The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 018 ดิสรณ์ จันทร์เพชร, 2022-01-27 02:03:23

อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต

อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต

อาณาจักรของสงิ่ มชี ีวิต

อาณาจกั ร Monera Archaea : ผนังเซลลไ์ ม่มสี ารเพปทิโดไกลแคน สามารถดํารงอยู่ไดท้ ่ีร้อน หนาว เคม็
อาณาจกั ร Monera แบ่งออกเปน็
กลุม่ ยูริอาร์เคียโอตา ; สร้างกา๊ ซมเี ทน ชอบความเค็มจัด

กลมุ่ ครนี ารเ์ คยี โอ ; ชอบอุณหภูมสิ งู และความเป็นกรดจัด

Bacteria Negative Eubacteria Bacteria Positive • Staphylococus พบบนผิวหนังของคน
• Streptococus lactis ใชท้ ํานมเปร้ยี ว โยเกริ ์ต
• Spirochaete พบในโคลน ทําให้เกดิ โรคในคนแลเละสตั วไ์ ด้
• Escherichia coil อยู่ในลําไส้ อุจจาระ นา้ํ ท้งิ

แบง่ Eubacteria ได้ 5 กลุม่ ดังนี้

1 ) Proteobacteria

เป็นยแู บคทีเรียแกรมลบทีพ่ บมากทีส่ ดุ มกี ระบวนเมแทบอลิซึมท่ีหลากหลาย
Ex. Purple sulfur bacteria สงั เคราะหแ์ สงด้วยโดยใช้ซัลเฟอร์ , Rhizobium sp. ในปมรากพืชตละกลู ถ่ัว ตรึงไนโตรเจน

2 ) Chlamydias

เป็นยแู บคทีเรยี แกรมลบทีเ่ ป็นปรสติ ในเซลล์ กอ่ ใหเ้ กดิ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์
Ex. Neisseria Gonorrhoeae ก่อให้เกิดโรคหนอบในแท้ , Chlamydia trachomatis ก่อให้เกิดโรคหนองในเทียม

3 ) Spirochetes

เปน็ ยูแบคทีเรยี แกรมลบทม่ี ีรูปทรงเกลียว ดํารงชีวิตอยูเ่ ปน็ อสิ ระ
Ex. Treponema sp. ก่อใหเ้ กิดโรคซฟิ ิลิส , Leptospirosis ก่อใหเ้ กดิ โรคฉห่ี นู

4 ) Gram-positive Bacteria

เปน็ ยูแบคทีเรยี แกรมลบทม่ี รี ปู ทรงเกลียว ดาํ รงชวี ติ อยูเ่ ปน็ อสิ ระ
Ex. Lactobacillus sp. ทาํ นมเปรีย้ ว เนย ผกั ดอง , Streptomyces sp. ใชท้ าํ ยาปฎชิ วั นะ , Bacillus sp. สรา้ งเอนโดสปอรท์ ําใหด้ าํ รงชวี ิตได้ดี

Mycoplasma เปน็ เซลล์ทมี่ ีขนาดใหญท่ ่ีสุด 0.2-0.3 ไมโครเมตร สามารถเจริญ และสบื พันธุไ์ ด้นอกเซลล์ Host
Mycoplasma pneumoniae ก่อใหเ้ กิดโรคปอดบวม

5 ) Cyanobacteria

เป็นยแู บคทเี รียทส่ี ามารถสงั เคราะห์แสงได้ เพราะมีสารสี เช่น คลอโรฟิลลA์ แคโรทนี อยด์ ไฟโคบิลนิ ซ่ึงแบคทีเรยี กลุ่มนเี้ ปน็ ผผู้ ลติ ที่สาํ คญั
Ex. Anabaena : Nostoc : Oscillatoria ตรงึ ไนโตรเจน

อาณาจักร Fungi

อาณาจกั รของเห็ด รา ยนี ส์
อาณาจกั ร Fungi มที ้งั เซลล์เดียวและเป็นเสน้ ใย เรียก ไฮฟา รวมกนั เป็นกลุม่ เรยี ก ไมซเี ลียม ไวส้ ร้างสปอร์
ไม่มีเย่อื กั้นเซลล์ ( Septate hypha )

อาณาจกั ร Fungi มี 4 Phylum มีเยื่อกนั้ เซลล์ ( Coencytic hypha )

1 ) Phylum Chytridiomycota

เป็นกลมุ่ แรกที่ววิ ัฒนาการขึ้นมาจากพวกโปรตสิ ต์ มีสปอร์ท่ีเคลื่อนท่ีโดยใช้แฟลเจลลา ( เหมอื นอสุจิ )
อาศยั อยูใ่ นนา้ํ เปน็ ปรสติ ในศาสตรน้ําสะเทินบก

2 ) Phylum Zygomycota

เปน็ ฟงั ไจทดี่ าํ รงชวี ติ บนบก มไี ฮฟาท่ไี มม่ ีเยือ้ หมุ้ เซลล์ สบื พนั ธุโ์ ดยสร้างไซโกสปอร์

3 ) Phylum Ascomycota

พบมากทีส่ ุดทัง้ ในบนบก และทะเล สืบพันธ์ุแบบอาศยั เพศโดยสร้างแอสโคสปอร์ ex.ยีนส์ ราแดง เหด็ โมเ ทรัฟเฟลิ เหด็ เผาะ

4 ) Phylum Basidiomycota

มกี ารสืบพันธแุ์ บบอาศยั เพศโดยสรา้ งเบสดิ อโอสปอร์อยู่ขา้ งล่างฟรุตติงบอดี ex.เห็ดฟาง เหด็ หอม ราสนมิ ราเขม่าดาํ ไมคอร์ไรซา(ซากดกึ ดาํ บรรพ์)

FEEBDBBBBB

อาณาจักร Protista
เป็นสิง่ มีชวี ติ ท่ีหลากหลายท่ีสุด มที ัง้ เซลล์เดียว และหลายเซลล์ อาณาจักรโปรทสิ ตาแบ่งเป็น 3 ประเภทคอื
1) Animal-like : Heterotrophs เปน็ ผบู้ รโิ ภค
2) Plant-like : Autotrophs สรา้ งอาหารเองได้
3) Fungus-like : Decomposers ย่อยสลาย

Heterotrophs ผบู้ ริโภค

Excavata
เป็นส่ิงมีชีวติ เซลล์เดียวท้งั หมด ปากมลี กั ษณะคลา้ ยท่ขี ุดหรอื เจาะ (Excavated mouth) Excavata
แบง่ ได้ 3 กลุ่มย่อยคอื

1) Diplomonad
มี flagella หลายเสน้ มีนิวเคลียส 2 อนั มี Mitosomes ( ทําหนา้ ที่คล้าย Mitochondria )
Ex. Giardia lamblia ทาํ ใหเ้ กดิ โรคท้องร่วง มักพบในผปู้ ว่ ยเด็ก 4-12 ปี ทาํ ใหเ้ กดิ การขาดสารอาหาร
2) Parabasilids
มี flagella เป็นคู่ ผวิ เยอ้ื หมุ้ เซลล์จะมีรอยหยกั เป็นคล่นื
Ex. Trichomonas vaginalis พบในช่องคลอด , Trichonympha sp. พบในลําไสป้ ลวก
3) Euglenozoan
เคล่อื นทโี่ ดยใช้แฟลเจลลัม (มีการเรียงตัวของไมโครทิวบลู )
Ex. Euglena sp. โพรทิสตเ์ ซลล์เดยี วทม่ี ีสารแคโรทนี และคลอโรฟลิ ล์

ตรงปากมี Eye spot ใชใ้ นการตอบสนองต่อแสง
Trypanosoma sp. เปน็ ปรสิตในเลือดสตั ว์ท่มี ีกระดกู สนั หลังทาํ ให้เกิดโรคเหงาหลับ
SAR
1) Stramenopiles
เรยี กกล่มุ นีส้ ่า สาหร่าย หรือ แอลจี (algae) เปน็ โพรตสิ ตท์ ส่ี ่วนใหญ่มกี ระบวนการสงั เคราะหแ์ สง
เซลลส์ บื พันธม์ุ ีแฟลเจลลาทม่ี ี และไมม่ ขี น
Ex. สาหร่ายสีน้ําตาล มีสารสฟี วิ โคแซนทิน เปน็ สาหร่ายขนาดใหญ่ มีหลายเซลล์ อาศัยในทะเลนํา้ เย็น
เชน่ สาหร่ายเคลป์ , Sagassum sp. , Laminaria sp.
Ex. ไดอะตอม มีสารสีฟวิ โคแซนทนิ มีผนังเซลล์ประกอบดว้ ยซิลิกา พบมากในนํา้ จืด และนํ้าเคม็
Ex. สาหร่ายสที อง มี 2 flagella มีสารสี Fucoxanthin เชน่ Dinobryon sp.

2) Alveolata
เปน็ โพรทิสต์เซลล์เดียวทมี่ ลี ักษณะร่วมกนั คือ มีช่องว่างเลก็ ๆ ใตเ้ ย้อื ห้มุ เซลลท์ เ่ี รียกว่า “แอลวีโอไล” แบง่ เปน็ 3 กลุ่ม
2.1 Dinoflagellate เป็นโพรทสิ ต์เซลลเ์ ดยี วทีม่ สี ารแคโรทนี และคลอโรฟลิ ล์ในพลาสตดิ บางตวั มสี ารพษิ ในตัว
เคล่ือนทโ่ี ดยอาศัยแฟลเจลลา 2 เส้นในแนวขวาง และแนวดิง
ปรากฎการณ์ขปี้ ลาวาฬ
2.1 Apicomplexa เป็นโพรทิสตท์ มี่ ขี นาดเลก็ ดาํ รงชวี ติ เปน็ ปรสิต มีโครงสรา้ งสาํ หรบั แทงผ่านเซลลโ์ ฮสต์
Ex. Plasmodium sp. ทาํ ใหเ้ กดิ โรคมาลาเรียในคน ทม่ี ยี คุ ก้นปลอ่ งเป็นพาหะ
2.3 Ciliates โพรทิสตท์ ใ่ี ชซ้ ีเลียในการเคลอื่ นท่ี มักอาศัยในสภาพแวดล้อมทมี่ ีน้ํา หรือความชน้ื สงู
Ex. Paramecium sp. พารามเี ซยี ม , Vorticella sp.

3) Rhizarian
มลี กั ษณะคลา้ ยอะบบี า แบง่ ออกเปน็ 2 กลุ่มได้แก่

3.1 Radiolarrian มคี วามสวยงาม เปราะบาง มสี มมาตรร่างกาย และมเี ปลอื กแข็ง เทา้ เทียมเปน็ แบบ Axopodium
เมอื่ ตายแลว้ ทับถมเปน็ Radiolarian ooze ใช้ตรวจสอบความอดุ มสมบรู ณ์ของนํ้า

3.2 Foraminiferan มีเทา้ เทยี มแบบ Reticulopodia มเี ปลือกแข็งหุ้ม เปน็ สารหินปูน เปลอื กมีรูพรนุ สาํ หรับย่ืนขาเทยี ม
เม่ือตายแลว้ ทับถมเปน็ Foram ooze ใชต้ รวจสอบความสมบรู ณ์ของนาํ้

Archaeplastida
เปน็ กลมุ่ ของสาหร่าย แบ่งออกเป็น 3 กลมุ่ ไดแ้ ก่

1. Red algae ( สาหร่ายสีแดง ) มสี ารไฟโคอีรทิ รนิ แคโรทนี คลอโรฟิลล์ ( สังเคราะห์แสงได้ )
แตกตา่ งจากสาหร่ายกลุม่ อนื่ คือ ไมม่ ีระยะท่ีมีแฟลเจลลา พบในเขตรอ้ น หรอื แหล่งนาํ้ จืด
Ex. Gracilaria sp. มักนาํ มาทาํ ผงวุ้น , Porphyra sp. เปน็ สาหร่ายทท่ี าํ อาหาญ่ปี ุ่น
2. Green algae มคี วามใกล้เคียงกับพืชมาก ๆ แบ่งได้ 2 ประเภทคอื
2.1 Chlorophyta : คลา้ ยพชื มาก มีผนังเซลล์ มีคลอโรฟิลล์บี และแคโรทีน เชน่ เทานาํ้ Spirogyra sp.
2.2 Charophyta : มโี ครงสรา้ งหอ่ เซลล์สืบพันธ์ุ เช่น สาหร่ายไฟแดง Chara sp.
3. Amoebozoan เปน็ อะมีบาทแ่ี ทจ้ ริง มีการใช้เทา้ เทยี มในช่วงหนึง่ ของชวี ิต มี 4 กลมุ่ ยอ่ ยคอื
3.1 Slime mole : เปน็ ราเมือกทม่ี หี น้าท่ีเป็นผู้ย่อยสลาย
3.1 Tubulinids : เป็นอะมีบาทีแ่ ท้จรงิ ex. Amoeba proteus
3.3 Entamoeba : เป็นโพรทสิ ตท์ ีเ่ คลื่อนที่ หรอื กินอาหารโดยใช้เท้าเทยี ม อาศยั ในดิน นํ้าจืด นาํ้ เคม็

สว่ นใหญ่ดํารงชีวติ แบบอสิ ระ บางสปีช่ีสเ์ ป็นปรสิตทําใหเ้ กิดโรคบิดในคน ( Entamoeba histolytica )
3.4 Choanoflagellate : อย่รู วมกนั เปน็ Colony เป็นบรรพบรุ ุษของสุตว์

อาณาจักร Plantae
มวี ิวฒั นาการมาจาก Green algae : Chorophyta ( สาหรา่ ยไฟ ) จากอาณาจกั ร Protista
ซ่งึ พชื ในอาณาจักร Plantae ส่วนใหญอ่ าศยั อยบู่ นบก จงึ ตอ้ งทําใหม้ ีการปรับตวั ในการดํารงชีวิต คือ
1) ปรบั ตวั ด้านโครงสรา้ ง ; รากของพชื ทแ่ี ผก่ ว้างเพอื่ หาสารอาหาร แหล่งน้ํา และยึดลาํ ตน้ ให้แขง็ แรง
2) การปรับตัวทางดา้ นเคมี ; มีสาร Cutin ท่ีเคลือบใบไว้ , มีสาร lignin เพอ่ื ใหโ้ ครงสรา้ งแข็งแรงมากข้นึ
3) การปรับตวั ทางดา้ นสืบพนั ธุ์ ; โครงสร้างสร้างเซลลส์ บื พันธ์ุ Antheridium(เพศผ)ู้ , Archegonium(เพศเมยี )

โครงสร้างเซลลส์ บื พันธุจ์ ะมโี ครงสร้าง Sterile jacket ห่อหุ้มไว้
4) วงจรชีวิตของพืช ; พชื มวี งจรแบบสลบั 2 แบบคอื Gametophyte ( n ) และ Sporophyte ( 2n )
ความหลากหลายของพชื

Non Vascular Plant
เป็นกล่มุ ของพืชที่ไมม่ ที ่อลําเลียง แบง่ ออกเปน็ 3 กลุ่มได้แก่
1. Division Hepatophyta ในสมัยโบราณนาํ มารักษาโรคตับ อกี ทงั้ มีลักษณะคล้ายตับ พืชในกลุ่มนเี้ ชน่ ลเิ วอรเ์ วริ ์ท
1.1 Thalloid liverwort : เป็นใบคลา้ ยตบั
1.2 Leafy liverwort : มีกา้ นชูเหมอื นถว่ั งอก
2. Anthocerophyta พชื กลมุ่ นี้เรยี กวา่ ฮอรน์ เวริ ท์ เปน็ พืชล้มลุกทมี่ ีลักษณะคลา้ ยเขาสัตว์ 1 เซลล์มี 1 คลอโรพลาส
3. Bryophyta เป็นพชื กลุม่ มอส มีส่วนทคี่ ล้านต้น และใบพืช มสี ปอโรไฟต์มีก้านชูสปอร์ ช่วยในการกระจายสปอร์

Non Seed Plant
เป็นกล่มุ ของพืชท่มี ีท่อลาํ เลียง แต่ไมม่ เี มลด็ แบ่งออกเป็น 2 กลมุ่ ได้แก่
1. Lycophyta
เปน็ พชื ที่มีลําตน้ และใบทแ่ี ท้จริง มี rhizome ไม่ใชร่ ากแตท่ าํ หน้าท่ีคลา้ ยราก ตรงปลายกลมุ่ มกี ลุ่มสร้างอบั สปอร์
เรียกวา่ “สปอรโรฟิลล”์ มี 2 แบบคือ Microphyll 1 กา้ น 1 ใบ , Megaphyll หลายกา้ นหลายใบ
1.1 Lycopodium sp. : อบั สปอร์สรา้ งสปอร์ 1 ชนดิ แบบ Microspore เชน่ สามร้อยยอด สนหางสิงห์
1.2 Salagenella so. : อบั สปอรส์ ร้างสปอร์ 2 ชนิด เชน่ ตีนตุก๊ แก
1.3 Isoetes sp. : มกี ารสร้างอบั สปอร์ 2 ชนิด เข่น กระเทียมน้ํา
2. Pterophyta
2.1 หวายทะนอย ( Psilotum sp. ) มลี ําต้นใตด้ นิ และลาํ ตน้ เหนือดินไม่มีรากทแ่ี ทจ้ ริง
2.2 หญ้าถอดปลอ้ ง ( Equisetum sp. ) ผิวหยบเพราะผนงั เซลล์มีซลิ ิกาํ มี strobilus ใหญ่
2.3 เฟริ ์น มรี าก มีลาํ ตน้ มีใบเจรญิ ได้ดี ลาํ ต้นใต้ดนิ เรยี กวา่ ฟรอนด์ **ใบออ่ นเฟรนิ์ มกี ารม้วนเปน็ วง**

Gymnosperm
เปน็ กลมุ่ ของพืชทม่ี ที ่อลาํ เลียง มเี มล็ดแบบเปลือย มีรากมลี ําตน้ มใี บที่แทจ้ รงิ เป็นพชื เด่นในยุค Jurassic
Gymnosperm มี Ovule ติดบนใบเรยี กวา่ “Strobilum” รวมกันปลายก่งิ เรยี กว่า Cone แยกโคนเปน็ เพศผเู้ พศเมีย
1. Phylum Cycadophyta อยูใ่ นสกลุ Cycas เชน่ ปรง ปรงปา่ ปรงเขา ใบออ่ นมกั ม้วนจากปลายสโู่ คน
2. Phylum Ginkophyta ปจั จุบันเหลอื เพียง แป๊ะก๊วย ( Ginkgo blioba ) จัดเปน็ ซากดกึ ดําบรรพท์ ม่ี ีชีวติ เช่นเดยี วกับปรง

มกั พบในประเทศจีน ญป่ี ุ่น ใบมีลกั ษณะเปน็ เหมอื นใบพดั
3. Phylum Coniferophyta มคี วามหลากหลายมากทีส่ ุด ใบมขี นาดเลก็ คลา้ ยเขม็ ตน้ ไม่แยกเพศ เช่น สนสองใบ สนสามใบ
4. Phylum Gnetophyta พืชในกล่มุ น้ีทที ้ังไม้พุ่ม ไมเ้ ลอื้ ย มีลักษณะคล้ายพชื ดอก เช่น Gnetum sp. มะเมือ่ ย ผกั เหลยี ง

Angiosperm
เปน็ กลมุ่ ของพชื ท่มี ที อ่ ลาํ เลียง มเี มล็ดแบบมีเปลือกมาหุ้ม แบ่งออกเป็น 2 กลมุ่ คือ ใบเลย้ี งเดียว ใบเลียงคู่
Phylum Anthophyta ประกอบจาํ ก กลบี เล้ยี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย มีกาํ รปฏิสนธิซอ้ น ไดเ้ ป็น embryo
และ endosperm เมล็ดมีรังไขห่ ่อหมุ้ รังไขเ่ จริญกลายเป็นผล

อาณาจกั ร Animalia
มเี ซลล์แบบ Eucaryotic cell เซลลส์ ัตว์ไมม่ ีผนังเซลล์ เซลล์ตา่ ง ๆ รวมกนั เป็นเน้อื เย่อื เพอ่ื ทาํ หน้าทเ่ี ฉพาะอย่าง
สามารถแยกจําแนกตามหนา้ ท่ี และตาํ แหน่งท่อี ย่ขู องร่างกายเปน็ 5 ประเภทคือ

อาณาจกั ร Animalia สรา้ งอาหารเองไม่ไดเ้ พราะไม่มีคอลฟิวดังนัน้ การดาํ รงชวี ิตจึงตอ้ งกินส่ิงมชี ีวิตอ่ืนเปน็ อาหาร
อาณาจกั ร Animalia สามารถเคล่ือนทีไ่ ด้ดว้ ยตนเองตลอดชีวติ และมกี ารตอบสนองต่อส่วนเราจากระบบประสาท
เราสามารถจําแนกสัตวอ์ อกเป็น 2 กลุ่มคอื สัตวท์ ีม่ ีกระดกู สันหลงั และสตั ว์ที่ไมม่ ีกระดูกสนั หลัง
เกณฑก์ ารจาํ แนกอาณาจกั รสัตว์
1) จําแนกโดยเนื้อเยอ่ื : - ไม่มีเน้อื เยอ่ื ทแ่ี ท้จรงิ ( Parazoa )

- มเี นอ้ื เย่ือที่แท้จรงิ ( Enumetazoa ) ; มเี นื้อเยือ่ 2 ชั้น , มีเนือ้ เยอ่ื 3 ชัน้
2) ลกั ษณะสมมาตร : - เกณฑส์ มมาตรแบบคร่งึ ซกี

- เกณฑ์สมมาตรแบบรศั มี
- ไม่มีเกณฑส์ มมาตร
3) ลักษณะช่องว่างในลําตัว ( Coelom ) : - ไมม่ ชี อ่ งลาํ ตวั

- มชี ่องลาํ ตวั ท่ีแท้จริง
- มชี อ่ งตวั เทียม
4) การเปลย่ี นแปลงของบลาสโทพอร์ ( ตวั อ่อน ) : - ปากเกดิ กอ่ นทวารหนกั

- ทวารหนกั เกิดก่อนปากก
5) ทางเดินอาหาร : - ทางเดนิ อาหารสมบูรณ์

- ทางเดนิ อาหารไม่สมบูรณ์
6) การแบง่ ปลอ้ ง : - การแบง่ เป็นปล้องเฉพาะภายนอก

- การแบ่งเปน็ ปลอ้ งทีแ่ ท้จรงิ
7) การเจรญิ ในระยะตวั ออ่ น : - ตัวอ่อนทไ่ี มม่ ีระยะของการลอกคาบ

- ตวั ออ่ นท่ีมีระยะของการลอกคาบ
Phylum ในอาณาจักรสตั ว์

Phylum Porifera
เป็นกลุม่ สง่ิ มชี วี ิตที่ไม่มเี นื้อเยื่อที่แท้จริง มโี ครงสรา้ งร่างกายไม่ซบั ซ้อน ลําตวั มีชอ่ งให้น้ําเขา้ ขนาดเลก็ ช่องน้ําออกขนาดใหญ่

Phylum Cnicaria
มสี มมาตรแบบรัศมี มีเนื้อเยื่อ 2 ช้ัน มี 2 รูปรา่ งคือ 1)Polyp : ยดึ กบั ที่ , 2) Medusa : เคลอ่ื นที่คล้ายรม่
Phylum Cnicaria มีระบบประสาทแบบรา่ งแห ( Nerve net ) Ex. กลั ปงั หา ไฮดรา แมงกะพรุน ดอกไมท้ ะเล
Phylum Cnicaria มเี ขม็ พิษ Nematocyst ท่สี รา้ งจาก Cnidocyte

Phylum Platyhelminthes
กลมุ่ ของหนอนตวั แบน มเี น้อื เยือ่ 3 ชนั้ มที างเดินอาหารไมส่ มบูรณ์ ไม่มโี พรงลาํ ตวั มีแกนสมมาตรแบบคร่ึงซีก
มรี ะบบประสาทเปน็ แบบปมประสาท ระบบสบื พันธ์แุ บบอาศัยเพศโดยมสี องเพศอย่ใู นตัวเดียวกนั เป็น กะเทย(Hermaphrodite)
การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศยั เพศโดยการงอกใหม่ (Regeneration) Ex. พานาเรยี พยาธิตวั ตดื พยาธใิ บไม้

Phylum Nematoda
กล่มุ ของหนอนตัวกลม มักพบในนา้ํ จดื ทะเล และที่ชน้ื แฉะ ไม่มีข้อปลอ้ งบรเิ วณลาํ ตวั มีควิ ตเิ คลิ หมุ้ ร่างกายปอ้ งกนั เสยี นํ้า
ไมม่ รี ะบบหมุนเวยี นเลอื ด ระบบขับถา่ ยประกอยด้วยเส้นขา้ งลําตัว ระบบทางเดินอาหารสมบรู ณ์ เปน็ สัตวแ์ ยกเพศ
Ex. พยาธไิ ส้เดอื น พยาธปิ ากขอ พยาธเิ ส้นดา้ ย พยาธแิ สม้ า้ พยาํ ธิตวั จี๊ด

ฬ๊

Phylum Annelida
พบในนํา้ จดื ทะเล และท่ีชื้นแฉะ ลักษณะลาํ ตวั มปี ลอ้ งที่ชดั เจน ภายในลาํ ตวั มเี ย่ือกนั้ เนื้อเยอ่ื แบง่ ออกเป็น 3 ช้ัน
มีสมองที่ตอบสนองตอ่ สิ่งเร้าได้ มที างเดินอาหารแบบสมบูรณ์ Ex. ไสเ้ ดือนดิน แม่เพรียง ไสเ้ ดือนทะเล ทากดดู เลอื ด ปลิงนํา้ จืด
เป็นสตั วก์ ลมุ่ แรกทม่ี ีระบบหมุนเวียนเลอื ด โดยมหี วั ใจเทียมในการสูบฉีดเลอื ด

Phylum Mollusca
มลี กั ษณะลําตัวนมิ่ มีเปลือกแข็งท่ีมีสารประกอบแคลเซี่ยมคาร์บอเนตหมุ้ ลําตวั มีระบบทางเดนิ อาหารสมบรู ณ์
ไม่มีโพรงลาํ ตัว ระบบหมนุ เวยี นเลือดเปน็ ระบบเปิด มหี ัวใจ 3 ห้อง เซลลเ์ ม็ดเลือดมีสฟี า้ ( แก๊สฮโี มไซยานนิ +อ๊อกซิเจน)
Ex. หมกึ หมึกยกั ษ์ หอยงวงช้าง หอยฝาเดียว หอยสองฝา ลิ่นทะเล ทาก

Phylum Arthopoda
มสี มมาตรแบบครง่ึ ซกี มเี น้ือเย่อื 3 ช้ัน และมีช่องลาํ ตวั แบบแท้จรงิ ลักษณะลําตัวแบ่งเป็น 3 สว่ น คอื หวั อก ท้อง
Phylum arthopoda มีความหลากหลายมาก ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้
• Class Morostomata : ดํารงชวี ติ ในน้ํากรอ่ ย และน้ําเคม็ ส่วนหวั และสว่ นอกรวมเป็นสว่ นเดยี วกนั มีกระดองโค้งแผ่นแขง็
ในประเทศไทยพบสองชนิดคอื แมงดาทะเลหาเหลย่ี ม (จาน) และแมงดาทะเลหางกลม (ถว้ ย, เหรา)
• Class Arachnida : แมงมุม แมงป่อง หํายใจด้วยแผงปอด (book lung)
• Class Diplopoda : 1 ระยางมขี า 2 ขา้ ง กิง้ กอื กระสุนพระอนิ ทร์ หายใจดว้ ยระบบทอ่ ลม
• Class Chilopoda : 1 ระยาวมขี า 1 ขา้ ง มีตอ่ มพษิ เช่น ตะขาบ ตะเข็บ
• Class Insecta : เปน็ Class ทมี่ ีความหลากหลาย เชน่ พวกแมลง
• Class Crustaces : มรี ะยางออกมาในการทําหนา้ ทีเ่ ฉพาะตัว เช่น กุง้ ก้ัง ปู เพรียงหิน

Phylum Echinodermata
เป็นสัตวท์ ดี่ ํารงชีวิตในทะเลท้งั หมด สว่ นใหญม่ ลี าํ ตวั เปน็ แฉก เปน็ สัตวท์ ี่มโี ครงร่างแข็ง มรี ะบบประสาท
มรี ะบบ water vascular system ในการเคลอื่ นทแ่ี ละลาํ เลยี งสารต่าง ๆ EX. ดําวทะเล ปลิงทะเล เมน่ ทะเล เหรยี ญทะเล

Phylum Chordata
เป็นกลมุ่ ส่งิ มชี วี ติ ทมี่ วี ิวฒั นาํ กํารสูงสดุ มีระบบประสําทแบบ dorsal nerve cord (ดา้ นหลัง)
มี notochord (เม่อื โตขึน้ จะมีกระดูกสันหลงั มาํ แทนที)่ มชี ่องเหงอื ก (gill slit) ตรงคอหอย
Phylum Chordata แบง่ ได้ 2 กล่มุ ไดแ้ ก่
กลมุ่ ท่ี 1 ไมม่ ีกระดูกสันหลงั แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มยอ่ ย
1) ยโู รคอรเ์ ดต : พวงเพรยี งหัวหอม 2) เซฟาโลคอร์เดต : ปลาออกฟอิ อฟสสั
กลมุ่ ท่ี 2 มกี ระดกู สันหลงั แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มยอ่ ย
1) กลมุ่ ท่ีไม่มขี ากรรไกร : ปลาปากกลม
2) กลมุ่ ท่ีมีขากรรไกร แบ่งเป็น Class คือ

• Class chondrichtyes : เป็นพวกปลากระดูกอ่อนไมม่ กี ้าง เชน่ ปลาฉลาม ปลากระเบน
• Class Osteicthyes : เป็นพวกปลากระดกู แขง็ มกี า้ ง เช่น ปลานิล ปลาดกุ
• Class Amphibia : เป็นสตั วส์ ะเทนิ นาํ้ สะเทินบก เปน็ สัตวเ์ ลอื ดเยน็ เช่น กบ
• Class Reptilia : เปน็ สตั วเ์ ลื้อยคลาน มสี ารเคราทินปกคมุ ผิวหนักแขง็ มาก เช่น เตา่ จรเข้ จิงเหรน
• Class Aves : เป็นพวกสัตวป์ กี กระดูกจะมชี อ่ งวา่ งเอาไวบ้ นิ เชน่ นก
• Class Mammalia : เป็นสตั วเ์ ลีย้ งลูกด้วยนม วิวัฒนาการมาจากสัตว์เลือ้ ยคลาน แบง่ เปน็ 3 กลมุ่ ยอ่ ยคือ

- Class Mammalia Monotremes : ออกลกู เปน็ ไข่ มีขน มตี อ่ มนา้ํ นม เช่น ต่นุ ปากเปด็ ตัวกนิ มด
- Class Mammalia Marsupials : ตัง้ ท้องเวลาสัน้ มาก ลูกทีค่ ลอดออกอยูใ่ นถุงหน้าท้องของแม่ เช่น จิงโจ้ โคอารา่
- Class Mammalia Eutherians : ทุกอยา่ งเกิดขน้ึ ในทอ้ งแม่ เกดิ ออกมาเม่อื พร้อมเลย แบ่งเป็นกลุ่มยอ่ ย ๆ คือ

> ไพรเมต : เปน็ สัตว์ท่อี าศัยอยู่บนต้นไม้ มพี ฤตกิ รรมทางสังคม ไพรเมตแบ่งเปน็ 2 กลุ่มคือ
กลุ่มโพรซิเมียน อาศัยอย่บู นต้นไมเ้ ปน็ หลัก , กลุ่มแอนโทรพลอยด์ อาศยั อยู่บนพ้ืน


Click to View FlipBook Version