The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แป้งโดว์แสนสนุก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by บุษราคัม ธรรมมา, 2024-03-11 23:40:40

แป้งโดว์แสนสนุก

แป้งโดว์แสนสนุก

ก คำนำ โครงงานบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เป็นการส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเป็น แนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยให้นักเรียนได้เรียนรู้จากห้องเรียนสู่ สิ่งแวดล้อมรอบตัว และนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ได้ทดลองค้นคว้า มีการลองผิดลองถูก เรียนรู้จาก ประสบการณ์เดิม ของตนเอง ความสนใจที่อยากรู้อยากเห็น อีกทั้งรวมถึงทักษะชีวิตของนักเรียนในแต่ละ บริบทจึงกลายมาเป็นโครงงานหนึ่งที่เกิดขึ้นจากความสนใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่อยากเรียนรู้ว่า แป้ง โดว์มีลักษณะอย่างไร แป้งโดว์มีขั้นตอนทำอย่างไรและทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี ผู้จัดทำหวังว่าโครงงานการทดลองบ้านวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทยของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลภูเวียงในครั้งนี้จะมีประโยชน์แก่ผู้ค้นค้นคว้า หากมีสิ่งที่ผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำต้องขอ อภัยมา ณ โอกาสนี้


ข สารบัญ เรื่อง หน้า ที่มาของโครงงาน คำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร 1 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามที่เด็กอยากรู้ ............................................................................................ 3 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนคำตอบ .................................................................. 3 ขั้นที่ 3 ดำเนินการสำรวจตรวจสอบ ................................................................................... 4 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย ................................................................................................ 7 ขั้นที่ 5 บันทึกผล ............................................................................................................... 8 ขั้นที่ 6 สรุปผลและอภิปรายผล ......................................................................................... 8 คำถามที่ 2 แป้งโดว์มีขั้นตอนทำอย่างไร 9 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามที่เด็กอยากรู้............................................................................................ 9 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนคำตอบ .................................................................. 9 ขั้นที่ 3 ดำเนินการสำรวจตรวจสอบ .................................................................................... 10 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย ................................................................................................. 16 ขั้นที่ 5 บันทึกผล ................................................................................................................ 16 ขั้นที่ 6 สรุปผลและอภิปรายผล .......................................................................................... 17 คำถามที่ 3 ทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี 19 ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามที่เด็กอยากรู้ ............................................................................................ 19 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนคำตอบ .................................................................. 19 ขั้นที่ 3 ดำเนินการสำรวจตรวจสอบ ................................................................................... 19 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย ................................................................................................ 23 ขั้นที่ 5 บันทึกผล ............................................................................................................... 23 ขั้นที่ 6 สรุปผลและอภิปรายผล ......................................................................................... 24 ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย ........................................................................ 25


๑ ชื่อโครงงาน : แป้งโดว์แสนสนุก ผู้จัดทำโครงงาน : นักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนอนุบาลภูเวียง ครูที่ปรึกษา : นางวิราวรรณ พานสมัน,นางสาวขนิษฐา นามปัญญา,นางบุษราคัม ศรน้อย ระยะเวลา : ( ระหว่าง วันที่ 16 กุมภาพันธ์– 23 กุมภาพันธ์ 2567) ที่มาของโครงงาน นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์โดยให้เด็กปั้นแป้งโดว์ ในขณะที่ทำกิจกรรมเด็กเกิด คำถามและความสงสัยเกี่ยวกับแป้งโดว์ว่า แป้งที่กำลังปั้นอยู่เรียกแป้งโดว์ใช่ไหมเพราะเคยเห็นในโทรศัพท์และ ร้านค้าข้างโรงเรียน เด็กๆบางคนเคยซื้อมาเล่นที่โรงเรียน และแป้งโดว์ทำอย่างไร แล้วเราสามารถทำแป้งโดว์ ได้ไหม เด็กและครูนำประเด็นคำถามที่เกี่ยวกับแป้งโดว์มาสอบถามเพื่อนๆในห้องเพิ่มเติมว่า มีเพื่อนๆคนไหน อยากรู้อะไรเกี่ยวกับแป้งโดว์อีกไหม และได้เลือกคำถาม 3 คำถามออกมาเพื่อหาคำตอบ และเพื่อสืบค้น คำตอบที่เด็กๆอยากรู้และสงสัยเกี่ยวกับแป้งโดว์ จึงเป็นที่มาของโครงงาน”แป้งโดว์แสนสนุก” จากการตั้งคำถามของนักเรียนจึงสรุปลงในแผนที่ความคิด ได้ดังนี้ ความรู้เดิม แป้งโดว์เอามาปั้นได้ Learning Spiral แป้งโดว์ คำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร แป้งโดว์ คือ แป้งปั้นที่ให้เด็กๆใช้ เล่นแทนดินน้ำมัน แต่มีความ เหนียวและความอ่อนตัวมากกว่าดิน น้ำมัน ไม่มีกลิ่นและน้ำมันติดมือ คำถามที่ 2 แป้งโดว์มีขั้นตอนทำอย่างไร ตวงแป้งในอัตราส่วน แป้ง 2 ถ้วยตวงโดยแยกเป็น แป้งข้าวโพดชามผสม ที่ 1 แป้งมันชามผสมที่ 2 แป้งข้าวเจ้าชามผสมที่ 3 แป้งข้าวเหนียวชาม ผสมที่ 4 จากนั้นเติมเกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ,น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ,น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวงลงในชามผสมแป้งทั้ง4ชนิด คนให้เข้ากันแล้วนวดแป้งให้เนียน คำถามที่ 3 ทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี หยอดสีผสมอาหารที่ตกลงกันไว้ ทั้งหมด 4 สี คือ เขียว แดง เหลือง ชมพู ปริมาณอ่อนเข้มตามชอบ นวดผสมให้เข้ากัน จนได้แป้งโดว์สีที่ ต้องการ


๒ ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ (16 กุมภาพันธ์ 2567) จากการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ปั้นแป้งโดว์ เด็กเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับแป้งโดว์ ไอดี : คุณครูแป้งที่เรากำลังปั้นเรียกว่าแป้งโดว์ใช่ไหมค่ะ อิฐ : แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไรครับ กันต์ : ทำไมมันมีหลากหลายสีครับครู เอย : ทำไมแป้งโดว์นิ่มๆ ปั้นได้เหมือนดินน้ำมันเลยค่ะ นาวา : เราสามารถทำแป้งโดว์เองได้ไหมค่ะ น้ำหวาน: แป้งโดว์มีขั้นตอนทำอย่างไร ชัดเจน : แป้งโดว์ทำอย่างไรค่ะจึงมีสีที่หลากหลาย ณภัทร : ทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี น้ำมนต์ : แป้งโดว์ทำจากอะไรค่ะครู จูน : ใช้ปั้นแทนดินน้ำมันได้ใช่ไหมค่ะ อะตอม : หนูเคยเห็นเขาทำแป้งโดว์ในโทรศัพท์ค่ะ สตั้นท์ : แป้งอะไรที่สามารถใช้ทำแป้งโดว์ได้ จากคำถามที่เด็กๆสงสัย เด็กและครูสนทนาร่วมกันเพื่อที่จะนำคำถามไปสู่กระบวนการสืบเสาะ ทั้งหมด 3 คำถามดังต่อไปนี้ คำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร คำถามที่ 2 แป้งโดว์มีขั้นตอนทำอย่างไร คำถามที่ 3 ทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี ครูจดบันทึกคำถามของเด็กๆที่สงสัยเกี่ยวกับแป้งโดว์ เด็กเลือกคำถามที่ต้องการนำไปสืบเสาะและทดลอง


๓ ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ (16 กุมภาพันธ์ 2567) จากการที่เด็กๆ สนใจเกี่ยวกับแป้งโดว์ในคำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร จุดประสงค์ เพื่อศึกษาลักษณะของแป้งโดว์ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน (16 กุมภาพันธ์ 2567) จากคำถามที่เด็กอยากรู้นำไปสู่การตั้งข้อสันนิษฐานคำตอบที่เด็กอยากรู้ โดยใช้คำถามกระตุ้น ครู : เด็กๆคิดว่า แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร จูน : เหมือนดินน้ำมันค่ะ ไอดี : เนื้อนิ่มๆ ไม่ติดมือค่ะ สตั้น : ปั้นได้ครับ จูน : มีกลิ่นด้วยค่ะ อะตอม : กลิ่นเหมือนแป้งที่คุณแม่ใช้ทำขนมเทียนเลย นานา : มีสีด้วยค่ะ กวินท์ : แป้งโดว์กดแล้วเป็นรูปร่างดึงยืดๆได้ครับ จากการสนทนารวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐานจากเด็กและครู สรุปได้ดังนี้ ข้อสันนิษฐานที่ 1 : เนื้อนิ่มไม่ติดมือ ข้อสันนิษฐานที่ 2 : ปั้นได้ ข้อสันนิษฐานที่ 3 : มีกลิ่น ข้อสันนิษฐานที่ 4 : มีสี ข้อสันนิษฐานที่ 5 : กดและคลึงได้ คำถามที่ ๑ แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร นักเรียนเสนอข้อสันนิษฐานคำตอบ คำถามที่ 1. แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร


๔ ขั้นที่ 3 ทดสอบและการปฏิบัติการสืบเสาะ (19 กุมภาพันธ์ 2567) ครูและนักเรียนร่วมสนทนาเกี่ยวกับวิธีการหาคำตอบโดยใช้คำถามกระตุ้น ครู : เด็กๆจะรู้ได้อย่างไร ว่าแป้งโดว์มีลักษณะเป็นแบบไหน ชัดเจน : เอาของจริงมาดูครับ ที่ห้องเรียน กันต์ : ใช่ที่ห้องเรียนของเรามีเอามาดูเลย นาวา : ใช่ๆเอานิ้วกดดูเลยว่าเนื้อของแป้งโดว์เป็นยังไง ยีนส์ : ลองเอานิ้วกดดูเลยว่านิ่มหรือเปล่า ครู : ถ้าอย่างนั้นเราไปหยิบแป้งโดว์ในห้องเรียนมาสังเกตดูลักษณะกันนะคะ เด็กๆ : ครับ/ค่ะ ครูใช้คำถามกระตุ้นเพื่อใช้ทดสอบข้อสันนิษฐาน ครู : เด็กๆรู้ได้อย่างไรว่าแป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร นานา : ใช้มือกดๆจิ้มๆค่ะ ไอดี : นวดๆค่ะ ชัดเจน : ปั้นเป็นก้อนๆครับคุณครู ภูผา : ใช้จมูกดมกลิ่นครับ สตั้นท์ : สังเกตดูว่าเนื้อของแป้งเป็นแบบไหน นาวา : มีสีสันที่สวยงามมากค่ะ จากการใช้คำถามกระตุ้นได้วิธีการทดสอบข้อสันนิษฐานโดยที่เด็กได้บอก และครูบันทึกลงในกระดาษ ดังนี้ ข้อที่ 1 : เนื้อนิ่มไม่ติดมือ ข้อที่ 2 : ปั้นได้ ข้อที่ 3 : มีกลิ่น ข้อที่ 4 : มีสี ข้อที่ 5 : กดและคลึงได้


๕ จากนั้น เด็กนำแป้งโดว์มาสังเกตตามวิธีที่บอกไว้ ครู : เด็กๆจับแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างค่ะ พอร์ช : นิ่มๆครับคุณครูไม่ติดมือ นาวา : กดแล้วเนื้อเด้งบุ๋มลงไปค่ะ จูน : มีกลิ่นเหมือนแป้งที่คุณแม่ทำขนมเทียนค่ะ อะตอม : ปั้นเป็นก้อนเป็นรูปร่างได้ด้วยค่ะ โชกุน : มีสีที่สวยงามครับหลากหลายสีทั้ง สีแดง สีชมพู สีเหลือง นานา : แป้งมีเนื้อที่เนียน นิ่มและปั้นง่ายมากๆค่ะ ครู : เด็กๆลอง ปั้นและคลึงเป็นเส้นยาวๆดูค่ะ ชัดเจน : ปั้นง่ายมากเลยครับ จากนั้นให้เด็กๆสังเกตลักษณะของแป้งโดว์ด้วยตนเอง ค้นหาคำตอบข้อสงสัยโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของตัวเอง โดยที่ครูคอยเป็นผู้อำนวยความสะดวกและใช้คำถามกระตุ้นเด็ก ทดสอบข้อสันนิษฐานที่ 1 : เนื้อนิ่มไม่ติดมือ ใช้วิธีการจับ บีบ ทดสอบข้อสันนิษฐานที่ 2 : ปั้นได้ ใช้วิธีการใช้มือปั้น


๖ ทดสอบข้อสันนิษฐานที่ 3 : มีกลิ่น ใช้วิธีการดมกลิ่น ข้อสันนิษฐานที่ 4: มีสี ทดสอบข้อสันนิษฐานที่ 5 : กดและคลึงได้ ใช้วิธีการ เอามือคลึงแป้งและนิ้วกดลงไปที่แป้งโดว์


๗ ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย (19 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อเด็กๆทำการทดสอบข้อสันนิษฐานด้วยวิธีการต่างๆเสร็จแล้วเด็กๆบอกเล่าให้เพื่อนและครูฟัง จากนั้นเด็กและครูร่วมกันบันทึกข้อมูลลงกระดาษ เด็กๆบอกเล่าผลจากการทดสอบข้อสันนิษฐานร่วมกัน ดังนี้ ข้อสันนิษฐานที่ 1 : เนื้อนิ่มไม่ติดมือ เด็กๆทดสอบโดยการใช้มือจับแป้งโดว์ จากการสัมผัสแป้งโดว์ มีลักษระ เนื้อสัมผัส นิ่ม ปั้นง่าย ไม่ติดมือ ข้อสันนิษฐานที่ 2 : ปั้นได้ เด็กๆทดสอบโดยการใช้มือปั้นแป้งโดว์ จากการทดลองปั้นผลปรากฏว่าแป้งโดว์สามารถปั้นขั้นรูปได้ง่าย ข้อสันนิษฐานที่ 3 : มีกลิ่น เด็กๆทดสอบโดยการใช้จมูกดมกลิ่น จากการสังเกตจากการดม แป้งโดว์มีกลิ่นหอมของแป้งที่ใช้ทำขนมเทียน ข้อสันนิษฐานที่ 4 : มีสี เด็กๆทดสอบโดยการใช้ตาสังเกตสีของแป้งโดว์ จากการสังเกต แป้งโดว์มีสีแดง สีเขียว สีเหลือง สีชมพู ข้อสันนิษฐานที่ 5 : กดและคลึงได้ เด็กๆทดสอบโดยการใช้มือ จากการสังเกตการใช้มือคลึงแป้งและใช้นิ้วกดลงไปที่แป้งโดว์ เด็กๆทำการทดสอบและบันทึกข้อมูล


๘ ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (19 กุมภาพันธ์ 2567) หลังจากการสังเกตลักษณะของแป้งโดว์ เด็กบอกเล่าโดยเด็กและครูทำหน้าที่บันทึกสิ่งที่เด็กบอกลง กระดาษ ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (19 กุมภาพันธ์ 2567) เด็กและครูร่วมกันสนทนาทบทวนถึงคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เด็กอยากรู้ คำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร เด็กออกมาเล่านำเสนอผลการปฏิบัติการสืบเสาะว่าเป็นไปตามที่ตั้งข้อ สันนิษฐานเอาไว้หรือไม่ เด็กและครูร่วมกันบันทึก ผลปรากฏการณ์ว่า แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร จากข้อ สันนิษฐานดังนี้ ข้อที่ 1 แป้งโดว์เนื้อสัมผัสนิ่มไม่ติดมือ โดยใช้มือจับแป้งโดว์ จากการสัมผัสแป้งมีเนื้อที่นิ่มและ ไม่ติดมือ ข้อที่ 2 แป้งโดว์ปั้นได้ โดยใช้มือปั้นแป้งเป็นรูปตามที่ต้องการได้ ข้อที่ 3 แป้งโดว์มีกลิ่น โดยการใช้ จมูกดมกลิ่น แป้งโดว์มีกลิ่นหอมคล้ายแป้งที่แม่ใช้ทำขนมเทียน ข้อที่ 4 แป้งโดว์มีสี โดยการใช้ตาสังเกตแป้ง โดว์ที่นำมาสังเกตมีหลากหลายสี คือ สีแดง สีเขียว สีชมพูและสีเหลือง ข้อที่ 5 แป้งโดว์กดและคลึงเป็นเส้น ได้ โดยการใช้นิ้วกดลงไปที่แป้งโดว์และใช้มือคลึงแป้งให้เป็นเส้นได้ จากการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 แป้งโดว์มีลักษณะเนื้อสัมผัสที่นิ่มไม่ติดมือ สามารถปั้นขึ้น รูปได้มีกลิ่น มีสี สามารถกดและคลึงเป็นเส้นได้ตามข้อสันนิษฐานทั้ง 5 ข้อ


๙ ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ (16 กุมภาพันธ์ 2567) จากการที่เด็กๆ สนใจเกี่ยวกับแป้งโดว์ในคำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร นำไปสู่คำถามที่ เด็กๆอยากรู้เพิ่มเติม และนำไปสู่คำถามที่ 2 ได้แก่ แป้งโดว์มีขั้นตอนทำอย่างไร จุดประสงค์ เพื่อศึกษาขั้นตอนการทำแป้งโดว์ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน (20 กุมภาพันธ์ 2567) จากคำถามที่เด็กอยากรู้นำไปสู่การตั้งข้อสันนิษฐานคำตอบที่เด็กอยากรู้ โดยใช้คำถามกระตุ้น ครู : เด็กๆคิดว่า แป้งโดว์มีส่วนประกอบอะไรบ้างค่ะ จูน : แป้งค่ะ ไอดี : น้ำมันค่ะ สตั้น : เกลือครับ จูน : น้ำเปล่าค่ะ ครู : แล้วแป้งโดว์จะทำได้อย่างไร นานา : นำแป้งผสมกับเกลือคลุกเคล้าให้เข้ากัน กวินท์ : นำส่วนผสมทุกอย่าง แป้ง เกลือ น้ำ น้ำมัน ผสมกันครับ ปลาย : นวดๆแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกันค่ะ พอร์ช : ตวงแป้ง เกลือ คลุกให้เข้ากัน ใส่น้ำมันและน้ำครับ ครู : เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแป้งชนิดไหนบ้างที่จะนำมาทำแป้งโดว์ได้ ภูผา : แป้งข้าวโพดครับ ต้องนุ่มมากๆเลย นาวา : แป้งมันค่ะนิ่มมากๆเลย จูน : แป้งข้าวเหนียวค่ะเพราะหนูเคยเห็นแม่ทำขนมเทียน หยก : แป้งข้าวเจ้าค่ะต้องทำแป้งโดว์ได้นิ่มมากๆ จากการสนทนารวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐานจากเด็กและครู สรุปได้ดังนี้ ข้อสันนิษฐานที่ 1 : ส่วนผสมของแป้งโดว์ประกอบด้วย แป้ง,เกลือ,น้ำมัน,น้ำ ข้อสันนิษฐานที่ 2 : แป้งข้าวโพดสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ ข้อสันนิษฐานที่ 3 : แป้งมันสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ ข้อสันนิษฐานที่ 4 : แป้งข้าวเจ้านำมาทำแป้งโดว์ได้ ข้อสันนิษฐานที่ 5 : แป้งข้าวเหนียวนำมาทำแป้งโดว์ได้ คำถามที่ 2 แป้งโดว์มีขั้นตอนทำอย่างไร


๑๐ ขั้นที่ 3 ทดสอบและการปฏิบัติการสืบเสาะ (20 กุมภาพันธ์ 2567) ครูและเด็กร่วมสนทนาเกี่ยวกับวิธีการหาคำตอบโดยใช้คำถามกระตุ้น ครู : เราจะรู้วิธีการทำแป้งโดว์ได้อย่างไร ชัดเจน : ไปดูใน TikTok ครับ สตั้นท์ : เปิดดูใน YouTube นาวา : ถามคุณครูไก่ค่ะ ยีนส์ : ถามคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ภูผา : ลองทำดูครับ เด็กๆ : ต้องลองทำดูค่ะ/ครับ เด็กและครูร่วมกันสรุปวิธีการทดสอบ ดังนี้ ๑. ศึกษาจากอินเตอร์เน็ต ๒. ถามผู้รู้ ๓. ลองทำ ผลการสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เด็กๆได้ความรู้ และร่วมกันสรุปผลดังนี้ วิธีที่ ๑ ค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เด็กและครูร่วมกันสืบค้นข้อมูลการทำแป้งโดว์ (ที่มาจากการสืบค้น ใน https://www.youngciety.com/article/crafts/play-dough.html และ YouTube https://www.youtube.com/watch?v=fq9knMK82Vg&t=255s ) โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกใน การเตรียมอุปกรณ์ค้นหาแหล่งเรียนรู้ให้แก่เด็กๆ สแตมป์ : คุณครูขา ครูหาให้หนูหน่อยได้ไหมค่ะ ครู : ได้ค่ะ หนูอยากหาว่าอะไรค่ะ ไอดี : การทำแป้งโดว์ค่ะ ชัดเจน : หูว น่าสนุกจังเลย อยากทำครับ


๑๑ จากการค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเด็กและครูสรุปได้ว่าแป้งโดว์ มีส่วนประกอบดังนี้ 1. แป้งสาลี 2 ถ้วยตวง 2. เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง วิธีการทำ 1. ใส่แป้ง เกลือ น้ำมันพืช ผสมกันในภาชนะสำหรับผสม คลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน 2. หลังจากคลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ แล้ว ก็ใส่น้ำ เวลาเทน้ำก็ค่อย ๆ เท เทน้ำไปพลาง คนส่วนผสมไปพลาง ดูให้ปริมาณน้ำให้ไม่มากหรือน้อยไป 3. นวดแป้งจนได้ที่ โดยแบ่งแป้งที่ได้เป็นส่วน ๆหลังจากนวดจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว เราก็ปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ๆ เก็บไว้ในกระปุกหรือถุงซิปล็อก แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นอีกทีค่ะ เพื่อยืดอายุ แป้งโดให้นานขึ้น วิธีที่ 2 ถามผู้รู้ (๒0 กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) ๒.1 ถามคุณครูไก่ นางวิราวรรณ พานสมัน ครูโรงเรียนอนุบาลภูเวียง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ปฐมวัย เด็กๆร่วมกันสรุปได้ความรู้ว่า ใส่แป้งสาลี น้ำ น้ำมัน เกลือ ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันแล้วนำ ออกมานวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน เก็บไว้ในถุงซิปล็อคไม่ให้อากาศเข้าไปจะยืดระยะเวลาการใช้งานได้ เด็กและครูร่วมกันทบทวน ความรู้ที่ได้มาโดยครูและเด็กร่วมกันบันทึกลงในกระดาน หลังจากนั้นเด็กๆ ทดสอบวิธีต่อไป วิธีที่ 3 ทดลองทำ (21 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อหาข้อมูลการทำแป้งโดว์จาก google และ YouTube ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกเตรียม อุปกรณ์ที่ต้องใช้ จากนั้นให้เด็กช่วยกันบอกวิธีการทำแป้งโดว์


๑๒ เด็กบอกส่วนประกอบของแป้งโดว์ ครู : ส่วนประกอบในการทำแป้งโดว์มีอะไรบ้างค่ะ ไอดี : มีแป้งค่ะ จูน : มีแป้ง 4 ชนิดค่ะที่เราจะนำมาทดลองทำ คือ แป้งข้าวโพด แป้งมัน แป้งข้าว เจ้าและแป้งข้าวเหนียว มิวสิค : น้ำและน้ำมันครับผม ครู : ใช้อะไรตวงส่วนผสมค่ะ ปอร์เช่ : ใช้ถ้วยตวงและช้อนกินข้าวครับ จูน : แป้ง 2 ถ้วยตวงค่ะ ภูผา : น้ำ 2 ถ้วยตวงครับ อันดา : น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะค่ะ สตั้นท์ : เกลือ 2 ช้อนโต๊ะครับคุณครู ครู : แล้ววิธีการทำทำอย่างไรค่ะ เด็กๆช่วยกันบอกและช่วยกันหยิบจับ อุปกรณ์และส่วนประกอบของแป้งโดว์ ระหว่างการทำแป้งโดว์ ครูมีหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในการลองทำแป้งโดว์ และคอยใช้คำถามกระตุ้นในระหว่างการทำแป้งโดว์ ก่อนที่จะลงมือทำแป้งโดว์ครูได้ไห้เด็กแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่1แป้งข้าวโพด กลุ่มที่2แป้งมัน กลุ่ม ที่3แป้งข้าวเจ้า กลุ่มที่4แป้งข้าวเหนียว จากนั้นให้เด็กลงมือทำ แบ่งกลุ่มเด็กออกเป็น 4 กลุ่มเพื่อทดลอง กลุ่มแป้งข้าวโพดตวงแป้ง 2 ถ้วยตวง


๑๓ กลุ่มแป้งมันตวงแป้ง 2 ถ้วยตวง กลุ่มแป้งข้าวเจ้าตวงแป้ง 2 ถ้วยตวง กลุ่มแป้งข้าวเหนียวตวงแป้ง 2 ถ้วยตวง กลุ่มแป้งข้าวโพดผสมส่วนประกอบและคนให้เข้ากัน กลุ่มแป้งมันผสมส่วนประกอบและคนให้เข้ากัน กลุ่มแป้งข้าวเจ้าผสมส่วนประกอบและคนให้เข้ากัน


๑๔ กลุ่มแป้งข้าวเหนียวผสมส่วนประกอบและคนให้เข้า กัน ทุกกลุ่มช่วยกันนวดแป้ง


๑๕ ผลการทดสอบการทำแป้งโดว์ของแป้งทั้ง 4 ชนิด


๑๖ ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย (21 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อเด็กๆทำการทดสอบข้อสันนิษฐานด้วยวิธีการต่างๆเสร็จแล้วเด็กๆบอกเล่าให้เพื่อนและครูฟัง จากนั้นเด็กและครูร่วมกันบันทึกข้อมูลลงกระดาษ เด็กๆบอกเล่าผลจากการทดสอบข้อสันนิษฐานร่วมกัน ดังนี้ ข้อสันนิษฐานที่ 1 : ส่วนผสมของแป้งโดว์ประกอบด้วย แป้ง,เกลือ,น้ำมัน,น้ำ เด็กๆทดสอบโดยการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต จากการทดลองสูตรในการทำแป้งโดว์คือแป้ง 2 ถ้วยตวง,เกลือ 2 ถ้วยตวง ,น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ,น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ข้อสันนิษฐานที่ 2 : แป้งข้าวโพดสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ เด็กๆทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งข้าวโพดในอัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสม และนวดแป้งผลปรากฏว่าแป้งไม่จับตัวกัน ข้อสันนิษฐานที่ 3 : แป้งมันสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ เด็กๆทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งมันในอัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสมและ นวดแป้งผลปรากฏว่าแป้งไม่จับตัวกัน เหลวและละ ข้อสันนิษฐานที่ 4 : แป้งข้าวเจ้าสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ เด็กๆทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งข้าวเจ้าในอัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสม และนวดแป้งผลปรากฏว่าแป้งจับตัวกันเป็นก้อน เนื้อแป้งค่อนข้างแข็งและไม่มีความยืดหยุ่น ปั้นคลึงเป็นเส้น ไม่ได้ ข้อสันนิษฐานที่ 5 : แป้งข้าวเหนียวสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ เด็กๆทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งข้าวเหนียวในอัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสม และนวดแป้งผลปรากฏว่าแป้งจับตัวกันได้มี นิ่ม ปั้นและคลึงเป็นเส้นได้ ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (21 กุมภาพันธ์ 2567) หลังจากการศึกษาขั้นตอนการทำแป้งโดว์ เด็กบอกเล่า โดยเด็กและครูทำหน้าที่บันทึกสิ่งที่เด็กบอกลง กระดาษ บันทึกข้อมูลส่วนประกอบของแป้งโดว์ บันทึกข้อมูลแป้งข้าวโพดไม่สามารถทำแป้งโดว์ได้


๑๗ ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (21 กุมภาพันธ์ 2567) เด็กและครูร่วมกันสนทนาทบทวนถึงคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เด็กอยากรู้ คำถามที่ 2 แป้งโดว์มีขั้นตอนทำอย่างไร เด็กออกมาเล่านำเสนอผลการปฏิบัติการสืบเสาะว่าเป็นไป ตามที่ตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้หรือไม่ เด็กและครูร่วมกันบันทึก ผลปรากฏการณ์ว่า ข้อที่ 1 ส่วนผสมของแป้ง โดว์ประกอบด้วย แป้ง,เกลือ,น้ำมัน,น้ำ เด็กๆทดสอบโดยการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต จากการทดลองสูตรใน การทำแป้งโดว์คือแป้ง 2 ถ้วยตวง,เกลือ 2 ถ้วยตวง ,น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ,น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ข้อที่ 2 แป้งข้าวโพดสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้เด็กๆทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งข้าวโพดใน อัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสมและนวดแป้งผลปรากฏว่าแป้งไม่จับตัวกัน ข้อที่ 3 แป้งมันสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้เด็กๆทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งมันในอัตราส่วน ตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสมและนวดแป้งผลปรากฏว่าแป้งไม่จับตัวกัน เหลวและละ บันทึกข้อมูลแป้งมันไม่สามารถทำแป้งโดว์ได้ บันทึกข้อมูลแป้งข้าวเหนียวสามารถทำแป้งโดว์ได้ บันทึกข้อมูลแป้งข้าวเจ้าไม่สามารถทำแป้งโดว์ได้


๑๘ ข้อที่ 4 แป้งข้าวเจ้าสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้เด็กๆทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งข้าวเจ้าใน อัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสมและนวดแป้งผลปรากฏว่าแป้งจับตัวกันเป็นก้อน เนื้อแป้ง ค่อนข้างแข็งและไม่มีความยืดหยุ่น ปั้นคลึงเป็นเส้นไม่ได้ข้อที่ 5 แป้งข้าวเหนียวสามารถนำมาทำแป้งโดว์ได้ เด็กๆทดสอบโดยการลงมือทำแป้งโดว์ด้วยแป้งข้าวเหนียวในอัตราส่วนตามสูตร จากการทดลองทำคนส่วนผสม และนวดแป้งผลปรากฏว่าแป้งจับตัวกันได้มี นิ่ม ปั้นและคลึงเป็นเส้นได้


๑๙ ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ (16 กุมภาพันธ์ 2567) จากการที่เด็กๆ สนใจเกี่ยวกับแป้งโดว์ในคำถามที่ 1 แป้งโดว์มีลักษณะอย่างไร นำไปสู่คำถามที่ เด็กๆอยากรู้เพิ่มเติม และนำไปสู่คำถามที่ 2 ได้แก่ แป้งโดว์มีขั้นตอนทำอย่างไร จากนั้นครูและเด็กได้สนทนา ร่วมกันว่าทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี จุดประสงค์ เพื่อให้เด็กเกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน (22 กุมภาพันธ์ 2567) จากคำถามที่เด็กอยากรู้นำไปสู่การตั้งข้อสันนิษฐานคำตอบที่เด็กอยากรู้ โดยใช้คำถามกระตุ้น ครู : เด็กๆคิดว่า ทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสีค่ะ จูน : เติมสีค่ะคุณครู ครู : สีอะไรค่ะ สตั้น : อยากให้มีสีหลายๆสีเหมือนในนิทานครับ ไอดี : เติมสีผสมอาหารค่ะเหมือนที่ใส่ในการทดลองภูเขาไฟระเบิด ตัวโน๊ต : อยากได้สีเหมือนผลไม้ที่เรากินตอนเที่ยงครับ นานา : หนูอยากได้สีแดงเอามาปั้นแอปเปิ้ลค่ะ กวินท์ : ผมอยากได้เหมือนกันครับ ณดา : หนูอยากได้สีเหลืองค่ะ พอร์ช : ผมอยากได้สีเขียวครับ สแตมป์ : หนูอยากได้สีชมพูค่ะ หนูชอบสีชมพู ภูผา : ผมอยากได้สีเขียวครับ ครู : เด็กๆอยากนำแป้งโดว์มาปั้นอะไรค่ะ เด็ก : อยากปั้นผลไม้ ค่ะ/ครับ คุณครู สรุปข้อสันนิษฐาน เติมสีผสมอาหารลงไปในแป้งโดว์ ขั้นที่ 3 ทดสอบและการปฏิบัติการสืบเสาะ (22 กุมภาพันธ์ 2567) ครูและเด็กร่วมสนทนาเกี่ยวกับวิธีการหาคำตอบโดยใช้คำถามกระตุ้น ครู : เราจะรู้วิธีการทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี ชัดเจน : ไปดูใน TikTok ครับ สตั้นท์ : เปิดดูใน YouTube นาวา : ถามคุณครูไก่ค่ะ ภูผา : ลองทำดูครับ คำถามที่ 3 ทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี


๒๐ เด็กๆ : ต้องลองทำดูค่ะ/ครับ เด็กและครูร่วมกันสรุปวิธีการทดสอบ ดังนี้ 1.ศึกษาจากอินเตอร์เน็ต 2.ถามผู้รู้ 3.ลองทำ ผลการสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เด็กๆได้ความรู้ และร่วมกันสรุปผลดังนี้ วิธีที่ ๑ ค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เด็กและครูร่วมกันสืบค้นข้อมูลการทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี(ที่มา จากการสืบค้นใน YouTube https://www.youtube.com/watch?v=Lohxqcfm2TE ) โดยครูเป็นผู้ อำนวยความสะดวกในการเตรียมอุปกรณ์ค้นหาแหล่งเรียนรู้ให้แก่เด็กๆ นานา : คุณครูขา ครูหาให้หนูหน่อยได้ไหมค่ะ ครู : ได้ค่ะ หนูอยากหาว่าอะไรค่ะ นานา : ทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสีค่ะ ชัดเจน : หูว สีสวยๆทั้งนั้นเลย อยากลองทำ จากการค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเด็กและครูสรุปได้ว่าทำอย่างไรใหแป้งโดว์มีสีมีส่วนประกอบดังนี้ 1. สีผสมอาหาร 1-2 ช้อนโต๊ะหรือจนกว่าจะได้สีที่ต้องการ วิธีการทำ 1.ใส่แป้ง เกลือ น้ำมันพืช และสีผสมอาหาร ผสมกันในภาชนะสำหรับผสม คลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน 2.หลังจากคลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ แล้ว ก็ใส่น้ำ ตามลงไปค่ะ ปริมาณน้ำที่จะใส่ เวลาเทน้ำก็ค่อย ๆ เท เทน้ำไปพลางคนส่วนผสมไปพลาง ดูให้ปริมาณน้ำให้ไม่มากหรือน้อยไป 3.คนให้แป้งเข้ากันแล้วนำออกมาเมื่อนวดแป้งจนได้ที่ และได้สีตามที่ต้องการ หลังจาก นวดจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว เราก็ปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ๆ เก็บไว้ในกระปุกหรือถุงซิปล็อก แล้วเก็บไว้ ในตู้เย็นอีกที


๒๑ วิธีที่ 2 ถามผู้รู้ (๒2 กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) ถามคุณครูไก่ นางวิราวรรณ พานสมัน ครูโรงเรียนอนุบาลภูเวียง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ปฐมวัย เด็กๆร่วมกันสรุปได้ความรู้ว่า ใส่แป้งสาลี น้ำ น้ำมัน เกลือและสีผสมอาหาร ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้ เข้ากันแล้วนำออกมานวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน เก็บไว้ในถุงซิปล็อคไม่ให้อากาศเข้าไปจะยืดระยะเวลาการใช้งาน ได้ เด็กและครูร่วมกันทบทวน ความรู้ที่ได้มาโดยครูและเด็กร่วมกันบันทึกลงในกระดาน หลังจากนั้นเด็กๆ ทดสอบวิธีต่อไป วิธีที่ 3 ทดลองทำ (22 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อหาข้อมูลการทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสีจาก YouTube และผู้รู้ ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก เตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ จากนั้นให้เด็กช่วยกันบอกวิธีการทำแป้งโดว์ให้มีสี เด็กบอกส่วนประกอบของการทำให้แป้งโดว์มีสี ครู : ทำอย่างไรแป้งโดว์ของเราจะมีสีค่ะ ไอดี : เทแป้ง เกลือ น้ำมันและสีผสมอาหารลงไปและคนๆให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆ เติมน้ำลงไปค่ะจะได้แป้งโดว์ที่มีสีค่ะ ครู : เติมสีผสมอาหารในปริมาณเท่าไรค่ะ ยีนส์ : 1 ช้อนโต๊ะค่ะคุณครู ครู : ใช้อะไรตวงส่วนผสมค่ะ ปอร์เช่ : ใช้ช้อนกินข้าวครับ จูน : เติมสีแดง ภูผา : เติมสีเขียวครับ หยก : ใส่สีชมพูค่ะ สตั้นท์ : สีเหลืองด้วยครับ ครู : แล้ววิธีการทำทำอย่างไรค่ะ เด็กๆช่วยกันบอกและช่วยกันหยิบจับ อุปกรณ์และส่วนประกอบของแป้งโดว์ ระหว่างการทำแป้งโดว์ ครูมีหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในการลองทำแป้งโดว์ และคอยใช้คำถามกระตุ้นในระหว่างการทำแป้งโดว์ ก่อนที่จะลงมือทำแป้งโดว์ครูได้ไห้เด็กแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มสีแดงกลุ่มสีชมพูกลุ่มสีเขียวและกลุ่ม เหลือง จากนั้นให้เด็กลงมือทำ แบ่งกลุ่มเด็กออกเป็น 4 กลุ่มเพื่อทดลอง


๒๒ เติมน้ำเปล่าและคนให้เข้ากัน กลุ่มสีแดงนวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน กลุ่มสีชมพูนวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน กลุ่มสีเขียวนวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน กลุ่มสีเหลืองนวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน ตวงสีผสมอาหาร 1 ช้อนโต๊ะเทลงในแป้ง


๒๓ ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย (22 กุมภาพันธ์ 2567) เมื่อเด็กๆทำการทดสอบข้อสันนิษฐานด้วยวิธีการต่างๆเสร็จแล้วเด็กๆบอกเล่าให้เพื่อนและครูฟัง จากนั้นเด็กและครูร่วมกันบันทึกข้อมูลลงกระดาษ เด็กๆบอกเล่าผลจากการทดสอบข้อสันนิษฐานร่วมกัน ดังนี้ กลุ่มที่ 1 สีแดง : เติมสีผสมอาหารสีแดง 1 ช้อนโต๊ะ ได้สีของแป้งโดว์ที่ต้องการ กลุ่มที่ 2 สีชมพู : เติมสีผสมอาหารสีชมพู 1 ช้อนโต๊ะ ได้สีของแป้งโดว์ที่ต้องการ กลุ่มที่ 3 สีเขียว : เติมสีผสมอาหารสีเขียว 1 ช้อนโต๊ะ ได้สีของแป้งโดว์ที่ต้องการ กลุ่มที่ 4 สีเหลือง : เติมสีผสมอาหารสีเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ ได้สีของแป้งโดว์ที่ต้องการ ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล (23 กุมภาพันธ์ 2567) หลังจากการศึกษาทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสีเด็กบอกเล่า โดยเด็กและครูทำหน้าที่บันทึกสิ่งที่เด็กบอก ลงกระดาษ บันทึกข้อมูลลงในใบงาน หลังจากที่นวดได้ที่แล้วเก็บไว้ในถุงซิปล็อคไม่ให้อากาศเข้าไป นำแป้งโดว์มาทดลองปั้น


๒๔ ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (23 กุมภาพันธ์ 2567) เด็กและครูร่วมกันสนทนาทบทวนถึงคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เด็กอยากรู้ คำถามที่ 3 ทำอย่างไรให้แป้งโดว์มีสี เด็กออกมาเล่านำเสนอผลการปฏิบัติการสืบเสาะว่าเป็นไปตามที่ตั้งข้อ สันนิษฐานเอาไว้หรือไม่ เด็กและครูร่วมกันบันทึก ผลปรากฏการณ์ว่า แป้งโดว์ทำให้มีสีได้โดยเติมสีผสมอาหาร ลงไป 1.สีแดง 1 ช้อนโต๊ะ 2.สีชมพู 1 ช้อนโต๊ะ 3.สีเขียว 1 ช้อนโต๊ะ 4.สีเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ ซึ่งตรงกับข้อ สันนิษฐานบางส่วนของวิธีการทำคือเติมสีผสมอาหาร สีแดง สีชมพู สีเขียวและสีเหลือง จะได้แป้งโดว์สี ตามที่เราต้องการ ผลงานนักเรียน นำเสนอข้อมูลของแต่ละกลุ่มสีและสรุปผลการทดลอง


๒๕ ผลการพัฒนาความสามารถของนักเรียนปฐมวัย 1.ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน ตามโครงงานบ้านักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย 1.1 ด้านการเรียนรู้ - บอกส่วนประกอบของการทำแป้งโดว์ให้มีสีได้ - เรียงลำดับขั้นตอนการทำแป้งโดว์ให้มีสีอย่างน้อย 5 ลำดับ - คาดคะเนสิ่งที่เกิดขึ้น และมีส่วนร่วมในการลงความเห็นข้อมูลอย่างมีเหตุผล - นักเรียน ๆ สามารถเล่า/บอกวิธีการหาคำตอบของตนเองได้ - นักเรียนค้นหาคำตอบของข้อสงสัยต่างๆโดยวิธีที่หลากหลายด้วยตนเอง - กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ 1.2 ด้านภาษา - นักเรียนมีพัฒนาการด้านภาษาจากการสนทนาโต้ตอบแสดงความคิดเห็น - ทักษะด้านภาษาจากการอ่านคำง่ายๆ - นักเรียนได้พูด เล่า สิ่งที่พบ ด้วยคำพูดของตนเอง 1.3 ด้านสังคม - เก็บอุปกรณ์ในการทำแป้งโดว์เข้าที่อย่างเรียบร้อยด้วยตนเอง - นักเรียนสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ - นักเรียนแสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - นักเรียนเคารพกฎกติกาและปฏิบัติตามข้อตกลงของห้องเรียน 1.4 ด้านการเคลื่อนไหว - นักเรียนเคลื่อนไหวหยิบจับ อุปกรณ์ ได้อย่างคล่องแคล่ว - นักเรียนสามารถใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกตด้วยตัวเองจนได้ข้อมูลที่ชัดเจน 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1 ทักษะการสังเกต - การ หยิบ จับ สัมผัส และสังเกตสีผสมอาหาร 2.2 ทักษะการจำแนกประเภท - เปรียบเทียบสิ่งที่คาดคะเนกับผลการศึกษาว่าเหมือนหรือต่างกัน 2.3 ทักษะการพยากรณ์หรือการคาดคะเนคำตอบ - ตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับลักษณะสีผสมอาหารได้ 2.4 ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล - นักเรียนสามารถสรุปผลสิ่งที่สังเกตโดยการวาดภาพในแบบบันทึก และนำเสนอหน้าชั้น เรียนให้เพื่อน ๆ เข้าใจได้ 2.5 ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล - นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมโดยใช้ความคิดเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ เดิมแสดงความคิดเห็นต่างๆได้ 2.6 ทักษะการวัด - ใช้เครื่องมือตวงวัดหาปริมาณส่วนผสมในการทำให้แป้งโดว์มีสีได้ 2.7 ทักษะการทดลอง - เด็กสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนได้และสามารถบันทึกผลการทดลองได้


๒๖ ภาคผนวก











Click to View FlipBook Version