เอกสารประกอบการเรยี นการสอน
วิชา ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
เรื่อง
ทักษะการหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างสเปสกับสเปส
และสเปสกับเวลา
โดย
ครูศิริอร คล้ายสกลุ
ครูชานาญการพเิ ศษ
โรงเรยี นเขาทะลพุ ิทยาคม
ทกั ษะการหาความสมั พันธ์ระหวา่ ง
สเปสกบั สเปสและสเปสกบั เวลา
สเปส ( มติ ิ ) หมายถงึ ทวี่ ําง
สเปสของวัตถุ หมายถงึ ที่วํางทีว่ ัตถนุ นั้ ครองท่ีอยูํ ซง่ึ มีลกั ษณะรูปรํางเชํนเดียวกับวัตถุ เชนํ
- สเปสของก๎อนอฐิ คือ ที่วาํ งทก่ี อ๎ นอิฐน้นั ครองอยซํู ง่ึ มรี ปู ราํ งเหมือนก๎อนอิฐ
- สเปสของไขํ คือ ที่วาํ งทไี่ ขํนน้ั ครองอยํูซงึ่ มรี ูปราํ งเหมอื นไขํ
- สเปสของสมดุ คือ ทว่ี าํ งทสี่ มดุ นัน้ ครองอยซูํ ึง่ มรี ูปรํางเหมือนสมุด
การครองที่ของวตั ถุ มี 3 มติ ิ คอื กว๎าง ยาว สงู (หรือหนา)
สง่ิ ทีม่ ี 1 มิติ จะมีความยาว เชํน
1. วัตถทุ มี่ ีความยาว แตมํ ีความกวา๎ งหรือความหนาน๎อยมาก วัตถนุ น้ั มสี เปส 1 มติ ิ เชํน เส๎นลวดทองแดง
มีเสน๎ ผาํ ศูนยก์ ลางนอ๎ ยมาก
ส่ิงที่มี 2 มติ ิ จะมคี วามกว้างและความยาว เชํน
2. วตั ถุที่มคี วามกว๎าง ความยาว แตํความสงู หรอื ความหนาน๎อยมาก วตั ถนุ ั้นมีสเปส 2 มิติ เชํนกระดาษ
ผา๎ ตดั เสอื้ ภาพเขยี นตามฝาผนัง ภาพเขียนในกระดาษ หรอื ภาพเขยี นในแผนํ ผ๎า กระจกเงา แผํนป้ายโฆษณา
เปน็ ตน๎
สิ่งที่มี 3 มิติ จะมคี วามกว้าง ความยาว ความสูง ( หรือหนา ) เชนํ
3. วตั ถทุ ่มี คี วามกว๎าง ความยาว ความสงู หรือความหนาเหน็ ชดั เจน จดั วําวตั ถนุ ัน้ มสี เปสเปน็
3. วัตถทุ มี่ คี วามกว๎าง ความยาว ความสูง หรือความหนาเห็นชดั เจน จัดวาํ วัตถุนั้นมีสเปสเป็น
3 มิติ เชํน ก๎อนอฐิ ขวด กระเปา๋ แก๎วน้า อนุสาวรยี ์
การหาความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกบั เวลา
หาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส ( Using spacel Relationship ) หมายถึง ความสัมพันธ์
ระหวํางต้าแหนํงที่อยูํของวัตถุหนึ่งกับอีกวัตถุหนึ่ง เชํน ความสัมพันธ์ของน้ากับแก๎วท่ีวําง เม่ือเทน้าใสํแก๎ว
น้ามาแทนทีอ่ ากาศในแก๎วได๎หรือการวาดภาพดอกไมจ๎ ากดอกไมจ๎ รงิ ( จาก 3 มติ ิ เปน็ 2 มติ ิ )
หาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา ( Using space/time Relationship )หมายถึง
ความสัมพันธ์ระหวํางการเปลี่ยนต้าแหนํงท่ีอยํูของวัตถุกับเวลา หรือความสัมพันธ์ระหวํางต้าแหนํงของวัตถุท่ี
เปลยี่ นไปกบั เวลาทใี่ ช๎
ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหวํางสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา ก็คือ ความสามารถในการบอก
ความสมั พนั ธ์ของรปู มิติตาํ ง ๆ และขนาด รูปรําง ตา้ แหนํงของวัตถุเมอ่ื เวลาผํานไป
เสน้ สมมาตรและระนาบสมมาตร
เสน้ สมมาตร คอื เส๎นทีล่ ากผํานรูป 2 มิติ โดยถา๎ พับรูป 2 มติ ิ ตามเส๎นท่ีลากผํานนั้นแล๎ว รูปน้ัน
จะซอ๎ นกันสนิท เชนํ
ระบบสมมาตร คือ ระนาบที่แบํงรูป 3 มิติ ออกเป็น 2 สํวน โดยที่น้าสํวนหนึ่งไว๎วางไว๎บนกระจกเงา
แลว๎ ภาพทีเ่ กิดขน้ึ จะเหมือนภาพเดมิ เชํน
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรปู 2 มิติ และรปู 3 มิติ
รูป 2 มิติและรูป 3 มติ ิ มีความสัมพนั ธก์ นั 3 ลักษณะ ดงั นี้
1. รปู 3 มิติ เกิดจากการหมนุ รปู 2 มติ ิ
2. รูป 2 มติ ิ ( เงา )ทเ่ี กดิ จากการฉายไฟผํานรูป 3 มติ ิ
3. รปู 2 มิติ ทเี่ กดิ จากการตดั รปู 3 มิติ
ขนาดและรูปรา่ ง
วตั ถุทรงตําง ๆ จะมขี นาดและรูปรํางเปล่ียนไปจากเดิมเมื่อเวลาเปล่ียนไป เชํน ลูกเหม็น เม่ือตั้งท้ิง
ไว๎นาน ๆ จะมีขนาดกอ๎ นเลก็ ลง รูปราํ งเปลยี่ นไป
ตาแหนง่ และทิศทาง
ต้าแหนํงและทิศทางของวัตถุตําง ๆ ไมํคงท่ีจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ซ่ึงในการสื่อความหมาย
ของต้าแหนํงสิ่งตาํ ง ๆ ต๎องสือ่ ให๎เห็นถงึ ความสมั พนั ธก์ บั สิง่ ของอยาํ งอ่นื เชนํ ตลาดอยทํู ิศใตข๎ องบา๎ น
เงาของเสาธงทอดไปทางทศิ ตะวันออกในเวลาเย็น เป็นตน๎
ระยะทาง ความเร็วและทิศทางการเคลอ่ื นท่ีของสง่ิ ต่าง ๆ
ระยะทาง ความเร็ว และทิศทางการเคล่ือนท่ีจะต๎องเทียบกับสิ่งอ๎างอิง เม่ือส่ิงอ๎างอิงเปลี่ยนแปลง
ระยะทาง ความเร็ว และทิศทางก็เปลี่ยนแปลงไปด๎วย เชํน นายด้าถีบจักรยานผํานสถานีต้ารวจไปทางทิศ
ตะวันออกด๎วยความเร็ว 15 กม./ชม. ความเร็วท่ีนายด้าถีบจักรยานเมื่อเทียบกับสิ่งอ๎างอิงคือสถานีต้ารวจ
ซ่งึ อยํูกบั ท่ีมคี าํ เทํากบั 15 กม./ชม.
ความสัมพันธข์ องสิ่งที่อยหู่ นา้ กระจกกับสงิ่ ที่อย่ใู นกระจก
เม่ือน้าสิ่งของมาวางหน๎ากระจกเงา ภาพของสิ่งท่ีมองเห็นในกระจกกับสิ่งของน้ัน ๆ จะกลับกันจาก
ขวาไปซ๎าย และจากซ๎ายไปขวา เชนํ เด็กถอื ดนิ สอมือขวา ภาพท่ีปรากฏจะถือดนิ สอมือซ๎าย
ประโยชน์ของทักษะการหาความสมั พนั ธ์ระหว่างมติ ิ
1. ชวํ ยในการหาภาพ
2. ชวํ ยในการเขียนแผนท่สี อื่ ความหมาย
3. เปน็ พื้นฐานในการศกึ ษาคน๎ คว๎าทางวิทยาศาสตร์
4. ท้าใหไ๎ ดข๎ ๎อมลู เก่ยี วกับสิง่ แวดลอ๎ มทางกายภาพอยาํ งสมบรู ณ์
5. ชํวยในการบนั ทกึ ข๎อมลู การสงั เกตไดอ๎ ยาํ งถูกต๎อง
6. ชํวยในการมองเหน็ ความสมั พันธข์ องรปู และรปู ทรงตาํ ง ๆ
พฤตกิ รรมทแี่ สดงวา่ เกิดทกั ษะการหาความสัมพันธร์ ะหว่างมติ ิ
1. บอกจา้ นวนมติ ขิ องวตั ถุที่พบเห็นได๎
2. ชบ้ี ํงรปู 2 มิติ และวัตถุ 3 มิติได๎
3. บอกชอ่ื ของรปู และรูปทรงทางเรขาคณิตได๎
4. วาดรูป 2 มิติ จากวัตถุ หรอื รูปทรง 3 มิติได๎
5. บอกความสมั พนั ธ์ระหวาํ งรูป 2 มิติ กบั วตั ถุ 3 มติ ไิ ด๎ ซ่ึงแบํงเปน็
5.1 บอกรปู 3 มติ ทิ เ่ี ห็นเนื่องจากการหมุนรปู 2 มติ ิ
5.2 บอกรปู ทรงของวัตถุ ( 3 มิติ ) ทเ่ี ป็นต๎นก้าเนิดเงา เมอื่ เห็นเงา ( 2 มติ ิ )ของวัตถุ
5.3 บอกเงา ( 2 มติ ิ ) ของวัตถุท่เี กิดขนึ้ เมอ่ื เหน็ วัตถุ ( 3 มิติ )
5.4 บอกรูป ( 2 มิติ ) ท่ีเกดิ จากรอยตัดเมอื่ ตดั วตั ถุ ( 3 มิติ ) ออกเป็น 2 สวํ น
6. บอกตา้ แหนํงหรือทศิ ทางของวตั ถไุ ด๎
7. บอกความสัมพนั ธข์ องสง่ิ ที่อยูํหน๎ากระจกเงาและภาพท่ปี รากฏในกระจกได๎
ใบงานที่ 1
ทักษะการหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างสเปสกบั สเปสและสเปสกบั เวลา
ช่อื ....................................................................... ชน้ั ..................................เลขที่................................
คาช้ีแจง ให๎นักเรยี นดคู ้าศพั ทด์ า๎ นซ๎ายมือแล๎วเขียนบอกลักษณะวาํ เปน็
1 มิติ, 2 มติ ,ิ หรือ 3 มิติ
ตวั อยาํ ง ปากกา ……………3 มติ ิ…………………………
1. รูปถาํ ย ………………………………………
2. แกว๎ น้า ………………………………………
3. ตวั หนังสือ ………………………………………
4. ขวด ………………………………………
5. จาน ………………………………………
6. โทรศัพท์มือถอื ………………………………………
7. แสตมป์ ………………………………………
8. แผนํ สติกเกอร์ ………………………………………
9. กระดานด้า ………………………………………
10. หนงั สือ ………………………………………
11. รบิ บิน้ ………………………………………
12. ไม๎จม้ิ ฟัน ………………………………………
13. ผ๎ามาํ น ………………………………………
14. ลกู ฟตุ บอล ………………………………………
15. กระดาษ A4 ………………………………………
ใบงานท่ี 2
ทักษะการหาความสมั พันธร์ ะหว่างสเปสกบั สเปสและสเปสกบั เวลา
ชื่อ....................................................................... ชัน้ ..................................เลขท.่ี ...............................
คาช้แี จง : จงดูรปู ภาพตํอไปน้ี แลว๎ เขียนค้าตอบลงในชํองวํางวาํ เป็นก่มี ติ ิ
2. 3. 4.
1.
5. 7.
6. 9. 10.
8.
ค้าทใ่ี ช๎เขยี นเติมในชอํ งวําง 1 มติ ิ 2 มติ ิ 3 มิติ
รปู ที่ 1 ................................. รปู ท่ี 6 ................................
รูปท่ี 2 .................................. รปู ที่ 7 ................................
รปู ที่ 3 ................................... รปู ที่ 8 ................................
รูปที่ 4 ................................. รปู ที่ 9 ................................
รูปที่ 5 .................................. รปู ที่ 10 ................................
ใบงานท่ี 3
ทกั ษะการหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปสกบั สเปสและสเปสกบั เวลา
ชอ่ื ....................................................................... ชนั้ ..................................เลขท่ี................................
คาชแี้ จง จงลากเสน๎ สมมาตรจากภาพท่ีก้าหนดให๎
1. มีเสน๎ สมมาตร เสน๎
2. มเี ส๎นสมมาตร เสน๎
3. มเี สน๎ สมมาตร เสน๎
4. มเี สน๎ สมมาตร เสน๎
5. มีเส๎นสมมาตร เส๎น
แบบทดสอบ
ทักษะการหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปสกบั สเปสและสเปสกับเวลา
คาชีแ้ จง จงเลือกค้าตอบถกู ตอ๎ งทีส่ ดุ เพียงข๎อเดียว
1. สเปส หมายถึงอะไร
ก. ขนาดของวัตถุ
ข. ที่วาํ งทวี่ ัตถคุ รองท่ี
ค. ลักษณะของวตั ถุ
ง. ชอํ งวํางระหวาํ งวตั ถุ
2. รูปนม้ี ชี อื่ วาํ อะไร
ก. หนา๎ ตัด
ข. ปรซิ มึ
ค. หกเหลีย่ ม
ง. หลายเหล่ยี ม
3. หน๎าตดั ทเ่ี กดิ จากการตัดรูปตํอไปนเี้ ป็นรูปอะไร
ก. สเ่ี หล่ียมรปู วาํ ว
ข. สเ่ี หลย่ี มขนมเปียกปนู
ค. สี่เหล่ียมดา๎ นขนาน
ง. สเ่ี หลี่ยมผืนผา๎
4. จากรปู ถา๎ ตดั ตามเสน๎ ประ หนา๎ ตดั ที่ไดจ๎ ะเปน็ รปู ใด
ก. วงรี
ข. วงกลม
ค. สเ่ี หล่ยี ม
ง. ไมํสามารถสรปุ ได๎
5. รูปปริซึมนมี้ ีด๎านข๎างก่ีดา๎ น
ก. 5 ดา๎ น
ข. 6 ด๎าน
ค. 8 ด๎าน
ง. 10 ด๎าน
6. ขอ๎ ใดเป็นภาพ 3 มติ ิ
ก.
ข.
ค.
ง.
7. รปู ทรงกระบอกมีระนาบสมมาตรกร่ี ะนาบ
ก. 2 ระนาบ
ข. 4 ระนาบ
ค. 6 ระนาบ
ง. 8 ระนาบ
8. ถ๎าหมนุ วงรรี อบ ๆ แกนไมอ๎ ยํางรวดเร็ว จะเห็นเป็นรปู ทรงใด
ก. ทรงกลม
ข. ทรงรี
ค. ทรงเหลย่ี ม
ง. ทรงกระบอก
9. รปู ส่เี หล่ยี มจตั ุรสั มีเส๎นสมมาตรกี่เสน๎
ก. 2 เสน๎
ข. 4 เสน๎
ค. 6 เส๎น
ง. 8 เสน๎
10. สิ่งของในข๎อใดมี 2 มิติ
ก. โทรศพั ท์มอื ถือ
ข. ดนิ สอ
ค. ยางลบ
ง. กระดาษ