The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เปิดประวัติหลวงปู่โง่น ฉบับย่อ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Lalita Kantiyong, 2023-12-26 12:23:23

เปิดประวัติหลวงปู่โง่น ฉบับย่อ

เปิดประวัติหลวงปู่โง่น ฉบับย่อ

Keywords: หลวงปู่โง่น,วัดเขารวก,วัดพระพุทธบาทเขารวก,วังหลุม,ตะพานหิน,พิจิตร

ประวัติหลวงปู่โง่น วัด วั พระพุท พุ ธบาทเขารวก ตำ บลวัง วั หลุม ลุ อำ เภอตะพานหินหิ จัง จั หวัด วั พิจิพิตจิร


คำ ชี้แจง การจัดทำ ประวัติหลวงปู่โง่น โสรโย ครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้รับอนุญาต จากพระอธิการชัชชัย กิตติธโร เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทเขารวก รวมถึงได้รับความเมตตานำ หนังสือที่เกี่ยวกับประวัติหลวงปู่ และ ภาพถ่ายต่างๆ มาให้ศึกษา เรียบเรียง เพื่อให้เป็นฉบับของวัด พระพุทธบาทเขารวก เผยแพร่ไปยังผู้ต้องการอยากรู้เรื่องราวและ เกียรติคุณของหลวงปู่ให้อยู่ในความทรงจำ ของชนรุ่นหลังสืบไป หลวงปู่โง่น โสรโย ทุกภารกิจของท่านทำ ให้เห็นถึงความเคารพ รักความศรัทธา ในความตั้งใจทำ งานทุกอย่าง อย่างจริงจัง จริงใจ ท่านมีความรับผิดชอบสูง เป็นพระภิกษุที่ ควรแก่การสักการะ เป็นผู้ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบภารกิจของท่านที่มีต่อแผ่นดินไทยมากมายหลาย ด้าน โดยเฉพาะเรื่องความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ ข้อคิด ต่าง ๆรวมถึง การต่อสู้ของชีวิตกับโชคชะตา ตั้งแต่อายุได้ ๑๐ ขวบ ที่ ต้องเดินทางไกลไปตามวิถีชีวิต ท่านมีความขยัน ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ อดทน ซื่อสัตย์และมีความกตัญญูสูง สมควรที่จะได้ยึดถือมาเป็นแบบอย่างใน การดำ เนินชีวิต ขอขอบคุณ นายสุชาติ แดงทองดี นายกองค์การบริหารส่วน ตำ บลวังหลุม และกองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การ บริหารส่วนตำ บลวังหลุม ที่ได้มีส่วนสำ คัญทำ ให้เกิดการจัดทำ จึงหวัง เป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือประวัติหลวงปู่โง่น โสรโย เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ ต่อทุกท่านที่สนใจ นางณฐวรรณ คันธิยงค์ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ผู้เรียบเรียง


ประวัติของหลวงปู่โง่น โสรโย “นานเหลือเกิน เดินทาง กลางความทุกข์ ทั้งล้มลุก คลุกคลาน ซมซานขวัญ ใจรอนรอน อ่อนล้า มานิรันดร์ เหลือแต่ฝัน พอแฝง เลี้ยงแรงใจ นานเหลือเกิน เดินทาง ทุกข์อยู่ ยังมีที่ ที่หวัง ว่ายังไหว อันหนทาง ก็ไม่ใกล้ และไม่ไกล แต่ทำ ไม ความฝัน มันยืดยาว”


ประวัติและการต่อสู้ในชีวิต หลวงปู่โง่น โสรโยพระเกจิอาจารย์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก อำ เภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔4๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เวลา ๐๕.๕๘ น. เดิมชื่อ ทองสุก สิงหเสนี บิดาเป็น ชาวอยุธยา ชื่อทองอุ่น สิงหเสนี เป็นนักเรียนเก่าประเทศฝรั่งเศส เมื่อชาว ฝรั่งเศสมาเป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งค้าไม้ซุงจากเอเชียไปยุโรป บิดาของท่าน จึงทำ หน้าที่ควบคุมการทำ ไม้ ทั้งล่องแพไม้สักจากเหนือมากรุงเทพฯให้กับ บริษัทบางกอกด๊อก มารดาเป็นชาวลำ พูน พื้นเพเดิมของมารดา มีภูมิลำ เนาอยู่แถบ รัฐฉาน ไทยใหญ่ ถูกกวาดต้อนมาอยู่ในเขตเมืองโยนก เชียงใหม่ มารดาเกิด ที่บ้านปาง อำ เภอป่าซาง จังหวัดลำ พูน เมื่อมารดาตั้งครรภ์ได้ ๓ เดือน มารดาได้เข้าวัดจำ ศีลอยู่วัดบ้านปาง เมื่อท้องแก่ได้ ๙ เดือน บิดาได้ขึ้นไปรับ ล่องแพมาตามลำ น้ำ ปิง ใช้เวลาร่วมเดือนจึงมาถึงเมืองปากน้ำ โพ จอดแพ ไว้แบบเอาแพเป็นบ้าน การลากจูงและล่องไม้ซุงทางน้ำ ในอดีต


และด้วยมารดาอุ้มท้องมา ๑๑ เดือน ไม่รู้ว่าลูกจะออกช่วงใด เมื่อ มารดาปวดท้องปัสสาวะ จึงไปถ่ายปัสสาวะที่ร่องแพ ทำ ให้ลูกหลุดตกลง ไปในน้ำ แต่สุนัขของบิดา ชื่อเจ้าเก่ง ได้กระโดดคาบขาเอาไว้ได้แล้วพาว่าย ขึ้นมา ขณะเดียวกันบิดาก็กระโดดลงไปช่วยเอาไว้ด้วย มารดาจึงตั้งชื่อว่า เก่ง และสั่งว่าให้รักหมา และเลี้ยงหมาให้ดีๆ เมื่ออายุได้ประมาณ ๑๐ ปี ท่านเดียร์มองเซ (Dermonsh) (หลวงปู่จะ เรียกคุณพ่อบุญธรรมว่าท่านซาโต้โมมอง )ท่านเป็นชาวฝรั่งเศสเจ้าของ บริษัทมีหุ้นใหญ่ในบริษัท และใหญ่ในทางการเมือง ในด้านเอเชียตะวันออก ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงยุโรป อเมริกา เพราะเป็นช่วงที่มหาอำ นาจล่าเมืองขึ้น ท่านชอบพอกับบิดาของหลวงปู่ได้เห็นว่า หลวงปู่เป็นขยัน ใฝ่รู้ จึงขอรับ ตัวไปเป็นบุตรบุญธรรม และบิดาก็ยกให้ โดยเดินทางทางเรือเป็นเรือเดิน ทะเลขนาดใหญ่และเป็นเรือส่วนตัว(สมัยนั้นยังไม่มีเครื่องบินเหมืนอย่าง สมัยนี้


หลวงปู่ติดตามท่านไปยังประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่ประเทศไทย ไป เมืองไซ่ง่อน อยู่ได้ ๑ ปี ท่านก็ย้ายไปเมืองจีน ต่อมาก็ไปอยู่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาล่องใต้ผ่านอเมริกาตะวันตก ตั้งแต่ซานฟรานซิสโก ซีแอต เติ้ลลอสแองเจลีส แซนดิเอโก้ แม็กซิโก กัวเตมาลา นิการากัว ฮอนดูรัส ฮ๊อตตาริก้า ปานามาไปจนถึงโคลัมเบีย แต่ละแห่งอยู่ไม่เกิน ๒ เดือน ท่านซาโต้โมมองจะให้หลวงปู่เรียนหนังสือและเรียนภาษาท้อง ถิ่นในเมืองที่ไปพัก รวมถึงให้เรียนหลักวิชาการระดับไฮสคูลวันละ๕ ชั่วโมง โดยท่านจ้างครูประจำ มาสอน แล้วให้ทำ งานเป็นกุลีช่วยลูกเรือขูดสนิมเรือ วันละ ๓ ชั่วโมงเพราะในท้องเรือเดินทะเลมันเป็นสนิมเกาะ หลวงปู่ทำ งาน ทุกอย่างเท่าที่จะมีความสามารถทำ ได้ จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก กว่าจะ ถึงบ้านท่านใช้เวลาเดินทาง ๓ ปี จึงพาขึ้นฝั่งเข้าพักที่สำ นักงานใหญ่ ของ บริษัทท่านเองที่เมืองฟิลลาเดลเฟีย ซึ่งไม่ไกลจากวอชิงตันดีซี อยู่มาอีก ๑ ปี ก็เดินทางไปอเมริกาเหนือ จนกระทั่งเดินทางไปถึงเมืองรียอง ประเทศ ฝรั่งเศส ได้เข้าเรียนแบบพลาสเข้าไฮสคูล เพราะตัวโตแล้ว ทำ งานไปด้วย เรียนไปด้วย งานที่ทำ ขณะเรียนคือ แบกถังขี้ ถังอาจมของเน่าเหม็นภายใน พระราชวังแวร์ซาย เนื่องจากเขาไม่มีห้องน้ำ ห้องส้วม แต่ละห้องจะมีถัง ให้คนละใบ ใครจะถ่าย จะอาบน้ำ ก็ให้ไหลลงไปที่ถังนี่ ท่านทำ กับพวกเหล่า นักเรียน ได้ค่าจ้าง ถังละ๑ ฟรังส์ คุณพ่อบุญธรรมท่านให้เงินมา ท่านก็เก็บ ไว้ไม่ยอมใช้


จาก นายทองสุก สิงหเสนี กลาย เป็น หลวงพ่อโง่น โสรโย นั้น ท่านบอกว่ามีสาเหตุจากตอนที่ท่านไปเรียนวิศวะ ประเทศฝรั่งเศส โดยทุน ของเวียดนาม และได้ปริญญาเกียรตินิยม ทำ ให้เวียดนามต้องการให้ท่าน เป็นนักเรียนของประเทศเขาเต็มตัว จึงเปลี่ยนชื่อท่านจาก ทองสุก เป็น เหงียน ง๊อก ท่านจึงได้ชื่ออยู่ที่นั่น และทางฝรั่งเศสก็ให้บัตรซิติเซ่นไว้ เดี๋ยว นี้ก็ยังมีอยู่ ท่านจะไปฝรั่งเศสไม่ต้องทำ วีซ่า แล้วต่อมาเมื่อกลับมาเมือง ไทย เรียกกันไปกันมาอย่างไรก็ไม่ทราบ กลับกลายเป็นโง่นไป ซึ่งท่านก็ ยอมรับโดยดุษณี ไม่ว่าอะไร เมื่อเรียนจบสาขาศัลแพทย์ ได้ไปฝึกงานที่ประเทศดูใบ ศูนย์กลางเมืองในตะวันออกกลาง ในขณะฝึกงานก็ต้องเปลี่ยนไปนับถือ ศาสนาอิสลามอยู่ ๒ ปี จึงทำ ให้เข้าใจหลักคำ สอนในศาสนาต่าง ๆ ศาสนา อิสลามถือว่าสมบัติทุกอย่างไม่ใช่ของใคร ตายแล้วเอาไปไม่ได้ ทุกๆ ปี ต้องถือศีลบวช บวชมาแล้วต้องอดข้าวอดน้ำ เพื่อสอนตนเองให้รู้จัก ความอดอยากหิวโหย ผู้คนร่ำ รวยเกินความจำ เป็นถือว่าเป็นคนบาปส่วน ศาสนาคริสต์ ก็มีหลักการคล้ายกันก็มีหลักการคล้ายศาสนาอิสลาม แต่เขา ฝากความรับผิดชอบของชีวิตตัวเองไว้กับพระผู้เป็นเจ้า มีการเผื่อแผ่เจือ จานแก่คนยากไร้เมื่อฝึกงานเสร็จก็กลับมานับถือศาสนาคริสต์ต่อ การจะ เข้ามาเป็นสาธุคุณในศาสนาคริสต์ เขาเลือกเอาบุคคลที่มีคุณภาพ ต้องจบ ปริญญาตรีทางแพทย์ เป็นหมอสอนศาสนา และมีหลักทรัพย์เหลือกิน เหลือใช้ ไม่รบกวนชาวบ้าน ส่วนหลวงปู่ได้เข้ามาเป็นสาธุคุณฟาดินัน ต้อง มีเงินฝากในกองทุนไม่น้อยกว่า ๑๐ล้านบาทจึงมีศาสนิกชนทั่วโลกพันกว่า ล้านคน ( พระราชวังแวร์ซายประเทศฝรั่งเศส)


ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๗๕ คุณตาที่เมืองไทยถึงแก่กรรม โยมบิดา มารดา จึงให้เดินทางกลับเมืองไทย บิดาบุญธรรม ได้ทำ พินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ หลวงปู่ทั้งหมด เพราะท่านรักหลวงปู่ที่เป็นเด็กขยัน เป็นนักสู้ ซื่อสัตย์ การ เดินทางกลับท่านก็เดินทางกลับทางเรือ มาทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เข้า ทะเลแดง เข้ามหาสมุทรแปซิฟิก จนถึงอ่าวไทยหลวงปู่ให้ข้อคิดว่า ฝรั่งเลี้ยงลูกจะสอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตนเองได้ แต่คนไทยเลี้ยงแบบ พะเน้าพะนอจนเกินไป เลี้ยงตัวเองไม่ได้จนลูกมีนิสัยเสียคน เลี้ยงไม่โต อยากฝากให้คนไทยกลับไปคิดเมื่อมาถึงเมืองไทย โยมมารดาขอให้หลวงปู่ บวชที่บ้านปาง เมืองลำ พูน โดยมีตุ๊เจ้าครูบาศรีวิชัยเป็นพระสายญาติที่แม่ เคารพเลื่อมใส ท่านบวชเป็นสามเณรก่อน ๑๕ วันแล้วจึงมาอุปสมบทเป็น พระ ต่อมาตุ๊เจ้าครูบาศรีวิชัยถูกจับกุมตัวไปสอบถึง ๕ ครั้ง เพราะตุ๊เจ้า ครูบาศรีวิชัยไม่ได้รับการแต่ตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากหลวงปู่ อุปสมบทได้ปีกว่า ตุ๊เจ้าครูบาศรีวิชัย ได้มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๑


หลวงปู่โง่น ได้อุปสมบทเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม โดยมีท่านเจ้าคุณสารภาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหาพรหมมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อ อุปสมบทปีแรกพระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์ผู้อุปการะ คือ หลวงพ่อวัง ได้ร้องขอและส่งให้ไปอยู่กับพระสหายของท่าน คือ เจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ธมฺมญาโณ ที่วัดสุวรรณารามราช มหาวิหาร นครหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งต่อมาคือเจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชแห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ประวัติชีวิตในสมณเพศ


ปี พ.ศ.๒๕๑๘ กรุงเวียงจันทน์ เกิดเหตุจลาจล พระองค์ได้เสด็จลี้ภัย เข้ามาอยู่ในประเทศไทย และสิ้นพระชนม์ ในพ.ศ. ๒๕๒๘ ส่วนหลวงปูโง่นในขณะ นั้นเป็นพระนวกะได้เรียนนักธรรมและบาลีแบบลาว ซึ่งเจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ทรงรักใคร่โปรดปรานมาก เพราะดั้งเดิมเป็นสายญาติกันและใช้ งานได้คล่อง พูดไทยได้เก่ง พูดลาวได้ดี ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสก็อาศัยได้ เพราะในระยะนั้นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวยังเป็นอาณานิคม เมืองขึ้นของฝรั่งเศส ท่านจึงต้องการให้พระภิกษุที่คุยกับชาวต่างชาติรู้ เรื่องอยู่ด้วย เมื่อมีเวลาว่างท่านให้เข้าป่า เพื่อแสวงหาต้นไม้ที่เป็นยา สมุนไพร เพราะพระองค์ท่านทรงสนใจรับรู้ในเรื่องยาสมุนไพรมาก ตอนเข้าไปในป่าถึงเขตทุ่งไหหิน ถูกทหารลาวและทหารฝรั่งเศสจับใน ข้อหาเป็นจารชนจากเมืองไทยไปสืบความลับ ถูกขังคุกขี้ไก่๓๐ วัน (ข้างบนมี ไก่อยู่ ข้างล่างเป็นนักโทษอยู่) โดยกล่าวหาว่า หลวงปู่เป็นจาราชน พร้อม พระลาว ๒รูป กับเด็กอีก ๑ คน ความทราบถึงเจ้ายอดแก้ว พุทธชิโนรส สกล มหาสังฆปาโมกข์ ท่านได้ร้องขอให้ปล่อยตัว ทหารปล่อยพระลาว กับเด็ก แต่ ไม่ปล่อยหลวงปู่ จนเจ้ายอดแก้ว พุทธชิโนรส สกลมหาสังฆปาโมกข์ต้อง ออกใบสุทธิให้ใหม่ โอนเป็นพระลาวและเป็นคนลาวไป ส่วนเด็กลาวคนนั้น คือ เจ้าสิงคำ ซึ่งต่อมา ก็คือ ท่านมหาสิงคำ ผู้ทำ งานช่วยพวกลาวอพยพร่วม กับสหประชาชาติอยู่ที่วัดยานนาวา กรุงเทพฯท่านจึงไปมาหาสู่บ่อย เพื่อขอ ความช่วยเหลือให้พี่น้องชาวลาวหลวงปู่โง่นก็ได้ช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ ความสามารถจะมี


หลังจากนั้นหลวงปู่พยายามหาทางกลับเมืองไทย จึงเดินทางไปพบ ท้าวโง่นชนนิกร ซึ่งเป็นข้าราชการลาวท่านธุดงค์เลียบฝั่งแม่น้ำ โขงลงมา ทางเมืองท่าแขก ได้รับความช่วยเหลือจากครูบาน้อย หาทางเกาะเรือชาว ประมงข้ามฝั่งมาพอถึงแผ่นดินไทยก็ถูกร้อยตำ รวจเอกเดช เดชประยุทธ์ และร้อยตำ รวจโทแฝด วิชชุพันธ์ จับในข้อหาเป็นพระลาวหลบเข้ามาสืบ ราชการลับในราชอาณาจักรไทย ถูกจับเข้าห้องขังฐานจารชนอยู่ ๑๐วัน ร้อนถึงพระพนมคณานุรักษ์ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าเมือง ได้เจรจาให้หลุดรอดออก มา พอพ้นจากห้องขังมาได้ก็เข้ากราบพระอุปัชฌาย์ คือ ท่านเจ้าคุณสาร ภาณมุณี ท่านเจ้าคุณสารภาณมุณีสั่งให้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมพระกรรมฐาน กับพระอาจารย์วัง ที่ถ้ำ ไชยมงคล เขาลังกา และไปหาพระอาจารย์เสาร์ กนฺต สีโล ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต


พ.ศ. ๒๔๘๕ สอบได้นักธรรมตรี พ.ศ.๒๔๘๖ สอบได้นักธรรมโท พ.ศ.๒๔๘๗ สอบได้นักธรรมเอก ต่อมาหนีออกธุดงค์เข้าถ้ำ จำ พรรษาที่ถ้ำ บ้านยางงอย อำ เภอนาแก จังหวัดนครพนม กับอาจารย์สน อยู่ ๑ ปี พระ อุปัชฌาย์รู้ข่าวเรียกตัวกลับ สั่งให้มาอยู่วัดอรัญญิกาวาส จังหวัดนครพนม โดยบังคับให้เป็นครูสอนนักธรรมโท อยู่วัดศรีเทพ๒ ปี เพราะวัด ทั้งสองอยู่ ใกล้กันไปกลับได้สบายผลของการสอนได้ผลดีมากนักเรียนสอบได้ยกชั้นทั้ง ๒ ปี พระอุปัชฌาย์ชมเชยมาก และปีต่อมาได้เปลี่ยนเป็นครูสอนนักธรรมเวลา เช้า ส่วนเวลาบ่ายหลวงปู่โง่นเป็นนักเรียนบาลีไวยากรณ์ พ.ศ. ๒๔๙๑ สอบเปรียญธรรม ป.ธ.๓ แต่ต้องตกโดยปริยายเพราะข้อสอบ รั่วทั่วประเทศจึงต้องสอบกันใหม่ หลวงปู่โง่นเกิดความไม่พอใจในวิธีการ เรียนแบบสกปรก จึงย้อนกลับไปพึ่งใบบุญของสมเด็จพระสังฆราชแห่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไปเรียนและตั้งใจเรียนจนสอบเทียบ ได้เปรียญ ๕ โดยสมเด็จพระยอดแก้วสกลมหาปรินายกออกใบระกาศนียบัตร ให้


จากนั้นท่านสั่งให้ไปเรียนต่อที่ประเทศพม่า พอดีขณะนั้นพระภิกษุ สงฆ์ในพม่าพากันเดินขบวนขับไล่รัฐบาลของอูนุ มีการจับพระชาวต่าง ชาติเข้าคุก หลวงปู่โง่นก็พลอยโดนด้วยแต่โชคดีที่พระมหานายกของพม่า คือท่านอภิธชะมหา อัตฐะคุรุ ได้ขอร้องและทำ ใบเดินทางให้เข้าประเทศอินเดีย เลยเข้าไปเมืองฤๅษีเกษ แคว้นแคชเมียร์ ไปฝึกฝนอบรมวิชาโยคะ ๑ปี เมื่อมี เพื่อนนักโยคะชักชวนขึ้นไปเมืองยางเซะและเมืองลาสะซึ่งเป็นเมืองหลวง ของประเทศทิเบต เพื่อศึกษาภูมิประเทศและหลักการทางพระพุทธศาสนา มหายาน


พ.ศ. ๒๔๙๔ กลับมาเมืองไทย ท่านเจ้าคุณรัชมงคลมุนี วัด สัมพันธวงศ์ ส่งให้ ไปเป็นหัวหน้าก่อสร้างอุโบสถจัตุรมุขหลังใหญ่ที่สุด ในภาคตะวันออก ที่วัดสารนาถธรรมาราม อำ เภอแกลง จังหวัดระยอง อยู่ ได้ ๕ ปี พระอุโบสถจวนเสร็จ ขออำ ลาหนีไปพักผ่อนชั่วคราว ไปพักอยู่กับญาติ ๆ ที่เมืองอังกานุย ประเทศนิวซีแลนด์ แล้วไปอยู่แคนเบ อร่า ประเทศออสเตรเลีย อยู่แห่งละ ๑ ปี แล้วไปอาศัยอยู่กับญาติโยมเก่าที่เขา เคยอุปการะอยู่ประเทศลาว ที่เมืองรียอง ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ. ๒๔๙๘ กลับเมืองไทยไปช่วยท่านมหาโฮม คือ เจ้าคุณราชมุนี วัด สระประทุม ที่ปากช่อง จากนั้นเดินธุดงค์เข้าป่าเข้าถ้ำ หลายแห่งคือถ้ำ เชียงดาว อำ เภอเชียงดาว ถ้ำ ตับเต่าอำ เภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ แล้วล่อง ใต้ไปอยู่ถ้ำ จัง อำ เภอกันตัง จังหวัดตรัง ถ้ำ ขวัญเมืองอำ เภอสวี จังหวัด ชุมพร แล้วมาถ้ำ มะเกลือ เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นขึ้นถ้ำ ฤๅษี (ถ้ำ มหาสมบัติ) ถ้ำ เรไร จังหวัดเพชรบูรณ์ (วัดสารนาถธรรมาราม อำ เภอแกลง จังหวัดระยอง )


ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ หลวงพ่อแพร คือ ท่านเจ้าคุณเพชราจารย์ เจ้าคณะ จังหวัดเพชรบูรณ์องค์ก่อน ได้นิมนต์มาสร้างโรงเรียนประชาบาลวัดท่าข้าม และสร้างพระประธานใหญ่ไว้ที่เขตอำ เภอชนแดน แล้วท่านร้องขอให้ไปอยู่ แคมป์สน เขตอำ เภอหล่มสัก อยู่ได้ปีเดียวท่านเจ้าคุณวิมลญาณเวที วัด มงคลทับคล้อ ซึ่งเป็นเครือญาติกันมาก่อน ขอให้มาสร้างฌาปนสถานและ บูรณะศาลาการเปรียญวัดมงคลทับคล้อ (ศาลาการเปรียญวัดมงคลทับคล้อ พระอารามหลวง พอเสร็จเรียบร้อยท่านขอให้มาช่วยเหลือประจำ อยู่ วัดพระพุทธบาท เขารวก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๗ เพราะเป็นแดนทุรกันดาร หน้าแล้งจะขาดแคลนน้ำ ดื่มน้ำ ใช้ ด้วยความเห็นชอบและเลื่อมใสของท่านเจ้าอาวาส ตลอดจน ญาติโยมได้ลงมือพัฒนาสถานที่นี้ให้ได้รับความสะดวกสบายขึ้นหลายอย่าง อาทิ ได้ขุดสระกักเก็บน้ำ ไว้ในบริเวณหมู่บ้านเก็บน้ำ ให้ชาวบ้านไว้ใช้ตลอดปี สร้างถนนจากบ้านวังหลุมถึงเขารวกเป็นระยะทาง ๕.๕ กิโลเมตร ตลอดระยะ เวลาที่หลวงปู่มาอยู่ที่วัดเขารวกได้พัฒนา ทำ นุบำ รุงสิ่งต่างๆมากมาย จน เป็นวัดที่สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์การเรียนรู้ที่สำ คัญของชุมชน ตลอดจนบุคคลที่มากราบไหว้หลวงปู่ หลวงพ่อสมบุญอดีตเจ้าอาวาสวัด พระพุทธบาทเขารวก


สิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่หลวงปู่ได้พัฒนา สร้างขึ้นภายในวัด พระพุทธบาทเขารวก บริเวณทางขึ้นมณฑปในอดีต และภาพปัจจุบัน สร้างมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาท จำ ลองแบบมาจาก วัดพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี ประตูทางเข้าวัด รูปปั้น ต้นตระกูลแดงทองดี


สิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่หลวงปู่ได้พัฒนา สร้างขึ้นภายในวัด พระพุทธบาทเขารวก สร้างกลองที่ใหญ่ที่สุดจากต้นประดู่ยักษ์ เดิมโรงเรียนวัดเขารวก ตามหลักฐานไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้ก่อตั้ง เดิม อาศัยศาลาวัดพระพุทธบาทเขารวกเป็นสถานที่เรียน ต่อมาในปี พ.ศ.2512 พระครูพิพิธถาวรกา หรือพระอาจารย์ สมบุญ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาท เขารวก คณะครู และประชาชนได้ร่วมกันก่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราว 1 หลัง เป็นอาคารชั้นเดียว ยาว ๕๐ เมตร มีห้องเรียน ๘ ห้อง ในเนื้อที่จำ นวน 15 ไร่ ซึ่ง เป็นเนื้อที่จากการบริจาค และอีกส่วนหนึ่งเป็นของนายสังวาลย์ และ นางบุญมา แดงทองดี ยกให้ รูปปั้นฤๅษี ทำ จากศิลาแลง


สิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่หลวงปู่ได้พัฒนา สร้างขึ้นภายในวัด พระพุทธบาทเขารวก รูปปั้นสมเด็จพระปิยมหาราช อีกทั้งปั้น รูปสมเด็จพระปิยมหาราชไว้ที่หน้าเสาธง มีขนาด ๑ เท่าครึ่ง ตั้งอยู่ตลอดจนถึงทุกวันนี้ และในวันที่ ๒๓ ตุลาคมของทุกปีจะมีพิธีถวาย บังคมพระบรมรูปพร้อมทั้งแจกทุนการศึกษาแก่เด็กยากจน ก่อนหลวงปู่จะละสังขารของท่าน วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ หลวงปู่ได้ อัญเชิญพระรูปของพระนางสุพรรณกัลยาและสมเด็จพระเอกาทศรถ ขึ้นไป ประดิษฐานที่วัดพระธาตุดอยเวาอำ เภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เคียงคู่กับ พระบรมรูปของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งหลวงปู่ได้อัญเชิญมา ประดิษฐานก่อนหน้านี้แล้ว วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ หลวงปู่ได้ทำ พิธี บวงสรวงอัญเชิญดวงพระวิญญาณของ ๓ พระองค์ และเดินทางกลับ


วันที่๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เวลาประมาณ๒ ทุ่ม หลวงปู่อาพาธ อาเจียนเป็นโลหิต ได้รับการส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ตะพานหิน อำ เภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตรและได้ละสังขารไปในช่วงเวลา ๕ ทุ่มเศษของวันเดียวกัน รวมสิริชนมายุได้ ๙๔ ปีเศษ พระมหากรุณาธิคุณ หลังจากหลวงปู่โง่นมรณภาพ เมื่อวันที่ ๗มีนาคม ๒๕๔๒ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานน้ำ หลวงสรง ศพ นายโกเมศ แดงทองดี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรสรงน้ำ หลวงสรงศพ


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานน้ำ หลวงสรงศพและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดพระพุทธบาทเขา รวก ตำ บลวังหลุม อำ เภอตะพานหินในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เวลา ๑๕.๐๐ น.


คณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนผู้มีความเคารพ นับถือ ได้ร่วมกันประกอบพิธีในการพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่โง่น นับเป็น พระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นหาที่สุดมิได้แก่ หลวงปู่โง่นโสรโยและวงศ์ตระกูล ตลอดจนบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ ภาพแห่งความทรงจำ


ภาพแห่งความทรงจำ


ภาพแห่งความทรงจำ


ภาพแห่งความทรงจำ


ภาพแห่งความทรงจำ


ภาพแห่งความทรงจำ


การสร้างพระพุทธวิโมกข์


การสร้างพระพุทธวิโมกข์ “ สุขของฉันอยู่ที่งานหล่อเลี้ยงจิต มีชีวิตอยู่กับงานสนานสนุก ถ้าอยู่เฉยไม่ทำ งานมันเหมือนทุกข์ มีความสุขอยู่กับงานบานตะไท ” “ ฉันไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ฉันเป็นพระอรหนอลหม่าน วันๆเอาแต่วุ่นวาย โกลาหลอลหม่านอยู่กับฝูงสัตว์ป่านับร้อย ๆในอาศรม ต้องคอยจัดหาอาหาร เลี้ยงนกยูงเป็นร้อย นกน้อย ๆเป็นพัน ฝูงกาดำ เป็นร้อย ๆ อีเก้งมีเป็นฝุง งุเห่า งูเหลือม ...สุนัขหลายตัว หลายพันธุ์..แล้วยังมีวัว ควายที่พวกชาวบ้าน เอามาปล่อยวัด...ชีวิตฉันจึงอลหม่านไปหมดในแต่ละวันจะเป็นพระอรหันต์ได้ อย่างไร ”


ภารกิจมากมายของหลวงปู่ “ คิดทำ โน่นทำ นี่ทุกเวลา คิดถึงวันข้างหน้าจะทำ อะไร ถ้าทำ ผิดก็คิดเป็นครูเตือนใจ ดีหรือชั่วขอให้ได้แต่ทำ งาน”


ภารกิจมากมายของหลวงปู่ ศึกษาตำ รับยาสมุนไพร หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กับหลวงปู่โง่น หลวงปู่โง่นพระอาจารย์ของครูบาชุม หลวงปู่บริจาคของใช้เสื้อกันหนาว ศาลหลักเมืองจังหวัดพิจิตร


ย้อนรอยกรรมตำ นานพระนาง สุพรรณกัลยา ศึกษาตำ รับยาสมุนไพร พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร ผบ.ทบ. ทำ พิธีอัญเชิญพระรูปหล่อ พระนางสุพรรณกัลยา ขึ้นบนแท่น อนุสาวรีย์ ภายในค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก


Click to View FlipBook Version