The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by narakornz1999, 2022-05-26 08:14:08

ลองดูที่6 (1)

ลองดูที่6 (1)

คำนำ

หนังสอื่ เลม นี้ จัดทำเพ่อื เปนสวนหนึง่ ของโครงการ
ออกแบบหนังสืออเิ ล็คทอรน คิ (E-book 6โรคผิวหนงั )
ทพ่ี บในหนา รอ นเพ่ือเปนความรูไดศึกษาในเรอ่ื งของ
6โรคผวิ หนงั ท่สี ว นมากจะพบในหนารอนในตัวหนงั ส่ือ
จะมีขอมลู ตา งๆในแตละโรค ท้งั ขอ มลู เบ้อื งตน
.สาเหตุ อาการ วิธีปองกนั วิธรี ักษา

นรากร เดชเชยี ร

ÊÒúÑÞ

1. 2 20

4.
âä¡ÅÒ¡ 3 21
4 โรคภมู ิแพผ� ิวหนัง 22

5 19-24 23
24
1-6 6

2. 8 5. 26
âä¼ÔÇäËÁŒá´´ 27
â伴Ì͹ 9 28
10 25-30 29
30
7-12 11
12

โรคเ3ก.ลอื้ น 14 6. 32
15 âä¡Å่Ô¹µÑÇ 33
13-18 16 34
17 31-36 35
18 36

1

โรค
กลาก

(Dermatophytosis)

ภาพจาก.นพ.สมาธิ นิชานนท
(คลินกิ นายแพทยส มาธิ โรคผิวหนงั ภมู แิ พ ศรีสะเกษ)

2

กลากก

กลาก (Ringworm) เปนโรคตดิ เชอ้ื ราบนผิวหนังทปี่ รากฏ
เปนวงแดงหรอื ขยุ สีขาว และอาจมีอาการอกั เสบคลา ยผื่น
แดงรว มดวยได กลากสามารถขึ้นตามสว นตา งๆ ของราง
กาย ตั้งแตห นงั ศีรษะ ใบหนา มอื เทา เลบ็ และขาหนบี .โดย
พบไดทกุ เพศทกุ วัยแตม กั จะพบบอยในเด็ก

3

สาเหตุ

โรคกลากเกดิ จากเชือ้ ราทผี่ วิ หนังในกลุมเดอมาโทไฟท (Dermatophytes)
เช้ือราเหลานจ้ี ะอาศัยอยูบนชั้นเนือ้ เยอ่ื โปรตนี เคราตินบนผวิ หนงั ท่ตี ายแลว
เทานนั้ แตมักจะไมเขาสูรา งกายหรือเย่ือบุผวิ อยา งปากหรอื จมูก

เชอื้ ราเปนสปอรเ ล็กๆท่มี คี วามคงทนและสามารถอยรู อดบนผิวหนงั ของมนุษย
ในพ้ืนดนิ หรอื ตามส่งิ ของตา งๆไดเ ปน เวลาหลายเดอื นและยงั เจรญิ เตบิ โตไดใน
สภาพอากาศรอนชืน้ อยา งเชน ในประเทศไทย จึงเกดิ การแพรกระจายไดง าย
.โดยสามารถตดิ จากคนและสัตวดว ยการสมั ผสั การจบั ส่ิงของท่ีมักมีเช้ือราน้ี
เกาะอยู เชน เสือ้ ผา ผาเช็ดตัว หวแี ละแปรงสฟี น หรอื ติดจากดินในกรณีทตี่ อง
ทำงานหรอื ยืนเทาเปลาบนพืน้ ดนิ ที่มีเช้อื รา

บุคคลตอ ไปน้อี าจเสีย่ งตอการตดิ เชื้อราไดงาย
1.เด็กออ นหรือผูสูงอายทุ ่ีอายุมากแลว 2.ผูท ่มี นี ำ้ หนกั เกนิ กวา มาตรฐานมาก
3.ผทู ่ีมภี มู คิ มุ กันออ นแอ เชน ผูตดิ เช้ือเอชไอวี 4.ผูเ ขา รบั การรกั ษาโรคที่สงผล
ให ระบบภมู ิคมุ กนั ออ นแอลง เชน การทำเคมบี ำบดั หรือใชยาสเตยี รอยด 5.เคย
ตดิ เชือ้ รามากอน 6.ผูปว ยโรคเบาหวานชนดิ ท่1ี 7.ผูป วยโรคหลอดเลือดแดงแขง็
8.มีการหมุนเวยี นของโลหิตไมดี โดยเฉพาะผูทม่ี ภี าวะหลอดเลอื ดดำบกพรอ งที่
หลอดเลอื ดดำในขามีปญหาในการพาเลอื ดกลับไปยงั หวั ใจ

4

อาการ

1. 2.

กลากท่ีหนังศีรษะมกั เกดิ กับเด็ก กลาก ทีใ่ บหนา และลำคอ
ชว งวัยใกลโ ตหรือวยั รนุ อาการ อาจไมปรากฏเปนดวงคลาย
โดยทัว่ ไปมกั ทำใหหนังศีรษะตก วงแหวนอยา งกลากชนดิ อน่ื ๆ
สะเกด็ เปนจดุ เลก็ ๆเจบ็ เมอ่ื สัมผัส แตเกดิ เปนอาการคันบวมและ
เสนผมรวงเปนหยอมๆและคนั ศรี ษะ แหง จนเปนสะเกด็ ซงึ่ หากเกดิ ที่
บริเวณหนวดอาจทำใหห นวด
หลดุ รวงเปนหยอมได

3. 4.

กลากที่เทา (เชอ้ื ราทเ่ี ทา)รจู ักกันในชื่อนำ้ กดั กลากทีม่ อื ทำใหผ วิ หนงั
เทา หรือฮอ งกงฟตุ เปนโรคทางผิวหนังท่ีพบ บริเวณฝา มือและงามนว้ิ
ไดบ อ ยมากการติดเช้อื ราทเ่ี ทาอาจทำใหเ กิด หนาข้ึน .โดยอาจเปน ขาง
อาการแหงคัน มผี ่นื แดงเปนแผน บรเิ วณงาม เดยี วหรอื เปนทั้ง 2 ขาง
นว้ิ .โดยเฉพาะนวิ้ นางและนว้ิ กอยหรือในระดบั พรอ มกนั แตสว นใหญมัก
ทรี่ ุนแรงอาจมอี าการผวิ หนังแตกแหงเปน ตุม พบแคข างเดยี ว
พองเปนขยุ สะเก็ดผวิ หนงั บวมแสบหรือเจบ็ ๆ
คนั ๆทผี่ ิวหนังและอาจมผี ิวหนงั แหง เปน ขุยรอบๆ

5

วธิ ปี อ� งกัน

ปองกนั ตนเองจากผปู ว ยหรอื สตั วทีม่ ีการติดเช้อื โรคกลากกลาก
ในสัตวม ักปรากฏเปนรอยขนรวงเปน หยอม หรือ อาจไมสามารถ
สังเกตไดเลยผูเลย้ี งสตั วควรนำสัตวเลยี้ งไปตรวจเพื่อปอ งกนั การ
เกิดโรคและติดเช้ือ

1. ลา งมือเปนประจำ 2.
เพ่อื ปอ งกนั การแพร
กระจายของเชือ้ หมนั่ ทำความสะอาด
พน้ื ทส่ี ว นรวมท่ใี ชรว ม
3. รกั ษาความสะอาด กนั .โดยเฉพาะตามโรง
เรียน ศนู ยเ ลีย้ งดูเดก็
ของรางกายเชด็ ตวั โรงยมิ และสระวา ยน้ำ
และศีรษะใหแหงอยา
สวมใสเ ส้ือผาทช่ี ื้น 5.

4. อาบน้ำทำความสะอาด ควรสวมใสร องเทา
เม่ือเดนิ ในหองลอ็ ค
รา งกายทุกครงั้ .หลัง เกอร หอ งน้ำหรอื
จากการออกกำลังกาย อาบนำ้ สาธารณะ
หรอื ทำกิจกรรมท่ีตอง
สมั ผสั รา งกายผูอน่ื 6.

หลกี เล่ียงการใชข องใช
สว นตวั รว มกันไมว า จะ
เปน เส้ือผา แปรงสฟี น
ผา เช็ดตัวหรอื ขาวของ
อื่นๆ

6

วธิ รี ักษา

เชอ้ื ราที่หนงั ศรี ษะสามารถรักษา.โดยการรบั ประทานยาตานเชื้อราได
เชนเดียวกบั เชอ้ื ราตามผิวหนังตัวยาท่ีแพทยมักใช ไดแ ก กริซโี อฟูลวนิ
ระยะเวลาทแ่ี นะนำใหรบั ประทานคอื 8-12 สปั ดาหและเทอรบ นิ าฟนรบั
ประทานเปนเวลา 4 สัปดาห ยาตา นเช้อื ราทีห่ นังศีรษะอาจใชควบคไู ป
กับครีมหรอื แชมพูตานเช้ือรา เชน แชมพคู ีโตโคนาโซลแชมพูซีลเี นียม
หรอื ครมี เทอรบ นิ าฟน.โดยควรใชสัปดาหล ะ2 คร้งั เปน เวลาติดตอกัน
2 สัปดาห

นอกจากการใชยาทารกั ษาผปู วยเองยงั สามารถบรรเทา โรคกลาก
ไดด ว ยการปรบั สุขอนามัยงายๆ ไดแ ก เลี่ยงการสวมใสเสือ้ ผา ทกี่ อให
เกิดการระคายเคืองบรเิ วณท่ตี ดิ เชอื้ ซักทำความสะอาดเคร่อื งนอนและ
เสอื้ ผา ทกุ วัน รวมถงึ ทำความสะอาดและเช็ดผวิ ใหแ หง เปนประจำ

แพทยอ าจสั่งจายยาตามความรุนแรงของการติดเชื้อของ ผูป วย
โดยอาจจา ยยาทน่ี ยิ มใชร กั ษาการตดิ เชอ้ื รา ไดแก คโี ตโคนาโซล(Keto
conazole)โคลไตรมาโซล(Clotrimazole)ยาไมโคนาโซล(Miconazole)
หรอื อาจใชย าทีห่ าซือ้ ไดเ องตามรานขายยาก็ได ซ่งึ มกั เปน ยาท่มี ีสวน
ประกอบของยา ดงั กลาว การใชยาทารักษาอาจตอ งใชร ะยะเวลานาน
2-4 สัปดาห เพื่อใหแนใ จไดวา ฆา เชื้อราท่ที ำใหเกดิ โรคไดหมดและลดการ
เส่ียงกลับไปตดิ เชอื้ อกี ครัง้

âä 7
¼´ÃÍŒ ¹

(Heat Rash)

ภาพจาก.นพ.สมาธิ นชิ านนท
(คลินิกนายแพทยส มาธิ โรคผวิ หนัง ภมู ิแพ ศรสี ะเกษ)

8

¼´
Ì͹

ผดรอ น เปนตุมคันขนาดเลก็ เกิดจากตอ มเหง่ือทอ่ี ดุ ตนั ใตผิวหนงั

โดยเฉพาะเมือ่ เหง่ือออกหรอื อยูในสภาพอากาศทีร่ อ นและชน้ื ซึ่ง ผดรอน

อาจปรากฏขนึ้ ไดท ว่ั รา งกาย เชน บริเวณใบหนา คอ หลงั อก และตน ขา

เปนตน แมผ ดรอนเปนภาวะทางผวิ หนงั ท่ีไมอ นั ตราย และอาจหายไดเอง

เม่ืออากาศเย็นลงแตค นทว่ั ไปควรศกึ ษา ขอ มูลเพอื่ ปอ งกนั หรอื รับมือ

หากเกิดผดรอนขนึ้ กับตนเอง

9

ÊÒà˵Ø

1 ภมู ิอากาศเขตร้อน รา่ งกายสมั ผสั แสงแดดหรือสภาพ
อากาศที่ร้อนและชื้นจนมเี หงื่อออกมาก

ตอ่ มเหงอ่ื พฒั นาไม่สมบรู ณ์ อาจเกิดขน้ึ ไดก้ ับทารกแรกเกิด

2 ท่ีมีอายุเพียง1 สปั ดาห์เพราะต่อมเหงอ่ื อาจยงั เจริญไมเ่ ต็มท่ี
จึงอาจทำใหเ้ หงอ่ื ติดอยู่ใต้ผวิ หนัง.โดยเฉพาะเมอื่ อยูใ่ นตอู้ บ
เดก็ หรือเปน็ ไข้

3 การปกปดิ รา่ งกาย เช่น การปดิ ผิวหนังดว้ ยพลาสเตอร์
การใสเ่ สอ้ื ผ้าที่อบอุ่นและหนาเกินไป หรือการนอนใต้ผา้
หม่ ไฟฟา้ ทท่ี ำใหเ้ กดิ ความรอ้ น

4 การทำกิจกรรมที่ใช้แรง เช่น การออกกำลังกายหนกั ๆ
หรอื ทำกิจกรรมอน่ื ๆที่ทำใหม้ ีเหงือ่ ออกมาก

ภาวะทไ่ี ม่สามารถเคลือ่ นไหวได้เมื่อเกดิ อาการปว่ ยต่างๆ

5 โดยเฉพาะเมื่อมีไข้ อาจทำใหต้ ัวร้อนและมีเหงื่อออกขณะ
นอนพักรักษาตวั หรอื มปี ญั หาสุขภาพอื่นๆ ท่ที ำให้ต้อง
นอนอยู่บนเตียงเปน็ เวลานาน

ÍÒ¡ÒÃ 10

อาการคันและมตี มุ่ เลก็ ๆข้นึ ตามรา่ งกายเป็น อาการทพี่ บได้ทวั่
ไปของผดร้อน.โดยมกั ปรากฏข้นึ บริเวณใตร้ ่มผา้ หรือบริเวณใบ
หน้าคอ หลงั อกและตน้ ขาสว่ นเดก็ เล็กมกั เกดิ ผดรอ้ นบริเวณคอ
หัวไหล่และหน้าอกและบางคร้งั อาจปรากฏอาการบริเวณรักแร้
ขอ้ พบั แขนและขาหนบี ได้ ซึง่ ผดรอ้ นอาจเกิดข้นึ ไดห้ ลายรปู แบบ
เช่น

ตมุ่ นำ้ ใสขนาด 1-2 มลิ ลิเมตร ไม่แสดงอาการเจบ็ หรอื คัน แต่
อาจแตกเป็นสะเก็ดได้งา่ ย มักเกิดจากการอุดตนั ในผิวหนังชน้ั ท่ี
ตืน้ ทส่ี ดุ ทำใหเ้ หงอ่ื ทร่ี ั่วออกมาจากทอ่ เหงื่อสะสมอยู่ใต้ผวิ หนงั
บริเวณน้ันซงึ่ ถกู ปกคลุมดว้ ยผิวหนังบาง ๆ

ผดแดง ซงึ่ ทำให้รู้สึกคัน เจบ็ แสบ หรือระคายเคือง และมักเกดิ
ขน้ึ บรเิ วณผวิ หนังทีม่ ีการเสียดสี เช่น อก คอ หลัง และขอ้ พับ

ตุม่ สเี น้อื ขนาด 1-3 มิลลเิ มตรลักษณะคล้ายผวิ ห่านและไม่แสดง
อาการอื่นๆเกิดจากการรวั่ ของตอ่ มเหงอ่ื ช้ันหนงั แท้ ซึ่งมกั เกดิ ใน
เวลาไม่กีช่ วั่ โมงหลงั สมั ผัสความร้อน

ÇÔ¸Õ»‡Í§¡¹Ñ 11

สาเหตุหลักของผดรอ น คอื เหง่ือโดยเฉพาะเม่ืออยูในสภาพอากาศท่ีรอ นและชื้น
เพราะเหงอ่ื ปริมาณมากจะทำใหต อมเหงอ่ื ใตผ ิวหนังอุดตนั และไมสามารถระเหย
ออกมาได และเมื่อทอสง เหงอ่ื อดุ ตัน อาจทำใหเ กดิ การรั่วของเหง่ือสะสมอยใู นชนั้
ผวิ หนงั เกิดเปนตุม นำ้ จนกลายเปน ผดรอ นหรือเกิดการอักเสบตามมาไดใ นปจจบุ ัน
ยงั ไมอ าจระบุสาเหตทุ ที่ ำใหตอมเหง่อื อุดตันไดช ดั เจน แตเปนไปไดวา อาจเกิดขึ้นจาก
สาเหตตุ าง ๆ ดังตอ ไปน้ี

1 หลกี เล่ียงสภาพอากาศรอนเกินไป
โดยเฉพาะในฤดรู อ น อยใู นหอ งทอ่ี ากาศเย็นสบาย

2 หลกี เล่ยี งการทาครีมหรือโลช่ัน
ทกี่ อ ใหเ กิดการอุดตันประเภทนำ้ มันและขีผ้ ้งึ

3 สวมใสเ สื้อผา เนือ้ บางๆ
ไมรดั รปู ระบายอากาศไดดี เชน ผาฝาย

4 อาบน้ำเยน็ หรือเช็ดตวั
ชว ยคลายรอนใชส บูท ่ีไมทำใหผ วิ หนงั แหง

12

Ç¸Ô ÃÕ ¡Ñ ÉÒ

1 อาบนำ้ ดวยนำ้ เย็นและสบทู ่ไี มทำใหผิวแหงและปลอยให
ผิวแหง เองหลังอาบน้ำเสรจ็ ไมใชผา ขน หนเู ชด็ ตัวเพอ่ื
ลดการเสยี ดสจี นเกดิ ผดรอน อักเสบเพิ่มขึน้

2 อยูในบรเิ วณที่มีอากาศเย็นหรือมเี ครือ่ งปรบั อากาศ
ประคบผาเยน็ บริเวณผวิ หนัง เพื่อชวยลดความรอน

3 หลกี เลี่ยงการทำงานหรอื ออกกำลัง
กลางแจงทอ่ี าจทำใหเกิดเหง่ือออก
มาก

4 หลกี เลย่ี งการใชพลาสเตอรปดทับผิวหนัง
หรือไมส วมใสเ สอื้ ผารัดรูปเพ่อื ปอ งกนั การ
อดุ ตันของตอมเหง่ือ

13

โรคเกลอ้ื น
(Tinea versicolor)

ภาพจาก.นพ.สมาธิ นิชานนท
(คลนิ ิกนายแพทยสมาธิ โรคผิวหนัง ภูมแิ พ ศรสี ะเกษ)

เกลื้อน

เกลือ้ น (Tinea Versicolor)
เปนโรคติดเชื้อราทผ่ี วิ หนงั ทวั่ ไปชนดิ หนึ่ง เกดิ จากราที่อาศัยอยตู ามผวิ หนงั
ปรากฏในลักษณะเปน ดวงเล็กๆ ที่อาจมสี เี ขม หรือสอี อนกวาสผี ิวปกตบิ รเิ วณรอบ

โดยมักเกดิ ข้ึนทล่ี ำตวั หรอื ตน แขน และหากปลอยไวไมไ ดร ับการรักษา
ก็จะสามารถรวมตวั กนั และขยายเปน ดวงใหญข ้ึน

15

1

อากาศรอนและชน้ื

2

มีเหงื่อออกมากเกนิ ไป

สาเหตุ

เกล้อื นเกิดจากเชอ้ื รามาลาสซเี ซยี (Malassezia)ที่อยูตามผิวหนัง
โดยปกตผิ ิวของคนเราสว นใหญจะมีเชอื้ ราชนิดนีอ้ ยูแลวแตจ ะสง ผล
ใหติดเช้ือก็ตอเม่ือมมี ากกวาปกติ ซึง่ สาเหตทุ ีท่ ำใหเ ชอื้ รานเ้ี ตบิ โตข้นึ
ก็ยังไมแนช ดั แตสนั นิษฐานวา มีปจ จยั ที่เปนตัวเรง ไดแ ก

3

ระบบภูมคิ มุ กนั ออ นแอ

4

เช้ือรา

ทงั้ น้กี ารเกิดของเกลอ้ื นไมเ กี่ยวกับการไมรักษาสุขอนามัยแตอยา งใด
.โดยสามารถเกดิ ไดก ับทกุ เพศทกุ วยั แตพบไดบอยในวยั รุนและวัยผใู หญ
ตอนตน และจะไมแ พรไ ปสูผ ูอ่นื เพราะคนสว นใหญม กั มยี ีสตมาลาสซีเซียอยู
บนผวิ หนงั อยูแลว

16

1

ดวงเกล้ือนอาจลดลงหรอื หายไปเม่ือสภาพอากาศเย็น
หรืออาการอาจแยลงหากอากาศรอ นหรือชื้น

2

อาจทำใหผ วิ แหง ตกสะเกด็ หรอื คนั

อาการ

ลักษณะของการตดิ เชือ้ ราเกล้ือนอาจสงั เกตไดดังนี้

3

มดี วงขึ้นเปน สีขาว ชมพู แดง หรอื นำ้ ตาล
โดยจะมสี เี ขม หรอื ออนกวาผิวหนงั ปกติบริเวณ
รอบอาจขึ้นเปน ดวงเดียวหรือหลายดวงกไ็ ด

4

บางคนทเ่ี ปน เกลอื้ นผวิ หนังอาจไมไดแสดงการ
เปล่ยี นแปลงลกั ษณะหรือสีอยางเห็นไดช ดั

17

1

เลี่ยงการเผชญิ แสงแดดเทาทจ่ี ะทำได เนอ่ื ง
จากจะกระตนุ ใหอ าการแยล งและเห็นเกลือ้ น
ชดั ขน้ึ อาจใชห มวกหรอื ผาคลุมกนั แดด

2

เลย่ี งการทำใหเ หงือ่ ออกมาก

วิธีป้องกนั

โรคเกล้อื นมีโอกาสกลบั ไปเปนอีกครั้งไดง า ยแมว า จะรกั ษาหายไปแลว .โดยเฉพาะ
ชว งหนา รอ นหรือเมอ่ื อากาศรอนชืน้ การปองกนั การตดิ เชื้อราอกี ครั้งสามารถทำได
ดว ยการใชแชมพขู จดั เชื้อราเปนประจำทกุ 2-4 สัปดาหห รอื วันละ1 คร้งั ในชว ง 2-3 วัน
กอนออกไปทำกิจกรรมทีต่ อ งสัมผสั อากาศรอ นนานๆหรอื ทำใหมีเหง่ือออกมาก นอก
จากการใชแชมพูขจดั เชอ้ื ราทำความสะอาดเปน ประจำแลว ยังมีขอปฏบิ ัติทท่ี ำไดดงั นี้

3

เลอื กสวมเสือ้ ผาทรี่ ะบายความรอ น
และความชนื้ เพอ่ื ลดเหง่อื ออก เชน ผาฝาย

4

ควรทาครมี กันแดดทุกวัน เลอื กใชสูตร
ที่มคี วามมันนอยและมี SPF 30 ข้ึนไป

18

1

ครีมหรือเจลขจดั เชื้อรากรณที ผ่ี วิ หนังติดเชือ้ ราเพยี งจุดเลก็ ๆอาจรักษาดวย
ครีมขจดั เชือ้ รา โดยทาวนั ละ 1-2 คร้งั ลงบนผวิ หนังเชนเดียวกับการใชแ ชมพู
แตไมตองลางออกครมี ตานเชอ้ื รานบี้ างคร้งั อาจกอ ใหเกดิ อาการแสบรอ นท่ี
ผิวหนงั แตพบไดไมบอยครง้ั ยาตานเชอ้ื ราประเภทครมี ไดแ กโคลไตรมาโซล
(Clotrimazole) ไมโครนาโซล(Miconazole)และเทอรบ ินาฟน (Terbinaf ine)

2

แชมพูขจัดเชื้อรา ในขัน้ แรกของการรกั ษาแพทยม กั แนะนำใหใชแ ชมพูขจัดเช้อื
ราท่ีประกอบดว ยตัวยาตานเชอ้ื ราเชน คโี ตโคนาโซล(Ketoconazole)หรอื ซลี ี
เนียมซัลไฟด (Selenium sulphide)ซ่ึงแพทยอ าจสั่งจายแชมพูน้ีใหผ ปู ว ยหรอื
หาซอื้ ไดต ามรา น ขายยาทัว่ ไปก็ได

วิธีรกั ษา

3

ยาตานเชื้อรา ผิวหนังทีต่ ิดเชอ้ื ราเปน บริเวณกวา งหรือการใชแ ชมพูและ
ครีมไมไดผ ลผูป ว ยอาจไดร ับยาชนิดรบั ประทานจากแพทย เชน ฟลูโคนาโซล
(Fluconazole)ไอทราโคนาโซล(Itraconazole)เปนระยะเวลา1-4 สปั ดาห ซึ่ง
สว นใหญยานม้ี ักไมค อยพบผลขา งเคียงการใชแ ตห ากมีก็อาจทำใหมผี ่ืนคนั
รูสกึ ปว ยและปวดทองในระหวา งท่ีรับประทานยาน้ี

4

ยา ครีม และแชมพขู จดั รงั แคเหลา นอี้ าจตอ งใชเวลาหลายสปั ดาห หรือ เปน

เดอื นกวาผิวหนงั จะกลับมาเปนสปี กติ หรืออาจตอ งรกั ษาซ้ำหากเปนนาน

หรอื กลับไปเปน อกี ครง้ั

19

âä¼ÇÔ
äËÁŒá´´

(PHOTODERMATOSES)

ภาพจาก.นพ.สมาธิ นิชานนท
(คลนิ ิกนายแพทยส มาธิ โรคผวิ หนัง ภมู ิแพ ศรีสะเกษ)

20

¼ÇÔ äËÁŒá´´

ผวิ ไหมแ ดด (Sunburn)คือภาวะของผวิ ทีเ่ กดิ การอกั เสบ แดง และแสบรอ น
จากการรบั รังสอี ัลตราไวโอเลตหรือรังสยี วู ี (UV) ที่มากหรอื นานเกินไป ซ่งึ
อาการไหมแดดสามารถเกดิ ขึน้ บนผวิ หนงั ท่ัวไปและบรเิ วณรางกายทโี่ ดนรงั
สียูวไี ด เชน หนงั ศีรษะ รมิ ฝป าก ดวงตา เปนตน
ผวิ ไหมแ ดดไมไดเ กดิ จากแสงแดดเพียงอยางเดียวเทา นั้นแตยงั สามารถเกิด
จากรงั สียูวเี ทยี ม อยางหลอดไฟยวู ี ตูหรือเตียงอบผิวแทนแมอ าการผวิ ไหม
แดดสวนใหญสามารถหายไดเอง แตหากไดรบั รงั สนี มี้ ากเกินไปกอ็ าจเกดิ อา
การอ่ืนๆทสี่ ง ผลเสยี ตอผวิ หนงั เชน ผิวไหม ผิวลอกตุมพองเปนตน รวมทง้ั
อนั ตรายจากรงั สียูวกี ็เปน หนึง่ ในสาเหตุของการเกดิ รวิ้ รอยตางๆและโรครา ย
แรงอยา งมะเรง็ ผวิ หนงั ไดอกี ดวย

21

ผวิ ไหมแ ดดเกดิ จากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรงั สยี ูวที ัง้ จากแหลงธรรม
ชาตแิ ละจากรงั สยี วู ีเทียมอยา งเตยี งอบผิวแทนหรือหลอดไฟยวู ี รวมไป
ถงึ พ้ืนผวิ ตางๆ อยา งทรายหรอื นำ้ กส็ ามารถสะทอนรงั สียวู มี าสูรา งกาย
ได ทำใหไมวา จะเปนสภาพอากาศหนาว หรือรอนก็อาจเกดิ ผวิ ไหมแดดได

ÊÒà赯 ปกตแิ ลวรา งกายของมนุษยจ ะมีกระบวน การปองกันรงั สียวู อี ยู. โดย
รางกายจะผลติ เม็ดสีท่ีมชี ่อื วาเมลานิน (Melanin)ออกมามากกวา ปกติ
ทผี่ วิ หนงั ช้นั นอกและทำใหผ วิ คลำ้ ขึ้นซึง่ เมลานนิ จะเปนตวั ชวยใน การ
ปองกันผิวจากรงั สียูวีทมี่ ากเกินไป และ ปองกันไมใหผวิ เกดิ การไหม
แดดแตกระบวนการนี้สามารถชวยไดใ นระดับหนึง่ เทา น้ัน

แสงไฟยวู ีเอ (UVA)ยูวเี อเปน รังสที ่มี คี วามรุนแรงนอยกวายูวีบแี ตเปน
รังสที ีส่ ามารถทะลเุ ขา ไปทำลายเซลลใหมๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในช้ันผวิ หนังแท
และชัน้ ไขมันทส่ี ะสมอยูใตผ วิ หนังและการรบั รงั สียวู ีเอสะสมเปน เวลา
นานกจ็ ะทำใหผ วิ เกิดร้วิ รอยรองลกึ ตา งๆ ตามมา

แสงไฟยูวีบี (UVB)ยูวีบมี ีผลตอชน้ั หนังกำพรา ที่อยนู อกสุดของรา งกาย
กอ ใหเกดิ รอยแดงท่ีเปน สัญญาณเร่มิ ตน ของอาการผิวไหมแดดการรับ
รังสียูวบี สี ะสมเปน เวลานานกเ็ ปน สาเหตขุ องการเกดิ ริว้ รอยตางๆรวม
ไปถึงมะเรง็ ผิวหนงั ชนิดเมลาโนมา (Melanoma)และชนดิ ไมใชเ มลาโนมา
(Non-melanoma)

22

ผวิ ไหมแ ดด มกั จะเรม่ิ มีอาการหลงั จากท่ี โดนแดดไปประมาณ ÍÒ¡ÒÃ
2-6 ช่วั โมง โดยมกั จะพบอาการแสบรอ นตามผิวหนังท่โี ดน แดด
ผิวเริ่มเปลี่ยนเปน สีแดงหลังจากน้ันประมาณ 24 ชวั่ โมงขึ้นไปผวิ
ท่ไี หมแ ดดจะเรมิ่ เกิดอาการอ่นื ๆตามระดบั ความรุนแรง .โดยอาจ
พบวา ผวิ เรมิ่ มอี าการระคายเคอื งหรือเจบ็ ปวด

ผิวไหมแ ดดอาจเกดิ ไดก บั ผวิ หนงั สว นท่มี เี สื้อผา ปกคลมุ อยหู าก
เนื้อผา บางเกนิ ไปหรอื ไมสามารถกันรังสยี ูวีได รวมถึงบริเวณ สว น
อื่นของรางกายทโี่ ดนแดดไดอยางดวงตาทำใหแสบตาเจ็บตาระคาย
เคอื งตาหรือรูสกึ คลา ยมีเม็ดทรายอยูใ นดวงตา

ควรไปพบแพทยหากอาการผิวไหมแ ดดไมดีขนึ้ หรือแยล งใน 2-3 วนั
เชนผิวเริ่มบวมมากขนึ้ แผลพุพองเพ่มิ ขน้ึ ทว่ั รา งกายหรอื มอี าการ
ตดิ เช้อื จากตมุ แผลที่แตกสงผลใหมอี าการเจ็บมหี นองและรอยแดง
กระจายบริเวณรอบๆแผล เปนตน

ถามีสญั ญาณของภาวะขาดนำ้ (Dehydration)ภาวะไมสมดลุ ของ
เกลือแรใ นรางกาย (Electrolyte Imbalances) หรือเปนลมแดด
(Heatstroke) ควรรีบไปพบแพทยทันทีเพราะอาจเปน อนั ตรายถงึ
ชีวิต .โดยสังเกตไดห ลังจากการ .โดนแดดแลวรา งกายมอี ุณหภูมิ
ข้ึนสงู เกิน 39 องศาเซลเซยี สรสู ึกวงิ เวียนศีรษะคลน่ื ไสเ ปน ลมตวั
ซดี หายใจถี่ ชีพจรเตนเร็วกระหายนำ้ ไมค อยปส สาวะเบาตาลึก

23

การปอ งกนั ผิวไหมแดดที่ดีที่สุดจึงเปนการหลีกเลย่ี งกจิ กรรมในท่โี ลง
แจง ทตี่ อ งโดนแสงแดดจดั .โดยเฉพาะชว งเวลา 10.00-16.00น.หาก
เลยี่ งไมไ ดควรเลือกปฏบิ ัติตามวธิ ตี า งๆทีช่ วยปองกันหรอื ลดโอกาส
ไหมแ ดดเชน

Ç¸Ô »Õ ‡Í§¡¹Ñ หม่ันทาครีมกนั แดดและลิปบาลมอยเู สมอ.โดยเลอื กใชผลิตภัณฑท ม่ี ี
คา SPF 30 ขึ้นไปควรทากอนออกแดดประมาณ15 ถึง 30 นาทแี ละ
ทาซ้ำทกุ ๆ 2 ชัว่ โมงหรอื หลงั วายน้ำและเหง่อื ออก

กางรม และสวมแวนกนั แดดทส่ี ามารถกันรงั สยี ูวีหรอื เลอื กสวม
เครื่องแตงกายทสี่ ามารถปกปดรา งกายไดมดิ ชิดเชน เสือ้ หรอื
กางเกงขายาว.โดยเลือกเส้อื ผาทมี่ สี โี ทนมืดเพราะสามารถกนั
รังสียูวไี ดมากกวา เส้ือผาท่ีมสี ีโทนออน

ดื่มน้ำและดื่มวิตามนิ Cใหมากและหลกี เล่ยี งการด่มื แอลกอฮอล
เพราะจะยง่ิ ทำใหร า งกายเสีย่ งตอการเกิดภาวะขาดน้ำ

ทาครมี หรอื เจลวานหางจระเขหรอื คาลาไมน เพื่อเพ่มิ ความชุมช้นื

24

หากเปนผวิ ไหมแดดในระดบั ไมรุนแรงอาการจะหายไดเอง ÇÔ¸ÃÕ Ñ¡ÉÒ
ตามธรรมชาต.ิ โดยผวิ ชน้ั บนจะเริ่มลอกออกในชวง2-3วัน
หลงั การไหมแ ดดหรอื อาจนานกวานน้ั และผิวใหมท่ีขึน้ มา
อาจจะยงั มสี ีทไี่ มสม่ำเสมอแตจ ะดีข้ึนไดเ องเมอื่ เวลาผาน
ไปนอกจากนีผ้ ปู วยยงั สามารถใชว ธิ ตี างๆ เพื่อชว ยบรรเทา
อาการ เชน
ใชผ าเยน็ หรือผา ชบุ น้ำประคบลงบนผวิ
แตค วรหลีกเล่ียงน้ำที่มีอุณหภมู เิ ย็นจดั

ทาครมี หรือเจลวานหางจระเขห รอื
คาลาไมนเ พอื่ เพ่ิมความชุม ช้นื
ดมื่ น้ำเปลา หรอื เคร่ืองด่มื ท่ีไมมีแอลกอฮอลหรือคาเฟ
อีนเพ่อื ชดเชยและปองกนั การสูญเสยี น้ำของรา งกาย

อยใู นท่รี ม หลกี เลยี่ งการออกแดด

หลกี เล่ยี งยาท่ที ำใหผวิ เกิดการระคายเคืองหรือแพได

25

โรคภมู แิ พ�ผวิ หนงั (Atopic dermatitis)

ภาพจาก.นพ.สมาธิ นิชานนท (คลนิ กิ นายแพทยสมาธิ โรคผิวหนัง ภมู ิแพ ศรีสะเกษ)

26

ภมู แิ พ�ผวิ หนงั

ผ่นื ภมู แิ พผ ิวหนัง คือ โรคทางผวิ หนงั ประเภทหน่ึงอันเกดิ จากรางกายมีปญ หา
ในเรอ่ื งของภมู ิคมุ กันบกพรอ งเปน ทนุ เดมิ อยูแลว (ภมู แิ พ)แสดงออกมาผานทาง
ผวิ หนังโรคนี้ไมว าเดก็ ผูใหญ หรอื เพศไหนกเ็ กดิ ข้นึ ไดสวนใหญเ มือ่ เกิดข้นึ แลว
มกั มีอาการคันรวมดวย

ปจ จบุ ันแมยังไมมวี ธิ ีรักษาใหห ายขาดสนทิ แตกถ็ อื วาแนวทางการแพทยจ ะชว ย
ลดความรุนแรงของโรคได ซึ่งตรงนีต้ อ งอาศัยการดูแลสุขภาพของตนเองดวย
หากตอ งการควบคมุ อาการไมใหกำเริบข้นึ มาอกี

27

สาเหตุ

โรคภมู ิแพ�ผวิ หนงั เกดิ จากสาเหตไุ ดห ลายอยา งแตป จ จยั หลกั ๆ มกั

เรม่ิ ตนมาจากรา งกายของตนเองมีปญ หาเร่อื งภมู คิ ุม กันมากอ นสง ผล
ใหเ มอื่ ผิวหนงั พบเจอกบั สงิ่ แวดลอมภายนอกก็มกั เกิดอาการแพจนมีผื่น
แดงคันข้ึนตามสวนตางๆ ของผิวหนงั ซึ่งปจ จยั ภายนอกทส่ี ราง ปญหา
ของโรคน้ีไดบอยเชน การอยใู นผื่นท่ีฝนุ ละออง เกสรดอกไม ไรฝนุ ขนสัตว
ท่ีสมั ผัสกับผวิ โดยตรง ฯลฯ

สภาพอากาศท่แี หงในฤดูหนาวมักทำใหผิวแหง ตามอันเปน อกี สาเหตุของ
การเกดิ โรค การทานอาหารบางชนิดทไี่ ปกระตนุ ใหเกดิ โรค รวมถึงการได
รบั สารเคมบี างชนิดท้งั ทางตรงและทางออม อาทิ สารเคมีจากสบูยาสระ
ผมผงซักฟอก เปน ตน

28

อาการ

โรคภมู ิแพผ� ิวหนัง มักเกิดรว มกบั โรคภมู ิแพร ะบบทางเดิน
หายใจเชน โรคหอบหดื แพอากาศสาเหตโุ รคไมแ นช ัดแตเชอ่ื
วาสาเหตจุ ากพันธุกรรมซง่ึ โรคนี้เกี่ยวของกับระบบภมู ิคุม

กนั ของรา งกายท่ีตอบสนองตอ สิง่ เราตา งๆ ไวกวา ปกติ
.ทำใหเ กิดอาการแพข ึ้น

1. หากเปนเรือ้ รังผิวหนงั จะหนาและมีรอยคล้ำ

2. ผน่ื แดง 3. แหงเปน ขุย

4. คนั ยบุ ยิบ 5. คนั มากขน้ึ เม่ือเหงือ่ ออก

29

วธิ ปี �องกนั

โรคภมู ิแพผ� วิ หนัง รกั ษา และปอ งกนั เบ้ืองตน ไดด วยการเลอื กใชผลติ ภัณฑ
ใหความชมุ ชน้ื กับผวิ หนงั .โดยเฉพาะกลมุ มอยสเจอรไรซิง่ เนอ่ื งจากเมือ่ ผิว
หนงั มีความชมุ ชน้ื มากขนึ้ อาการของโรคมักไมค อยกำเรบิ ออกมามากนกั
อีกท้ังสารใหความชุมชื้นเหลานยี้ ังชวยปอ งกนั ไมใ หป จ จยั ภายนอกเขามา
กระทบกับผิวโดยตรงจนกอ ใหเ กิดอาการแพรุนแรงดวย

1. ทำความสะอาดรางกายและลา งมอื อยเู สมอ
2. ใชส บอู อ นๆ ไมม ีนำ้ หอม ไมมสี ารกันเสยี และออนโยนตอผิว

3.หลีกเลี่ยงสถานทที่ มี่ ีฝนุ ละอองแมลง และยงุ ชุกชุม

หลกี เลย่ี งการใสเสื้อผา ท่ีรัดมากเนือ้ หยาบหนา

4.หรอื ผา ขนสตั ว ซ่งึ ทำใหเ กิดการระคายเคืองตอ ผิว

30

วิธรี กั ษา

อาการของโรคนีย้ งั ไมมวี ิธีรกั ษาใหหายขาดได ซง่ึ

แพทยจ ะใชวธิ บี รรเทาโรคตามอาการทเี่ กิดขน้ึ เชน

1. การทายาประเภทสเตียรอยดพ ือ่ ลดความอักเสบ

ท่เี กิดข้ึนกับผวิ ในกรณที ่ลี กุ ลามมากๆ

บางรายทอ่ี าการหนกั มากจริงๆแพทยอาจเลือก 2.
ใชวธิ รี ักษาดว ยการฉายแสงอาทิตยเ ทยี มการใหท าน
ยากดภูมิ ยาปฏชิ ีวนะตา งๆ

3. การรกั ษาทางการแพทยแ ลวสว นใหญย งั มกั ไดรบั คำ

แนะนำใหหลีกเลีย่ งปจ จัยเสี่ยงท่ีมกั ทำใหเกิดโรคน้ี เชน

การสมั ผัสกบั สงิ่ แวดลอมภายนอกทมี่ ักกอใหเ กิดความ

ระคายเคอื ง ควรเลอื กสวมใสเสื้อผา ระบายอากาศไดด ี

ใชค รมี บำรุงผวิ ท่ีมีสวนผสมของมอยสเจอรไรเซอรท ่ี 4.
ชว ยฟน บำรุงปราการผิวออ นโยนและไมมสี ารเคมีที่ไป
กระตนุ การเกิดโรค

31

โรคกล่นิ ตัว

(smell disease)

32

กลิ่นตวั กล่ินตัว คือกลนิ่ เหม็นหรือกลนิ่ ไมพ งึ ประสงคท ี่มักเกดิ ข้นึ

ในชว งวยั หนมุ สาวเปนผลมา จากตอ มเหง่อื ท่ีทำงานมากขึ้น
เพ่อื ควบคุมอุณหภูมใิ นรางกายทำใหร างกาย ขบั เหงอ่ื ออก
มาก .โดยเฉพาะท่ีบริเวณรักแร ฝามือ เทา หรอื ขาหนีบใน
ระหวางออกกำลงั กายรวมถึง การทำกิจกรรมในทท่ี มี่ ี
อากาศรอน เม่อื เหง่ือสมั ผสั กบั เชื้อแบคทเี รียบนผิวหนงั จึง
ทำใหเ กิดกล่นิ ตวั หรอื กลิน่ ทไี่ มพ ึงประสงคข ้ึน

33

สาเหตุ ผวิ หนังของมนษุ ยจะประกอบไปดวยตอ มเหงอ่ื ทส่ี ำคญั 2
ตอมดวยกัน คอื ตอ มเอกไครน และตอมอะโพไครน ซ่ึงแต
ละตอมจะมหี นา ทแ่ี ตกตางกันออกไป โดยมีรายละเอยี ด
ดงั ตอ ไปน้ี

ตอ มเอกไครน
เปนตอ มท่อี ยูบนผวิ หนงั มหี นาท่ผี ลติ เหงอ่ื เม่อื อณุ หภมู ิใน
รา งกายสงู ขน้ึ เพ่ือคลายความรอ นในรา งกายในเหงอ่ื จะมี
น้ำและเกลือเปนสวนประกอบหลักและจะระเหยเม่ืออณุ หภมู ิ
ในรา งกายเย็นตวั ลง

ตอมอะโพไครน
เปน ตอ มทีอ่ ยูในบรเิ วณท่ีมีขนขึ้นมาก เชน รักแร หรือขาหนบี
จะผลติ ของเหลวสีขาวขนุ คลา ยนำ้ นมออกมาเม่ือเกดิ ความ
เครยี ดและเม่อื สัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผวิ หนงั จะทำให
เกิดกลิน่ ขึ้น

34

อาการ ผทู เ่ี ปนโรคกลน่ิ ตัวเหม็นมักเปนโรคน้มี าตัง้ แตเกิด
แตส ว นใหญอาการจะมาปรากฏตอนโตทพ่ี บบอ ย
คอื ในชว งเขาสวู ยั เจรญิ พันธุหรอื วัยหนมุ สาว
(Puberty).โดยอาการเดียวท่เี กดิ ขน้ึ ก็คือ กล่ินตวั
ที่เหมน็ คลงุ คลา ยกล่นิ ปลาเนา ซึ่งออกมาทางลม
หายใจ เหง่อื ปส สาวะ อสุจิ สารคัดหลัง่ ในชองคลอด

บางคนอาจมกี ล่ินเหมน็ คลงุ ตลอดเวลาแตส ว นใหญ
แลว กล่ินจะมาๆหายๆและมีความรุนแรงแตกตา งกัน
ไปขึ้นอยูกบั ส่งิ กระตนุ บางอยาง

.โดยปจจัยที่สามารถทำใหก ล่ินเหมน็ รนุ แรงข้นึ ได
เชน การมเี หง่ือออก ความเครยี ด อาหารบางชนิด
(เชน ปลา ไข ถ่ัว)หรอื หากเปนผูหญงิ ชว งมปี ระจำ
เดอื นและการกินยาคมุ ก็อาจกระตุนใหอ าการของ
โรคกลนิ่ ตวั เหม็นรุนแรงขนึ้ ไดเ ชน กนั

35

วิธี ปจจบุ ัน ยังไมมีวธิ ีหรอื ยารกั ษาโรคกล่นิ ตัวเหมน็ .โดย
ปอ้ งกัน เฉพาะแตอ าการทเ่ี กิดข้ึนสามารถดขี ้นึ ไดดวยการปรับ
เปล่ียนพฤตกิ รรมดังตอไปน้ี
และ
รักษา ใชย า
โรคกล่ินตัว หากจำเปน คณุ หมออาจใหค ณุ ใชยาปฏชิ วี นะในขนาดยาต่ำๆ
เพอื่ ลดปริมาณแบคทีเรยี ในลำไสและกดการสรา งไตรเมทิลามนี
แตคณุ ไมค วรใชย าปฏชิ วี นะติดตอกันนานเกินไป และควรปรกึ ษา
แพทยเพือ่ เปล่ยี นยาหรอื หาวิธรี ักษาใหมทุก 2 อาทิตย
เพอื่ ปองกนั แบคทีเรียด้อื ยา

รกั ษาความสะอาด
ใชแชมพู สบู หรอื ครีมอาบนำ้ ทีม่ ีคา pH ระหวาง 5.5-6.5
เพือ่ กำจัดกล่ินตัวที่เกิดจากไตรเมทิลามีน.โดยไมทำลาย
สมดลุ ความเปนกรด-ดางของผวิ

ลดเหงือ่ และลดเครียดดว ยการออกกำลงั กายเบาๆ แทน
การออกกำลงั กายอยางหนกั หนว งจนเหง่อื ออกมากและ
พยายามอยา วติ กกงั วลหรือเครียดเกนิ ไป เพราะสามารถ
สง ผลใหอาการของโรคกลนิ่ ตวั เหม็นรุนแรงขน้ึ ได

36

วิธี อาบนำ้ อยา งนอยวันละ 2 ครงั้ เพ่ือลา งเหง่อื
ป้องกัน และกำจัดแบคทเี รียบนผวิ ของคุณเพราะอาจ
มแี บคทีเรียทอ่ี าศยั อยูบ นผวิ ของคุณผสมกับ
และ เหง่อื พวกมนั จะทวคี ูณอยางรวดเรว็ และทำให
รกั ษา
โรคกลิน่ ตัว ใชส บตู า นเช้ือแบคทเี รยี การอาบน้ำใหส ะอาด
(ตอ่ ) ดว ยสบตู า นเชื้อแบคทเี รียจะชว ยกำจัดแบค
ทเี รียอันเปน สาเหตุของกลิน่ ตวั และกำจัดกล่นิ
รกั แรอ ันไมพงึ ประสงคไ ด

ลดอาหารหรือเคร่ืองดืม่ บางชนดิ สิ่งที่คณุ
กนิ มีผลตอ กล่นิ ตวั ของคณุ เชนพริกเผด็ หรอื
อาหารรสเผด็ อนื่ ๆอาจทำใหเหงอ่ื ออกงายขึ้น
และกลิน่ ของอาหารอยา งหวั หอมหรอื กระเทียม
ก็สามารถขบั ออกมาทางเหงื่อได เชน กัน

เช็ดตวั ดวยผา ขนหนใู หแ หงสนิทเชด็ ตวั ใหแหง
สนทิ ทกุ ครง้ั หลังอาบน้ำ .โดยใหค วามสนใจกบั
จุดซอนเรนที่เหงอื่ ออกมากๆเชน รกั แร

ขอขอบคณุ ขอมลู จาก
(https://www.pobpad.com)


Click to View FlipBook Version