The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

จัดทำโดย
นางสาวทิพรัตน์ สุขหลาย
นางสาวภาวิดา เกทะโล
นางสาวศศิประภา แจ้งสว่าง
นางสาวมณฑิรา เสริฐกระโทก
นางสาวเพ็ญนภา โสนะชัย
นางสาวดวงพรญวรรณ ชาวเวียง
ชั้นปีที่ 2 คณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by happypomelo_, 2021-08-14 13:36:14

E-book ยารักษาโรคกระเพาะ (ยับยั้งการลั่งกรด)

จัดทำโดย
นางสาวทิพรัตน์ สุขหลาย
นางสาวภาวิดา เกทะโล
นางสาวศศิประภา แจ้งสว่าง
นางสาวมณฑิรา เสริฐกระโทก
นางสาวเพ็ญนภา โสนะชัย
นางสาวดวงพรญวรรณ ชาวเวียง
ชั้นปีที่ 2 คณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี

โรคกระเพาะอาหาร

โรคกระเพาะอาหาร (Gastritis) เป็นโรคท่พี บได้บ่อยในทกุ เพศทกุ วัย
เกิดจากการอกั เสบหรือการระคายเคอื งบรเิ วณเยือ่ บุภายในกระเพาะอาหาร

เกดิ ขน้ึ ไดท้ ง้ั แบบเฉยี บพลันหรือมอี าการบอ่ ยครัง้ เป็นระยะเวลานาน
จนเกิดการอักเสบเรื้อรงั ทาใหเ้ กิดแผล ซึง่ หากละเลยหรือปลอ่ ยทิง้ ไว้
เป็นระยะเวลานานโดยไมร่ ักษา อาจมีภาวะเลอื ดออกในกระเพาะอาหาร
ลาไสเ้ ปน็ แผลทะลแุ ละเพม่ิ ความเสย่ี งในการเป็นโรคมะเรง็ กระเพาะอาหาร

ยาที่ใช้ในโรคกระเพาะอาหาร ประกอบดว้ ยยาในกลุ่มต่อไปนี้

ยารักษาโรคแผล
ในทางเดนิ อาหาร

(Drugs used in peptic ulcer disease)

โรคแผลในทางเดนิ อาหารมสี าเหตกุ ารเกิดหลายอยา่ ง ในปจั จบุ ันน้เี ปน็ ทย่ี อมรับวา่
การตดิ เชือ้ แบคทีเรยี Helicobacter pylori (H.pylori) เปน็ สาเหตุหลักของการเกิด

แผลในทางเดินอาหาร รองลงมาคอื การใช้ยาต้านการอักเสบทไี่ ม่ใช่สเตอรอยด์
(NSAIDs) และสาเหตอุ น่ื ๆ อกี เล็กนอ้ ย ยาทใี่ ชอ้ าจออกฤทธิ์โดยการสะเทินฤทธก์ิ รด

ยบั ย้งั การหลั่งกรด หรือปกปอ้ งเยือ่ บุทางเดนิ อาหาร รวมทัง้ การใช้ยาปฏิชีวนะ
ในการขจัดเชอื้ H.pylori ในกรณที ี่ตรวจพบวา่ มีการตดิ เช้ือดังกลา่ ว

หลกั การรกั ษา : จัดแบ่งยาตามกลไกการออกฤทธท์ิ ่ีมุ่งเนน้ การปรับ
สมดุลของปจั จยั คกุ คามและกลไก การป้องกันเย่อื เมอื กทางเดนิ
อาหาร เป็น 3 กลุ่ม

1. กลมุ่ ทล่ี ดความเป็นกรด โดยการยับย้ังการคดั หลั่งกรดหรอื โดยสะเทนิ กรด
จากการคดั หลัง่ กรดจะเห็นว่าเราอาจลดการคัดหลง่ั กรดได้ดว้ ยสารหลายกลมุ่
อนั ไดแ้ ก่ 1.1 Proton pump inhibitors (PP) ยบั ยงั้ เอนไซม์ H+, K+−ATPase

มีประสทิ ธภิ าพการยับยั้งสงู
1.2 H2 - receptor antagonists ซ่งึ ยบั ยงั้ ผลของ histamine ตอ่ การ

คัดหลง่ั กรดโดยตรง
1.3 Anticholinergic agents ปดิ กัน้ muscarinic receptor ลดการ

คดั หล่งั กรดแตม่ ีประสิทธิภาพตา่
1.4 Antacid ยาทใ่ี ชเ้ พอื่ สะเทนิ กรดในกระเพาะอาหารเปน็ สารท่ีมีฤทธิ์

เป็นด่าง กลุ่มนท้ี ่ีเรยี กว่า ยาลดกรด (Antacids)

2. กลมุ่ cytoprotectives เพ่ือเสรมิ สรา้ งกลไกการปอ้ งกันตัวตา่ งๆของเยื่อเมอื ก
กระเพาะอาหาร ยากลุม่ นี้ เชน่ sucralfate, bismuth compounds,
prostaglandin analogs

3. กลมุ่ ยาที่ใช้รักษาการติดเชอื้ แบคทีเรยี H. pylori

หลกั การสาคัญของการกาจัดเช้ือ คอื
1.) ไมใ่ ชย้ าปฏิชีวนะตวั เดยี วเพราะไม่ไดผ้ ลและด้อื ยาง่ายขึน้ ควรใชย้ าปฏชิ วี นะ 2 หรอื

3 ตัวร่วมกบั ยาลดการคดั หลง่ั กรด เปน็ สตู รยาผสมที่กาจดั เช้อื ไดด้ ีทีส่ ดุ
2.) การใช้ PPIs จะเพมิ่ ฤทธก์ิ ารกาจัดเชอ้ื ของยาปฏิชีวนะทีม่ ี amoxicillin หรอื

clarithromycin
3.) การใช้ยาผสม 10-14 วนั ให้ผลทด่ี กี ว่าระยะเวลาท่สี ั้นกวา่ นน้ั โดยท่ัวไปใช้ 14 วัน
4.) ความร่วมมือของคนไข้ขึ้นกบั อาการขา้ งเคียงจากการใช้ยาผสมและความไม่สะดวก

จากการใชย้ า 3 หรือ 4 ตวั วนั ละหลายครง้ั
5) การดื้อยา clarithromycin เปน็ ปจั จยั สาคัญที่ทาใหก้ ารกาจัดเช้ือล้มเหลว การดื้อยา

clarithromycin เกยี่ วข้องกบั การกลายพนั ธข์ุ องเช้อื ทาใหย้ าจับกับ ribosome ของเชอื้ ไม่ได้
มกั เปน็ การด้อื ยาแบบสมบูรณ์

ยาตานการอาเจียน

(Antiemetic drugs)

 ยาต้านโคลิเนอร์จิก (Anticholinergic drugs)

กลไกการออกฤทธิ์ : ออกฤทธ์ิปดิ ก้นั ตวั รับมาคารนิ ิกในสมอง และลดความไวของ
ตัวรบั ทอ่ี วัยวะ ควบคมุ การทรงตัว นอกจากน้ฤี ทธ์ิทท่ี าใหง้ ว่ งนอนยังชว่ ยเสริมฤทธิ์
ระงับการอาเจยี น

 ยาต้านฮีสตามีน-1 (Histamine H,-receptor antagonists)

กลไกการออกฤทธ์ิ :
- ยาต้านฮีสตามีน- 1 ที่มีการนามาใช้ประโยชนใ์ นการต้านอาเจียนพบวา่ จะตอ้ งมีฤทธใ์ิ น
การปิดกัน้ ตัวรับมาสครินิกทีส่ มองสว่ นชีรีเบลลัมด้วย ส่วนยาท่ีมีฤทธ์ปิ ดิ กัน้ ตวั รบั ฮสี ตามีน
อยา่ งแรงเพยี งอยา่ งเดยี ว
- ชนิ นาริซีน มีฤทธยิ์ ับยั้งต่อช่องผา่ นแคลเซยี ม (calcium channel) ด้วย จงึ ยบั ยงั้ การนา
แคลเซยี มไปท่เี ซลลป์ ระสาทรับความรู้สึกทอ่ี วยั วะควบคมุ การทรง
- ไซคลซิ นี ไม่มีผลตอ่ ตัวรับมาสคาวินกิ แต่ใช้ไดผ้ ลในการอาเจยี นเนอื่ งจากเพ่ิมแรงของ
หรู ดู หลอดอาหารสว่ นลา่ ง (lower esophageal sphincter pressure)
- โปรเมททาชีน มีฤทธ์ิปดิ กน้ั ตัวรับมาสคารนิ กิ ตวั รบั ฮลี ตามีนสูงมาก และยงั ปดิ กัน้ ตัวรบั
โดปามนี -2 ได้อกี ดว้ ย

 ยาตา้ นโดปามนี -2 (Dopamine D2-receptor antagonist)

1. กลุ่มพีโนไทอะซีน ได้แก่ โปรคลอรเ์ ปปราซนี (prochlorperazine), เปอรเ์ ฟนาชีน
(perphenazine) และ ไตรเอทีลเปอราชีน ( triethylperzine)
2. กลมุ่ บวิ ไทไรฟิโนน (butyrophenone) ได้แก่ ดรอเปอริดอล (droperidol) ฮาโล
เปอริดอล (haloperidol)
3. กล่มุ อนื่ ๆ ได้แก่ เมโตโคลปราไมด์ (metoclopramide) และดอมเพอริโดน
(domperidone)

 กล่มุ ฟโี นไทอะซนี (Phenothiazines)

กลไกการออกฤทธิ์ : ปิดก้นั ตัวรบั โดปามีน-2 ที่คีโมรเี ซฟเตอร์ ทริกเกอร์เซน
นอกจากน้ียายงั มีฤทธ์ปิ ดิ กนั้ ตัวรบั มาสคารนิ ิกและตัวรบั ฮสี ตามีน- 1 และกระตุ้นการ
หลงั่ ฮอร์โมนโปรแลกตินได้
อาการข้างเคียง : มผี ลตอ่ ระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทอตั โนมัติ เช่น
งว่ งนอน ปากแหง้ ใจส่นั ความดนั โลหติ ต่า อาจมผี ลรบกวนกลไกการควบคุมอณุ หภมู ิ
รา่ งกาย การใชย้ าเวลานานเกนิ ไปอาจทาให้เกดิ ภาวะน้านมไหลและเตา้ นมโตในผูช้ าย

 กลมุ่ บวิ ไทไรฟโิ นน (butyrophenone)

กลไกการออกฤทธ์ิ : เหมือนฟีโนไทอะซีน แตฤ่ ทธ์ิในการปิดกน้ั ตัวรับโดปามีน-2 จะแรงกวา่
อาการขา้ งเคียง : ผลต้านโคลิเนอร์จกิ ความดันโลหิตต่า
ยากลุ่มอืน่ ๆ ได้แก่ กลมุ่ เพ่ิมการเคลอื่ นไหวของทางเดินอาหาร (Prokinetic drug)

เมโตโคลปราไมต์ (metoclopramide) เพ่มิ แรงตันของหูรูดหลอดอาหารดา้ นลา่ ง เรง่
ส่งสารอาหารออกจากกระเพาะอาหาร เพมิ่ การเคลื่อนไหวของทางเดนิ อาหารส่วนบน ลด
ความไวของเส้นประสาทนาเข้าสญั ญาณจากอวัยวะภายในชอ่ งท้องไปยงั ศูนยอ์ าเจยี น

ดอมเพอรโิ ดน (domperidone) เรง่ การส่งอาหารออกจากกระเพาะอาหาร

 ยาต้านเซอโรโตนนิ 5-เอสท-ี 3 (Serotoninergic 5-HT-3 receptor
antagonists)

ยาทม่ี ผี ลกระต้นุ หรอื ยับยง้ั การทางานเอนไซมท์ ี่ตบั จะมผี ลต่อค่าครึ่งชีวติ และกาจดั ยา
กลุ่มน้ี เนอ่ื งจากยาถูกเปล่ยี นแปลงสภาพท่ตี ับมปี ระสทิ ธภิ าพดใี นการป้องกันและระงบั
อาการคลนื่ ไส้เฉียบพลนั จากเคมีบาบัด

ยาระบาย

(Laxatives)

ยาในกลมุ่ ยาระบาย-ยาถ่าย เปน็ ยาท่ีสามารถหาซื้อได้โดยไมต่ อ้ งใช้ใบสงั่ ยาจาก
แพทยจ์ ึงเปน็ ยาทนี่ ามาใช้ผิดไดบ้ อ่ ย รวมถึงการนามาใชเ้ พื่อควบคุมน้าหนัก การ
เรียกช่อื กลมุ่ ยาจะเรยี กตามความแรงของการออกฤทธิ์

ประเภทของยาระบายและยาถา่ ย แบ่งตามกลไกการออกฤทธิ์ ไดด้ งั น้ี

1. กล่มุ ยาท่อี อกฤทธใิ์ นชอ่ งทางเดินอาหาร (Luminally active agents) เป็นยาที่
ออกฤทธ์ิดึงของเหลวไวใ้ นช่องทางเดินอาหาร ได้แก่

1.1 Hydrophilic colloids ;bulk-forming agents เชน่ bran, psylium ฯลฯ เป็น
สารท่ีรอบน้า (hydrophilic) จงึ ดดู ซับนา้ ไว้ เพ่มิ ปริมาณกากอาหารและอุจาระ และ
กระตนุ้ การบีบรูด (peristalsis) ในทสี่ ุด

1.2 Osmotic agents เชน่ magnesium sulfate, magnesium hydroxide,
lactulose, sorbitol ฯลฯ เปน็ เกลืออนินทรยี ์ท่ไี มส่ ามารถดดู ซึมได้ และนา้ ตาลหรือ
แอลกอฮอลท์ ไ่ี ม่ถูกย่อย ออกฤทธ์ิเป็นสารออสโมตกิ จงึ ตงึ นา้ ไว้ เพ่ิมปรมิ าณกากอาหาร
และกระต้นุ peristalsis

1.3 Stool-wetting agents (surfactants) และ emollients เช่น docusate,
mineral ฯลฯ ออกฤทธทิ์ าใหอ้ ุจจาระนมุ่ ทาใหถ้ า่ ยอุจจาระได้ง่ายขน้ึ
2. กลุม่ ยาทอ่ี อกฤทธก์ิ ระตนุ้ หรอื ระคายเคืองแบบไมเ่ จาะจง (Nonspeific stimulants
or iritants) ออกฤทธติ์ อ่ การขนส่งนา้ และเล็กโทรไลด์ในลาไส้เล็กและลาไสใ้ หญ่ มผี ลลด
การดูดซมึ ของเหลวและเพิม่ การบีบตวั ของทางเดนิ อาหาร ยาในกลุ่มนไ้ี ด้แก่ ยากลมุ่
diphenyimethane เชน่ bisacodyl; ยากลมุ่ anthraquinones เช่น senna, cascara;
และ น้ามันละทุง่ (castor oil)
3. Prokinetic drugs ออกฤทธปิ์ รับการเคลอ่ื นไหวของทางเดนิ อาหาร โดยการยับยั้งการ
บีบตวั เฉพาะส่วน (nonpropulsive) หรอื การกระตุ้นการบบี ไล่ (propulsive) อยา่ งไรก็
ตาม prokinetic drugs ทมี่ ใี ชใ้ นปจั จบุ ันไม่ค่อยมปี ระโยชน์ในการทอ้ งผกู แตย่ ากลุ่ม
5-HT -receptor agonists ที่มฤี ทธิ์แรงข้ึนอาจใช้ได้ผลดกี วา่

ยาลดอาการปวดเกร็งทอง

(Antispasmodics)

ไฮออสซนี (Hyoscine) ใชเ้ ป็นยาแกอ้ าการปวดเกรง็ หรือบดิ เกร็ง (Colicky pain)
ของอวัยวะในชอ่ งท้อง ซ่ึงมีสาเหตุมาจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อท่ีบรเิ วณกระเพาะ
อาหารหรือกระเพาะปัสสาวะ เชน่ ท้องเดนิ ท้องเสีย หรืออุจจาระร่วง (Diarhea), อาการ
ปวดทอ้ งเนื่องจากนว่ิ ในน้าดี (Gallstone), นิว่ ในทอ่ ไต (Ureteric stone), โรคลาไส้
แปรปรวน (Iritable bowel syndrome - IBS), ปวดประจาเดือน (Dysmenorhea)
เป็นต้น และยานสี้ ามารถใชเ้ พ่ือลดการหลัง่ ของเหลวในปอดได้

กลไกการออกฤทธิข์ องยาไฮออสซีน

ตวั ยาไฮออสซีนจะมีกลไกการออกฤทธ์ิโดยการเข้าไปแขง่ ขนั และยบั ยง้ั การทางานของ
ตวั รบั (Receptor) ทช่ี อ่ื วา่ มัสคารินิก (Muscarinic receptors) ทาให้เกิดผลแสดงออกที่
ระบบประสาทส่วนกลาง และระบบประสาทส่วนปลาย ส่งผลใหก้ ล้ามเนอ้ื เรยี บของอวยั วะ
ภายในเกิดการคลายตัว ประกอบกบั ลดการเคล่ือนตวั ของกระเพาะอาหารและลาไส้ จงึ เกดิ
ฤทธใ์ิ นการรักษาอาการตามสรรพคณุ ดังกล่าว เมอ่ื ยาไฮออสซนี ถูกดูดซมึ ขา้ สู่กระแสเลอื ด
ตวั ยาจะออกฤทธ์ภิ ายในประมาณ 10 นาที และมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์ ประมาณ 2
ชวั่ โมง ยาน้จี ะถกู เปล่ียนโครงสร้างทางเคมโี ดยตับ ร่างกายจะตอ้ งใชเ้ วลาประมาณ 5
ชัว่ โมงในการกาจดั ยาน้ีออกจากร่างกายคร่งึ หนึ่งโดยผ่านไปกับนา้ ปสั สาวะ

ผลข้างเคยี งของยาไฮออสซีน

ยาน้ีอาจทาให้มอี าการปวดศีรษะ, วงิ เวยี น, มึนงง, งว่ งนอน, ออ่ นเพลีย, ความจาเสอ่ื ม,
ปากแห้ง, กลนื ลาบาก, มอี าการหน้าแดง, รูมา่ นตาขยาย (ตาพรา่ มวั ), ตาสแู้ สงไมไ่ ด้, ปวด
กระบอกตา, ตาแตง, การมองเห็นผดิ ปกติ, ความดันโลหติ ตา่ , ใจสั่น (หัวใจเตน้ เร็ว), หวั
ใจเต้นผดิ จงั หวะ, คลื่นไส้อาเจยี น, ท้องอดื , แนน่ อึดอัดในทอ้ ง, ท้องผูก, ปสั สาวะลาบาก
ปสั สาวะไมอ่ อก หรือเจ็บเวลาปัสสาวะ, บวมนา้ , กลา้ มเนื้ออ่อนแรง, ผวิ แห้ง, ผวิ หนงั ข้นึ ผ่นื
จากการแพ้ยา, แพ้แสงแดด, น้ามกู ไหลแนน่ จมูก, ซึม, การหายใจล้มเหลว หรืออาจรนุ แรง
จนถงึ ข้นั โคมา่

ยารกั ษาอาการทองเสยี

(Antidiarrheal)

ยาท่ใี ช้บาบดั อาการทอ้ งเดนิ (Drugs used in diarrhea) อาการท้องเดนิ เป็น
อาการทพี่ บได้บ่อยในคนทวั่ ไป สามารถแบง่ ออกได้เป็น ทอ้ งเดนิ เฉียบพลันมที ั้งแบบมี
สาเหตเุ ฉพาะเจาะจง (acute, specific diarrhea) และไม่มีสาเหตเุ ฉพาะเจาะจง
(acute, nonspecific diarhea) กับทอ้ งเดนิ แบบเร้อื รัง (persistent diarhea) ทีพ่ บได้
บ่อยจะเปน็ อาการท้องเดนิ ฉยี บพลัน แบบไม่มสี าเหตเุ ฉพาะเจาะจงอาการท้องเดนิ
โดยท่ัวไปจะเปน็ ภาวะทมี่ ีการถ่ายอจุ จาระบอ่ ยกว่าปกติโดยมีการถ่าย 3 ครง้ั หรือมากกวา่
ภายใน 8 ชั่วโมง

การทดแทนน้าและเล็กโทรไลต์ (rehydration)

ในการเกดิ ท้องเดินร่างกายจะเกิดภาวะของการสญู เสียน้าและเล็กโทรไ์ ลต์ออกไป
พรอ้ มกับอุจจาระ ซึง่ อาจก่อให้เกิดอนั ตรายรุนแรงถึงแกช่ ีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กทารก
ดังนั้นการทดแทนน้าและเลก็ โทรไลตจ์ งึ เปน็ หลกั ทีส่ าคัญทีต่ อ้ งกระทา เมอ่ื เกิดอาการ
ท้องเดนิ การทดแทนนา้ และเลก็ โทรไลต์ทาไดโ้ ดย การด่ืมหรือรับประทานของเหลวใส

กลไกการออกฤทธิ์

กลโู คส จะให้พลังงานแก่ร่างกายและเปน็ ตัวนาการดูดซมึ กลับของโซเดียมและน้า
ซึ่งกลไกดังกลา่ วนจี้ ะไม่ถกู ยบั ยัง้ โดยสารพิษจากแบคทีเรยี เกลอื ไบคารบ์ อเนต

อนพุ ันธเ์ มเปอรดิ ีนกลไกการออกฤทธ์ิ

มผี ลยับย้ังการเคลอ่ื นไหวของท่อทางเดนิ อาหาร ลดการหลั่งน้าและอิเล็กโทรไลต์
ตัวอย่างยาในกล่มุ ไดแ้ ก่

- ไดเฟนอกซิเลต เป็นอนพุ ันธเ์ มเปอรดิ ีน ที่มีการนามาใช้บรรเทาอาการท้องเดนิ โดย
ขนาดยาที่ใช้ในทอ้ งเดนิ จะมีฤทธิร์ ะงบั ปวดผลิตภัณฑท์ ่ีมจี าหนา่ ยจะมกี ารผสมอะโทรปนี
(aropine) ขนาดต่าลงไปเพ่อื ลดการเสพติดจากไดเฟนอกซเิ ลตโดยอาศยั อาการไม่พงึ
ประสงค์ของอะโทรปนื

- ไดเฟนอกซิน เป็นเมตาบอไลต์ของไดเฟนอกซิเลต ท่ีมฤี ทธร์ิ ะงบั อาการท้องเดิน
ผลิตภัณฑ์ท่ใี ช้จะมีอะโทรปันเมอย่เู ชน่ เดียวกับไดเฟนอกซเิ ลต

- โลเปอรร์ าไมด์ เป็นอนพุ นั ธข์ องฮาโลเปอรติ อล (haloperido) ท่ีมีสตู รโครงสร้าง
คลา้ ยเมเปรว์ ิตีน ไม่มีฤทธร์ิ ะงับปวด ออกฤทธ์ิคล้ายไดเฟนอกซเิ ลต มคี วามแรงในการออก
ฤทธมิ์ ากกว่าไดเฟนอกชเิ ลต นอกจากนยี้ งั ออกฤทธิไ์ ด้เรว็ และนานกวา่

ยาขับลม

(Antiflatulents)

สาเหตสุ ว่ นใหญ่ของโรคท้องอืด เกิดจาก ประเภทอาหาร หรือพฤตกิ รรมการกนิ
โรคระบบทางเดินอาหาร ผลข้างเคียงของยาบางชนดิ (เช่น ยาเอน็ เสด เครือ่ งด่ืม
แอลกอฮอล์ เครื่องดม่ื กาเฟอีน (ชา กาแฟ โคล่า ยาชูกาลัง) สบู บุหรี่ เปน็ ต้น

ยาทีเ่ ปน็ สาเหตุโรคท้องอืดพบไดบ้ อ่ ย คอื ยาลดการอกั เสบชนิดทไ่ี ม่ใชส่ เตียรอยด์
(Non-steroidal Anti- inflammatory Drugs: NSAIDs) หรือเรียกตามชอ่ื ยอ่ ว่า เอน็ เสด
ตัวอย่างยากลมุ่ น้ี เชน่ แอสไพริน ไตโคลฟแี นก (Diclofenac) ไพร็อกซิแคม (Pyroxicam)
นาโพรเซน (Naproxen) อินโดเมทาซิน (Indomethacin) เป็นตน้ ซง่ึ ยากลุ่มเอน็ สดนี้มี
คณุ สมบตั ิเป็นกรด ทาใหร้ ะคายเคอื งกระเพาะอาหาร มอี าการทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ อาหารไม่
ย่อย นอกจากยาที่ทาให้ทอ้ งอดื ได้แล้ว เครอื่ งดื่มแอลกอฮอล์ น้าอดั ลม โซดา เครือ่ งด่มื ท่มี ี
กาแฟอน่ื และบุหรี่ ก็ทาให้ท้องอืด

อาหารไม่ย่อยได้แบง่ ออกได้เป็น 3 กลุ่ม ตามกลไกการออกฤทธ์ิ ดงั นี้

1. ยากลุ่มทีท่ า้ ให้หรู ดู ของทางเดินอาหารเปิด ยากล่มุ น้ไี ด้แก่ พวกนา้ มันหอม
ระเหยที่สกัดจากพชื ตา่ งๆ ได้แก่ เอ็มคารม์ เิ นทิฟ (M. Carminative) ยาธาตุนา้ แดง ยาธาตุ
น้าขาว น้ามนั ชินนามอน (Cinnamon) นา้ มนั เปปเปอร์มนิ้ ท์ (Peppermint) น้ามนั เฟน
เนล (Fennel)

2. ยากลมุ่ ดา้ นการเกดิ ฟอง ยากล่มุ นส้ี ามารถลดอาการอืด แน่นทอ้ ง และอาการ
ปวดท้อง ทเ่ี กิดจากกล้ามเนอ้ื เรยี บของกระเพาะ อาหารบีบเกรง็ เนอ่ื งจากมกี า๊ ซ/แกส๊ /ลม
มาก ยาออกฤทธ์ิลดแรงตึงผิวของฟองก๊าซในกระเพาะอาหารและลาไส้ ทาใหฟ้ องกา๊ ซไม่
จับตัวเป็นกอ้ น หรือทาให้ฟองก๊าซท่เี ปน็ ก้อนแตกกระจาย และถูกขบั ออกมาทางปากด้วย
การเรอ นอกจากน้ันยายังป้องกนั ไมใ่ ห้เมือกเกาะหมุ้ ฟองอากาศเหล่าน้ีทาให้เรอ ขับลม
หรอื ผายลมได้สะดวกข้ึน โดยการทีย่ าต้านการเกดิ ฟองก๊าซ ทาใหก้ ารดูดซึมยาและ
สารอาหารตา่ ง ๆ ในกระเพาะและลาไสเ้ ลก็ ตขี ึน้ ตวั อยา่ งของยาในกลุ่มน้ี ไดแ้ ก่ ไชเมทโิ คน
(Simethicone) และซิลิคอน เมทลิ โปลีไซโลเชน (Silicone methylpolysiloxane)
ตัวอยา่ งชอ่ื การค้า เช่น แอรเ์ อก็ ซ์ (Air-X), ดิสฟาทลิ (Dysfatyl) เป็นต้น

3. ยากลุ่มทม่ี ฤี ทธ์ดิ ดู ซบั ยากลุ่มนส้ี ามารถดูดซบั ฟองแกส๊ /ก๊าซ มาไวท้ อี่ นภุ าคของ
มนั ได้ เปน็ การชว่ ยกาจัดกา๊ ซ หรอื ลมที่มมี ากในกระเพาะอาหาร ทาให้ลมในกระเพาะ
อาหารได้ ตัวอยา่ งยาในกลมุ่ นี้ เช่น ผงถา่ น ในชอ่ื การค้า อลุ ตราคารบ์ อน (Ultra carbon)

บรรณานุกรม

วัฒนา พนั ธศ์ุ กั ดิ์ และวไิ ลวรรณ ทองเจรญิ . เภสชั วิทยาสาหรบั พยาบาล. พมิ พ์คร้งั ที่ 3.
กรุงเทพมหานคร : สามเจริญพานิชย์, 2540

ศิริมา มทัทธนาดลุ ย.์ ยาทใ่ี ช้ในระบบทางเดินอาหาร. สงขลา : คณะเภสชั ศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร,์ 2539.

จงกล หนขู วัญ. จุฑามณี จารุจินดา และเฉลมิ ศรี ภมู มางกูร. การใชย้ าในโรคทางเดนิ
อาหาร. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1. กรุงเทพมหานคร : เจริญวทิ ยก์ ารพิมพ์. 2524.

จุฑามณี สุทธสิ ีสงั ข์ และรัชนี เมฆมณี. เภสัชวทิ ยา เล่ม 1. พิมพ์ครัง้ ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
บริษัทนวิ ไทยมติ รการพิมพ์ ( 1996 ), 2540

ศริ ิมาศ กาญจนวาศ, ลัดดาวลั ย์ เสง็ กนั ไพร. พิมพ์คร้งั ท่ี 1.ขอนแก่น : ภาควชิ าเภสชั วิทยา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ , 2557.

จดั ทาโดย

นางสาวทิพรัตน์ สุขหลาย 6314991015
6314991023
นางสาวภาวิดา เกทะโล 6314991026
6314991035
นางสาวศศปิ ระภา แจ้งสวา่ ง 6314991052
6314991056
นางสาวมณฑิรา เสริฐกระโทก

นางสาวเพ็ญนภา โสนะชัย

นางสาวดวงพรญวรรณ ชาวเวียง

ชนั้ ปีที่ 2 คณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภัฏร้าไพพรรณี


Click to View FlipBook Version