ห้องเรียนวรรณกรรม ครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทย มจร.วิทยาเขตขอนแก่น ปริทัศน์วรรณกรรม ขุนช้างขุนแผน
1 รายงาน เรื่อง ขุนช้างขุนแผน เสนอ พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี จัดทำโดย นางสาวกัณติชา เภตรา รหัสนิสิต ๖๕๐๕๕๐๒๐๓๘ รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ๒๐๔ ๒๐๒ วรรณกรรมไทยปริทัศน์ ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๖ คณะครุศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรนราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ก คำนำ เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนนี้ เป็นที่นิยมในหมู่ชาวไทยทุกเพศทุกวัยเป็นเวลาช้านาน ด้วยเหตุผลตามที่สมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือสาส์นสมเด็จว่า “...เอาเสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผนมาอ่านเล่นในเวลาว่าง เห็นว่าเป็นเรื่องดี และแต่งดีอย่างเอกทีเดียว เคยอ่านมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็ ยังอ่านสนุกไม่รู้จักเบื่ออยู่นั่นเอง มารู้สึกว่ามีประโยชน์อยู่ในหนังสือเรื่องนี้อีกอย่างหนึ่ง” เค้าเรื่องขุนช้างขุนแผนนี้สันนิษฐานว่าเคยเกิดขึ้นจริงในสมัยกรุงศรีอยุธยา แล้วมีผู้จดจำเล่าสืบต่อกันมา เนื่องจากเรื่องราวของขุนช้างขุนแผนมีปรากฏในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า แต่มีการดัดแปลงเพิ่มเติมจนมี ลักษณะคล้ายนิทานเพื่อให้เนื้อเรื่องสนุกสนานชวนติดตามยิ่งขึ้น รายละเอียดในการดำเนินเรื่องยังสะท้อนภาพการ ดำเนินชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมในครั้งอดีตได้อย่างชัดเจนยิ่ง เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนเป็นวรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัยทรงพระราชนิพนธ์ร่วมกับกวีแห่งราชสำนัก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์ ตอนพลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม ตอนขุนแผนขึ้นเรือนของขุนช้างและเข้าห้องนางแก้วกิริยา และตอนนางวันทองหึง กับนางลาวทอง พระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่น เจษฎาบดินทร์ทรงพระราชนิพนธ์ตอนขุนช้างขอนางพิม และตอนขุนแผนพานางวันทองหนี สุนทรภู่แต่งตอน กำเนิดพลายงาม นอกจากนั้นยังมีกวีอื่นๆ ช่วยกันแต่งอีกมาก เนื่องด้วยความงดงามในการใช้ถ้อยคำของกวีเอกใน ครั้งนั้น วรรณคดีสโมสรในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ยกย่องวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ว่าเป็นยอดแห่งกลอนเสภา
ข สารบัญ เรื่อง คำนำ..............................................................................................................................................................ก สารบัญ ..........................................................................................................................................................ข ขุนช้างขุนแผน ...............................................................................................................................................1 ผู้แต่ง..............................................................................................................................................................1 ลักษณะการประพันธ์......................................................................................................................................2 เนื้อหาสาระ....................................................................................................................................................2 เนื้อเรื่องย่อ.....................................................................................................................................................3 ตัวอย่างบทประพันธ์.......................................................................................................................................6 ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง.........................................................................................................................................7 คุณค่าของวรรณคดี........................................................................................................................................8 วิเคราะห์บทละคร.........................................................................................................................................10 ที่มาของเรื่องขุนช้างขุนแผน.........................................................................................................................10 สรุป..............................................................................................................................................................11 บรรณานุกรม................................................................................................................................................12
1 ขุนช้างขุนแผน ขุนช้างขุนแผน เป็นเสภานิทานมหากาพย์พื้นบ้านไทย ที่สันนิษฐานกันว่าเคยเกิดขึ้นจริงสมัยกรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (ระหว่างปี พ.ศ. 2034-2072) แต่ก็มีหลายคนเชื่อว่าเป็นการแต่งขึ้นแบบปาก ต่อปากเพื่อความบันเทิง และแต่งเติม-ลดทอนข้อเท็จจริงกันเรื่อยมา มีลักษณะเป็นกลอนชาวบ้านเล่าสืบทอดกัน มาจนกลายเป็นนิยายพื้นเมืองของชาวสุพรรณบุรี แก่นของเรื่องคือ ความรักสามเส้าของ 1 หญิง 2 ชาย คือ นาง พิมพิลาไลย (นางวันทอง) พลายแก้ว (ขุนแผน) และขุนช้าง มีการสอดแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์สมัยที่ไทยทำ สงครามกับเชียงใหม่และล้านช้างเข้าไว้ด้วยรวมถึงวิถีการดำเนินชีวิตของชาวเมืองสุพรรณบุรีและกาญจนบุรี ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของคนไทยในยุคสมัยนั้นจนกลายมาเป็นเรื่องเล่าสนุกสนานชวนติดตาม หลายยุคหลายสมัยจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าในช่วงเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 ต้นฉบับนิทานเรื่องขุนช้างขุนแผนได้สูญหายไป แต่ ผู้ที่จดจำเนื้อหาได้จึงฟื้นฟูนำกลับมาอีกครั้ง ต่อมาในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) โปรดเกล้าฯ ให้กวีในพระราชสำนักแต่งขึ้นมาใหม่ และได้ทรงพระราชนิพนธ์ด้วย ขุนข้างขุนแผนจึง กลายเป็นวรรณคดีที่มีค่าทั้งในแง่ของความไพเราะและลีลาในการแต่ง จนได้รับการยกย่องตามพระราชบัญญัติ วรรณคดีสโมสร ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าเป็นยอดของหนังสือประเภทกลอนเสภา ผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์ตอนพลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง ตอนขุนแผนเข้าห้องนางแก้วกิริยา และตอนขุนแผนพานางวันทองหนี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ตอนขุนช้างขอนางพิม และตอนขุนช้างตาม นางวันทอง สุนทรภู่ ผู้แต่งตอนกำเนิดพลายงาม ครูแจ้ง วัดระฆัง แต่งตอนกำเนิดกุมารทอง ตอนขุนแผนพลายงามแก้พระท้ายน้ำ ตอนสะกดพระเจ้า เชียงใหม่และยกทัพกลับ และตอนจระเข้เถรขวาด
2 ลักษณะการประพันธ์ บทประพันธ์แต่งด้วยกลอนเสภาซึ่งมีลักษณะคล้ายกลอนสุภาพ ดังนั้นกวีสามารถยืดหยุ่นจำนวนคำใน กลอนเสภาได้ กวีที่แต่งเสภาขุนช้างขุนแผนตอนขุนช้างกายฎีกานั้นใช้กลอนเสภาในการสร้างสรรค์วรรณคดีไทยเรื่องนี้ขึ้น โดยกลอนเสภาถูกแต่งขึ้นเพื่อใช้ในการขับเสภาในราชสำนักถือเป็นกลอนที่มีความยืดหยุ่นในการใช้คำมาก โดย ไม่ได้กำหนดลักษณะการแต่งตายตัวเพราะแต่ละวรรคจะเป็นไปตามทํานองเสภานั่นเอง สำหรับกลอนเสภานั้นใน ๑ วรรคจะมี ๖-๙ คำ/พยางค์และมีชื่อเรียกแตกต่างกันดังนี้วรรคแรกมีชื่อเรียกว่านารีเรียงหมอนวรรคทีสองมีชื่อ เรียกว่าชะอ้อนนางร่าวรรคที่สามมีชัยเรียกว่าระบ่าเดินดงวรรคสุดท้ายมีชื่อเรียกว่าหงส์ชูคอ เนื้อหาสาระ ฉบับมาตรฐานนี้มีประมาณ 20,000 คำกลอน ทรงแบ่งออกเป็น 43 ตอน เรื่องตอนต้นจบลงในตอนที่ 36 แต่ทรงรวมอีกเจ็ดตอนไว้ด้วยเนื่องจากตอนต่าง ๆ เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยม นักกวีและนักเขียนได้แต่งตอนต่าง ๆ ให้มากขึ้นจนกระทั่งถึงชั้นลูกหลาน ที่ขยายเรื่องราวไปถึงสามชั่วอายุคนในสายเลือดของขุนแผน แต่พระองค์ก็ทรง เห็นว่าไม่มีสาระในทางวรรณคดี ที่จะเป็นเรื่องเล่าหรือเป็นบทกวีที่สมควรจะได้รับการตีพิมพ์ แต่เรื่องภาคปลายนี้ ประมาณ 50 บท ต่อมาได้รับการตีพิมพ์ในโอกาศต่าง ๆ
3 เนื้อเรื่องย่อ ณ เมืองสุพรรณบุรี กล่าวถึงครอบครัวสามครอบครัว คือ ครอบครัวของขุนไกรพลพ่าย รับราชการทหาร มีภรรยาชื่อ นางทองประศรี มีลูกชายด้วยกันชื่อพลายแก้ว ครอบครัวของขุนศรีวิชัย เศรษฐีใหญ่ของเมือง สุพรรณบุรี รับราชการเป็นนายกองกรมช้างนอก ภรรยาชื่อนางเทพทอง มีลูกชายชื่อขุนช้่าง ซึ่งหัวล้านมาแต่ กำหนิด และครอบครัวของพันศร โยธาเป็นพ่อค้า ภรรยาชื่อ ศรีประจัน มีลูกสาวรูปร่างหน้าตางดงามชื่อ พิมพิลา ไลย วันหนึ่งสมเด็จพระพันวษา มีความประสงค์จะล่าควายป่า จึงสั่งให้ขุนไกรปลูกพลับพลาและต้อนควาย เตรียมไว้ แต่ควายป่าเหล่านั้นแตกตื่นไม่ยอมเข้าคอก ขุนไกรจึงใช้หอกแทงควายตายไปมากมาย ที่รอชีวิตก็หนีเข้า ป่าไป สมเด็จพระพันวษาโกรธมากสั่งให้ประหารชีวิตขุนไกรเสีย นางทองประศรีรู้ข่าวรีบพาพลายแก้วหนีไปอยู่ เมืองกาญจนบุรี ทางเมืองสุพรรณบุรี มีพวกโจรจันศรขึ้นปล้นบ้านของขุนศรีวิชัยและฆ่าขุนศรีวิชัยตาย ส่วนพันศร โยธา เดินทางไปค้าขายต่างเมือง พอกลับมาถึงบ้านก็เป็นไข้ป่าตาย เมื่อพลายแก้วอายุได้ 15 ปี ก็บวชเณรเรียนวิชาอยู่ที่วัดส้มใหญ่ แล้วย้ายไปเรียนต่อที่วัดป่าเลไลย ต่อมาที่ วัดป่าเลไลยจัดให้มีเทศน์มหาชาติ เณรพลายแก้วเทศน์กัณฑ์มัทรี ซึ่งนางพิมพิลาไลยเป็นเจ้าของกัณฑ์เทศน์ นาง พิมพิลาไลยเลื่อมใสมากจนเปลื้องผ้าสไบบูชากัณฑ์เทศ์ ขุนช้างเห็นเช่นนั้นก็เปลื้องผ้าห่มของตนวางเคียงกับผ้าสไบ ของนางพิมพิลาไลย อธิฐานขอให้ได้นางเป็นภรรยา ทำให้นางพิมพิลาไลยโกรธมาก ต่อมาเณรพลพลายแก้วก็สึก แล้วให้นางทองประศรีมาสู่ขอนางพิมพิลาไลยและแต่งงานกัน ทางกรุงศรีอยุธยาได้ข่าวว่ากองทัพเชียงใหม่ตีได้เมืองเชียงทอง ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จ พระพันวษาจึงถามหาเชื้อสายของขุนไกร ขุนช้างซึ่งเข้าไปรับราชการอยู่จึงเล่าเรื่องราวความเก่งกล้าสามารถของ พลายแก้ว เพื่อหวังจะพรากพลายแก้วไปให้ไกลนางพิมพิลาไลย สมเด็จพระพันวษาจึงให้ไปตามตัวมา แล้วแต่งตั้ง ให้เป็นแม่ทัพไปรบกับเมืองเชียงใหม่และได้รับชัยชนะ นายบ้านแสนคำแมนแห่งหมู่บ้านจอมทอง เห็นว่าพลาย แก้วกับพวกทหารไม่ได้เบียดเบียนให้ชาวบ้านเดือดร้อน จึงยกนางลาวทองลูกสางของตนให้เป็นภรรยาของพลาย แก้ว ส่วนนางพิมพิลาไลยเมื่อสามีไปทัพได้ไม่นานก็ป่วยหนักรักษาเท่าไรก็ไม่หาย ขรัวตาจูวัดป่าเลไลยแนะนำ ให้เปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง อาการไข้จึงหาย ขุนช้างทำอุบายนำหม้อใส่กระดูกไปให้นางศรีประจันกับนางวันทองดูว่า พลายแก้วตายแล้ว และขู่ว่านางวันทองจะต้องถูกคุมตัวไว้เป็นม่ายหลวงตามกฏหมาย นางวันทองไม่เชื่อ แต่นางศรี
4 ประจันคิดว่าจริง ประกอบกับเห็นว่าขุนช้างเป็นเศรษฐีจึงบังคับให้นางวันทองแต่งงานกับขุนช้าง นางวันทองจำต้อง ตามใจแม่ แต่นางไม่ยอมเข้าหอ ขณะนั้นพลายแก้วกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาและได้บรรดาศักดิ์เป็นขุนแผนแสน สะท้าน จากนั้นก็พานางลาวทองกลับสุพรรณบุรี นางวันทองเห็นขุนแผนพาภรรยาใหม่มาด้วยก็โกรธด่าทอโต้ตอบ กับนางลาวทองและลืมตัวพูดก้าวร้าวขุนแผน ทำให้ขุนแผนโมโหพานางลาวทองไปอยู่ที่กาญจนบุรี ส่วนนางวันทอง ก็ตกเป็นภรรยาของขุนช้างอย่างจำใจ ต่อมาขุนช้างและขุนแผนเข้าไปรับการอบรมในวังและได้เป็นมหาดเล็กเวรทั้ง 2 คน วันหนึ่งนางทองประ ศรีให้คนมาส่งข่าวว่านางลาวทองป่วยหนัก ขุนแผนจึงฝากเวรไว้กับขุนช้างแล้วไปดูอาการของนางลาวทอง ตอนเช้า สมเด็จพระพันวษาถามถึงขุนแผนขุนช้างบอกว่าขุนแผนปีนกำแพงวังหนีไปหาภรรยา สมเด็จพระพันวษาโกรธตรัส ให้ขุนแผนตระเวนด่านที่กาญจนบุรี ห้ามเข้าเฝ้าและริบนางลาวทองเข้าเป็นม่ายหลวง ขุนแผนได้ทราบเรื่องก็โกรธขุนช้าง คิดจะแก้แค้นแต่ยังมีกำลังไม่พอ จึงออกตระเวนป่าไปโดยลำพัง คิดจะ หาอาวุธ ม้า และ กุมารทอง สำหรับป้องกันตัว ได้ตระเวนไปจนถึงถิ่นของหมื่นหาญนักเลงใหญ่ ได้เข้าสมัครเข้าไป อยู่ด้วย เพราะหวังจะได้บัวคลี่ลูกสาวของหมื่นหาญ ได้ทำตัวนอบน้อมและตั้งใจทำงานเป็นอย่างดีจนเป็นที่รักใคร่ ของหมื่นหาญถึงกับออกปากยกลูกสาวให้แต่งงานด้วย พอได้แต่งงานกับบัวคลี่แล้ว ขุนแผนก็ไม่ยอมทำงานร่วมกับ หมื่นหาญ ทำให้หมื่นหาญโกรธคิดฆ่าขุนแผน เพราะขุนแผนอยู่ยงคงกระพันจึงให้บัวคลี่ใส่ยาพิษลงในอาหารให้ ขุนแผนกิน แต่ผีพรายมาบอกให้รู้ตัว ขุนแผนจึงทำอุบายเป็นไข้ไม่ยอมกินอาหารแล้วออกปากขอลูกจากบัวคลี่ นาง ไม่รู้ความหมายก็ออกปากยกลูกให้ขุนแผน พอกลางคืนขณะที่บัวคลี่นอนหลับขุนแผนก็ผ่าท้องนางแล้วนำลูกไปทำ พิธีตอนเช้าหมื่นหาญและภรรยารู้ว่าลูกสาวถูกผ่าท้องตายก็ติดตามขุนแผนไป แต่ก็สู้ขุนแผนไม่ได้ ขุนแผนเสกกุมาร ทองสำเร็จ จึงออกเดินทางต่อไป แล้วไปหาช่างตีดาบ หาเหล็ก และเครื่องใช้ต่าง ๆเตรียมไว้ตั้งพิธีตีดาบจนสำเร็จ ดาบนี้ให้ชื่อว่า ดาบฟ้าฟื้น ใช้เป็นอาวุธต่อไป หลังจากนั้นเดินทางไปหาม้า ได้ไปพบคณะจัดซื้อม้าหลวง ได้เห็นลูกม้าลูกม้าตัวหนึ่งมีลักษณะถูกต้องตาม ตำราก็ชอบใจ ได้ออกปากซื้อ เจ้าหน้าที่ก็ขายให้ในราคาถูก ขุนแผนจึงเสกหญ้าให้ม้ากิน และนำมาฝึกจนเป็นม้า แสนรู้ให้ชื่อว่า ม้าสีหมอก เมื่อได้กุมารทอง ดาบฟ้าฟื้นและม้าสีหมอกครบตามความตั้งใจแล้วก็เดินทางกลับบ้าน คิดจะไปแก้แค้นขุน ช้าง นางทองประศรีมารดาห้ามปรามก็ไม่ฟัง ได้เดินทางออกจากกาญจนบุรีไปยังสุพรรณบุรีขึ้นเรือนขุนช้าง ได้นาง แก้วกิริยาลูกสาวพระยาสุโขทัยที่นำมาเป็นตัวจำนำไว้ในบ้านขุนช้างเป็นภรรยา แล้วพาวันทองหนีออกจากบ้าน ขุน ช้างตื่นได้ออกติดตามแต่ตามไม่ทัน ได้ไปทูลฟ้องสมเด็จพระพันวษาให้กองทัพออกติดตามขุนแผน ขุนแผนไม่ยอม กลับได้ต่อสู้กับกองทัพทำให้ขุนเพชร ขุนรามถึงแก่ความตาย กองทัพต้องถอยกลับกรุง ขุนแผนจึงกลายเป็นกบฏ
5 ต้องเที่ยวเร่ร่อนอยู่ในป่า จนนางวันทองตั้งท้องแก่ใกล้คลอด ขุนแผนสงสารกลัวนางจะเป็นอันตรายจึงยอมเข้ามอบ ตัวกับพระพิจิตร พระพิจิตรได้ส่งตัวเข้าสู้คดีในกรุง ขุนแผนชนะคดีและได้นางวันทองคืน ขุนแผนมีความคิดถึงลาว ทอง ได้ขอให้จมื่นศรีช่วยขอให้ ขุนแผนถูกกริ้ว และถูกจำคุก แก้วกิริยาจึงตามไปปรนนิบัติในคุก วันหนึ่งขณะที่นางวันทองมาเยี่ยมขุนแผน ขุนช้างได้มาฉุดนางวันทองไปจนนางวันทองคลอดลูกให้ชื่อว่า พลายงาม เมื่อขุนช้างรู้ว่าไม่ใช่ลูกของตัวเองจึงหลอกพลายงามไปฆ่าในป่า แต่ผีพรายของขุนแผนช่วยไว้ นางวัน ทองบอกความจริงและได้ให้พลายงามเดินทางไปอยู่กับย่าทองประศรีที่กาญจนบุรี พลายงามอยู่กับย่าจนโต ได้บวช เป็นเณรและเล่าเรียนวิชาความรู้เก่งกล้าทั้งเวทมนตร์ คาถา และการสงคราม เมื่อมีโอกาสขุนแผนได้ให้จมื่นศรีนำ พลายงามเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก เมื่อมีศึกเชียงใหม่ พลายงามได้อาสาออกรบและทูลขอประทานอภัยโทษให้พ่อเพื่อไปรบ ขุนแผนและนาง ลาวทองจึงพ้นโทษ ขณะที่เดินทางไปทำสงครามนั้นผ่านเมืองพิจิตร ขุนแผนจึงแวะเยี่ยมพระพิจิตร เมื่อพลายงาม ได้พบนางศรีมาลาลูกสาวพระพิจิตรก็หลงรัก จึงได้ลอบเข้าหานาง ขุนแผนจึงทำการหมั้นหมายไว้ เมื่อชนะศึก พระ เจ้าเชียงใหม่ได้ส่งสร้อยทอง และสร้อยฟ้ามาถวาย พระพันวษาได้แต่งตั้งขุนแผนเป็นพระสุรินทรลือไชยมไหสูรย์ ภักดี ไปรั้งเมืองกาญจนบุรี และได้แต่งตั้งพลายงามเป็น จมื่นไวยวรนาถ และประทานสร้อยฟ้าให้แก่พลายงาม จากนั้นก็ทรงจัดงานแต่งงานให้กับพลายงาม ขณะที่ทำพิธีแต่งงานขุนช้างได้วิวาทกับพลายงาม ขุนช้างได้ทูลฟ้อง จึงโปรดให้มีการชำระความโดนการ ดำน้ำพิสูจน์ ขุนช้างแพ้ความ พระพันวษาโปรดให้ประหารชีวิต แต่พระไวยขอชีวิตไว้ ต่อมาพระไวยมีความคิดถึง แม่จึงไปรับนางวันทองมาอยู่ด้วย ขุนช้างติดตามไป แต่พระไวยไม่ยอมให้ขุนช้างจึงถวายฎีกา พระพันวษาจึงตรัสให้ นางวันทองเลือกว่าจะอยู่กับใคร นางมีความลังเล เลือกไม่ได้ว่าจะอยู่กับใคร พระพันวษาทรงโกรธจึงรับสั่งให้ ประหารชีวิต แม้พระไวยจะขออภัยโทษได้แล้ว แต่ด้วยเคราะห์ของนางวันทอง ทำให้เพชรฆาตเข้าใจผิดจึงประหาร นางเสียก่อน เมื่อจัดงานศพนางวันทองแล้ว ขุนแผนได้เลื่อนเป็นพระกาญจนบุรี นางสร้อยฟ้าได้ให้เถรขวาดทำเสน่ห์ให้ พระไวยหลงใหลนางและเกลียดชังนางศรีมาลา พระกาญจนบุรีมาเตือน พระไวยโกรธลำเลิกบุญคุณกับพ่อ ทำให้ พระกาญจนบุรีโกรธ คบคิดกับพลายชุมพลลูกชายซึ่งเกิดจากนางแก้วกิริยาปลอมเป็นมอญยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา หวังจะให้พระไวยออกต่อสู้ จะได้แก้แค้นได้สำเร็จ พระไวยรู้ตัวเพราะผีเปรตนางวันทองมาบอก พระพันวษาทรง ทราบเรื่องโปรดให้มีการไต่สวน พลายชุมพลพิสูจน์ได้ว่า นางสร้อยฟ้ากับเถรขวาดได้ทำเสน่ห์จริงแต่นางสร้อยฟ้าไม่ รับ จึงมีการพิสูจน์โดยการลุยไฟ สร้อยฟ้าแพ้ พระพันวษาสั่งให้ประหาร แต่นางศรีมาลาทูลขอไว้ นางสร้อยฟ้าจึง ถูกเนรเทศกลับไปเชียงใหม่ และคลอดลูกชื่อ พลายยง
6 ต่อมานางศรีมาลาก็คลอดลูกชาย ขุนแผนจึงตั้งชื่อให้ว่า พลายเพชร เถรขวาดมีความแค้นพลายชุมพล จึงปลอมเป็นจระเข้ไล่กัดกินคนมาจากทางเหนือหวังจะแก้แค้นพลายชุมพล พระพันวษาโปรดให้พลายชุมพลไป ปราบ จระเข้เถรขวาดสู้ไม่ได้ถูกจับตัวมาถวายพระพันวษา และถูกประหารในที่สุด พลายชุมพลได้รับแต่งตั้งเป็น หลวงนายฤทธิ์ เหตุการณ์ร้ายแรงผ่านไป ทุกคนก็อยู่อย่างมีความสุข ตัวอย่างบทประพันธ์ ตอน กำเนิดพลายงาม ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอุตส่าห์ทำสม่ำเสมียน แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ ถอดความได้ว่า เป็นคำสอนของนางวันทองที่ได้สอนพลายงามก่อนที่จะต้องจำใจส่งลูกไปอยู่กับย่าที่กาญจนบุรีว่า เกิดเป็นผู้ชายต้องลายมือสวย โตขึ้นจะได้รับราชการก่อนจะพาพลายงามมาส่งด้วยความรู้สึกที่เหมือนใจสลาย ลูกก็เเลดูแม่แม่ดูลูก ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา ถอดความได้ว่า นางวันทองกับพลายงามต่างหน้ากันด้วยความผูกพันและเศร้าโศกที่จะต้องแยกจากกัน สองแม่ลูก ร้องไห้ขณะร่ำลาก่อนที่พลายงามจะแข็งใจเดินจากนางวันทองมา ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้น ลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไป ก็กลับไพล่เหมือนพ่ออ้ายทรพี ถอดความได้ว่า ขุนช้างสงสัยว่าพลายงามเป็นลูกของใคร หลังจากที่เคยเข้าใจว่าพลายงามเป็นลูกของตัวเอง แต่ยิ่ง นานไป พลายงามโตขึ้นเรื่อย ๆ หน้าตากลับไปเหมือนขุนแผนที่เป็นพ่อ อีแม่มันวันทองก็สองจิต ช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่ เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดี ทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน ถอดความได้ว่า ขุนช้างต่อว่านางวันทองว่าสองใจ ตั้งชื่อลูกว่าพลายงาม จงใจให้คล้ายกับชื่อขุนแผน (ชื่อเดิม พลายแก้ว)
7 ตอน ขุนช้างถวายฎีกา จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม เมื่อเป็นความชนะขุนช้างนั่น กลับมาอยู่บ้านสำราญครัน เกษมสันต์สองสมภิรมย์ยวน พร้อมญาติขาดอยู่แต่มารดา นึกนึกตรึกตราละห้อยหวน โอ้ว่าแม่วันทองช่างหมองนวล ไม่สมควรเคียงคู่กับขุนช้าง เออนี่เนื้อเคราะห์กรรมนำมาผิด น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง ฝ่ายพ่อมีบุญเป็นขุนนาง แต่แม่ไปแนบข้างคนจังไร ถอดความได้ว่า เมื่อพลายงามชนะความขุนช้าง ก็ได้กลับมาอยู่บ้านอย่างสุขสบาย ขาดก็แต่มารดา พลายงามคิด ว่าแม่ วันทองไม่ควรอยู่กับขุนช้าง อาจจะเป็นเคราะห์กรรมของแม่วันทองถึงต้องมาอับอายแบบนี้ พ่อก็เป็นถึงขุนนาง แต่ แม่กลับไปอยู่กับคนจัญไร ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง ๑. ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี เราจึงควรมีความกตัญญูต่อบิดามารดาผู้ที่ให้ กำเนิดเรามา ๒. การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสมัยก่อนเด็กผู้ชายจะเรียนหนังสือที่วัด ๓. วัดเป็นสถานที่ผูกพันกับชีวิตของคนไทยตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ๔. ในสมัยก่อนจะมีการมัดจุกโกนจุกและนุ่งโจงกระเบนผูกขวัญรับขวัญ ๕. ผู้ชายมีการถวายตัวเข้ารับราชการ ๖. สมัยก่อนจะใช้สมุนไพรรักษาแผล และมีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ๗. สมัยก่อนเดินทางโดยเท้า และการขี่ม้า ๘. พ่อแม่ทุกคนรักลูกและ ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อลูกได้
8 คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านเนื้อหา เนื้อเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผนได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของกลอนสุภาพที่ไพเราะดีเลิศทั้ง เนื้อเรื่องและกระบวนการเป็นเรื่องเอกที่คนไทยรู้จักมากที่สุดและนิยมอ่านเพราะจิตใจในเนื้อเรื่อง ตัวละคร สมเด็จพระพันวษา เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาบทบาทของพระพันวษาที่โดดเด่น ที่สุดคือเป็นผู้ที่ชี้ชะตาชีวิตให้กับตัวละครทุกตัว ขุนแผน ในตอนขุนช้างถวายฎีกากล่าวถึงลักษณะขุนแผนอยู่น้อยไม่เน้นบทบาทมากนักแต่จะ เน้นสะท้อนให้เห็นว่าเป็นชายไทยที่มีความรักต่อนางวันทองอย่างสม่ำเสมอ ขุนช้าง เป็นตัวละครที่มีความรักมั่นคงแต่มีข้อเสียคือไม่คิดไตร่ตรองให้รอบคอบจะทำการสิ่งใด มักใช้อารมณ์ของตนเป็นที่ตั้งซึ่งเป็นต้นเหตุของการที่นางวันทองต้องโทษประหารชีวิต นางวันทอง ในเรื่องบทบาทของนางวันทองมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะนำเสนอถึงตัวละครของ หญิงไทยที่ถูกผู้ชายชี้ชะตาชีวิต คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ลักษณะการประพันธ์บทประพันธ์แต่งด้วยกลอนเสภาซึ่งมีลักษณะคล้ายกลอนสุภาพ ดังนั้นกวีสามารถ ยืดหยุ่นจำนวนคำในกลอนเสภาได้ ศิลปะการประพันธ์ ๑.อุปมา มีการใช้คำว่า เหมือน ดุจ ดั่ง เช่น
9 ๒.อติพจน์คือ โวหารกล่าวเกินจริง เช่น รสวรรณคดีในเรื่องขุนช้าง ขุนแผนนั้น ปรากฏรสวรรณคดีมากมายหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ภยานกรส(พะ ยา นะ กะ รด) รสแห่งความกลัว ตื่นเต้นตกใจ คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านการปกครอง พระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจสูงสุดในการปกครองบ้านเมืองและดูแลราษฎรตัดสินคดี ความต่างๆ ค่านิยม ผู้หญิงในสมัยนั้นไม่มีสิทธิ์ดำเนินชีวิตด้วยตนเองต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามที่สามีบอกเสมอ ความเชื่อ ในสมัยก่อนคนไทยมีความเชื่อเกี่ยวกับเวทมนต์คาถาของขลังและการเลี้ยงผี สถาปัตยกรรมไทย บ้านเรือนไทยสมัยก่อนสร้างจากไม้นิยมใช้ลิ่มซึ่งเป็นไม้ขัดหรือตอกและใช้ดาลซึ่งทำให้ ไม้ขัดบานประตูแทนกลอนประตูในปัจจุบัน
10 วิเคราะห์บทละคร ที่มาของเรื่องขุนช้างขุนแผน ๑)เรื่องนี้เชื่อกันว่าเกิดขึ้นจริงในสมัยสมเด็จพระพันวษาแห่งกรุงศรีอยุธยา ตำนวนเต็มเล่าเพียงว่ามีนายทหารผู้มีฝีมือนายหนึ่งมีตำแหน่งเป็นขุนแผนได้ถวายดาบฟ้าฟื้น แด่ สมเด็จพระพันวษา ๒) ต่อมามีการนำเรื่องขุนช้างขุนแผนมาแต่งเป็นกลอนสุภาพและใช้บทขับเสภาโดยใช้กรับเป็นเครื่อง ประกอบจังหวะ บทขับเสภาที่นิยมมากที่สุดคือเรื่องขุนช้างขุนแผนซึ่งได้รับการยกย่อจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็น ยอดของกลอนสุภาพที่มีความไพเราะดีเลิศทั้งเนื้อเรื่องและกระบวนกลอน ๓) บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนมีกวีเอกหลายท่านร่วมกันแต่งสันนิษฐานว่าแต่งตั้ง แต่สมัยสมเด็จพระ นารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างและตอนขุนแผนพานางวันทองหนีเป็นพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตอนขุนช้างขอนางพิมและตอนขุนช้างตามนางวันทองเป็นพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์) ตอนกําเนิดพลายงามเป็นสํานวนของสุนทรภู่ ๔) ตอนขุนช้างถวายฎีกานี้ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง แต่เป็นหนึ่งใน ๘ ตอนที่ได้รับการยกย่องจากสมาคม วรรณคดี (สมัยร. ๗) ว่าแต่งที่เป็นเยี่ยมโดยเฉพาะกระบวนกลอนที่สื่ออารมณ์สะเทือนใจ
11 สรุป เรื่องขุนช้างขุนแผนนี้ สันนิษฐานว่าเป็นการแต่งขึ้นร้องแบบมุขปาฐะ (ปากต่อปาก) เพื่อความบันเทิง ใน ลักษณะเดียวกับมหากาพย์ของยุโรป อย่างเช่นของโฮเมอร์ โดยคงจะเริ่มแต่งตั้งแต่ราวอยุธยาตอนกลาง (ราว พ.ศ. 2143) และมีการเพิ่มเติม หรือตัดทอนเรื่อยมา จนมีรายละเอียดและความยาวอย่างที่สืบทอดกันอยู่ในสมัยอยุธยา ตอนปลาย แต่ไม่ได้ถูกบันทึกลงไว้เป็นกิจลักษณะ เนื่องจากบุคคลชั้นสูงสมัยนั้นเห็นว่าเป็นกลอนชาวบ้าน ที่มี เนื้อหาบางตอนหยาบโลน และไม่มีการใช้ฉันทลักษณ์อย่างวิจิตร ดังนั้นเมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกทำลายในปี พ.ศ. 2310 จึงไม่มีต้นฉบับเรื่องขุนช้างขุนแผนเหลืออยู่ แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความนิยมสูงในหมู่ชาวไทย จึงมีผู้ที่จำ เนื้อหาได้อยู่มาก และทำให้ถูกฟื้นฟูกลับมาได้ไม่ยาก สำหรับเนื้อหาของขุนช้างขุนแผนในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้โปรดเกล้าฯ ให้ กวีในรัชสมัยของพระองค์ ตลอดจนพระองค์เองร่วมกันแต่งและทรงพระราชนิพนธ์ขี้นเป็นวรรณคดีที่มีค่าทั้งในด้าน ความไพเราะและในลีลาการแต่ง ตลอดจนเค้าโครงเรื่อง ได้รับการยกย่องตามพระราชบัญญัติวรรณคดีสโมสรใน รัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเป็นยอดของหนังสือประเภทกลอนเสภา และได้รับประทับราช ลัญจกรรูปพระคเณศร์ไว้เป็นเครื่องหมายของการยกย่องนั้นด้วย หนังสือเรื่องขุนช้างขุนแผนนี้ ไม่เพียงแต่เป็นวรรณคดีสำหรับอ่านกันเล่น เพื่อได้รับรสวรรณคดีเป็นเครื่อง บันเทิงใจเท่านั้น หากแต่บางตอนในวรรณคดีเรื่องนี้ยังเป็นหลักฐานที่ให้ความรู้ในเรื่องราวความเป็นอยู่ของผู้คน และบ้านเมืองในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ สมกับที่มีคำกล่าวว่า วรรณคดีเป็นกระจกเงาสะท้อนภาพความเป็นไปของ บ้านเมืองในยุคนั้น ๆ ให้คนรุ่นหลัง ๆ ได้ทราบด้วย
12 บรรณานุกรม กรมศิลปากร. (๒๕๔๔). เสภาเรื่องขุนช้าง ขุนแผน เล่ม ๑และเล่ม ๒ .พิมพ์ครั้งที่ ๑๘. กรุงเทพฯ: ศิลปาบรรณา คาร. True ปลูกปัญญา.(๒๕๖๔).ขุนช้างขุนแผน (เรื่องย่อและข้อคิด).สืบค้น ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗.///จาก https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/528 Jutalak Cherdharun. (๒๕๖๔), ถอดคำประพันธ์เสภาขุนช้างขุนแผนตอนขุนช้างถวายฎีกาชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 วิชาภาษาไทย, สืบค้น ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗.//// จาก https://blog.startdee.com KAPOOK.(๒๕๖๔).ประวัติ ขุนช้าง-ขุนแผน ย้อนอดีตความรักสุดดราม่าที่เลือกไม่ได้.สืบค้น ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗./// จากhttps://hilight.kapook.com/view/211993