รายงานโครงการวิจัยฉบับสมบูรณ์
ปริมาณและการกระจายของพั นธุ์พื ชในบริเวณ
กลุ่มปาแก่งกระจาน
กลุ่มสาํ รวจทรัพยากรปาไม้
ส่วนสาํ รวจและวิเคราะห์ทรัพยากรปาไม้
สํานักฟนฟู และพั ฒนาพื นทีอนุรักษ์
รายงานโครงการวจิ ยั ฉบบั สมบูรณ์
ปรมิ าณและการกระจายของพนั ธพ์ุ ชื ในบรเิ วณกลุ่มป่าแก่งกระจาน
กลุม่ สารวจทรพั ยากรป่าไม้
ส่วนสารวจและวิเคราะห์ทรพั ยากรปา่ ไม้
สานักฟนื้ ฟแู ละพฒั นาพื้นที่อนรุ กั ษ์
รายงานโครงการวจิ ยั ฉบบั สมบูรณ์
ปรมิ าณและการกระจายของพันธุ์พชื ในบริเวณกลุ่มป่าแกง่ กระจาน
(Plant Species Distribution in Kaeng-Krachan Group of Forest)
1. นายสมยศ แสงนิล คณะผู้วจิ ัย หวั หนา้ โครงการ
2. นางสาวชมภูนุช โสดาจันทร์ นักวิชาการปา่ ไม้ชานาญการพิเศษ
3. นางอชั ฎา ชิตโชติ สานักฟนื้ ฟูและพฒั นาพน้ื ที่อนุรักษ์
4. นายคารณ สงั ขส์ วน นกั วิชาการปา่ ไม้ชานาญการพิเศษ
5. นายบุศรนิ ทร์ จนิ ดาลัทธ สานกั ฟน้ื ฟแู ละพฒั นาพน้ื ท่ีอนุรกั ษ์
6. นางสทุ ธาทพิ ย์ ช่อมะลิ นักวชิ าการปา่ ไม้ชานาญการพิเศษ
7. นายสขุ ี บญุ สรา้ ง สานกั ฟน้ื ฟูและพฒั นาพื้นที่อนุรักษ์
8. นายพิศิษฐ์ เจริญสขุ นักวิชาการป่าไม้ชานาญการพิเศษ
สานักฟน้ื ฟแู ละพฒั นาพืน้ ที่อนรุ ักษ์
นกั วชิ าการปา่ ไมช้ านาญการพิเศษ
สานกั ฟื้นฟแู ละพัฒนาพื้นท่ีอนุรักษ์
นักวิชาการป่าไม้ชานาญการพิเศษ
สานกั ฟน้ื ฟูและพฒั นาพน้ื ที่อนุรกั ษ์
นักวิชาการปา่ ไม้ปฏบิ ัตกิ าร
สานักอนรุ กั ษ์และจัดการตน้ น้า
นายชา่ งสารวจชานาญงาน
สานกั ฟน้ื ฟูและพฒั นาพื้นที่อนุรักษ์
Abstract
Kaeng-Krachan Forest Group covers the area of 2,938,909.84 rais in 3 provinces;
Ratchaburi, Petchburi and Prachuab-kirikhan. It comprises 3 national parks and 1
wildlife sanctuary : Kaeng-Krachan national park 1,821,687.84 rais, Kui-buri national
park 605,625 rais, Thai-Prachan national park 205,777 rais and Mae-Nam Pachi wildlife
sanctuary 305,820 rais.
Forest Inventory has been carried out during 2008-2011 in the area with 270 sample plots.
Stratified random sampling was deployed for this survey with forest type and altitude in
consideration. The result shows that; Mae-nam Pachi wildlife sanctuary has plants more
than 200 tree species. Average tree density in Dry Evergreen forest was 98.88 trees/rai
with 16.20 cu.m./rai in volume. In Mix Deciduous, tree density was 35.36 trees/rai with
7.54 cu.m./rai in volume. In Dry Dipterocarp, tree density was 103.54 trees/rai with
10.82 cu.m./rai in volume, and Hill Evergreen forest density was 89.60 trees/rai and tree
volume was 12.67 cu.m./rai. In total there were 75.48 trees and 11.83 cu.m./rai.
Thai-Prachan national park has plants more than 250 tree species.
Average tree density and volume in Dry Evergreen forest were 45.55 trees and
14.38 cu.m./rai in Mix Deciduous were 45.56 trees and 7.22 cu.m./rai. In Dry
Dipterocarp were 139.20 trees and 6.12 cu.m./rai. In total there were 45.47 trees and
9.44 cu.m./rai. Kui-buri national park, it was found more than 320 tree species.
Average tree density and volume were 141.46 trees and 48.40 cu.m./rai in Evergreen
forest, 177.60 trees and 21.10 cu.m./rai in Dry Evergreen forest, 62.91 trees and
4.69 cu.m./rai in Mix Deciduous forest, 21.52 trees and 1.91 cu.m./rai in Agriculture
and 156.11 trees and 30.45 cu.m./rai in total. Kaeng-Krachan national park has more
than 550 tree species. Average tree density and tree volume were 95.60 trees and
73.40 cu.m./rai in Evergreen forest, 127.53 trees and 17.90 cu.m./rai in Dry Evergreen
forest, 50.37 trees and 29.81 cu.m./rai in Hill Evergreen forest, 63.34 trees and
7.02 cu.m./rai in Mix Deciduous forest, 1.60 trees and 1.24 cu.m./rai in Agriculture
and 82.23 trees and 24.08 cu.m./rai in total.
The information from this forest inventory will be very useful for forest management
and carbon stock calculation. In addition, Quality and Quantity of each forest shown
from the inventory will be available for multi-purposes such as for government
agencies to manage the areas, for academics to do researches, etc. Thus, forest
inventory should be the prior and inevitabe tool for sustainable forest management.
Keyword : Forest Inventory
Kaeng-Krachan Group of Forest
Plant Species Distribution
บทคดั ยอ่
กลุ่มป่าแก่งกระจานตั้งอยู่ในพ้ืนท่ี 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี และ
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เนื้อที่ 1,821,687.84 ไร่
อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เนื้อที่ 605,625 ไร่ อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน เนื้อที่
205,777 ไร่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้าภาชี เนื้อที่ 305,820 ไร่ โดยมีเนื้อที่รวมทั้งกลุ่มป่า
แกง่ กระจานเท่ากบั 2,938,909.84 ไร่
การสารวจทรัพยากรป่าไม้เพื่อให้ทราบถึงปริมาณ และการกระจายของพันธุ์พืชในบริเวณ
กลุ่มป่าแก่งกระจาน มีระยะเวลา 4 ปี โดยเริ่มดาเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 - 2554
โดยการสารวจไปแล้วจานวน 270 กลุ่มแปลงตัวอย่าง โดยใช้วิธีการสารวจแบบ Stratified
Random Sampling ใช้หลักการในการจาแนกชั้นป่าและชั้นความสูงของพื้นที่เป็นตัวจาแนก
แล้วทาการสุ่มเลือกในแต่ละพื้นที่เพื่อทาการวางแปลงตัวอย่างในภาคสนาม หลักจากนั้นจะนา
ข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ถึงลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน ปริมาณ และปริมาตรไม้ ในแต่ละพ้ืนที่
อีกคร้ังหนึ่ง โดยข้อมูลที่นามาวิเคราะห์จะได้ผลการศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ และ
ความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนี้ คือ พื้นที่เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าแม่น้าภาชี พบว่า พันธ์ุไม้ในป่า
ท้ังหมดมีมากกว่า 200 ชนิด โดยในป่าดิบแล้งมีความหนาแน่น 98.88 ต้น/ไร่ ปริมาตร
16.20 ลบ.ม./ไร่ ป่าเบญจพรรณ มีความหนาแน่น 35.36 ต้น/ไร่ ปริมาตร 7.54 ลบ.ม./ไร่
ป่าเต็งรัง มีความหนาแน่น 103.54 ต้น/ไร่ ปริมาตร 10.82 ลบ.ม./ไร่ และป่าดิบเขา 89.60 ต้น/ไร่
ปริมาตร 12.67 ลบ.ม./ไร่ เมือ่ รวมทุกชนิดปา่ ในเขตรกั ษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้าภาชี มีค่าความหนาแน่น
75.48 ต้น/ไร่ ปริมาตร 11.83 ลบ.ม./ไร่ ในพ้ืนท่ีอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน พบว่า
พันธ์ุไม้ที่สารวจพบมีมากกว่า 250 ชนิด โดยในป่าดิบแล้ง มีความหนาแน่น 45.55 ต้น/ไร่ ปริมาตร
14.38 ลบ.ม./ไร่ ป่าเบญจพรรณ มีความหนาแน่น 45.56 ต้น/ไร่ ปริมาตร 7.22 ลบ.ม./ไร่ ป่าเต็งรัง
มีความหนาแน่น 139.20 ต้น/ไร่ ปริมาตร 6.12 ลบ.ม./ไร่ เมื่อรวมทุกชนิดป่าใน
อุทยานแห่งชาติไทยประจัน มีความหนาแน่น 45.77 ต้น/ไร่ ปริมาตร 9.44 ลบ.ม./ไร่ ในพ้ืนท่ี
อุทยานแหง่ ชาติกยุ บุรี พบวา่ พันธ์ุไม้ที่สารวจพบมีมากกว่า 320 ชนิด โดยในป่าดิบชื้น มีความหนาแน่น
141.46 ต้น/ไร่ ปริมาตร 48.40 ลบ.ม./ไร่ ป่าดิบแล้ง มีความหนาแน่น 177.60 ต้น/ไร่
ปริมาตร 21.10 ลบ.ม./ไร่ ป่าเบญจพรรณ มีความหนาแน่น 62.91 ต้น/ไร่ ปริมาตร 4.69 ลบ.ม./ไร่
และพ้นื ทีเ่ กษตรกรรม มีความหนาแน่น 21.52 ต้น/ไร่ ปริมาตร 1.91 ลบ.ม./ไร่ เม่ือรวมทุกชนิดป่าใน
อุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีความหนาแน่น 156.11 ต้น/ไร่ ปริมาตร 30.45 ลบ.ม./ไร่ ในพื้นท่ี
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พบว่าพันธุ์ไม้ที่สารวจพบมีมากกว่า 550 ชนิด โดยในป่าดิบชื้น
มีความหนาแน่น 95.60 ต้น/ไร่ ปริมาตร 73.40 ลบ.ม./ไร่ ป่าดิบแล้ง มีความหนาแน่น
127.53 ต้น/ไร่ ปริมาตร 17.90 ลบ.ม./ไร่ ป่าดิบเขา มีความหนาแน่น 50.37 ต้น/ไร่ ปริมาตร
24.81 ลบ.ม./ไร่ ป่าเบญจพรรณ มีความหนาแน่น 63.34 ต้น/ไร่ ปริมาตร 7.02 ลบ.ม./ไร่ และ
พ้ืนที่เกษตรกรรม มีความหนาแน่น 1.60 ต้น/ไร่ ปริมาตร 1.24 ลบ.ม./ไร่ เมื่อรวมทั้ง
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีความหนาแน่น 82.23 ต้น/ไร่ ปรมิ าตร 24.08 ลบ.ม./ไร่
การสารวจทรัพยากรป่าไม้ในลักษณะนี้จะทาให้ทราบถึงปริมาณและลักษณะการกระจาย
ของแต่ละชนิดไม้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในด้านการวางแผนบริหารจัดการ และการอนุรักษ์อย่างย่ังยืน
นอกจากน้ีข้อมูลทไ่ี ดน้ อกจากจะใช้ประเมนิ สถานะภาพและศกั ยภาพ รวมทั้งมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้วยัง
สามารถนามาคานวณค่าคาร์บอนเครดิต ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนป้องกันภาวะเรือนกระจก
ได้ต่อไป
คาหลกั การสารวจทรพั ยากรปา่ ไม้
กล่มุ ปา่ แกง่ กระจาน
ปรมิ าณและการกระจายพนั ธุพ์ ชื
ระยะเวลาดาเนนิ การวิจยั
ตุลาคม 2550 – กันยายน 2554 (4 ปี)
งบประมาณ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 (ปีท่ี 1 ) จานวนเงิน 2,552,600 บาท
ปงี บประมาณ พ.ศ. 2552 (ปีท่ี 2) จานวนเงนิ 2,552,600 บาท
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ปีท่ี 3) จานวนเงนิ 1,500,000 บาท
ปงี บประมาณ พ.ศ. 2554 (ปีท่ี 4) จานวนเงิน 500,000 บาท
รวมจานวนเงนิ จานวนเงนิ 7,105,200 บาท
สารบญั 1
บทนา 3
3
วัตถปุ ระสงค์ 3
ตวั ชว้ี ดั 4
ผลผลติ หรอื ประโยชน์ทไี่ ดร้ บั 4
วธิ กี ารดาเนินงาน 7
การสารวจชนิดพันธ์ุ ปริมาณ และการกระจายของพนั ธ์ุพืช 7
รปู รา่ งและขนาดของแปลงตวั อย่าง (Plot Design) 8
การเก็บข้อมูล 9
การวิเคราะห์ข้อมูล 10
16
การจัดทาฐานขอ้ มลู ทรัพยากรปา่ ไม้ 16
ผลการศึกษาวิจัยและวิจารณ์ 20
24
การนาเข้าข้อมูลส่รู ะบบฐานข้อมลู และการประมวลผล 28
เขตรักษาพันธ์ุสตั ว์ปา่ แม่น้าภาชี 33
อทุ ยานแห่งชาติเฉลิมพระเกยี รตไิ ทยประจัน 35
อุทยานแห่งชาติกยุ บุรี 36
อุทยานแหง่ ชาติแกง่ กระจาน 37
สรุปผลการศึกษาวิจยั
ปญั หาและอุปสรรค
เอกสารอ้างอิง
ภาคผนวก
สารบัญตาราง 7
10
ตารางที่ 1 ขนาดของแปลงตวั อย่างและขอ้ มูลทีท่ าการศึกษา 17
ตารางที่ 2 สรุปผลการสารวจปริมาณและการกระจายของพนั ธุ์พชื 18
19
ในบรเิ วณกลุ่มป่าแกง่ กระจาน 19
ตารางที่ 3 ลกั ษณะการใช้ประโยชน์ทด่ี ิน ปริมาณ และปรมิ าตรไม้จาแนก 19
20
ตามประเภทพ้นื ที่บริเวณเขตรกั ษาพนั ธ์ุสัตวป์ า่ แม่น้าภาชี
ตารางท่ี 4 คา่ ดชั นีความสาคญั ของพนั ธ์ุไม้ (IVI) ของปา่ ดบิ แลง้ ในพน้ื ที่ 21
22
เขตรักษาพนั ธุ์สัตว์ปา่ แม่น้าภาชี 5 อนั ดบั แรก 23
ตารางท่ี 5 ค่าดัชนีความสาคญั ของพันธุ์ไม้ (IVI) ของป่าดบิ เขาในพนื้ ที่ 23
23
เขตรกั ษาพนั ธุ์สตั ว์ปา่ แมน่ า้ ภาชี 5 อันดบั แรก
ตารางที่ 6 คา่ ดัชนคี วามสาคญั ของพนั ธ์ุไม้ (IVI) ของปา่ เบญจพรรณในพื้นที่ 25
26
เขตรกั ษาพันธุ์สัตว์ปา่ แมน่ า้ ภาชี 5 อันดบั แรก 27
ตารางที่ 7 คา่ ดัชนคี วามสาคญั ของพันธ์ุไม้ (IVI) ของป่าเต็งรงั ในพืน้ ที่ 27
เขตรกั ษาพันธส์ุ ตั วป์ า่ แม่น้าภาชี 5 อนั ดบั แรก
ตารางที่ 8 ค่าความหลากหลายของชนิด (species diversity) ความเท่าเทียมกนั
ของชนิดพนั ธ์ุ (species evenness) และความมากมายของชนดิ พนั ธ์ุ
(species richness) ในพื้นท่เี ขตรกั ษาพันธ์ุสตั วป์ ่าแมน่ ้าภาชี
ตารางท่ี 9 ลักษณะการใช้ประโยชน์ทดี่ ิน ปรมิ าณ และปรมิ าตรไมจ้ าแนก
ตามประเภทพ้นื ท่ีบรเิ วณอุทยานแหง่ ชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน
ตารางท่ี 10 คา่ ดัชนีความสาคัญของพันธ์ุไม้ (IVI) ของปา่ ดิบแลง้ ในพ้ืนที่
อุทยานแห่งชาติเฉลมิ พระเกยี รติไทยประจัน 5 อนั ดับแรก
ตารางที่ 11 คา่ ดชั นีความสาคญั ของพนั ธ์ุไม้ (IVI) ของปา่ เบญจพรรณในพน้ื ที่
อทุ ยานแห่งชาติเฉลมิ พระเกยี รติไทยประจนั 5 อนั ดับแรก
ตารางที่ 12 คา่ ดชั นคี วามสาคญั ของพันธุ์ไม้ (IVI) ของป่าเต็งรังในพ้นื ท่ี
อทุ ยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจนั 5 อันดับแรก
ตารางท่ี 13 คา่ ความหลากหลายของชนิด (species diversity) ความเท่าเทียมกนั
ของชนิดพนั ธุ์(species evenness) และความมากมายของชนิดพันธ์ุ
(species richness) ในพน้ื ที่อทุ ยานแหง่ ชาติเฉลมิ พระเกยี รติไทยประจนั
ตารางที่ 14 ลกั ษณะการใชป้ ระโยชนท์ ีด่ ิน ปริมาณ และปริมาตรไม้จาแนกตามประเภท
พนื้ ทบ่ี ริเวณอทุ ยานแห่งชาตกิ ยุ บรุ ี
ตารางท่ี 15 คา่ ดชั นีความสาคัญของพันธุ์ไม้ (IVI) ของป่าดิบชื้นในพืน้ ท่ี
อทุ ยานแห่งชาติกยุ บรุ ี 5 อันดบั แรก
ตารางที่ 16 คา่ ดชั นคี วามสาคัญของพนั ธ์ุไม้ (IVI) ของป่าดิบแลง้ ในพืน้ ที่
อุทยานแหง่ ชาติกยุ บุรี 5 อันดับแรก
ตารางที่ 17 ค่าดัชนคี วามสาคญั ของพันธ์ุไม้ (IVI) ของป่าเบญจพรรณในพน้ื ที่
อุทยานแหง่ ชาติกยุ บุรี 5 อนั ดบั แรก
สารบญั ตาราง (ตอ่ ) 27
27
ตารางท่ี 18 คา่ ดชั นีความสาคัญของพันธ์ุไม้ (IVI) ของพ้นื ที่เกษตรกรรมในพน้ื ท่ี
อุทยานแหง่ ชาติกยุ บุรี 5 อนั ดับแรก 29
30
ตารางที่ 19 ค่าความหลากหลายของชนิด (species diversity) ความเท่าเทยี มกนั 31
ของชนดิ พันธ์ุ (species evenness) และความมากมายของชนิดพันธุ์ 31
(species richness) ในพื้นท่ีอุทยานแหง่ ชาติกุยบรุ ี 31
32
ตารางที่ 20 ลกั ษณะการใช้ประโยชน์ท่ดี นิ ปรมิ าณ และปรมิ าตรไมจ้ าแนกตาม 32
ประเภทพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาตแิ ก่งกระจาน
ตารางที่ 21 ค่าดัชนีความสาคัญของพนั ธุ์ไม้ (IVI) ของปา่ ดิบชื้นในพื้นที่
อทุ ยานแหง่ ชาตแิ ก่งกระจาน 5 อันดบั แรก
ตารางที่ 22 ค่าดัชนีความสาคัญของพันธ์ุไม้ (IVI) ของป่าดิบแล้งในพืน้ ที่
อทุ ยานแห่งชาตแิ ก่งกระจาน 5 อันดับแรก
ตารางที่ 23 ค่าดัชนีความสาคญั ของพนั ธุ์ไม้ (IVI) ของปา่ ดิบเขาในพืน้ ที่
อทุ ยานแหง่ ชาติแก่งกระจาน 5 อันดบั แรก
ตารางที่ 24 ค่าดชั นีความสาคญั ของพนั ธุ์ไม้ (IVI) ของปา่ เบญจพรรณในพืน้ ที่
อทุ ยานแห่งชาตแิ ก่งกระจาน 5 อันดับแรก
ตารางที่ 25 คา่ ดชั นีความสาคญั ของพันธุ์ไม้ (IVI) ของพืน้ ที่เกษตรกรรมในพื้นที่
อทุ ยานแหง่ ชาตแิ กง่ กระจาน 5 อันดบั แรก
ตารางที่ 26 ค่าความหลากหลายของชนดิ (species diversity) ความเท่าเทียมกัน
ของชนิดพันธุ์ (species evenness) และความมากมายของชนิดพนั ธ์ุ
(species richness) ในพื้นท่ีอุทยานแหง่ ชาติแกง่ กระจาน
สารบญั รูปภาพ
ภาพที่ 1 แผนทต่ี าแหน่งจุดสารวจในพืน้ ท่กี ลุ่มป่าแก่งกระจาน 4
ภาพท่ี 2 แผนทต่ี าแหนง่ จดุ สารวจในพนื้ ท่กี ลุ่มป่าแก่งกระจานตามลักษณะภูมปิ ระเทศ 5
ภาพท่ี 3 รูปแบบกลุ่มแปลงตัวอย่าง 6
ภาพที่ 4 รปู ร่างของแปลงตัวอย่าง 7
ภาพที่ 5 ผลการดาเนนิ การสารวจทรพั ยากรป่าไมใ้ นพืน้ ท่ีกล่มุ ป่าแกง่ กระจาน 11
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 – 2553 (กุมภาพนั ธ์ 2551 – สงิ หาคม 2553)
ภาพที่ 6 แผนที่ลักษณะการใชป้ ระโยชน์ท่ดี ินในพืน้ ท่ีอทุ ยานแหง่ ชาติกุยบรุ ี 12
ภาพท่ี 7 แผนที่ลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินในพ้ืนท่ีเขตรกั ษาพนั ธุ์สัตวป์ ่าแม่น้าภาชี 13
ภาพที่ 8 แผนทล่ี กั ษณะการใช้ประโยชน์ทดี่ ินในพืน้ ที่อทุ ยานแหง่ ชาติ 14
เฉลมิ พระเกยี รติไทยประจนั
ภาพท่ี 9 แผนทล่ี กั ษณะการใช้ประโยชนท์ ดี่ นิ ในพน้ื ท่ีอุทยานแหง่ ชาตแิ ก่งกระจาน 15
ภาพที่ 10 ประเภทป่า (Forest Type) ของพนื้ ทเี่ ขตรกั ษาพันธส์ุ ตั ว์ป่าแมน่ ้าภาชี 17
ภาพที่ 11 ความหนาแน่น (Density) ในแตล่ ะประเภทพน้ื ที่ของเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ัตว์ป่าแม่น้าภาชี 18
ภาพที่ 12 ปรมิ าตรไม้ (Volume) ในแต่ละประเภทพน้ื ทีข่ องเขตรักษาพันธส์ุ ัตวป์ า่ แม่น้าภาชี 18
ภาพท่ี 13 ประเภทปา่ (Forest Type) ของพื้นท่ีอทุ ยานแหง่ ชาตเิ ฉลิมพระเกียรติไทยประจัน 21
ภาพท่ี 14 ความหนาแน่น (Density) ในแตล่ ะประเภทพน้ื ที่ของอทุ ยานแหง่ ชาติ 22
เฉลมิ พระเกียรติไทยประจัน
ภาพท่ี 15 ปรมิ าตรไม้ (Volume) ในแตล่ ะประเภทพืน้ ท่ีของอุทยานแหง่ ชาติ 22
เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน
ภาพท่ี 16 ประเภทปา่ (Forest Type) ของพน้ื ท่ีอทุ ยานแหง่ ชาตกิ ุยบรุ ี 25
ภาพท่ี 17 ความหนาแนน่ (Density) ในแต่ละประเภทพืน้ ที่ของอุทยานแห่งชาตกิ ยุ บรุ ี 26
ภาพที่ 18 ปริมาตร (Volume) ในแต่ละประเภทพ้ืนทีข่ องอทุ ยานแห่งชาติกุยบุรี 26
ภาพที่ 19 ประเภทปา่ (Forest Type) ของพน้ื ท่ีอทุ ยานแหง่ ชาติแก่งกระจาน 29
ภาพท่ี 20 ความหนาแน่น (Density) ในแต่ละประเภทพืน้ ทีข่ องอทุ ยานแหง่ ชาติแกง่ กระจาน 30
ภาพที่ 21 ปริมาตร (Volume) ในแตล่ ะประเภทพนื้ ท่ขี องอทุ ยานแหง่ ชาติแกง่ กระจาน 30
ภาพที่ 22 ความหนาแน่น (Density) ในแต่ละประเภทพื้นท่ีของกลมุ่ ปา่ แกง่ กระจาน 34
ภาพท่ี 23 ปริมาตร (Volume) ในแตล่ ะประเภทพ้นื ทข่ี องกลมุ่ ปา่ แก่งกระจาน 34
ภาพท่ี 24 ความหนาแนน่ เฉลย่ี และ ปรมิ าตรเฉลีย่ ในแต่ละพ้ืนที่อนรุ ักษใ์ นกล่มุ ปา่ แกง่ กระจาน 35
1
บทนา
ผืนป่าแก่งกระจานจัดเป็นทรัพยากรป่าไม้ที่สาคัญที่ประกอบไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างย่ิงทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า จนกระทั้งได้รับการประกาศจัดต้ังเป็น
อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าท่ีสาคัญ รวม 4 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
อุทยานแหง่ ชาติกยุ บุรี อทุ ยานแหง่ ชาติเตรียมประกาศเฉลมิ พระเกยี รตไิ ทยประจัน และเขตรักษาพันธ์ุ
สัตว์ป่าแม่น้าภาชี แม้ว่าพื้นท่ีจะถูกประกาศให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์และคุ้มครองแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมี
หน่วยงานของรัฐ เอกชน และราษฎร โดยทั่วไปเข้าไปใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้ รวมทั้งการใช้
ประโยชน์ทด่ี ินเพอ่ื การเกษตรอย่างต่อเน่ือง ทาให้ทรัพยากรป่าไม้บางส่วนเสื่อมโทรมลง ปัจจุบันยัง
มีหมู่บ้าน หรือชุมชนที่ยังอาศัยทากินภายในและรอบๆพื้นท่ีอุทยานแห่งชาติฯ และเขตรักษาพันธ์ุ
สัตว์ป่า อยู่เป็นจานวนมาก ทาให้การบริหารจัดการและการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เป็นไปด้วยความ
ยากลาบาก และมีปญั หาความขดั แยง้ เกดิ ข้นึ อยู่ย่างต่อเนื่องและเป็นปัญหาที่ยังค้างคาไม่สามารถแก้ไข
ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดังนั้น แนวทางในการอนุรักษ์และการจัดการทรัพยากรป่าไม้ให้มีความยั่งยืน
แนวทางหนึ่งก็คือ จาเป็นต้องให้ประชาชนและสาธารณชนเข้ามามีส่วนร่วมและกาหนดยุทธ์ศาสตร์ใน
การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ให้สามารถดาเนินการได้อย่างถูกต้อง สอดคล้องกับความเป็นจริง
และมีความเป็นไปได้
การเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นกิจกรรมท่ีสะท้อนถึงพฤติกรรมของมนุษย์ใน
การดารงชีวิต ซ่ึงในการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดินแต่ละชนิดจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม (สมพร, 2543) และการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มี
ความสัมพันธ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมองแต่ละชุมชน หรือของแต่ละประเทศเป็นอย่างมาก
เพราะโดยท่ัวไปแล้วมนุษย์ใช้ท่ีดินเพื่อการดารงชีพ คือ เป็นแหล่งผลิตอาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม
ที่ตั้งอยู่อาศัย และยารักษาโรค ซึ่งการใช้ท่ีดินจะแตกต่างกันไป เช่น ใช้เป็นที่อยู่อาศัย เกษตรกรรม
อุตสาหกรรม สถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจหรือการท่องเท่ียว โดยการใช้ประโยชน์จะเปลี่ยนแปลงไปตาม
ความตอ้ งการของมนษุ ย์หรือสภาวะเศรษฐกิจและสงั คม ตลอดจนเทคโนโลยตี า่ งๆ
ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ก า ร ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ที่ ดิ น เ พื่ อ ก า ร เ ก ษ ต ร ข อ ง เ ก ษ ต ร ก ร ใ น ปั จ จุ บั น
มีการเปลีย่ นแปลงรูปแบบอยู่ตลอดเวลา และมีการขยายพ้ืนท่ี ทาให้ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรป่าไม้
ปญั หาท่ีกล่าวมานีส้ ามารถเกิดข้ึนได้ทุกพื้นท่ีท่ีมีมนุษย์อาศัยอยู่ ผืนป่าแก่งกระจานก็เป็นพ้ืนที่อนุรักษ์
หน่ึงท่ีมีราษฎรอาศัยอยู่ในพ้ืนที่อนุรักษ์ และมีการใช้ประโยชน์ท่ีดินเพื่อการเกษตรในพ้ืนที่อนุรักษ์
ดังกล่าว ดังนั้น การศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินในผืนป่าแก่งกระจาน จะเป็นส่วน
หนึ่งที่ทาให้ทราบว่า พ้ืนที่ป่าไม้มีการเปล่ียนแปลงเป็นพื้นที่อื่นๆ อย่างไร และพ้ืนที่ที่เปล่ียนเป็น
การเกษตรมีรปู แบบการใช้ประโยชน์อย่างไร ทั้งนี้เพ่ือจะนามาใช้ประโยชน์ในการวางแผนการใช้ท่ีดิน
ของผนื ปา่ แกง่ กระจาน เพื่อใช้เกดิ ความยงั่ ยืนทางดา้ นความหลากหลายทางชวี ภาพของพน้ื ทตี่ ่อไป
2
ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ก า ร ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ที่ ดิ น เ พ่ื อ ก า ร เ ก ษ ต ร ข อ ง ชุ ม ช น ใ น ปั จ จุ บั น
มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอยู่ตลอดเวลา เน่ืองจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ พฤติกรรมของสมาชิกในชุมชน
การเปล่ียนแปลงด้านเศรษฐกิจ-สังคม และความหลากหลายท้ังทางด้านความเชื่อ ประเพณี
วัฒนธรรม รวมไปถึงปัจจัยทางด้านกายภาพและชีวภาพ ปัจจัยดังกล่าวมีผลต่อการวางแผนการใช้
ประโยชน์ท่ีดินของเกษตรกรในชุมชน การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน จะส่งผลกระทบต่อ
การพฒั นา ปรบั ปรุง สภาพเศรษฐกิจของครอบครัวของเกษตรกรรวมถึงชุมชนให้ดีย่ิงข้ึน ซึ่งสิ่งเหล่าน้ี
จะส่งผลตอ่ การฟน้ื ฟสู ภาพเศรษฐกิจ-สงั คมอีกทางหนึง่ ดว้ ย
ในขณะเดียวกันการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นกลไกหนึ่งที่สาคัญ และมีผลกระทบต่อ
การเปลยี่ นแปลงความหลากหลายทางชีวภาพของพ้ืนที่ป่า เนื่องจากการเปล่ียนแปลงพ้ืนที่ป่ามาเป็น
พ้ืนที่เกษตร ดังนั้นการศึกษาปัจจัยและการเปล่ียนแปลงท่ีก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรป่าไม้
ในผืนปา่ แกง่ กระจานจะเป็นส่วนหน่ึงท่ีทาให้ทราบว่า ควรจะวางแผนการใช้ที่ดินของประเทศอย่างไร
จึงจะทาให้มีการอนุรักษ์พ้ืนฟู และพัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพในพ้ืนที่ หรือก่อให้เกิด
ผลกระทบกับความหลากหลายทางชีวภาพของป่านอ้ ยทส่ี ุด
ผลกระทบของกิจกรรมที่เกิดจากการดารงชีวิตของคนในชุมชนโดยมากจะมีส่วน
เกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจ-สังคม และสภาพแวดล้อมของชุมชน ที่แสวงหาและ
ใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้ไมท่ างตรงก็ทางอ้อม ดังน้นั ปจั จยั ดงั กลา่ วจงึ สามารถใช้เป็นเครื่องช้ีวัดถึง
แนวโน้มของผลกระทบท่ีอาจเกิดต่อทรัพยากรป่าไม้ในผืนป่าแก่งกระจานได้ ปัจจัยดังกล่าวได้แก่
ปริมาณความต้องการในการใช้ประโยชน์และพึ่งพิงทรัพยากรไม้ สัตว์ป่า ขนาดและท่ีต้ังของชุมชน
จานวนครัวเรือนและจานวนประชากร อัตราการเจริญเติบโตของประชากร ขนาดความต้องการ
ใช้ประโยชน์ท่ีดิน เป็นต้น ในอีกนัยหน่ึง ข้อมูลทางเศรษฐกิจ-สังคมและสภาพแวดล้อมของชุมชน
จะช่วยชี้แนะให้ทราบว่า หมู่บ้านใดในพื้นที่ที่จาเป็นต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ และควรใช้กลยุทธ์
ใดในการสนับสนุนให้หมู่บ้านดังกล่าวเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พื้นที่อุทยานแห่งชาติ และ
หมู่บ้านใดที่มีความพร้อมและเข้มแข็งด้านการอนุรักษ์ ก็สามารถส่งเสริมให้เป็นตัวอย่างของ
แนวร่วมทเ่ี ข้มแข็งของชุมชนทอ้ งถน่ิ ในดบั รากหญา้ ได้ต่อไป
3
วตั ถุประสงค์
1. เพอื่ ใหท้ ราบขอ้ มลู ของชนดิ ป่า และทรัพยากรปา่ ไม้ในกลมุ่ ป่าแก่งกระจาน
2. เพอื่ ให้ทราบปริมาณและการกระจายของพนั ธุพ์ ืชที่พบท้ังหมดในกลุ่มป่าแก่งกระจาน
3. เพื่อกาหนดแนวทางการวางระบบติดตามตรวจสอบทรัพยากรป่าไม้ที่พบในกลุ่มป่าแก่งกระจาน
4. เพ่ือใช้เปน็ ข้อมูลพืน้ ฐานของกลมุ่ ป่าแก่งกระจาน ในการวางแผนและการจัดการทรัพยากรปา่ ไม้
อยา่ งยัง่ ยืน
ตวั ชี้วัด
1. ข้อมลู ปริมาณและการกระจายของชนิดไมใ้ นกลุ่มปา่ แกง่ กระจานจะมกี ารเช่อื มโยงกันใน
แตล่ ะพนื้ ท่ีอนรุ กั ษ์
2. การประเมนิ มลู คา่ ของพื้นท่ีอนุรักษ์จากมูลคา่ ของทรพั ยากรป่าไม้ ทงั้ ในดา้ นตัวเงินและสิง่ แวดลอ้ ม
3. การเผยแพร่ข้อมูลด้านปริมาณและการกระจายของพนั ธ์พุ ืชสู่สาธารณชน
4. การวดั ระดับความสาเร็จของการบริหารจัดการพ้นื ที่อนุรกั ษใ์ นกล่มุ ป่าแกง่ กระจาน
ผลผลิตหรอื ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับ
ผลของการวิจัย จะทาให้ทราบถึงปริมาณและการกระจายของพรรณพืชแต่ละชนิด ในบริเวณ
กลุ่มป่าแก่งกระจาน นอกจากจะใช้ประโยชน์ในแง่ของการจัดการป่าไม้แล้ว ยังทาให้ทราบถึง
ความเหมาะสมและความสมบูรณ์ของระบบนิเวศภายในผืนป่าแก่งกระจาน และข้อมูลพ้ืนฐาน
เก่ียวกับทรัพยากรป่าไม้ที่มีอยู่จะใช้เป็นตัวกาหนดนโยบายและการใช้ประโยชน์จากผืนป่าแห่งน้ีให้มี
ความถูกต้องเหมาะสม และย่ังยืนต่อไปในอนาคต รวมท้ังการใช้ประโยชน์ร่วมกับชุมชน และ
ทรพั ยากรด้านอืน่ ๆ เช่น ทรัพยากรนา้ และสัตว์ป่าต่อไปด้วย
4
วธิ ีการดาเนินงาน
1. การสารวจชนดิ พนั ธ์ุ ปรมิ าณ และการกระจายของพนั ธพ์ุ ชื
การสารวจทรัพยากรป่าไม้ ทาการกาหนดกลุ่มแปลงตัวอย่างถาวร (Permanent Plot) บน
แผนท่ีภูมิประเทศมาตราส่วน 1:50,000 ลาดับชุด L7018 ท่ัวบริเวณพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน
ให้มีระยะห่างระหว่างกลุ่มแปลงตัวอย่างถาวร 1x1 กม. จากนั้นทาการเลือกกลุ่มแปลงตัวอย่างท่ีจะ
เก็บข้อมลู โดยใช้วิธี Stratified Random Sampling คือ เลือกชนิดป่าและลักษณะการใช้ประโยชน์
ท่ีดิน ท่ีได้จากการแปลตีความภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพถ่ายดาวเทียมในขั้นแรก (ภาพท่ี 1)
เมื่อได้กลุ่มแปลงตัวอย่างตามการจาแนกชนิดป่าและลักษณะการใช้ประโยชน์ท่ีดินแต่ละชนิดแล้ว
ทาการเลือกกลุ่มแปลงตัวอย่างที่จะใช้อีกครั้งหน่ึงตามความสูงของพื้นท่ี (ภาพที่ 2 ) เพื่อให้มีตัวอย่าง
ที่เหมาะสมตามเปา้ หมาย
ภาพที่ 1 แผนท่ตี าแหนง่ จุดสารวจในพ้ืนท่กี ลมุ่ ป่าแกง่ กระจาน
5
ภาพที่ 2 แผนที่ตาแหน่งจุดสารวจในพนื้ ท่ีกลุ่มป่าแก่งกระจาน ตามลักษณะภูมิประเทศ
6
วิธีการสารวจทรัพยากรป่าไม้ใช้การสารวจแบบกลุ่ม (Cluster Design) โดยแต่ละกลุ่ม
ประกอบด้วยจุดเก็บตัวอย่างซ่ึงใช้เป็นตาแหน่งวางแปลงตัวอย่าง (Sample Plot) จานวน 5 แปลง
(กลุ่มสารวจทรัพยากรป่าไม้, 2545) โดยกาหนดให้ตาแหน่งท่ีต้ังของหน่วยตัวอย่างที่ได้จากการ
สุ่มตัวอย่าง เป็นตาแหน่งจุดศูนย์กลางของกลุ่มแปลงตัวอย่าง (Cluster Centre) และเป็นตาแหน่ง
ของแปลงตัวอย่างถาวร สาหรับแปลงตัวอย่างอีก 4 แปลง กาหนดให้อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของ
กลุ่มแปลงตัวอย่างเป็นระยะทาง 50 เมตร ตามทิศหลักท้ังสี่ทิศ คือ ทิศเหนือ (North) ทิศตะวันออก
(East) ทศิ ใต้ (South) และทศิ ตะวนั ตก (West) ดงั ภาพที่ 3
N
50 เมตร 50 เมตร
W E
C
S
ภาพท่ี 3 รูปแบบกลุ่มแปลงตัวอย่าง
การวางแปลงตัวอย่าง และการเก็บข้อมูลในแปลงตัวอย่างจะดาเนินการในลักษณะ
เดียวกันทุกแปลง แต่ในแปลงตัวอย่างที่อยู่ตามแนวทิศทั้ง 4 ทิศ จะไม่ใช้ในการติดตามผลและ
ไม่เก็บรายละเอียดของข้อมลู บางอยา่ ง
7
รปู รา่ งและขนาดของแปลงตัวอยา่ ง (Plot Design)
แปลงตัวอย่าง (Sample Plot) ท่ีใช้ในการสารวจคร้ังนี้ มีทั้งแปลงตัวอย่างถาวรและแปลง
ตวั อย่างชวั่ คราวที่มีขนาดคงท่ี (Fixed – area Plot) และมรี ูปรา่ ง 2 ลกั ษณะอยูด่ ้วยกนั คือ
1) ลักษณะรปู วงกลม (Circular Plot)
1.1) รูปวงกลมที่มีจุดศูนย์กลางร่วมกันรัศมีแตกต่างกัน จานวน 3 วง คือวงกลมรัศมี
3.99, 12.62 และ 17.84 เมตร ตามลาดบั
1.2) รปู วงกลมท่มี ีรัศมีเท่ากัน คือ 0.631 เมตร แต่จุดศูนย์กลางต่างกัน จานวน 4 วง
โดยจุดศนู ยก์ ลางของวงกลมอยูบ่ นเส้นรอบวงของวงกลมรัศมี 3.99 เมตร ตามทศิ หลักทัง้ 4 ทศิ (ภาพท่ี 4)
2) ลักษณะแบบแนวเส้นตรง (Intersect Line) จานวน 2 เส้น ความยาวเส้นละ 17.84
เมตร โดยมีจุดเริ่มต้นร่วมกัน ณ จุดศูนย์กลางของแปลงตัวอย่างและวางทามุมฉากซึ่งกันและกัน
ซ่ึงเส้นตรงเส้นแรกจะกาหนดคา่ มุม Azimuth จากการส่มุ ตัวอยา่ ง
ภาพที่ 4 รปู ร่างของแปลงตัวอย่าง
การเก็บข้อมูล สาหรับการเก็บข้อมูลในแปลงตัวอย่างขนาดต่าง ๆ เพื่อนามาวิเคราะห์
ข้อมูล แสดงไว้ในตารางท่ี 1
ตารางที่ 1 ขนาดของแปลงตัวอย่างและขอ้ มูลทที่ าการศึกษา
รศั มีของวงกลม หรอื พ้นื ที่ หรอื จานวน ขอ้ มูลทีศ่ กึ ษา
ความยาว (ม.) ความยาว
0.631 0.0005 เฮกตาร์ 4 วง กลา้ ไม้
3.99 0.0050 เฮกตาร์ 1 วง ลูกไม้และการปกคลมุ พ้ืนที่ของกล้าไม้ และลูกไม้
12.62 0.0500 เฮกตาร์ 1 วง ไมไ้ ผ่ หวายทีย่ งั ไมเ่ ล้ือย และตอไม้
17.84 0.1000 เฮกตาร์ 1 วง ตน้ ไม้ และตรวจสอบปจั จยั ท่ีรบกวนพื้นทป่ี า่
17.84 17.84 เมตร 2 เส้น Coarse Woody Debris (CWD) หวายเลือ้ ย
(เส้นตัดวงกลม) และไมเ้ ถา ที่ผ่านเสน้ ตัดวงกลม
ที่มา: ไพรัญ, 2545
8
การวิเคราะหข์ ้อมลู
เมื่อรวบรวมข้อมูลในภาคสนามเสร็จส้ินแล้ว ต้องดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งลักษณะของ
ขอ้ มลู จะประกอบดว้ ยข้อมูลเชิงปริมาณ (ตัวเลข) และข้อมูลเชิงคุณภาพ (ข้อความ) ซึ่งจะประกอบด้วย
ขั้นตอนดงั ตอ่ ไปนี้ คอื
1) การวิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไป ได้แก่ ที่ต้ัง ตาแหน่ง วันเวลาท่ีเก็บ ผู้ทาการเก็บ ความสูง
จากระดับน้าทะเล และลักษณะการใช้ประโยชน์ท่ีดิน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะใช้ในการวิเคราะห์ประเมินผล
ประกอบกบั ข้อมูลด้านอืน่ ๆ และตดิ ตามความเปล่ยี นแปลงของพื้นทใ่ี นการสารวจครัง้ ต่อ ๆ ไป
2) การวิเคราะห์ขอ้ มูลเกย่ี วกับการวางแผนทางานและค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานเพื่อประเมิน
ความคมุ้ และผลตอบแทนในการลงทนุ
3) การวิเคราะห์ข้อมลู เกย่ี วกับความหลากหลายทางชวี ภาพ
มกี ารวเิ คราะห์ข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพ จะทาการวิเคราะห์ค่าตา่ งๆ ดังนี้
3.1) ความหลากหลายของชนิด (Species Diversity) จะใช้สตู รการคานวณของ
Shannon- Wiener index of diversity ตามวธิ ีการของ Kreb (1972)
s
H (pi) (lnpi)
= i=1
3.2) ความมากมายของชนดิ พันธ์ุ (Species Richness) ใชส้ ตู รการคานวณตาม
คา่ ดัชนีของ Margalef หรือ Margalef Index :
SR = S-1
ln (n)
3.3) ค่าความเท่าเทยี มกันของชนดิ พันธุ์ (Species Evenness) สามารถคานวณไดต้ าม
ค่า Evenness Index :
E= H
ln (s)
3.4) การวิเคราะห์สังคมพืช จะทาการศึกษาเก่ียวกับ ความถ่ี (Frequency)
ความมากมาย (Abundance) ความหนาแนน่ (Density) ความเด่น (Dominance)
และ ดัชนคี วามสาคญั ทางนิเวศวิทยา (Importance Value Index, IVI)
9
4) การวิเคราะห์ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ชนดิ และปริมาณไม้ จะวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทาเปน็ ตาราง
ผลลัพธด์ ังนี้
4.1) Stand Table
4.2) Stock Table
4.3) Plots Summary Table
4.4) Statistic Table
5) การวเิ คราะห์ข้อมูลเก่ียวกับชนดิ และปรมิ าณของไม้ไผ่และหวาย
5.1) การวเิ คราะห์ข้อมลู เกย่ี วกับปรมิ าณของไม้ไผ่ในแตล่ ะชนิดและแต่ละกอ
5.2) การวเิ คราะห์ข้อมูลเกี่ยวกบั ปริมาณหวายเสน้ ต้ังและหวายนอน
5.3) การวเิ คราะหข์ ้อมลู เก่ียวกับปริมาณและปริมาตรของตอไม้
6) การวเิ คราะห์ข้อมูลเกีย่ วกับปรมิ าณและปรมิ าตรไม้ล้มขอนนอนไพร
การคานวณเก่ียวกับไมล้ ้มขอนนอนไพร (Coarse Woody Debris, CWD) จะใช้สูตร
ในการคานวณ แยกออกเป็น
6.1) Scattered CWD s d2
CWD (volume/ha) = (1.234 / L) x ( cos (hi) )
i=1
6.2) Accumulations CWD
CWD (Volume/ha) = (H x W/L) x 10000
2. การจดั ทาฐานข้อมลู ทรัพยากรป่าไม้
การจัดทาฐานข้อมูลในระบบสารสนเทศ จะเป็นการนาข้อมูลพันธ์ุไม้ที่สารวจพบ ทั้งในลักษณะ
ของชนิดพันธ์ุ ปริมาณ และ การกระจายในแต่ละชนิดพันธ์ุ โดยทาการวิเคราะห์และจัดเก็บอย่างเป็น
ระบบ ทั้งในรูปของข้อมูลแผนที่เชิงตัวเลข ตาแหน่งที่ตั้ง ทิศทางและระยะทาง ความสัมพันธ์ของชนิด
พนั ธุ์กบั พ้ืนท่ี การเรยี กค้นและจดั กลุม่ ของพันธ์ุไม้ทส่ี ารวจพบ รวมท้ังข้อมูลทรัพยากรอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวข้อง
ตามแบบบันทึกข้อมูล และในการศึกษาคร้ังนี้ จะทาการวางระบบฐานข้อมูลพันธ์ุพืชและชนิดป่า
เพ่ือสร้างแนวทางในการประเมนิ และแก้ไขข้อมลู ต่อไป
10
ผลการศกึ ษาวิจัยและวิจารณ์
ผลการดาเนินการสารวจทรัพยากรป่าไม้ในพ้ืนท่ีกลุ่มป่าแก่งกระจาน ปีงบประมาณ
พ.ศ. 2551 - 2553 (กุมภาพันธ์ 2551- สิงหาคม 2553) แสดงตามตารางที่ 2 และภาพที่ 5
ตารางท่ี 2 สรุปผลการสารวจปรมิ าณและการกระจายของพันธ์พุ ืช ในบรเิ วณกลุ่มปา่ แก่งกระจาน
พ้ืนท่ี จดุ สารวจทส่ี ารวจแล้ว (land use จากการสารวจ)
ป่า ไมใ่ ช่ป่า รวม
อทุ ยานแห่งชาติแกง่ กระจาน 152 - 152
อุทยานแห่งชาติกุยบรุ ี 45 5 50
อทุ ยานแหง่ ชาติเฉลิมพระเกยี รติไทยประจัน 43 2* 45
เขตรักษาพนั ธส์ุ ตั ว์ปา่ แม่น้าภาชี 23 - 23
รวม 263 7 270
หมายเหตุ * คอื cluster ท่ีไม่สามารถเขา้ สารวจได้ (Drop)
รายละเอียดการวาง Clusters ที่ดาเนนิ การไปแล้วในช่วง กุมภาพนั ธ์ 2551– สิงหาคม 2553
โดยแยกตามรายพื้นท่ี (ภาพที่ 6 - 9)
จากผลการสารวจในบริเวณพื้นท่ีกลุ่มป่าแก่งกระจาน ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2551– สิงหาคม
2553 สารวจไดจ้ านวน 270 clusters โดยแบง่ เปน็ พ้นื ที่ปา่ จานวน 263 clusters และที่ไม่ใช่ป่า
จานวน 7 clusters สามารถแบง่ ลกั ษณะการใช้ประโยชน์ทีด่ นิ ไดเ้ ปน็ ประเภทต่างๆ ดงั น้ี
1) ป่าดิบชื้น จานวน 6 clusters
2) ปา่ ดบิ เขา จานวน 6 clusters
3) ปา่ ดบิ แลง้ จานวน 181 clusters
4) ปา่ เบญจพรรณ จานวน 67 clusters
5) ป่าเตง็ รงั จานวน 3 clusters
6) พื้นทีเ่ กษตรกรรม จานวน 5 clusters
7) ไม่สามารถเขา้ ทาการสารวจได้ (drop) จานวน 2 clusters
11
ภาพท่ี 5 ผลการดาเนินการสารวจทรพั ยากรป่าไม้ในพน้ื ทก่ี ล่มุ ปา่ แกง่ กระจาน ปงี บประมาณ
พ.ศ. 2551 – 2553 (กมุ ภาพันธ์ 2551 – สงิ หาคม 2553)
12
ภาพท่ี 6 แผนทล่ี ักษณะการใช้ประโยชนท์ ดี่ ินในพนื้ ทอี่ ุทยานแหง่ ชาติกุยบรุ ี
13
ภาพท่ี 7 แผนท่ีลกั ษณะการใช้ประโยชนท์ ีด่ นิ ในพนื้ ทเ่ี ขตรักษาพนั ธ์ุสตั วป์ ่าแม่น้าภาชี
14
ภาพที่ 8 แผนทล่ี กั ษณะการใช้ประโยชนท์ ด่ี ินในพนื้ ท่ีอทุ ยานแหง่ ชาตเิ ฉลิมพระเกยี รติไทยประจนั
15
ภาพที่ 9 แผนท่ีลกั ษณะการใชป้ ระโยชน์ท่ดี นิ ในพน้ื ท่ีอุทยานแหง่ ชาตแิ กง่ กระจาน
16
การนาเขา้ ขอ้ มูลสูร่ ะบบฐานขอ้ มูลและการประมวลผล
จะเป็นการนาข้อมูลพันธ์ุไม้ท่ีสารวจพบจากภาคสนาม ทั้งในลักษณะของชนิดพันธ์ุ ปริมาณ
และการกระจายในแต่ละชนิดพันธ์ุ บริเวณกลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยทาการวิเคราะห์และจัดเก็บ
อย่างเป็นระบบ ท้งั ในรปู ของข้อมูลแผนทีเ่ ชิงตัวเลข ตาแหน่งท่ีตั้ง ทิศทางและระยะทาง ความสัมพันธ์
ของชนิดพันธ์ุกับพื้นท่ี การเรียกค้นและจัดกลุ่มของพันธ์ุไม้ที่สารวจพบ รวมทั้งข้อมูลทรัพยากรอื่น ๆ
ท่ีเกี่ยวข้อง ตามแบบบันทึกข้อมูล โดยได้ทาการนาเข้าข้อมูลไปแล้วจานวน 270 Clusters ซึ่งเป็น
ข้อมูลการสารวจบริเวณเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าแม่น้าภาชี อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน
จังหวัดราชบุรี และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอุทยานแห่งชาติ
แก่งกระจาน โดยได้ทาการประมวลผลเบ้ืองต้น เกี่ยวกับปรมิ าณไม้ ปริมาตรไม้ และชนดิ ไมท้ ี่พบ
ของทง้ั 4 พืน้ ท่ี ดังนี้
1. เขตรักษาพันธ์สุ ัตว์ปา่ แม่น้าภาชี
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้าภาชี จาแนกพื้นท่ีตามลักษณะการใช้ประโยชน์ท่ีดิน เป็นป่าดิบ
แล้ง ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง โดยป่าดิบเขามีเนื้อที่มากที่สุด รองลงมาได้แก่
ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง ตามลาดับ โดยมีความหนาแน่นของพรรณไม้ในป่าเต็งรัง
มากที่สุด เท่ากับ 103.54 ต้น/ไร่ รองลงมาได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา และป่าเบญจพรรณ
เท่ากบั 98.88 89.60 และ 35.36 ต้น/ไร่ ตามลาดับ ปริมาตรของพรรณไม้ในป่าดิบแล้งมากท่ีสุด
เท่ากับ 16.20 ลบ.ม./ไร่ รองลงมาได้แก่ ป่าดิบเขา ป่าเต็งรัง และป่าเบญจพรรณ เท่ากับ 12.67
10.82 และ 7.54 ลบ.ม./ ไร่ ตามลาดบั (ตารางที่ 3, ภาพที่ 10 - 12)
ค่าดัชนีความสาคัญของพันธุ์ไม้ (IVI) ของป่าดิบแล้ง 5 อันดับแรก ได้แก่ ข่อยหนาม
ทลายเขา สมอดีงู พลองขาวและดาดง ตามลาดับ ป่าดิบเขา 5 อันดับแรก ได้แก่ เสลาดา พืชสกุล
Croton ปอแก่นเทา หาด และสะเดาช้าง ป่าเบญจพรรณ 5 อันดับแรก ได้แก่ ตะแบกเปลือกบาง
งิ้วป่า กางขี้มอด ประดู่และเปล้าใหญ่ ป่าเต็งรัง 5 อันดับแรก ได้แก่ กุ๊ก รัง แดง เหียงและประดู่
ตามลาดบั (ตารางที่ 4 – 7)
ค่าความหลากหลายของชนิด (species diversity) ของป่าเบญจพรรณมีค่ามากท่ีสุด
เท่ากับ 4.175 รองลงมา ได้แก่ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขาและป่าดิบแล้ง เท่ากับ 3.000 2.772 และ
2.688 ตามลาดับ ความเท่าเทียมกันของชนิดพันธ์ุ (species evenness) ของป่าเบญจพรรณมีค่า
มากท่ีสุด เท่ากับ 0.823 รองลงมาได้แก่ ป่าดิบเขา ป่าเต็งรังและป่าดิบแล้ง เท่ากับ 0.800 0.775
และ 0.610 ตามลาดับ ความมากมายของชนิดพันธ์ุ (species richness) ของป่าเบญจพรรณมีค่า
มากที่สุด เท่ากับ 21.354 รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าดิบเขา เท่ากับ 11.113
7.658 และ 6.608 ตามลาดบั (ตารางที่ 8)
17
ตารางท่ี 3 ลักษณะการใช้ประโยชนท์ ด่ี นิ ปรมิ าณ และปริมาตรไมจ้ าแนกตามประเภทพื้นทบ่ี ริเวณ
เขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ า่ แม่น้าภาชี
ประเภทป่า พ้นื ท่ี ความหนาแน่น ปริมาตร ปริมาณไม้ทัง้ หมด
(Forest Type) ไร่ เฮกตาร์ ตน้ / ต้น/ ลบ.ม./ ลบ.ม./ จานวน ปรมิ าตร
60,915.76 9,746.52 ไร่ เฮกตาร์ (ตน้ ) (ลบ.ม.)
ป่าดบิ แล้ง 155,269.31 24,843.09 98.88 618.00 ไร่ เฮกตาร์ 6,023,350 987,078.03
(Dry Evergreen Forest) 89.60 560.00 16.20 101.27 13,912,130 1,967,883.46
ป่าดิบเขา 91,930.27 14,708.84 12.67 79.21
(Hill Evergreen Forest) 35.36 220.97 3,250,246 692,909.33
ป่าเบญจพรรณ 2,512.70 402.03 7.54 47.11
(Mixed Deciduous 77,657.01 12,425.12 103.54 647.11 260,172 27,180.17
forest) 10.82 67.61
ปา่ เตง็ รงั 75.48 471.74 5,861,475 918,762.75
(Dry Dipterocarp 11.83 73.94
forest)
เฉลีย่ (Average)
ภาพท่ี 10 ประเภทปา่ (Forest Type) ของพ้ืนท่เี ขตรกั ษาพันธ์สุ ตั ว์ปา่ แม่น้าภาชี
18
ภาพท่ี 11 ความหนาแนน่ (Density) ในแต่ละประเภทพื้นที่ของเขตรักษาพันธ์สุ ตั วป์ า่ แม่น้าภาชี
ภาพท่ี 12 ปริมาตรไม้ (Volume) ในแต่ละประเภทพนื้ ท่ีของเขตรักษาพันธ์สุ ตั วป์ ่าแม่น้าภาชี
ตารางท่ี 4 คา่ ดัชนีความสาคัญของพนั ธ์ไุ ม้ (IVI) ของป่าดิบแลง้ ในพ้นื ท่ี
เขตรกั ษาพันธ์ุสัตวป์ า่ แมน่ า้ ภาชี 5 อนั ดับแรก
ลาดับ ชอ่ื พันธ์ุไม้ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ IVI
1 ข่อยหนาม Streblus ilicifolius 43.208
2 ทลายเขา Antheroporum glaucum 41.543
3 สมอดงี ู Terminalia citrina 31.584
4 พลองขาว Antidesma neurocarpum 22.967
5 ดาดง Diospyros pubicalyx 17.928
19
ตารางที่ 5 คา่ ดชั นคี วามสาคัญของพนั ธุ์ไม้ (IVI) ของป่าดิบเขาในพ้ืนที่
เขตรักษาพนั ธ์สุ ตั ว์ปา่ แม่นา้ ภาชี 5 อันดับแรก
ลาดับ ชอ่ื พันธไ์ุ ม้ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ IVI
1 เสลาดา Lagerstroemia undulata var. undulata 20.019
2 Croton sp. Croton sp. 18.134
3 ปอแกน่ เทา Grewia eriocarpa 17.399
4 หาด Artocarpus lacucha 9.761
5 สะเดาช้าง Rhus succedanea 7.495
ตารางท่ี 6 คา่ ดัชนคี วามสาคัญของพนั ธไ์ุ ม้ (IVI) ของป่าเบญจพรรณในพ้นื ท่ี
เขตรักษาพนั ธ์ุสัตวป์ า่ แม่นา้ ภาชี 5 อนั ดับแรก
ลาดับ ชอื่ พันธ์ไุ ม้ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ IVI
22.407
1 ตะแบกเปลือกบาง Lagerstroemia duperreana 14.977
12.936
2 งิ้วปา่ Bombax anceps var. anceps 12.32
10.292
3 กางข้ีมอด Albizia odoratissima
4 ประดู่ Pterocarpus macrocarpus
5 เปล้าใหญ่ Croton roxburghii
ตารางท่ี 7 ค่าดชั นีความสาคัญของพนั ธุไ์ ม้ (IVI) ของป่าเต็งรงั ในพ้ืนท่ี
เขตรกั ษาพันธส์ุ ตั ว์ปา่ แม่น้าภาชี 5 อนั ดับแรก
ลาดบั ชอื่ พันธุไ์ ม้ ช่ือวิทยาศาสตร์ IVI
1 กกุ๊ Lannea coromandelica 41.803
2 รัง Shorea siamensis 32.092
3 แดง Xylia xylocarpa var. kerri 21.951
4 เหยี ง Dipterocarpus obtusifolius 20.727
5 ประดู่ Pterocarpus macrocarpus 19.458
20
ตารางท่ี 8 ค่าความหลากหลายของชนดิ (species diversity) ความเท่าเทยี มกันของชนิดพันธ์ุ
(species evenness) และความมากมายของชนดิ พนั ธุ์ (species richness)
ในพน้ื ทเ่ี ขตรกั ษาพนั ธุ์สัตวป์ า่ แมน่ ้าภาชี
ประเภทปา่ species diversity species evenness species richness
ป่าดิบแลง้ 2.688 0.610 11.113
ป่าดิบเขา 2.772 0.800 6.608
ปา่ เบญจพรรณ 4.175 0.823 21.354
ปา่ เตง็ รงั 3.000 0.775 7.658
2. อุทยานแหง่ ชาติเฉลิมพระเกียรตไิ ทยประจนั
อทุ ยานแห่งชาตเิ ฉลิมพระเกียรติไทยประจัน จาแนกพ้ืนท่ีตามลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน
เป็น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง โดยป่าเบญจพรรณมีเน้ือท่ีมากท่ีสุด รองลงมา ได้แก่
ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง ตามลาดับ โดยมีความหนาแน่นของพรรณไม้ในป่าเต็งรังมากท่ีสุด เท่ากับ
139.20 ต้น/ไร่ รองลงมาได้แก่ ป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง เท่ากับ 45.56 และ 45.55 ต้น/ ไร่
ตามลาดับ ปริมาตรของพรรณไม้ในป่าดิบแล้งมากท่ีสุด เท่ากับ 14.38 ลบ.ม./ไร่ รองลงมา
ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง เท่ากับ 7.22 และ 6.12 ลบ.ม./ ไร่ ตามลาดับ (ตารางที่ 9,
ภาพท่ี 13 - 15)
คา่ ดชั นคี วามสาคัญของพนั ธไุ์ ม้ (IVI) ของป่าดิบแล้ง 5 อันดับแรก ได้แก่ สมพง เปล้าใหญ่
ทลายเขา ตะแบกเปลือกบาง และอีแปะ ตามลาดับ ป่าเบญจพรรณ 5 อันดับแรก ได้แก่ เปล้าใหญ่
แดง งิ้วป่า ขี้อ้าย และปอแก่นเทา ป่าเต็งรัง 5 อันดับแรกได้แก่ รัง แดง ประดู่ มะเกลือเลือด และ
มะกอกเกลื้อน ตามลาดบั (ตารางที่ 10 – 12)
ค่าความหลากหลายของชนิด (species diversity) ของป่าเบญจพรรณมีค่ามากที่สุด
เท่ากับ 4.253 รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง เท่ากับ 4.045 และ 2.406 ตามลาดับ
ความเท่าเทียมกันของชนิดพันธุ์ (species evenness) ของป่าดิบแล้งมีค่ามากที่สุด เท่ากับ
0.797 รองลงมา ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง เท่ากับ 0.785 0.694 ตามลาดับ ความ
มากมายของชนิดพันธุ์ (species richness) ของป่าเบญจพรรณมีค่ามากที่สุด เท่ากับ 27.067
รองลงมา ได้แก่ ปา่ ดิบแลง้ และป่าเตง็ รงั เท่ากับ 22.353 และ 5.099 ตามลาดบั (ตารางท่ี 13)
21
ตารางที่ 9 ลักษณะการใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ ปริมาณ และปริมาตรไมจ้ าแนกตามประเภทพื้นท่บี รเิ วณ
อุทยานแห่งชาติเฉลมิ พระเกยี รติไทยประจนั
ประเภทป่า พื้นทีท่ ง้ั หมด ความหนาแน่น ปรมิ าตร ปรมิ าณไม้ทงั้ หมด
(Forest Type) ไร่ เฮกตาร์
ต้น/ ตน้ / ลบ.ม./ ลบ.ม./ จานวน ปริมาตร
ปา่ ดบิ แล้ง ไร่ เฮกตาร์ ไร่ เฮกตาร์ (ตน้ ) (ลบ.ม.)
(Dry Evergreen
Forest) 62,984.16 10,077.47 45.55 284.68 14.38 89.85 2,868,861.48 905,475.07
ป่าเบญจพรรณ 139,280.38 22,284.86 45.56 284.75 7.22 45.12 6,345,653.62 1,005,474.61
(Mixed Deciduous
forest) 481.44 77.03 139.20 870.00 6.12 38.25 67,016.45 2,946.22
67,581.99 10,813.12 45.77 286.12 9.44 58.99 3,093,843.85 637,965.30
ป่าเต็งรัง
(Dry Dipterocarp
forest)
เฉลยี่ (Average)
ภาพที่ 13 ประเภทป่า (Forest Type) ของพน้ื ที่อทุ ยานแหง่ ชาตเิ ฉลมิ พระเกียรติไทยประจนั
22
ภาพที่ 14 ความหนาแน่น (Density) ในแตล่ ะประเภทพนื้ ทขี่ องอุทยานแหง่ ชาติเฉลมิ พระเกียรติไทยประจนั
ภาพที่ 15 ปรมิ าตรไม้ (Volume) ในแตล่ ะประเภทพื้นท่ขี องอุทยานแหง่ ชาตเิ ฉลิมพระเกียรติ
ไทยประจัน
ตารางที่ 10 ค่าดัชนีความสาคญั ของพันธุ์ไม้ (IVI) ของป่าดิบแลง้ ในพ้นื ท่ี
อุทยานแห่งชาตเิ ฉลิมพระเกียรติไทยประจนั 5 อันดบั แรก
ลาดับ ชื่อพนั ธไุ์ ม้ ช่อื วทิ ยาศาสตร์ IVI
16.097
1 สมพง Tetrameles nudiflora 15.70
10.951
2 เปล้าใหญ่ Croton roxburghii 10.365
10.322
3 ทลายเขา Antheroporum glaucum
4 ตะแบกเปลอื กบาง Lagerstroemia duperreana
5 อแี ปะ Vitex quinata
ตารางที่ 11 คา่ ดัชนีความสาคญั ของพนั ธุ์ไม้ (IVI) ของปา่ เบญจพรรณในพน้ื ท่ี 23
อทุ ยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน 5 อนั ดับแรก
IVI
ลาดบั ช่ือพนั ธ์ไุ ม้ ช่อื วทิ ยาศาสตร์ 14.143
1 เปลา้ ใหญ่ Croton roxburghii 11.844
2 แดง Xylia xylocarpa var. kerri 11.823
3 งว้ิ ป่า Bombax anceps var. anceps 11.539
4 ขี้อา้ ย Terminalia triptera 11.444
5 ปอแกน่ เทา Grewia eriocarpa
IVI
ตารางที่ 12 ค่าดัชนีความสาคญั ของพนั ธ์ุไม้ (IVI) ของปา่ เตง็ รังในพนื้ ที่ 79.297
อทุ ยานแห่งชาตเิ ฉลมิ พระเกียรติไทยประจัน 5 อนั ดบั แรก 28.431
25.557
ลาดับ ช่อื พนั ธไ์ุ ม้ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ 22.584
1 รัง Shorea siamensis 16.156
2 แดง Xylia xylocarpa var. kerri
3 ประดู่ Pterocarpus macrocarpus
4 มะเกลือเลือด Terminalia mucronata
5 มะกอกเกลือ้ น Canarium subulatum
ตารางที่ 13 ค่าความหลากหลายของชนิด (species diversity) ความเทา่ เทยี มกันของชนดิ พนั ธ์ุ
(species evenness) และความมากมายของชนดิ พนั ธ์ุ (species richness)
ในพ้ืนท่ีอทุ ยานแหง่ ชาติเฉลมิ พระเกยี รติไทยประจัน
ประเภทป่า species diversity species evenness species richness
ปา่ ดิบแลง้ 4.045 0.797 22.353
ป่าเบญจพรรณ 4.253 0.785 27.067
ปา่ เตง็ รัง 2.406 0.694 5.099
24
3. อุทยานแห่งชาตกิ ุยบุรี
อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จาแนกพื้นที่ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ท่ีดิน เป็นป่าดิบช้ืน
ปา่ ดบิ แล้ง ปา่ เบญจพรรณ และพนื้ ทีเ่ กษตร โดยป่าดิบแล้งมีเนื้อที่มากท่ีสุด รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบชื้น
ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ตามลาดับ โดยมีความหนาแน่นของพรรณไม้ในป่าดิบแล้งมากที่สุด
เท่ากับ 177.60 ต้น/ไร่ รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบช้ืน ป่าเบญจพรรณ และพื้นที่เกษตรกรรม เท่ากับ
141.46 62.91 และ 21.52 ตน้ /ไร่ ตามลาดบั ปริมาตรของพรรณไม้ในป่าดิบชื้นมากท่ีสุด เท่ากับ
48.40 ลบ.ม./ไร่ รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และพื้นท่ีเกษตรกรรม เท่ากับ 21.10
4.69 และ 1.91 ลบ.ม./ไร่ ตามลาดับ (ตารางท่ี 14, ภาพท่ี 16 - 18)
ค่าดัชนคี วามสาคัญของพันธุไ์ ม้ (IVI) ของป่าดิบช้ืน 5 อนั ดบั แรก ได้แก่ ข่อยหนาม ตะแบกเปลือก
บาง กระเบากลัก ทลายเขา และตะเคยี นทอง ตามลาดบั ป่าดิบแล้ง 5 อันดับแรก ได้แก่ ข่อยหนาม
ฝ่ินแดง ทลายเขา จันทน์ชะมด และกระเบากลัก ป่าเบญจพรรณ 5 อันดับแรก ได้แก่ สาโรง
เปล้าใหญ่ ขอ่ ยหนาม มะเดือ่ ปลอ้ ง และปอแก่นเทา พื้นท่ีเกษตรกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ อินทนิล
บก สาโรง กระถนิ ขนุนบ้าน และเพกา ตามลาดับ (ตารางท่ี 15 – 18)
ค่าความหลากหลายของชนิด (species diversity) ของป่าเบญจพรรณมีค่ามากที่สุด
เท่ากับ 3.689 รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง เท่ากับ 2.871 และ 2.743 ตามลาดับ
ความเท่าเทียมกันของชนิดพันธ์ุ (species evenness) ของป่าเบญจพรรณมีค่ามากท่ีสุด เท่ากับ
0.826 รองลงมาได้แก่ ป่าดิบช้ืน และป่าดิบแล้ง เท่ากับ 0.622 และ 0.488 ตามลาดับ
ความมากมายของชนิดพันธุ์ (species richness) ของป่าดิบแล้งมีค่ามากท่ีสุด เท่ากับ 28.218
รองลงมา ได้แก่ ปา่ ดบิ ชื้น และป่าเบญจพรรณ เท่ากับ 12.561 และ 12.479 ตามลาดับ (ตารางท่ี 19)
25
ตารางท่ี 14 ลักษณะการใช้ประโยชนท์ ีด่ ิน ปรมิ าณ และปรมิ าตรไมจ้ าแนกตามประเภทพ้นื ท่บี ริเวณ
อุทยานแหง่ ชาติกุยบุรี
ชนดิ ปา่ พนื้ ทที่ ้งั หมด ความหนาแน่น ปรมิ าตร ปริมาณไม้ท้ังหมด
(Forest Type) ไร่ เฮกตาร์
241,822.31 38,691.57 ต้น/ ตน้ / ลบ.ม./ ลบ.ม./ จานวน ปริมาตร
ปา่ ดิบชน้ื ไร่ เฮกตาร์ ไร่ เฮกตาร์
(Tropical 356,014.22 56,962.28 (ต้น) (ลบ.ม.)
Evergreen Forest) 141.46 884.12 48.40 302.51
ป่าดบิ แลง้ 23.381.79 3,741.09 34,207,899.48 11,704,736.25
(Dry Evergreen
Forest) 14,315.71 2,290.51 177.60 1,110.00 21.10 131.89 63,228,125.47 7,512,766.52
ปา่ เบญจพรรณ 158,883.51 25,421.36
(Mixed 62.91 393.18 4.69 29.34 1,470,927.15 109,766.33
Deciduous
Forest) 21.52 134.50 1.91 11.94 308,074.08 27,340.06
พื้นที่เกษตร 156.11 975.70 30.45 190.34 24,803,756.54 4,838,652.29
(Agriculture Land)
เฉลีย่ (Average)
ภาพท่ี 16 ประเภทป่า (Forest Type) ของพื้นท่ีอุทยานแห่งชาตกิ ุยบรุ ี
26
ภาพท่ี 17 ความหนาแนน่ (Density) ในแต่ละประเภทพ้ืนทีข่ องอทุ ยานแหง่ ชาติกุยบุรี
ภาพท่ี 18 ปริมาตร (Volume) ในแตล่ ะประเภทพืน้ ท่ขี องอทุ ยานแหง่ ชาติกยุ บุรี
ตารางท่ี 15 ค่าดัชนีความสาคัญของพนั ธ์ุไม้ (IVI) ของปา่ ดิบชน้ื ในพ้นื ท่ี
อทุ ยานแหง่ ชาตกิ ุยบุรี 5 อนั ดบั แรก
ลาดับ ช่อื พันธไ์ุ ม้ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ IVI
9.619
1 ข่อยหนาม Streblus ilicifolius 6.710
5.725
2 ตะแบกเปลือกบาง Lagerstroemia duperreana 5.502
5.092
3 กระเบากลกั Hydnocarpus ilicifolius
4 ทลายเขา Antheroporum glaucum
5 ตะเคียนทอง Hopea odorata
27
ตารางท่ี 16 คา่ ดัชนีความสาคัญของพันธุ์ไม้ (IVI) ของปา่ ดิบแล้งในพน้ื ที่
อุทยานแห่งชาติกุยบุรี 5 อันดบั แรก
ลาดบั ชอื่ พันธุ์ไม้ ชื่อวิทยาศาสตร์ IVI
1 ขอ่ ยหนาม Streblus ilicifolius 73.967
2 ฝ่ินแดง Cleistanthus sumatranus 25.408
3 ทลายเขา Antheroporum glaucum 13.847
4 จันทน์ชะมด Mansonia gagei 9.566
5 กระเบากลกั Hydnocarpus ilicifolius 9.454
ตารางที่ 17 ค่าดชั นีความสาคัญของพนั ธุ์ไม้ (IVI) ของป่าเบญจพรรณในพ้ืนที่
อทุ ยานแหง่ ชาติกยุ บุรี 5 อันดับแรก
ลาดบั ชื่อพนั ธ์ไุ ม้ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ IVI
1 สาโรง Sterculia foetida 26.140
2 เปล้าใหญ่ Croton roxburghii 20.876
3 ขอ่ ยหนาม Streblus ilicifolius 14.127
4 มะเดื่อปลอ้ ง Ficus hispida 12.475
5 ปอแกน่ เทา Grewia eriocarpa 10.870
ตารางที่ 18 ค่าดชั นีความสาคัญของพนั ธ์ุไม้ (IVI) ของพ้นื ที่เกษตรกรรมในพน้ื ท่ี
อุทยานแห่งชาตกิ ยุ บรุ ี 5 อันดบั แรก
ลาดับ ชอื่ พันธ์ไุ ม้ ชื่อวิทยาศาสตร์ IVI
1 อินทนลิ บก Lagerstroemia macrocarpa 125.377
2 สาโรง Sterculia foetida 56.695
3 กระถิน Leucaena leucocephala 40.519
4 ขนุนบา้ น Artocarpus heterophyllus 32.696
5 เพกา Oroxylum indicum 17.057
ตารางที่ 19 ค่าความหลากหลายของชนดิ (species diversity) ความเท่าเทยี มกนั ของชนิดพนั ธ์ุ
(species evenness) และความมากมายของชนดิ พันธุ์ (species richness)
ในพ้นื ท่ีอุทยานแห่งชาตกิ ุยบรุ ี
ประเภทป่า species diversity species evenness species richness
ป่าดบิ ชืน้ 2.817 0.622 12.561
ปา่ ดบิ แลง้ 2.743 0.488 28.218
ปา่ เบญจพรรณ 3.689 0.826 12.479
28
4. อทุ ยานแห่งชาตแิ กง่ กระจาน
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จาแนกพื้นที่ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน
เป็นป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ และพื้นท่ีเกษตร โดยป่าเบญจพรรณมีเนื้อที่
มากท่ีสุด รองลงมาได้แก่ ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา และพ้ืนที่เกษตรกรรม ตามลาดับ โดยมี
ความหนาแน่นของพรรณไม้ในป่าดิบแล้งมากท่ีสุด เท่ากับ 127.53 ต้น/ไร่ รองลงมา ได้แก่
ป่าดิบช้ืน ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา และพื้นที่เกษตรกรรม เท่ากับ 95.60 63.34 50.37 และ
1.60 ต้น/ไร่ ตามลาดับ (ตารางท่ี 20, ภาพที่ 20) ปริมาตรของพรรณไม้ในป่าดิบชื้นมากท่ีสุด เท่ากับ
73.40 ลบ.ม./ไร่ รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และพ้ืนท่ีเกษตรกรรม
เทา่ กับ 24.81 17.90 7.02 และ 1.24 ลบ.ม./ไร่ ตามลาดับ (ตารางที่ 20, ภาพท่ี 19 - 21)
คา่ ดชั นีความสาคัญของพันธุ์ไม้ (IVI) ของป่าดิบชน้ื 5 อันดับแรก ได้แก่ ตาเสือ ฝิ่นแดง ยาง
โอน สมพง และขอ่ ยหนาม ตามลาดับ ป่าดิบแลง้ 5 อันดับแรก ได้แก่ ข่อยหนาม ฝิ่นแดง จันทน์ชะมด
ทลายเขา และกระเบากลัก ป่าดิบเขา 5 อันดับแรก ได้แก่ หว้าเขา โพบาย มังตาน มะฮังใหญ่
และข่อยหนาม ป่าเบญจพรรณ 5 อันดับแรก ได้แก่ เปล้าใหญ่ ข่อยหนาม หมากเล็กหมากน้อย แดง
และตะแบกเปลือกบาง พื้นท่ีเกษตรกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ กระถิน กระเชา โมกมัน ยาบใบยาว
และข่อยหนาม ตามลาดบั (ตารางที่ 21 – 25)
ค่าความหลากหลายของชนิด (species diversity) ของป่าเบญจพรรณมีค่ามากที่สุด
เท่ากับ 4.106 รองลงมาได้แก่ ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น เท่ากับ 4.016 3.154 และ
2.496 ตามลาดับ ความเท่าเทียมกันของชนิดพันธุ์ (species evenness) ของป่าดิบเขามีค่า
มากที่สุด เท่ากับ 0.842 รองลงมาได้แก่ ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบช้ืน และป่าดิบแล้ง เท่ากับ 0.776
0.681 และ 0.499 ตามลาดับ ความมากมายของชนิดพันธุ์ (species richness) ของป่าดิบแล้ง
มีค่ามากท่ีสุด เท่ากับ 51.463 รองลงมา ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา และป่าดิบชื้น เท่ากับ
23.995 17.513 และ 6.097 ตามลาดบั (ตารางที่ 26)
29
ตารางที่ 20 ลักษณะการใช้ประโยชนท์ ่ดี ิน ปริมาณ และปรมิ าตรไม้จาแนกตามประเภทพืน้ ที่บรเิ วณอทุ ยาน
แหง่ ชาติแกง่ กระจาน
ชนิดป่า (Forest พ้นื ทีท่ ้ังหมด ความหนาแน่น ปริมาตร ปริมาณไมท้ ั้งหมด
ต้น/ ลบ.ม./ ลบ.ม./
Type) ไร่ เฮกตาร์ จานวน ปรมิ าตร
ต้น/ไร่ เฮกตาร์ ไร่ เฮกตาร์
95.60 597.50 73.40 458.75 (ต้น) (ลบ.ม.)
ป่าดิบช้นื 501,397.80 80,223.65 127.53 797.06 17.90 111.89 47,933,629.68 36,802,508.68
(Tropical 50.37 314.80 24.81 155.07
Evergreen Forest) 63.34 395.89 7.02 43.89
ปา่ ดบิ แลง้ 490,291.99 78,446.72 1.60 10.00 1.24 7.74 62,526,730.32 8,777,257.54
82.23 513.91 24.08 153.19
(Dry Evergreen
Forest)
ป่าดิบเขา 62,584.05 10,013.45 3,152,233.43 1,552,781.82
(Hill Evergreen
Forest)
ป่าเบญจพรรณ 1,206,181.37 192,989.02 76,402,208.38 8,469,861.29
(Mixed
Deciduous
Forest)
พื้นทเ่ี กษตร 51,424.36 8,227.90 82,278.98 63,646.24
(Agriculture Land)
เฉลีย่ (Average) 462,375.91 73,980.15 38,019,416.16 11,133,211.11
ภาพท่ี 19 ประเภทป่า (Forest Type) ของพ้ืนทีอ่ ทุ ยานแห่งชาติแก่งกระจาน
30
ภาพท่ี 20 ความหนาแนน่ (Density) ในแต่ละประเภทพน้ื ท่ขี องอทุ ยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ภาพที่ 21 ปรมิ าตร (Volume) ในแต่ละประเภทพืน้ ท่ีของอุทยานแหง่ ชาติแกง่ กระจาน
ตารางท่ี 21 คา่ ดัชนีความสาคัญของพนั ธุ์ไม้ (IVI) ของปา่ ดิบช้ืนในพ้ืนท่ี
อทุ ยานแห่งชาติแกง่ กระจาน 5 อนั ดับแรก
ลาดับ ชื่อพันธ์ุไม้ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ IVI
1 ตาเสอื Aphanamixis polystachya 37.596
2 ฝน่ิ แดง Cleistanthus sumatranus 28.476
3 ยางโอน Polyalthia viridis 26.739
4 สมพง Tetrameles nudiflora 24.399
5 ขอ่ ยหนาม Streblus ilicifolius 18.869
ตารางท่ี 22 ค่าดัชนีความสาคัญของพนั ธุ์ไม้ (IVI) ของปา่ ดิบแล้งในพื้นท่ี 31
อทุ ยานแห่งชาติแกง่ กระจาน 5 อันดับแรก
IVI
ลาดบั ชื่อพนั ธ์ุไม้ ชือ่ วิทยาศาสตร์ 71.489
1 ขอ่ ยหนาม Streblus ilicifolius 29.928
2 ฝน่ิ แดง Cleistanthus sumatranus 17.539
3 จันทน์ชะมด Mansonia gagei 11.949
4 ทลายเขา Antheroporum glaucum 9.826
5 กระเบากลัก Hydnocarpus ilicifolius
IVI
ตารางท่ี 23 คา่ ดชั นีความสาคญั ของพนั ธ์ุไม้ (IVI) ของป่าดิบเขาในพื้นที่ 23.678
อุทยานแห่งชาตแิ ก่งกระจาน 5 อันดับแรก
14.386
ลาดับ ชอ่ื พันธุ์ไม้ ช่อื วทิ ยาศาสตร์ 13.847
1 หวา้ เขา Cleistocalyx operculatus var. 10.889
operculatus 9.261
2 โพบาย Balakata baccata
3 มงั ตาน Schima wallichii IVI
4 มะฮังใหญ่ Macaranga pruinosa 21.106
5 ข่อยหนาม Streblus ilicifolius 17.606
13.074
ตารางท่ี 24 ค่าดชั นีความสาคัญของพันธ์ุไม้ (IVI) ของปา่ เบญจพรรณในพนื้ ท่ี 10.368
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 5 อันดบั แรก 10.291
ลาดบั ชื่อพันธไ์ุ ม้ ชอ่ื วิทยาศาสตร์
1 เปล้าใหญ่ Croton roxburghii
2 ขอ่ ยหนาม Streblus ilicifolius
3 หมากเลก็ หมากน้อย Vitex gamosepala
4 แดง Xylia xylocarpa var. kerri
5 ตะแบกเปลอื กบาง Lagerstroemia duperreana
32
ตารางที่ 25 คา่ ดชั นีความสาคญั ของพันธุ์ไม้ (IVI) ของพ้นื ท่ีเกษตรกรรมในพื้นท่ี
อุทยานแห่งชาตแิ ก่งกระจาน 5 อันดับแรก
ลาดับ ชื่อพันธุไ์ ม้ ช่อื วิทยาศาสตร์ IVI
1 กระถนิ Leucaena leucocephala 127.144
2 กระเชา Holoptelea integrifolia 14.935
3 โมกมนั Wrightia arborea 13.323
4 ยาบใบยาว Colona flagrocarpa 12.293
5 ข่อยหนาม Streblus ilicifolius 9.602
ตารางท่ี 26 ค่าความหลากหลายของชนิด (species diversity) ความเท่าเทยี มกันของชนิดพนั ธ์ุ
(species evenness) และความมากมายของชนิดพันธุ์ (species richness)
ในพืน้ ท่ีอทุ ยานแหง่ ชาตแิ กง่ กระจาน
ประเภทป่า species diversity species evenness species richness
ปา่ ดบิ ช้นื 2.496 0.681 6.097
ป่าดิบแลง้ 3.154 0.499 51.463
ป่าดิบเขา 4.016 0.842 17.513
ป่าเบญจพรรณ 4.106 0.776 23.995
33
สรุปผลการศึกษาวิจัย
จากผลการสารวจชนิดพันธุ์ ปริมาณ และการกระจายของพันธุ์พืช ในบริเวณพื้นท่ี
กลุ่มป่าแก่งกระจาน ซึ่งประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้าภาชี โดยกาหนด
กลุ่มแปลงตัวอย่างถาวร (Permanent Plot) จากนั้นทาการเลือกกลุ่มแปลงตัวอย่างท่ีจะเก็บข้อมูล
โดยใช้วิธี Stratified Random Sampling ซ่ึงใช้การสารวจแบบกลุ่ม (Cluster Plot) รวมจานวน
ท้ังหมด 270 แปลงตวั อยา่ ง
จากการศึกษา พบว่า พ้ืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่นา้ ภาชี มีความหนาแน่นของพรรณ
ไม้ในป่าเต็งรังมากท่ีสุด เท่ากับ 647.11 ต้น/เฮกตาร์ รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา และ
ป่าเบญจพรรณ เท่ากับ 618.00 560.00 และ 220.97 ต้น/เฮกตาร์ ตามลาดับ ปริมาตรของ
พรรณไม้ในป่าดิบแล้งมากท่ีสุด เทา่ กบั 101.27 ลบ.ม./เฮกตาร์ รองลงมา ไดแ้ ก่ ปา่ ดิบเขา ป่าเต็งรัง
และปา่ เบญจพรรณ เท่ากบั 79.21 67.61 และ 47.11 ลบ.ม./เฮกตาร์ ตามลาดบั
พ้ืนที่อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน มีความหนาแน่นของพรรณไม้ในป่า
เต็งรังมากท่ีสุด เท่ากับ 870.00 ต้น/เฮกตาร์ รองลงมา ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง
เทา่ กบั 284.75 และ 284.68 ต้น/เฮกตาร์ ตามลาดับ ปริมาตรของพรรณไม้ในป่าดิบแล้งมาก
ท่ีสุด เท่ากับ 89.85 ลบ.ม./เฮกตาร์ รองลงมา ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง เท่ากับ 45.12
และ 38.25 ลบ.ม./เฮกตาร์ ตามลาดบั
พ้ืนที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีความหนาแน่นของพรรณไม้ในป่าดิบแล้งมากท่ีสุด เท่ากับ
1,110.00 ต้น/เฮกตาร์ รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบช้ืน ป่าเบญจพรรณ และพ้ืนท่ีเกษตร เท่ากับ
884.12 393.18 และ 134.50 ต้น/เฮกตาร์ ตามลาดับ ปริมาตรของพรรณไม้ในป่าดิบช้ืนมากที่สุด
เท่ากับ 302.51 ลบ.ม./เฮกตาร์ รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และพื้นที่เกษตร
เท่ากับ 131.89 29.34 และ 11.94 ลบ.ม./เฮกตาร์ ตามลาดบั
พ้ืนที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีความหนาแน่นของพรรณไม้ในป่าดิบแล้งมากท่ีสุด
เท่ากับ 797.06 ต้น/เฮกตาร์ รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา และพื้นที่
เกษตร เท่ากับ 597.50 395.89 314.80 และ 10.00 ต้น/เฮกตาร์ ตามลาดับ ปริมาตรของพรรณ
ไม้ในป่าดิบช้ืนมากท่ีสุด เท่ากับ 458.75 ลบ.ม./เฮกตาร์ รองลงมา ได้แก่ ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง
ป่าเบญจพรรณ และพื้นที่เกษตร เท่ากับ 155.07 111.89 43.89 และ 7.74 ลบ.ม./เฮกตาร์
ตามลาดับ (ดังภาพที่ 22 - 23)
34
ภาพที่ 22 ความหนาแน่น (Density) ในแตล่ ะประเภทพื้นทีข่ องกล่มุ ปา่ แกง่ กระจาน
ภาพท่ี 23 ปรมิ าตร (Volume) ในแตล่ ะประเภทพ้ืนท่ีของกลมุ่ ป่าแกง่ กระจาน
35
ความหนาแน่นเฉล่ียของอุทยานแห่งชาติกุยบุรีมากท่ีสุด เท่ากับ 975.70 ต้น/เฮกตาร์
รองลงมา ไดแ้ ก่ อุทยานแหง่ ชาติแก่งกระจาน เขตรกั ษาพันธ์ุสัตว์ป่าแม่น้าภาชี และอุทยานแห่งชาติ
เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน เท่ากับ 513.91 471.74 และ 286.12 ตามลาดับ ปริมาตรเฉลี่ยของ
อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มากที่สุด เท่ากับ 190.34 รองลงมา ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้าภาชี และอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน เท่ากับ 153.19
73.94 และ 58.99 ลบ.ม./เฮกตาร์ ตามลาดบั ดังภาพท่ี 24
ภาพท่ี 24 ความหนาแน่นเฉล่ยี และ ปริมาตรเฉลย่ี ในแต่ละพื้นที่อนุรักษ์ในกลุ่มปา่ แกง่ กระจาน
ปญั หาและอปุ สรรค
การปรับลดงบประมาณในการดาเนินการในปี พ.ศ. 2553 จะทาให้การวางแปลงตัวอย่าง
ในภาคสนาม ไม่สามารถดาเนินการได้ตามแผนซ่ึงเป็นผลให้จานวนแปลงตัวอย่างในการสารวจลดลง
และมีผลต่อข้อมูลท่ีจะทาให้การศึกษาปริมาณและการกระจายของพันธุ์พืชในกลุ่มป่าแก่งกระจาน
ไมเ่ ปน็ ไปตามแผนงานท่ีกาหนดไว้ได้
36
เอกสารอ้างองิ
กอ่ งกานดา ชยามฤต. 2550. พรรณไม้ในอุทยานแหง่ ชาติแกง่ กระจาน. สานักอุทยานแห่งชาติ
กรมอุทยานแหง่ ชาติ สัตวป์ ่า และพนั ธ์ุพืช. กรุงเทพฯ.
ไซมอน การด์ เนอร์ พินดา สทิ ธสิ นุ ทร และวไิ ลวรรณ อนสุ าทร. 2543. ตน้ ไมเ้ มอื งเหนอื : คู่มอื ศกึ ษา
พรรณไม้ในป่าภาคเหนือ ประเทศไทย. โครงการจัดพิมพ์คบไฟ, กรงุ เทพฯ.
ชวลิต นยิ มธรรม. 2543. พันธ์ุไมใ้ นป่าฮาลา – บาลา. บรษิ ทั อมรนิ ทร์พริน้ ติ้งแอนดพ์ ับลิชชิง่ จากดั
(มหาชน), กรุงเทพฯ.
เตม็ สมิตินันทน.์ 2544. ช่ือพรรณไมแ้ หง่ ประเทศไทย. สว่ นพฤกษศาสตรป์ ่าไม้ สานักวิชาการป่าไม้
กรมปา่ ไม.้ พมิ พค์ รง้ั ที่ 2, บรษิ ทั ประชาชน จากดั .
ธรรมนูญ เต็มไชย ชลธร ชานาญคดิ และอภชิ า อย่สู มบูรณ์. 2553. ความหลากหลายของระบบ
นเิ วศและการใช้ประโยชนท์ ่ีดินในอทุ ยานแหง่ ชาติกุยบรุ ี และพนื้ ทแี่ นวเชื่อมตอ่ ระบบ
นิเวศระหวา่ งอทุ ยานแห่งชาตกิ ยุ บุรีและอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน. สว่ นศึกษาและ
วิจัยอทุ ยานแห่งชาติ สานกั อุทยานแหง่ ชาต.ิ กรงุ เทพฯ.
ธวัชชัย สันตสิ ขุ . 2549. ป่าของประเทศไทย. สานกั หอพรรณไม้ กรมอุทยานแหง่ ชาติ สัตวป์ า่
และพนั ธุ์พืช. กรุงเทพฯ.
ชวลิต นยิ มธรรม. 2540. ไมต้ น้ ในพน้ื ทีพ่ รุ จังหวดั นราธิวาส. ศูนยว์ ิจยั และศึกษาธรรมชาตปิ ่าพรุสิ
รินธร อาเภอสุไหวโก-ลก จงั หวัดนราธิวาส. บริษัท อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ติง้ แอนดพ์ ับลชิ ชงิ่ จากดั
(มหาชน), กรุงเทพฯ.
สานกั บริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ สานักวจิ ัยการอนรุ ักษป์ า่ ไมแ้ ละพันธ์ุพชื กรม
อุทยานแห่งชาติ สตั ว์ปา่ และพันธพ์ุ ชื . 2553. รายงานผลการดาเนินงาน : โครงการ
บริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ ในพน้ื ทีก่ ลุ่มปา่ แก่งกระจาน. สานักวจิ ยั การ
อนุรักษป์ ่าไม้
และพนั ธ์ุพืช กรมอุทยานแหง่ ชาติ สัตวป์ า่ และพันธ์ุพชื . กรุงเทพฯ.
Department of national parks, wildlife and plant conservation and International
Tropical Timber Organization. 2007. Technical Report Number 2 : sampling
design, plot establishment and estimation methods for Thailand’s
national forest resources monitoring information system. Department of
national parks, wildlife and plant conservation and International. Bangkok,
Thailand.
37
ภาคผนวก
38
ตารางผนวกที่ 1 รายชื่อพรรณไม้ในพื้นที่เขตรกั ษาพันธ์สุ ัตว์ปา่ แมน่ ้าภาชี จานวนตน้ (ต้น) และปริมาตร
(ลบ.ม.) เรยี งลาดบั ตามปรมิ าตรจากมากไปหาน้อย จานวน 50 ชนดิ แรก
ลาดับ ชอื่ สามญั ช่อื วทิ ยาศาสตร์ จานวนตน้ ปริมาตร
(ต้น) (ลบ.ม.)
1 สมอดีงู Terminalia citrina 550,735 209,834.08
2 ทลายเขา Antheroporum glaucum 1,177,588 156,121.74
3 ขอ่ ยหนาม Streblus ilicifolius 1,992,497 148,612.94
4 ตะแบกเปลอื กบาง Lagerstroemia duperreana 653,718 146,053.14
5 ประดู่ Pterocarpus macrocarpus 389,544 106,253.36
6 พลองขาว Antidesma neurocarpum 725,358 96,427.44
7 งว้ิ ปา่ Bombax anceps var. anceps 474,617 90,564.57
8 Unknow Unknow 452,230 85,764.22
9 กางข้ีมอด Albizia odoratissima 376,112 72,163.31
10 ตนี นก Vitex pinnata 197,011 71,674.36
11 กุ๊ก Lannea coromandelica 680,583 67,002.07
12 เสม็ดทงุ่ Lophopetalum duperreanum 165,668 66,451.78
13 ตะคร้า Garuga pinnata 179,101 66,407.01
35,820 61,546.66
14 Ficus sp. Ficus sp. 295,516 56,246.17
331,337 49,351.23
15 มะค่าแต้ Sindora siamensis 125,371 47,680.22
49,253 45,721.31
16 ปอแกน่ เทา Grewia eriocarpa 237,309 44,546.41
331,337 42,319.73
17 ผา่ เสย้ี น Vitex canescens 22,388 41,418.86
18 กาสามปีก Vitex peduncularis
19 ขี้อ้าย Terminalia triptera
20 แดง Xylia xylocarpa var. kerrii
21 ปรู Alangium salviifolium subsp.
hexapetalum
22 F.MORACEAE F.MORACEAE 4,478 38,624.44
577,600 38,172.66
23 ดาดง Diospyros pubicalyx 335,814 37,718.19
17,910 35,758.82
24 รงั Shorea siamensis 505,960 34,746.46
111,938 33,503.05
25 เขลง Dialium cochinchinense 313,426 32,383.22
40,298 31,863.83
26 ข่อยใบใหญ่ Streblus macrophyllus
27 สาโรง Sterculia foetida
28 อีแปะ Vitex quinata
29 มะแฟน Protium serratum
39
ตารางผนวกท่ี 1 (ต่อ)
ลาดบั ชอื่ สามัญ ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ จานวนต้น ปรมิ าตร
(ต้น) (ลบ.ม.)
30 ง้วิ Bombax ceiba 17,910 31,169.36
31 หาด Artocarpus lacucha 26,865 30,133.71
32 มะกอกเกล้อื น Canarium subulatum 125,371 29,740.14
33 เหียง Dipterocarpus obtusifolius 147,758 26,837.81
Millettia leucantha var. 223,876 26,112.01
34 สาธร buteoides
Tetrameles nudiflora 80,595 23,465.34
35 สมพง Buxus rolfei 255,219 23,266.99
36 ช้องราพนั Pterygota alata 23,219.08
37 หัวกา Afzelia xylocarpa 8,955 22,795.51
38 มะคา่ โมง Spondias pinnata 53,730 20,587.64
39 มะกอก Sterculia villosa 107,461 19,538.11
40 ปอตบู๊ หชู า้ ง Mitrephora keithii 134,326 18,926.93
41 มหาพรม Lagerstroemia tomentosa 268,651 18,536.94
42 เสลาขาว Lagerstroemia floribunda 8,955 18,488.58
43 ตะแบกนา Sapium insigne 125,371 17,976.35
44 ตาตมุ่ บก Millettia brandisiana 4,478 17,373.23
45 กระพี้จั่น Lagerstroemia calyculata 143,281 16,380.11
46 ตะแบกแดง Croton roxburghii 80,595 16,109.67
47 เปลา้ ใหญ่ Dalbergia oliveri 335,814 15,404.01
48 ชงิ ชนั Lagerstroemia undulata var. 62,685 14,835.82
49 เสลาดา undulata 8,955
Diospyros venosa
50 จนั ดา 49,253 14,123.44