WORLD of
DINOSAURS
เมื่อหลายลา้ นปี ก่อน โลกไดก้ าเนิด
สิ่งมีชีวติ ขนาดใหญ่ข้ึนมาบนโลกมีหลาย
เผา่ หลายสายพนั ธุ์ท้งั ประเภทกินเน้ือและ
กินพืชเป็นอาหาร ตา่ งฝ่ ายกต็ ่างไดร้ ับ
สมญานามวา่ เป็นนกั ล่า โดยเฉพาะ ทีแร็กซ์
และแร็พเตอร์ นบั วา่ เป็นนกั ล่าในยคุ
จูลลาสสิค และไดโนเสาร์ท่ีกินพชื เป็น
อาหารกจ็ ะมีรูปแบบการป้ องกนั ตวั ท่ี
แตกต่างกนั ไป เพ่อื เป็นป้ องกนั ตนเอง
ใหไ้ ม่ถกู เป็นเหยอ่ื ของไดโนเสาร์กินเน้ือ
เช่น มีหนามที่แหลมคม มีเขาปลายแหลมที่
ยนื ออกจากศีรษะ และมีช้นั ผวิ หนงั ที่หนา
สายพนั ธุ์ของไดโนเสาร์กต็ อ้ งสิ้นสุดลงเพราะตอ้ งเผชิญกบั หายนะ อนั ใหญ่หลวง
ของโลกจากกลุม่ หินอุกกาบาตท่ีพงุ่ ชนเขา้ ถลม่ โลกอยา่ งบา้ คลงั่ ทาใหส้ ่ิงมีชีวติ
ตอ้ งจบสิ้นลงไปเพราะไม่อาจทนความร้อนได้ ทอ้ งฟ้ าเตม็ ไปดว้ ยเขม่าและควนั ไฟ
ท่ีโพยพงุ่ โลกเตม็ ไปดว้ ยความมืดมิดไม่มีแสงสวา่ ง และเป็นเช่นน้นั อยหู่ ลายปี
โลกกเ็ ร่ิมเยน็ ข้ึน ๆ เร่ือย ๆ และตอ่ มากเ็ ร่ิมเขา้ สู่ภาวะปกติ เร่ิมเขา้ ยคุ ใหม่ท่ี
ก่อกาเนิดส่ิงมีชีวิตยดุ ใหม่เขา้ มาแทนท่ีสัตวใ์ หญ่เหล่าน้ี ท่ีเคยดารงชีวติ อยบู่ นโลก
คงเหลือแต่ซากเถา้ กระดูกและฟอสซิลใหเ้ ห็นมาจนตราบเท่าทุกวนั น้ี
การคน้ พบไดโนเสาร์ชนิดใหม่นกั โบราณชวี วทิ ยา
ได้แบง่ ไดโนเสาร์ออกเปน็ 2 กลมุ่ ดังนี้
พวกออร์นธิ สิ เชยี น พวกซอรสิ เซียน
เป็ นไดโนเสาร์ท่ีมีโครงสร้างของมี เป็ นไดโนเสาร์ท่ีมีโครงสร้างของ
กระดูกเชิงกรานเป็นแบบนก คือ กระดูก กระดูกเชิงกรานเป็ นแบบ
ท้งั สอง พิวบิสและอิสเชียมช้ีไปทางดา้ น
หลงั ฟันเช่นเดียวกนั กบั ไดโนเสาร์จาพวก สตั วเ์ ล้ือยคลาน คือ กระดูก พวิ บิส
และอิสเซียมแยกออกจากกนั เป็น
ซอโรพอด เป็นตน้
มุมกวา้ ง เป็นตน้
1. ไดโนเสารก์ นิ เน้อื
คอมซอกนาทัส
เป็นไดโนเสาร์สกลุ เทอโรพอด
ที่ตวั เลก็ ท่ีสุดในโลก ลาตวั ยาวประมาณ
70 เซนติเมตร และมีน้าหนกั เพยี ง 3
กิโลกรัม ไดโนเสาร์ชนิดน้ีอาศยั อยใู่ นยคุ
ครีเทเชียสตอนตน้ มนั ล่าสตั ว์ ตวั เลก็ ๆ
อยา่ งแมลง หรือหนู เป็นอาหาร
ชาร์ชาโรดอนโตซอรสั
หน่ึงในไดโนเสาร์กินเน้ือท่ีสูงและ
มีน้าหนกั มากท่ีสุดในโลก มนั สูงประมาณ
13 เมตร และหนกั ประมาณ 10-15 ตนั
มีขากรรไกรขนาดใหญ่ และมีฟันท่ีแหลม
คม มนั สูงกวา่ เจา้ ทีเร็กซ์ แต่พอ ๆ กบั กิกา้
โนโตซอรัส และมีสมองที่เลก็ วา่ ทีเร็กซ์
คาร์ชาโรดอนโทซอรัส
เป็ นหน่ึงในไดโนเสาร์กินเน้ือที่มีขนาดใหญ่
มหึมาและมีความแขง็ แรงมากที่สุด มีขนาด
ประมาณ 13 เมตร อาศยั และดารงชีวติ อยใู่ น
ยคุ จูราสสิค เม่ือประมาณ 93-100 ลา้ นปี ก่อน
มีฟันท่ีแหลมคมและมีขากรรไกร
ท่ีมีขนาดใหญ่มาก
กิก้าโนโตซอรสั
เป็น 1 ใน 3 ไดโนเสาร์กินเน้ือที่มีขนาด
ใหญ่โตและดุร้ายท่ีสุด มีความยาว
ประมาณ 13.5 เมตร มีน้าหนกั อยรู่ ะหวา่ ง
6.5-13.3 ตนั ความยาวของกะโหลกศีรษะ
1.95 เมตร ขนาดของมนั ยาวกวา่ ไทรันโน
ซอรัส แต่เลก็ กวา่ สไปโนซอรัส
2. ไดโนเสารก์ นิ พชื
เคนโทรซอรสั
เป็นไดโนเสาร์กินพืช ช่ือของมนั มี
ความหมายวา่ กิ้งก่าแหลมคม เพราะลาตวั
ส่วนหนา้ ของมนั มีแผงกระดูกอยสู่ ่วนจาก
หลงั ถึงหางของมนั มีหนามแหลมคมอยู่
มนั ยาว 3-5 เมตร พบที่แอฟริกา อาวธุ หลกั
ของมนั คือหนามยาวหน่ึงคู่ตรงหาง
แพลททีโอซอรัส
เป็นไดโนเสาร์กินพชื จาพวกคอยาวรุ่นแรกๆ
ของโลก หนกั กวา่ 3 ตนั และมีลาตวั ยาวถึง
8 เมตร และมีหางยาวประมาณ 3 เมตร อาศยั
อยใู่ นช่วงยคุ จูแรสซิก เม่ือราวๆ 155 -145
ลา้ นปี ก่อน ดารงชีวติ อยรู่ วมเป็นฝงู ใหญ่
จดั เป็นไดโนเสาร์ในกล่มุ ซอโรพอด
ไทรเซอราทอปส์
เป็น 1 ในไดโนเสาร์ชนิดสุดทา้ ย หนกั ราว ๆ
6-8 ตนั และยาวไดก้ วา่ 6-10 เมตร โดยทวั่ ไป
ไทรเซอราทอปส์จะกินเฟรินและสน ซ่ึงเป็น
พชื เน้ือหยาบมนั จึงมีจงอยปากคลา้ ยนกแกว้
ไวต้ ดั พืช ไทรเซอราทอปส์ มีวถิ ีชีวิตคลา้ ย
แรดอยรู่ วมเป็นฝงู เลก็
สเตโกซอรัส
เป็ นไดโนเสาร์จาพวกสะโพกนกที่มีเกราะ
ป้ องกนั ตวั จาพวกแรก ๆ มีลกั ษณะโดดเด่น
คือมีขาหนา้ ส้ัน และปากเลก็ มีแผน่ เกลด็
เรียงบนหลงั ยาวไปจนถึงปลายหางแผน่ เกลด็
น้ีมีไวข้ ่ศู ตั รูโดดสูบฉีดเลือดไปท่ีเกลด็ และมี
ไวเ้ พือ่ ช่วยในการควบคุมอณุ หภูมิร่างกาย
3. ไดโนเสารม์ ปี กี
เทอโรซอร์
ถกู คน้ พบคร้ังแรกในรูปแบบซากดึกดา
บรรพใ์ นยคุ ศตวรรษท่ี 19 โดยบรรพบุรุษ
ของเทอโรซอร์น้นั มีรูปร่างเลก็ มาก โดยมี
ขนาดพอๆ กบั นกกระจอกในยคุ ปัจจุบนั ที่
มีความกวา้ งของปี กแค่ 0.5 เมตร เชื่อกนั วา่
อาศยั อยใู่ นป่ าทึบกินแมลง
เทอราโนดอน
เป็นสกลุ หน่ึงของเทอโรซอร์ ซ่ึงรวมถึง
สตั วเ์ ล้ือยคลานที่บินไดท้ ่ีรู้จกั กนั ส่วนใหญ่
ขนาดของปี กยาวมากกวา่ 6 เมตร (20 ฟุต).
พวกมนั อาศยั อยใู่ นช่วงยคุ ครีเทเชียสตอน
ปลาย
เควทซาลโคทลัส
เป็นไดโนเสาร์ท่ีมีลกั ษณะการบินแบบ
เดียวกบั คา้ งคาว เม่ืออยกู่ บั พ้ืนจะใชว้ ิธีการ
ทะยานตวั ออกไปจากท่ายนื ส่ีเทา้ โดยรยางค์
ของร่างกาย มีตีนขนาดเลก็ เพือ่ ช่วยลดแรง
ตา้ น เมื่อบินสามารถปรับเปล่ียนท่าทางการ
บินไดเ้ ลก็ นอ้ ย
แฮทเซโกปเทอริกซ์
อยใู่ นหมู่ของ azhdarchids มีขนาดยกั ษ์ มี
กะโหลกศีรษะกวา้ งมากที่มีกลา้ มเน้ือมดั
ใหญ่ กระดกู ท่ีมีเน้ือภายในเป็นรูพรุน
แทนที่จะเป็นโพรง และคอที่ส้นั แขง็ แรง
และมีกลา้ มเน้ือหนกั ยาว 1.5 เมตร (5 ฟตุ )
ซ่ึงยาวประมาณคร่ึงหน่ึงของความยาวของ
azhdarchids อ่ืนๆ ที่มีปี ก
4. ไดโนเสารท์ ี่อาศยั อยู่ในน้า
เพลซโิ อซอรสั
เป็นสตั วเ์ ล่ือยคลานท่ีอาศยั อยใู่ นน้าและ
เร่ิมแพร่หลายจานวนมากในยคุ จูราสสิค
นกั วิทยาศาตร์ไม่ไดจ้ ดั หมวดหมู่วา่ พวก
มนั เป็นไดโนเสาร์ พวกมนั เป็นสัตวก์ ิน
เน้ือ โดยเฉพาะปลาท่ีอยใู่ นน้า หายใจทาง
อากาศดว้ ยออกซิเจน ลาตวั ยาว 2 เมตร
อิคธิโอซอรสั
เป็นสตั วท์ ี่อาศยั อยใู่ นมหาสมุทร แต่ไม่ใช่
ไดโนเสาร์ ผิวหนงั พวกมนั ล่ืน และมี
กระโหลกท่ีใหญ่ มีสายตาท่ีดีและไดย้ นิ
เสียงไดด้ ีมากๆ พวกมนั วา่ ยน้าไดเ้ ร็วถึง 40
กิโลเมตรต่อชว่ั โมง ที่หาอาหารโดยการลา่
ปลาตวั เลก็ ๆ ความยาวลาตวั ประมาณ 2
เมตร และ หนกั 90 กิโลกรัม
โมซาซอรัส
เป็นนกั ล่าที่ดุร้ายยคุ ก่อนประวตั ิศาสตร์ เข้ียว
และฟันของมนั จะมีลกั ษณะงุม้ เขา้ หากกดั
เหยอ่ื เมื่อใดเท่ากบั การหน่ั เหยอ่ื ใหอ้ อกเป็น
ชิ้นเลก็ ๆ อาศยั อยเู่ มื่อราว 70-66 ลา้ นปี ท่ีแลว้
ลาตวั ของมนั ยาวประมาณ 18 เมตร แต่มี
ความวอ่ งไว และมีความดุร้ายมากๆ
ไพลโอซอรสั
เป็นนกั ล่าท่ีดุร้ายท่ีสุดในยคุ ก่อน
ประวตั ิศาสตร์ เข้ียวและฟันของมนั จะมี
ลกั ษณะแหลมคม หากกดั เหยอื่ เมื่อใด
เท่ากบั การหน่ั เหยอ่ื ใหอ้ อกเป็นชิ้นเลก็ ๆ
มนั เคยแหวกวา่ ยในมหาสมุทรเมื่อ
ประมาณ 135 ลา้ นปี ท่ีแลว้
1. ยคุ ไทรแอสสกิ
โลกถกู ปกคลุมดว้ ยป่ าไมจ้ านวนมาก ในป่ ายคุ ไตรแอสสิกช่วงแรกน้นั มีสตั วใ์ หญ่ไม่มากนกั
สตั วป์ ี กท่ีใหญ่ท่ีสุดคือแมลงปอยกั ษท์ ่ีปี กกวา้ งถึง 2 ฟุต และไดช้ ื่อวา่ เป็นนกั ล่าเวหาเพียงชนิด
เดียวของยคุ น้ี เนื่องจากในช่วงปลายของยคุ เปอร์เมียนเกิดการสูญพนั ธุค์ ร้ังใหญ่ของส่ิงมีชีวิตทา
ใหพ้ วกสตั วเ์ ล้ือยคลานก่ึงเล้ียงลกู ดว้ ยนมจานวนมาก สูญพนั ธุ์ไปพวกที่เหลอื ไดส้ ืบทอดเผา่ พนั ธุ์
มาจนถึงตน้ ยคุ ไตรแอสสิกในกลุ่มสตั วเ์ หล่าน้ีเจา้ ซินนอกนาตสั เป็นสตั วน์ กั ลา่ ท่ีน่าเกรงขามที่สุด
2. ยคุ จูราสสกิ
ไดโนเสาร์ครอบครองโลกไดส้ าเร็จในตอนปลายยคุ ไตรแอสสิก จนเม่ือเขา้ ถึงยคุ จรู าสสิก
พวกมนั กข็ ยายเผา่ พนั ธุ์ไปทวั่ โลกในยคุ น้ีผนื แผน่ ดินถูกปกคลุมดว้ ยพืชขนาดยกั ษจ์ าพวกสนและ
เฟิ ร์นอยา่ งไรกต็ ามไดเ้ ร่ิมมีพืชดอกปรากฏข้ึนเป็นคร้ังแรกในช่วงกลางของยคุ น้ีนบั วา่ เป็นจุดเร่ิม
ของการขยายพนั ธุ์รูปแบบใ หม่ของพวกพืชในยคุ จรู าสสิกนบั ไดว้ า่ เป็นยคุ ท่ีพวกไดโนเสาร์คอ
ยาวตระกลู ซอโรพอด (Sorropod) ขยายเผา่ พนั ธุ์อยา่ งกวา้ งขวาง
3. ยุคครเี ตเซียส
ยคุ ครีเตเชียสเป็นยคุ ที่ต่อจากยคุ จูแรสสิกสตั วเ์ ล้ือยคลานเจริญ
มากในยคุ น้ี ท่ีประเทศญ่ีป่ ุนกม็ ีการคน้ พบพวกไดโนเสาร์คอยาว
อีลาสโมซอรัส พวกกิ้งก่าทะเลโมซาซอร์อยา่ งไฮโนซอรัส และอาเค
รอน เป็นพวกเต่าอาศยั อยใู่ นทะเล บนทอ้ งฟ้ ากม็ ีเคอาร์โคโทรุสซ่ึงมี
ขนาดปี กยาวถึง 15 เมตร บินอยมู่ ากมาย ยคุ น้ีเป็นยคุ ท่ีไดโนเสาร์มี
การพฒั นาตวั เองอยา่ งมาก พวกซอริสเชียนท่ีกินเน้ือมีตวั ขนาดใหญ่
ไดแ้ ก่ อลั เบอร์โตโตซอรัส ไทรันโนซอรัส กป็ รากฏในยคุ น้ี แต่วา่
ก่อนจะหมดยคุ ครีเตเชียส น้นั อากาศกเ็ ริ่มเปลี่ยนแปลงไดโนเสาร์
บางพวกเร่ิมตายลงและสูญพนั ธุห์ ลงั จากไดโนเสาร์สูญพนั ธุไ์ ปแลว้
สตั วเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนมกม็ ีบทบาทข้ึนมาบนโลก
ไดโนเสาร์พวกแรกปรากฏข้ึนในโลกช่วงตอนปลายของยคุ ไทรแอสซิก เมื่อกวา่
225 ลา้ นปี ก่อนเป็นเวลาที่ทวปี ท้งั หลายยงั ตอ่ เป็นผนื เดียวกนั สัตวเ์ ล้ือยคลานพวก
น้ีมีชีวติ อยู่ และมีววิ ฒั นาการตลอดระยะเวลาอนั ยาวนานถึง 160 ลา้ นปี กระจดั
กระจายแพร่หลายอยทู่ วั่ ไปในโลก และไดส้ ูญพนั ธุ์ไปหมดในปลายยคุ ครีเทเชียส
หรือเมื่อ 65 ลา้ นปี ที่ลว่ งมาแลว้ ไดโนเสาร์ไดเ้ จริญพนั ธุ์แพร่หลายเป็นเวลา
ยาวนาน และตลอดช่วงเวลาอนั ยาวนานน้ีไดม้ ีวิวฒั นาการออกเป็นวงศส์ กลุ ต่างๆ
มากมาย เท่าท่ีคน้ พบ และจาแนกแลว้ ประมาณ 340 ชนิด และคาดวา่ ยงั มีอีกเป็น
จานวนมากท่ีกาลงั รอการคน้ พบอยใู่ นที่ต่าง ๆ ทว่ั โลก รวมท้งั ประเทศไทยที่เป็น
แหล่งหน่ึงซ่ึงมีหินตะกอนท่ีสะสมตวั อยใู่ นช่วงเวลาที่มีไดโนเสาร์เคยอาศยั อยู่
ซากดึกดาบรรพม์ ีหลายชนิด อาจเป็นสิ่งที่มีความคงทนยากตอ่ การทาลาย เช่น
ฟัน กระดกู หรือ เปลือก แต่ในบางสภาวะ อาจมีการเกบ็ รักษาซากสัตวท์ ้งั ตวั ให้
คงอยไู่ ด้ เช่น ชา้ งแมมมอท ที่ไซบีเรีย การเปลี่ยนแปลงจากซากสิ่งมีชีวิตมาเป็น
ซากดึกดาบรรพน์ ้นั เกิดไดใ้ นหลายลกั ษณะ โดยท่ีเม่ือส่ิงมีชีวติ ตายลง ส่วนต่างๆ
ของส่ิงมีชีวติ จะคอ่ ยๆถกู เปลี่ยน ช่องวา่ ง โพรง หรือรู ตา่ งๆในโครงสร้างอาจมี
แร่เขา้ ไปตกผลึกทาใหแ้ ขง็ ข้ึน เรียกขบวนการน้ีวา่ การกลายเป็นหิน หรือ เน้ือเย้อื
ผนงั เซลล์ และส่วนแขง็ อื่นๆ ถกู แทนท่ีดว้ ยแร่ โดยขบวนการแทนท่ีเปลือกหอย
หรือสิ่งมีชีวติ ท่ีจมอยตู่ ามช้นั ตะกอน เม่ือถกู ละลายไปกบั น้าบาดาล จะเกิดเป็น
รอยประทบั อยบู่ นช้นั ตะกอน ซ่ึงเรียกลกั ษณะน้ีวา่ รอยพมิ พ์
ซากดึกดาบรรพส์ ามารถจาแนกออกเป็นประเภทต่างๆไดห้ ลายลกั ษณะ ท้งั น้ี
ข้ึนอยกู่ บั วา่ จะใชห้ ลกั เกณฑอ์ ะไรเป็นบรรทดั ฐาน การพยายามจาแนกตามหลกั
อนุกรมวธิ านตามแบบชีววทิ ยา อาจพบกบั ขอ้ จากดั เนื่องจากส่วนใหญ่แลว้ ซาก
ดึกดาบรรพม์ กั เป็นส่วนซากเหลือจากการผพุ งั สลายตวั ส่วนใหญ่เป็นส่วนท่ีแขง็
มีความทนทานต่อการผพุ งั สลายตวั สูงกวา่ ส่วนท่ีเป็นเน้ือเยอ่ื ออ่ นนุ่ม เช่น
กระดูก ฟัน กระดอง เปลือก และสารเซลลโู ลสของพชื บางส่วน อยา่ งไรกต็ าม
เพือ่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ประเภทนกั วจิ ยั ซากดึกดาบรรพ์ (นกั บรรพชีวินวทิ ยา)
ในปัจจุบนั ในที่น้ีจะจาแนกซากดึกดาบรรพอ์ อกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่
ซากดกึ ด้าบรรพ์ ซากดกึ ด้าบรรพ์ ซากดึกด้าบรรพ์
สตั ว์ สตั วม์ กี ระดกู สัตวไ์ มม่ ีกระดกู
สนั หลงั สันหลงั
เมื่อศึกษาจานวนซากดึกดาบรรพท์ ่ีพบได้ พบวา่ มีปริมาณนอ้ ยมาก เมื่อเทียบกบั
ปริมาณส่ิงมีชีวติ ท้งั หลายที่เคยมีชีวติ อยใู่ นโลก ซากส่ิงมีชีวติ ส่วนใหญ่ถกู ทาลาย
ไปตามธรรมชาติ ดงั น้นั การเกบ็ รักษาซากส่ิงมีชีวติ จนกระทงั่ กลายเป็นซากดึก
ดาบรรพ์ จึงมีความจาเป็นท่ีจะตอ้ งมีสภาวะท่ีพิเศษ ซ่ึงไดแ้ ก่ การตกลงตวั และถกู
เกบ็ รักษาไวอ้ ยา่ งรวดเร็ว เพ่อื เป็นการป้ องกนั การถกู ทาลายจากธรรมชาติ และ
การที่ตอ้ งมีส่วนท่ีแขง็ ของส่ิงมีชีวติ ซ่ึงเป็นส่วนท่ีถกู เกบ็ รักษาไดง้ ่ายกวา่ ส่วนที่
นิ่ม ซากดึกดาบรรพท์ ี่พบในหิน มีความสาคญั อยา่ งมาก มนั แสดงใหเ้ ห็นถึง
ววิ ฒั นาการของส่ิงมีชีวติ ชนิดตา่ งๆ ใชเ้ ป็นตวั กาหนดอายขุ องหิน และนามาใช้
เป็นหลกั ฐานในการหาความสัมพนั ธ์ของช้นั หินในบริเวณต่าง ๆ