The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่องราว ประวัติ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chonnicha Chumuenwai, 2023-02-19 09:26:41

สารคดีวัดภูมินทร์

เรื่องราว ประวัติ

Keywords: สารคดีวัดภูมินทร์

สารคดีเรื่อง เสนอ จัดทำ โดย : วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน : นางสาวทัศนีย์ ซัวเกษม : นางสาวชลนิชา จู๋หมื่นไวย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑๐ เลขที่ ๒ งานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา ท๓๒๑๐๒ ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนราชประชาสมาสัย ฝ่ายมัธยม รัชดาภิเษก ในพระบรมราชูปถัมภ์


วัดภูมินทร์ มีแผนผังอาคารเป็นทรงจัตุรมุข ที่มีมุขทั้งสี่มีความยาวไม่เท่ากัน คือ แกนทิศตะวันออก-ตะวันตก สั้นกว่าแกนทิศเหนือ - ใต้ ตัวอาคารใช้เป็นทั้งพระวิหาร และพระอุโบสถอยู่ในอาคารเดียวกัน โดยที่ส่วนที่เป็นพระอุโบสถใช้มุขทิศเหนือและ ทิศใต้ เนื่องจากพบแนวเสมา ๘ จุด ปักไว้ในแนวดังกล่าว และเสมาแต่ละหลักนั้นมี ลักษณะเกือบจะจมมิดลงไปโดยเข้าใจว่าก่อนการปฏิสังขรณ์คณ์รั้งใหญ่ได้มีการถมพื้น สูงทำ ให้พื้นมีระดับเกือบถึงยอดเสมาของเดิม ส่วนพระวิหารได้ใช้มุขตามแนวทิศ ตะวันออก-ตะวันตก โดยไม่ปรากฏใบเสมา ทำ ให้ทราบว่าสมัยล้านนาโบราณมักให้ ความสำ คัญต่อพระวิหารมากกว่าพระอุโบสถ พระวิหารทรงจัตุรมุข มีหลังคาซ้อนกัน ๓ ชั้น ๒ ตับ หลังคาปักฉัตร ๕ ชั้น ประดับหลังคาที่มุงกระเบื้องดินผาไม่เคลือบด้วย ช่อฟ้าฟ้ ใบระกาและหางหงส์ อาคารเจาะประตูแต่ละมุข ที่มีซุ้มปั้นปูนประดับกระจกรวม ๔ ประตู ประตูมีบานไม้สักสลักลายไม่ซ้ำ แบบกัน มุขทั้งสี่ด้านเปิดตรงเข้าสู่พระพุทธ รูปสี่องค์ที่ประดิษฐานอยู่กลางโบสถ์ ประวััติความเป็นมาและความสำ คััญ การเดินทางไปวัดภูมินทร์ วัดภูมินทร์ ตั้งอยู่ที่ ถนนสุริยพงษ์ ตำ บลในเวียง อำ เภอเมือง จังหวัดน่าน การเดินทางไปวัด ไปได้ทั้งเครื่องบิน รถไฟ รถทัวร์ รถยนต์ แต่ดิฉันขอแนะนำ เป็นรถยนต์ เพราะสะดวกสบายไม่ต้องเสียเวลาต่อรถหลายต่อ สามารถขับตาม ทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ ผ่านจังหวัดแพร่เข้าสู่ตัวเมืองน่าน วัดตั้งอยู่ติดกับข่วงเมือง น่าน บริเวณสี่แยกถนนสุริยพงษ์และถนนผากอง ถ้าหากเดินทางจากท่ากาศยานน่าน นคร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ ผ่านถนนมหายศ จากนั้นจึงเลี้ยวขวาไปตาม ถนน สุริยพงษ์ วัดภูมินทร์จะอยู่ติดกับข่วงเมืองน่าน ตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เทศบาลเมืองน่าน และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน สถาปัตยกรรมวัดภูมินทร์ "วัดภูมินทร์" เป็นวัดหลวงตั้งอยู่ในเขตพระนคร ความสวยและแปลก ไม่เหมือน ใครและไม่มีใครเหมือนของวัดภูมินทร์คือ เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขแห่งเดียวใน ประเทศไทยหลังจากพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครเมืองน่าน องค์ที่ ๔๐ และองค์ที่ ๔๑ แห่งนครเมืองน่าน ขึ้นครองนครได้ ๖ ปี ก็ได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นใน ปี พ.ศ. ๒๑๓๙ ซึ่งตรงกับสมัยล้านนา รวมระยะเวลาจวบจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๖๖) ก็มีอายุมากถึง ๔๒๗ ปีแล้ว โดยที่มาของชื่อวัดนั้นมีปรากฏหลักฐานในคัมภีร์เมือง เหนือ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า "แต่เดิมวัดภูมินทร์มีชื่อว่า วัดพรหมมินทร์ ตามชื่อของเจ้าผู้ ครองนครแต่ก็ได้มีการเรียกชื่อเพี้ยนกันไปกลายเป็นวัดภูมินทร์ดั่งในปัจจุบัน" ประตูทางเข้าทั้งสี่ด้านเป็นซุ้มที่เลียนแบบซุ้มเรือนยอดทรงมณฑปคล้ายกันกับ ซุ้มประตูโบสถ์วัดราชบพิธสถิตยมหาสีมาราม กรุงเทพมหานครซึ่งทำ เป็นมณทป ทรงเรือนยอดประดับกระเบื้องเคลือบ แต่ในรายละเอียดได้สอดแทรกความเป็น ท้องถิ่นไว้คือ ลักษณะตัวโขงที่มีการย่อมุม และการประดับด้วยใค้งปากแล ส่วนยอด ที่เป็นชั้นลดซึ่งเลียนแบบจากตัวประตูด้านล่างแต่ทำ ช่องว่างระหว่างชั้นสั้นมาก เพราะต้องการให้คล้ายชั้นลดของภาดกลาง ตลอดจนยอดรูปบัวตูมซึ่งแตกต่างจาก เรือนยอดซุ้มประตูภาคกลางอย่างชัดเจน ลายปูนปั้นประดับกระจกยังคงลักษณะ ลายพื้นเมืองเกือบทั้งหมดที่เสาไม้ขนาบช้างซุ้มโขงทุกด้านมีลายปูนปั้นประดับ กระจกเป็นลายประเภทแผงทรงพุ่มใบเทศ ด้านล่างสุดมีลายกรุยเชิง เป็นรูปแบบ ศิลปะรัตนโกสินทร์ ส่วนบันไดทางขึ้นสู่วิหารมีทั้งสี่ด้านนั้นด้านทิศเหนือจะตกแต่ง แตกต่างไปจากทิศอื่น ได้แก่ การใช้ราวบันไดรูปพญานาคที่มีส่วนหางอยู่ทางด้าน ทิศใต้ ในขณะที่ปลายราวบัน ไดทางทิศตะวันตกและตะวันออกเป็นรูปตัวเหงา


จิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถ วัดภูมินทร์ เขียนขึ้นในราวปีพุทธศักราช ๒๔๑๐-๒๔๑๗ ในสมัยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน (ในช่วงต้น รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕) เขียนด้วยเทคนิคสี ฝุ่นฝุ่บนรองพื้นดินสอพอง มีความสวยงาม และมีความเป็นเอกลักษณ์เณ์ฉพาะถิ่น ไม่ ว่าจะเป็นในเรื่องของการแต่งกาย วิถีชิวิต ภาพเขียนบ่งบอกถึงวัฒนธรรมของ คนในท้องถิ่นนั้น ๆ ได้อย่างชัดเจน เขียนเล่าเรื่องราว ๓ เรื่องหลักๆ พื้นที่ส่วนใหญ่ เขียนเรื่อง "คัทธนกุมารชาดก"หนึ่งในปัญญาสชาดก (ชาดกนอกนิบาต) กล่าวถึง พระโพธิสัตว์คัทธนกุมารผู้ทรงมีพลังเปรียบดังพญาช้างสาร สร้างคุณงามความดี และความกตัญญูรู้คุณ เรื่องที่สองเขียนเรื่อง"เนมิราชชาดก"ชาดกชาติที่ ๔ หนึ่ง ในทศชาติชาดก เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์พระเนมิราช บำ เพ็ญอธิษฐาน บารมี เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องพุทธประวัติ นอกจากนี้ยังมีภาพบุคคลที่มีขนาดเท่า จริง ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เณ์ฉพาะจิตรกรรมแห่งนี้ในพระอุโบสถกัน วัดภูมินทร์ ตำ บลในเวียง อำ เภอเมือง จังหวัดน่าน พระประธานจตุรทิศ วัดภูมินทร์ จิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถ พระประธานซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ๔ องค์ ประทับนั่ง ปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ หันพระพักตร์ออกสู่ทั้งสี่ทิสและหันพระ ปฤษฎางค์ชนกัน มีพระเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองเป็นตัวเชื่อมฐาน ชุกชีจึงเป็นฐานร่วมขององค์เจดีย์ซึ่งนับว่าเป็นลักษณะเด่นเพียงแห่ง เดียวในล้านนา ลักษณะแผนผังที่มีแกนกลางรับน้ำ หนักหลังคาแบบนี้ เป็นโครงสร้างอาคารที่นิยมสร้างกันมากในสิลปะพม่าที่เมืองพุกามที่เรียก ว่ากู่พญา (Gu hpaya) ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าโครงสร้างของวิหารวัด ภูมินทร์เดิมนั้นสร้างมาก่อนสมัยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเคษแล้ว แต่หลัก ฐานที่เหลืออยู่ไม่สามารถกำ หนดระยะเวลาที่แน่นอนได้ อย่างไรก็ตาม ลักษณะพระพุทธรูปในปัจจุบันนั้นไม่สามารถนำ มาศึกษาประกอบการ กำ หนดอายุสมัยการสร้างได้ เนื่องจากได้รับการซ่อมแซมหลายครั้ง


ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน "ปู่ม่ปู่ ม่านย่าม่าน" เป็นหนึ่งในงานจิตรกรรมฝาผนังถูกวาดขึ้นช่วงปี พ.ศ. ๒๔๑๐-๒๔๑๗ ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมวัดภูมินทร์ในสมัยเจ้าอนันตฤทธิวรเดช ครองเมืองน่าน ซึ่งตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่ง ภาพจิตรกรรมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวในชาดก และแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของ ชาวน่านในอดีต ภาพ "ปู่ม่ปู่ ม่านย่าม่าน" เป็นหนึ่งในภาพที่มีชื่อเสียงของงาน จิตรกรรมฝาผนังดังกล่าว ด้วยได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่สมบูรณ์แณ์บบที่สุดทั้ง ด้านองค์ประกอบและอารมณ์ ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้าหาก คู่รักใดมาบอกรักขอพรต่อหน้าน้ “ปู่ม่ปู่ ม่านย่าม่าน” นอกจากจะขอพรให้มีความรักยืนยงยาวนานแล้ว ยังหมายถึงความมั่นคง มั่งคั่งใน ชีวิตรักหรือชีวิตสมรสอีกด้วย การขอพรนั้นคู่รักฝ่าฝ่ยชาย จะต้องจำ ประโยคบอกรัก ที่สำ คัญ ซึ่งแต่งและแปลโดย อาจารย์สมเจตน์ วิมลเกษม เป็นภาษาถิ่นพายัพ (ภาษาเหนือ) อันสละสลวย ไปพูดกระซิบบอกคนรักต่อหน้าน้ “ปู่ม่ปู่ ม่านย่าม่าน” ว่า ตำ นานกระซิบฮักเมืองน่าน "คำ ฮักน้อง กูปี้จัปี้จักเอาไว้ใว้นน้ำ ก็กลัวหนาว จักเอาไว้พื้ว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม จักเอาไปใส่ในวังวัข่วข่งคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป ก็เลยเอาไว้ใว้นอกในใจตัวชายปี้นี้ปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้ ยามปี้นปี้อนสะดุ้งตื่นเววา…" แปลว่าว่ ความรักรัของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ใว้นน้ำ ก็ กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กว้ลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักรัของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ใว้นวังวัในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะแย่งความรักรัของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ใว้นอกในใจของพี่ จะให้มันร้อร้งไห้รำ พี้รำ พันถึงน้อง ไม่ว่าว่ยามพี่นอนหลับหรือรืสะดุ้งตื่น ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน หรือ ถนนคนเดินเมืองน่าน ตั้งอยู่ข้างวัดภูมินทร์ เปิดทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่ ๕ โมงเย็นถึงประมาณสี่ทุ่ม เป็นถนนคนเดินที่ไม่ ยาวมาก ระยะทางประมาณ ๕๐๐ เมตร จุดเริ่มต้นอยู่บริเวณสี่แยกวัดพระธาตุช้างค้ำ ผ่านวัดภูมินทร์ไปถึงสามแยกถนนจัทรประโชติ บริเวณหน้าน้วัดภูมินทร์มีลานข่วง เมืองน่านขนาดใหญ่ จัดเป็นที่นั่งทานอาหารปูเสื่อ พร้อมขันโตก ให้วางอาหารที่ได้ซื้อ มาทานบริเวณนี้ พร้อมฟังดนตรีสดขับกล่อม ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของการเที่ยวเมือง น่าน ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมา ถนนคนเดิน เหมือนตลาดนัดทั่วไป มีอาหารท้องถิ่น ทั้งคาวหวาน และอาหารแบบสมัยใหม่ รวมทั้งเสื้อผ้าพื้นเมือง ของใช้ ของที่ระลึก ต่างๆ แต่อาหารและสินค้าจะไม่มีไม่เยอะมาก แนะนำ อาหารพื้นเมือง ต้องลองยำ หมี่ เมืองน่าน ในแบบต่างๆที่มีขายอยู่สองร้าน รสชาติอร่อยนัว ราคาไม่แพง ๓๐-๔๕ บาท สิ่งสำ คัญและที่น่าสนใจในวัดวัภูมินทร์เร์ที่ภูมิใจนำ เสนออย่างยิ่ง คือ สถาปัตปัยกรรม งดงามแบบล้านนา หรือรืเชียชีงแสน ทั้งอุโบสถทรงจตุรมุข และพระประธานที่เป็นป็แบบ จตุรพักตร์ ซึ่งซึ่ที่กรมศิลปากรเขาได้สันนิฐานไว้ว่ว้าว่เป็นป็ "อุโบสถจตุรมุขหลังแรกของ ประเทศไทย" จิตรกรรมฝาผนังที่เป็นป็เรื่อรื่ง "คัทธณะกุมารชาดก" ชาดกนี้พบเฉพาะที่วัดวั ภูมินทร์แร์ห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งซึ่ช่าช่งผู้วาดนั้นคือ "หนานบัวบัผัน" ศิลปินปิ ชาวไทยลื้อ ที่มี ฝีมือเป็นป็เอกลักษณ์อยากให้ท่านผู้อ่านได้ไปสัมผัสถึงความสวยงาม และวัดวัภูมินทร์ไร์ด้ เคยอยู่บนธนบัตบัรใบละ ๑ บาทด้วย ที่ด้านหน้าเป็นป็พระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชรักาลที่ ๘ และมีโบสถ์วัดวัภูมินทร์อร์ยู่ทางด้านซ้าซ้ยของธนบัตบัรซึ่งซึ่เป็นป็ธนบัตบัรในแบบ ๕ ประกาศใช้เช้มื่อ วันวัที่ ๑๐ ก.ย. ๒๔๘๕ บรรยากาศความสวยงามภายในวัดวั ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นป็ คำ พูดได้ อยากให้ท่านผู้อ่านได้ไปชมความสวยงามที่วัดวัจริงริๆว่าว่ สวยงามขนาดไหน


Click to View FlipBook Version