The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติการศึกษาและการผลิตครูในสังคมไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

039 ภาณุวัฒน์_ 233 อริศณา

ประวัติการศึกษาและการผลิตครูในสังคมไทย

E-BOOK

ประวตั ิการศึกษา
และการผลิตครูในสังคมไทย

คํานาํ

รายงานฉบบั นีเปนสว่ นหนึงของรายวชิ าปรชั ญาการศึกษาและพฒั นา
วชิ าชพี ครู (ED113) หนังสอื อิเล็กทรอนิคเรอื งประวตั ิการศึกษาและการ
ผลิตครใู นสงั คมไทยเล่มนีจดั ทําขนึ เพอื เผยแพรใ่ หผ้ อู้ ่านได้รบั ความรูเ้ กียว
กับความหมายของทีมาประวตั ิการศึกษาและการผลิตครูในสงั คมไทย ขอ
ขอบคณุ อาจารยผ์ สู้ อน ทีใหค้ วามรู้ ใหข้ อ้ มูลต่างๆ ทีสาํ คัญและเอกสารใน
การทําหนังสอื อิเล็กทรอนิคเล่มนี ทําใหก้ ารทําหนังสอื อิเล็กทรอนิคครงั นี
สาํ เรจ็ ลลุ ่วงไปด้วยดี

คณะผจู้ ดั ทําคาดหวงั เปนอยา่ งยงิ วา่ ผอู้ ่านจะสามารถเขา้ ใจสอื หนังสอื
อิเล็กทรอนิคเรอื งประวตั ิ การศึกษาและการผลิตครใู นสงั คมไทย สามารถ
ทําความเขา้ ใจได้ง่ายและสามารถนําความรูท้ ีไดร้ บั มาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ
ประจาํ วนั ได้ หากเกิดขอ้ ผดิ พลาดประการใด ทางคณะผจู้ ดั ทําต้องขออภัย
มา ณ ทีนี

คณะผจู้ ดั ทํา

สารบัญ

หัวขอ้ หน้า
1
การศึกษาของไทยสมยั ปฏิรปู การศึกษา 2
ปจจยั ทีมผี ลในการปฏิรูปการศึกษา 4
การจดั ตังสถานศึกษาในสมยั รชั การที 5 10
การศึกษาไทยในปจจุบนั 11
แผนการศึกษาแหง่ ชาติฉบบั ปรบั ปรุง 14
พระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ
และพระราชบญั ญัติการศึกษาภาคบงั คับ 24
อ้างอิง
คณะผจู้ ดั ทํา

การศกึ ษาของไทยสมยั ปฏริ ปู การศกึ ษา
(พ.ศ. 2412 พ.ศ. 2475)

มุ่งให้คนเข้ารับราชการและมีความรู้ทัดเทียมฝรัง (แบ่งออกเปน 3 ช่วง ดังนี )

2.1 การศึกษาในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั

หลังจากทีพระองค์ไดค้ รองราชยแ์ ล้วก็ไดท้ รงปรบั ปรงุ ประเทศให้
เจรญิ รงุ่ เรอื งในทกุ ๆ ดา้ น ทังในดา้ นการปกครอง การศาลกาคคมนาคม
และสาธารณสขุ เปนต้น โดยเฉพาะดา้ นการศึกษานนั พระองค์ไดท้ รง
ตระหนกั เพอื ปรบั ปรงุ คนในประเทศใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถจะชว่ ยให้
ประเทศชาติมคี วามเจรญิ ก้าวหนา้ ในทกุ ๆดา้ น ดงั พระราชดาํ รสั ทีวา่ วชิ า
หนงั สอื เปนวชิ าทีนา่ นบั ถือและเปนทีนา่ สรรเสรญิ มาแต่โบราณวา่ เปนวชิ า
อยา่ งประเสรฐิ ซงึ ผยู้ งิ ใหญน่ บั แต่ พระมหากษัตรยิ เ์ ปนต้นมาตลอดจน
ราษฎรพลเมอื งสมควรและจาํ เปนจะต้องรเู้ พราะเปนวชิ าทีอาจทําใหก้ าร
ทังปวงสาํ เรจ็ ในทกุ สงิ ทกุ อยา่ งการทีพระองค์ทรงเหน็ ความสาํ คัญของ
การศึกษา จงึ ไดม้ กี ารจดั การศึกษาอยา่ งมรี ะเบยี บแบบแผน(Formal
education) มโี ครงการศึกษาชาติ มโี รงเรยี นเกิดขนึ ในวงั และในวดั
มกี ารกําหนดวชิ าทีเรยี นมกี ารเรยี นการสอบไล่ และมที นุ เล่าเรยี นหลวงให้
ไปศึกษาวชิ า ณ ต่างประเทศ

1

ปจจยั ทมี ผี ลในการปฏริ ปู การศกึ ษา

1. แนวคิดและวทิ ยาการต่างๆของชาติตะวนั ตก ซงึ คณะมชิ ชนั มารไี ดน้ ํา
วทิ ยาการเขา้ มาเผยแพรใ่ นด้านการแพทยก์ ารพมิ พห์ นังสอื และระบบโรงเรยี น
ของพวกสอนศาสนา ตังแต่สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนังเกล้าเจา้ อยูห่ วั และผระ
บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั สบื เนืองมาถึงในสมยั นีเปนเหตใุ หไ้ ทยต้อง
รบั และปรบั ปรงุ แนวคิดในการจดั การศึกษาขนึ เพอื ประโยชน์ในการพฒั นา
ประเทศ

2. ภัยจากการคมุ คามของประเทศมหาอํานาจในต้นครสิ ต์ศตวรรษที
19หรอื ปลายพุทธศตวรรษที 24 ลัทธจิ กั รพรรดินิยมกําลังแผข่ ยายมายงั
ประเทศต่างๆ ในเอเชยี ซงึ ประเทศเพอื นบา้ นเชน่ พมา่ ญวน เขมรและมลายู
เปนต้น ต่างตกอยูภ่ ายใต้การปกครองของประเทศมหาอํานาจ สว่ น
ประเทศไทยมจี ุดอ่อนทังในเรอื งความล้าหลังระบบการปกครองและการ
กําหนดเขตแดนทีชดั เจนพระองค์จงึ ทรงหว่ งใยบา้ นเมอื ง จงึ ดําเนินนโยบาย
ต่างประเทศแบบประณีตประนอมและเรง่ ปรบั ปรุงประเทศโดยเน้นการ ศึกษา
ของชาติ

3. ความต้องการบุคคลทีมคี วามรูค้ วามสามารถเขา้ มารบั ราชการ
เนืองจากพระองค์ทรงปรบั ปรุงและขยายงานในสว่ นราชการต่างๆ จงึ จาํ เปน
ต้องจดั ตังโรงเรยี นเพอื สอนคนใหเ้ ขา้ มารบั ราชการ

2

ปจจยั ทมี ผี ลในการปฏริ ปู การศกึ ษา

4. โครงสรา้ งของสงั คมไทยไดม้ กี ารเปลียนแปลงโดยมกี ารเลิกทาสและ
มกี ารติดต่อกับต่างประเทศมากขนึ วฒั นธรรมแบบอยา่ งตะวนั ตกไดแ้ พร่
หลายจงึ จาํ เปนต้องการปรบั ปรงุ การศึกษาเพอื ใหป้ ระชาชนได้รบั การศึกษา
เพมิ ขนึ

5. การทีพระองค์ได้เสด็จต่างประเทศทังในเอเชยี และยุโรปทําใหไ้ ดแ้ นว
ความคิดเพอื นํามาปฏิรูปการศึกษาและใชเ้ ปนแนวทางพฒั นาบา้ นเมอื ง

3

การจดั ตงั สถานศกึ ษาในสมยั รชั การที 5

การจดั ตังสถานศึกษาป พ.ศ. 2414 จดั ตังโรงเรยี นหลวงขนึ ในพระบรม
มหาราชวงั เพอื ฝกคนใหเ้ ขา้ รบั ราชการมพี ระยาศรสี นุ ทรโวหาร (น้อย อาจารยิ า
งกรู )ในขณะนันเปนหลวงสารประเสรฐิ เปนอาจารยใ์ หญ่ โดยมกี ารสอนหนังสอื
ไทย การคิดเลขและขนบธรรมเนยี มราชการนอกจากมกี ารจดั ตังโรงเรยี น
หลวงสาํ หรบั สอนภาษาอังกฤษในพระบรมมหาราชวงั เกิดจากแรงผลักดัน
ทางการเมอื งทีสง่ ผลใหไ้ ทยต้องเรยี นรูภ้ าษาอังกฤษเพอื จะไดเ้ จรจากับ
มหาอํานาจตะวนั ตก และมกี ารสง่ นักเรยี นไทยไปศึกษาวชิ าครทู ีประเทศ
อังกฤษปพ.ศ. 2423 จดั ตังโรงเรยี นสนุ ันทาลัยในพระบรมมหาราชวงั เปน
โรงเรยี นสตรี ป พ.ศ.2424 ปรบั ปรุงโรงเรยี นพระตําหนักสวนกหุ ลาบใหเ้ ปน
โรงเรยี นนายทหารมหาดเล็กต่อมาไดก้ ลายเปนโรงเรยี นขา้ ราชการพลเรอื น
ในป พ.ศ. 2453 และป พ.ศ. 2459 ไดต้ ังเปนจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัยป
พ.ศ. 2425 จดั ตังโรงเรยี นแผนทีและในปพ.ศ.2427 จดั ตังโรงเรยี นหลวง
สาํ หรบั ราษฎรขนึ ตามวดั ในกรุงเทพมหานครหลายแหง่ และแหง่ แรกคือ โรง
เรยี นมหรรณพาราม ป พ.ศ. 2432 ตังโรงเรยี นแพทยข์ นึ เรยี กวา่ โรงเรยี น
แพทยากรตังอยูท่ ีรมิ แมน่ ําหนา้ โรงพยาบาลศิรริ าชใชเ้ ปนทีสอนวชิ าแพทย์
แผนปจจุบนั ป พ.ศ. 2435 จดั ตังโรงเรยี นมูลศึกษาขนึ ในวดั ทัวไปทังใน
กรงุ เทพและหวั เมอื งโดยประสงค์จะขยายการศึกษาเล่า เรยี นหนังสอื ไทยให้
แพรห่ ลายเปนแบบแผนยงิ ขนึ และตังโรงเรยี นฝกหดั ครเู ปนแหง่ แรกทีตําบล
โรงเลียง เด็กต่อมายา้ ยไปอยูท่ ีวดั เทพศิรนิ ทราวาส ป พ.ศ. 2437 นักเรยี น
ฝกหดั ครูชุดแรก 3 คนสาํ เรจ็ การศึกษาไดร้ บั ประกาศนียบตั รเปนครสู อนภาษา
ไทยและภาษาอังกฤษป พ.ศ. 2449 ยา้ ยโรงเรยี นฝกหดั ครูซงึ ตังอยูท่ ีวดั เทพ
ศิรทิ ราวาส ไป รวมกับโรงเรยี นฝกหดั ครฝู งตะวนั ตก(บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา)
ปรบั ปรุงหลักสตู รใหส้ งู ขนึ เปน โรงเรยี นฝกหดั อาจารยส์ อนหลักสตู ร 2 ป
รบั นักเรยี นทีสาํ เรจ็ มธั ยมศึกษาป พ.ศ. 2456 ตังโรงเรยี นฝกหดั ครหู ญิงขนึ
เปนครงั แรกทีโรงเรยี นเบญจมราชาลัย

4

การจดั ตงั สถานศกึ ษาในสมยั รชั การที 5

การบรหิ ารการศึกษาเมอื จาํ นวนโรงเรยี นเพมิ มากขนึ จงึ จาํ เปนต้องมี
หน่วยงานรบั ผดิ ชอบการศึกษาเปนสว่ นหนึงต่างหากเชน่ ป พ.ศ. 2430 ทรง
โปรดเกล้า ฯ ใหต้ ังกรมศึกษาธกิ ารโดนโอนโรงเรยี นทีสงั กัดกรมทหาร
มหาดเล็กมาทังหมดใหก้ รมหมนื ดาํ รงราชานุภาพเปนผบู้ ญั ชาการอีกตําแหน่ง
หนึง ป พ.ศ. 2432รวมกรมศึกษาธกิ ารเขา้ ไปอยูใ่ นบงั คับบญั ชาของกรม
ธรรมการ และ ปพ.ศ. 2435ประกาศตังกระทรวงธรรมการ มเี จา้ พระยาภาสกร
วงศ์(พร บุนนาค) เปนเสนาบดี มหี น้าที ในการจดั การศึกษา การพยาบาล
พพิ ธิ ภัณฑ์และศาสนาการจดั แบบเรยี นหลักสตู รและการสอบไล่ป พ.ศ. 2414
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯใหพ้ ระยาศรสี นุ ทรโวหาร(น้อย อาจารยิ างกรู ) เรยี บ
เรยี งแบบเรยี นหลวงขนึ 1 เล่มชุดมูลบรรพกิจ เพอื ใชเ้ ปนบทหลักสตู รวชิ าชนั
ต้นป พ.ศ. 2427 กําหนดหลักสตู รชนั ประโยคหนึงโดยอนุโลมตามแบบเรยี น
หลวงหกเล่ม นับเปนปแรกทีจดั ใหม้ กี ารสอบไล่วชิ าสามญั และมกี ารกําหนด
หลักสตู รชนั ประโยคสอง ซงึ เปนหลักสตู รทีเกียวกับวชิ าสามญั ศึกษา
หมายถึง ความรูต้ ่าง ๆ ทีต้องการใชส้ าํ หรบั เสมยี นในราชการพลเรอื นตาม
กระทรวงต่างๆป พ.ศ. 2431 กรมศึกษาธกิ าร จดั ทําแบบเรยี นเรว็ ใชแ้ ทนแบบ
เรยี นหลวงชุดเดิมผแู้ ต่งคือ พระองค์เจา้ ดิศวรกมุ าร (กรมพระยาดํารงราชานุ
ภาพ) 1 ชุด มี 3 เล่ม ปพ.ศ. 2433 ประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัติวชิ า พ.ศ. 2433
มผี ลทําใหห้ ลักสตู รภาษาไทยแบง่ ออกเปน3 ประโยค หลักสตู รภาษาอังกฤษ
แบง่ ออกเปน 6 ชนั ป พ.ศ. 2434ได้แก้ไขการสอบไล่จากเดมิ ปละครงั เปนปละ
2ครงั เพอื ไมใ่ หน้ ักเรยี นเสยี เวลานานเกินไป

5

2.2 การศกึ ษาในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็
พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั

ปจจัยทีมีอิทธพิ ลต่อการจัดการศึกษา มีดังนี

1. พระบรมราชาโชบายในการปกครองประเทศเพอื ใหป้ ระเทศมคี วาม
เจรญิ ก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาประเทศโดยการสง่ ทหารไปรว่ มกับฝาย
สมั พนั ธมติ รในสงครามโลกครงั ที 1 นอกจากนีพระองค์ทรงสรา้ งความรูส้ กึ
ชาตินิยมในหมูป่ ระชาชนชาวไทยโดยมสี าระสาํ คัญของอุดมการณ์ชาตินิยมคือ
ความรกั ชาติ ความจงรกั ภักดีต่อพระมหากษัตรยิ แ์ ละความยดึ มนั ในพุทธ
ศาสนา

2. พระองค์ทรงศึกษาวชิ าการจากต่างประเทศและเมอื เสด็จกลับมาแล้ว
พระองค์ได้ทรงนําเอาแบบอยา่ งและวธิ กี ารทีเปนประโยชน์มาใชเ้ ปนหลักในการ
ปรบั ปรุงการศึกษาเชน่ ทรงนําเอาแบบอยา่ งและวธิ กี ารทีเปนประโยชน์มาใช้
เปนหลักในการปรบั ปรงุ การศึกษาเชน่ ทรงนําเอาวชิ าลกู เสอื จากประเทศ
อังกฤษเขา้ มาจดั ตังกองเสอื ปาพระองค์ทรงเปนนักปราชญ์โดย ทรงแปล
วรรณคดีต่างประเทศเปนภาษาไทยและทรงนิพนธว์ รรณคดีไวห้ ลายเรอื ง

3. ผลอันเนืองจากการจดั การศึกษาในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระ
จุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั เมอื คนสว่ นมากทีได้รบั การศึกษามคี วามรูแ้ ละแนวคิด
เกียวกับการปกครองประเทศในระบอบรฐั ธรรมนูญในระบบรฐั สภาจงึ มคี วาม
ปรารถนาจะเปลียนแปลงการปกครองไปเปนระบอบประชาธปิ ไตย และปญหา
อันเกิดจากคนล้นงานและคนละทิงอาชพี และถินฐานเดิมมุง่ ทีจะหนั เขา้ สอู่ าชพี
ราชการมาก
เกินไป

6

ววิ ฒั นาการในการจดั การศกึ ษา มดี งั นี

ปพ.ศ. 2453 ประกาศตังโรงเรยี นขา้ ราชการพลเรอื นเพอื ฝกคนเขา้ รบั
ราชการตามกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ และต่อมาป พ.ศ. 2459 ได้ประกาศยก
ฐานะโรงเรยี นขา้ ราชการพลเรอื นนี ขนึ เปนจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัยนับเปน
มหาวทิ ยาลัยแหง่ แรกของประเทศไทยป พ.ศ. 2454 ตังกองลกู เสอื หรอื เสอื ปา
ขนึ เปนครงั แรกโครงการศึกษาพ.ศ. 2456 และฉบบั แก้ไข พ.ศ. 2458 โดยมุง่
ใหป้ ระชาชนมคี วามรูท้ างดา้ นการทํามาหาเลียงชพี ตามอัตภาพของตน
พยายามทีจะเปลียนค่านิยมของประชาชนไมใ่ หม้ ุง่ ทีจะเขา้ รบั ราชการอยา่ งเดียว
ป พ.ศ. 2459 จดั ตังกองลกู เสอื หญิงและอนุกาชาดโรงเรยี นกลุ สตรวี งั หลัง
และได้จดั ตังกองลกู เสอื หญิงขนึ เรยี กวา่ เนตรนารี ป พ.ศ. 2461 มกี าร
ปรบั ปรงุ และขยายฝกหดั ครขู นึ โดยโอนกลับมาขนึ กับกระทรวงศึกษาธกิ าร
ซงึ เดิมเปนแผนกหนึงของโรงเรยี นขา้ ราชการพลเรอื น ป พ.ศ. 2461 ประกาศ
ใชพ้ ระราชบญั ญัติโรงเรยี นราษฎร์ และ ป พ.ศ. 2464 ปรบั ปรงุ โครงการศึกษา
ชาติโดยวางโครงการศึกษาขนึ ใหมเ่ พอื สง่ เสรมิ ใหท้ ํามาหาเลียงชพี
นอกเหนือจากทําราชการ ป พ.ศ. 2464 ใชพ้ ระราชบญั ญัติประถมศึกษาบงั คับ
ใหเ้ ด็กทกุ คนทีมอี ายุ 7 ป บรบิ ูรณ์หรอื ยา่ งเขา้ ปที 8 ใหเ้ รยี นอยูใ่ นโรงเรยี น
จนถึงอายุ 14 ปบรบิ ูรณ์หรอื ยา่ งเขา้ ปที 15 โดยไมต่ ้องเสยี ค่าเล่าเรยี น
และมกี ารเรยี กเก็บเงินศึกษาพลีจากประชาชนคนละ 1- 3 บาทเพอื นําไปใชจ้ า่ ย
ในการจดั ดําเนินการประถมศึกษา

7

2.3 การจดั การศกึ ษาในรชั สมยั
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั

ปจจัยทีมีอิทธพิ ลต่อการจัดการศึกษา มีดังนี

- ปญหาสบื เนอื งจากการประกาศใชก้ ฎหมายการศึกษาคือพระราชบญั ญตั ิ
ประถมศึกษา ทําใหก้ ารศึกษาแพรห่ ลายออกไปแต่ขาดความพรอ้ มทางดา้ นงบ
ประมาณการศึกษา
- ปญหาการเมอื งทีเกิดขนึ ภายในประเทศมกี ล่มุ ผตู้ ืนตัวทางการเมอื งใน
กรงุ เทพมหานครเรยี กรอ้ งใหม้ กี ารเปลียนแปลงทางเศรษฐกิจสงั คมและ
การเมอื ง มกี ารวพิ ากษ์วจิ ารณ์ระบอบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์
- ปญหาสบื เนืองจากอิทธพิ ลจกั รวรรดนิ ยิ มตะวนั ตก ซงึ ตกค้างมาตังแต่
รชั กาลก่อน ๆ
- ปญหาสบื เนืองจากภาวะเศรษฐกิจตกตํา ในระหวา่ ง พ.ศ.2463 - พ.ศ. 2474
เศรษฐกิจของประเทศตกตํา จนเปนเหตใุ หร้ ฐั บาลต้องตัดทอนรายจา่ ยลง
มกี ารยุบหน่วยงานและปลดขา้ ราชการออกสรา้ งความไมพ่ อใจใหก้ ับรฐั บาล
ระบอบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์

8

ววิ ฒั นาการในการจดั การศกึ ษา มดี งั นี

- ป พ.ศ. 2469 เปลียนชอื กระทรวงธรรมการอยา่ งเดมิ
- ป พ.ศ. 2473 ยกเลิกการเก็บเงินศึกษาพลีคนละ 1– 3 บาท จากผชู้ ายทกุ
คนทีมอี ายุระหวา่ ง 16 - 60 ป โดยใชเ้ งินจากกระทรวงพระคลังมหาสมบตั ิ
อุดหนนุ การศึกษาแทน
- ป พ.ศ. 2474 ปรบั ปรงุ กระทรวงธรรมการเพอื ใหส้ อดคล้องกับภาวะ
เศรษฐกิจตกตําของประเทศโดยยุบกรมสามญั ศึกษาในตอนนนั กระทรวง
ธรรมการจงึ มหี นว่ ยงานเพยี ง 3 หนว่ ยคือ กองบญั ชาการ กองตรวจการ
ศึกษากรงุ เทพฯ และกองสขุ าภิบาลโรงเรยี น
- ยกเลิกระเบยี บวา่ ดว้ ยการควบคมุ แบบเรยี น

9

การศึกษาไทยในปจจุบนั

ร ะ บ บ ก า ร ศึ ก ษ า ไ ท ย ป จ จุ บั น ต า ม ที กํา ห น ด ไ ว้ ใ น พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ก า ร
ศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542 แก้ไขเพิมเติม (ฉบับที 2) 2545 สถานศึกษา
สามารถจัดได้ทัง 3 รูปแบบ และให้มีระบบเทียบโอนการเรียนรู้ทังสาม
รูปแบบ โดยพระราชบัญญัติการศึกษาฯ มาตรา 15 กล่าวว่า
การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ ดังนี

1. การศึกษาในระบบ เปนการศึกษาทีกําหนดจุดมุ่งหมาย
วิธีการศึกษาหลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและการ
ประเมินผล ซึงเปนเงือนไขของการสาํ เร็จการศึกษาทีแน่นอน

2. การศึกษานอกระบบ เปนการศึกษาทีมีความยืดหยุ่นใน
การกําหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบวิธีการจัดการศึกษา

3. การศึกษาตามอัธยาศัย เปนการศึกษาทีให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
ด้วยตนเองตามความสนใจศักยภาพ ความพร้อมและโอกาส

การศึกษาในระบบ มี 2 ระดับ ดังนี
(1) การศึกษาขันพืนฐาน
(2) การศึกษาระดับอุ ดมศึกษา

10

แผนการศึกษาแหง่ ชาติ ฉบบั ปรบั ปรงุ
(พ.ศ. 2552 – 2559)

ปรัญชาหลักและกรอบแนวคิด

ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงยึดทางสายกลางอยู่บน
พืนฐานของความสมดุลพอดี รู้จักพอประมาณ อย่างมีเหตุผล มีความ
รอบรู้เท่าทันโลก เพือมุ่งให้เกิดการพัฒนาทียังยืนและความอยู่ดีมีสุข
ของคนไทยเกิดการบูรณาการแบบองค์รวมทียึด “คน” เปนศูนย์กลาง
ของการพัฒนาอย่างมี “ดุลยภาพ” ทังด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
การปกครอง วัฒนธรรม สิงแวดล้อม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
เปนต้น โดยคํานึงถึงการพัฒนาอย่างต่อเนืองตลอดชีวิต

เจตนารมณ์ของแผน

แ ผ น ก า ร ศึ ก ษ า แ ห่ ง ช า ติ มี เ จ ต น า ร ม ณ์ เ พื อ มุ่ ง พั ฒ น า ชี วิ ต ใ ห้ เ ป น
มนุษย์ทีสมบูรณ์ทังทางร่างกาย จิตใจ สติปญญา ความรู้และ
คุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดาํ รงชีวิต
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อืนได้อย่างมีความสุข และพัฒนาสังคมไทยให้เปน
สังคมทีมีความเข้มแข็งและมีดุลยภาพใน
3 ด้าน คือเปนสังคมคุณภาพ สังคมแห่งภูมิปญญาและการเรียนรู้

TOO TRENDY!และสังคมสมานฉันท์และเอืออาทรต่อกัน

11

แผนการศึกษาแหSง่ ชHาOตWิ ฉบSบั TปOรบั PปPรEงุ R

(พ.ศ. 2552 – 2559)

วัตถุประสงค์ของแผน

เพือให้บรรลุตามปรัชญาหลักและเจตนารมณ์ จึงกําหนด
วัตถุประสงค์ของแผนฯ ทีสาํ คัญ 3 ประการ ดังนี

1. พัฒนาคนอย่างรอบด้านและสมดุลเพือเปนฐานหลักของการ
พัฒนา

2. เพือสร้างสังคมไทยให้เปนสังคมคุณธรรม
ภูมิปญญาและการเรียนรู้

3. เพือพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมเพือเปนฐานในการ
พัฒนาคนและสร้างสังคมคุณธรรม ภูมิปญญา และการเรียนรู้

แนวนโยบาย เปาหมายและกรอบการดําเนินงาน

วัตถุประสงค์ 1 พัฒนาคนอย่างรอบด้าน และสมดุล
เพือเปนฐานหลักของการพัฒนาแนวนโยบาย

วัตถุประสงค์ 2 สร้างสังคมไทยให้เปนสังคมคุณธรรม
ภูมิปญญาและการเรียนรู้แนวนโยบาย

วัตถุประสงค์ 3 พัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคม
เพือเปนฐานในการพัฒนาคน และสร้างสังคมคุณธรรม ภูมิปญญาและ
การเรียนรู้ แนวนโยบาย

12

แผนการศึกษาแหSง่ ชHาOตWิ ฉบSบั TปOรบั PปPรEงุ R

(พ.ศ. 2552 – 2559)

การบริหารแผนสู่การปฏิบัติ

แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับนีให้ความสาํ คัญกับการนาํ แผนสู่การ
ปฏิบัติ เพือเปนกลไกขับเคลือนข้อเสนอปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที
สอง ทีเน้นเปาหมาย 3 ด้าน คือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา การ
ขยายโอกาสทางการศึกษา และ
ก า ร ส่ ง เ ส ร ิม ก า ร มี ส่ ว น ร ่ว ม ใ น ก า ร บ ร ิก า ร แ ล ะ จั ด ก า ร ศึ ก ษ า

ระยะที 1 แผนงานรีบด่วน ระหว่างป 2552 — 2554
ใ ห้ มี ก า ร จั ด ทํา แ ผ น เ พื อ พั ฒ น า ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม ป ร ะ เ ด็ น เ ป า ห ม า ย ก า ร
ปฏิรูปการศึกษา ได้แก่

1) แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา
2) แผนขยายโอกาสทางการศึกษา และ
3) แผนส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารและจัดการศึกษา
ระยะที 2 ระหว่างป 2552 — 2559 ให้เร่งดําเนินการตาม
นโยบายทัง 14 ด้านให้บรรลุผลตาม เปาหมายทีกําหนดไว้
และติดตามประเมินผลการดําเนินงานตามแผนฯ เมือสินสุด
น อ ก จ า ก นี ใ ห้ มี ก า ร จั ด ทํา ก ร อ บ ทิ ศ ท า ง ก า ร พั ฒ น า ก า ร ศึ ก ษ า ใ น
ช่วงระยะเวลา 5 ป เพือเปนกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษาใน
ภ า พ ร ว ม แ ล ะ แ ผ น พั ฒ น า ก า ร ศึ ก ษ า แ ต่ ล ะ ร ะ ดั บ / ป ร ะ เ ภ ท ก า ร ศึ ก ษ า ที
ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ แ ผ น ก า ร ศึ ก ษ า แ ห่ ง ช า ติ แ ล ะ แ ผ น พั ฒ น า เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ
สังคมแห่งชาติ

13

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

สาระสาํ คัญของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
และปแก้ไขเพิมเติม (ฉบับที 2) พ.ศ. 2545 (ฉบับที 3) พ.ศ. 2553
และพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545

1. ส่วนบทนาํ มาตรา ๔

ในพระราชบัญญัตินี ได้กําหนดความหมายของคําต่างๆไว้ ดังนี
“การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพือความเจริญ
ง อ ก ง า ม ข อ ง บุ ค ค ล แ ล ะ สั ง ค ม
“การศึกษาขันพืนฐาน” หมายความว่า การศึกษาก่อนระดับ
อุ ดมศึกษา
“การศึกษาตลอดชีวิต” หมายความว่า การศึกษาทีเกิดจากการ
ผสมผสานระหว่างการศึกษา ในระบบ การศึกษานอกระบบและการ
ศึ ก ษ า ต า ม อั ธ ย า ศั ย
“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย วัตถุประสงค์
ใ น ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า
“สถานศึกษาขันพืนฐาน” หมายความว่า สถานศึกษาทีจัดการ
ศึ ก ษ า ขั น พื น ฐ า น
“มาตรฐานการศึกษา” หมายความว่า ข้อกําหนดเกียวกับ
คุณลักษณะ คุณภาพ ทีพึงประสงค์ และมาตรฐานทีต้องการให้เกิดขึน
ใ น ส ถ า น ศึ ก ษ า ทุ ก แ ห่ ง
เปนต้น

14

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

2. หมวด 1 : บททัวไป

หมวดนีเปนเรืองเกียวกับ “ความมุ่งหมายและหลักการ”
กําหนดไว้ตังแต่มาตรา 6 ถึงมาตรา 9 ซึงมีสาระสาํ คัญสรุปดังนี

มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเปนไปเพือพัฒนาคนไทยให้เปน
มนุษย์ทีสมบูรณ์ทังร่างกาย จิตใจ สติปญญา ความรู้ และคุณธรรม
มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดํารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อืนได้
อย่างมีความสุข

มาตรา 7 ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝงจิตสาํ นึกทีถูก
ต้องเกียวกับการเมืองการปกครอง

มาตรา 8 การจัดการศึกษาให้ยึดหลักเปนการศึกษาตลอดชีวิต
สาํ หรับประชาชน

มาตรา 9 การจัดระบบโครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา
ให้ยึดหลักมีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
มีการกระจายอํานาจไปสู่เขตพืนทีการศึกษา มีการกําหนดมาตรฐาน
ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ จั ด ร ะ บ บ ป ร ะ กั น คุ ณ ภ า พ ก า ร ศึ ก ษ า ทุ ก ร ะ ดั บ แ ล ะ ป ร ะ เ ภ ท
การศึกษา มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์
แ ล ะ บุ ค ล า ก ร ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า

15

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

3. หมวด 2 : สิทธิและหน้าทีทางการศึกษา

มาตรา 10 การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาส
เ ส ม อ กั น ใ น ก า ร ร ับ ก า ร ศึ ก ษ า ขั น พื น ฐ า น

มาตรา 11 บิดา มารดาหรือผู้ปกครองมีหน้าทีจัดให้บุตรหรือ
บุคคลซึงอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับตามมาตรา ๑๗
และตามกฎหมายทีเกียวข้อง

มาตรา 8 การจัดการศึกษาให้ยึดหลักเปนการศึกษาตลอดชีวิต
สาํ หรับประชาชน

มาตรา 9 การจัดระบบโครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา
ให้ยึดหลักมีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ

มาตรา 12 นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิน ให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน มีสิทธิในการจัดการศึกษา
ขันพืนฐาน

มาตรา 13 บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีสิทธิได้รับสิทธิ
ประโยชน์ การสนับสนุนจากรัฐ การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี

มาตรา 14 บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กร
เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบัน
สังคมอืน ซึงสนับสนุนหรือจัดการศึกษา
ขันพืนฐานมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ตามควรแก่กรณี

16

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

4. หมวด 3 : ระบบการศึกษา

มาตรา 15 การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาใน
ระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย

มาตรา 16 การศึกษาในระบบมีสองระดับ คือ การศึกษาขันพืน
ฐาน และการศึกษาระดับอุ ดมศึกษา

มาตรา 17 ให้มีการศึกษาภาคบังคับจาํ นวนเก้าป โดยให้เด็กซึง
มี อ า ยุ ย่ า ง เ ข้ า ป ที เ จ็ ด เ ข้ า เ ร ีย น ใ น ส ถ า น ศึ ก ษ า ขั น พื น ฐ า น จ น อ า ยุ ย่ า ง เ ข้ า
ปทีสิบหก

มาตรา 18 การจัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขันพืนฐานให้
จั ด ใ น ส ถ า น ศึ ก ษ า

มาตรา 19 การจัดการศึกษาระดับอุ ดมศึกษาให้จัด
ใoมหาวิทยาลัย สถาบัน วิทยาลัย หรือหน่วยงานทีเรียกชืออย่างอืน

มาตรา 20 การจัดการอาชีวศึกษา การฝกอบรมวิชาชีพ
ให้จัดในสถานศึกษาของรัฐสถานศึกษาของเอกชน สถานประกอบการ

มาตรา 21 กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอืน
ของรัฐ อาจจัดการศึกษาเฉพาะทางตามความต้องการและความ
ชาํ นาญของหน่วยงานนันได้

17

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

5. หมวด 4 : แนวการจัดการศึกษา

มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความ
สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้

มาตรา 23 การจัดการศึกษา ทังการศึกษาในระบบ การศึกษา
นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ต้องเน้นความสาํ คัญทังความรู้
คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้

มาตรา 25 รัฐต้องส่งเสริมการดาํ เนินงานและการจัดตังแหล่ง
การเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์
หอศิลป เปนต้น

มาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณา
จากพัฒนาการของผู้เรียนความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการ
เรียน การร่วมกิจกรรม

มาตรา 27 ให้คณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐานกําหนด
ห ลั ก สู ต ร แ ก น ก ล า ง ก า ร ศึ ก ษ า ขั น พื น ฐ า น เ พื อ ค ว า ม เ ป น ไ ท ย

มาตรา 28 หลักสูตรการศึกษาระดับต่าง ๆ รวมทังหลักสูตรการ
ศึกษาสาํ หรับบุคคลตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี
ต้องมีลักษณะหลากหลาย

มาตรา 29 ให้สถานทีศึกษาร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน
องค์การ สถานประกอบการและสถาบันสังคมอืน ส่งเสริมความเข้ม
แ ข็ ง ข อ ชุ ม ช น โ ด ย จั ด ก ร ะ บ ว น ก า ร เ ร ีย น รู ้ภ า ย ใ น ชุ ม ช น

มาตรา 30 ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนทีมี
ประสิทธิภาพ รวมทังการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพือพัฒนาการ
เ ร ีย น รู ้ที เ ห ม า ะ ส ม กั บ ผู้ เ ร ีย น ใ น แ ต่ ล ะ ร ะ ดั บ ก า ร ศึ ก ษ า

18

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

6. หมวด 5 : การบริหารและการจัดการศึกษา

มาตรา 32 การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวงให้
ม u อ ง ค์ ก ร ห ลั ก ที เ ป น ค ณ ะ บุ ค ค ล ใ น รู ป ส ภ า

มาตรา 33 สภาการศึกษา มีหน้าที
(1) พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติทีบูรณาการศาสนา
ศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬากับการศึกษาทุกระดับ
(2) พิจารณาเสนอนโยบาย
แผน และมาตรฐานการศึกษาเพือดําเนินการให้เปนไปตามแผน
(3) พิจารณาเสนอนโยบายและแผนในการสนับสนุนทรัพยากร
เ พื อ ก า ร ศึ ก ษ า
(4) ดาํ เนินการประเมินผลการจัดการศึกษา
(5) ให้ความเห็นหรือคําแนะนําเกียวกับกฎหมายและกฎกระทรวง
มาตรา 34 คณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน
มีหน้าทีพิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนา มาตรฐานและหลักสูตรการ
แกนกลาง
มาตรา 36 ให้สถานศึกษาของรัฐทีจัดการศึกษาระดับปริญญา
เปนนิติบุคคล และอาจจัดเปนส่วนราชการหรือหน่วยงานในกํากับของ
รัฐ
มาตรา 37 การบริหารและการจัดการศึกษาชันพืนฐาน
ให้ยึดเขตพืนทีการศึกษาโดยคํานึงปริมาณสถานศึกษา จาํ นวน
ประชาชน วัฒนธรรม และความเหมาะสมด้านอืนด้วย
มาตรา 38 กําหนดให้แต่ละเขตมีคณะกรรมกาและสาํ นักงาน
ก า ร ศึ ก ษ า
มาตรา 40 ให้มีคณะกรรมการสถานศึกษาขันพืนฐาน
สถานศึกษาระดับอุ ดมศึกษาระดับตํากว่าปริญญา

19

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

ส่วนที 2 การบริหารและการจัดการศึกษาขององค์กร
ป ก ค ร อ ง ส่ ว น ท้ อ ง ถิ น

มาตรา 41 องค์กรปกครองส่วนท้องถินมีสิทธิจัดการศึกษาใน
ระดับใดระดับหนึงหรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสมและ
ความต้องการภายในท้องถิน

ส่วนที 3 การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชน
มาตรา 43 การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชนให้มี
ความเปนอิสระ โดยมีการกํากับติดตาม การประเมินคุณภาพและ
ม า ต ร ฐ า น ก า ร ศึ ก ษ า จ า ก ร ัฐ
มาตรา 45 ให้สถานศึกษาเอกชนจัดการศึกษาได้ทุกระดับและทุก
ป ร ะ เ ภ ท ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม ที ก ฎ ห ม า ย กํา ห น ด

7. หมวด 6 : มาตรฐานและการประกันคุณภาพ
ก า ร ศึ ก ษ า

มาตรา 47 ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพือพัฒนา
คุณภาพและมาตรฐาน การศึกษาทุกระดับ

มาตรา 48 ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบ
ก า ร ป ร ะ กั น คุ ณ ภ า พ ภ า ย ใ น ส ถ า น ศึ ก ษ า

มาตรา 49 ให้มีสาํ นักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ
การศึกษา มีฐานะเปนองค์การมหาชนทําหน้าทีพัฒนาเกณฑ์

มาตรา 51 ในกรณีทีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใด
ไม่ได้ตามมาตรฐานทีกําหนด ให้สาํ นักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน
คุณภาพการศึกษา จัดทําข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงาน
ต้นสังกัด

20

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

8. หมวด 7 : ครู คณาจารย์ และบุคลากรทาง
ก า ร ศึ ก ษ า

มาตรา 52 ให้กระทรวงส่งเสริมให้มีระบบ กระบวนการผลิต การ
พัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพและ
มาตรฐานทีเหมาะสมกับการเปนวิชาชีพชันสูง

มาตรา 53 ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้
บริหารการศึกษา มีหน้าทีพิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนา
มาตรฐานและหลักสูตรการแกนกลาง

มาตรา 55 ให้มีกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน ค่าตอบแทนสวัสดิการ
และสิทธิประโยชน์เกือกูลอืน สาํ หรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึ ก ษ า

9. หมวด 8 : ทรัพยากรและการลงทุนเพือการ
ศึ ก ษ า

มาตรา 58 ให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบ
ประมาณ การเงิน และทรัพย์สินทังจากรัฐ

มาตรา 59 ให้สถานศึกษาของรัฐทีเปนนิติบุคคล มีอํานาจในการ
ปกครอง ดูแล บาํ รุงรักษาใช้ และจัดหาผลประโยชน์

มาตรา 60 ให้รัฐจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับการศึกษาใน
ฐานะทีมีความสาํ คัญสูงสุดต่อการพัฒนาทียังยืนของประเทศ
โ ด ย จั ด ส ร ร เ ป น เ งิ น ง บ ป ร ะ ม า ณ เ พื อ ก า ร ศึ ก ษ า

21

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

10. หมวด 9 : เทคโนโลยีเพือการศึกษา

มาตรา 63 รัฐต้องจัดสรรคลืนความถี สือตัวนําและโครงสร้าง
พืนฐานอืนๆ ทีจาํ เปนต่อการส่งวิทยุ

มาตรา 64 รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนให้มีการผลิตและพัฒนา
แบบเรียน ตํารา หนังสือทางวิชาการ

มาตรา 67 รัฐต้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและ
พั ฒ น า เ ท ค โ น โ ล ยี เ พื อ ก า ร ศึ ก ษ า
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที 3) พ.ศ. 2553

มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการ
ศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

มาตรา 4 ให้เพิมความต่อไปนีเปนวรรคห้าของมาตรา

38 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

22

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2)

SHOW STOPPERพ.ศ. 2545 (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553

และพระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545

พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี
การศึกษาภาคบังคับ หมายความว่า การศึกษาชันปทีหนึงถึงชันป

ที เ ก้ า ข อ ง ก า ร ศึ ก ษ า ขั น พื น ฐ า น ต า ม ก ฎ ห ม า ย
“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานทีศึกษาทีจัดการศึกษาภาค

บังคับ
“เด็ก” หมายความว่า เด็กซึงมีอายุย่างเข้าปทีเจ็ดจนถึงอายุย่าง

เข้าปทีสิบหก
“คณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน” หมายความว่า คณะ

ก ร ร ม ก า ร ก า ร ศึ ก ษ า ขั น พื น ฐ า น ต า ม ก ฎ ห ม า ย
มาตรา 5 ให้คณะกรรมการตรวจสอบพืนฐานการศึกษา
มาตรา 6 ให้ผู้ปกครองส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษา เมือผู้

ป ก ค ร อ ง ข อ ใ ห้ ส ถ า นี ศึ ก ษ า มี อํา น า จ ผ่ อ น ผั น ใ ห้ เ ด็ ก เ ข้ า ศึ ก ษ า ต า ม อ า ยุ
มาตรา 11 ผู้ใดซึงมิใช่ผู้ปกครอง มีเด็กซึงไม่ได้เข้าเรียนต้อง

แ จ้ ง พ นั ก ง า น ต า ม เ ข ต ศึ ก ษ า
มาตรา 13 ผู้ปกครองทีไม่ปฏิบัติตามมาตรา 6 ต้องระวางโทษ

หรือปรับ
มาตรา 15 ผู้ใดโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรกระทําด้วยประ

ก า ร ใ ด ๆ เ ป น เ ห ตุ เ ด็ ก มิ ไ ด้ เ ร ีย น ส ถ า น ศึ ก ษ า ต้ อ ง ร ะ ว า ง โ ท ษ แ ล ะ ป ร ับ ไ ม่
เกินหนึงหมืนบาท

มาตรา 16 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 หรือแจ้งข้อมูลเท็จต้อง
ระวางโทษและปรับไม่เกินหนึงหมืนบาท

23

อ้าSงHOอWิงSTOPPER

1. เอกสารประกอบการสอนฉบับที 3
2. https://person.mwit.ac.th/01-Statutes/NationalEducation.pdf
3. https://www.ryt9.com/s/cabt/774644
4. https://www.kroobannok.com/3345

24

THANK
YOU

จัดทําโดย

นายภานุวัฒน์ ตุรุไชย์ 63105010039
นางสาวอริศณา พงค์พีระ 63105010233

เสนอ

อาจารย์ ดร.ชนันภรณ์ อารีกุล
วิชา ED113 ปรัชญาการศึกษาและพัฒนาวิชาชีพครู
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ


Click to View FlipBook Version