The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tathikatathika2549, 2022-12-23 06:04:51

มหาชาติหรือมหาเวสสันดร

618C48F2-F562-4641-9F47-C6468BDC7EC0

มหาเวสสันดร

มหาชาติ

คำนำ สารบัญ ก
ประวัติผู้แต่ง ๑-๓
ที่มาของเรื่อง ๔
ลักษณะคำประพันธ์ ๕
จุดประสงค์ในการแต่ง

กัณฑ์ที่๑ ๗
กัณฑ์๒ ๘
กัณฑ์๓

กัณฑ์๔ สารบัญ ๙
กัณฑ์๕ ๑๐
กัณฑ์๖ ๑๑
กัณฑ์๗ ๑
กัณฑ์๘ ๒
กัณฑ์๙ ๑๓
กัณฑ์๑๐ ๑๔
กัณฑ์๑๑ ๑๕
กัณฑ์๑๒ ๑๑๗๖
กัณฑ์๑๓ ๑๘

สารบัญ

คำศัพท์ที่พบในเรื่อง ๑๙
วิจารณ์ตัวละคร ๒๐-๒๔
ทศชาติ ๒๕
ฝนโบกขรพรรษ
ข้อคิดที่ได้รับ ๒๖
บรรณานุกรม ๒๗-๒๘

คำนำ

หนังสือออนไลน์เล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ให้ได้ศึกษาความรู้
ในเรื่องมหาชาติหรือมหาเวสสันดร โดยได้ศึกษาผ่านแหล่งความรู้ต่างๆ อาทิเช่น
หนังสือ ตำรา สื่ออินเทอร์เน็ตจากเว็บไซต์ต่างๆ

คณะผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำเอกสารฉบับนี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์

ต่อผู้ที่สนใจศึกษาเป็นอย่างดี




คณะผู้จัดทำ

ประวัติผู้แต่ง

1.เจ้าพระยาพระคลัง(หน)
เจ้าพระยาพระคลังท่านนี้ เป็นบุตรเจ้าพระยาบดินทร์สุรินทร์ฦๅชัย (บุญมี) กับท่านผู้หญิงเจริญ มีบุตร
ธิดาหลายคน ที่มีชื่อเสียงคือ เจ้าจอมพุ่ม ในรัชกาลที่ ๒, เจ้าจอมมารดานิ่ม พระมารดาสมเด็จฯ กรมพระ
ยาเดชาดิศร (มั่ง) ในรัชกาลที่ ๒, นายเกต และนายพัด ซึ่งเป็นกวีและครูพิณพาทย์ เจ้าพระยาพระคลัง
(หน) เป็นต้นสกุล บุญ-หลง เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นกวีเอกคนหนึ่งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีนาม

เดิมว่า หน เกิดเมื่อใด ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด น่าจะอยู่ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา และถึงแก่
อสัญกรรม ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พ.ศ. ๒๓๔๘ ผลงานด้านวรรณคดีที่ท่านได้แต่งไว้หลายเรื่องด้วยกัน
พระราชนิพนธ์ ในมหาเวสสันดรชาดก 2 กัณฑ์ คือ มัทรี กุมาร

2. กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส พระนามเดิม พระองค์เจ้าวาสุกรี เป็นพระราชโอรส

ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ประสูติเมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๓ เมื่อพระชนมายุ ๑๒ พรรษา ได้

ผนวชเป็นสามเณร ประทับ ณ พระตำหนักท่าวาสุกรี วัดพระเชตุพนฯ ในสมัยรัชกาลที่ ๒ ได้รับสถาปนา

เป็นกรมหมื่นนุชิตชิโนรส สมัยรัชกาลที่ ๔ ได้รับการสถาปนาเป็นกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ต่อมา

ในรัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส

สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ รวมพระชนมายุ ๖๔ พรรษา งานพระนิพนธ์ที่สำคัญ ได้แก่ ตำราฉันท์มาตรา

พฤติและวรรณพฤติ ลิลิตตะเลงพ่าย สมุทรโฆษคำฉันท์ ทรงนิพนธ์ต่อจากพระมหาราชครูและสมเด็จ

พระนารายณ์มหาราชซึ่งค้างไว้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ๑๑ กัณฑ์ เว้น
กัณฑ์มหาพนและกัณฑ์มัทรี เพราะทรงเห็นว่าพระเทพโมลี (กลิ่น) และเจ้าพระยาพระคลัง (หน) แต่

งกัณฑ์มัทรีไว้ดีแล้ว

พระราชนิพนธ์ ในมหาเวสสันดรชาดก 4 กัณฑ์ คือ ทศพร หิมพานต์ มหาราช นครกัณฑ์ ๑

3.พระบาทสมเด็จพระจอมเก้าเจ้าอยู่หัวฯ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็น
พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์
พระองค์ทรงมีพระขนิษฐาและพระอนุชารวม 3 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า
จันทรมณฑล กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระ
จักรพรรดิพงศ์ และ สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุ
พันธุวงศ์วรเดช วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จ
พระราชนิพนธ์ในมหาเวสสันดรชาดก 3 กัณฑ์ คือ วนปเวสนื จุลพน สักบรรพ

4. พระเทพโมลี ( กลั่น )
พระเทพโมลี (กลิ่น) ท่านเกิดเมื่อประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๒๘๓ รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มี
เชื้อสายรามัญ ท่านบรรพชา-อุปสมบท วัดตองปุ อยุธยา สมัยพระเจ้าเอกทัศน์เมื่อกรุงศรีอยุธยาล่ม
สลาย ท่านพระมหาศรี พระขุน พระเทพโมลี ครั้งเป็นพระกลิ่น หลบภัยข้าศึก ล่องลงมาทางใต้ ถึงสมัย
รัตนโกสินทร์ ท่านและคณะกลับมาอยู่วัดกลางนา(วัดตองปุ หรือวัดชนะสงคราม)กรุงเทพฯต่อมาทราบ
ข่าวพระอาจารย์สุก มาสถิตวัดพลับ เป็นที่พระญาณสังวรเถร ทั้งสามท่านจึงตามมาอยู่วัดพลับ เรียน
ขอเล่าเรียน พระกรรมฐานมัชฌิมา แบลลำดับด้วยประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๓๒๘ พระมหากลิ่น
และคณะ ทราบว่าพระอาจารย์สุก มาสถิตวัดพลับ ทรงเชี่ยวชาญวิปัสสนากรรมฐาน ท่าน และคณะซึ่ง
เป็นเชื้อสายรามัญ จึงได้เข้าไปกราบนมัสการขออนุญาต พระมหาสุเมธาจารย์เป็นเจ้าอาวาส วัดกลาง
นา (วัดตองปุ หรือวัดชนะสงคราม) ซึ่งเป็นพระสงฆ์นิกายรามัญ เพื่อมาศึกษาพระกรรมฐานในสำนัก
พระญาณสังวรเถร (สุก)
นิพนธ์ในมหาเวสสันดรชาดก 1 กัณฑ์ คือ มหาพน



5. สำนักวัดถนน
นายทองอยู่ เกิดที่บ้านไผ่จำศีล อำเภอวิเศษไชยชาญ จังหวัดอ่างทอง เมื่ออายุ 10-11 ปี ได้
บรรพชาเป็นสามเณร ได้ผ่านวัดอยู่วัดหนึ่ง เรียกว่า “วัดถนน” จึงได้พักอยู่วัดนี้ ได้อุปสมบท เรื่อย
มา ท่านทองนับว่าเป็นสถาปนิกชั้นเยี่ยม ท่านได้สร้างเจดีย์ที่งดงาม รวมถึงได้แต่งร่ายยาวมหา
เวสสันดรชาดก กัณฑ์ทานกัณฑ์แล้ว ยังแต่งบททำขวัญนาคไว้อย่างไพเราะอีกด้วย
นิพนธ์ในมหาเวสสันดรชาดก 1 กัณฑ์ คือ ทานกัณฑ์

6. สำนักวัดสังข์จาย
สำนักวัดสังข์กระจายเป็นชื่อสำนักที่ท่านผู้แต่งบวชอยู่ วัดนี้อยู่ริมคลองบางกอก เป็นวัดโบราณ
ส่วนท่านผู้แต่งกัณฑ์ชูชกนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงนุภาพทรงสันนิษฐานว่า
คือ พระเทพมุนี(ด้วง) แต่ประวัติของท่านยังไม่เป็นที่แน่ชัด ในพ.ศ. 2332 คราวเกิดอสุนีบาตตก
ต้องมุขพระที่นั่งอินทราภิเษกมหาปราสาทติดเป็นเพลิงไหม้ขึ้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกมหาราชทรงพระแสงของ้าวเร่งข้าราชการดับเพลิงจนสงบ แล้วทรงปริวิตกว่าเห็นจะเป็น
อัปมงคลนิมิตแก่บ้านพระราชาคณะที่เป็นปราชญ์ ต่างได้ลงชื่อถวายชัยมงคล ซึ่งรายนามพระสงฆ์
ที่ถวายพระพรครั้งนั้นมีพระเทพมุนีวัดสังข์กระจายด้วยรูปหนึ่ง นอกจากนี้ พระเทพมุนีรูปนี้ยัง
ถวายเทศน์กัณฑ์ชูชกในรัชกาลที่ ทั้งยังเคยถวายแก้ข้อกังหาปัญหาธรรมและพระราชปุจฉาใน
รัชกาลที่ 1 อีกด้วยนิพนธ์ในมหาเวสสันดรชาดก 1 กัณฑ์ คือ ชูชก



ที่มาของเรื่อง

ที่มาของมหาเวสสันดรชาดกน่าจะเป็นเรื่องเล่าหรือนิทานของชาวพื้นเมือง

อินเดียมาก่อน พัฒนาการวรรณกรรมมหาพระเวสสันดรในระยะแรกพบว่า

เวสสันดรชาดก เป็นชื่อในภาษาบาลี ส่วนภาษาสันสกฤตเรียกว่า วิศวัน

ตระอวทาน มีเนื้อเรื่องแตกต่างกันบางอนุภาค เช่น ไม่ปรากฏชื่อชูชกใน

ภาษาบาลี สำหรับภาษาบาลีในพระสุตตันตปิฎก เชื่อว่าแต่งโดยพระพุทธ

โฆษะเถระ ในพุทธศาสนาศรีลังกาในช่วง พุทธศตวรรษที่ 10–11

ในอุษาคเนย์ รับมาจากลังกาโดยคณะสงฆ์กับคณะโยมสงฆ์ที่ใกล้ชิด

มูลนายคนชั้นนำในวัฒนธรรมหลวงของรัฐใหญ่ ราว พ.ศ. 1700 เช่น รัฐ

ลุ่ม น้ำเจ้าพระยา ภาคกลางตอนล่าง ในสยามประเทศ รัฐลุ่ม น้ำอิรวดี ใน

พม่าประเทศ เป็นต้น ๔

ลักษณะคำประพันธ์ จุดประสงค์ในการแต่ง

ความเรียงร้อยแก้ว ร่ายยาว กลบท ร่ายยาวมหาเสสันดรชาดก แต่งขึ้นเพื่อใช้
กลอนพื้นบ้าน เทศน์มหาชาติ เนื่องจากร่ายยาวหมาเสสันดร
จุดมุ่งหมายในการแต่ง ชาดกเป็นชาดกเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นชาติที่พระ
เพื่อใช้ในการสวดเทศนาสั่งสอน โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเสสันดรซึ่งเป็น
พระชาติสุดท้ายก่อนจะประสูติเป็นเจ้าชายสิทธั
ตถะ แล้วเสด็จออกผนวชกระทั่งได้ตรัสรู้เป็น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องราวในพระชาติ
ที่เป็นพระเวสสันดรได้ทรงบำเพ็ญทศบารมี
ครบทั้ง ๑๐ ประการ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง
ทานบารมี ซึ่งทรงบริจาคบุตรทารทาน คือ
บริจาคพระชาลี พระกัณหา และพระนางมัทรี
จึงเป็นชาติที่สำคัญและยิ่งใหญ่ เรียกว่า
“มหาชาติ” หรือ “มหาเสสันดรชาดก”



กัณฑ์ที่ ๑ ๖

กัณฑ์ที่ ๑ ทศพร พระอินทร์ประสาทพรแก่พระนางผุสดี ก่อนที่จะจุติลงมา

เป็นพระราชมารดาของพระเวสสันดร แต่ปางก่อนนั้นผุสดีเทวีเสวยชาติ

เป็นอัครมเหสีของพระอินทร์ เมื่อจะสิ้นพระชนมายุจึงขอกัณฑ์ทศพรจาก

พระอินทร์ได้ ๑๐ ประการ ทั้งยังเคยโปรยผงจันทร์แดง ถวายพระวิปัสสี

พุทธเจ้าและอธิฐานให้ได้เกิดเป็นมารดาพระพุทธเจ้าด้วย พร ๑๐ ประการ

นั้นมีดังนี้
๑.ขอให้เกิดในกรุงมัททราช แคว้นสีพี
๒.ขอให้มีดวงเนตรคม

งามและดำขลับดั่งลูกเนื้อทราย
๓.ขอให้คิ้วคมขำดั่งสร้อยคอนกยูง
๔.ขอให้
ได้นาม "ผุสดี" ดังภพเดิม
๕.ขอให้พระโอรสเกริกเกียรติที่สุดในชมพูทวีป

๖.ขอให้พระครรภ์งาม ไม่ป่องนูนดั่งสตรีสามัญ
๗.ขอให้พระถันเปล่งปลั่ง

งดงามไม่ยานคล้อยลง
8.ขอให้เส้นพระเกศาดำขลับตลอดชาติ
9.ขอให้ผิว
พรรณละเอียดบริสุทธิ์ดุจทองคำธรรมชาติ
10.ขอให้ได้ปลดปล่อยนักโทษที่
ต้องอาญาประหารได้


้อ
คิดในกัณฑ์ทศพร
การทำบุญจักให้สำเร็จสมประสงค์นั้น ตั้งกัลยาณจิตอธิษฐาน เป้าหมายชีวิตที่ตนปรารถนาไว้ และความ

ปรารถนาที่จะสำเร็จสมดังตั้งใจ ผู้นั้นต้องมีศีลบริบูรณ์มีศีลห้าเป็นต้น กล่าวคือ ๑.ต้องกระทำความดี
๒.ต้อง

รักษาความดีนั้นไว้
๓. หมั่นเพิ่มพูนความดีให้มากยิ่งขึ้น














































Click to View FlipBook Version