The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wongduen, 2022-05-04 01:59:38

การโต้แย้ง

การโต้แย้ง

การโต้แยง้

การโต้แยง้ 

การโตแย้ง คือ การแสดงทรรศนะที่
ต่างกนั อย่างตรงกันข้าม แล้วตา่ งฝ่ายตา่ ง
หาเหตุผลมาสนับสนุนทรรศนะตนและ
คัดคา้ นทรรศนะอีกฝา่ ยหน่งึ

โครงสร้างของการโต้แยง้ 

โครงสร้างของการโต้แย้งจะประกอบด้วย ทรรศนะ
2 ทรรศนะที่มีข้อสรุปขัดแย้งกันกัน เจ้าของทรรศนะจะต้องเสนอ
หลักฐานข้อมูลต่าง ๆ สนับสนุนข้อสรุปหรือทรรศนะ และหักล้าง
ข้อสรุปหรอื ทรรศนะอกี ฝา่ ยหนึง่

 ขอ้ สงั เกต 

การโต้แยง้ ตา่ งกบั การโต้เถียง ตรงท่ีการโตแ้ ยง้ ใชเ้ หตผุ ลและประจักษ์
หลกั ฐานให้ไดข้ อ้ สรุปทถ่ี กู ต้องนาไปส่กู ารเปล่ยี นแปลงสภาพท่ีไม่พงึ ประสงค์

เข้าสสู่ ภาพทีพ่ งึ ประสงค์ ก่อให้เกิดประโยชน์ทง้ั แก่ส่วนตนและส่วนรวม
สว่ นการโต้เถยี งม่งุ ทีจ่ ะเอาชนะกันเป็นสาคญั จงึ มกั หนไี ม่พ้นการใช้อารมณ์

นาไปสู่ความแตกแยก การววิ าทและการใชก้ าลงั

มารยาทในการโต้แย้ง 

กระบวนการโต้แย้งจะดาเนินไปจนได้ข้อสรุปท่ีเป็นข้อยุติที่ดี
ไม่กลายเป็นการโต้เถียงได้ก็ต่อเม่ือคู่โต้แย้งต้องมีมารยาทในการโต้แย้งทั้ง
ทางอวัจนภาษาและวัจนภาษา ดงั น้ี

มารยาทในการใช้อวจั นภาษา
ให้คานึงถึงมารยาทอย่างไทย ๆ คือ สุภาพ ไม่แสดงกิริยาท่ีก้าวร้าว
เคารพอาวุโส ตาแหนง่ หน้าท่ี ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคลและกาลเทศะ

มารยาทในการโตแ้ ย้ง 

มารยาทในการใช้วจั นภาษา
1. ใช้ภาษานมุ่ นวล สภุ าพ เช่น ผมมคี วามเหน็ ทตี่ า่ งออกไป
2. ไม่ใชค้ าท่แี สดงทรรศนะอยา่ งตรงขา้ ม เชน่ ผมไม่เหน็ ดว้ ย ผมกลับเห็นว่า
3. ไม่ตาหนิทรรศนะฝ่ายตรงข้ามอย่างรนุ แรง เช่น ความเหน็ ของคณุ ใชไ้ มไ่ ด้
4. ไม่ยกตนข่มทา่ น เชน่ ความเห็นของผมดกี ว่า
5. ใช้คาว่า ‘ขอ” ให้ติดปากไว้เพอ่ื แสดงความสุภาพและไม่ยกตนขม่ ทา่ น

 คาถาม 

1.ขอ้ ใดเปน็ การใช้ภาษาในการโตแ้ ยง้ ดกี ว่าข้ออ่นื ๆ

ก. ความคดิ เห็นของคณุ ยงั คลาดเคล่อื นไปจากข้อเท็จจริง ทีจ่ รงิ คอื .................
ข. ผมยังไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณ คุณควรหาข้อมูลมาสนับสนุนทรรศนะของ

คุณให้มีน้าหนักมากกวา่ น้ี
ค. เทา่ ท่ผี มได้ฟังความคิดเห็นของคณุ มาโดยตลอดแลว้ ผมรสู้ กึ ว่ายังมีบางส่ิงบางอย่างอาจ

คลาดเคลื่อนจากขอ้ เท็จจรงิ อยู่บ้าง ผมจึงใครข่ อชแี้ จงข้อเทจ็ จรงิ ใหท้ ราบดังนี้
ง. คุณมีความคิดเหน็ เหมือนคนมั่งมีในใจ แล่นใบบนบก เราคงไม่อาจฝันหวานอย่างท่ีคุณ

คดิ ได้ ผมจึงใคร่ขอใหค้ ุณทบทวนทรรศนะของคณุ เสียใหมเ่ พอ่ื ให้ได้ทางออกทด่ี ีกวา่ นี้

กระบวนการโตแ้ ย้ง 

กระบวนการโต้แยง้ มขี ้ันตอนดงั นี้
1. การต้ังประเด็นการโต้แย้ง คือ การต้ังจุดสาคัญต่างๆ ที่นามา

เป็นข้อโต้แย้งกัน ซึ่งจะช่วยให้โต้แย้งไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ออกนอกเร่ือง
ลกั ษณะการตั้งประเดน็ มักจะตง้ั ในรปู คาถามวา่ “หรอื ไม่”

2. ขอ้ ใดเป็นประเด็นการโต้แย้ง

ก. รฐั บาลมีนโยบายทจี่ ะแกว้ ิกฤตการณข์ าดแคลนนา้ บา้ งไหม
ข. รัฐบาลและประชาชนควรร่วมมือกนั บริหารการใชน้ ้าอยา่ งไร
ค. ปญั หาการขาดแคลนน้าเกิดจากการนาไปใช้ผลิตไฟฟ้ามากเกินไปใชห่ รอื ไม่
ง. ภาวะเศรษฐกจิ ในปจั จุบนั ทาใหค้ วามตอ้ งการใชก้ ระแสไฟฟา้ ลดลงเพยี งใด

 ข้อสังเกต 

การจบั ประเด็นการโต้แยง้ ให้จบั ลงตรงที่ทรรศนะตดั กันอย่างตรงกัน
ข้าม ซ่ึงอาจสังเกตได้จากคาเช่ือมที่แสดงความสัมพันธ์ในเชิงขัดแย้ง เช่น แต่
หรอื มปี ฏเิ สธ ไม่ หรอื มเี น้อื ความในเชงิ ประเมนิ ไปในทศิ ทางตรงกันข้าม

3. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ การคิดเชงิ โตแ้ ยง้

ก. เรียนอะไรก็ไดท้ ี่ชอบ ตรวจสอบตวั เองใหด้ ี
ข. การสอบแขง่ ขันเปน็ สิง่ ดี แต่คดิ อีกทเี หมือนดาบสองคม
ค. สายวิทยอ์ ยา่ คิดว่าแน่ สายศิลปท์ ่รี จู้ ริงนะ่ เกง่ แท้
ง. มหาวิทยาลัยเปิด มหาวทิ ยาลยั ปิด จบเปน็ บณั ฑติ ไมต่ า่ งกนั

กระบวนการโตแ้ ย้ง 

2. การนิยามคาสาคัญท่ีมีอยู่ในประเด็นการโต้แย้ง คือ การนิยาม
หรือการจากัดความหมายของคาสาคัญที่มีอยู่ในประเด็นการโต้แย้ง จะช่วย
จากัดขอบเขตและทศิ ทางของการโตแ้ ย้ง การนิยามจึงสาคัญมาก ถ้าคู่โต้แยง้ ไม่
ยอมรับ นิยามของกันและกันโดยส้ินเชิง กระบวนการโต้แย้งก็จะดาเนินต่อไป
ไม่ได”้

วธิ ีนิยามอาจจะอาศัยพจนานุกรม สารานุกรม คาอธิบายของผู้รู้ หรือ
โดยวธิ ีการเปรียบเทยี บกไ็ ด้

กระบวนการโต้แยง้ 

3. การศกึ ษาค้นควา้ รวบรวมและเรียบเรียงข้อสนับสนนุ ทรรศนะของตน

ข้อสนับสนุนทรรศนะ คือ ข้อมูลต่าง ๆ ท่ีอาจจะค้นคว้ามาจากการอ่าน การฟัง การ
สัมภาษณ์ และการสังเกตด้วยตนเอง แล้วนาข้อมูลเหล่าน้ันมาเรียบเรียงให้แจ่มแจ้งชัดเจน โดย
เตรียมอารัมภบทที่ดึงดูดความสนใจ แล้วนาเข้าสู่ประเด็นการโตแย้ง ชี้ให้เห็นว่าเน้ือหาตอนน้ีมี
ประเด็นใดน่าสนใจบ้าง อาจกล่าวเป็นข้อๆ เพ่ือให้ผู้ฟังติดตามประเด็นได้ง่าย จบด้วยการสรุป
สาระสาคัญของทรรศนะที่เสนอ ข้อมูลท่ีนามาสนับสนุนทรรศนะจะต้องมีปริมาณเหมาะสม ถ้ามาก
เกินไปก็จะฟ่ันเฝือแต่ถ้าน้อยเกินไปก็จะขาดน้าหนัก และจะต้องอา้ งที่มาของข้อมูลน้ันให้ชัดเจนด้วย
เพอื่ ใหน้ ่าเชอื่ ถือ

กระบวนการโต้แยง้ 

4. การชี้จุดออ่ นหรอื ข้อบกพรอ่ งของทรรศนะฝา่ ยตรงขา้ ม ทาไดด้ งั น้ี
4.1 จุดอ่อนของการนยิ ามคาสาคญั ในประเดน็ การโตแ้ ย้ง

นิยามทม่ี ีจดุ ออ่ นมีลกั ษณะดังน้ี
นยิ ามวกวน คอื นยิ ามท่ีใชค้ าซ้ากบั คาทีก่ าลงั จะให้นิยาม
นยิ ามที่มอี คติ คือ นยิ ามท่บี ดิ เบือนความหมายของคานั้นเพอ่ื ใหเ้ กิด

ประโยชนแ์ กฝ่ า่ ยตน
นิยามท่ีเข้าใจยาก คอื นยิ ามท่ใี ช้คายาก

4. คานิยามต่อไปนม้ี ขี ้อบกพร่องอย่างไร “สเปกโทรสโคปเป็นเครอ่ื งมอื ทีใ่ ชศ้ ึกษาวเิ คราะหส์ เปกตรมั ”

ก. ขาดความชดั เจน
ข. พายเรอื ในอา่ ง (วกวน)
ค. เขา้ ใจไดย้ าก
ง. ไม่สมเหตสุ มผล

กระบวนการโต้แย้ง 

4. การชจ้ี ดุ อ่อนหรอื ขอ้ บกพร่องของทรรศนะฝ่ายตรงข้าม (ตอ่ )
4.2 จุดออ่ นในด้านปรมิ าณและความถูกตอ้ งของข้อมูล

คอื มีข้อมูลนอ้ ยเกินไป หรอื ข้อมลู ผิดพลาด ทาให้ทรรศนะน้ันไม่นา่ เช่อื ถอื
4.3 จุดออ่ นของสมมตฐิ านและวิธีการอนมุ าน

คือ สมมติฐานและวิธีการอนุมานทผี่ ิด ดงั ทกี่ ล่าวมาแล้วในเร่ืองภาษา
กับเหตุผล

ใหใ้ ชข้ อ้ ความนี้ตอบคาถามขอ้ 5- 7

(สมสุข)แสดงความคิดเห็นว่า ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ
สามารถแก้ไขได้หากรัฐบาลสร้างถนนลอยฟ้าเหมือนประเทศญี่ปุ่น กรุงเทพฯ
จะมีถนนมากข้ึน การจราจรจะคล่องตัว ปัญหาการจราจรติดขัดอย่างที่เป็นอยู่
จะ หมดไป แต่(สีดา) ไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว เธอคิดว่าเป็นเร่ืองไม่
ถูกต้อง ที่จะนางบประมาณของประเทศมาสร้างถนนลอยฟ้าให้คนใน
กรุงเทพฯ ซ่ึงเป็นการไม่ยุติธรรมต่อคนไทยในทอ้ งที่อื่น

5. ประเดน็ การโต้แยง้ คือขอ้ ใด

ก. ควรสร้างถนนลอยฟา้ หรอื ไม่
ข. ถนนลอยฟ้าจะชว่ ยแกป้ ญั หาการจราจรได้หรอื ไม่
ค. ปญั หาการจราจรในกรงุ เทพฯ จะแก้ไขได้หรือไม่
ง. ควรแกป้ ญั หาจราจรในประเทศไทยแบบญ่ีปนุ่ หรือไม่

6. ทรรศนะของสมสขุ เป็นทรรศนะประเภทใด

ก. ขอ้ เท็จจรงิ และคุณคา่
ข. นโยบายและคุณค่า
ค. ขอ้ เท็จจริงและนโยบาย
ง. ขอ้ เทจ็ จรงิ นโยบายและคุณคา่

7. ขอ้ ใดคอื จดุ ออ่ นในทรรศนะของสมสขุ ทส่ี ีดาควรโตแ้ ย้ง

ก. ไม่นิยามความหมายของเรื่องทจ่ี ะโตแ้ ยง้ ให้ชดั เจน
ข. ปริมาณและความถูกต้องของข้อมูลยงั ไมเ่ พยี งพอ
ค. ขาดสมมตฐิ านและวธิ ีการอนุมานเพื่อให้ได้ข้อสรุป
ง. ปรมิ าณความถูกตอ้ งของข้อมลู สมมตฐิ าน และวิธกี ารยงั

ไมเ่ พยี งพอ

ทรรศนะของ สมสขุ เกิดจากการอนุมานดังน้ี

สมมตฐิ าน 1. ถนนมมี ากขน้ึ การจราจรคลอ่ งตวั
2. การสร้างถนนลอยฟ้าในกรุงเทพฯ จะทาใหก้ รงุ เทพฯ
อนมุ าน
มีถนนมากข้นึ
ขอ้ สรุป
3. การสรา้ งถนนลอยฟา้ ในกรุงเทพฯ จะทาใหก้ ารจราจร
ในกรงุ เทพฯ คลอ่ งตวั

จะเห็นได้ว่าสมมติฐานของสมสุขยังมีข้อบกพร่อง เพราะ
การจราจรจะคล่องตัวไม่ได้ขึ้นอยู่ท่ีถนนมีมากข้ึนเท่าน้ัน ยังขึ้นอยู่กับ
ปัจจัยอื่นๆ อีกมาก เช่น กฎจราจร ผู้ควบคุมกฎ ผู้ใช้รถใช้ถนน ยงิ่ นาไป
เปรียบเทยี บกับประเทศญ่ปี นุ่ ยง่ิ ไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะคนไทยต่างกับคนญี่ปุ่น
ที่เคารพกฎวินัยมากกว่า และยังมีวิธีการอ่ืนๆ อีกในการแก้ปัญหา
การจราจร เช่น ขนส่งมวลชน รถไฟฟา้ รถไฟฟ้าใต้ดิน

ประเภทการโต้แยง้ 

ประเภทการโตแ้ ยง้ มี 3 ประเภทเหมอื นประเภทการแสดงทรรศนะ ดงั นี้
1. การโต้แย้งเกี่ยวกับข้อเท็จจริง คือ การโต้แย้งเก่ียวกับข้อสันนิษฐานหรือ
การคาดการณข์ องอีกฝา่ ยหน่ึง
2. การโต้แย้งเกี่ยวกับนโยบาย คือ การโต้แย้งเกี่ยวกับข้อเสนอแนะหรือ
คาแนะนาของอีกฝ่ายหนึ่ง
3. การโต้แย้งเกี่ยวกับคุณค่า คือ การโต้แย้งเก่ียวกับข้อวินิจฉัย( ตัดสิน ชี้ขาด
ไตรตรอง ใครค่ รวญ )ของอกี ฝา่ ยหนึ่ง

“มีการเช่ืออย่างผิดๆ ว่าใครก็ตามท่ีติดยาเสพติดก็จะติดตลอดไป ประชาชน
ควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้องว่าผู้ที่ติดยาจานวนมากท่ีได้รับการฟ้ืนฟูสมรรถภาพ สามารถ
กลบั เข้าสูส่ ังคมได้อย่างปกติ”

8. ขอ้ ความข้างต้นเปน็ การโต้แยง้ เก่ียวกับสงิ่ ใด

ก. ข้อสรปุ ข. ขอ้ เสนอ
ค. ข้อเท็จจริง ง. ขอ้ สนับสนุน

“มีการเช่ืออย่างผิดๆ ว่าใครก็ตามที่ติดยาเสพติดก็จะติดตลอดไป ประชาชน
ควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้องว่าผู้ท่ีติดยาจานวนมากท่ีได้รับการฟ้ืนฟูสมรรถภาพ สามารถ
กลับเข้าสสู่ ังคมได้อยา่ งปกติ”

9. ขอ้ ความท่ขี ีดเส้นใต้คือสิ่งใด

ก. จุดอ่อนของการโตแ้ ย้ง ข. ประเด็นของการโตแ้ ยง้
ค. เน้ือหาของการโตแ้ ย้ง ง. ขอ้ สนบั สนนุ ของการโต้แยง้


Click to View FlipBook Version