สามัคคเี ภทคาํ ฉนั ท์
๑
น.ส.พิมพน ารา อดลุ จันทรศร ม.๖/๓ เลขที่ ๑๕
สารบัญ
ผแู้ ตง่ รูปแบบ ๓
จุดประสงคใ์ นการแต่ง เนือเรองยอ่ ๔
คณุ คา่ งานประพนั ธ์ ๕
ตวั อยา่ งคาํ สมาสในสามคั คเี ภทคาํ ฉันท์ . ๖
ตวั อยา่ งคําสมาสทมี เี สยี งสนธิในสามัคคเี ภทคาํ ฉันท์ ๗
บทประพนั ธส์ ามคั คีเภทคาํ ฉันท์ ๘
วจารณ์ตัวละคร สามคั คีเภทคาํ ฉนั ท์ ๙-๑๐
๒ น.ส.พิมพนารา อดลุ จนั ทรศร ม.๖/๓ เลขท่ี ๑๕
ผู้แต่ง : นายชติ บรุ ทัต
(กวในสมยั รัชกาลที ๖)
นายชิต บรุ ทตั กวในรัชกาลที ๖ ในขณะทีบรรพชาเปนสามเณร
อายุเพยี ง ๑๘ ป ได้เข้าร่วมแต่งฉันทส์ มโภชพระมหาเศวตฉตั รใน
งานราชพิธีฉัตรมงคล รัชกาลที ๖ เมอื อายุ ๒๒ ป ไดส้ ่งกาพยป์ ลกุ ใจลงใน
หนงั สอื พมิ พ์ สมุทรสาร นายชิตมีนามสกลุ เดมิ วา่ ชวางกูร
ได้รับพระราชทานนามสกุล “บรุ ทตั ” จากพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าฯ
ในป ๒๔๕๐ เมืออายุ ๒๓ ป ใชน้ ามปากกาว่า เจ้าเงาะ เอกชน และแมวคราว
รปู แบบ
รูปแบบ แตง่ เปนบทร้อยกรองโดยนําฉนั ท์ชนดิ ต่างๆมาใช้สลับกนั
อยา่ งเหมาะสมกับเนอื หาแต่ละตอนประกอบดว้ ยฉนั ท์ ๑๘ ชนดิ กาพย์ ๒ ชนิด
คือ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘
๓ กาพยฉ บัง ๑๖ กาพยส รุ างคนางค ๒๘
น.ส.พมิ พนารา อดลุ จันทรศร ม๖/๓ เลขท๑่ี ๕
จุดประสงคใ์ นการแตง่
นายชิต บรุ ทตั อาศยั เค้าคาํ แปลของเรองสามคั คเี ภท
มาแต่งเปนคําฉันท์เพือแสดงความสามารถในเชงิ กว
ให้เปนทปี รากฏและเปนพิทยาภร์ประดับบา้ นเมอื ง
เนือเรอื งยอ่
พระเจาอชาตศตั รแู หง กรุงราชคฤห แควนมคธ ทรงมีวัสสการ พราหมณผฉู ลาด
และรอบรศู ลิ ปศาสตรเ ป็นท่ีปรึกษา มพี ระประสงคจ ะขยายอาณาจักรไปยังแควนวชั ชขี อง
เหลากษตั รยิ ล ิจฉวี ซ่ึงปกครองแควน โดยยดึ มัน่ ในอปรหิ านิยธรรม
(ธรรมอนั ไมเ ป็นทีต่ งั้ แหงความเส่ือม) เน นสามัคคีธรรมเป็นหลัก การโจมตแี ควน นี้
ใหไดจะตองทาํ ลายความสามัคคีนี้ใหไดเสียกอน วสั สการพราหมณปุโรหิตทปี่ รกึ ษา
จงึ อาสาเป็นไสศกึ ไปยุแหยใหก ษตั ริยล จิ ฉวีแตกความสามัคคี โดยทําเป็นอุบายกราบทลู
ทัดทานการไปตีแควน วัชชี พระเจา อชาตศัตรูแสรงกริว้ รับสงั่ ลงโทษใหเ ฆ่ยี นวสั สการพรหมณ
อยา งรนุ แรงแลวเนรเทศไปขาวของวสั สการพราหมณไปถงึ นครเวสารีเมอื งหลวงของ
แควน วชั ชี กษตั รยิ ลจิ ฉวีรบั สงั่ ใหวสั สการพราหมณเขารับราชการกับกษตั ริยลจิ ฉวดี ว ยเหตทุ ่ี
เป็นผมู ีสตปิ ัญญา มวี าทศิลปดี มคี วามรอบรใู นศลิ ปะวทิ ยาการ ทําใหก ษตั ริยลจิ ฉวีรับไวใ น
พระราชสาํ นัก ใหพิจารณาคดคี วามและสอนหนังสอื พระโอรส วสั สการพราหมณไดทําหน าที่
อยา งเต็มความรูความสามารถ จนกษตั ริยลิจฉวไี วว างพระทยั ก็ดําเนินอบุ ายขนั้ ตอไป
คือสรางความคลางแคลงใจในหมูพ ระโอรส แลสลุกลามไปถึงพระบดิ า ซ่ึงตา งก็เช่ือพระโอรส
ทําใหข ุนเคืองกันไปทัว่ เวลาผานไป ๓ ปี เหลา กษตั ริยลิจฉวีก็แตกความสามคั คีกันหมด
แมวัสสการ พราหมณตีกลองนัดประชมุ ก็ไมม พี ระองคใ ดมารวมประชมุ วสั สการพราหมณ
จึงลอบสง ขาวไปยังพระเจา อชาตศัตรู ใหท รงยกทัพมาตแี ควน วัชชีไดอยา งงา ยดาย
๔ น.ส.พมิ พน ารา อดุลจนั ทรศร ม.๖/๓ เลขท่ี ๑๕
คณุ คา่ งานประพันธ์
ดา้ นวรรณศิลป
-ใชฉ้ นั ท์ลกั ษณ์ได้อย่างงดงามเหมาะสม
โดยเลอื กฉนั ทช์ นิดต่างๆมาใช้สลบั กันตามความเหมาะสม
กบั เนือเรองจงึ เกดิ ความไพเราะสละสลวย
-ใชภ้ าษาทีเขา้ ใจง่าย เห็นภาพชดั เจน
ด้านสงั คม
-เนน้ โทษของการแตกความสามัคคใี นหมู่คณะ
-ดา้ นจรยธรรม เนน้ ถึงหลกั ธรรม อปรหานยิ ธรรม
ซงึ เปนธรรมอนั ไม่เปนทีตังแหง่ ความเสือม
-เนน้ ถงึ ความสาํ คญั ของการใชส้ ติปญญาตรตรอง
และแก้ไขปญหาตา่ งๆโดยไมต่ ้องใชก้ าํ ลัง
๕ น.ส.พิมพนารา อดุลจันทรศร ม.๖/๓ เลขที่ ๑๕
ตวั อยา่ งคาํ สมาสในสามคั คีเภทคาํ ฉันท์
1. ยุกตบิ าฐบูรณ์ = ยุกติ + บาฐ + บูรณ์ (เรองอนั ชอบด้วยเหตุผล)
2.พทุ ธพจน์ .= พุทธ + พจน์ ( คาํ พดู ของพระพทุ ธเจ้า)
3.ราชวตั .= ราช + วตั (หน้าทีและความประพฤตแิ หง่ พระราชา)
4.ภทิ โทษ = ภทิ + โทษ (โทษของความแตกแยก)
5.ทศธรรม = ทศ + ธรรม (ธรรม ๑๐ ประการ)
6.สิกขสภา = สกิ ข + สภา (หอ้ งเรยน )
7.พาหริ ภาค .= พาหิร + ภาค (ส่วนภายนอก)
8.เศวตฉตั ร = เศวต + ฉตั ร (ฉตั รสขี าว)
9.ศลิ ปศาสตร์ .= ศลิ ป + ศาสตร์ (วชาศิลปะ)
10.ราชบรุ ุษ .= ราช + บรุ ุษ (คนของพระราชา)
11.กลบกกร = กลบก + กร (ช่างตัดผม)
12.ทัณฑพิธ = ทณั ฑ + พธิ (ชนิดของการลงโทษ)
13.ราชมลั = ราช + มลั (เจา้ พนกั งานผ้มู หี น้าทที ําโทษคน)
14.ขรการณ์ = ขร + การณ์ (เหตรุ ้ายแรง )
15.สภาคาร .= สภา + คาร (สถานทปี ระชมุ )
16.ศภุ ยาม = ศุภ + ยาม (เวลาอนั เปน)
17.สหสั นยั น์ .= สหสั + นยั น์(ผ้มู ีพันตา หมายถงึ พระอินทร์)
18.ทินวาร .= ทนิ + วาร (โอกาสในแตล่ ะวนั )
19.พพิ ากษการ = พิพากษ + การ (การตดั สิน)
20.ภีรุกเภทภัย = ภีรุก + เภท + ภัย (ภยั ต่าง ๆ อันเกดิ จากความขขี ลาด)
๖ น.ส.พิมพน ารา อดลุ จันทรศร ม.๖/๓ เลขท่ี ๑๕
ตวั อย่างคําสมาสทมี เี สียงสนธิในสามัคคีเภทคําฉนั ท์
1.เบญจางค = เบญจ + องค (อวยั วะทงั ๕ อย่าง)
2.อนาวรณญาณ = อน + อาวรณ+ ญาณ (ความรู้อนั ไมม่ สี งิ ใดเปนเครองขดั ขอ้ ง)
3.รามาวตาร .= ราม + อวตาร (การแบ่งภาคลงมาเกิดเปนพระราม)
4.อพั ภันตร = อัพภ + อนั ตร (ภายใน)
5.วฒุ ิเสวกากร .= วฒุ ิ + เสวก + อากร (เหลา่ ขา้ ราชการชันผ้ใู หญ)่
6.ปโุ รหติ าจารย์ .= ปโุ รหติ + อาจารย์ (พราหมณ์ผสู้ งั สอนวชาความรู้ )
7.เสนาธิบดี = เสน + อธบิ ดี ( แม่ทัพ)
8.นยาธบิ าย .= นย + อธิบาย ( ขอ้ ความชแี จงอ้างองิ )
9.สขุ าภมิ ัณฑ์ .= สขุ + อภิมณั ฑ์ (เครองประดับอันยิงด้วยความสขุ )
10.ธุโรปถมั ภ์ .= ธุร + อปุ ถัมภ์ (ผูช้ ว่ ยทํากิจธุระ)
11.เวทนาการ = เวทน + อาการ (อาการอันแสดงถงึ ความทกุ ข์ทรมาน)
12.ทชิ าจารย์ .= ทชิ + อาจารย์ (พราหมณผ์ ู้สงั สอนวชาความรู้)
13.วญั จโนบาย = วญั จน + อบุ าย (อุบายหลอกลวง)
14.มนารมณ์ .= มน + อารมณ์ (อารมณแ์ ห่งใจ)
15.วาจกาจารย์ = วาจก + อาจารย์ (อาจารยผ์ ู้สังสอนวชาความรู้)
16.อศั วาภรณ์ = อัศว + อาภรณ์ (เครองประดับม้า)
17.ศัสตราวธุ = ศสั ตร + อาวธุ (อาวธุ ทีมคี ม)
18.พาหนาสน์ .= พาหน + อาสน์(เครองนํามา)
19.พิทยาภรณ์ .= พทิ ย + อาภรณ์ ( เครองประดบั คอื ความรู้)
20.พยุหาธิทพั .= พยหุ + อธิ + ทพั (ทัพอนั ยงิ ใหญ่ดว้ ยไพร่พล)
๗ น.ส.พมิ พนารา อดุลจนั ทรศร ม.๖/๓ เลขท่ี ๑๕
บทประพนั ธ์สามัคคเี ภทคําฉนั ท์
๘ พงึ มรรยาทยดึ สุประพฤตสิ งวนพรรค์
รอรษยาอนั อุปเฉทไมตร
ดังนนั ณ หมูใ่ ด ผิ บ ไร้สมัครมี
พร้อมเพรยงนิพทั ธน์ ี รววาทระแวงกนั
หวงั เทอญมติ ้องสง สยคงประสบพลนั
ซงึ สุขเกษมสนั ต์ หิตะกอบทวการ
ใครเล่าจะสามารถ มนอาจระรานหาญ
หักล้าง บ แหลกลาญ กเ็ พราะพร้อมเพราะเพรยงกัน
ปวยกลา่ วอะไรฝงู นรสงู ประเสรฐครัน
ฤๅสรรพสัตวอ์ ัน เฉพาะมีชีวครอง
แม้มากผิกิงไม้ ผิวใครจะใคร่ลอง
มดั กํากระนันปอง พลหกั กเ็ ต็ม
เหลา่ ไหนผไิ มตร สละลี ณ หมู่ตน
กิจใดจะขวายขวน บ มิพร้อมมิเพรยงกนั
อยา่ ปรารถนาหวงั สุขทังเจรญอนั
มวลมาอบุ ตั ิบรร ลุไฉน บ ไดม้ ี
ปวงทุกข์พบิ ตั ิสรร พภยันตรายกลี
แม้ปราศนยิ มปร ตปิ ระสงค์กค็ งสม
ควรชนประชุมเชน่ คณะเปนสมาคม
สามคั คิปรารม ภนพิ ทั ธรําพงึ
ไปมีก็ใหม้ ี ผวิ มกี ค็ าํ นงึ
เนืองเพือภิยโยจงึ จะประสบสขุ าลัยฯ
น.ส.พมิ พนารา อดลุ จันทรศร ม.๖/๓ เลขที่ ๑๕
วจิ ารณต์ วั ละครเรอื งสามคั คเี ภทคําฉันท์
๑. พระเจา อชาตศตั รู
๑.๑ ทรงมีพระเมตตาตอ พสกนิกรของพระองค ดงั ฉันทท ่ีวา
แวนแควนมคธนครรา- ชคฤหฐ านบูรี
สืบราชวัตวธิ ทวี ทศธรรมจรรยา
เล่อื งหลามหาอุตตมลาภ คณุ ภาพพระเมตตา
แผเพยี งชนกกรุณอา ทรบตุ รธิดาตน
๑.๒ ทรงทํานบุ ํารงุ บา นเมืองใหเ จริญรงุ เรอื ง บานเมืองไดรบั การทาํ นุบํารงุ จน
กระทัง่ มแี สนยานุภาพ ประชาชนสุขสงบ มีมหรสพใหบ ันเทิง เชน
หอรบจะรบั รปิ ผุ ิรอ รณทอ หทยั หมาย
มุง ยุทธยอมชวิ มลาย และประลาตมอิ าจทน
พรอมพรงั่ สะพรบึ พหลรณ พยุหพลทหารชาญ
อาํ มาตยและราชบรวิ าร วฒุ ิเสวกากร
เนืองแนนขนัดอศั วพา หนชาติกุญชร
ชาญศกึ สมรรถสุรสมร ชยเพิกรปิ ูภินท
กลางวนั อนันตคณนา นรคลาคละไลเนือง
กลางคนื มหสุ สวะประเทือง ดุรยิ ศพั ทดดี สี
บรรสานผสมสรนินาท พณิ พาทยแ ละเภรี
แซโ สตสดบั เสนาะฤดี อุระล้ําระเรงิ ใจ
๑.๓ ทรงมีพระราชดํารจิ ะแผพระบรมเดชานุภาพ โดยจะกรธี าทัพไปตีแควน วัชชี
ดังนี้
สมัยหน่ึงจ่ึงผภู ูมิบาล ทรงจนิ ตนาการ
จะแผอ ํานาจอาณา
ใหราบปราบเพ่ือเก้ือปรา- กฎไผทไพศา
ลรัฐจังหวัดวชั ชี
๑.๔ ทรงมีความรอบคอบ เม่ือทรงทราบวา คณะกษตั รยิ ลจิ ฉวยี ดึ มนั่ ในสามคั คีธรรม
จึงทรงมีพระราชดําริวา
ศกึ ใหญใ ครจ ะพยายาม รบเรา เอาตาม
กําลงั กห็ นักนักหนา
๙จาํ จกั หักดว ยปัญญา รอกอ นผอนหา
อุบายทําลายมูลความ น.ส.พมิ พนารา อดุลจนั ทรศร ม.๖/๓ เลขท่ี ๑๕
วจิ ารณต์ วั ละครเรืองสามัคคเี ภทคาํ ฉนั ท์
๒. วสั สการพราหมณ
๒.๑ รกั ชาตบิ านเมือง ยอมเสยี สละเพ่อื ประเทศชาติ เม่อื พระเจา อชาตศัตรทู รงปรึกษา
กบั วสั สการพราหมณเร่อื งทจ่ี ะทรงแผพ ระบรมเดชานภุ าพเอาเมอื งวัชชไี วในครอบครอง
และวสั สการพราหมณกราบทลู กลอุบายและวธิ กี ารนัน้ วัสสการพราหมณจะตองกราบทูลขดั
แยงพระราชดํารขิ องพระเจาอชาตศตั รทู ําใหถกู ลงพระราชอาญาอยางหนัก
แตวสั สการพราหมณก็ยอมรับ ทัง้ นี้เพ่ือจะไดไ ปอาศยั อยทู ี่แควน วชั ชแี ละดําเนินอบุ ายทาํ ลาย
ความสามคั คีไดสะดวก
๒.๒ จงรกั ภักดตี อพระเจาอชาตศัตรู ดังฉันทที่พรรณนาไวตอนวัสสการพราหมณตอ งโทษ
๒.๓ วสั สการพราหมณเป็นคนเฉลียวฉลาด มีไหวพริบและรอบคอบในการดําเนินกลอบุ าย
ดวยความเฉียบแหลมลึกซ้งึ รูการควรทาํ และไมค วรทาํ รอจังหวะและโอกาส การดําเนินงาน
จึงมขี ัน้ ตอน มีระยะเวลา นับวาเป็นคนมแี ผนงาน ใจเยน็ ดําเนินงานดว ยความรอบคอบ มสี ติ
เป็นคุณลักษณะที่ทําใหว ัสสการพราหมณดาํ เนินกลอุบายจนสาํ เรจ็ ผล เหน็ ไดช ดั เจนในขณะที่
วสั สการพราหมณเขาเฝ าฯกษตั ริยลจิ ฉวีและไดก ลา วสรรเสริญน้ําพระราชหฤทยั กษตั ริยล จิ ฉวี
ทําใหเ กิดความพอพระราชหฤทัย
๒.๔ มีความรอบคอบ แมวาวัสสการพราหมณจะรชู ดั วาบรรดากษตั รยิ ลจิ ฉวีแตกความ
สามคั คีกนั แลว แตดว ยความรอบคอบก็ลองตีกลองเรียกประชุม บรรดากษตั รยิ ลิจฉวกี ็ไมเสด็จ
มาประชุมกันเลย
๓. กษัตริยล จิ ฉวี
๓.๑ ทรงตัง้ มัน่ ในธรรม กษตั รยิ ลิจฉวีลว นทรงยดึ มนั่ ในอปรหิ านิยธรรม
(ธรรมอันไมเป็นท่ีตงั้ แหง ความเส่ือม) ๗ ประการ
๓.๒ ขาดวิจารณญาณ ทรงเช่อื พระโอรสของพระองคท ่ที ูลเร่ืองราวซ่งึ วสั สการพราหมณ
ยุแหยโ ดยไมทรงพจิ ารณา
๓.๓. ทฐิ ิเกินเหตุ แมเม่อื บา นเมืองกาํ ลงั จะถูกศัตรรู ุกราน
๑๐ น.ส.พมิ พน ารา อดุลจนั ทรศร ม.๖/๓ เลขท่ี ๑๕