงจัง แนะนําให้เป็นในช่วงที่ดาวศุกร์ นั้นย้ายโคจรมาทับตัวแล้วก็คือ1ธันวาคมไปแล้วเพราะถ้า17 ตุลาคม เริ่มตอนนี้จะโดนใส่ร้ายโดนกลั่นแกล้ง ปัญหา จะเยอะ คนลัคนาราศีพิจิก ดาวราหูนั้นย้ายออกจากภพอริปัญหาด้านครอบครัว ค่าใช้จ่ายในครอบครัว หรือค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับด้านบ้าน อสังหาริมทรัพย์อะไรต่างๆจะเริ่มหมดไป หลังจากวันที่17 ตุลาคม แต่ดาวใจ คือ ดาวอังคารนั้นอยู่ ในภพวินาศทางหลักโหราศาสตร์เรียกว่าไม่ดีเพราะฉะนั้นคนลัคนาราศีพิจิกจะเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับด้านสภาพ จิตใจ ความเครียดที่มีปัญหาอยู่ ส่วนด้านรายได้ราหูที่ย้ายมาอยู่ตรงนี้จะทำ ให้มีรายได้จากการให้เช่าบ้าน ขายบ้าน ขายรถ หรือมีรายได้เสริมจากด้านความหมายของอสังหาริมทรัพย์เพราะดาวราหูเป็นดาวภพพันธุเมื่อดาวพันธุเข้าไป อยู่ในราศีมีนซึ่งเป็นดาวเกี่ยวกับเรื่องรายได้เสริม คนลัคนาราศีพิจิกจะมีรายได้เสริมจากครอบครัวรายได้จากการขาย รถขายบ้าน หรือเป็นติวเตอร์เป็นครูสอนพิเศษ ด้วยมุมดาวแบบนี้มองถึงว่าการจะค่อยๆ ตั้งตัวได้ด้วย ด้านความรักนั้น เป็นดาวศุกร์โดนดาวเสาร์ทำ ร้ายอยู่และดาวมนุษย์ที่อยู่ในภพคนรักก็ยังคงถอยหลังอยู่ฉะนั้นการย้ายของดาวราหูนั้น ไม่ได้ส่งผลให้ด้านความรักดีขึ้นกว่าแต่ก่อน คนลัคนาราศีธนูดาวราหูเป็นดาวเจ้าเรือนภพสหัชชะ สหัชชะ แปลว่า การติดต่อ การพูดคุย แปลว่า สติปัญญา ก่อนหน้านี้ดาวราหูกุมกับดาวพฤหัส ดาวพฤหัสโคจรถอยหลังดาวราหูย้ายราศีเข้าไปอยู่ในเรือนภพพันธุเพราะฉะนั้น คนลัคนาราศีพิจิกจะมีวางการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องการสร้างเนื้อสร้างตัวเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงาน และการมีครอบครัว หรือการจะทำ ให้อะไรให้มีสาระมากขึ้น ทำ รายได้เสริม ทำ งานพาร์ทไทม์เลิกกินเหล้า เลิกบุหรี่ เริ่มเก็บเงิน มีชีวิตที่มี สาระมากขึ้น ดาวรายได้ของคนลัคนาราศีธนูคือ ดาวเสาร์และดาวอังคารซึ่งดาวเสาร์นั้นยังคงโคจรถอยหลังอยู่ ดาว เสาร์จะกลับมาเดินในช่วงวันที่ 24 ตุลาคม ส่วนดาวรายได้เสริม คือ ดาวอังคารนั้นยังดีอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน อังคารถึงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนภพวินาศ เพราะฉะนั้นจะส่งผลให้ท่านนั้นมีสาระในชีวิตมากขึ้น แต่ถ้า ใครมีสาระอยู่แล้วจะทำ ให้เริ่มวางแผน ก่อร่างสร้างตัวอะไรต่างๆ ได้ดีขึ้น ดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวการเงินนั้นมันยังโคจร ในส่วนของฤกษ์ไม่ดีอยู่ เพราะฉะนั้นในปีหน้าคนลัคนาราศีธนูสามารถตั้งตัวได้แล้วก็มีบ้าน มีรถ ราศีตุลย์ ราศีพิจิก ราศีธนู
45 คนลัคนาราศีมังกร ดาวราหูมีผลต่อชีวิตคนลัคนาราศีมังกร ดาวการเงินนั้นโคจรย้ายราศีแหล่งที่มาของราย ได้ก็จะเปลี่ยนไปจากเดิมดาวราหูนั้นได้เกณฑ์กับลัคนาทำ ให้หาเงินได้ง่ายมีรายได้เข้ามาตลอด พอดาวราหูย้ายราศี แล้ว พฤติกรรมรายได้จะเปลี่ยนไป รายได้ของคนลัคนาราศีมังกรจะมาจากการเซอร์วิสการเป็นนายหน้า การติดต่อการ วางแผน หรือมีการวางแผนระยะยาวเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นดูแล้วรายได้มันจะไม่ตกลง และไม่ได้มีดาวอะไรมาทำ ร้ายดาว ราหูด้วย แต่ถ้ามองเรื่องรายได้เสริมยังไม่สามารถที่จะทำ ได้ในช่วงวันที่17 ตุลาคม ที่ดาวราหูนั้นย้ายราศีจะต้องรอใน ช่วงที่ดาวศุกร์ซึ่งเป็นดาวรายได้เสริมนั้นย้ายออกมาก่อนคือในช่วงหลังจากวันที่3 พฤศจิกายนไปแล้วเพราะฉะนั้นถ้า ใครอยากจะทำ งานเป็นชิ้นๆ หรือเป็นรายได้เสริม วันที่3 พฤศจิกายนไป แต่ว่าดาวราหูที่ย้ายนั้นได้วรโคตรมนวางค์คน ลัคนาราศีมังกรมีเกณฑ์ที่จะเอาของสะสมหรือของเก่าที่ตัวเองเก็บไว้นั้นไปขายทำ ราคา หรือเป็นพ่อค้าคนกลางได้ค่อน ข้างดีแต่คนลัคนาราศีมังกรนั้นจะต้องระวังอย่างหนึ่ง คือในช่วงหลังจากวันที่19ธันวาคม เป็นต้นไป ดาวการเงิน คือ ดาวราหูนั้นจะเสวยตรียางค์อังคาร เพราะมีเกณฑ์จะติดการพนัน หรือหาเงินโดยใช้ความเสี่ยงดวงเสี่ยงโชค หลังจาก 19 ธันวาคม อย่าเอาเงินไปฝากใครลงทุน ถ้าจะลงทุน ลงทุนด้วยชื่อตัวเองเงินตัวเอง อย่าเอาเงินไปฝากใครลงทุน มี เกณฑ์โดนหลอก ดาวเสาร์นั้นอยู่ในภพการเงินอยากได้เงินมากๆ หาเงิน มีความมุ่งมั่นเรื่องการหาเงิน ในช่วงนี้มีอะไร ทำ ไปยังมีรายได้ดีเหมือนเดิม แต่อย่าไปเล่นการพนัน อย่าไปฝากใครลงทุน หรืออย่าไปหาเงินโดยใช้ความเสี่ยงต้อง รอจนถึงวันที่24 มิถุนายน พ.ศ.2567เพราะฉะนั้นถ้าอยากรวยรับเงินก้อนใหญ่รอช่วงนั้นจะดีกว่า คนลัคนาราศีกุมภ์ดาวราหูเป็นดาวประจําตัว ดาวราหูเป็นดาวจิตใจเมื่อดาวราหูย้ายราศีเข้าไปอยู่ในภพการ เงินแล้วจะทำ ให้ท่านหมกมุ่นเรื่องการหาเงิน แต่ปัญหาที่มีคือ ดาวพฤหัสซึ่งเป็นดาวการเงินนั้นโคจรไม่ดีก็เลยทำ ให้ หาเงินไม่ได้ตามเป้าเท่ากับว่าไม่ได้ทำ ให้ท่านจนลง พฤหัสที่โคจรถอยหลังทำ ให้ท่านมีปัญหามากกว่า และในช่วงเดือน ธันวาคมนั้นดาวราหูเองก็จะเสวยฤกษ์ไม่ดีดาวพฤหัสจะเสวยฤกษ์ได้ดีในวันที่3ธันวาคม ทำ ให้ท่านหมกมุ่นเรื่องการ หาเงิน แต่ดาวการเงินไม่เอื้อเพราะฉะนั้นอย่าได้ลงทุนโดยเฉพาะหลังจากวันที่3 ธันวาคมเป็นต้นไป อย่าได้ลงทุน มี อะไรทำ ไป และหลังจากดาวพฤหัสเดินดีการเงินของคนลัคนาราศีกุมภ์ก็จะกลับมาดีเหมือนเดิมเอง เพราะฉะนั้นดาว ราหูนั้นไม่ได้ทำ ให้ท่านจนลง หรือรวยขึ้น เมื่อดาวตัวท่านเข้าไปอยู่ในภพการเงินก็เลยทำ ให้ท่านนั้นหมกมุ่นเกี่ยวกับ เรื่องการหาเงินมากเกินไป และให้ระวังการหาเงินสีเทาๆผิดกฎหมาย หรือการรวยเร็วจนเกินไป คือ ทางลัดอะไรต่างๆ ที่มันไม่ถูกทํานองทองคํา อย่าได้ทำ อะไรให้ระวังเรื่องการพนันหรือการเอาเงินไปฝากคนอื่น เมื่อฝากเขาลงทุนอาจจะ มีปัญหาได้ปัญหาด้านการเงินของคนลัคนาราศีกุมภ์นั้นเกิดจากดาวพฤหัสถอยหลัง และเสวยฤกษ์ไม่ดีดาวการเงิน ซึ่งเป็นดาวพฤหัสที่ได้ตำ แหน่งราชาโชคจะกลับมาเดินดีอีกครั้งนึงในช่วงวันที่10 มกราคมเป็นต้นไป เพราะฉะนั้นเรื่อง การเงินตั้งแต่วันที่29 กันยายนที่ผ่านมา ดาวพฤหัสเริ่มโคจรถอยหลังไปจนถึงวันที่10 มกราคมเท่ากับว่าการเงินของ คนลัคนาราศีกุมภ์เนี่ยจะเริ่มมีปัญหา แต่อาจารย์มองว่ายังพอได้อยู่ เพราะได้ตำ แหน่งราชาโชค และดาวราหูตรงเนี้ย พอเสวยสมโนฤกษ์ต้องระวังการลงทุน การเอาเงินไปฝากเขาลงทุนต้องระวังเรื่องการลงทุนให้มาก ความมุ่งมั่นในการ หาเงินเป็นเรื่องที่ดีแต่อย่าไปหวังฝากใครเขาลงทุน ดาวเสาร์ที่โคจรทับตัวมันจะทำ ให้ท่านมีความมุ่งมั่นเยอะเป็นพิเศษ แนะนำ ให้พักผ่อนบ้างแล้วก็อย่าฟุ้งซ่านจนเกินไป คนลัคนาราศีมีน ดาวราหูเป็นดาวเจ้าเรือนภพวินาศก่อนหน้านี้ดาวราหูนั้นโคจรอยู่ในภพการเงิน ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ดาวราหูได้วรโคตรมนวางค์หลังจากดาวราหูได้วรโคตรมนวางค์นั้น คนลัคนาราศีมีนนั้นจะมี โชคแบบไม่คาดคิดไม่คาดฝัน แต่สิ่งที่ไม่ดีคือ ในช่วงตอนนี้ดาวอังคารซึ่งเป็นดาวการเงินอยู่ในราศีกันย์ช่วงวันที่ 3 ตุลาคมจนถึงวันที่15 พฤศจิกายน ดาวการเงินนั้นตกภพมรณะทำ ให้เก็บเงินไม่อยู่ เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวกับดาวราหูที่ ย้ายราศีด้านการเงินจะกลับมาดีหลังจากดาวการเงินตกครบมรณะในช่วงวันที่3 ตุลาคม คือ หลังวันที่15 พฤศจิกายน ดาวการเงิน ดาวรายได้ก็จะกลับมาเหมือนเดิม และดาวอังคารก็จะย้ายราศีในวันที่27ธันวาคมเป็นเกษตรสลับเรือนกับ ดาวพฤหัสเท่ากับดาวการเงิน หลังจากวันที่15ธันวาคม ไปจะดีอย่างน้อย 3เดือน เพราะฉะนั้นสบายใจได้ดาวราหูนั้น ราศีมังกร ราศีกุมภ์ ราศีมีน
46 เป็นดาวเจ้าเรือนภพวินาศ วินาศ แปลว่าต่างประเทศ แปลว่าไม่คาดคิดไม่คาดฝัน ด้านจิตใจมันจะมีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงเรื่องการทำ งาน พฤติกรรมด้านการเงิน ดาวราหูเป็นดาวหมกมุ่น เพราะฉะนั้นในช่วงนี้ถ้าท่านสนใจอะไร ท่านจะสนใจเรื่องนั้นเป็นพิเศษ แต่ยังไม่ควรย้ายงานเปลี่ยนงานในช่วงนี้สำ หรับคนลัคนาราศีมีนถ้าจะมีการเปลี่ยน งานย้ายงาน ค่อยเริ่มคิดช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ค่อยเริ่มคิดตรงนี้ดาวราหูที่โคจรมาทับตัวทำ ให้ท่าน มีเกณฑ์ได้ไปทำ งานต่างประเทศ ได้ไปทำ งานต่างจังหวัด ชีวิตจะมีการเดินทางบ่อยจากเมื่อก่อน ดาวพฤหัสอยู่แบบ นี้ท่านมีเกณฑ์จะได้ทำ งานต่างถิ่นต่างประเทศ และท่านจะได้เปิดโลกเกี่ยวกับเรื่องการงานมากขึ้น ทำ งานด้านต่าง ประเทศมากขึ้น หรือมีการเดินทางมากขึ้น และดาวราหูอยู่ตรงนี้ท่านจะสนใจด้านสมาธิสนใจด้านบาปบุญคุณโทษ มากขึ้น ในช่วงวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ดาวศุกร์ย้ายมาจนถึงคนลัคนาราศีมีนจะต้องระวังเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับ เรื่องท้อง เกี่ยวกับเรื่องกรดไหลย้อน เรื่องลมในกระเพาะแล้วก็อุบัติเหตุทางนํ้า และรายได้จะกลับมาเหมือนเดิม วันราหูนั้นไม่มีจริง โดยมากทุกคนจะมีความคิด ว่า ถ้าคนเกิดวันพุธกลางคืนจะเป็นคนเกิดวันราหู โดยเหตุผลของโหราพญายักษ์ สามารถจำ แนกได้ ออกเป็น 4 หัวข้อ ได้แก่ วันเกิดของนั้นจะยึดดาวที่เรานั้นมองเห็นจากโลก เช่น เกิด วันอาทิตย์มองเห็นดวงอาทิตย์เกิดวันจันทร์มองเห็นดวงจันทร์ เกิดวันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดีวันศุกร์วันเสาร์สามารถมอง เห็นจากโลกได้แต่ดาวราหูไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อมองเห็นไม่ ได้ก็ทำ ให้ไม่กำ หนดให้ดาวราหูเป็นวันเกิด เวลาถูกดวงลัคนาแบบโหราศาสตร์ไทยจะมีการหาตนุเศษ การหาตนุเศษนั้นก็คือ เริ่มจากลัคนาไปหาตรุรักษ์นับได้เท่าไร เก็บไว้แล้วก็นับจากตรุรักษ์ไปหาเกษตรเจ้าเรือนที่ดาวตรุรักษ์อยู่ หลังจากนั้นเอามาคูณกัน ผลลัพธ์เท่าไรเอา 7 หารเศษก็จะออก มาตั้งแต่0 ถึง 6 คือ ถ้าออกมาเศษหนึ่งก็จะเป็นตอนตนุเศษเป็น ดาวอาทิตย์อย่างเช่น ดวงกรุงเทพมหานคร ถ้าออกเป็นเศษ 2 ก็จะ เป็นดาวจันทร์ออกเศษ 3 ก็จะเป็นดาวอังคารออกเศษ 4 ก็จะเป็น ดาวพุธ ออกเศษ 5 เป็นดาวพฤหัส ออกเศษ 6 เป็นดาวศุกร์และ ถ้าหารลงตัวก็จะเป็นเศษ 7 ก็คือ ดาวเสาร์นั่นเอง ดวงกรุงเทพนั้น ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี2325 เมื่อตั้งมา 241 ปีแล้ว แสดงว่าเราใช้ตนุเศษ นั้นแค่ดาวอาทิตย์ดาวจันทร์ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัส ดาว ศุกร์และดาวเสาร์เพราะฉะนั้นตนุเศษเมื่อมีแค่7วันเกิดก็ย่อมมี 7เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นประเด็นนี้ก็เป็นหลักฐานยืนยันว่าไม่มี คนเกิดวันราหู ในส่วนของตรียางค์จะสังเกตได้ว่าในตาราอะไรก็แล้วแต่จะ ํ มีแค่ตรียางค์ศุภเคราะห์คือ ตรียางค์จันทร์ตรียางค์พุธ ตรียางค์ พฤหัส ตรียางค์ศุกร์ส่วนตรียางค์บาป ก็จะมีตรียางค์อาทิตย์ตรียาง ค์อังคาร และตรียางค์เสาร์ไม่มีตรียางค์ราหูเพราะไม่ได้ราหูนั้นทำ ให้ ไม่ได้กําหนดให้เป็นวันเกิด การตัดวันของโหราศาสตร์ไทย การตัดวันของเลข 7 ตัว เราจะ ตัดวันตอนเวลา 6 โมงเช้า ไม่ได้ตัดวันที่เที่ยงคืน เพราะฉะนั้นวันของแต่ละหนึ่งวันมันก็จะกินเป็นภาคกลางวัน และภาคกลางคืน ภาคกลางวัน คือ เริ่มตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าของวัน นั้นไปสิ้นสุด 17 นาฬิกา 59 นาทีและภาคกลางคืนก็จะเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึงตี5.59เท่ากับว่าวันนั้นก็จะมีภาคกลางวัน และภาค กลางคืน เพราะฉะนั้นพอเป็นวันพุธแน่นอน การนับดวงยามก็จะมีการ นับดวงยามกลางวัน นับดวงยามกลางคืน การนับดวงยามของแต่ละ วัน ก็จะมียามพุธ ซึ่งยามพุธซึ่งเป็นยามกลางวัน และยามกลางคืน ไม่มีการนับยามราหูเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นจะสังเกตได้ว่า โหราศาสตร์ ไทยแท้แต่โบราณจะไม่มีการเอาวันราหูขึ้นเป็นวันเกิด เพราะฉะนั้นถ้า มีการนําดาวราหูขึ้นเป็นวันเกิด แสดงว่าช่วงวันพุธ6โมงเย็น เป็นต้น ไปหรือ 18 นาฬิกา เป็นต้นไป ต้องมีการจัดยามเป็นวันราหูหรือยาม ราหูเกิดขึ้นซึ่งไม่ได้และโหราศาสตร์ไทยแท้แต่โบราณทั้งเลข7 ตัวทั้ง จักรราศีทั้งการจับยามนั้นไม่ได้มีการใช้ราหูเลย เพราะฉะนั้น จะรู้เลยว่า ไม่ได้มีคนเกิดวันราหู แสดงว่าการ วิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องวันจะดูว่าถ้าท่านเกิดช่วงหลังเที่ยงคืนไปจนถึง ตี5.59จะต้องถามก่อนว่าเช้าเป็นวันอะไรเช่น ถ้าเกิดตี3 แล้วเช้ามา เป็นวันพุธอันเนี้ยจะเกิดวันอังคารเพราะตัดวันที่6โมงเช้า และถ้าเกิด ตี3เช้ามาเป็นวันพฤหัสจะเกิดวันพุธ ไม่มีคนเกิดวันราหู คนเกิดวันราหูมีจริงหรือไม่
โดย... มังกรโพ้นทะเล ความทะเยอทะยาน ของซือหม่าเจา
49 หลังจากเฉาส่วงเสียชีวิตได้สองปีซือหม่าอี้ ก็ถึงแก่กรรม ซือหม่าซือผู้เป็นบุตรชายได้สืบทอด ตำ แหน่งต่อ อำ นาจการปกครองแคว้นเว่ยจึงตก อยู่ในมือของซือหม่าซือและซือหม่าเจาสองพี่น้อง หากมีขุนนางคนใดต่อต้านก็จะถูกซือหม่าซือกำ จัด ทันที เว่ยเส้าตี้ทรงเกลียดชังซือหม่าซือเป็นอันมาก เคยมี คนทูลเสนอให้เว่ยเส้าตี้ริบอำ นาจทหารของพี่น้องตระกูล ซือหม่า แต่เว่ยเส้าตี้ยังไม่ทันได้ลงมือซือหม่าซือก็ชิงบีบบัง คับฮองไทเฮาให้ปลดเว่ยเส้าตี้และแต่งตั้งเฉาเหมาซึ่งเป็น หลานคนหนึ่งของเฉาพีให้ขึ้นครองราชย์แทนเสียก่อน เดิมแม่ทัพบางคนของแคว้นเว่ยก็ไม่พอใจที่ตระกูล ซือหม่ากุมอำ นาจอยู่แล้ว พอเฉาฟางถูกซือหม่าซือปลด เจ้าเมืองหยางโจวเหวินชินและแม่ทัพเจิ้นตงก้วนชิวเจี่ยนก็ ลุกฮือขึ้นก่อการโดยอ้างว่าต้องการปราบปรามซือหม่าซือ ซือหม่าซือนำ ทัพมารับมือด้วยตนเอง เขาสามารถเอาชนะ เหวินชิวกับก้วนชิวเจี่ยนได้แต่ระหว่างที่กำ ลังเคลื่อนทัพ กลับสวีตูซือหม่าซือกลับล้มป่วยจนเสียชีวิตเสียก่อน ซือหม่าเจาได้ดำ รงตำ แหน่งแม่ทัพใหญ่สืบต่อจาก พี่ชาย แต่เขามีความร้ายกาจและหลงใหลในอำ นาจยิ่ง กว่าบิดาและพี่ชายเสียอีก ในที่สุดเฉาเหมาก็ทนไม่ได้วัน หนึ่งพระองค์ทรงเรียกตัวพวกหวังจิงซึ่งเป็นขุนนางใหญ่ทั้ง สามมาเข้าเฝ้า และตรัสด้วยความโกรธว่า “ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้น ว่าซือหม่าเจามักใหญ่ใฝ่สูงแค่ไหน ข้าจะนั่งอยู่เฉยๆ รอให้ มันมาจัดการข้าได้อย่างไร วันนี้ข้าจะร่วมมือกับพวกท่าน กำ จัดมัน” เหล่าขุนนางทราบดีว่าการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับ ซือหม่าเจาไม่ต่างอะไรกับเอาไข่ไปกระทบหิน จึงพยายาม เกลี้ยกล่อมให้เฉาเหมาอดทนอย่าได้ก่อเรื่อง แต่เฉาเหมา กลับล้วงเอาราชโองการซึ่งเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมา โยนลงไปที่พื้นพลางตรัสว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว แม้ต้องตาย ก็ไม่กลัวอย่าว่าแต่ไม่แน่ว่าจะต้องตาย” กล่าวจบพระองค์ ก็เสด็จกลับไปเข้าไปรายงานต่อไทเฮาที่วังใน คาดไม่ถึงว่าในบรรดาขุนนางทั้งสามกลับมีอยู่สองคน ที่แอบไปรายงานให้ซือหม่าเจาทราบ เฉาเหมาซึ่งมีอายุเพียง 12 ปีย่อมไม่รู้วิธีที่จะ รับมือซือหม่าเจา พระองค์ทรงรวบรวมเหล่าทหาร องครักษ์และขันทีในวังบุกไปต่อสู้กับซือหม่าเจาซึ่งๆ หน้า ส่วนตนเองถือกระบี่บัญชาการรบอยู่บนรถม้า
50 เจี่ยชงลูกน้องคนสนิทของซือหม่าเจารีบนำ ทหารจำ นวนหนึ่งไล่ตามมา ขวางทางทหารองครักษ์ไว้ทันทีทั้งสองฝ่ายจึงเกิดการปะทะกัน เฉาเหมาฟาด ฟันกระบี่บุกไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญทหารของเจี่ยชงเห็นฮ่องเต้ลงมือเอง เช่นนั้นก็เกิดความขลาดกลัวไม่กล้าต่อกรด้วย บางคนถึงกับคิดจะหลบหนี เลยทีเดียว ลูกน้องของเจี่ยชงซึ่งมีนามว่าเฉิงจี้หันไปถามเจี่ยชงว่า “ท่านเห็นว่า ควรทำ อย่างไร?” เจี่ยชงตวาดด้วยความไม่พอใจว่า“ท่านซือหม่าเลี้ยงพวกเจ้าไว้ทำ ไม! ยังต้องถามอีกรึ?” เฉิงจี้ได้ยินเจี่ยชงกล่าวเช่นนี้ก็บังเกิดขวัญกำ ลังใจ เขาคว้าเอาหอก ขึ้นมาแทงไปที่เฉาเหมาทันทีเฉาเหมาไม่ทันตั้งตัวจึงถูกเฉิงจี้แทงทะลุอก สิ้นพระชนม์ ซือหม่าเจาได้ยินว่าบริวารของตนเองสังหารฮ่องเต้ก็ตื่นตระหนกเป็น อันมาก เขารีบเรียกเหล่าขุนนางให้มาประชุมกันที่ท้องพระโรง และแสร้งทำ เป็นกล่าวกับเฉินไท่ซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ด้วยความโศก เศร้าว่า “ท่านเห็นว่าข้าควรจะทำ อย่างไรดี?” เฉินไท่กล่าวว่า “มีแต่ต้องประหารเจี่ยชงเท่านั้น จึงจะ มองหน้าผู้คนทั้งแผ่นดินได้” ซือหม่าเจากล่าวด้วยความลำ บากใจว่า “ไม่มีวิธีอื่น อีกรึท่านช่วยคิดดูด้วยเถิด” เฉินไท่กล่าวว่า “ข้าเห็นว่ามีแต่วิธีที่รุนแรงกว่านี้ทั้งนั้น ไม่มีวิธีที่เบาไปกว่านี้แล้ว” ซือหม่าเจาได้ยินดังนั้นก็เงียบไปด้วยความไม่พอใจ ไม่นานหลังจากนั้น ซือหม่าเจาก็แอบอ้างพระนามของ ไทเฮาออกประกาศกล่าวโทษเฉาเหมาหลายประการ ทั้งยัง สั่งปลดให้เป็นสามัญชน เรื่องที่เฉาเหมาถูกปลงพระชนม์จึง กลายเป็นเรื่องเล็ก แต่ผู้คนก็ยังคงพากันวิพากษ์วิจารณ์ซือ หม่าเจาที่ไม่ลงโทษผู้กระทำ ผิด ซือหม่าเจาไม่มีทางเลือก จึงโยนความผิดทั้งหมดไปให้เฉิงจี้และสั่งประหารเฉิงจี้ทั้ง ตระกูล หลังจากกำ จัดเฉาเหมาแล้ว ซือหม่าเจาได้เลือกเฉา ห้วนซึ่งมีอายุเพียง15 ปีขึ้นครองราชย์ต่อ ทรงพระนาม ว่าเว่ยหยวนตี้ Cr.หนังสือ “เกร็ดประวัติศาสตร์จีน 5000 ปีสมัยราชวงศ์ฮั่น, เว่ย, จิ้น และ ราชวงศ์เหนือใต้”