ประวัติศาสตร์
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ 1-5
คำนำ
ร า ย ง า น เ ล่ ม นี้ จั ด ทำ ขึ้ น เ พื่ อ เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง วิช า สั ง ค ม ศึ ก ษ า
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อให้ได้ ศึกษาหาความรู้ในเรื่องราวของ
รัตนโกสินทร์ตอนต้น รัชกาลที่ 1-5 (ปฏิรู ปรัชกาลที่ 5) โดยได้
ศึกษาผ่านแหล่งความรู้ต่าง ๆ อาทิ ตำรา หนังสือ และแหล่ง
ความรู้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ
เนื้อหาของรายงานเล่มนี้แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อ ประกอบ
ด้วย เหตุการณ์และความสำคัญในการพัฒนาประเทศ สมัย
รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1-3 , รัชกาล 4 , การปฏิรู ป การศึกษา
เศรษฐกิจและสังคม วัฒนธรรม รัชกาลที่ 5 เป็นต้น
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดทำเอกสารฉบับนี้จะมีข้อมูลที่
เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาเรื่อง รัตนโกสินทร์ตอนต้น ร.1-
5 (ปฏิรู ปร.5) เป็นอย่างดี
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ
• กรุ งรัตนโกสินทร์สมัยฟื้ นฟูบ้านเมือง หน้า
เหตุที่ย้ายราชธานี
ลักษณะอาณาจักรใหม่ 1
การปกครอง
การปรับปรุ งกฎหมายและการฟื้ นฟูเศรษฐกิจ 2
รายได้จากการค้ากับต่างประเทศ 3
รายได้จากภายในประเทศและบทบาทของจีนในเมืองไทย 4
การทะนุบำรุ งพระพุทธศาสนา 5
การฟื้ นฟูด้านสังคม วัฒนธรรม ประเพณี และศิลปกรรม 6
ความสัมพันธ์กับประเทศใกล้เคียง 7
ความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตก 8
11
• กรุ งรัตนโกสินทร์สมัยปฏิรู ปบ้านเมือง 12
สังคมไทยใน สมัยรัชกาลที่ 4
การเลิกระบบไพร่
การปรับปรุ งสาธารณะสุขในสมัยรัชกาลที่ 5 13
การปรับปรุ งประเพณีวัฒนธรรมสมัยรัชกาลที่ 5 14
การปรับปรุ งด้านการศึกษา 15
16
18
1
กรุงรัตนโกสินทร์ สมัยฟื้ นฟูบ้านเมือง รัชกาลที่ 1-3
เมื่อขึ้นครองราชย์ ใน พ.ศ.2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ
ให้ย้ายราชธานีใหม่จากกรุงธนบุรีมายังฝั่ งตะวันออก (ฝั่ งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา) และสร้าง
กรุงเทพฯเป็นราชธานีขึ้น ณ ที่แห่งนี้
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่1)
เหตุผลที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯทรงย้ายราชธานี
1.พระราชวังเดิมของกรุงธนบุรีคับแคบ มีวัดขนาบอยู่ทั้ง 2 ด้าน คือ วัดอรุณราชวราราม
(วัดแจ้ง) และวัดโมฬีโลกยาราม (วัดท้ายตลาด) จึงยากแก่การขยายพระราชวัง
2.ความไม่เหมาะสมด้านภูมิประเทศ เนื่องจากฝั่ งตะวันตก หรือราชธานีเดิมเป็นท้องคุ้ง อาจ
ถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งพังได้ง่าย
3.ความเหมาะสมต่อการขยายเมืองในอนาคต พื้นที่ฝั่ งตะวันออกเป็นที่ราบลุ่มกว้างขวาง
สามารถขยายตัวเมืองไปทางเหนือและตะวันออกได้
4.กรุงธนบุรีไม่เหมาะทางด้านทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์ มีแม่น้ำเจ้าพระยาผ่ากลาง เปรียบ
เสมือนเมืองอกแตก
แผนที่อาณาจักรกรุงธนบุรี
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
2
ลักษณะของราชธานีใหม่
กรุงเทพมหานครเป็นราชธานีใหม่ของไทย สร้างขึ้นโดยเลียนแบบกรุงศรีอยุธยากำหนดพื้นที่
เป็นสามส่วนคือ
1.บริเวรพระบรมมหาราชวัง ประกอบด้วย วังหลวง วังหน้า วังในพระบรมมหาราชวัง (วัด
พระศรีรัตนศาสดาราม) และรวมทั้งทุ่งพระเมรุ (ท้องสนามหลวง)
2.บริเวรที่อยู่อาศัยภายในกำแพงเมือง อาณาเขตกำแพงเมืองประตูเมืองและป้อมปราการ
สร้างขึ้นตามแนวคลองรอบกรุง
3.บริเวรที่อยู่อาศัยภายนอกกำแพงเมือง เป็นพื้นที่เกษตรกรรม มีบ้านเรือนราษฎรตั้งอยู่
ด้านนอกของคลองรอบกรุง มีคลองขุดในรัชกาลที่ 1
ภาพผังเมืองสมัยอยุธยา เปรียบเทียบกับสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
แผนที่พระนครศรีอยุธยา แผนที่กรุงรัตนโกสินทร์
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
3
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ในสมัยรัชกาลที่ 1-3 พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ การจัด
ระเบียบการปกครองยังคงยึดถือตามแบบอย่างสมัยอยุธยาตอนปลาย มีดังนี้
การปกครองส่วนกลาง มีเสนาบดีทำหน้าที่บริหารราชการ ได้แก่ สมุหกลาโหม มีอำนาจ
บังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายใต้ ทั้งทหารและพลเรือนมียศและราชทินนามว่า เจ้าพระยามหาเสนา
ใช้ตราคชสีห์เป็นตราประจำตำแหน่ง สมุหนายก มีอำนาจบังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายเหนือ ทั้ง
กิจการทหารและพลเรือนมียศและราชทินนามว่า เจ้าพระยาจักรี หรือเจ้าพระยาบดินทร์เดชานุ
ชิต ใช้ตราราชสีห์เป็นตราประจำตำแหน่ง เสนาบดีจตุสดมภ์ เป็นตำแหน่งรองลงมา ประกอบ
ด้วย กรมเวียง กรมวัง กรมคลัง กรมนา
การการปกครองส่วนภูมิภาค หรือการปกครองหัวเมือง
หัวเมืองฝ่ายเหนือ (รวมทั้งหัวเมืองอีสาน) อยู่ในความรับผิดชอบของสมุหนายก
หัวเมืองฝ่ายใต้ ขึ้นสังกัดสมุหกลาโหม
การปกครองประเทศราช
ฐานะของประเทศราช คือ เมืองของชนต่างชาติต่างภาษา มีกษัตริย์ของตนเองเป็นผู้ปกครอง
มีหน้าที่ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายตามกำหนด และส่งทหารมาช่วยเมื่อเมืองหลวงมี
ศึกสงคราม
ประเทศราชของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีทั้งดินแดนล้านนา ลาว เขมร และหั้วเมือง
มลายู ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงแสน หลวงพระบาง เวียงจันทร์ จำปาศักดิ์ เขมร ปัตตานี ไทรบุรี
กลันตัน ฯลฯ
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
4
กการปรับปรุงกฎหมาย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ โปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมและชำระกฎหมายเก่าที่ใช้
กันมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา และคักลอดไว้ 3 ฉบับ ทุกฉบับประทับตราคชสีห์ ตราราชสีห์
และตราบัวแก้ว จึงเรียกว่ากฎหมายตราสามดวง หรือประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1 ใช้เป็นหลัก
ปกครองประเทศมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนที่ จะมีการปฏิรูปกฎหมายไทยและการศาลให้เป็น
ระบบสากล
สำเนากฎมนเทียรบาลที่จัดแสดงในสภาผู้แทนราษฎรไทย
การฟื้ นฟูเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเริ่มฟื้ นตัวในตอนปลายรัชกาลที่ 2 เป็นต้นมา
และเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยรัชกาลที่ 3 ผลผลิตทางการเกษตรและการค้าทางเรือสำเภา
กับต่างประเทศขยายตัวขึ้นมาก รายได้ของประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีที่มา 2 ทาง
ดังนี้
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่2) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่3)
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
5
รายได้จากการค้ากับต่างประเทศ
การค้าสำเภาหลวง เป็นรายได้หลักที่สำคัญของสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นโดนพระคลังสินค้า
(หน่วยงานของรัฐ ขึ้นอยู่กับกรมคลัง หรือกรมท่า) ทำหน้าที่แต่งเรือสำเภาหลวงบรรทุกสินค้า
ไปขายยังต่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศจีน รองลงมา คือ ชวา มลายู และอินเดีย
กำไรจากการผูกขาดการค้า เป็นรายได้ของรัฐที่ทมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาโดยพระคลังสินค้า
เป็นผู้ควบคุมการซื้อขายสินค้าผูกขาดและสินค้าต้องห้าม หรือทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่าง
พ่อค้าไทยกับพ่อค้าชาวต่างประเทศ สินค้าผูกขาดได้แก่ อาวุธปืน กระสุนปืน ดินปะสิว สินค้า
ต้องห้าม เช่น งาช้าง รังนก หนังกวาง และไม้ฝาง อำนาจของพระคลังสินค้า เช่น เครื่องแก้ว
พรม ผ้าแพร
ตัวอย่างสินค้าต้องห้าม
งาช้าง รังนก ไม้ฝาง หนังกวาง
ภาษีปากเรือหรือ ภาษีเบิกร่อง เป็นค่าธรรมเนียมซึ่งเก็บจากเรือสินค้าของชาวต่างประเทศที่
เข้ามาจอดเทียบท่าในไทย โดยเก็บตามขนาดความกว้างของปากเรือ (หรือส่วนกว้างที่สุดของ
เรือ) คิดอัตราภาษีเป็นวา เช่น ในสมัยรัชกาลที่ 3 เก็บจากเรือสินค้าอังกฤษวาละ 1700 บาท
เป็นต้น
ภาษีสินค้าขาเข้า เรียกเก็บจากพ่อค้าชาวต่างประเทศที่นำสินค้าเข้ามาขายในไทย เช่น ในสมัย
รัชกาลที่ 2 เรียกเก็บจากพ่อค้าชาติตะวันตกร้อยละ 8 ของราคาสินค้าเป็นต้น
ภาษีสินค้าออก เรียกเก็บจากสินค้าที่ส่งออกในอัตราที่แตกต่างกันตามประเภทของสินค้า
เช่น ข้าวสาร หาบละ 1 สลึง และน้ำตาลหาบละ 2 สลึงเป็นต้น
ท่าเรือสินค้า
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
6
รายได้ภายในประเทศ
จังกอบ คือ ภาษีค่าผ่านด่าน
อากร คือ ภาษีที่รัฐเรียกเก็บจากราษฎรในการประกอบอาชีพต่างๆ
ส่วย คือ สิ่งของหรือเงินที่ราษฎรนำมาทดแทนแรงงานหรือทดแทนการเข้าเวรรับราชการ
ฤชา คือ ค่าธรรมเนียมที่ทางราชการเรียกเก็บจากราษฎร เป็นค่าบริการที่ทางราชการจัดทำให้
บทบาทของชาวจีนในสังคมไทย
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นชาวจีนอพยพเป็นชนกลุ่มน้อยในสังคมไทยมีบทบาทสำคัญดังนี้
1.อาชีพส่วนใหญ่ของชาวจีน คือ การค้าขาย ทางราชการให้การสนับสนุน ทั้งการค้าขาย
ภายในราชอาณาจักรและการค้ากับต่างประเทศ โดยให้สิทธิเดินทางและตั้งถิ่นฐานได้ทั่ว พระราช
อาณาจักร และไม่ถูกเกณฑ์แรงงาน ชาวจีนจึงเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยใน
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างมาก
2.ชาวจีนมีความสามารถในการสะสมทุนทรัพย์และความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
จึงมีความสัมพันธ์กับเจ้านายและขุนนางไทย ในลักษณธอุปถัมภ์เกื้อกูลผลประโยชน์กัน
กองเรือสำเภาจีน
สัมเพ็งในอดีต
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
7
การทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา
1. การสังคายนาพระไตรปิฎก ใน พ.ศ.2331 รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯให้ชำระสะสางคัมภีร์พระ
ไตรปิฎก จัดหมวดหมู่พระธรรมวินัยให้เป็นระเบียบและให้จารึกลงใบลาน คัดลอกเป็นพระ
ไตรปิฎกฉบับหลวง เรียกว่า พระไตรปิฎกฉบับทองใหญ่ หรือฉบับทองหีบ
2.การจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์และกวดขันพระธรรมวินัย รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ
ให้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการปกครองสงฆ์ขึ้นหลายฉบับ
3.การส่งสมณทูตไปลังกา ในสมัยรัชกาลที่ 2 มีการแลกเปลี่ยนสมณฑูตไทยกับลังกา เพื่อ
ตรวจสอบกิจการของพระศาสนาทั้งสองฝ่าย มีการนำหน่อพระศรีมหาโพธิ์จากลังกา 6 ต้น มา
ปลูกในไทย และในสมัยรัชกาลที่ 3 พระสงฆ์ไทยได้เดินทางไปตรวจสอบพระไตรปิฎหฉบับของ
ลังกา เพื่อชำระแก้ไขให้ถูกต้องตรงกัน
4.การสถาปนาธรรมยุตินิกาย ในสมัยรัชกาลที่ 3 สมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎ (รัชกาลที่ 4) ได้เสด็จ
ออกผนวช และศึกษาพระไตรปิฎกจนแตกฉาน ได้ทรงประกาศตั้งฝ่ายคณะสงฆ์ขึ้นใหม่ เรียกว่า
ฝ่ายธรรมยุตินิกาย เมื่อ พ.ศ.2372 ส่วนคณะสงฆ์ที่มีอยู่เดิม เรียกว่า ฝ่ายมหานิกาย ซึ่งยังคงมี
อยู่ถึงปัจจุบัน
5.การสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัด รัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 3 มี
การสร้าง และ ปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่ารงๆ รวมถึง 53 วัด มากกว่าในรัชกาลก่อนๆเนื่องจาก
เศรษฐกิจดี
ตัวอย่างวัดที่มีการสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์
วัดสุทัศน์เทพวราราม วัดอรุณราชวราราม
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
8
การฟื้ นฟูด้านสังคม วัฒนธรรม ประเพณี และศิลปะ
สภาพสังคมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สรุปได้ดังนี้
1.การดำเนินชีวิตของผู้คน ยังคงลักษณะที่คล้ายกับการดำเนินชีวิตของคนไทยสมัยอยุธยา
ตอนปลาย โดยพยายามรักษารูปแบบทางวัฒนธรรม ประเพณีเดิมในสมัยอยุธยาไว้
2.ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในสังคมชนบท มีลักษณะเป็นสังคมเกษตรกรรม ครอบครัวคนไทย
เป็นครอบครัวขนาดใหญ่
3.ความแตกต่างในฐานะของบุคคลในสังคม มีการแบ่งชนชั้น เช่นเดียวกับสมัยอยุธยาเรียง
ตามลำดับ ได้แก่ พระมหากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ ขุนนาง ไพร่ และทาส สำหรับพระสงฆ์ถือว่าเป็น
ชนชั้นพิเศษ ได้รับการเคารพนับถือ และสามารถเปลี่ยนแปลงเข้าออกได้ง่ายกว่าชนชั้นอื่นๆ
โครงสร้างสังคมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
9
การฟื้ นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และศิลปกรรม
1.การฟื้ นฟูความเจริญรุ่งเรืองสมัยรัตนโกสินทร์ให้เทียบเท่ากรุงศรีอยุธยา รัชกาลที่ 1-3
ทรงมีพระราโชบายที่จะสร้างกรุงเทพฯ ราชธานีแห่งใหม่ให้ใหญ่โตสวยงามเช่นเดียวกับกรุงเก่า
เพื่อธำรงรักษาศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยให้เป็นมรดกแก่คนรุ่นหลัง
2.การฟื้ นฟูพระราชพิธีต่างๆที่เคยมีมาในสมัยอยุธยา ที่สำคัญ ได้แก่ พระราชพิธีบรม
ราชาภิเษก พระราชพิธีโสกันต์ (โกนจุก) พระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา พระราชพิธีพืชมงคล
พระราชพิธีตรียังปวาย (โล้ชิงช้า) และพระราชพิธีวิสาขบูชา เป็นต้น
3.งานสถาปัตยกรรม มีความเจริญรุ่งเรืองสวยงามประณีตเสมอกับสมัยกรุงศรีอยุธยา
ได้แก่ พระบรมมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดประจำองค์พระมหากษัตริย์
พระราชพิธีถือน้ำพิพิฒน์สัตยา (ในสมัยรัชกาลที่ 9) พระราชพิธีถือพืชมงคล
พระราชพิธีถือตรียังปวาย (โล้ชิงช้า)
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
10
เครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ หัวเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์
4.งานศิลปกรรมแขนงอื่นๆ เป็นผลงานของ”ช่างสิบหมู่” สุนทรภู่
เช่น เครื่องราชูปโภคขององค์พระมหากษัตริย์ เรือพระที่นั่ง
สุพรรณหงส์ ราชรถ ตู้พระไตรปิฏกลายรดน้ำ และเครื่อง
ถ้วยชามเบญจรงค์ ฯลฯ
5.งานจิตกรรม งานจิตรกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ยังคงเลียนแบบสมัยอยุธยา ดังจะเห็นได้จากภาพวาดในพระ
อุโบสถหรือพระวิหารของวัดวาอารามต่างๆ ซึ่งมักเป็นภาพ
เทพชุมนุม ภาพพุทธประวัติ หรือ ทศชาติชาดก เป็นต้น
6. นาฏศิลป์และดนตรีไทย มีความเจริญรุ่งเรืองมากใน
สมัยรัชกาลที่ 2 เพราะ ทรงเป็นกวีและศิลปิน จึงทรงพระทัย
ให้การทะนุบำรุงอย่างจริงจัง
7. งานส่งเสริมวรรรณกรรม ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอน
ต้น ราชสำนักมีฐานะเป็นศูนย์กลางชุมนุมวรรณกรรมและ
กวี มีทั้งองค์พระมหากษัตริย์ เจ้านาย และกวีสามัญชน เช่น
รัชกาลที่ 2 และสุนทรภู่ เป็นต้น ซึ่งมีผลงานทั้งบทละคร
เสภา นิราศ กาพย์ และกลอน
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
11
ความสัมพันธ์กับประเทศใกล้เคียง
1. ความสัมพันธ์ในฐานะเป็นมิตรไมตรีต่อกัน
ประเทศที่เป็นมิตรต่อไทย ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น คือ จีน มีความสัมพันธ์ทางด้านการค้า
ฝ่ายไทยส่งเครื่องราชบรรณการไปถวายกับพระเจ้ากรุงจีนเพื่อให้จีนอำนวยความสะดวกทาง
ด้านการค้า ฝ่ายไทยส่งเครื่องราชบรรณการไปถวายพระเจ้ากรุงจีน เพื่อให้จีนอำนวยความ
สะดวกทางการค้าให้ ที่เรียกว่า “จิ้มก้อง” การค้าทางเรือสำเภาระหว่างประเทศทั้งสองดำเนินไป
ด้วยดีตลอดมา
การส่งเครื่อราชบรรณาการไปยังจีน
2. ความสัมพันธ์ในฐานะเป็นคู่สงครามกัน
พม่า ในสมัยรัตนโกสินทร์ ไทยกับพม่าทำสงครามกันถึง 10 ครั้ง ครั้งสำคัญที่สุดใน
ประวัติศาสตร์ไทยกับพม่า คือ สงครามเก้าทัพ พ.ศ.2328
ญวน ไทยกับญวนทำสงครามยื้ดเยื้อเป็นเวลานานถึง 14 ปีโดยมีสาเหตุเกิดจากการแข่งขัน
ขยายอำนาจในดินแดนเขมร
3. ความสัมพันธ์ที่มีต่อประเทศราช
เขมร ไทยได้ปกครองเขมรเป็นประเทศราชตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 1 ทางฝ่ายไทยให้การอุปการะ
เจ้านายเขมรที่ตกทุกข์ได้ยาก และใช้นโยบายผูกน้ำใจชาวเขมรให้จงรักภักดีต่อไทย มิให้เอนเอียง
เข้าฝ่ายญวน
ลาว ในสมัยรัชกาลที่ 1 และ รัชกาลที่ 2 ไทยปฏิบัติต่อลาวอย่างเป็นมิตรในฐานะพี่บ้านเมืองน้อง
แต่ในตอต้นรัชกาลที่ 3 เกืดกบฏเจ้าอนุวงค์แห่งนครเวียงจันทน์ในพ.ศ. 2369 แต่ไทยสามารถ
ปราบปรามได้
ล้านนา รัชกาลที่ 1 ทรงดำเนินนโยบายปกครองล้านนาอย่างเป็นมิตรเพื่อผูกใจให้จงรักภักดีต่อ
กรุงเทพ ฯ เจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้รับยกย่องให้มีพระเกียรติเสมอพระเจ้าแผ่นดิน
หัวเมืองมลายู ในสมัยรัชกาลที่ 1 ไทยต้องยกย่องกองทัพไปปราบปรามหัวเมืองมลายูที่ตั้งแข็ง
เมืองเป็นอิสระ และมีเหตุการณ์ยุ่งยากในหัวเมืองมลายูอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะเมือง ไทรบุรี
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
12
ความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตก
1. ลักษณะความสัมพันธ์ยังไม่ขยายตัวมากนัก ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ความสัมพันธ์
ระหว่างไทยกับประเทศตะวันตกยังไม่แน่นแฟ้น เนื่องจากฝ่ายไทยมีความหวาดระแวงเกรงภัย
คุกคามจากชาติตะวันตก และยังไม่เห็นถึงความสำคัญของการค้าขายกับชาติตะวันตกมากนัก
2. ประเทศสำคัญ 3 ประเทศที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทย ได้แก่ โปรตุเกส อังกฤษและ
สหรัฐอเมริกา สินค้าที่ไทยต้องการจากประเทศตะวันตกมากที่สุดในขณะนั้น คือ อาวุธปืน
การเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาของประเทศตะวันตก
สำเนาสนธิสัญญาเบอร์นี่
สนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชย์ฉบับแรกที่ กรุงรัตนโกสินทร์
1.การขอแก้ไขสนธิสัญญาของประเทศสหรัฐอเมริกา ใน พ.ศ. 2393 โจเซฟ บัลเลสเตียร์
เป็นทูตอเมริกัน เข้ามาเจรจาขอแก้ไขสนธิสัญญาที่ทำไว้กับไทย เช่น ขอลดอัตราภาษีปากเรือ
ขอให้ไทยยกเลิกระบบผูกขาดการค้า และเสนอขอตั้งสถานกงสุลอเมริกันในเมืองไทย เป็นต้น
แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
2.การเจรจาขอแก้ไขสนธิสัญญาของรัฐบาลอังกฤษ ใน พ.ศ. 2393 อังกฤษได้แต่งตั้งให้
เซอร์เจมส์ บรุค เดินทางเข้ามาเจรจาขอแก้ไขสนธิสัญญาเบอร์นีที่ทำไว้กับไทยเช่นเดียวกัน
เช่น ขอให้ลดภาษีปากเรือ และขอให้ไทยยกเลิกระบบผูกขาดการค้า ให้ซื้อขายสินค้ากันได้โดย
เสรี เป็นต้น แต่ก็ไม่บรรลุข้อตกลงเช่นเดียวกัน
3.สาเหตุที่การเจรจาขอแก้ไขสนธิสัญญาของอังกฤษและสหรัฐอเมริกาต้องล้มเหลว
เนื่องจากรัฐบาลไทย ในตอนปลายสมัยรัชกาลที่ 3 ดำเนินนโยบายต่อประเทศตะวันตกอย่าง
ระมัดระวังรอบคอบยิ่งขึ้น
4.ผลของการเจรจาที่ล้มเหลว เซอร์เจมส์ บรุค เป็นทูตอังกฤษคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้ง
จากรัฐบาลอังกฤษโดยตรง มิใช่ทูตที่ส่งมาจากผู้สำเร็จราชการที่อินเดียเหมือนคนก่อนๆ ได้
เสนอให้รัฐบาลอังกฤษใช้นโยบายเรือปืนบีบบังคับไทยในการเจรจาครั้งต่อไป
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
13
กรุงรัตนโกสินทร์ สมัยปฏิรูปบ้านเมือง รัชกาลที่ 4-5
สังคมวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ยุคปฏิรูปบ้านเมือง
การปรับปรุงทางด้านสงคมในสมัยรัชกาลที่ 4 (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นช่วงเวลาที่ชาวไทย เริ่มมีการปรับตัวทางด้านสังคมและวัฒนธรรมให้เข้า
กับขนบธรรมเนียมประเพณีทางตะวันตก ภายหลังจากที่ไทยทาสนธิสัญญาทางการค้ากับชาว
ตะวันตก
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สาคัญในสมัยรัชกาลที่ 4
• อนุญาตให้ไพร่เสียเงินแทนการถูกเกณฑ์แรงงานเข้ารับ
ราชการ
• ให้เสรีภาพแก่สตรีที่บรรลุนิติภาวะในการเลือกคู่ครองโดยพ่อ
แม่จะบังคับไม่ได้
• ห้ามพ่อแม่ขายบุตรเป็นทาส
• ห้ามสามีขายภรรยาเป็นทาสโดยเจ้าตัวไม่สมัครใจ
• ให้นางแอนนา เลียวโนเวนส์ ชาวอังกฤษ ไปสอนภาษา
อังกฤษให้กับพระราชโอรสและธิดา
• โปรดให้สตรีคณะมิชชันนารีผู้สอนศาสนาคริสต์เข้าไปสอน
ภาษาอังกฤษให้สตรีในราชสานัก
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 4)
การปรับปรุงประเพณีและวัฒนธรรมในสมัยรัชกาลที่ 4
1. ประกาศให้ข้าราชการสวมเสื้ อเวลาเข้าเฝ้า
2. โปรดให้สร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขึ้น เพื่อเป็นของที่พระมหากษัตริย์พระราชทาน เป็น
บำเหน็จรางวัลแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการไทย และชาวต่างประเทศ
3. ทรงเปลี่ยนแปลงพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยพระองค์ทรงร่วมเสวยด้วย
4. ฟื้ นฟูประเพณีการตีกลองร้องฎีกา เพื่อให้ทราบถึงทุกข์สุขของราษฎรโดยจะเสด็จ
ออกมารับฎีกาด้วยพระองค์เอง ทุกวันโกณ เดือนละ 4 ครั้ง
5. ให้เสรีภาพแก่ประชาชนในการเลือกนับถือศาสนา
6. ให้เสรีภาพแก่ประชาชนในการเลือกประกอบอาชีพ
7. กำหนดให้ วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม เป็นวัดประจำรัชกาล ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงสร้าง
ขึ้นในเขตกรุงเทพมหานคร
8. รัชกาลที่ 4 ทรงก่อตั้งธรรมยุตินิกาย เมื่อครั้งยังผนวชที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร ในสมัย
รัชกาลที่ 3
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
14
การเลิกระบบไพร่
เป็นไปอย่างเป็นขั้นตอน คือ ให้ไพร่หลวงเสียเงินแทนการเข้าเวรรับราชการ
ออกพระราชบัญญัติลักษณะการเกณฑ์ทหารแทน โดยกำหนดให้ชายฉกรรจ์ทุกคนที่มีอายุ
ครบ 18 ปีบริบูรณ์จะต้องเข้ารับราชการทหาร (ต่อมาเปลี่ยนเป็น 20 ปี)
ขั้นตอนการเลิกทาสของรัชกาลที่ 5
1. ทรงตราพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไท พุทธศักราช 2417 ความว่า
“ลูกทาสที่เกิดตั้งแต่ปีมะโรง พ.ศ.2411 อันเป็นปีที่รัชกาลที่ 5 เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นต้นมา
ให้มีค่าตัวใหม่และ จะมีค่าตัวเมื่ออายุ 8 ปี ชายจะมีค่าตัวสูงสุด 32 บาท หญิงจะมีค่าตัวสูงสุด
28 บาท หลังจากนั้นแล้วค่าตัวจะลดลงทุกทีจนหมดค่าตัวเมื่ออายุ 21 ปี”
2. ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซื้อลูกทาสที่อยู่กับนายเงินเพียงคนเดียวมา
25 ปี ให้เป็นอิสระ ไถ่ทาสได้ทั้งหมด 44 คน
3. ในพ.ศ.2443 ทรงออกพระราชบัญญัติทาสมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือ ร.ศ.119 ขึ้น มี
จุดประสงค์เพื่อให้ทาสในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ลาปาง ลาพูน แพร่ น่าน มีโอกาสไถ่ถอนเป็น
อิสระได้ง่ายขึ้น และเป็นอิสระได้เมื่อมีอายุ 60 ปี
4. ใน พ.ศ.2447 ทรงตราพระราชบัญญัติลักษณะทาสมณฑลบูรพา ร.ศ.123 ขึ้น ให้นาย
เงินลดค่าตัวทาสลงเดือนละ 4 บาท ทุกเดือนไปจนกว่าจะหมดค่าตัว ส่วนบรรดาลูกทาสให้นับ
เป็นไททั้งหมด
5. ในพ.ศ.2448 ทรงตราพระราชบัญญัติทาสรัตนโกสินทร์ศก ร.ศ.124 กาหนดให้
5.1 ให้ลูกทาสทุกระดับอายุเป็นไทโดยทันทีทั้งหมด
5.2 ให้ทาสชนิดอื่นๆ ได้ลดค่าตัวลงเดือนละ 4 บาท ทุกเดือนไปจนหมดค่าตัว
ทาสในสมัยรัชกาลที่ 5
ตัวอย่างหนังสือซื้อขายทาสในสมัยรัชกาลที่ 5
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
15
การปรับปรุงด้านสาธารณสุขในสมัยรัชกาลที่ 5
การสุขาภิบาล สมัยรัชกาลที่ 5
ปี พ.ศ.2413 มีประกาศห้ามราษฎรทิ้งของโสโครกลงในคลอง
ปี พ.ศ.2440 ตั้งกรมสุขาภิบาล ในกระทรวงนครบาล
ปี พ.ศ.2448 ขยายกิจการสุขาภิบาลไปยังหัวเมือง จัดการควบคุมโรคติดต่อต่างๆ
ได้แก่ โรคอหิวาตกโรค โรคฝีดาษ (ไข้ทรพิษ) โรคหัด กามโรค
การตั้งโรงพยาบาล
โรงพยาบาลแห่งแรกตั้งขึ้นที่ริมคลองบางกอกน้อย เรียกว่า โรงพยาบาลวังหลัง
ต่อมารัชกาลที่ 5 พระราชทานนามใหม่ว่า “โรงศิริราชพยาบาล” เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ เจ้าฟ้า
ศิริราชกกุธภัณฑ์ เป็นพระราชโอรส ซึ่งประชวรสิ้นพระชนม์เนื่องจาก ขาดแคลนด้านการ
พยาบาล
ปี พ.ศ.2431 ตั้งกรมพยาบาล
ปี พ.ศ.2436 ตั้งสภาอุณาโลมแดง ปัจจุบันคือ สภากาชาดไทย
ปี พ.ศ.2445 ตั้งโอสถศาลา (โรงงานเภสัชกร)
โรงพยาบาลศิริราชในสมัยรัชกาลที่ 5
การตั้งโรงเรียนแพทย์
รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯให้เปิดโรงเรียนแพทย์
ขึ้นในโรงพยาบาลศิริราช ในปี พ.ศ.2432 มีชื่อ เรียกว่า
โรงเรียนแพทยากร ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ราชแพทยาลัย
ปัจจุบันคือ คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาลของ
มหาวิทยาลัยมหิดล
นักเรียนราชแพทยาลัย เครื่องแต่งการนักเรียนราชแพทยาลัย
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
16
การปรับปรุงประเพณีวัฒนธรรม สมัยรัชกาลที่ 5
1. การเปลี่ยนแปลงประเพณีการสืบสันตติวงศ์ รัชกาลที่ 5 โปรดให้ยกเลิกตาแหน่ง วัง
หน้า (พระมหาอุปราช) และทรงสถาปนาตำแหน่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราช
กุมารแทน
2. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการแต่งกาย ทรงผม
โปรดให้ชายไทยในราชสานัก เลิกไว้ผมทรงมหาดไทย เปลี่ยนเป็นไว้ผมตัดยาวทั้ง
ศีรษะอย่างฝรั่ง ผู้หญิงโปรดให้เลิกไว้ผมปีก ให้ไว้ผมยาวทรงดอกกระทุ่ม
โปรดให้ชายไทยในราชสานักนุ่งผ้าม่วงสีต่างๆสวมเสื้อราชปะแตน สวมหมวกอย่าง
ยุโรป
โปรดให้ข้าราชการทุกกรมกองแต่งเครื่องแบบ นุ่งกางเกงอย่างทหารในยุโรปแทน
โจงกระเบน
การแต่งกายสตรีเริ่มเปลี่ยนแปลงหลังจากรัชกาลที่ 5 กลับจากประพาสยุโรป ครั้งที่2
โดยสตรีไทยนิยมสวมเสื้อของอังกฤษ คือ เสื้อคอตั้งแขนยาว ต้นแขนพองคล้ายขาหมูแฮม
ทรงมหาดไทย ทรงผมปีก ทรงดอกกระทุ่ม
การแต่งกายของชายหญิง สมัยรัชกาลที่ 5
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
17
3. การเปลี่ยนแปลงประเพณีการเข้าเฝ้า รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้ยกเลิกประเพณีการ
หมอบคลานในเวลาเข้าเฝ้า แต่ให้ใช้วิธีถวายคานับแทนและให้นั่งเก้าอี้ ไม่ต้องนั่งกับพื้น
4. การใช้ศักราชและวันทางสุริยคติในทางราชการ รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้ใช้ ร.ศ.
(รัตนโกสินทร์ศก) แทน จ.ศ. (จุลศักราช) ซึ่งใช้มาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเริ่มใช้ ร.ศ.ตั้งแต่วัน
ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2431 เป็นต้นไป เริ่ม ร.ศ.1 ตั้งแต่ปี 2325 ซึ่งเป็นปีที่สถาปนากรุง
รัตนโกสินทร์
5. รัชกาลที่ 5 โปรดให้ยกเลิกการโกนผมเมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จสวรรคต
6. รัชกาลที่ 5 โปรดให้ยกเลิกการไต่สวนแบบจารีตนครบาล
7. รัชกาลที่ 5 ประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองสงฆ์ร.ศ.121มีสมเด็จพระ
สังฆราชเป็นองค์ประมุข
8. รัชกาลที่ 5 ทรงจัดตั้งมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และมกุฎราชวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย มกุฎราชวิทยาลัย
9. วัดประจารัชกาลที่ 5 คือ วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม
10. รัชกาลที่5อนุญาตให้ชาวต่างประเทศนั่งร่วมโต๊ะเสวยได้ในช่วงวันเฉลิม
พระชนมพรรษา
11. รัชกาลที่ 5 ทรงเริ่มการเสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนตามชนบท เรียกว่า “การเสด็จ
ประพาสต้น”
12. รัชกาลที่ 5 ทรงอนุญาตให้ราษฎรเข้าเฝ้าเวลาเสด็จพระราชดาเนินผ่านและไม่ตอง
ปิดประตูหน้าต่าง
การประพาสต้นของรัชกาลที่5
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5
18
การปรับปรุงด้านการศึกษาสมัยรัชกาลที่ 5
1. โรงเรียนสตรีแห่งแรก มีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 คือ
โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ตั้งโดยแหม่มเฮาส์ ปี พ.ศ.2417
ตั้งอยู่ในบริเวณโรงพยาบาลศิริราช
แหม่มเฮ้าส์
2. มีการตั้งโรงเรียนในต่างจังหวัดที่สาคัญได้แก่ โรงเรียนปรินซ์รอแยลวิทยาลัยดารา
วิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียนผดุงราษฎร์ จังหวัดพิษณุโลก โรงเรียนอรุณประดิษฐ์
จังหวัดเพชรบุรี
3. รัชกาลที่ 5 ทรงปฏิรูปการศึกษา เพราะต้องการสร้างคนที่มีความรู้เพื่อเข้ารับราชการ
ในกระทรวงต่างๆ ที่ทรงปรับปรุงใหม่ โดยตั้งโรงเรียนหลวงแห่งแรก คือ โรงเรียนนายทหาร
มหาดเล็ก เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2414 โดยพระราชทานเสื้อผ้า อาหารกลางวันให้แก่นักเรียน
ครูก็ได้รับค่าจ้าง ต่อมาได้พระราชทานพระตำหนักเดิมที่สวนกุหลาบ ทางตะวันออกเฉียงใต้
ของพระบรมมหาราชวังให้เป็นที่เรียนพระราชทานนามว่า โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ
โดยมีพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นอาจารย์ใหญ่
โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ
4. รัชกาลที่ 5 ทรงปฏิรูปการศึกษาเพราะ การเลิกทาส ทาให้ทาสเป็นไทเพื่อเป็นการวาง
รากฐานไม่ให้คนพวกนี้กลับไปเป็นทาสอีก ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อ การพัฒนาประเทศ จึงโปรด
ให้ตั้งโรงเรียนสาหรับราษฎรขึ้นแห่งแรก คือ “โรงเรียนวัดมหรรณพาราม” ในปี พ.ศ.2427
เพื่อให้ทุกคนได้รับการศึกษาและ นาไปประกอบอาชีพได้
5. รัชกาลที่ 5 โปรดฯให้ใช้แบบเรียน 6 เล่ม ที่พระยาศรีสุนทรโวหาร แต่งขึ้นใหม่
6. ปี พ.ศ.2430 จัดตั้งกรมศึกษาธิการ รับผิดชอบด้านการศึกษาโดยเฉพาะและเปลี่ยนมา
ใช้แบบเรียนเร็วของกรมหมื่นดารงราชานุภาพ
7. มีการประกาศใช้โครงการศึกษาชาติ
8. รัชกาลที่ 5 โปรดฯให้มีการสอบชิงทุนเล่าเรียนหลวงขึ้น เรียกว่า “คิงสกอลาชิป” ตั้งแต่
ปี พ.ศ.2440 เป็นประจาทุกๆปี ปีละ 2 คน ส่งไปศึกษายังทวีปยุโรป หรืออเมริก
• ประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร รัชกาลที่ 1-5