ประวัติความเป็นมาของนาฏศิลป์พื้นบ้านภาคใต้ : ซัมเป็ง นางสาววิไลลักษณ์ ลบลาย ครูผู้สอนรายวิชา ศิลปะ (นาฏศิลป์) โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา
1. ประวัติความเป็นมา ความหมาย ความส าคัญ วิถีชีวิตของชาวภาคใต้ตอนล่าง เป็นวัฒนธรรมในลักษณะผสมผสานของวัฒนธรรมดั้งเดิมได้แก่ วัฒนธรรมฮินดู วัฒนธรรมชวา-มลายู และวัฒนธรรมมุสลิมโดยปรากฎให้เห็นในบริบทวัฒนธรรมของ ผู้คนในท้องถิ่นภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะด้านศิลปะการแสดงในแนวนาฏยศิลป์พื้นบ้าน ถือได้ว่ามีความ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งไม่เหมือนกับภาคใดในประเทศไทย ศิลปะประเภทการแสดงลีลาท่าร า ประกอบจังหวะดนตรี ภาษามลายูถิ่นจังหวัดชายแดนใต้ เรียกว่า "จอแฆะ" จอแฆะของชาวไทยมุสลิม ทางจังหวัดชายแดนภาคใต้มีอยู่หลายอย่าง ในบรรดาจอแฆะทั้งหลายถือว่า "ซัมเป็ง" เป็นจอแฆะระดับ คลาสสิคอย่างหนึ่ง การเต้นซัมเป็งนิยมแสดงในงานต้อนรับแขกส าคัญของท้องถิ่น เพราะถือว่าเป็น เอกลักษณ์ที่สวยงาม นอกจากเพื่อความบันเทิงแล้ว ในอดีตข้าราชการยังใช้การแสดงซัมเป็งเพื่อเป็นการ ออกก าลังกายอีกด้วย และในการสร้างสรรค์ระบ าพื้นบ้านภาคใต้ตอนล่างนั้นส่วนมากได้รับท่าทางที่มี พื้นฐานมาจากท่าของซัมเป็ง และผู้แสดงที่จะแสดงชุดการแสดงพื้นบ้านได้ดีจะต้องมีพื้นฐานในการเต้น ซัมเป็งมาก่อนเช่นกัน ซึ่งถือว่าซัมเป็งเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน ที่น าไปใช้ในการสร้างสรรค์ระบ าพื้นบ้าน ภาคใต้ตอนล่าง 1.1 ก าเนิดและพัฒนาการซัมเป็ง ซัมเป็ง เป็นนาฎยศิลป์แบบหนึ่งของชาวไทยมุสลิมทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย มีลีลาการเต้นคล้ายคลึงกับการเต้นรองเง็ง มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นการเต้นที่ได้น าเอาลีลาการเต้นระบ า แบบสเปนมาผสมผสานกับลีลาการเต้นร าของชาวพื้นเมืองในแหลมมลายู เช่นเดียวกับการเต้นรองเง็ง การเต้นซัมเป็งอาจเกิดขึ้นได้ 3 ทาง คือ
1. เกิดขึ้นจากการรับวัฒนธรรมจากพ่อค้าชาวสเปนในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 16-18 กล่าวคือ เมื่อชาวสเปนเดินทางเข้ามาติดต่อค้าขายกับบรรดาหัวเมืองมลายู โดยเฉพาะเมืองปัตตานีอันเป็นเมืองท่า ส าคัญแห่งหนึ่ง แล้วเกิดการผสมผสานกับวัฒนธรรมพื้นเมืองเดิม จึงก่อให้เกิดการแสดงออกด้านศิลปะ การเต้นร าในลีลาใหม่ที่เรียกว่าการเต้นร าแบบสเปน แล้วค่อย ๆ เรียกเพี้ยนไปเป็นซัมเป็ง 2. สเปนเป็นชาติตะวันตกชาติหนึ่งที่มายึดครองในเอเชียเป็นระยะเวลาอันยาวนาน โดยเฉพาะ ประเทศฟิลิปปินส์ สเปนพยายามสร้างฟิลิปปินส์ ซึ่งมีชาวพื้นเมืองเดิมเป็นชาวเกาะ ที่นับถือศาสนา อิสลาม ให้เป็นตัวแทนของสเปนในภูมิภาคตะวันออก ด้วยเหตุนี้สเปนจึงน าเอาประเพณีวัฒนธรรม ตลอดจนศาสนาเข้ามาครอบคลุมชาวพื้นเมือง ศิลปะการแสดงตามแบบฉบับของสเปนจึงปรากฎขึ้นใน ดินแดนของประเทศฟิลิปปินส์ และเมื่อชาวพื้นเมืองฟิลิปปินส์ได้มีการติดต่อกับชาวพื้นเมืองมลายู ซึ่งนับ ถือศาสนาอิสลามด้วยกัน จึงท าให้นาฎยศิลป์การเต้นซัมเป็งซึมซาบเข้ามาในดินแดนมลายู 3. การเต้นซัมเป็งอาจเป็นศิลปะในราชส านักของบรรดาสุลต่าน ตามหัวเมืองมลายูมาก่อนโดย ที่ราชส านักได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมของชาวสเปนจากกลุ่มพ่อค้าอาหรับ ที่เคยค้าขายกับ ประเทศสเปนโดยตรง และบรรดาพ่อค้าอาหรับเหล่านั้นได้น าเอาศิลปะการเต้นระบ าของชาวสเปนเข้ามา เผยแพร่ แล้วเกิดการผสมผสานกับลีลาการเต้นร าของชาวพื้นเมือง กลายมาเป็นซัมเป็งที่ถ่ายทอดสืบกัน มาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การเต้นซัมเป็งเป็นนาฏยศิลป์ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนล่าง เกิดขึ้นครั้งแรกที่จังหวัด นราธิวาส อันเนื่องจากพื้นที่ของนราธิวาสมีเขตแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ท าให้รับอิทธิพลการแสดง ของมาเลเซียที่เรียกว่า “ซาปิน” ซึ่งเป็นการเต้นที่มีลีลา จังหวะและใช้การแตะเท้า เมื่อคนไทยรับมาก็มี การประยุกต์และเรียกว่า “ซัมเป็ง” และเป็นที่รู้จักแพร่หลายในจังหวัดนราธิวาสก่อน ต่อมาก็กระจาย แพร่หลายไปถึงปัตตานี และยะลา ต่อมาการเต้นซัมเป็งในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ค่อนข้างมาก อาทิ การย่อตัวและแตะเท้า ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นเตะเท้าอย่างเดียว หรือเพลงที่ใช้ใน การแสดงนั้นจากที่ใช้เพลงช้าในในอดีตก็พัฒนามาใช้เพลงที่มีจังหวะเร็วขึ้นเมื่อใช้เพลงที่มีจังหวะเร็วขึ้น การแสดงก็ได้มีการ พัฒนาเรื่องของท่าทางในการแสดงโดยปรับท่าทางของดอกให้เข้ากับเพลง และ ปัจจุบันยังมีการปรับท่าทางให้เข้ากับผู้ชมในท้องถิ่นให้ดูแล้วสนุกสนาน 1.2 ความหมาย ซัมเป็ง เป็นศิลปะการแสดงแบบเต้นร า ซึ่งซัมเป็งจัดเป็นการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ตอนล่าง และ ถือเป็นศิลปะการแสดงที่เก่าแก่ เกิดขึ้นในราชส านักของสุลต่านหรือบ้านของขุนนาง นับว่าเป็นมรดกและ เอกลักษณ์ทางด้านศิลปวัฒนธรรมอันล้ าค่าที่ไม่มีในภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย โดยมีลักษณะการแสดง คู่ชาย-หญิง
1.3 ความส าคัญ ซึ่งในระยะแรก ๆ ซัมเป็งนิยมกันในวงแคบ ๆ เท่านั้น ต่อมาก็ค่อย ๆ แพร่หลายไปสู่ชาวบ้าน และเป็นที่นิยมกันมากอยู่ระยะหนึ่ง แล้วค่อยซบเซาไป เป็นเวลาค่อนข้างนาน เพราะขาดการสนับสนุน ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชเสด็จแปรพระราชฐาน ณ พระต าหนัก ทักษิณราชนิเวศน์ คณะกรรมการสมาคมอิสลาม จ.นราธิวาส จึงได้ฟื้นฟู ส่งเสริมการเต้นขึ้นเพื่อเต้น ถวายทอดพระเนตร และเนื่องจากซัมเป็งเป็นนาฏยศิลป์ที่มีลีลางดงาม จึงได้รับความนิยมอย่าง แพร่หลายอีกครั้ง ปัจจุบันการแสดงซัมเป็ง นั้นได้รับความนิยมลดน้อยลงไปอีก เนื่องจากกระแสของการ ได้รับความนิยม ชื่นชมการแสดงตะวันตกมีมากขึ้น ผู้ชมให้ความสนใจการแสดงรูปแบบใหม่ๆ ที่ทัน สมัย กว่าการชมการแสดงที่เป็นแบบแผนดั้งเดิม รวมทั้งผู้สืบทอดในปัจจุบันได้ลดน้อยลงไป ซึ่งที่ผ่านมาจะ เป็นการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นส่วนใหญ่ ทั้งยังไม่เคยปรากฏในรูปแบบของเอกสารทางวิชาการจึงท าให้ ขาดความต่อเนื่อง ในการแสดงและการสืบทอด รวมถึงสภาพปัญหาจากเหตุการณ์ไม่สงบในสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ ท าให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการด าเนินชีวิตประจ าวันของคนในท้องถิ่น ท าให้เกิดความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา ส่งผลต่อ ความรู้สึกถึงความสุขทางจิตใจที่จะชมศิลปะการแสดง เพื่อความบันเทิง ท าให้ความต้องการทางด้าน ศิลปวัฒนธรรมประเภทดังกล่าวลดน้อยลงไป เมื่อไม่มีงานไม่มีผู้ชมคณะแสดงก็ไม่สามารถอยู่ได้ท าให้การ แสดงค่อยๆ หายไป จนในปัจจุบันมีผู้น าซัมเป็งมาแสดงน้อยมาก และการแสดงก็หาชมได้ยาก นั่นแสดง ให้เห็นว่าศิลปะการแสดงที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ความเป็นพื้นบ้านภาคใต้ก าลังจะสูญหายไปและอยู่ ในภาวะวิกฤต หากไม่ได้รับการอนุรักษ์และการส่งเสริมอย่างเร่งด่วน 1.4 นักแสดง การแสดงจะเริ่มเมื่อดนตรีดังขึ้น คู่ชาย-หญิงก็จะออกไปแสดงลีลาการเต้นพร้อมกันทั้งหมด และจะเปลี่ยนท่าไปตามท านองของดนตรีอย่างสวยงามตามล าดับท่า และในท่าสุดท้ายดนตรีจะรัวเร็ว ผู้ แสดงจะเต้นสะบัดปลายเท้าเร็วมาก และเมื่อใกล้จะจบเพลงท านองเพลงเร็วขึ้น จบการแสดงโดยผู้เต้นจะ หยุดเต้นลงพร้อมกันเมื่อเวลาเพลงจบพอดี ต่อมาในปีพ.ศ. 2528 ได้เปลี่ยนรูปแบบการแสดงโดยมีการ แปรแถวที่หลายรูปแบบ อาทิ แถวหน้ากระดาน แถวตอน แถววงกลมแยกเดี่ยว แถววงกลมแยกคู่ แถววงกลมสลับเข้า–ออก โดยการเคลื่อนที่จากจุดเดิมตลอดจนจบเพลง และคิดประดิษฐ์ท่าเต้น เพิ่มเติมขึ้นอีก 4-5การแสดงจะเริ่มเมื่อดนตรีเริ่มบรรเลงคู่ชาย-หญิงก็จะออกไปแสดงลีลาการเต้นพร้อม กันทั้งหมด และจะเปลี่ยนท่าเต้นและแปรแถวไปตามท านองของดนตรี ผู้แสดงซัมเป็ง ในสมัยแรกเริ่มใช้
ผู้ชายล้วน ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการแสดงเพื่อเผยแพร่ศาสนาของชาวอาหรับในมลายู ต่อมาเมื่อการแสดง เริ่มแพร่หลายในมลายู ผู้หญิงเริ่มเข้าร่วมการแสดงจนกลายเป็นการเต้นคู่ชาย-หญิงโดยมากมักแสดงใน วัง การแสดงซัมเป็งที่นิยมแสดงในจังหวัดนราธิวาส ส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุ อายุเฉลี่ยตั้งแต่ 30–50 ปี มีอาชีพเป็นพ่อค้า ข้าราชการ และแม่บ้าน แต่ปัจจุบันนักแสดงส่วนใหญ่จะเป็นเป็นครู อาจารย์ หรือ นักเรียนนักศึกษา จากสถาบันหรือสถานศึกษาต่าง ๆ รวมตัวกันเมื่อมีการแสดง และจะมีทั้งผู้หญิงล้วน หรือผู้ชายคู่ผู้หญิง ส่วนจ านวนคู่ในการแสดงนิยมเล่นตั้งแต่ 2–4คู่ 1.5 เครื่องแต่งกาย ผู้แสดงชาย 1. กางเกงขายาว เสื้อแขนยาวคอปิดติดกระดุม 3 เม็ด เรียกว่าจือโระบรางอ 2. ผ้านุ่งทับกางเกงสั้นเหนือเข่า เรียกว่าผ้าซอแกะ 3. เข็มขัดทับกางเกงและผ้าวอแก เรียกว่าเปินแนะ 4. หมวก ตัดเย็บด้วยผ้า เรียกว่าซะตางัน 5. สวมรองเท้าหุ้มส้นสีด า ผู้แสดงหญิง 1. นุ่งผ้ายาวกรอมเท้า จีบหน้านาง 2. สวมเสื้อเข้ารูป แขนกระบอก ตัวยาวคลุมสะโพก เรียกว่า ปันดง หรือปันนัง 3. คลุมผ้าสะไบ เรียกว่ากาเฮงสะบา 4. สวมรองเท้าหุ้มส้นสีด า
1.6 เครื่องดนตรีประกอบการแสดง เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงซัมเป็ง จะมีเครื่องดนตรีหลัก ๆ มี3ชนิด คือ ล าดับ ชื่อเครื่องดนตรี ภาพ 1 มอรูวัส (กลองร ามะนาขนาดเล็ก) 2 ซอสามสาย 3 ฆ้อง โดยเครื่องดนตรีแต่ละชนิดจะท าหน้าที่แตกต่างกัน คือ 1. มอรูวัส (กลองร ามะนาขนาดเล็ก) จะใช้เป็นเครื่องตีขัดจังหวะการเต้นและสร้างความสนุกเร้าใจ 2. ซอสามสาย จะใช้เป็นตัวน าให้ท านอง เพลงที่ไพเราะอ่อนหวาน 3. ฆ้อง จะเป็นเครื่องให้จังหวะในการเต้นร าประสานกับกลอง ในปัจจุบันเครื่องดนตรีที่ใช้ในการเต้นซัมเป็งได้น าเอาเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงในการเต้น รองเง็งมาใช้เพื่อประกอบจังหวะให้ไพเราะยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบด้วย
ล าดับ ชื่อเครื่องดนตรี ภาพ 1 ไวโอลิน 2 แมนโดลิน 3 แอคคอร์เดียน