The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด

การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด

Keywords: การละเล่นพื้นบ้าน

การละเล่นพื้นบ้านของ จังหวัดร้อยเอ็ด ห้องเรียนคติชนวิทยา ครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทย มจร.วิทยาเขตขอนแก่น


รายงาน เรื่อง การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด จัดทำโดย นายเกรียงไกร คูเมือง รหัสนิสิต 6405502009 คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาการสอนภาษาไทย ชั้นปีที่ 3 รายงานประกอบการศึกษารายวิชาคติชนวิทยา หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2566


เรื่อง การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด จัดทำโดย นายเกรียงไกร คูเมือง รหัสนิสิต 6405502009 คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาการสอนภาษาไทย ชั้นปีที่ 3 อาจารย์ประจำรายวิชา พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด ว่าประกอบด้วย ประเภทที่เหมาะสมกับช่วงวัยใดบ้าง และมีจุดประสงค์จัดขึ้นเพื่ออะไรโดยการเก็บข้อมูลจากงานวิจัยที่ เกี่ยวข้อง ผลการวิจัย เรื่องการละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด พบว่าการละเล่นพื้นบ้านของเด็ก ถูกสร้างขึ้น เพราะหากิจกรรมยามว่างสำหรับเด็กและ การละเล่นพื้นบ้านของผู้ใหญ่ถูกสร้างขึ้นเพราะเป็นกิจกรรมทาง ธุรกิจของผู้ใหญ่ในสมัยก่อนเช่น เกษตรกร หรือ การค้าขาย เป็นต้น และ ได้พบว่า การละเล่นพื้นบ้านมี ความสัมพันธ์อย่างไรกับการพัฒนาด้านอารมณ์และสังคม จากการวิเคราะห์เรื่องการละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด ประเภทการละเล่นพื้นบ้านที่เหมาะสม กับเด็กหรือผู้ใหญ่ ถูกสร้างขึ้น เพราะอะไรทำไมถึงต้องมีการละเล่นพื้นบ้านในกลุ่มคนกลุ่มนี้ต่อมาเป็นการ วิเคราะห์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการละเล่นพื้นบ้านกับการพัฒนาด้านอารมณ์ว่ามีอารมณ์อย่างไรในการ สื่อว่าชอบหรือไม่ชอบ การละเล่นพื้นบ้านนี้หรือไม่และ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการละเล่นพื้นบ้านกับการ พัฒนาด้านสังคมต่างๆ การพัฒนาด้านสังคมในที่นี้คือ การละเล่นพื้นบ้านเพื่อเข้าสังคมต่างๆของเด็กเเละผู้ใหญ่ เด็กก็ใช้การละเล่นเพื่อหาเพื่อน ของผู้ใหญ่ก็อาจจะใช้การละเล่นเพื่อเข้าสังคมและช่วยในเรื่องการงาน เป็นต้น


บทนำ การละเล่นพื้นบ้าน คือ การละเล่นที่แสดงเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ที่มีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยสามารถแบ่งตามการละเล่นแต่ละภาค ดังนี้ *การละเล่นภาคกลางและภาคตะวันออก * การละเล่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน * การละเล่นภาคเหนือ * การละเล่นภาคใต้ ประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกว่า คนไทยมีการละเล่นมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากความในศิลาจารึกสมัย สุโขทัยหลักที่ 1 กล่าวว่า “…ใครใคร่จักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื่อน เลื่อน…” และในสมัย อยุธยา ก็ได้กล่าวถึงการแสดงเรื่อง มโนห์รา ไว้ในบทละครครั้ง กรุงเก่า ได้กล่าวถึงการละเล่นนั้นบทละครนั้น ได้แก่ ลิงชิงหลัก และปลาลง อวน ประเพณีและวัฒนธรรมสมัยก่อน มักสอดแทรกความสนุกสนานบันเทิง ควบคู่กันไปกับการทำงาน ทั้งในชีวิตประจำวัน และเทศกาลงานบุญ ตามระยะเวลาแห่งฤดูกาล ลักษณะของกิจกรรมบันเทิงที่จัดอยู่ในการละเล่น ได้แก่ * การแสดง หมายถึงการละเล่นที่รวมทั้งที่เป็นแบบแผน และการแสดงทั่วไปของชาวบ้านใน รูปแบบการร้องการบรรเลงการฟ้อน รำซึ่งประกอบด้วยดนตรีเพลงและนาฏศิลป์ * มหรสพ หมายถึงการแสดงที่ฝ่ายบ้านเมืองจะเรียกเก็บค่าแสดงเป็นเงินภาษีแผ่นดินตาม พระราชบัญญัติที่กำหนดไว้ ตั้งแต่พุทธศักราช 2404 เป็นต้นมา ประกาศมหรสพ ว่าด้วยการละเล่นหลายประเภทดังนี้ละคร งิ้ว หุ่นหนังต่างๆ สักวา เสภา ลิเก กลองยาว ลาวแพน มอญรำและทวายรำ พิณพาทย์มโหรีกลองแขก คฤหัสถ์สวดศพ และจำอวด * กีฬาและนันทนาการ คือ การละเล่น เพื่อความสนุกสนานตามเทศกาล และเล่นตาม ฤดูกาล และการละเล่น เพื่อการแข่งขัน หรือกิจกรรมที่ทำตามความสมัครใจในยามว่าง เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และ ผ่อน คลายความตึงเครียด และการละเล่นพื้นบ้านในจังหวัดร้อยเอ็ดก็เช่นกัน ในจังหวัดร้อยเอ็ดมีการละเล่นพื้นบ้านไทยมากมาย หลายประเภท มีดังต่อไปนี้ *การละเล่นพื้นบ้านของเด็ก *การละเล่นพื้นบ้านของผู้ใหญ่ *การละเล่นพื้นบ้านของแต่ละอำเภอ *การละเล่นของแต่ละเทศกาล จุดประสงค์ในการตั้งการละเล่นพื้นบ้านแต่ละภาคแต่ละประเภท คือ เพื่อวิเคราะห์และเพื่อเป็นการใช้ เวลาว่างเป็นประโยชน์ของทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ อำเภอ และ การละเล่นของแต่ละเทศกาลเป็นดารละเล่นที่เชิดชูเป็น ต้น การละเล่นพื้นบ้านไทย การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมนันทนาการประเภทเกม ที่สามารถส่งเสริม และพัฒนา อารมณ์สุข สนุกสนาน การละเล่นพื้นบ้านของไทยเป็นกิจกรรมที่ยอมรับร่วมกันในสังคมว่าเป็นภูมิ ปัญญาท้องถิ่น มีการถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมที่เน้นความ สนุกสนานไม่เน้นการแพ้ชนะ จึงมีคุณค่าและมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมพฤติกรรมโดยเฉพาะกับเด็กเล็กซึ่ง


เป็นที่รวม ทั้งเป็นการเชื่อมโยงประสบการณ์ทางสังคมให้กับเด็กทำ ให้เด็กไทยประสบความสำเร็จในการเล่น จนเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง เห็นคุณค่าของตนเองกล้าคิด กล้าแสดงออก รู้จักการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับ ผู้อื่นได้อย่างมีความสุขอีกทั้งยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยการรอคอย การช่วยเหลือ การแบ่งปันและการเป็นผู้นำ ผู้ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นผลที่จะเกิดโดยตรงจากการละเล่นของเด็กที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคม ของเด็กวัยนี้ที่ต้องเสริมสร้างพัฒนาการให้พร้อมในการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ในระดับสูงขึ้นต่อไปอย่างมี ประสิทธิภาพการละเล่นพื้นบ้านเป็นช่องทางหนึ่งของการถ่ายทอดภูมิปัญญาเป็นกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลิน และเล่นในยามว่างของเด็กแต่ละท้องถิ่นและเป็นวิธีการที่จะสร้างประสบการณ์ให้เด็กได้เรียนรู้รับรู้เกิดความ เข้าใจและปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมต่างๆได้เพราขณะที่เด็กๆเล่นนอกจากจะได้ออกกำลังเพื่อเสริมสร้าง พลานามัยให้สมบูรณ์แล้วยังได้ใช้สติปัญญาในการคิด มีการสังเกตและใช้ไหวพริบในการแก้ปัญหาและส่งผลให้ มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน ผ่อนคลายอารมณ์ทำให้ปรับตัวเข้ากับหมู่คณะได้ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้เด็กมี คุณธรรมอันจำเป็นแก่การเป็นพลเมืองดีนักวิชาการหลากหลายท่านได้ศึกษาวิจัยและรวบรวมการละเล่น พื้นบ้านเฉพาะท้องถิ่นเช่นศึกษาและรวบรวมการละเล่นพื้นบ้านของตำบลบ้านค่ายอำเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิได้ วิเคราะห์คุณค่าการละเล่นของเด็กไทยในภาคอีสานได้แก่ คุณค่าส่งเสริมทางด้านวัฒนธรรมพัฒนาการทาง ปัญญาอารมณ์และพฤติกรรมด้านสังคม ด้านภาษาและด้านจริยธรรมนอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยรวบรวม การละเล่นพื้นบ้านเพื่อการอนุรักษ์และเผยแพร่เช่นศึกษาบทบาทการละเล ่นพื้นบ้านของเด็กจังหวัดขอนแก่น ที่มีความสัมพันธ์กับสังคมและวัฒนธรรมการศึกษาความบันเทิง * การละเล่นพื้นบ้านของเด็ก มีจุดประสงค์เพื่อเป็นกิจกรรมดีๆ ให้เด็กๆ ได้ออกกำลังกาย และสร้าง สัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนๆ * การละเล่นพื้นบ้านของผู้ใหญ่ ในชีวิตประจำวัน มักจะเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ซึ่งส่วนมากเป็น เกษตรกร * การละเล่นพื้นบ้านของแต่ละอำเภอ มีจุดประสงค์จัดขึ้นเพื่อ อนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านในอำเภอ นั้นๆให้คงอยู่ * การละเล่นพื้นบ้านของแต่ละเทศกาล มีจุดประสงค์ขึ้นเพื่อ อนุรักษ์และสืบสานการละเล่นพื้นบ้าน ของเทศกาลต่างๆ จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า เพื่อวิเคราะห์การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด ประเภทของข้อมูลที่ใช้ในการศึกษา 1. ประเภทการละเล่นพื้นบ้านของเด็กในจังหวัดร้อยเอ็ด 2. ประเภทการละเล่นพื้นบ้านของผู้ใหญ่ในจังหวัดร้อยเอ็ด 3. ประเภทการละเล่นพื้นบ้านของแต่ละอำเภอในจังหวัดร้อยเอ็ด 4. ประเภทการละเล่นพื้นบ้านของแต่ละเทศกาลในจังหวัดร้อยเอ็ด เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษาการละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้วิจัยได้ดำเนินการศึกษาโดยอาศัยแนวทางการ วิเคราะห์จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจำแนกออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้ 1. ประเภทการละเล่นพื้นบ้านของเด็ก


2. ประเภทการละเล่นพื้นบ้านของผู้ใหญ่ 3. ประเภทการละเล่นพื้นบ้านของแต่ละอำเภอ 4. ประเภทการละเล่นพื้นบ้านของแต่ละเทศกาล 1. เอกสารและวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเภทการละเล่นพื้นบ้านของเด็ก การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมนันทนาการประเภทเกม ที่สามารถส่งเสริมและพัฒนา อารมณ์สุข สนุกสนาน การละเล่นพื้นบ้านของไทยเป็นกิจกรรมที่ยอมรับร่วมกันในสังคมว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น มีการ ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนานไม่เน้นการ แพ้ชนะ จึงมีคุณค่าและมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมพฤติกรรมโดยเฉพาะกับเด็กเล็กซึ่งเป็นที่รวม ทั้งเป็นการ เชื่อมโยงประสบการณ์ทางสังคมให้กับเด็ก ทำ ให้เด็กไทยประสบความสำเร็จในการเล่นจนเกิดความภาคภูมิใจ ในตนเอง เห็นคุณค่าของตนเองกล้าคิด กล้าแสดงออก รู้จักการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขอีก ทั้งยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยการรอคอย การช่วยเหลือ การแบ่งปันและการเป็นผู้นำ ผู้ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นผล ที่จะเกิดโดยตรงจากการละเล่นของเด็กที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคมของเด็กวัยนี้ ที่ต้อง เสริมสร้างพัฒนาการให้พร้อมในการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ในระดับสูงขึ้นต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ ความหมายของการละเล่นพื้นบ้านไทย สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2544)ได้ให้ความหมายของการเล่นไว้ว่า“การ เล่น” หมายถึง กิจกรรมที่เด็กเล็ก ๆ ชอบที่จะทำ จะจัดการทำ ขึ้นมาตลอดจนเพื่อความสนุกสนานทั้งหลายที่ สนองต่อความอยากรู้อยากเห็น ของทุกสิ่งที่เขาได้เห็น ได้ยิน ได้ชิม เป็นวิธีการที่พัฒนาความรู้สึกของเด็ก จะ ได้รู้จักกับเพื่อน ๆ ได้ร่วมกิจกรรมได้สังคม ฉวีวรรณ กินาวงษ์. (2533). กล่าวว่า การเล่นของเด็ก หมายถึงกิจกรรมหรือการกระทำ ใดๆ ที่ให้ ความสนุกเพลิดเพลิน โดยที่เด็กไม่ได้คำ นึงถึงผลของกิจกรรมหรือการกระทำ นั้น ๆ การเล่นมีความหมาย สำคัญมากสำหรับเด็ก เพราะการเล่นเกิดจากความสมัครใจของเด็ก สุชา จันทร์เอม. (2541). ได้กล่าวถึง การเล่นว่า หมายถึง กิจกรรมหรือการกระทำ ใดๆก็ให้ความ สนุกสนานแก่เด็กโดยที่เด็กไม่คำ นึงถึงผลการเล่น รัชฎวรรณ ประพาน. (2541). ได้ให้ความหมายของคำ ว่าการละเล่นพื้นบ้านว่า หมายถึง กิจกรรม การละเล่นของสังคมที่ไม่ทราบที่มาแต่ได้ยอมรับและถ่ายทอดการเล่นต่อ ๆ กันมาโดยไม่ขาดสาย เป็นกิจกรรม การละเล่นที่เป็นการละเล่นสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและเป็นกิจกรรมที่เด็กเล่นเพื่อความ สนุกสนานเพลิดเพลิน อาจจะเป็นการเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่ม การละเล่นจึงเป็นบทบาทต่อการพัฒนาทั้ง 4 ด้าน (ร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคมและสติปัญญา) ของเด็ก และเป็นเครื่องหมายแสดงออกของการละเล่น พื้นบ้านว่าเป็นกิจกรรมที่เด็กเล่นด้วยความสมัครใจเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินในขณะที่เด็กได้เล่นเด็กจะ เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาการทางด้านร่างกายอารมณ์จิตใจ สังคมและสติปัญญา และสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง จารุวรรณ ธรรมวัตร. (2553). ได้กล่าวถึงการละเล่นของเด็กไทยว่าการเล่นทุกชนิดนอกจากจะเกิด ความเพลิดเพลินแก่เด็กแล้ว ยังมีคุณค่าอื่นแฝงอยู่เช่น เสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ จิตใจและเล่นหลายชนิดฝึกให้เด็กได้รู้จักสังเกต ให้ไหวพริบในการเล่นทายปริศนาสอนให้เด็กเข้ากับเพื่อนได้ โดยเพื่อนยอมรับอย่างเต็มใจ การเล่นของเด็กแบ่งได้หลายประเภท คือการเล่นและการเล่นในร่ม ถ้าแบ่งเอา บทร้องเป็นหลักก็จะมีสองประเภทคือ การเล่นมีบทร้องและการเล่นที่ไม่มีบทร้อง


ในปัจจุบัน การละเล่นของเด็กไทยในปัจจุบัน เด็กผู้หญิงเล่นตุ๊กตากระดาษชุดขายของพลาสติก เลียนแบบของจริง วิดีโอเกม เด็กผู้ชายก็เล่นปืน จรวด เกมกดและเครื่องเล่นต่างๆซึ่งมีขายมากมายและมี การละเล่นหลายชนิดที่นิยมเล่นทั้งในเด็กชายและเด็กหญิง นอกจากนั้นยังเล่นตามฐานะและเศรษฐกิจของ ครอบครัว ดังนั้นการละเล่นของเด็กไทยสมัยก่อนจึงค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย ๆ จนเกือบจะสูญหายไป หมดแล้ว เช่น กาฟักไข่ เขย่งเก็งกอยขี่ม้าส่งเมืองขี้ตู่กลางนา เตย งูกินหาง ช่วงชัย ชักเย่อ ซ่อนหา มอญซ่อน ผ้าไอ้โม่ง ตี่ รีรีข้าวสาร ตั้งเต ฯลฯ 2. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเภทการละเล่นพื้นบ้านของผู้ใหญ่ การละเล่นผู้ใหญ่ คำว่า "ผู้ใหญ่" ในสมัยก่อนหมายถึง ผู้ซึ่งย่างเข้าสู่วัยรุ่น ค่านิยมในสมัยก่อนนั้น เด็กหญิงชายพอเข้าสู่ วัยรุ่นจะถูกแยกจากกัน นับตั้งแต่ความเป็นอยู่ในครอบครัว และในสังคมทั่วไป การละเล่นในวัยนี้ จึงมักจะเล่น แยกเป็นหญิงฝ่ายหนึ่ง ชายฝ่ายหนึ่ง เป็นส่วนมาก การเล่นเฉพาะชายก็มีบ้าง ปัจจุบันการเล่นแบบสากลเข้ามา แทนที่ การละเล่นแบบไทยจึงมีอยู่น้อยมาก การละเล่นของผู้ใหญ่ในชีวิตประจำวัน มักจะเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ซึ่งส่วนมากเป็นเกษตรกร โดยเฉพาะในภาคกลาง จะเกี่ยวกับการทำนาเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ทำงานเคร่งเครียด ก็มีการเล่นไปด้วย เพื่อ ผ่อนคลายอารมณ์ และเป็นโอกาสให้หนุ่มสาวได้หยอกล้อสนิทสนม ฉะนั้นการเล่นในชีวิตประจำวันจึงเป็น ประเภทเพลงพื้นเมือง ซึ่งมีการโต้ตอบกันเป็นเพลง ใช้ปฏิภาณในทางภาษา เนื้อหาจะเกี่ยวกับสภาพของงาน นั้นๆ แม้ผู้ใหญ่ที่มีอายุเกินวัยหนุ่มสาว ก็เล่นสนุกสนานไปด้วย การละเล่นประเภทนี้แสดงความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน แม้ในยามทำงานก็นำลักษณะนี้ มาใช้ให้เป็น ประโยชน์ ในการทำให้เกิดความสนุกสนาน คลายความเหนื่อยยาก รูปแบบของการประพันธ์เป็นรูปกลอนหัว เดียว คือ ลงสัมผัสท้ายคำกลอนเป็นเสียงเดียว และมีการร้องซ้ำคำ คงจะเพื่อให้มีเวลาคิดโต้ตอบ และเพื่อให้ ผู้อื่นร่วมสนุกร้องเป็นลูกคู่ด้วย ทุกคนมีส่วนร่วมในการเล่น ผู้ที่มีความสามารถในการละเล่นแบบนี้ ถ้าเป็นชาย เรียกว่า พ่อเพลง ถ้าเป็นหญิงเรียกว่า แม่เพลง แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันนี้ ศิลปะเพื่อความบันเทิงกลายรูป เป็นการแสดงชนิดหนึ่ง ใช้ชม ผู้ฟังมิได้มีอารมณ์สนุกสนานไปด้วย อีกประการหนึ่งก็เพราะ วิถีการดำเนินชีวิต เปลี่ยนไป เครื่องทุ่นแรงเข้ามาแทนที่ การละเล่นเหล่านี้จึงค่อยๆ หมดไป แต่ถ้าจะอนุรักษ์ และส่งเสริมให้ถูก ทาง โดยสร้างความเข้าใจในคุณค่าอันเป็นเอกลักษณ์ของการละเล่นบางอย่าง เลือกสรรนำไปปรับใช้ให้ เหมาะสม กับสังคมนั้นๆ ก็จะเป็นประโยชน์ในการสร้างความเป็นไทย ให้อยู่ในจิตใจของคนไทยตลอดกาล การละเล่นเพลงพื้นเมือง การเล่นเพลงพื้นเมือง เพลงพื้นเมืองที่เล่นกันในชีวิตประจำวันต่อไปนี้ เป็นเพลงที่เล่นกันในเวลาเกี่ยว ข้าว ที่ชาวบ้านจะมารวมกัน ช่วยกันทำงาน ด้วยอัธยาศัยไมตรี ตามวัฒนธรรมไทย จึงมีการเล่นสนุกสนานตาม โอกาส การร้องเล่นกันนั้น ใครร้องเพลงเป็น และเสียงดี ก็จะเป็นต้นเสียง ยกตัวอย่างเช่น ฟ้อนร้อยเอ็ดเพชรงาม ร้อยเอ็ดเพชรอีสาน พลาญชัยบึงงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมชั้นดี สตรีโสภาทุ่งกุลาสดใส งาน ใหญ่บุญผะเหวด เป็นคำขวัญประจำจังหวัดร้อยเอ็ดเดิม ที่อธิบายลักษณะแหล่งท่องเที่ยว สภาพแวดล้อม รวมถึงศิลปวัฒนธรรมประเพณีภายในจังหวัดร้อยเอ็ด ปัจจุบัน คำขวัญจังหวัดร้อยเอ็ดได้มีการประกวดคำขวัญและได้นำคำขวัญที่ชนะเลิศมาใช้ในใหม่ ใน ความว่า สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกต บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ชัยมงคล งามน่ายลบึงพลาญชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิฟ้อนร้อยเอ็ดเพชรงาม ได้ประดิษฐ์คิดค้น


การแสดงโดย คณาจารย์จากวิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด ประพันธ์เนื้อร้องโดย อ.สมชิต สุนาคราช เป็นการ ฟ้อนประกอบท่วงทำนองดนตรีที่มีความจังหวะสนุกสนานเร้าใจ การฟ้อนแสดงถึง การอธิบายคำขวัญของ จังหวัดร้อยเอ็ดออกมาเป็นท่วงท่าที่สวยงาม โดยมีเนื้อหาชักชวนให้ไปท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ด และการแต่ง กายของนักแสดงด้วยผ้าไหมลายประจำจังหวัด ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นอีกด้วย การแต่งกาย : หญิง สวมเสื้อผ้าไหมแขนสั้น ห่มทับด้วยสไบไหม นุ่งผ้าซิ่นไหมมัดหมี่ร้อยเอ็ด ยาว กรอมเท้า ผมเกล้ามวยประดับมวยผมด้วยดอกไม้ และสวมเครื่องประดับเงิน ฟ้อนสาละวัน ลำสาละวัน เป็นวัฒนธรรมของชนชาติลาวอีกประเภทหนึ่ง การลำสาละวันที่เก่าแก่ที่กำเนิดมาจาก การทรงผีไท้ผีแถน ตามความเชื่อดั้งเดิมแล้วกลายมา เป็นมหรสพของชุมชนแล้วได้ประยุกต์เพิ่มกลอนลำให้เกิด ความสนุกสนาน ประกอบท่าทางการเคลื่อนไหวของร่างกายโดยอิสระตามธรรมชาติ แรกเริ่มเป็นการเล่น โดยทั่วไปในหมู่ชาวบ้านแล้วแพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทย ได้รับความนิยมมายาวนาน ด้วยท่วงทำนองที่ ไพเราะ จังหวะสม่ำเสมอ เนื้อความของลำสาละวัน นอกจากจะสะท้อนให้เห็นแนวทางการเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิงแล้ว โวหารเปรียบเทียบที่ใช้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความงามของการใช้ภาษา นอกจากนั้น ท่วงทำนองของการลำ ยังมี การเอื้อนที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวลำสาละวันจึงเป็นเอกลักษณ์ของชาวสาละวันยาวนานร่วม 70 ปีไม่มีวันสูญ หาย และยังคงไว้ซึ่งความไพเราะ และเป็นการร้อยเรียงภาษาที่บอกเล่าเป็นทำนองให้ทราบถึงอดีตที่รุ่งเรือง ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้อย่างดียิ่ง การแสดงชุดฟ้อนสาละวันคณาจารย์จากวิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด เล็งเห็นคุณค่าความไพเราะของ ทำนองและบทร้องตลอดจนท่าฟ้อนรำที่สื่อความหมายตามแบบศิลปะพื้นบ้านที่บริสุทธิ์ รวมไปถึงความ สวยงามของลวดลายที่ปรากฏบนผ้าทอของชาวสาละวัน โดยพยายามอนุรักษ์การฟ้อนแบบดั้งเดิมไว้ให้มาก ที่สุดโดยไปศึกษาการขับลำสาละวันและท่าฟ้อนสาละวัน ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แล้ว


นำกลับเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยอีกครั้ง จึงได้นำฟ้อนประกอบการลำสาละวันจัดระเบียบแผนในการแสดง ใหม่โดยดัดแปลงเพื่อใช้ประกอบในการแสดงวงโปงลางแต่ยังคงรูปแบบไว้ดั้งเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน การแต่งกาย - ชาย สวมเสื้อคอกลมแขนสั้นสีเขียวลายจกดิ้นทอง นุ่งผ้าโจงกระเบนสีเขียว ใช้ผ้าสไบจกลุ่มน้ำโขง มัดเอว สวมสร้อยทอง และกำไลทอง - หญิง สวมเสื้อที่มีไหล่เสื้อด้านซ้ายสีเขียว ซึ่งเป็นแบบเสื้อชุดประจำชาติของลาว ห่มสไบจกดิ้นทอง และนุ่งผ้าซิ่นจกสีแดงยกดิ้นทอง ผมเกล้ามวยสูง รวบผมตึงเบี่ยงมวยผมไปทางซ้าย มัดมวยผมด้วยสายลูกปัด ทอง ปักปิ่นทองที่ยอดมวยผม สวมเครื่องประดับทอง เช่น สร้อย ต่างหู กำไล เข็มขัด 3. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเภทการละเล่นพื้นบ้านของแต่ละอำเภอ การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมนันทนาการประเภทเกม ที่สามารถส่งเสริมและพัฒนา อารมณ์สุข สนุกสนาน การละเล่นพื้นบ้านของไทยเป็นกิจกรรมที่ยอมรับร่วมกันในสังคมว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น มีการ ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนานไม่เน้นการ แพ้ชนะ จึงมีคุณค่าและมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมพฤติกรรมโดยเฉพาะกับเด็กเล็กซึ่งเป็นที่รวม ทั้งเป็นการ เชื่อมโยงประสบการณ์ทางสังคมให้กับเด็ก ทำ ให้เด็กไทยประสบความสำเร็จในการเล่นจนเกิดความภาคภูมิใจ ในตนเอง เห็นคุณค่าของตนเองกล้าคิด กล้าแสดงออก รู้จักการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขอีก ทั้งยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยการรอคอย การช่วยเหลือ การแบ่งปันและการเป็นผู้นำ ผู้ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นผล ที่จะเกิดโดยตรงจากการละเล่นของเด็กที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคมของเด็กวัยนี้ ที่ต้อง เสริมสร้างพัฒนาการให้พร้อมในการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ในระดับสูงขึ้นต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ ความหมายของการละเล่นพื้นบ้านไทย รัชฎวรรณ ประพาน. (2541). ได้ให้ความหมายของคำ ว่าการละเล่นพื้นบ้านว่า หมายถึง กิจกรรม การละเล่นของสังคมที่ไม่ทราบที่มาแต่ได้ยอมรับและถ่ายทอดการเล่นต่อ ๆ กันมาโดยไม่ขาดสาย เป็นกิจกรรม


การละเล่นที่เป็นการละเล่นสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและเป็นกิจกรรมที่เด็กเล่นเพื่อความ สนุกสนานเพลิดเพลิน อาจจะเป็นการเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่ม การละเล่นจึงเป็นบทบาทต่อการพัฒนาทั้ง 4 ด้าน (ร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคมและสติปัญญา) ของเด็ก และเป็นเครื่องหมายแสดงออกของการละเล่น พื้นบ้านว่าเป็นกิจกรรมที่เด็กเล่นด้วยความสมัครใจเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินในขณะที่เด็กได้เล่นเด็กจะ เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาการทางด้านร่างกายอารมณ์จิตใจ สังคมและสติปัญญา และสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง ตัวอย่างการละเล่นพื้นบ้านของอำเภอสุวรรณภูมิ รีรีข้าวสาร การเล่นเป็นกลุ่มผู้เล่นสองคนมีหน้าที่ทำสุ้มด้วยการใช้มือทั้วสองของแต่ละคนยึดกันไว้ แล้วยกให้สูง ให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ลอดผ่านซุ้มไป ขณะเดียวกันนั้นผู้เล่นทำซุ้มจะร้องเพลง 4. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเภทการละเล่นพื้นบ้านของแต่ละเทศกาล การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมนันทนาการประเภทเกม ที่สามารถส่งเสริมและพัฒนา อารมณ์สุข สนุกสนาน การละเล่นพื้นบ้านของไทยเป็นกิจกรรมที่ยอมรับร่วมกันในสังคมว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น มีการ ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนานไม่เน้นการ แพ้ชนะ จึงมีคุณค่าและมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมพฤติกรรมโดยเฉพาะกับเด็กเล็กซึ่งเป็นที่รวม ทั้งเป็นการ เชื่อมโยงประสบการณ์ทางสังคมให้กับเด็ก ทำ ให้เด็กไทยประสบความสำเร็จในการเล่นจนเกิดความภาคภูมิใจ ในตนเอง เห็นคุณค่าของตนเองกล้าคิด กล้าแสดงออก รู้จักการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขอีก ทั้งยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยการรอคอย การช่วยเหลือ การแบ่งปันและการเป็นผู้นำ ผู้ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นผล ที่จะเกิดโดยตรงจากการละเล่นของเด็กที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคมของเด็กวัยนี้ที่ต้อง เสริมสร้างพัฒนาการให้พร้อมในการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ในระดับสูงขึ้นต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ ความหมายของการละเล่นพื้นบ้านไทย สุชา จันทร์เอม. (2541). ได้กล่าวถึง การเล่นว่า หมายถึง กิจกรรมหรือการกระทำ ใดๆก็ให้ความ สนุกสนานแก่เด็กโดยที่เด็กไม่คำ นึงถึงผลการเล่น การละเล่นในเทศกาลต่างๆ การละเล่นรื่นเริงในเทศกาลต่างๆ ที่เล่นกัน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ตั้งแต่โบราณมา เทศกาลที่มีการละเล่น มากที่สุด น่าจะได้แก่ เทศกาลสงกรานต์เพราะถือเป็นวันขึ้นปีใหม่และมีเวลาว่างจากการงาน ประกอบกับ เป็นช่วงหน้าแล้ง ฝนไม่ตก หลังจากทำบุญสุนทานกันในวันนี้แล้ว ก็มีการละเล่นรื่นเริงสนุกสนาน เด็กๆ มักจะ ชอบการเล่นกลางแจ้ง ในเทศกาลนี้เด็กๆ ชอบเล่น การละเล่นที่ออกกำลัง และมีบทร้องประกอบ ในภาคกลาง ตามจังหวัดต่างๆ ถึงกับกล่าวกันว่า ถ้าอยากดูการเล่นต่างๆ ของเด็ก ต้องมาดูในวันสงกรานต์และที่เห็นเล่น กันมาก ทั้งเด็กและหนุ่มสาวก็คือ งูกินหาง รีรีข้าวสาร เพราะมีโอกาสได้แตะต้องเนื้อตัวกัน และมีบทร้อง ประกอบสนุกสนานอย่างสุภาพ มีการเล่นแม่ศรีและการละเล่น ประเภทความเชื่อเรื่องเข้าทรงอื่นๆ


นอกจากนั้น ก็มีโค้งตีนเกวียน จ้ำแจ่ว หรือปลาหมอตกกระทะ คล้องช้าง ไม้หึ่ง จ้องเต (ต้องเต) ฯลฯ ซึ่งเป็น การเล่นกลางแจ้ง เพราะต้องการที่กว้างจุคนได้มาก 1. การละเล่นประเภทแข่งขัน แยกออก เป็นสองฝ่าย ให้ฝ่ายหนึ่งเป็นชายล้วน ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิง ล้วน เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดแล้ว ผู้ชนะจะปรับให้ผู้แพ้ร้องรำ จึงเพิ่มความสนุกสนานสมานสามัคคี มากขึ้น เช่น การละเล่นชักชา ช่วงรำ และสะบ้ารำ เป็นต้น 2. การละเล่นที่มีบทร้องประกอบ เช่น การเล่นโยนชิงช้า หรือช้านางหงส์รำโทน เป็นต้น 3. การละเล่นประเภทเพลงพื้นเมือง ได้แก่ เพลงที่เกี่ยวกับงานสงกรานต์ 4. การเล่นสาดน้ำ การเล่นสาดน้ำมีที่มาจากการนำน้ำไปสรงพระพุทธรูปที่วัด โดยใช้รางรองรับน้ำ น้ำที่เหลือในขัน ก็นำมาประพรมกันสนุกสนาน เพราะเป็นหน้าร้อน ที่ภาคอีสานเด็กๆ จะไปรอรับ น้ำสรงพระที่ไหลลงมา เพราะถือว่าเป็นมงคล ต่อมามีการนำน้ำมาประพรมกันเอง จนถึงสาดกัน ตัวอย่างของการละเล่นพื้นบ้านของแต่ละเทศกาล ชักชา วิธีเล่น เหมือนชักเย่อของภาคกลาง หรือยู้สาวของภาคเหนือ แยกเป็นชายฝ่ายหนึ่ง หญิงฝ่าย หนึ่ง ถ้าฝ่ายไหนแพ้จะต้องถูกปรับให้เป็นฝ่ายรำ ช่วงรำ เป็นการละเล่นพื้นบ้านภาคกลาง นิยมเล่นในเทศกาลต่างๆ เช่น สงกรานต์วิธีเล่น เช่นเดียวกับลูกช่วง หญิงฝ่ายหนึ่ง ชายฝ่ายหนึ่ง ผู้แพ้ถูกปรับให้รำ เพลงรำประกอบการเล่นชักชา หรือช่วงรำ มักจะใช้เพลง "ระบำ" เพลงระบำนี้ไม่ใช่ "เพลงระบำบ้านไร่" หรือ "เพลงชาวไร่"


ผลการศึกษา การจัดทำบทความ เรื่อง การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด มีจุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์ การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด มีผลการศึกษา ดังนี้ 1. การละเล่นพื้นบ้าน และ การพัฒนาด้านต่างๆ 1.1 การละเล่นพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมนันทนาการประเภทเกม ที่สามารถส่งเสริมและพัฒนา อารมณ์สุข สนุกสนาน การละเล่นพื้นบ้านของไทยเป็นกิจกรรมที่ยอมรับร่วมกันในสังคมว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น มีการ ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนานไม่เน้นการ แพ้ชนะ จึงมีคุณค่าและมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมพฤติกรรมโดยเฉพาะกับเด็กเล็กซึ่งเป็นที่รวม ทั้งเป็นการ เชื่อมโยงประสบการณ์ทางสังคมให้กับเด็ก ทำ ให้เด็กไทยประสบความสำเร็จในการเล่นจนเกิดความภาคภูมิใจ ในตนเอง เห็นคุณค่าของตนเองกล้าคิด กล้าแสดงออก รู้จักการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขอีก ทั้งยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยการรอคอย การช่วยเหลือ การแบ่งปันและการเป็นผู้นำ ผู้ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นผล ที่จะเกิดโดยตรงจากการละเล่นของเด็กที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคมของเด็กวัยนี้ ที่ต้อง เสริมสร้างพัฒนาการให้พร้อมในการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ในระดับสูงขึ้นต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ จุดประสงค์ในการตั้งการละเล่นพื้นบ้านแต่ละภาคแต่ละประเภท คือ เพื่อวิเคราะห์และเพื่อเป็นการใช้ เวลาว่างเป็นประโยชน์ของทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ อำเภอ และ การละเล่นของแต่ละเทศกาลเป็นดารละเล่นที่เชิดชูเป็น ต้น 1.2 การพัฒนาด้านต่าง ๆ 1.2.1 การพัฒนาด้านอารมณ์ พัฒนาการด้านอารมณ์คือ ความสามารถในการรู้สึกและแสดงความรู้สึก เช่น พอใจ ไม่พอใจ รัก ชอบ โกรธ เกลียด กลัว และเป็นสุข ความสามารถในการแยกแยะความรู้สึก ความลึกซึ้งและการควบคุมการ แสดงออกของอารมณ์อย่างเหมาะสมเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆ ตลอดจนการสร้างความรู้สึกที่ดีและ นับถือตัวเอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับพัฒนาการด้านสังคมด้วย การละเล่นพื้นบ้านและการพัฒนาด้านอารมณ์ในปัจจุบันการละเล่นพื้นบ้านมีมากมายหลากหลาย ประเภทและการละเล่นพื้นบ้านจัดขึ้นด้วยความสนุกสนาน ซึ่งเมื่อเล่นแล้วก็จะทำใให้เกิดอารมณ์ต่างๆ เช่น รีรี ข้าวสาร ตั้งเต วิ่งเปรี้ยว เป็นต้น การละเล่นในข้างต้น จึงสามารถเพิ่มความสนุกสนานให้แก่คนทุกเพศ ทุกวัย ไม่ม่ว่า จะหญิงหรือชาย เด็ก ผู้ใหญ่คนเฒ่าคนแก่ เป็นต้น 1.2.2 การพัฒนาด้านสังคม พัฒนาการด้านสังคม หมายถึง ความสามารถในด้านการรับรู้เข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น รวม ไปถึงการควบคุมอารมณ์ในการแสดงออก เพื่อการรักษาสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นๆ ได้อย่างเหมาะสม การละเล่นพื้นบ้าน และ การพัฒนาด้านสังคม ในปัจจุบันนี้มีการละเล่นพื้นบ้านมากมายหลากหลาย ประเภท ไม่ว่าจะเป็นการละเล่นพื้นบ้านสำหรับเด็ก และ การละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้ใหญ่ ในอดีตจนถึง ปัจจุบัน การละเล่นพื้นบ้านของเด็กก็จัดขึ้นเพื่อให้เด็กเล่นจนทำให้เกิดเป็นสังคมเพื่อนของเด็กๆ ต่อมา การละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้ใหญ่ตั้งแต่ อดีตจนถึงปัจจุบันการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้ใหญ่ถูกจัดขึ้นเพื่อการค้า ขายต่างๆหรือที่เกี่ยวเศรษฐกิจธุรกิจจึงทำให้การละเล่นพื้นบ้านมีปัจจัยหลักคือด้านสังคมเพื่อที่จะทำธุรกิจได้ดี ยิ่งขึ้น


สรุปผลการศึกษา จากผลการวิจัย เรื่องเกี่ยวกับ การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด มีจุดประสงค์ เพื่อวิเคราะห์ การละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดร้อยเอ็ด 1. การละเล่นพื้นบ้าน และ การพัฒนาด้านต่างๆ การละเล่นพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมนันทนาการประเภทเกม ที่สามารถส่งเสริมและพัฒนา อารมณ์สุข สนุกสนาน การละเล่นพื้นบ้านของไทยเป็นกิจกรรมที่ยอมรับร่วมกันในสังคมว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น มีการ ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง การละเล่นพื้นบ้านเป็นกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนานไม่เน้นการ แพ้ชนะ จึงมีคุณค่าและมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมพฤติกรรมโดยเฉพาะกับเด็กเล็กซึ่งเป็นที่รวม ทั้งเป็นการ เชื่อมโยงประสบการณ์ทางสังคมให้กับเด็ก ทำ ให้เด็กไทยประสบความสำเร็จในการเล่นจนเกิดความภาคภูมิใจ ในตนเอง เห็นคุณค่าของตนเองกล้าคิด กล้าแสดงออก รู้จักการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ส่วนการละเล่นพื้นบ้านที่เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ เขามีการละเล่นเพราะธุรกิจและการค้าการขายเป็นส่วนใหญ่ จุดประสงค์ในการตั้งการละเล่นพื้นบ้านแต่ละภาคแต่ละประเภท คือ เพื่อวิเคราะห์และเพื่อเป็นการใช้ เวลาว่างเป็นประโยชน์ของทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ อำเภอ และ การละเล่นของแต่ละเทศกาลเป็นดารละเล่นที่เชิดชูเป็น ต้น การพัฒนาด้านต่างๆ


-การพัฒนาด้านอารมณ์พัฒนาการด้านอารมณ์คือ ความสามารถในการรู้สึกและแสดงความรู้สึก เช่น พอใจ ไม่พอใจ รัก ชอบ โกรธ เกลียด กลัว และเป็นสุข ความสามารถในการแยกแยะความรู้สึก ความ ลึกซึ้งและการควบคุมการแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสม -การพัฒนาด้านอารมณ์ที่สัมพันธ์กับการละเล่นพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้านและการพัฒนาด้าน อารมณ์ในปัจจุบันการละเล่นพื้นบ้านมีมากมายหลากหลายประเภทและการละเล่นพื้นบ้านจัดขึ้นด้วยความ สนุกสนาน ซึ่งเมื่อเล่นแล้วก็จะทำใให้เกิดอารมณ์ต่างๆ เช่น รีรีข้าวสาร ตั้งเต วิ่งเปรี้ยว เป็นต้น การละเล่นใน ข้างต้น จึงสามารถเพิ่มความสนุกสนานให้แก่คนทุกเพศ ทุกวัย ไม่ม่ว่า จะหญิงหรือชาย เด็ก ผู้ใหญ่คนเฒ่าคน แก่ เป็นต้น -การพัฒนาด้านสังคม หมายถึง ความสามารถในด้านการรับรู้เข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น รวม ไปถึงการควบคุมอารมณ์ในการแสดงออก เพื่อการรักษาสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นๆ ได้อย่างเหมาะสม -การพัฒนาด้านสังคมที่สัมพันธ์กับการละเล่นพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้าน และ การพัฒนาด้าน สังคม ในปัจจุบันนี้มีการละเล่นพื้นบ้านมากมายหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการละเล่นพื้นบ้านสำหรับ เด็ก และ การละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้ใหญ่ ในอดีตจนถึงปัจจุบัน การละเล่นพื้นบ้านของเด็กก็จัดขึ้นเพื่อให้เด็ก เล่นจนทำให้เกิดเป็นสังคมเพื่อนของเด็กๆ ต่อมาการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้ใหญ่ตั้งแต่ อดีตจนถึงปัจจุบัน การละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้ใหญ่ถูกจัดขึ้นเพื่อการค้าขายต่างๆหรือที่เกี่ยวเศรษฐกิจธุรกิจจึงทำให้การละเล่น พื้นบ้านมีปัจจัยหลักคือด้านสังคมเพื่อที่จะทำธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษา 1. ทำให้ทราบถึงเรื่อง การละเล่นพื้นบ้านของเด็ก และของผู้ใหญ่ว่าเกี่ยวกับปัจจัยใดบ้างจึงมี การละเล่นประเภทนี้ขึ้นมา 2. ทำให้ทราบถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการละเล่นพื้นบ้านกับการพัฒนาทางด้านอารมณ์ 3. ทำให้ทราบถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการละเล่นพื้นบ้านกับการพัฒนาทางด้านสังคม


บรรณานุกรม กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2543). คู่มือความฉลาดทางอารมณ์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมชน สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด. กรรณิการณ์สุสม. ความหมายของคำ"การละเล่นพื้นเมือง". [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: http://www.nsru.ac.th/oldnsru/webelearning/dance/native.html กุลยา ตันติผลาชีวะ.ความหมายของการละเล่นไทย. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: http://student.swu.ac.th/sc511010362/workhome/0mean.htm พญาไท .ความหมายของพัฒนาการด้านสังคม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.phyathai.com/th/article มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์.ความหมายของพัฒนาการด้านอารมณ์. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.enfababy.com สมุนไพร. การละเล่นพื้นบ้านไทย. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://noey-tanoo.blogspot. com/2011/09/blog-post.html childanddevelopment.com. การละเล่นของเด็กไทย. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www. childanddevelopment.com/.


Click to View FlipBook Version