ส มุ ด เ ล่ ม เ ล็ ก
เรอื ง โครงสรา้ งโลก
จดั ทาํ โดย
นางสาว พรรณศา พจนสิทธิ
ม.4/8 เลขท1ี 5
เสนอ
คุณครู นลนิ บณุ ยปรรณานนท์
ภาคเรยี นที 1/2564
โรงเรยี นกาญจนานเุ คราะห์
คํานํ า
สมดุ เลม่ เลก็ เลม่ นีเปนส่วนหนึงของรายวชิ า
วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ มเี นือหาเกยี วกบั เรอื ง
โครงสรา้ งโลก มวี ตั ถุประสงค์จดั ทาํ ขึนเพือให้ผทู้ สี นใจ
ศึ กษา ไดศ้ ึ กษาเกยี วกบั เรอื งโครงสรา้ งโลก ซึงผจู้ ดั
ทาํ ไดจ้ ดั ทาํ เนือหาไวใ้ นสมดุ เลม่ เลก็ เลม่ นีทงั หมด
ผจู้ ดั ทาํ คาดหวงั เปนอยา่ งยงิ วา่ การจดั ทาํ สมดุ เลม่
เลก็ เลม่ นีจะมขี ้อมลู ทเี ปนประโยชน์ตอ่ ผทู้ สี นใจศึ กษา
และตอ้ งการศึ กษาโครงสรา้ งโลกหากสมดุ เลม่ เลก็ เลม่ นี
มขี ้อผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาํ กข็ ออภยั มา ณ โอกาสนี
นางสาว พรรณศา พจนสิทธิ
สารบญั
หัวข้อเรอื ง หน้ าที
กาํ เนิดโลก 1
โครงสรา้ งโลก 2
1. การศึ กษาโครงสรา้ งโลก 3
4
-คลนื ปฐมภมู ิ
-คลนื ทตุ ยิ ภมู ิ
2. การแบง่ โครงสรา้ งโลก 5-11
5-7
2.1 การแบง่ โครงสรา้ ง 7-11
โลกตามสมบตั เิ ชิงกล
2.2 การแบง่ โครงสรา้ งโลก
ตามองค์ประกอบทางเคมี
ภาคผนวก 12
1
กาํ เนิดโลก
นักวทิ ยาศาสตรเ์ ชือวา่ โลกไดถ้ ือกาํ เนิดขึน
มาเมอื ประมาณ 4,600 ลา้ นปมาแลว้ โดยเกดิ
จากกลมุ่ แกส๊ และฝนุ ผงในอวกาศทมี กี าร
ควบแน่นจนเปนกอ้ น ผวิ โลกในช่วงนันจะมี
ลกั ษณะเปนของเหลวทรี อ้ นจดั ตอ่ มาเยน็ ตวั ลง
จนเกดิ การแข็งตวั บรรยากาศของโลกในสมยั
แรกยงั ไมม่ แี กส๊ ออกซิเจน ส่วนใหญ่ประกอบ
ไปดว้ ยแกส๊ เฉือย นอกจากนีผวิ โลกยงั ไมม่ นี า
ในสภาพของเหลวเลย จะเห็นไดว้ า่ องค์
ประกอบของโลกยคุ ดกึ ดาํ บรรพ์นีมคี วามแตก
ตา่ งจากโลกยคุ ปจจบุ นั มาก อยา่ งไรกต็ ามเมอื
ระยะเวลาผา่ นไปประมาณ 1,000 ลา้ นปหลงั
จากกาํ เนิดโลก สิงมชี ีวติ กถ็ ือกาํ เนิดขึนและ
เกดิ ววิ ฒั นาการเรอื ยมา จนในปจจบุ นั เราจะ
เห็นไดว้ า่ ความหลากหลายในธรรมชาตเิ กดิ
มากมายเพียงใด
2
โ ค ร ง ส ร้ า ง ข อ ง โ ล ก
โลกเปนดาวเคราะห์ดวงหนึ งใน
ระบบสรุ ยิ ะทเี กดิ ขึนเมอื ประมาณ
4,600 ลา้ นปมาแลว้ นักดาราศาสตร์
ส่วนใหญ่สันนิษฐานวา่ ระบบสรุ ยิ ะเกดิ
จากการหมนุ วนของฝนุ และ แกส๊ ใน
อวกาศ (เนบวิ ลา) แรงโน้มถ่วง
ระหวา่ งมวลทาํ ให้ฝนุ และแกส๊ ใน
อวกาศเกดิ การยบุ ตวั และรวมกบั จนใน
ทสี ดุ กลายเปนระบบสรุ ยิ ะซึง
ประกอบ ดว้ ยดวงอาทติ ยแ์ ละดาว
เคราะห์ตา่ งๆ
3
1. การศึ กษาโครงสรา้ งโลก
สําหรบั การศึ กษาโครงสรา้ ง นักวทิ ยาศาสตรไ์ ดพ้ ยายามหาวธิ ี
ภายในของโลกโดยทางออ้ ม การตา่ งๆ ทจี ะศึ กษาโครงสรา้ ง
ไดจ้ ากการศึ กษาคลนื ไหว โลกทงั ทางตรงและทางออ้ ม โดย
สะเทอื นทเี กดิ จากแผน่ ดนิ ไหว พยายามใช้หลกั ฐานตา่ งๆ ที
และจากการทดลองของมนษุ ย์ สามารถค้นพบได้ รวมทงั ใช้ทฤษฎี
หลกั การทางวทิ ยาศาสตรแ์ ขนง
ตา่ งๆ และ เทคโนโลยที ที นั สมยั
เพือจะตอบข้อสงสัยดงั กลา่ ว
การศึ กษาโครงสรา้ งโลกจากคลนื ไหวสะเทอื นทเี คลอื นที
ผา่ นโลก คลนื ทใี ช้ในการวเิ คราะห์ คือ คลนื ปฐมภมู ิ
(Primary waves, P waves) และคลนื ทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary
waves, S waves) ซึงเปนคลนื ในตวั กลาง (Body wave)
โดยทคี ลนื ไหวสะเทอื นดงั กลา่ วมสี มบตั สิ ําคัญ
คลนื P สามารถทผี า่ นตวั กลางไดท้ กุ
สถานะ และมคี วามเรว็ มากกวา่ คลนื S
คลนื S สามารถเคลอื นทผี า่ นได้
เฉพาะตวั กลางทเี ปนของแข็งเทา่ นัน
4
P
P wave คลนื ปฐมภมู ิ
เปนคลนื ตามยาวสามารถเคลอื นทผี า่ นตวั กลางที
เปนของเเข็ง ของเหลว เเละเเกส๊ เปนคลนื ทวี ดั ได้
กอ่ นชนิดอนื มคี วามเรว็ 6-7 กโิ ลเมตร/วนิ าที
S
S wave คลนื ทตุ ยิ ภมู ิ
เปนคลนื ตามขวาง ผา่ นไดเ้ ฉพาะตวั กลางทเี ปน
ของเเข็งเทา่ นัน ไมส่ ามารถเดนิ ทางผา่ นของเหลวได้
มคี วามเรว็ ประมาณ 3-4 กโิ ลเมตร/วนิ าที
5
2. การแบง่ โครงสรา้ งโลก
ผลจากการตรวจวดั คลนื ไหวสะเทอื นทาํ ให้นักวทิ ยาศาสตร์
ทราบวา่ โครงสรา้ งภายในของโลกแสดงลกั ษณะเปนชัน
แตล่ ะชันมสี มบตั ทิ างกายภาพทแี ตกตา่ งกนั คือ ธรณีภาค
ฐานธรณีภาค มโี ซสเฟยร์ แกน่ โลก ชันนอกและแกน่
โลกชันใน
2.1) การแบง่ โครงสรา้ งโลกตามสมบตั เิ ชิงกล
1. ธรณีภาค (Lithosphere) เปนชันนอกสดุ ของโลก
ในชันนีคลนื ปฐมภมู ิ (P wave) และคลนื คลนื ทตุ ยิ ภมู ิ
(S wave) เคลอื นทผี า่ นดว้ ยความเรว็ เพิมขึนอยา่ ง
รวดเรว็ ชันนีมคี วามลกึ ประมาณ 100 กโิ ลเมตร
6
2. ฐานธรณีภาค(Asthenosphere) อยใู่ ตธ้ รณีภาคเปน
บรเิ วณทคี ลนื ไหวสะเทอื นมคี วามเรว็ ไมส่ มาเสมอ
แบง่ ออกไดเ้ ปน 2 บรเิ วณ คือ
2.1 เขตทคี ลนื ไหวสะเทอื นมคี วามเรว็ 2.2 เขตทมี กี ารเปลยี นแปลง
ลดลง (Low velocity zone) เปนบรเิ วณ (Transitional zone) เปนบรเิ วณที
ทคี ลนื ไหวสะเทอื น P และ S มคี วามเรว็ คลนื ไหวสะเทอื นมคี วามเรว็ เพิมขึน
ลดลง เกดิ ขึนในระดบั ความลกึ ประมาณ ในอตั ราทไี มส่ มาเสมอ เกดิ ขึนใน
100 – 400 กโิ ลเมตร จากผวิ โลก และ ระดบั ความลกึ ประมาณ 400 – 660
เนืองจากบรเิ วณนี ประกอบดว้ ยหินทมี ี กโิ ลเมตร จากผวิ โลก เนืองจากหิน
สมบตั เิ ปนพลาสตกิ (อณุ หภมู แิ ละความ บรเิ วณส่วนลา่ งของฐานธรณีภาค
ดนั บรเิ วณนีทาํ ให้แรบ่ างชนิดทอี ยใู่ น เปนของแข็งทแี กรง่ และมกี าร
หินเกดิ การหลอมตวั เลก็ น้อย) และ เปลยี นแปลงโครงสรา้ งของแร่
วางตวั อยสู่ ่วนลา่ งของธรณีภาค
3. มโี ซสเฟยร์ (Mesosphere) เปนชันทอี ยใู่ ตฐ้ านธรณี
ภาค และเปนบรเิ วณทคี ลนื ไหวสะเทอื นมคี วามเรว็ เพิม
ขึนสมาเสมอ เนืองจากหิน หรอื สาร บรเิ วณส่วนลา่ งของ
มโี ซสเฟยรม์ สี ถานะเปนของแข็ง มคี วามลกึ ประมาณ
660-2,900 กโิ ลเมตร จากผวิ โลก
4. แกน่ โลกชันนอก (Outer core) เปนชันทอี ยใู่ ต้
มโี ซสเฟยรม์ คี วามลกึ ประมาณ 2,900-5,140
กโิ ลเมตร จากผวิ โลก คลนื P มคี วามเรว็ เพิมขึน
อยา่ งช้า ๆ ในขณะทคี ลนื S ไมส่ ามารถเคลอื นที
ผา่ นชันดงั กลา่ วได้
7
5. แกน่ โลกชันใน (Inter core) อยทู่ รี ะดบั ความลกึ
ประมาณ 5,140 กโิ ลเมตร จนถึงจดุ ศูนยก์ ลางของ
โลก คลนื P และ S มอี ตั ราเรว็ ค่อนข้างคงที
เนืองจากแกน่ โลกชันในเปนของแข็งทมี เี นือเดยี วกนั
2.2) การแบง่ โครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมี
8
1.ชันเปลอื กโลก (Crust) เปนเสมอื นผวิ ดา้ น
นอกทปี กคลมุ โลก แบง่ ออกไดเ้ ปน 2 บรเิ วณ
คือเปลอื กโลกภาคพืนทวปี หมายถึง ส่วนที
เปนแผน่ ดนิ ทงั หมด ประกอบดว้ ยธาตุ
ซิลคิ อน (Si) และอะลมู เิ นียม (Al) เปนส่วน
ใหญ่
เปลอื กโลกใตม้ หาสมทุ ร หมายถึง เปลอื ก
โลกส่วนทถี ูกปกคลมุ ดว้ ยนา ประกอบดว้ ย
ธาตซุ ิลคิ อน (Si) และแมกนีเซียม (Mg) เปน
ส่วนใหญ่ มคี วามลกึ ตงั แต่ 5 กโิ ลเมตร ใน
ส่วนทอี ยใู่ ตม้ หาสมทุ รไปจนถึง 70 กโิ ลเมตร
ในบรเิ วณทอี ยใู่ ตเ้ ทอื กเขาสงู ใหญ่
9
1.1) เปลอื กโลกทวปี (continental crust)
คือ บรเิ วณพืนทวปี และไหลท่ วปี ประกอบดว้ ยหิน
เเกรนิตเปนส่วนใหญ่ โดยมอี งค์ประกอบหลกั เปน
สารประกอบของซิลกิ อนและอลมู เิ นียม มคี วามหนา
ประมาณ 35-70 กโิ ลเมตรและมคี วามหนาเเน่น
เฉลยี 2.7 กรมั ตอ่ ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
10
1.2) เปลอื กโลกมหาสมทุ ร(oceanic crust)
แ ่ผนธร ีณเค ืลอน ีทออกจาก ักน
เปนส่วนทรี องรบั ทะเลหรอื มหาสมทุ ร
ประกอบดว้ ยหินบะซอลตเ์ ปนส่วนใหญ่มี
องค์ประกอบหลกั เปนสารประกอบของซิลิ
กอนเเละเเมกนีเซียม มคี วามหนาประมาณ
5-10 กโิ ลเมตร และมคี วามหนาเเน่นเฉลยี
2.9 กรมั ตอ่ ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
11
2. ชันเนือโลก (Mantle) เปนชันทอี ยถู่ ัดลงไปจากชัน
เปลอื กโลก ส่วนมากเปนของแข็ง มคี วามลกึ ประมาณ
2,900 กโิ ลเมตร นับจากฐานลา่ งสดุ ของเปลอื กโลก
จนถึงตอนบนของแกน่ โลก ชันเนือโลกส่วนบนเปนหิน
ทเี ยน็ ตวั แลว้ และบางส่วนมรี อยแตกเนืองจากความ
เปราะ ชันเนือโลกส่วนบนกบั ชันเปลอื กโลก รวมตวั กนั
เรยี กวา่ “ธรณีภาค” (Lithosphere) ชันธรณีภาคมคี วาม
หนาประมาณ 100 กโิ ลเมตร นับจากผวิ โลกลงไปชัน
เนือโลกถัดลงไปทคี วามลกึ 100 – 350 กโิ ลเมตร เรยี ก
วา่ ชันฐานธรณีภาค (Asthenosphere) เปนชันของหิน
หลอมละลายรอ้ นหรอื หินหนืด ทเี รยี กวา่ “แมกมา”
จากการศึ กษาตวั อยา่ งหินหนืดทาํ ให้ทราบวา่ เนือโลก
ตอนบนเปนหินอลั ตราเมฟก ซึงหมนุ วนอยภู่ ายในโลก
อยา่ งช้า ๆ ชันเนือโลกทอี ยถู่ ัดลงไปอกี เปนชันลา่ งสดุ
อยทู่ คี วามลกึ ตงั แต่ 350 – 2,900 กโิ ลเมตร เปนชันที
เปนของแข็ง
3. ชันแกน่ โลก (Core) อยใู่ นระดบั ความลกึ จากผวิ โลก
ประมาณ 2,900 กโิ ลเมตร ลงไปแบง่ ออกเปน 2 ส่วน คือ
♦ แกน่ โลกชันนอก มคี วามหนา ♦ แกน่ โลกชันใน ตอ่ เนืองจาก
ตงั แต่ 2,900 – 5,100 กโิ ลเมตร แกน่ โลกชันนอกลงไปเปนแก่น
ชันนีประกอบดว้ ยสารเหลวของ โลกชันใน แตอ่ ยใู่ นสภาพของแข็ง
โลหะเหลก็ และนิเกลิ เปนส่วน
เนืองจากมคี วามดนั และอณุ หภมู สิ งู
ใหญ่ และมคี วามรอ้ นสงู มาก
มาก อาจสงู ถึง 6,000 C
12
https://www.trueplookpanya.com/know
ledge/content/63710/-blo-sciear-sci-
https://sites.google.com/site/sudaratanuson/khorngsrang-lok
https://curadio.chula.ac.th/Images/Class-Onair/sc/2016/sc-2016-10-02.pdf
http://namkab.blogspot.com/2018/
02/blog-post_86.html