The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ยุคสมัยของอินเทอร์เน็ต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Poy Nisachol, 2022-10-23 08:50:40

ยุคสมัยของอินเทอร์เน็ต

ยุคสมัยของอินเทอร์เน็ต

ยุคสมัยของอินเทอร์เน็ ต

พ.ศ.2527 - ปัจจุบัน



คำนำ

หนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ (E-Book) นี้ มีเนื้ อหาเกี่ยวกับยุคสมัยของอินเทอร์เน็ ต (Internet) ซึ่งเกี่ยวกับสาระการเรียน
รู้ภูมิศาสตร์ เรื่อง แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ (E-Book)
เล่มนี้ ได้มีเนื้ อหาเกี่ยวกับ ยุคสมัยของอินเทอร์เน็ ต วิวัฒนาการของเว็บไซต์ จนถึงตารางเปลี่ยนของวิวัฒนาการของ
เว็บไซต์

การจัดทำหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ (E-Book) นี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขอขอบคุณพระอาจารย์ ดร.ธรรศ ศรีรัตนบัลล์
ที่ได้ให้คำปรึกษา ตั้งแต่การเรียบเรียนเนื้ อหาหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ (E-Book) การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ และ
การจัดทำคลิป Video ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยนี้ ข้าพเจ้าหวังว่าหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ (E-Book) นี้ จะเป็นประโยชน์
สำหรับผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้ หากมีความผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้

นางสาวนิ ศาชล แก้วเรือน
รหัสนั กศึกษา 63161621
หมู่เรียน ส 63 ค.บ.4.1

สารบัญ ข

คำนำ ก
สารบัญ ข
อินเทอร์เน็ ต 1
ยุคสมัยของอินเทอร์เน็ ต 2
2
Digital 1.0 4
Digital 2.0 6
Digital 3.0 8
Digital 4.0 12
วิวัฒนาการเว็บไซต์ 13
Web 1.0 14
Web 2.0 16
Web 3.0 17
ตารางเปรียบเทียบวิวัฒนาการของเว็บไซต์ 18
อ้างอิง 19
อ้างอิงรูปภาพ

1

อินเทอร์เน็ ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายในระดับสากล เป็นช่องทางสำหรับการเชื่อมต่อ
คอมพิวเตอร์ทั่วโลก การเชื่อมต่อเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายเกิดเป็นโครงข่ายขนาดใหญ่ที่เรียกว่า เครือ
ข่ายใยแมงมุม (World wide Web) หรือเรียกว่า เว็บ ประโยชน์ ในการเชื่อมต่อใช้งานอินเทอร์เน็ ตอย่าง
หลากหลาย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้เชื่อมต่อใช้งาน (User) เช่น แสวงหาความรู้ ซื้อ-ขายสินค้า ดู
หนั ง ฟังเพลง เป็นต้น

ในยุคที่อินเทอร์เน็ ตกําลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นที่นิ ยม และ มีผู้เชื่อมต่อใช้งานจำนวนมาก
อินเทอร์เน็ ตจึงก่อให้เกิดโอกาส และ บริการใหม่ๆ มากมาย เช่น การทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ ต
พบปะ สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูล เป็นต้น นอกจากนี้ อินเทอร์เน็ ตยังเป็นสื่อที่นํ าเสนอความบันเทิงที่
รองรับ สื่อมัลติมีเดีย (multimedia) ใรรูปแบบต่าง ๆ จำนวนมหาศาล ทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงสื่อเหล่านั้ น
ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา อินเทอร์เน็ ตยังเป็นพื้นที่เพื่อให้ผู้ใช้งาน
สามารถ ประชาสัมพันธ์นํ าเสนอสินค้า และ บริการในรูปแบบที่น่ าสนใจ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างทั่ว
ถึง แม่นยํา มีการกล่าวว่า “ธุรกิจใดไม่สนใจโลกอินเทอร์เน็ ต ธุรกิจนั้ นกําลังปฏิเสธอนาคตของตัวเอง”

2

ยุคสมัยของอินเทอร์เน็ ต

1.Digital 1.0 เปิดโลกอินเทอร์เน็ต (ตั้งแต่ พ.ศ.2527)

ยุคนี้ เป็นยุคเริ่มต้นของ “Internet” เป็นช่วงเวลาที่กิจกรรมและการดำเนิ นชีวิตของผู้คนเปลี่ยนจากออฟ
ไลน์ (offline) มาเป็นออนไลน์ (online) มากขึ้น เช่น การส่งจดหมายทางไปรษณีย์ก็เปลี่ยนมาเป็นการส่ง
อีเมล์ E-mail และอีกหนึ่ งตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การถือกำเนิ ดของเว็บไซต์ Website ที่ทำให้เราเข้าถึงทุก
อย่างได้ง่ายขึ้นและทั่วถึง การอัพเดตรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบครั้ง
ใหญ่และเป็นวงกว้าง การดำเนิ นกิจกรรมสะดวกและรวดเร็ว เริ่มมีกิจกรรมเชิงพาณิชย์และโฆษณาผ่าน
เครื่องมือออนไลน์ เสมือนกับมีหน้ าร้านที่ทุกคนบนโลกจะเห็นเราได้ง่ายขึ้น

โดยอินเทอร์เน็ ตเข้ามาประเทศไทยครั้งแรกในปีพ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์์และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
ประเทศออสเตรเลีย แต่ยังเป็นการเชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการ
ถาวร
พ.ศ.2537 เครือข่ายไทยสารเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และมีหน่ วยงานต่างๆของราชการเข้ามาเชื่อมต่อใน
เครือข่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ และต่อมาทางหน่ วยงานเอกชนมีความต้องการใช้บริการมากขึ้นการสื่อสาร
แห่งประเทศไทยจึงได้ร่วมมือกับบริษัทเอกชน เปิดให้บริการอินเทอร์เน็ ตแก่บริษัทต่างๆหรือบุคคล
ทั่วไปที่สนใจ โดยเรียกบริษัทเอกชนที่ให้บริการทางอินเทอร์เน็ ต เชิงพาณิชย์ว่า ISP (Internet
Service Provider)

3

พ.ศ. 2538 รัฐบาลไทย เปิดบริการอินเทอร์เน็ ตเชิงพาณิชย์ โดยมีบริษัทอินเทอร์เน็ ตแห่ง
ประเทศไทย จำกัด อันเป็นบริษัทถือหุ้นระหว่างการสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การ
โทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนั กงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) โดยใช้สายเช่าครึ่งวงจรขนาด 512 Kbps ไปยัง UUNet โดยถือว่าเป็นบริษัทผู้ใช้
บริการอินเทอร์เน็ ตรายแรกของประเทศไทย
5 ธันวาคม 2539 เวลา 9.09 น. ได้มีการเปิดบริการข้อมูลเครือข่ายกาญจนาภิเษก ตามพระ
ราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่
http://kanchanapisek.or.th เป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และผลงานของหน่ วยงานต่างๆกว่าสิบหน่ วย
งาน ที่ทำงานสนองพระราชดำริ รวมถึงกิจกรรมด้านเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศ
พัฒนาสังคมต่างๆ และในโอกาสต่อมา
27 กุมภาพันธ์ 2540 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดเครือข่าย
กระจายความรู้แก่ประชาชน ให้บุคคลทั่วไป เข้าถึงข้อมูลเครื่อข่ายกาญจนาภิเษกได้ผ่านเลข
หมายออนไลน์ 1509 ได้จากทุกแห่งในประเทศไทยโดยไม่ต้องเสียค่าสมาชิกและค่าโทรศัพท์
ทางไกล เครือข่ายนี้ ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้นำมาใช้เป็น access network
สำหรับโรงเรียนทั่วประเทศในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ ตโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยทรงเปิด
เครือข่ายใหม่ ที่เชื่อมเครือข่ายกระจายความรู้ฯ กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย
เข้าด้วยกัน เรียกว่า SchoolNet@1509
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2541 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จัดระบบ
อินเทอร์เน็ ตฟรีให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อลดความด้อยโอกาสของโรงเรียนที่อยู่ใน
ชนบท ก่อนที่จะมีการกล่าวถึงคำว่า “digital divide” ในเวทีนานาชาติ

4

Digital 2.0 ยุคโซเซียลมีเดีย (ตั้งแต่ พ.ศ.2543)

ยุคที่ผู้บริโภคเริ่มสร้างเครือข่ายติดต่อสื่อสารกันในโลกออนไลน์ เครือข่ายสังคม Social Network นี้ เริ่มจากการคุยหรือแชทกับ
เพื่อน สมาคม กลุ่มเล็กๆของผู้คนที่ต้องการความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสาร จุดเล็กๆนี้ เริ่มพัฒนาและขยายวงกว้างไปสู่การ
ดำเนิ นกิจกรรมในเชิงธุรกิจ โดยนั กธุรกิจส่วนใหญ่มองว่า Social Media เป็นเครื่องมือเชื่อมต่อและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้แก่พวก
เขาได้เป็นอย่างดีด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังช่วยในการพัฒนา Brand วัดผลการดำเนิ นงานของธุรกิจ ส่งเสริมภาพลักษณ์
แบรนด์ เสมือนว่า Social Media เป็นกระบอกเสียงและเวทีเสนองานแก่นั กธุรกิจสู่สายตาชาวโลกเป็นอย่างดี เครื่องมือโซเซียลยัง
สามารถเป็นอำนาจในการต่อรองของผู้บริโภคที่กำลังตัดสินใจเลือกสินค้าและบริการ เนื่ องจากตัวเลือกและร้านค้าให้เห็นมากขึ้น

พ.ศ. 2542 แม้ว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้ นตัว และในวงการคอมพิวเตอร์ต่างก็ต้องกังวลเรื่องการแก้ปัญหา Y2K แต่จัดได้ว่าเป็นปีแห่งการ
เพิ่มความเร็วของวงจรอินเทอร์เน็ ตต่างประเทศ ในเดือนมกราคม มีวงจรต่างประเทศระดับ 8 ล้านบิตต่อวินาทีถึงสองวงจร คือของ
อินเทอร์เน็ ตประเทศไทย และของการสื่อสารแห่งประเทศไทย ทั้งสองวงจรเป็นวงจรใยแก้วคุณภาพสูง ในเดือนเมษายน มีเพิ่มอีก
หนึ่ งวงจร คือของ KSC (เป็นวงจรดาวเทียม 8 Mbps) และในเดือนตุลาคม KSC เป็นรายแรกที่เปิดใช้วงจรต่างประเทศขนาด 34
Mbps (เป็นวงจรดาวเทียม แบบ Simplex คือ ส่งข้อมูลเข้าประเทศไทยทิศทางเดียว) เมื่อถึงสิ้นปี ประเทศไทยมีวงจรต่างประเทศรวม
ทั้งสิ้น 118.25 Mbps

6

Digital 3.0 ยุคแห่งข้อมูลและบิ๊กดาต้า (ตั้งแต่ พ.ศ.2547)

ยุคแห่งการใช้ข้อมูลที่วิ่งเข้าออกเป็นล้านๆดาต้าให้เป็นประโยชน์ การเติบโตของโซเชียลมีเดียและ E-Commerce จากยุค 2.0 ทำให้
เกิดการขยายของข้อมูลอย่างมหาศาล ทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น สื่อโซเชียล เว็บเบราวเซอร์ หรือแม้แต่ธุรกิจอย่างธนาคาร โลจิสติกส์
ประกันภัย รีเทล ต่างมีข้อมูลเข้าออกเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และเริ่มมีการนำข้อมูลเหล่านั้ นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ดังคำกล่าวที่ว่า
“ใครมีข้อมูลมาก ก็มีอำนาจมาก”

ข้อมูลถูกนำมาประมวลผล จับสาระ วิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้บริโภคเพื่อสร้างสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองโจทย์ของ
ลูกค้าได้ ทุกองค์กรต่างเห็นความสำคัญของการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ สูงสุด แต่การนำบิ๊กดาต้ามาตอบสนองอย่างเรียลไทม์
นั้ น จำเป็นต้องมีระบบคลาวด์ Cloud Computing มาช่วยอำนวยความสะดวก จัดเก็บข้อมูล เลือกทรัพยากรตามการใช้งาน และทำให้เรา
สามารถเข้าถึงข้อมูลบนคลาวด์จากที่ใดก็ได้ ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบ ข้อมูลต่างๆผ่านอินเทอร์เน็ ต สามารถจัดการ บริหารข้อมูล
และแบ่งปันข้อมูลกับผู้อื่น (Shared Services) ลดต้นทุนและลดความยุ่งยากเพื่อโฟกัสกับงานหลัก เพิ่มความเร็วในการบริการและการทำ
ธุรกิจได้มากขึ้น บิ๊กดาต้าสามารถนำมาต่อยอดโดยการคิดค้น เฟ้นหา และประยุกต์ใช้ข้อมูลนั้ น พัฒนาเป็นแอพลิเคชั่น Application ที่ให้
ความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภคผ่านทางสมาร์ทโฟนและแท็บเลตอีกด้วย

7

พ.ศ.2549 เกิดระบบอินเทอร์เน็ ตไร้สาย(Wireless LAN) ในประเทศไทย ใช้สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์สมุดพก
พ.ศ.2552 เกิดระบบ 3G ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งสามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ อย่างรวดเร็ว
และ มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียง และ แอพพลิเคชั่นรูปแบบ
ใหม่ เช่น จอแสดงภาพสี, เครื่องเล่น mp3, เครื่องเล่นวีดีโอ การดาวน์ โหลดเกม, แสดงกราฟฟิก และ การแสดงแผนที่ตั้งต่างๆ
ทำให้การสื่อสารเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สร้างความสนุกสนาน และ สมจริงมากขึ้น

8

Digital 4.0 ความฉลาดของเทคโนโลยี (ตั้งแต่ พ.ศ.2556)

ยุคที่ความฉลาดของเทคโนโลยีจะทำให้อุปกรณ์ต่างๆสื่อสารและทำงานกันเองได้อย่างอัตโนมัติ เทคโนโลยีในสามยุคแรกที่กล่าวไป
เปรียบเสมือนเป็นแขน ขา ให้แก่มนุษย์ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หยิบจับ คำนวณ ประมวลผมให้มนุษย์ มีแขน ขา
แต่ไม่มีสมองเป็นของตัวเอง ในยุค 4.0 เทคโนโลยีถูกนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อลดบทบาทของมนุษย์ และเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ในการ
ใช้ความคิดเพื่อข้ามขีดจำกัด สร้างสรรค์พัฒนาสิ่งใหม่ๆ โดยจะใช้ชื่อยุคนี้ ว่าเป็นยุค Machine-to-Machine เช่น เราสามารถเปิด-ปิด หรือ
สั่งงานอื่นๆกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านตัวเองผ่านแอพลิเคชั่นโดยไม่ต้องเดินไปกดสวิตช์ หรือตัวอย่างที่ถูกนำมาใช้งานจริงแล้วอย่างการ
พูดคำว่า “แคปเจอร์” กับแอพถ่ายภาพในสมาร์ทโฟน โทรศัพท์ก็จะถ่ายรูปให้อัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องกดถ่ายด้วยซ้ำ หรือแม้แต่
เทคโนโลยีซิมูเลชั่น Simulation จำลองสถานการณ์เพื่อฝึกอบรมพนั กงาน วางแผนสถานการณ์โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงสถานที่จริง
หรือเป็นสื่อการเรียนรู้แบบ Interactive เป็นต้น

9

8 พฤษภาคม 2556 ทรูมูฟเอช (True Move- H) เปิดตัวระบบ 4G เป็นค่ายแรกในไทยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เหนื อระดับ จาก
เครือข่ายที่พัฒนาอย่างต่อเนื่ อง ครอบคลุม 77 จังหวัด
9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ดีแทคเปิดตัวระบบ 4G บน dtac TriNet เป็นพัฒนาการอีกขั้นของ dtac TriNet โครงข่ายอัจฉริยะหนึ่ ง
เดียวของไทยที่มีคลื่นความถี่มากที่สุด บนแบรนด์วิธที่กว้างที่สุด จึงให้ประสิทธิภาพการสื่อสารที่เหนื อชั้นยิ่งขึ้น ตอบสนองทุกการ
ใช้งานของผู้บริโภคที่ชื่นชอบเทคโนโลยีได้อย่างสมบูรณ์ แบบ
4 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เอไอเอสได้เปิดตัวระบบ 4G เป็นค่ายสุดท้าย ภายใต้ชื่อ AIS 4G ADVANCED ที่เริ่มนำเทคโนโลยี LTE
ADVANCED มาประยุกต์ใช้เป็นรายแรกของประเทศไทย ด้วยพื้นที่ให้บริการครอบคลุมแล้วกว่า 42 จังหวัด ในทุกภาคทั่วประเทศ

10

ในส่วนของประเทศไทย พวกเรากำลังอยู่ในยุค Digital 3.0 ยุคแห่งข้อมูลและบิ๊กดาต้า ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างทางด้านความพร้อม
ของบุคลากรเอง ระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเองก็ดีว่าด้วยเรื่องของ การเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีต่างๆ ยังเข้าถึงไม่ทุกภาคส่วน
และการปรับตัวขององค์กรใหญ่ๆ ที่กำลังพยายามอย่างมากที่จะจัดการองค์กรใหม่ให้ตามทันโลก ซึ่งยังต้องอาศัยเวลาทั้งภาครัฐและ
เอกชนที่จะเร่งทำให้ Digital Technology และ Data ต่างๆ สามารถทำงานและนำมาใช้งานได้อย่างดีขึ้น ซึ่งเราเองก็ต้องพัฒนาตัวเองต่อ
ไปให้เข้ากับยุค

11

ทุกองค์กรต่างเห็นความสำคัญของการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ มากที่สุดบนพื้นฐานของความเข้าใจในวัตถุประสงค์ของ
ข้อมูลที่ต้องการเก็บเพื่อนำไปขยายผลในรูปแบบต่างๆ ผ่านระบบ ดาต้า อนาไลท์ติกส์ แต่การนำ ดาต้า อนาไลท์ติกส์ มาใช้ให้เกิด
ประโยชน์ และสามารถใช้งานได้อย่างเรียลไทม์โดยไม่มีข้อจำกัดของสถานที่ จำเป็นต้องมีคลาวด์คอมพิวติ้งมาช่วยอำนวยความสะดวก
สามารถเชื่อมโยงการทำงานต่างแพลตฟอร์มมาใช้งานร่วมกันแบบเรียลไทม์ เกิดบริการ Online Service, Omni Channel, บริการต่างๆ
บนมือถือและอื่นๆ

นอกจากนี้ ในยุค Digital 3.0 ยังมาพร้อมกับการใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคที่กลายมาเป็นอุปกรณ์ในการค้นหาข้อมูลการ
สื่อสารและการสั่งซื้อสินค้า จนแบรนด์ต้องปรับตัวสู่การเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ผ่าน
บริการใหม่ๆ ที่ให้บริการอยู่บนคลาวด์คอมพิวติ้ง

12

วิวัฒนาการของเว็บไซต์ (Website)

วิวัฒนาการของการพัฒนาเว็บไซต์ในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เมื่อเทียบดูในยุคแรกๆ ของการพัฒนา
เว็บไซต์แล้ว ในส่วนของการพัฒนาเว็บไซต์ในยุคก่อนนั้ นต้องใช้เวลาและอาศัยเครื่องมือในการทำงานหลายตัว จึงจะ
ทำให้เว็บไซต์ที่ได้รับการพัฒนาออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ถ้าในสมัยนี้ การพัฒนาเว็บไซต์นั้ นใช้เวลาไม่นาน เพราะ
มีเครื่องมือที่ช่วยในการอำนวยความสะดวกมากมาย โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้

13

1. WEB 1.0 : ยุคที่เว็บไซต์นำเสนอข้อมูลให้ผู้ใช้อ่านเป็นหลัก

เว็บ 1.0 เป็นเว็บในยุคเริ่มต้นและยังคงมีให้เห็นอยู่ ตัวอย่าง เว็บอินเทอร์เน็ตรูปแบบ WEB 1.0
ในปัจจุบัน มักมีรูปแบบของไฟล์เป็นนามสกุลเป็น .htm ภาพจาก martechalliance.com
และ .html ทำหน้ าที่ให้ข้อมูลข่าวสารในแบบสื่อสารทาง
เดียว (One Way Communication) เจ้าของเว็บไซต์หรือผู้
ส่งสารจะเป็นผู้กำหนดเนื้ อหาเองทั้งหมด และต้องมีความ
รู้พื้นฐานการทำเว็บและยากที่จะแบ่งปันส่งต่อเนื้ อหาออก
ไป ผู้ใช้หรือผู้รับสารมีหน้ าที่รับรู้ข่าวสารเพียงอย่างเดียวไม่
สามารถโต้ตอบได้ เช่นเดียวกับสื่อกระแสหลักอื่น ๆ เช่น
หนั งสือพิมพ์วิทยุและโทรทัศน์ Web 1.0 เว็บไซต์ในยุคนี้
จะเป็นการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ของผู้ให้บริการเว็บไซต์
เผยแพร่แก่บุคคลทั่วไปที่สนใจ โดยเนื้ อหาจะมีลักษณะ
เช่นเดียวกับหนั งสือ คือ ผู้สนใจเข้ามาอ่านข้อมูลต่างๆ ได้
เพียงอย่างเดียว ไม่มีส่วนร่วมในการนำเสนอหรือมีส่วน
ร่วมค่อนข้างน้ อย

Web 1.0 = อ่านอย่างเดียว, ข้อมูลที่หยุดนิ่ งอยู่กับที่ด้วยการใช้ Markup แบบง่ายๆ

14

2. WEB 2.0 : ยุคที่ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาเองได้

เว็บ 2.0 เป็นเว็บในปัจจุบันที่มีการใช้อินเตอร์เน็ ตเพื่อเขียนบล็อก (Blog), แชร์รูปภาพ, ร่วมเขียนวีกี (Wiki), แสดง
ความคิดเห็น (Post Comment), พูดคุย ถกเถียง นิ นทา ประจาน ใส่ร้าย ทั้งจากเจ้าของเว็บไซต์ หรือจากคนที่เข้ามาใช้งาน
เว็บไซต์, หาแหล่งข้อมูลด้วยอาร์เอสเอส (RSS) เพื่อฟีด (Feed) มาอ่าน รวมทั้งกูเกิล (Google) เว็บยุค 2.0 จะให้ความ
สำคัญกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดยที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์จะมีส่วนร่วมต่อเว็บไซต์มากขึ้น ไม่ใช่แค่เข้ามาชมเว็บไซต์ที่เจ้าของเว็บจัด
ทำขึ้นเท่านั้ น ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถสร้างข้อมูล (Content) ของเว็บไซต์ขึ้นมาได้เองหรือสามารถกำหนดคำสำคัญของ
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องข้อมูล (tag content) ทำให้ข้อมูลในเว็บไซต์นั้ นมีการ update และพัฒนา ปรับปรุง อย่างรวดเร็ว
กลายเป็นเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบของการสื่อสารเป็นแบบสองทาง (Two Way Communication) Web 2.0 – ในยุคนี้ ผู้ใช้งาน
อินเตอร์เน็ ตสามารถสร้างเนื้ อหา และนำเสนอข้อมูลต่างๆ มีการแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน อย่างเช่น เว็บสารานุกรม
ออนไลน์ Wikipedia ได้ทำให้ความรู้ถูกต่อยอดไปอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลทุกอย่างได้มาจากการเติมแต่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เกิดจากการคานอำนาจของข้อมูลของแต่ละบุคคล ทำให้ข้อมูลนั้ นถูกต้องมากที่สุด และจะถูกมากขึ้น เมื่อเรื่องนั้ นถูก
ขัดเกลามาเป็นเวลายาวนาน หรือการแชร์ไฟล์มัลติมีเดียใน Youtube เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือ
บุคคลทั่วไปยังสามารถเพิ่มเติมข้อมูล หรือสารสนเทศต่างๆ เพื่อให้เว็บไซต์มีความสมบูรณ์และมีข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด

Web 2.0 = อ่าน/เขียน, ข้อมูลที่มีการเคลื่อนไหว รวมทั้งการบริการทางเว็บ (\Web Services)

15

ตัวอย่าง เพจ Facebook รูปแบบ WEB 2.0

3. WEB 3.0 : ยุคที่เว็บไซต์โปร่งใส ไร้ตัวกลาง 16

เว็บ 3.0 เป็นเว็บในยุคอนาคตอันใกล้ คือ เว็บที่มีการพัฒนาการ ตัวอย่าง Cryptocurrency

ต่อจากเว็บ 2.0 ความแตกต่างคือสร้างความฉลาดเทียมให้กับสิ่งไม่มี

ชีวิตใช้เป็นเครื่องมือช่วยคาดเดาพฤติกรรม วิเคราะห์ความต้องการ

ของมนุษย์ เมื่อได้ข้อมูลนั้ นมา ระบบจะประมวลผลอย่างมีเหตุผล

พร้อมทั้งแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ า สร้างสิ่ งที่ต้องการให้ผู้ใช้

เว็บไซต์มีการเชื่อมโยงเนื้ อหาสัมพันธ์ที่มีความสัมพันธ์กันกับแหล่ง

ข้อมูลอื่น ๆ เป็นเครือข่ายเดียวทั่วโลก มีการพัฒนารูปแบบที่เป็น

มาตรฐานใช้ร่วมกันในแบบเอกซ์เอ็มแอล (XML) แต่อาจเกิดปัญหา

การละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะบทความที่มีเป็นจำนวนมากและอาจไม่รู้ว่า

แหล่งข้อมูลใดเป็นของเจ้าของอย่างแท้จริง ประกอบกับความไม่

มั่นใจว่า ข้อมูลที่มีอยู่มากมายมหาศาลนั้ น ข้อมูลใดมีคุณภาพ สิ่ง

หนึ่ งที่น่ าจะเกิดขึ้นในยุค Web 3.0 คือ การแก้ไขปัญหาของข้อมูล

หรือ Content ที่ไม่มีคุณภาพต่างๆ และพัฒนาระบบการจัดการข้อมูล

ในเว็บให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถเขัาถึงเนื้ อหาของเว็บได้ดีขึ้น

และตรงตามความต้องการ Web 3.0 – เป็นการเพิ่มแนวความคิดใน

การจัดการข้อมูลซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากมายมหาศาลจากผลพ่วง

ของเว็บในยุค Web 2.0 ทำให้เว็บต่างๆ ต้องมีระบบบริหารจัดการ

เว็บให้ดีขึ้น ง่ายขึ้น ด้วยรูปแบบ metadata ซึ่งก็คือ การนำข้อมูล

มาบอกรายละเอียดของข้อมูล หรือ data about data โดยระบบเว็บ

จะจัดการค้นหาข้อมูลให้เราเอง

ตารางเปรียบเทียบวิวัฒนาการของเว็บไซต์ 17






  Web 1.0 Web 2.0 Web 3.0






การรับส่ งเนื้ อหา Read Only Read-Write Decentralized
อ่านได้อย่างเดียว อ่าน และ เขียนโต้ ตอบได้ อ่าน เขียน ไม่มีตัวกลาง และมีความ


การใช้งาน
ปลอดภัย
Web Form

เว็บให้ข้อมูลเป็น


เทคโนโลยี ลักษณะแพทเทิร์น Web App Smart App
เว็บแอปพลิเคชัน แอปที่เก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์


ที่สามารถดาวน์โหลด ผ่านแอปได้
ที่มาของรายได้ HTML/FTP




Flash/java/XML RDF/RDFS/OWL
การขายพื้นที่โฆษณา



 เช่น แบนเนอร์ การนำข้อมูล การให้ความยินยอม
ไปใช้ประโยชน์
นำข้อมูลไปใช้

อ้างอิง 18

ANET Internet. (2019).วิวัฒนาการของอินเตอร์เน็ ตในประเทศไทย, สืบค้นเมื่อ 3 กันยายน 2565,จาก
https://www.anet.net.th/a/43608
Admin. (2018). จุดเริ่มต้นของอินเตอร์เน็ ตในประเทศไทย จากอดีตจนถึงปัจจุบัน, สืบค้นเมื่อ 3 กันยายน
2565,จาก https://www.covertactionquarterly.org
Wice Logistics. (ม.ป.ป.). ดิจิทัล 4.0, สืบค้นเมื่อ 3 กันยายน 2565,จาก https://www.wice.co.th/2018
/01/11/digital-4-0-technology/
Megaevent. (2022).ทำความเข้าใจ WEB 1.0, 2.0, 3.0 วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ ตยุคใหม่, สืบค้นเมื่อ 24 กันยายน
2565, จาก https://www.metaevent02.com/webevolution
Tangpanitan Manjaiwong. (2022).อะไรคือ Web 3.0 กันแน่ ? ส่องไอเดียอินเทอร์เน็ ตยุคหน้ าที่เขาว่าล้ำ, สืบค้นเมื่อ
24 กันยายน 2565, จาก https://thematter.co/futureverse/what-is-web-3-0/166398

19

อ้างอิงรู ปภาพ

Megaevent. (2022). ตัวอย่าง เว็บอินเทอร์เน็ ตรูปแบบ WEB 1.0. [image]. สืบค้นเมื่อ 24 กันยายน 2565, จาก
https://www.metaevent02.com/webevolution
Nct. (2022). ตัวอย่าง เพจ Facebook รูปแบบ WEB 2.0. [image]. สืบค้นเมื่อ 24 กันยายน 2565, จาก
https://web.facebook.com/NCT.smtown
NooOh. (2022). ตัวอย่าง Cryptocurrency. [image]. สืบค้นเมื่อ 24 กันยายน 2565, จาก
https://www.ineedtoknow.org/cryptocurrency/%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%
B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/

นางสาวนิศาชล แก้วเรือน
รหัส 63161621
หมู่เรียน
ส 63.ค.บ.4.1


Click to View FlipBook Version