โครงงานวิทยาศาสตร์ผ้าพิมพ์สีธรรมชาติ ผู้จัดท า ภูรินทร์ เกษมสุข 8 ม.3/2 วรากร ประเสริฐบูรณะกุล 12 ม.3/2 กรชัย มีแสง 14 ม.3/2 กฤษกร ศรีประยูร 18 ม.3/2 ภควตัเรืองกรแกว้28 ม.3/2 กรัณย์พล มาหาร 29 ม.3/2 ครูที่ปรึกษา คุณครู สุมามาลย์ ศิลปะพิบูลย์ นางสาว พวงประภา ศรีจันทร์ โรงเรียนแสงอรุณ ส านักงานคณะกรรมการศึกษาเอกชน ธนบุรี กรุงเทพมหานคร
โครงงานวิทยาศาสตร์ผ้าพิมพ์สีธรรมชาติ ผู้จัดท า ภูรินทร์ เกษมสุข 8 ม.3/2 วรากร ประเสริฐบูรณะกุล 12 ม.3/2 กรชัย มีแสง 14 ม.3/2 กฤษกร ศรีประยูร 18 ม.3/2 ภควัต เรืองกรแกว้ 28 ม.3/2 กรัณย์พล มาหาร 29 ม.3/2 ครูที่ปรึกษา คุณครู สุมามาลย์ ศิลปะพิบูลย์ นางสาว พวงประภา ศรีจันทร์ โรงเรียนแสงอรุณ ส านักงานคณะกรรมการศึกษาเอกชน ธนบุรี กรุงเทพมหานคร
ก บทคดัยอ่ ผ้าพิมพ์สีธรรมชาติเป็ นผลิตพันธ์ที่น าพืชมาพิมพ์ลงบนผ้าให้มีลวดลายที่สวยงามตามลายพืช ที่ใชเ ้ พื่อเป็ นทางเลือกในการลดค่าใชจ ้่ายและช่วยลดโลกร ้ อน โดยศึกษาวิธีการทา ผา ้ พิมพส์ีธรรมชาติดว ้ ย การใชส้ ารละลายที่มีความเป็ นกรดมาแช่พืชที่ใชเ ้ พื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคายสีของพืชที่ใช้พิมพ์ โดยทา การทดลอง 2ข้นัตอน 1. นา พืชไปแช่ในสารละลายที่มีความเป็ นกรด ph=5แช่ไว ้ 30 นาทีเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคาย สีของพืช 2.แช่เสร ็ จนา พืชไปพิมพล์งบนผา ้ เพื่อให้ผ้ามีลวดลายตามพืชที่น ามาพิมพ์
ข กิตติกรรมประกาศ รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ผา ้ พิมพส์ีธรรมชาติสามารถทา สา เร ็ จลุล่วงไดด ้ีโดยไดร ้ับ ค าปรึกษาแนะน าจาก คุณครู สุมามาลย์ ศิลปะพิบูลย์ และ นางสาว พวงประภา ศรีจันทร์ และได้รับความ อนุเคราะห์จากผปู้ กครองที่ใหก ้ ารสนบัสนุนในการทา งานเป็ นอยา่งดีผู้จัดท าจึงขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสน้ี คณะผู้จัดท า
ค ค ำน ำ รายงานน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์กบัคุณภาพชีวิต จัดท าเพื่อศึกษาสืบค้น และด าเนินการโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยตัวผู้เรียนเอง ผ้าพิมพ์สีธรรมชาติเป็ นการน าพืช มาพิมพล์งบนผา ้ เพื่อ ช่วยเรื่องค่าใชจ ้่ายและไม่เป็ นการทา ลายธรรมชาติจึงไดศ้ึกษาข้นัตอนการทา ผา ้ พิมพ์สีธรรมชาติ โดยน าพืชมาพิมพ์ลงบนผ้าเพื่อให้ผ้ามีลวดลายตามพืชที่นา มาพิมพแ์ละเพิ่ม ประสิทธิภาพการคายสีของพืช โดยนา สารละลายที่มีความเป็ นกรดมาแช่พืช กลุ่มของขา ้ พเจา ้ หวงัเป็ นอยา่งยงิ่วา่ โครงงานเล่มน้ีจะอา นวยประโยชน์ในการเป็ นตวัอยา่งและจะมีผนู้ า ไป ต่อยอดในการพฒันาผา ้ พิมพส์ีธรรมชาติต่อไป คณะผู้จัดท า
สำรบัญ เรื่อง หน้า บทคดัยอ่ ก กิตติกรรมประกาศ ข ค าน า ค สารบัญ ง บทที่ 1. บทน า 1 ที่มาและความส าคัญ 1 วัตถุประสงค์ 2 ขอบเขตการศึกษา 2 สมมุติฐาน 2 ตวัแปรที่เกี่ยวขอ ้ ง 3 นิยามศัพท์เฉพาะ 3 บทที่2 เอกสาร 4 ผ้าพิมพ์สีธรรมชาติคือ 4 วิธีการท าผ้าพิมพ์จากภูมิปัญญาชาวบ้าน 4 คุณสมบตัิสารละลาย น้า สนิม น้า มะนาว น้า ส้ มสายชู 5 งานวิจยัของรองศาสตราจารย์ดอ ็ กเตอร์ทิพาพร พิมพิสุทธ์ิ 5-8 ดอกอัญชัน ใบฝ้ายแดงแห้ง ใบหม่อน 9-10
สารส้ม 10 ค่าPH 10 บทที่3 11 วัสดุอุปกรณ์การท าผ้าพิมพ์ 11 สารเคมี 11 อุปกรณ์ทา น้า สนิม 12 ข้นัตอนเตรียมผา ้ฝ้ าย 12 ข้นัตอนทา น้า สนิม 12 ข้นัตอนทา ผา ้ พิมพ ์ 13 บทที่ 4 ( บันทึกผลการทดลอง ) 14 บทที่ 5 ( อภิปรายผลการการทดลอง สรุปผล ข้อเสนอแนะ ) 15 อภิปรายผลการทดลอง 15 สรุปผลการทดลอง 16 ข้อเสนอแนะ 16 ภาคผนวก 17 อุปกรณ์และสารเคมี 17-18 ข้นัตอนการทา ผา ้ พิมพ ์ 19-23 บรรณานุกรม 24-25
1 บทที่1 บทน ำ 1.1 //ที่มำและควำมส ำคัญ ในปัจจุบนัการพิมพผ์า ้สมยัน้ีมีลกัษณะที่แตกต่างกนัออกไปการพิมพเ์ป็ น การมดัผกูเยบ ็ หนีบ หรือเป็ นการกนัสีในส่วนใดส่วนหน่ึงของผา ้ ที่ผยู้ อ ้ มไม่ตอ ้ งการใหเ ้ กิดสีที่ยอ ้ มในโดยคร้ังน้นัๆจึงดู รายการปัญญา ตลาดแตกและอ่านงานวิจยัของรองศาสตราจารย์ดอ ็ กเตอร์ทิพาพร พิมพิสูทธ์ิและเกิด ไอเดียที่จะพฒันาศึกษาต่อโดยทา จากในข้นัตอนแรกของการยอ ้ ม ผา ้ น้นัอาจเกิดปัญหาสีไม่ติดผา ้ หรืออาจ ไม่ทวั่ถึงช่ึงอาจเป็ นเพราะเส้ นใยไม่เหมือนกนัจงทา ใหส้ีออกมาน้นัไม่เป็ นไปตามที่ตอ ้ งการชนิดของผา ้ น้นัแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท 1. เส้นใยตามธรรมชาติ 2. เส้นใยสังเคราะห์ ข้นัตอนที่สองชนิดของสารที่พืชถูกแช่แขง ็ไวใ้ นสารที่เป็ นกรดเป็ นเวลายาวนานจะคายสีออกมา มากเกินไปในเน้ือผา ้ จึงทา ใหส้ีผา ้ไม่มีความสวยงาม จากเหตุผลที่กล่าวมาคณะผจู้ ดัจึงมีแนวคิดที่จะศึกษาสารละลายที่จะทดแทนน้า สนิมเหลก ็ในการ เปรียบเทียบการคายสีของใบพืชในการพิมพผ์า ้ ดงัน้นัคณะผจู้ ดัทา จึงทา โครงงานเรื่องผา ้ พิมพ์จากPlant based เพื่อเปรียบเทียบสีจากใบพืชที่ติดบนผา ้ เพื่อเทียบเท่ากบัน้า สนิมเหลก ็
2 1.2//วตัถุประสงค ์ 1.2.1 เพื่อศึกษา การคายสีของสารละลาย น้า สนิม น้า มะนาว น้า ส้ มสายชูทา ใหใ้ บพืชคายสีได ้ 1.2.2 เพื่อเปรียบเทียบ น้า สนิมเหลก ็ กบัสารละลาย น้า สนิม น้า มะนาว น้า ส้ มสายชูสามารถทา ให ้ พืชคายสีได้ 1..2.3 เพื่อศึกษาการพิมพ์ภาพจากใบไม้ 1.2.4 เพื่อฝึ กทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1.3 ขอบเขตกำรศึกษำ ใครงงานเรื่อง ผ้าพิมพ์จาก Plant based ไดก ้ า หนดขอบเขตของการศึกษา ดงัน้ี -- ประชากร/กลุ่มตวัอยา่งคือ สารละลาย น้า สนิม น้า มะนาว น้า ส้ มสายชูผา ้ มสัลิน/ฝ้ ายใบอญัชนั -- ระยะเวลาที่ใช้ในการท างาน 1ปี การศึกษา 2565 -- สถานที่ที่ใช้ในการศึกษา คือ ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ โรงเรียนแสงอรุณ 1.4 สมมติฐำน น้า สนิม น้า มะนาว น้า ส้ มสายชูพิมพส์ีผา ้ แตกต่างกนัดงัน้นัการติดสีของภาพพิมพแ์ตกต่างกนั
3 1.5 ตัวแปรกำรศึกษำ ตัวแปรต้น ชนิดของสารละลาย น้า สนิม น้า มะนาว น้า ส้ มสายชู ตัวแปรตาม สีของผ้าพิมพ์ที่ได้จากใบอัญชัน ตัวแปรควบคุม ปริมาณความเขม ้ ขน ้ ของสารลายระยะเวลาในการแช่ขนาดภาชนะที่ใชแ ้ ช่ 1.6 นิยำมเชิงปฏิบัติกำร -- การพิมพผ์า ้ หมายถึงการนา ใบพืชมาวางบนผา ้ แลว ้ นา ไปน่ึงจะไดส้ีของใบพืชที่จะติดอยใู่นผา ้ -- สีผา ้ พิมพ์หมายถึง สีจากใบพืชที่ติดบนเน้ือผา ้ -- สเกลสี หมายถึง ตวัวดัความเขม ้ และอ่อนของสีใบพืช
4 บทที่ 2 เอกสำรอ้ำงอิง ในการศึกษาโครงงาน เรื่องภาพพิมพ์จากPlant Based คณะผจู้ ดัทา ไดท ้ า ไดท ้ า การศึกษาคน ้ ควา ้ แนวความคิดทฤษฎีและผลงานวิจยัที่เกี่ยวขอ ้ งเพื่อเป็ น แนวทางในการทา โครงงานคร้ังน้ีโดยมีประเดน ็ ที่เป็ นสาระสา คญั ในการศึกษาดงัน้ี 2.1 ผ้ำพิมพ์สีธรรมชำติคือ 2.2วธิีกำรท ำผ้ำพมิพ ์ จำกภูมิปัญญำชำวบ้ำน 2.3 คุณสมบัติสำรละลำย น ำ้สนิม น ้ำมะนำว น ้ำส้มสำยชู 2.4งำนวจิัยของรองศำสตรำจำรย ์ ดอ็กเตอร ์ ทิพำพร พมิพสิุทธ์ิ 2.5 ค่ำ PH ของสำร 2.1 ผ้ำพิมพ์สีธรรมชำติคือ การใช้สีธรรมชาติในการออกแบบลวดลายปลอดภัยจากสารเคมีและยังมี เอกลกัษณ์เฉพาะตวัโดยกรรมวิธีกวา่จะไดผ ้ า ้สีสนัสวยๆจะตอ ้ งผา่นวิธีการน่ึงและใชร ้ ะยะเวลากวา่ 2-3วัน ถึงจะส าเร็จออกมาเป็ นผ้าที่มีลวดลายสวยและปลอดภัย 2.2 วธิีกำรท ำผ้ำพมิพ ์ จำกภูมิปัญญำชำวบ้ำน การพิมพผ์า ้ จากธรรมชาติใชผ ้ า ้ หรือวสัดุธรรมชาติเท่าน้นั เช่น กระดาษ หนงัสตัวผ์า ้ ทอจากฝ้ ายผา ้ไหม จะทา ใหต ้ิดสีจากธรรมชาติไดด ้ีมีสีสวยงาม ชดัเจน โดยใน ข้นัแรกผา ้ ที่จะใชต ้ อ ้ งนา มาซกัใหส้ ะอาดก่อน แลว ้ นา มาตม ้ในน้า สารส้ มพอเดือดรุมๆ 1 ชวั่โมง หรือแช่ น้า สารส้ มที่ร ้ อนพอเดือดแลว ้ ยกลงกไ็ ด ้ ทิ้งใหเ ้ ยน ็ แลว ้ นา มาพิมพส์ีธรรมชาติแช่ใบไมใ้ นน้า สนิมเหลก ็ เจือ จาง 30 นาที ถึง 1 ชวั่โมง เพื่อใหเ ้ กิดปฏิกิริยาทางเคมีต่อใบไม ้ เหมือนเป็ นการดูดสีหรือใหใ้ บไมด ้ อกไม ้ คายสีออกมาใหม ้ ากที่สุด ทิ้งใหห ้ มาดๆ นา มาวางบนผา ้ มว ้ นดว ้ ยไมใ้ หแ ้ น่น มดัเชือกพอแน่น นา ไปตม ้ หรือนึ่ง นาน 1-2 ชวั่โมงแกะผา ้ นา ใบไมแ ้ ละดอกไมท ้ ี่วางบนผา ้ ออก ซกัดว ้ ยน้า เปล่า ตากในที่ร่ม
5 2.3 คุณสมบัติสำรละลำย น ำ้สนิม น ้ำมะนำว น ้ำส้มสำยชู น ้ำสนิม มีคุณสมบตัิเช่น สีที่เปลี่ยนไป มีความแขง ็ แรงลดลงและทา ใหเ ้ กิดการผกุร่อน น ้ำมะนำว เป็ นพืชชนิดหน่ึงผลมีรสเปร้ียวจดัจดัอยใู่นสกุลส้ม (Citrus) ผลสีเขียว เมื่อสุกจัดจะเป็ นสี เหลือง เปลือกบาง ภายในมีเน้ือแบ่งเป็ นกลีบ ๆ ชุ่มน้า มาก นบัเป็ นผลไมท ้ี่มีคุณค่า นิยมใชเ ้ป็ นเครื่องปรุง รส น ำ้ส้มสำยชู เป็ นของเหลวที่ไดจ ้ ากกระบวนการหมกัมีองคป์ระกอบหลกัคือกรดน้า ส้ ม (กรดอะซิติก) น้า ส้ มสายชูทวั่ ไปมีความเขม ้ ขน ้ ของกรดต้งัแต่4% ถึง 8% โดยปริมาณ[1]และอาจสูงถึง 18% หากเป็ น น้า ส้ มสายชูที่ไดจ ้ ากการดอง น้า ส้ มสายชูหมกัโดยธรรมชาติยังมีกรดชนิดอื่น ๆ ในปริมาณเล็กน้อย เช่น กรดทาร์ทาริกและกรดซิตริก มนุษยร์ู้ จกัการผลิตและใชน ้ ้า ส้ มสายชูมาต้งัแต่สมยัโบราณ น้า ส้ มสายชูเป็ นองคป์ระกอบสา คญัของอาหารยโุรป อาหารเอเชียและตา รับอาหารอื่น ๆ และยงัสามารถ นา มากา จดัคราบไดอ ้ีกดว ้ ย 2.4 งำนวจิัยของรองศำสตรำจำรย ์ ดอ็กเตอร ์ ทิพำพร พมิพสิุทธ์ิ คนมีความสุขที่ไดส้ ร ้ างผลงานจากใบไมด ้ อกไม…้ ใบไมย ้ มิ้ ไดเ ้ พราะคนเห ็ นคุณค่า…ดอกไมม ้ี ความสุขเพราะไดย ้ ดืเวลาของสีสนัแห่งความสวยใหอ ้ ยยู่นืยาว”คือการถ่ายทอดความงามจากธรรมชาติสู่ ความสวยงามบนผืนผ้า
6 ผลงานที่น่าภาคภูมใจผา ้ พิมพล์ายจากสีธรรมชาติของอาจารยท์ ิพาพร ผ้าพิมพ์สีธรรมชาติ Sela Eco Printing เป็ นงานวิจัยเชิงนวัตกรรมรักษ์โลก โดย รองศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ทิพาพร พิมพิสุทธ์ิที่บา ้ นไร่ไมง ้ าม อา เภอเมืองจงัหวดัตากเป็ นงานปลายน้า หลงัจากที่เกษียณ จากงานสอนวิจยัในมหาวิทยาลยัผา ้ พิมพส์ีธรรมชาติด้งัเดิมเป็ นองคค์วามรู้ ตะวนัตกเริ่มพฒันาจาก ประเทศออสเตรเลียเป็ นผลิตภณัฑร์ักษส์ ิ่งแวดลอ ้ ม รักษโ์ลกไม่ใชส้ ารเคมีเมื่อนา ใบไมห ้ ลากชนิดวางลง บนตวัเน้ือผา ้ ผา่นกระบวนการทางธรรมชาติกจ ็ ะไดผ ้ ลิตภณัฑผ์า ้สีหลากชนิดไม่ซ้า กนัเสมือนเป็ นหน่ึง เดียวของผลิตภณัฑใ์นกระบวนการผลิตแต่ละคร้ัง เนื่องจากธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตาม ฤดูกาลและสภาวะแวดลอ ้ ม ส่งผลใหส้ีสนั ในใบไมแ ้ ต่ละใบทรงคุณค่าและสวยงามตามธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ผ้าพิมพ์สีธรรมชาติ เชื่อมโยงกบัวิถีธรรมชาติง่ายต่อการบา รุงรักษา ประหยดัพลงังานและ ต้นทุนในการดูแล ผลิตภัณฑ์ผ้าสีธรรมชาติจึงเป็ นสัญลักษณ์ของการรักษาความสมดุลของธรรมชาติและ ยงัสร ้ างศิลปะแฟชนั่ที่ใหท ้ ้งัคุณค่าและราคา สีจากใบตน ้ สักจะใหส้ีชมพู่อมม่วงที่สวยงาม ผลผลิตของผ้าพิมพ์สีธรรมชาติไม่ใชส้ ารเคมีใชส้ ารจากธรรมชาติที่ไม่มีผลกระทบต่อ สิ่งแวดลอ ้ ม เช่น ข้ีเถา ้ เกลือ สารส้ ม ใบไม ้ เปลือกไม ้ รากไม ้สีใบไมด ้ อกไมบ ้ นผนืผา ้สวยงามตาม ธรรมชาติและมีเอกลกัษณ์จึงใชช ้่วงเวลาหลงัเกษียณ ศึกษาวิจยัผสมผสาน องคค์วามรู้ ตะวนัตกและ ตะวันออกประมาณ 1 ปี และท าการวิจัยตลาดผู้รักษ์ธรรมชาติอีกประมาณ 1 ปีผา ้ พิมพส์ีธรรมชาติบา ้ นไร่ ไมง ้ าม มีเอกลกัษณ์เฉพาะผลิตจากทุนธรรมชาติที่มีในบา ้ นสวนธรรมรักษาและไร่พอเพียงที่ปลูกตน ้ ไม ้ เป็ นป่าธรรมชาติอยใู่นเน้ือที่ประมาณ 9 ไร่คา วา่ Sela เป็ นชื่อ brand ออกเสียง เสละแปลวา่ ใบไม้ เป็ น ภาษาปกากะญอ ผ้าพิมพ์สีธรรมชาติเป็ นงานศิลปะที่สวยงามท าจากสีของใบไม้และดอกไม้ที่ออกแบบ ลายต่างๆ บนผนืผา ้ ธรรมชาติสามารถทา เพื่อใชส้ ่วนตวัเป็ นอาชีพหลกัของคนรุ่นใหม่หรืออาชีพเสริม หลงัเกษียณอายไุดเ ้ป็ นอยา่งดี รูปทรงของใบไมด ้ อกไมถ ้่ายทอดความเป็ นลวดลายและให้สีสันที่สวยงาม
7 อาจารย์สนใจที่จะพิมพ์ผ้าจากใบไม้สดและดอกไม้สด “ใช่ค่ะ…ประเดน ็ แรกผลงานน้ีเป็ นความรักและผกูพนักบัธรรมชาติส่วนตวัชอบใชผ ้ า ้ ธรรมชาติ สวมใส่สบายเป็ นประสบการณ์ขอบชีวิตตน ้ น้า ที่เกิดจากการทา โครงการรณรงคเ์พื่อสงัคมและ สิ่งแวดลอ ้ มช่วงเป็ นอาจารย์ทา โครงการโลกสวยดว ้ ยมือเราสู่ชนบทและโครงการรักเรารักษโ์ลกรณรงค์ ใหเ ้ ดก ็ และเยาวชน อนุรักษธ์รรมชาติและสิ่งแวดลอ ้ มในโรงเรียนกรมสามญัศึกษาทวั่ประเทศไทยเมื่อ30 ปีที่ผา่นมา ประการต่อมาไดน ้ า ประสบการณ์ในการปลูกป่ามาปลูกตน ้ ไมด ้ อกไมเ ้ป็ นป่าธรรมชาติในเมือง เพื่อเป็ นที่อยอู่าศยัหลงัหยดุสอนหนงัสือ ประการต่อมา สงัเกตเห ็ นวา่ ในสวนป่ามีใบไม้มากมาย ท าปุ๋ ย ตามธรรมชาติไดท ้ ้งัปีอยา่งพอเพียง ใบไมท ้ี่เหลือจะทา อะไรดีจึงไดศ้ึกษาวิจยังานผลิตภณัฑธ์รรมชาติจาก ต่างประเทศในเรื่องการนา ใบไมด ้ อกไมม ้ าทา ลายพิมพส์ีบนผนืผา ้” ความสวยของผา ้ คลุมไหล่ที่มาจากผา ้ฝ้ ายและผา ้ไหมพิมพล์ายธรรมชาติ อาจารยไ์ดท ้ า การวิจยัก่อนที่จะไดผ ้ ลงานที่ใหส้ีสดสวยงาม “งานวิจยัเป็ นกระบวนการเบ้ืองตน ้ ที่สา คญั”กระบวนการผลิตผา ้ พิมพส์ีธรรมชาติใชอ ้ งคค์วามรู้ ท้งัศาสตร์และศิลปะผสู้ นใจในการทา ผา ้สีจากธรรมชาติตอ ้ งสนใจศึกษาองคค์วามรู้ ทางวิทยาศาสตร์ เบ้ืองตน ้ จะทา ใหเ ้ ขา ้ใจเกี่ยวกบัสารที่เป็ นสื่อในการจบัสีหรือที่เรียกกนัวา่ โมเดิร์น (Mordant) และสารช่วย เปลี่ยนสีหรือโมดิไฟเออร์ (modifier) เพื่อช่วยในการทา ใหส้ีใบไมต ้ิดทนนาน ตลอดจนความเป็ นกรดและ ด่างที่มีผลต่อสีธรรมชาติที่พิมพล์งบนผืนผา ้ ผา ้ แต่ละชนิดจะรองรับสีจากธรรมชาติที่แตกต่างกนัแมว ้ า่สี น้นัจะมาจากใบไมช ้ นิดพนัธุ์เดียวกนัก ็ ตาม อาจารย์ทิพาพรและผืนผ้าที่พิมพ์ลายจากใบยูคาลิปตัส งานวิจัยจะอธิบายความลับภายในใบไม้ และดอกไมท ้ี่เราเกบ ็ มาใช ้สีเขียวของใบไมท ้ี่มองเห ็ นดว ้ ยตา เมื่อนา มาทดลองศึกษาผา่นกระบวนการวิจยั แลว ้ จะพบวา่ ใบไมแ ้ ต่ละใบซ่อนอาหารไวม ้ ากมาย ดงัน้นั ใบตะขบสีเขียวอ่อนเมื่อนา มาพิมพล์งบนผนืผา ้ จะไดส้ีเหลืองส้ มสวยงามมากใบสกัจะใหส้ีม่วงชมพูใบสกัทองจะสวยงามกวา่ ใบสกัธรรมดาทวั่ ไป มะฮอกกานีสีเขียวสดใส แต่สีที่ออกมาจากกระบวนการพิมพเ์ป็ นสีน้า ตาลเขม ้ สวยงาม เป็นต้นใบไม้หรือ
8 เปลือกไมแ ้ ต่ละชนิดมีสารบางอยา่งที่ทา ใหเ ้ กิดสีแตกต่างกนัดงักล่าวมาไมฝ้ างนอกจากเป็ นสมุนไพร บา รุงเลือดและหวัใจยงัใหส้ีจากน้า ยอ ้ มฝาง ทา ใหส้ีผา ้ ที่ยอ ้ มสดใสมากออกสีเหลืองเขม ้ สร ้ างเสน่ห์และ คุณค่าบนผนืผา ้ ใบยคูาลิปตสัคุณค่าแห่งแทนนิน เนื่องจากใบยคูาลิปตสัมีสดัส่วนแทนนินสูงซ่ึงเป็ นที่เกบ ็ อาหารและสะสมเม็ดสีเป็ นจ านวนมาก จะให้สีที่เข้มข้น หลากหลายตามสายพันธุ์และให้โครงสร้าง ชดัเจนบนผนืผา ้ ธรรมชาติอยา่งคาดไม่ถึงการเขา ้ใจหลกัธรรมชาติจึงเป็ นหวัใจสา คญัของผทู้ า ผา ้ พิมพส์ี ธรรมชาติงานวิจยัคือสะพานเชื่อมโยงความรู้ วิทยาศาสตร์สู่งานศิลปะที่งดงามตามธรรมชาติ
9 อัญชัน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Clitoria ternatea L.) เป็ นไมเ ้ ล้ือยลา ตน ้ มีขนนุ่ม มีถิ่นกา เนิดในอเมริกาใต ้ ปลูกไดท ้ วั่ ไปในเขตร ้ อน มีชื่อพ้ืนเมืองอื่นอีกคือแดงชนั (เชียงใหม่), เอ้ืองชนั , เองชัญ[1] เมื่อค้นัเอาน้า ออก มาแลว ้ จะไดเ ้ป็ นสีม่วง น้า เงิน สีของมนัสามารถนา มาทา ประโยชน์ไดห ้ ลากหลายเช่น ประกอบอาหาร ทา การมดัยอ ้ มผา ้โดยใชส้ีของอญัชนัมายอ ้ ม เป็ นตน ้ และอยา่งอื่นมากมาย ใบฝ้ำยแดงแห้ง มีรายงานผลการศึกษาวิจยัทางเภสชัวิทยาของฝ้ ายแดงระบุไวว ้ า่ ฤทธ์ิระงบั ปวดและตา ้ นการอกัเสบ มีรายงานผลการศึกษาวิจยัฤทธ์ิระงบั ปวด และตา ้ นการอกัเสบ ของสารสกดัใบของฝ้ ายแดง (Gossypium arboreum) ในสตัวท์ดลองโดยใชส้ ารสกดัเอทานอลจากใบฝ้ าย แดง (Gossypium arboretum) มาทดสอบเพื่อประเมินศักยภาพของสารต้านอนุมูลอิสระโดยวิธี DPPH radical scavenging assay เมื่อประเมินฤทธ์ิตา ้ นการอกัเสบและแกป้ วดโดยใชอ ้ าการบวมน้า ที่อุง ้ เทา ้ หนูที่ เกิดจากการเหนี่ยวนา ดว ้ ยคาราจีแนน โดยพบวา่สารเอทานอลของใบฝ้ ายแดงแสดงใหเ ้ ห ็ นวา่มีฤทธ์ิระงบั ปวด และต้านการอักเสบ ในสัตว์ทดลองเนื่องจากมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ โดยสามารถยับยังอาการ บวมน้า ที่อุง ้ เทา ้ ของหนูที่เกิดจากคาราจีแนนได ้ ต้งัแต่30 นาทีเป็ นตน ้ ไป ซ่ึงจากการศึกษาน้ีสรุปไดว ้ า่ สารสกดัเอทานอลของฝ้ ายแดง (Gossypium arboreum) มีฤทธ์ิระงบั ปวด และตา ้ นการอกัเสบได้ นอกจากน้ียงัมีการระบุถึงฤทธ์ิทางเภสชัวิทยาอื่นๆ ของฝ้ ายแดงอีกวา่มีฤทธ์ิตา ้ นแบคทีเรียแกรม บวกเช่น Bacilus subtillis และ Staphylococcus aureus รวมถึงแบคทีเรียแกรมลบ เช่น Escherichia coli และ Paeudomonas aeruginosa และ ยีสต์ Candida albicans ส่วนในการศึกษาอื่นพบวา่สารสกดัน้า ของใบ และเมลด ็ พืชแสดงใหเ ้ ห ็ นฤทธ์ิตา ้ นแบคทีเรีย Bacilus subtilis, Escherichia coli, Micrococcus flavus, Pseudomonas aeruginosa และ Staphylococcus aureus เป็ นต้น
10 ใบหม่อน (Mulberry Leaves) เป็ นพืชที่มาจากประเทศจีน ในประเทศไทยนิยมปลูกกนัมากทางภาคเหนือและ ภาคตะวนัออกเฉียงเหนือโดยมีลกัษณะเป็ นไมพ ้ มุ่ขนาดกลาง สูงประมาณ 2-7 เมตร ที่นิยมปลูกมี 2 ชนิด คือ หม่อนที่ใชร ้ับประทานผลผลสุกจะเป็ นสีดา รสเปร้ียวอมหวาน และหม่อนที่ใชเ ้ ล้ียงตวัไหม จะมีใบ ใหญ่ส่วนผลมีรสเปร้ียวจดั สำรส้ม หรือ อะลัม (อังกฤษ: alum แอลัม) คือสารประกอบ ไฮเดรตเต็ดโพแทสเซียมอะลูมิเนียมซัลเฟต (โพแทสเซียมอะลมั) สูตรเคมีวา่ KAl(SO4)2.12H2O หรือหมายถึงกลุ่มของสารประกอบอื่น ๆ ในสูตร AB(SO4)2.12H2O ซ่ึงถูกเรียกวา่สารสม ้ เช่นกนั ค่ำ pH คือการวัดความเข้มข้นของไฮโดรเจนไอออนซึ่งเป็ นการวัดความป็ นกรด-ด่างหรือเบสของสารละลาย ของเหลวหรือน้า โดยที่ระดบัพีเอช มกัจะอยใู่นช่วง 0ถึง 14โดยของเหลวที่มีค่าพีเอช นอ ้ ยกวา่7จะมี สภาพเป็ นกรด ของเหลวหรือน้า ที่มีค่าพีเอช มากกวา่7จะเป็ นด่างหรือเบส ส่วนระดบัค่าพีเอช ที่7.0 หมายถึง “เป็ นกลาง”โดยมีความเป็ นไปไดถ ้ า ้ ของเหลวมีความเป็ นกรดรุนแรงจะมีค่าพีเอช ที่ต่า กวา่0 และถา ้ ของเหลวมีความเป็ นด่างสูงจะมีค่าพีเอช ที่มากกวา่14 1) pH มีค่า 7 หมายความวา่มีความเป็ นกลาง (natural pH) 2) pH มีค่าต่า กวา่7แสดงความเป็ นกรด (acidic pH) 3) pH มีค่าสูงกวา่7แสดงความเป็ นเบสหรือด่าง (alkaline pH)
11 บทที่3 กำรท ำผ้ำพิมพ์ วสัดุอุปกรณ ์ กำรท ำผ้ำพมิพ ์ 1.ผ้าฝ้าย ขนาด 20*20 cm 3ผืน 2.เชือกฟางยาว 60 cm. สองเส้น 3.แผน่พลาสติกใส ขนาด20*20 cm 3แผน่ 4.ดอกอัญชัน 12 ดอก 5.หม้อต้มอลูมิเนียมขนาด 26 cm. 6.ชามเซรามิก ขนาด 15 cm. 3ใบหรือกล่องพลาสติกขนาด 840ml. 3ใบ 7.ใบฝ้ายแดงแห้ง 12ใบ 8.ใบหม่อน 12ใบ สำรเคมี 1.น้า 4ลิตร 2.น้า สนิม 600 ml. 3.มะนาว 600 ml. 4.น้า ส้ มสายชู600 ml. 5.สารส้ม 15กรัม
12 อุปกรณ ์ ท ำน ำ้สนิม 1.เตรียมกะละมัง 2.น้า อุณหภูมิหอ ้ ง 2ลิตร 3. น ็ อต ตะปูที่เป็ นสนิมอยา่งละ3-4 ชิ้น ขั้นตอนเตรียมผ้ำฝ้ำย 1.เตรียมน้า ปริมาณ 1ลิตรเทลงไปในหมอ ้ ตม ้ อลูมิเนียม 2.ตม ้ น้า ที่ใส่ไวใ้ นหมอ ้ อลูมิเนียมโดยใชไ้ฟอ่อน 3.เตรียมผ้าฝ้ายขนาด 2 เมตร มาวัดและตัดให้ได้ขนาด 20*20 จ านวน 1ผืน 4.นา ผา ้ฝ้ ายที่ตดัแลว ้ จา นวน 1ผนื ใส่ไวใ้ นหมอ ้ ตม ้ อนูมิเนียมที่มีน้า ผสมสารส้ มเดือดอยู่เป็ นเวลา 30 นาที 5.เมื่อครบ 30 นาทีนา ผา ้ฝ้ ายที่อยใู่นหมอ ้ ข้ึนมาพกัเอาไว ้ ขั้นตอนท ำน ้ำสนิม 1.เตรียมกะละมังพลาสติกสีเขียวขนาด 35 cm. 2.เตรียม น ็ อต ตะปูที่เป็ นสนิมอยา่งละ10อนั 3.นา น ็ อต ตะปูที่เป็ นสนิม ใส่ลงไปในกะละมงัพลาสติกสีเขียว 4.เทน้า ลงไป 750 ml. ในกะละมังพลาสติกสีเขียวขนาด 35 cm. 5.แช่ทิ้งไวเ ้ป็ นเวลา 3 วัน และจดบันทึก
13 ขั้นตอนท ำผ้ำพิมพ์ 1.เตรียมดอกอัญชัน 12 ดอก เตรียมหม้อต้มอลูมิเนียมขนาดกลาง 32 cm. น้า ปริมาณ 750 ml. 2.เทน้า สนิมลงในชามใบที่1 เทน้า มะนาวลงในชามใบที่2 เทน้า ส้ มสายชูลงในชามใบที่3 3.นา ดอกอญัชนัไปแช่ในน้า สนิม น้า มะนาว น้า ส้ มสายชูชามละ4ดอกแช่ไว ้ 30 นาที 4.เมื่อครบ 30 นาทีนา ผา ้ฝ้ ายมาวางเรียงพกัไว ้ และนา ดอกอญัชนัที่แช่ไวใ้ นน้า แต่ละน้า ออกมาสะบดัน้า ออกแลว ้ นา ไปวางบนผา ้ 5.นา แผน่พลาสติกใสมาทบัผา ้ และใบไมใ้ หต ้ิดกนัท้งั3ผนืแลว ้ มว ้ นและนา เชือกมามดัไวใ้ หแ ้ น่น 6.เมื่อมดัเสร ็ จใหเ ้ อาลงไปตม ้ในหมอ ้ หรือน่ึง เปิดไฟอ่อน 1 ชวั่โมง 7. นา ออกมาทิ้งไวจ ้ นเยน ็ แลว ้ แกะยงิ่ปล่อยนานเท่าไรสียงิ่ติดนาน
14 บทที่ 4 ( บันทึกผลกำรทดลอง ) ชื่อ ตารางแสดงการเปรียบเทียบ การทา ผา ้ พิมพโ์ดยใชช ้ นิดของสารที่ใชแ ้ ช่พืชพิมพต์ ่างกนั ชนิดของสำร ที่ใช้พืชพิมพ์ ชนิดพืช พิมพ์ ผลกำรทดลองกำรท ำพิมพ์บนผ้ำ เป็ นผ้ำพิมพ์ ไม่เป็ นผ้ำพิมพ์ น ้ำสนิม ดอกอัญชัน เป็ น -- ใบฝ้ำยแดงแห้ง -- เป็ น ใบหม่อน เป็ น -- น ้ำมะนำว ดอกอัญชัน เป็ น -- ใบฝ้ำยแดงแห้ง -- เป็ น ใบหม่อน เป็ น -- น ำ้ส้มสำยชู ดอกอัญชัน เป็ น -- ใบฝ้ำยแดงแห้ง -- เป็ น ใบหม่อน เป็ น --
15 บทที่ 5 ( อภิปรำยผลกำรกำรทดลอง สรุปผล ข้อเสนอแนะ) อภิปรำยผลกำรทดลอง จากการทดลองท าผ้าพิมพ์จากสารละลายที่ใชแ ้ ช่พืชที่พิมพล์งบนผา ้ ต่างกนั3 ชนิด 1.น้า สนิม 2.น้า มะนาว 3.น้า ส้ มสายชู แลว ้ นา ไปพิมพล์งบนผา ้ พบวา่ เป็ นผ้ำพิมพ์ ไม่เป็ นพิมพ์ 1. น ้ำสนิม ดอกอัญชัน เป็ น -- ใบฝ้ำยแดงแห้ง -- ไม่เป็ น ใบหม่อน เป็ น -- 2. น ้ำมะนำว ดอกอัญชัน เป็ น -- ใบฝ้ำยแดงแห้ง -- ไม่เป็ น ใบหม่อน เป็ น -- 3. น ำ้ส้มสำยชูดอกอญัชัน เป็ น -- ใบฝ้ำยแดงแห้ง -- ไม่เป็ น ใบหม่อน เป็ น --
16 สรุปผลกำรทดลอง สารท้งั3 ชนิดสามารถนา มาแช่พืชพิมพเ์พื่อทา ผา ้ พิมพไ์ด ้โดยเรียงตามประสิทธิภาพดงัน้ี 1. น้า สนิม 2. น้า มะนาว 3. น้า ส้ มสายชู ข้อเสนอแนะ 1. การศึกษาเพิ่มเติม พบวา่หากตอ ้ งการพิมพใ์หพ ้ ืชออกสีเพิ่มข้ึนตอ ้ งเพิ่มความเขม ้ ขน ้ ของสารที่มี ความเป็ นกรดมากข้ึน 2. พืชบางชนิดใหม ้ีดา ้ นเดียวท้งัสองดา ้ น หรือไม่ใหม ้ีผทู้ี่จะมาศึกษาเรื่องน้ีควรคน ้ หาขอ ้ มูลเกี่ยวกบั พืชพิมพท์ ี่ตอ ้ งการมาทา ผา ้ พิมพ์วา่ออกสีดา ้ นไหนไดบ ้ า ้ ง หรือไม่ออกสี
17 ภำคผนวก อุปกรณ ์ และสำรเคมี หม้อ น ำ้ส้มสำยชูมะนำว ผ้ำฝ้ำย น ำ้เปล่ำแผ่นพลำสติกใส สำรส้ม น ้ำสนิม สำก
18 ดอกอัญชัน ใบหม่อน ใบฝ้ำยแดงแห้ง
19 ขั้นตอนกำรท ำผ้ำพิมพ์ 1. น ำพืชมำแช่ลงในสำรละลำยที่มี ควำมเป็นกรด 30 นำที 2 .น ำผ้ำฝ้ำยไปแช่ลงในน ้ำที่ผสมสำรส้มแช่ไว้ 30 นำที
20 3. พืชที่แช่ไว้ออกมำสะบัดน ้ำเล็กน้อย แล้วน ำมำวำงเรียงบนผ้ำตำมที่ต้องกำร
21 4. น ำแผ่นพลำสติกใสมำวำงลงบนผ้ำ และน ำสำกมำม้วน
22 5. น ำเชือกฟำงมำมัดให้แน่น
23 6.น ำผ้ำที่มัดไว้แล้วลงไปตัมในน ้ำเปล่ำโดย เปิดไฟอ่อนไว้เป็นเวลำ 1-2 ชั่วโมง 7.เมื่อครบให้น ำผ้ำออกมำพักไว้ 1-2วันยิ่งพัก ไว้นำนเท่ำไรสียิ่งติดทนนำน
24 บรรณำนุกรม https://www.technologychaoban.com/thai-local-wisdom/article_178671 https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0% B8%B2%E0%B8%A7 https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B 8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A 2%E0%B8%8A%E0%B8%B9 https://www.scimath.org/article-science/item/4742-2015-04-21-01-43-49 https://www.disthai.com/17339450/%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2% E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87 https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0% B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99 https://inwiangvalley.com/2298/
25 https://www.neonics.co.th/ph/what-is-ph-and-measurement.html oogle.com/imgres?imgurl=https%3A%2F%2Fwww.touronthai.com%2Fuploads% 2F2020- 11%2F1604290757.jpg&imgrefurl=https%3A%2F%2Fwww.touronthai.com%2Ft ravelguide%2Fplaceinfo.php%3Fid%3D148765&tbnid=3wxtPpKQSbdoFM&vet= 12ahUKEwi6muWNu6T9AhU6BLcAHdgJBa0QMygNegUIARDdAQ..i&docid=f m87CKPh-AIfhM&w=1200&h=900&q=ผ้ำพิมพ์สี ธรรมชำติ&ved=2ahUKEwi6muWNu6T9AhU6BLcAHdgJBa0QMygNegUIARDdA Q