เอกสารประกอบการเรียนการสอน
วิชา ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เรือ่ ง
ทักษะการจดั กระทาและส่ือความหมายขอ้ มลู
โดย
ครศู ิริอร คล้ายสกุล
ครชู านาญการพิเศษ
โรงเรียนเขาทะลุพทิ ยาคม
ทักษะการจดั กระทาและการสอื่ ความหมายขอ้ มลู
การจดั กระทาและการสื่อความหมายข้อมูล ( Communicating ) หมายถึง การนาข้อมูลท่ีได้จาก
การสังเกต การวัด การทดลองและจากแหล่งอื่น ๆ มาจัดกระทาเสียใหม่ โดยการหาความถี่ เรียงลาดับ
จัดแยกประเภทหรือคานวณ เพ่ือให้ผู้อ่ืนเข้าใจความหมายของข้อมูลนั้นดีข้ึน โดยเราอาจนาเสนอข้อมูลใน
รปู แบบของตาราง แผนภูมิ แผนภาพไดอะแกรม วงจร กราฟ สมการ เขยี นบรรยาย เปน็ ต้น
การจัดกระทาข้อมูล หมายถึง การนาข้อมูลดิบมาจัดเรียงลาดับ หรือหาความถี่หรือแยกประเภท
หรอื คิดคานวณใหม่
การส่ือความหมายข้อมูล หมายถึง ความสามารถในการใช้ภาษาพูดหรือภาษาเขียน รวมท้ังการ
เขยี นแผนภาพ แผนภูมิ ตาราง กราฟ วงจรและสมการประกอบการพูด หรือการบรรยาย เพ่ือให้ผู้อ่ืนได้
เข้าใจสิง่ ทีต่ อ้ งการส่ือให้ชัดเจน ถูกต้อง และรวดเร็ว ตลอดจนเป็นการนาข้อมูลที่ได้จากการสังเกต การวัด
หรือการทดลอง มาจดั กระทาใหอ้ ย่ใู นรูปแบบทม่ี คี วามหมายและมีความสัมพันธ์กันมากขึ้นจนง่ายต่อการแปล
ความหมายให้ชัดเจน
ทักษะการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูล เป็นความชานาญในการนาเสนอข้อมูลในรูปแบบ
ต่างๆ เพ่อื ใหผ้ ู้อนื่ เข้าใจส่ิงทตี่ อ้ งการสอื่ ไดช้ ัดเจน ถกู ตอ้ งรวดเร็ว และงา่ ยต่อการแปลความหมาย
องคป์ ระกอบสาคัญของการสื่อความหมาย มี 4 ประการ คอื
1. ผ้สู ง่ สาร
2. สาร
3. ช่องทางรบั สาร
4. ผู้รับสาร
การสือ่ ความหมายมี 2 ประเภท
1. การส่ือความหมายทางเดียว เป็นการติดต่อส่ือสาร โดยผู้ส่งสารไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับสารไต่ถาม
ซักถามขอ้ สงสยั และไม่สนใจในปฏิกริ ยิ าตอบสนองของผูร้ ับสาร
2. การสื่อความหมายสองทาง เป็นการติดต่อสื่อสารที่ผู้รับสารมีโอกาสซักถามข้อสงสัย มีการ
ตอบสนอง ตลอดจนเสนอความคิดเหน็ ได้ดว้ ย
การสื่อความหมายท่ีมีประสิทธิภาพ คือ การที่ผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจตรงกันในส่ิงท่ีสื่อถึงกัน ผู้เรียน
สามารถส่อื ความหมายได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ถ้าผู้เรียน
1. บรรยายเฉพาะส่งิ ทีส่ ังเกตไดม้ ากกวา่ การลงความคิดเห็นในสิ่งนั้น
2. บรรยายใหส้ นั้ โดยใช้ภาษาทส่ี ละสลวย กระชับ ชัดเจน และเหมาะสมกบั ผูฟ้ ัง
3. ส่อื ความหมายข้อมลู ไดอ้ ย่างถกู ต้องแมน่ ยา โดยใชก้ ารสงั เกตเชงิ คณุ ภาพให้มาก
4. พิจารณาแนวความคิดและประสบการณ์ในอดีตของผู้ฟงั
5. หาวิธีการที่จะได้ข้อมูลย้อนกลับจากผู้ฟัง เพื่อเป็นการบ่งช้ีประสิทธิภาพของการสื่อ
ความหมายของผู้เรยี น
6. ใชว้ ธิ ีการบรรยายหลาย ๆ แบบถา้ จาเปน็
รูปแบบของการสือ่ ความหมายขอ้ มูล
การสื่อความหมายข้อมูลจะต้องสั้น เข้าใจง่าย ไม่กากวม จึงจะเรียกว่า เป็นการสื่อความหมายท่ีดี
การส่อื ความหมายข้อมูลมีหลายวธิ ี ดังนี้
1. การสอ่ื ความหมายข้อมลู โดยการพูดหรอื การเขียนบรรยาย เป็นการนาเสนอข้อมูลในรูปแบบการ
ใช้คาพูด หรือเขียนบรรยายในลักษณะของสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการส่ือความหมายด้วยภาษาที่ง่าย กะทัดรัด
ชดั เจน ผูอ้ ื่นสามารถเขา้ ใจและสามารถปฏบิ ัตติ ามได้
2. การส่ือความหมายข้อมูลด้วยรูปภาพ เป็นการนาเสนอข้อมูลโดยใช้รูปภาพแทนค่าตัวเลขจานวน
หนง่ึ ของขอ้ มูล
3. การสอ่ื ความหมายโดยใชแ้ ผนที่และแผนผัง
การสื่อความหมายโดยใช้แผนท่ีหรือแผนผังนั้น จะต้องมีการวัดความยาว หรือความกว้าง จากของ
จรงิ กอ่ น หลงั จากน้ันให้กาหนดสเกลท่ีจะใช้ในการยอ่ อัตราส่วน
แผนทท่ี ีใ่ ช้ในการสื่อความหมายให้ชดั เจนยิง่ ขน้ึ ประกอบด้วย
1. ช่อื แผนท่ี ชอ่ื แผนท่ีเปน็ ตัวบอกว่าแผนท่นี น้ั เปน็ เรื่องเกยี่ วกบั อะไร
2. สญั ลกั ษณ์ สัญลักษณ์ใช้แสดงสถานท่ีหรือวัตถุตา่ ง ๆ
3. คาอธบิ ายสัญลกั ษณ์ คาอธิบายน้ีเป็นตัวบอกวา่ สัญลกั ษณแ์ ตล่ ะตัวแสดงสถานท่หี รอื วตั ถอุ ะไร
4. มาตรวดั แสดงระยะทางระหว่างสถานที่และขนาดของวัตถุ
4. การส่ือความหมายโดยใช้ตาราง เปน็ การนาเสนอข้อมูลในรปู ตาราง
5. การสื่อความหมายข้อมลู ด้วยกราฟ
กราฟแบบต่าง ๆ มปี ระโยชน์ในการสือ่ ความหมายของตัวแปร 2 ตวั ทมี่ ีความสมั พนั ธ์กัน
มี 3 ประเภท คอื
1. กราฟแทง่ เป็นกราฟที่แสดงความสมั พันธข์ องตวั แปร 2 ตวั ทไี่ มต่ ่อเนือ่ งกัน
2. กราฟเสน้ เปน็ กราฟท่ีแสดงความสัมพันธ์ของตวั แปร 2 ตวั ทต่ี ่อเน่ืองกัน
3. กราฟกง เป็นกราฟวงกลมใช้เสนอข้อมลู ทีแ่ สดงเป็นเปอรเ์ ซ็นต์
6. การสื่อความหมายโดยใช้สมการคณิตศาสตร์ การสื่อความหมายโดยวิธีน้ีเป็นการวิธีการส่ือ
ความหมายท่สี ัน้ กะทดั รดั ทีส่ ดุ และสามารถถา่ ยทอดไปสูร่ นุ่ ลูกรนุ่ หลานได้โดยไมม่ ีการเปลย่ี นแปลง เชน่
พนื้ ที่ส่เี หลี่ยมผนื ผา้ = กว้าง x ยาว
ความเรว็ = ระยะทาง
เวลา
การส่ือความหมายมีหลายวิธี เราจึงต้องพิจารณาหาวิธีท่ีดีท่ีสุด หมายถึง วิธีท่ีสั้น กะทัดรัด เข้าใจ
งา่ ย ดงั น้ันกอ่ นท่เี ราจะเลือกวธิ ีใดน้นั ขึน้ อยูก่ ับความเหมาะสมและวตั ถปุ ระสงค์
การจัดกระทาและสื่อความหมายขอ้ มลู มลี าดับขน้ั ตอนดังน้ี
1. การเลือกรูปแบบที่จะใช้ในการจัดกระทา นาเสนอให้เหมาะสมกับข้อมูล เช่น ตาราง แผนผัง
แผนภมู ิ แผนที่ แผนภาพ กราฟ วงจร สมการ ภาษาเขยี น ภาษาพูด
2. สามารถบอกเหตุผลท่ีเลอื กรปู แบบที่จะใช้ในการนาเสนอ
3. วางแผนออกแบบ การนาเสนอตามท่เี ลอื กไว้
4. จัดกระทาในการปรับเปล่ียนข้อมูลตามที่รูปแบบที่ได้วางไว้ เพ่ือให้เกิดความเข้าใจง่าย เข้าใจ
ตรงกันอยา่ งรวดเรว็
วธิ ีปรับเปล่ยี นข้อมลู ให้เป็นการจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมลู มวี ิธีการดังน้ี
1. จดั เรียงลาดบั ใหม่
2. หาความถี่ เมือ่ มขี อ้ มูลซ้า
3. แยกหมวดหม่หู รอื แยกประเภท
4. คานวณหาค่าใหม่
5. บรรยายลักษณะส่ิงใดส่ิงหนึ่งหรือสถานที่ด้วยความกะทัดรัด เหมาะสม สามารถส่ือความหมาย
ใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจได้
ประโยชนข์ องการสอ่ื ความหมายข้อมูล
1. ใชใ้ นการติดต่อสือ่ สาร
2. ใช้ในการจราจร
3. การทาแผนท่ี
4. ใชใ้ นการรวบรวมข้อมูลทางวทิ ยาศาสตร์ ให้เป็นระเบยี บสะดวกต่อการศกึ ษาคน้ คว้า
5. ส่อื ความหมายในกิจกรรม การเรียน การทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืน การรายงาน การอภปิ รายต่าง ๆ
พฤตกิ รรมทแ่ี สดงว่าเกิดทกั ษะการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมลู คอื
1. เลอื กรปู แบบที่จะใช้ในการเสนอขอ้ มลู ได้เหมาะสม
2. บอกเหตผุ ลในการเลอื กรปู แบบทนี่ าเสนอขอ้ มลู ได้
3. ออกแบบการนาเสนอขอ้ มูลตามรูปแบบท่ีเลอื กไว้ได้
4. เปลีย่ นแปลงขอ้ มูลใหอ้ ยู่ในรูปใหม่ทีเ่ ข้าใจดขี ึน้ ได้
5. บรรยายลักษณะสงิ่ ใดสิ่งหน่งึ ด้วยขอ้ ความทเ่ี หมาะสม กะทัดรดั จนส่อื ความหมายให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจได้
6. บรรยายหรอื วาดแผนผงั แสดงตาแหน่งของสถานท่จี นสอ่ื ความหมายใหผ้ ้อู ่นื เขา้ ใจได้
ใบงานที่ 1
ทกั ษะการจดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มลู
ชอ่ื ....................................................................... ชั้น..................................เลขที่................................
คาชีแ้ จง จงเลือกคาตอบท่ีถูกต้อง
จานวนนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ของโรงเรยี นแห่งหน่ึง ในแตล่ ะปี ดงั น้ี
พ.ศ. 2547 จานวน 66 คน, พ.ศ. 2548 จานวน 88 คน, พ.ศ. 2549 จานวน 95 คน,
พ.ศ. 2550 จานวน 72 คน
1. ควรนามาจัดกระทาข้อมูลใหมใ่ นรปู แบบใด
ก. แผนภูมิแท่ง ข. แผนภมู ิวงกลม ค. กราฟ ง. แผนผังวงจร
2. ข้อมลู ต่อไปน้เี ปน็ ขอ้ มูลประเภทใด
งูกินกบ เหยยี่ วกินงู แมลงกินหญา้ คนกินกบ
กิ้งกา่ กินตก๊ั แตน กบกนิ แมลง แมวกนิ กิ้งก่า
ก. ข้อมูลดบิ ข. ข้อมูลส่อื ความหมาย ค. ข้อมลู จดั เก็บ ง. ขอ้ มูลจัดกระทา
วนั ที่ 11 มีนาคม 2551 ปอน มีรายจ่าย ดังน้ี
ดินสอ 15 บาท ยางลบ 8 บาท
ปากกา 10 บาท ไม้บรรทัด 4 บาท
อาหารกลางวัน 20 บาท น้าผลไม้ 10 บาท
ขนม 15 บาท
3. ข้อมลู นี้ ควรเสนอเปน็ รปู แบบใด
ก. แผนภมู แิ ทง่ ข. แผนภมู วิ งกลม ค. ตาราง ง. แผนผงั วงจร
แมลง ก เม่ือเจริญเตบิ โตแล้วออกไขภ่ ายใน 1 อาทิตย์
ตัวหนอนจะกลายเป็นดักแด้ ใช้เวลา 4 วัน
ดกั แด้เตบิ โตเปน็ แมลง ก ใช้เวลา 10 วัน
ตวั หนอนออกมาจากไข่ ใชเ้ วลา 3 วัน
4. ข้อมูลน้ี ควรเสนอเป็นรปู แบบใด
ก. แผนภมู ิแท่ง ข. แผนภมู วิ งกลม ค. ตาราง ง. แผนผงั วงจร
กบผสมพันธอุ์ อกไข่
ไข่กลายเปน็ ลูกอ๊อดและมีหางงอกออกมา ใช้เวลา 15 วนั
ลูกอ๊อดมขี าหน้างอกออกมา ใช้เวลา 7 วนั
ลูกออ๊ ดมีขาหลังงอกออกมาและหางค่อย ๆ หดหายไป ใชเ้ วลา 7 วัน
7 วนั หางของลกู อ๊อดหดหายและกลายเป็นกบ
5. ข้อมูลน้ี ควรเสนอเปน็ รปู แบบใด
ก. แผนภูมแิ ทง่ ข. แผนภมู วิ งกลม ค. ตาราง ง. แผนผังวงจร
ใบงานที่ 2
ทักษะการจดั กระทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู
ช่อื ....................................................................... ชั้น..................................เลขท.ี่ ...............................
คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนศึกษาข้อมูลที่กาหนดให้ แล้วนาข้อมูลมาปรับเปลี่ยนใหม่ ให้ส่ือความหมายงา่ ยขึ้น
โดยเลือกรูปแบบหรือออกแบบท่ีเหมาะสม
ผลการสอบของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ดวงใจ ได้ภาษาไทย 63 คะแนน คณิตศาสตร์ 70 คะแนน วทิ ยาศาสตร์ 75 คะแนน
ลดิ า ได้ภาษาไทย 70 คะแนน คณิตศาสตร์ 64 คะแนน วทิ ยาศาสตร์ 78 คะแนน
มานพ ไดภ้ าษาไทย 73 คะแนน คณิตศาสตร์ 68 คะแนน วิทยาศาสตร์ 80 คะแนน
จักรพันธ์ ได้ภาษาไทย 84 คะแนน คณติ ศาสตร์ 76 คะแนน วิทยาศาสตร์ 83 คะแนน
อรสา ได้ภาษาไทย 86 คะแนน คณติ ศาสตร์ 80 คะแนน วทิ ยาศาสตร์ 85 คะแนน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนศกึ ษาข้อมลู ที่กาหนดให้ แล้วนาขอ้ มูลมาปรบั เปล่ียนสอ่ื ความหมายใหง้ ่ายขึน้
โดยใหเ้ ลอื กรูปแบบหรือออกแบบนาเสนอขอ้ มูลท่เี หมาะสม
ขอ้ มูลการเลีย้ งเปด็
ฤดีเลย้ี งเปด็ ไว้ 50 ตวั เขาเก็บไข่ไปขายทกุ วนั สัปดาหก์ ่อนเขาจดบันทกึ
ไว้ วนั อาทิตย์ได้ 30 ฟอง วนั จนั ทร์ได้ 38 ฟอง วนั อังคารได้ 27 ฟอง วนั พธุ
ได้ 40 ฟอง วนั พฤหสั บดีได้ 32 ฟอง วนั ศกุ ร์ได้ 29 ฟอง วันเสาร์ได้ 30
ฟอง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบทดสอบ
ทกั ษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมลู
คาชีแ้ จง : จงคลิกเลือกคาตอบทีถ่ กู ที่สุดเพยี งข้อเดียว
1. การจดั กระทาข้อมูล คืออะไร
ก. การนาข้อมลู มาตรวจสอบ
ข. การนาข้อมูลมาใช้
ค. การนาข้อมลู ท่ีได้มาจดั กระทาโดยเรยี งลาดับ คานวณหรอื แยกประเภท
ง. ถกู ทุกข้อ
2. ข้อใดเปน็ ความหมายของการสอ่ื ความหมายข้อมูล
ก. การนาข้อมลู มาจัดระบบแล้วนาเสนอในรูปแบบใหม่ให้เขา้ ใจยิ่งขึน้
ข. การนาข้อมูลมาจดั กระทาโดยเรยี งลาดบั คานวณ แยกประเภท
ค. การสือ่ ความหมายข้อมลู จากข้อมูลดบิ
ง. การนาข้อมูลดิบมาเรยี งใหม่ใหเ้ ข้าใจงา่ ย
3. ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนของนักเรยี นตามกลมุ่ ประสบการณ์ ควรนาเสนอขอ้ มูลในข้อใดจงึ เหมาะสม
ทส่ี ดุ
ก. แผนภมู ริ ูปภาพ
ข. แผนภมู แิ ทง่
ค. กราฟ
ง. แผนภมู ิวงกลม
4. ขอ้ มูลดบิ หมายถึงอะไร
ก. ข้อมลู ที่ไม่ได้จัดเก็บให้เรยี บร้อย
ข. ขอ้ มูลที่เรียงลาดบั เรยี บรอ้ ยแตไ่ ม่ได้แปลผล
ค. ข้อมลู ท่ีได้มาแลว้ ยงั ไม่ไดจ้ ดั กระทา อาจส่ือความหมายให้เข้าใจได้
ง. ขอ้ มูลที่แปลผลเรียบรอ้ ยแล้ว
5. ข้อมูลดงั ต่อไปนเ้ี ปน็ ข้อมลู ประเภทใด
เต่ากินหญ้า ฉลามกินเตา่ ตก๊ั แตนกินหญา้ ก้ิงกา่ กินต๊ักแตน
กบกินตั๊กแตน กง้ิ ก่ากนิ กบ เต่ากินกบ คนกินฉลาม
ก. ข้อมลู ดิบ
ข. ข้อมูลสื่อความหมาย
ค. ข้อมูลจัดเก็บ
ง. ขอ้ มลู จดั กระทา
จากข้อมูลตอ่ ไปนีใ้ ห้นักเรยี นตอบคาถามข้อ 6-8
ค่าอาหาร 45 % เส้อื ผา้ 15 %
คา่ เดินทาง 10% เบด็ เตลด็ 10%
ค่าเคร่ืองสาอาง 20 %
6. ขอ้ มูลดงั กลา่ วควรนาเสนอในรปู แบบใดจึงจะเหมาะสม
ก. แผนภมู ิแท่ง
ข. แผนภูมิวงกลม
ค. แผนภูมริ ูปภาพ
ง. กราฟ
7. ค่าใช้จ่ายเรอื่ งใดทีต่ ้องใช้ค่าใช้จ่ายมากทส่ี ดุ
ก. เครอ่ื งสาอาง
ข. เดนิ ทาง
ค. อาหาร
ง. เบ็ดเตล็ด
8. คา่ ใชจ้ า่ ยเรื่องอาหารแตกต่างจากค่าใชจ้ ่ายเร่ืองเสื้อผา้ เทา่ ไร
ก. 25 %
ข. 30%
ค. 5%
ง. 15%
จากข้อมูลต่อไปนี้ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามข้อ 9-10
จานวน จานวนนกในสวนสตั วเ์ ชยี งใหมใ่ นแต่ละปี
300
200 2546
2547
100
0
นกกระจาบ นกกระจอก นกกระจิบ
9. ขอ้ มลู ดงั กล่าวเป็นการนาเสนอข้อมลู แบบใด
ก. แผนภูมิแท่ง
ข. แผนภมู วิ งกลม
ค. แผนภมู ริ ูปภาพ
ง. กราฟ
10. ในปี 2546 จานวนนกกระจอกในสวนสัตว์มจี านวนเท่าไร
ก. 200 ตวั
ข. 300 ตัว
ค. 150 ตัว
ง. 250 ตวั