1
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 1
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่อื ง ภาษาพัฒนาการคิด จำนวน 21 ช่ัวโมง
แผนการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง การคิดวเิ คราะหจ์ ากนทิ านพน้ื บา้ น จำนวน 3 ชัว่ โมง
จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ วันที่ 21 เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 2564
ผ้สู อนนางดวงรตั น์ ปอ้ มไชยา ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพเิ ศษ โรงเรยี นหนองหิง้ พิทยา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. สาระสำคญั
การคดิ วิเคราะหน์ ิทานพนื้ บ้าน ตามกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ เปน็ การแยกแยะองคป์ ระกอบ
ของเร่ืองมาพจิ ารณาตามขนั้ ตอนอย่างเป็นระบบ และเป็นขนั้ ตอน จะตอ้ งเริม่ จากการกำหนดสงิ่ ท่ี
ตอ้ งการวิเคราะห์ กำหนดปญั หา หรือวัตถปุ ระสงค์ในเนอื้ หาสาระของนทิ านพื้นบ้าน กำหนดหลักการ
หรอื กฎเกณฑ์ การพิจารณาแยกแยะขอ้ มลู และสรปุ คำตอบของนิทานพน้ื บา้ น เพือ่ นำมาประยุกต์ใช้
ใหเ้ กิดประโยชน์ในชีวติ
2. มาตรฐานการเรยี นรู้
2.1 สาระที่ 1: การอา่ น
2.1.1 มาตรฐาน 1.1: ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้ และความคดิ ไปใชต้ ัดสนิ ใจ
แกป้ ัญหา และสร้างวิสยั ทัศน์ในการดำเนนิ ชีวิตและมนี ิสยั รักการอา่ น
2.1.2 มาตรฐานการเรยี นรู้ ช่วงช้ันท่ี 4
มาตรฐานที่ 1: สามารถอ่านอย่างมีวิจารณญาณและมีประสิทธิภาพ ตีความ
แปลความ และขยายความ เรื่องที่อ่านอย่างลึกซ้ึง รักและสนใจการอ่านหนังสือป ระเภทต่างๆ
อย่างกว้างขวางมากขึ้นและใช้แหล่งเรียนรู้พัฒนาประสบการณ์และความรู้จากการนำความรู้ และ
ความคดิ มาใช้ในการตัดสนิ ใจและการแก้ปัญหาสรา้ งวสิ ยั ทศั นใ์ นการดำเนินชวี ติ
มาตรฐานท่ี 2: สามารถวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินค่าเรื่องท่ีอ่านโดยใช้
ประสบการณ์และความรูจ้ ากการอ่านหนังสือท่ีหลากหลายเป็นพื้นฐานการพิจารณาเนื้อหา รูปแบบ
รวมทัง้ คุณคา่ ทางวรรณคดแี ละสังคม โดยใช้กระบวนการคดิ วิเคราะห์อย่างหลากหลาย เปน็ เครอื่ งมือ
พัฒนาสมรรถภาพ การอ่าน และการเรยี นรู้
2.2 สาระท่ี 3 การฟงั การดู และการพดู
2.2.1 มาตรฐาน ท 3.1: สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดง
ความรู้ ความคิด ความรสู้ ึกในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
มาตรฐานท่ี 1 : สามารถนำความรจู้ ากการฟงั และการดูส่ือรูปแบบต่าง ๆ มาใช้
เป็นข้อมลู ในการตดั สินใจแก้ปญั หาและแสดงความคิดเหน็ สามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์ สิง่ ท่ไี ด้ฟงั
ได้ดู อยา่ งมเี หตผุ ล
มาตรฐานท่ี 2 : สามารถพูดในโอกาสตา่ ง ๆ ท้งั ท่เี ป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ
พดู โน้มนา้ วจติ ใจ พูดเพื่อความบันเทิง พดู แสดงความคิดเห็น โดยใชภ้ าษาถูกตอ้ ง เหมาะสม และนา่
ฟงั มีเหตุผล มีกิรยิ าท่าทางและการแสดงออกท่เี หมาะสมตามหลักการพดู มีมารยาทการฟงั การดู
มมี ารยาทการฟงั การดู และการพดู
2
3. ผลการเรียนรูท้ ่ีคาดหวัง
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 นกั เรยี นมีความรู้ – เข้าใจเรอื่ ง กระบวนการคดิ วิเคราะห์
3.1.2 นกั เรียนสามารถระบุเรอ่ื งหรอื ปัญหาจากนทิ านพน้ื บ้านท่กี ำหนดใหไ้ ด้
3.2 ด้านทกั ษะ (P)
3.2.1 นักเรียนสามารถจำแนกแยกแยะข้อมูลนทิ านพื้นบ้าน ตามกระบวน
การคิดวิเคราะห์ทหี่ ลากหลายได้
3.2.2 นักเรยี นสามารถเปรียบเทียบข้อมูลเพ่ือจดั ระบบโดยการพูดแสดงความคดิ เห็น
ประเด็นที่กำหนดใหไ้ ด้
3.2.2 นักเรียนสามารถจัดความสัมพันธ์ให้เหตุผลและตรวจสอบข้อมูลจากนิทาน
พ้นื บ้านท่ีกำหนดได้
3.3 ด้านคุณธรรม เจตคตทิ กั ษะ (A)
3.3.1 นกั เรียนมคี วามรับผิดชอบต่องานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
3.3.2 นักเรียนเปน็ บคุ คลทต่ี รงตอ่ เวลา
3.3.3 นกั เรยี นกล้าแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตผุ ล
3.3.4 นกั เรียนมมี ารยาทในการฟังและการพูด
4. สาระการเรียนรู้
1. การคดิ วเิ คราะห์/กระบวนการคิดวิเคราะห์
1.1 ความหมายการคดิ วเิ คราะห/์ กระบวนการคิดวิเคราะห์
1.2 กระบวนการคิดวเิ คราะห์นิทานพ้นื บา้ น
1.3 คุณสมบัติของบคุ คลท่ีเอ้ือตอ่ การคิดวเิ คราะห์
1.4 ประโยชนข์ องการวเิ คราะห์
1.5 ผงั มโนทศั น์กระบวนการคดิ วิเคราะห์
2. ความรู้เก่ียวกับนทิ าน
2.1 ความหมายของนทิ านพ้ืนบา้ น
2.2 ประเภทของนิทานพน้ื บา้ น
2.3 คุณคา่ ของนิทานพื้นบ้าน
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิคร่วมกันคิด (NHT: Numbered Heads
Together)
1. นกั เรียนกบั ครูร่วมกนั สนทนาตาม
1.1 ใบความรทู้ ี่ 1.1 เรอ่ื ง การคดิ วิเคราะห/์ กระบวนการวิเคราะห์ (ความหมาย
การคิดวิเคราะห์/กระบวนการคดิ วิเคราะห์ คุณสมบัตขิ องบุคคลท่ีเอ้ือต่อการคิดวิเคราะห์ ประโยชน์
ของการวเิ คราะห์ ผังมโนทัศน์กระบวนการคิดวิเคราะห)์
3
1.2 นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น (แบบทดสอบยอ่ ย ชุดที่ 1 การคิดวิเคราะห์จาก
นิทานพ้ืนบ้าน) ใช้เวลา 15 นาที
2. ครแู บง่ นักเรียนเป็นกลมุ่ ๆ ละ 4 คน โดยคละตามความสามารถประกอบดว้ ย เก่ง
ปานกลาง(ค่อนข้างเกง่ ) ปานกลาง(ค่อนข้างอ่อน) ออ่ น
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มศกึ ษาใบความรทู้ ี่ 1.3 เรอ่ื ง ตัวอย่างการคิดวเิ คราะห์นทิ านพ้ืนบ้าน
นักเรียนแตล่ ะกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรมตาม ใบงานท่ี 1.1 กระตุ้นการคิดวเิ คราะห์ดว้ ยเกมภาพแห่ง
จินตนาการ (เพื่อให้นกั เรียนฝึกวเิ คราะห์รายละเอียดของภาพทกี่ ำหนดให้) ใช้เวลา 30 นาที
ชว่ั โมงท่ี 2
การจัดการเรียนรแู้ บบรว่ มมอื โดยใชเ้ ทคนคิ โตะ๊ กลม (Roundtable)
1. นกั เรียนเขา้ กลมุ่ เดมิ เหมอื นชั่วโมงที่ผ่านมา
2. ครูตรวจสอบความเข้าใจการคิดวิเคราะห์ จากใบความรู้ท่ี 1.1 การคิดวิเคราะห์ /
กระบวน
การวเิ คราะห์ ของนกั เรยี นในชัว่ โมงทผ่ี า่ นมา โดยครูสอบถามว่ากระบวนการคิดวเิ คราะห์ มีกี่ข้นั ตอน
ประโยชนก์ ารคิดวเิ คราะหส์ ามารถนำไปใช้กบั อะไรบา้ ง ผงั มโนทัศน์กระบวนการคดิ วิเคราะหเ์ ป็น
อย่างไร ขออาสาสมัครนกั เรียนตอบ (ครยู กยอ่ งชมเชยนกั เรียนที่กลา้ แสดงความคดิ เหน็ )
3. นักเรียนศึกษาใบความรู้ท่ี 1.2 เรื่อง ความรู้เก่ียวกับนิทานพ้ืนบ้าน เพ่ือให้นักเรียนเข้าใจ
ตรงกนั (ความหมายของนทิ าน ประเภทของนิทานพน้ื บ้าน คณุ คา่ ของนิทานพนื้ บา้ น)
4. ครูมอบหมายใบงานที่ 1.2 การคิดวิเคราะหน์ ิทานพื้นบ้านเร่ืองยายหมาขาว
โดยนักเรียนทุกคนอ่านนิทานพ้ืนบ้านเรื่อง ยายหมาขาว แล้วตอบคำถามตามกระบวนการคิด
วเิ คราะหใ์ ห้ถูกต้อง แลว้ รว่ มกนั วิเคราะหป์ ระเดน็ คำถาม ดังน้ี
1) ด้านความพอประมาณของยายหมาขาว คอื อย่างไร
2) ตวั อย่างที่ดี ทน่ี ่าปฏิบัตติ ามเปน็ แบบอยา่ งของยายหมาขาวคืออย่างไร
3) การไม่ยึดม่ันตามครรลองของกฎหมายและประเพณีท่ีดงี ามของสังคมของลูกสาวคน
แรกคอื พฤติกรรมท่ีแสดงออกโดย
4) การปฏิบัติตนตอ่ บิดามารดา ควรทำอย่างไร
5) ผลท่ีตามมาถา้ สมาชกิ ในสังคมเอาแบบอยา่ งจากลกู สาวทัง้ 2 ของยายหมาขาว คอื
6) ลูกสาวคนแรกของยายหมาขาว มกี ารดำเนินชวี ติ ท่ไี ม่พอเพยี งโดยกระทำไม่ดี
ด้วยการทำอย่างไร
7) ลูกสาวคนแรกไม่รจู้ ักการอดทน อดกล้นั มนั่ คงและการรอคอยโดยปฏิบัติต่อยายหมา
ขาว อย่างไร
8) ขอ้ คิดที่ไดจ้ ากนิทานพ้ืนบา้ น เรอ่ื ง ยายหมาขาว
หมายเหตุ
1. ใหส้ มาชกิ คนท่ี 1 เลอื กตอบคำถาม 2 ข้อ จากใบงานท่มี ี 2 ข้อ แล้วสง่ ใบงานให้
สมาชิกคนที่ 2 สมาชิกคนท่ี 2 ตรวจสอบคำตอบของสมาชิกคนที่ 1 ท่ีเขียนไว้ อาจจะเขียนคำตอบ
เพมิ่ เตมิ แลว้ ทำใบงานเพิ่มอกี 2 ขอ้ แลว้ สง่ กระดาษต่อให้สมาชิก คนท่ี 3
2. สมาชิกคนที่ 3 ตรวจสอบคำตอบแล้ว ทำใบงานเพ่ิมเติมในข้ออ่ืนอีก 2 ข้อ แล้วสง่ ใบ
งานใหก้ ับสมาชิกคนที่ 4 ตรวจสอบคำตอบ และทำใบงานขอ้ ท่ีเหลืออกี 2 ขอ้
4
3. เม่อื ทำใบงานเสรจ็ เรียบรอ้ ย ครูสมุ่ นักเรยี นแต่ละกล่มุ หรือ ใหแ้ ต่ละกลุ่มส่งตัวแทน
ออกมาเฉลยคำตอบแต่ละขอ้
4. นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายและสรุปกจิ กรรมใบงานที่ 1.2 การคดิ วเิ คราะหจ์ าก
นิทานพ้ืนบา้ น เรอื่ ง ยายหมาขาว
ชวั่ โมงที่ 3
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิคร่วมกันคิด (NHT: Numbered Heads
Together)
1. นักเรียนเข้ากลมุ่ เดิมเหมอื นชัว่ โมงทผี่ ่านมา
2. ครูตรวจสอบความเข้าใจการคิดวิเคราะห์ จากใบความรู้ท่ี 1.1 การคิดวิเคราะห์/
กระบวน
การวิเคราะห์ ของนกั เรียนในช่ัวโมงท่ีผ่านมา โดยครสู อบถามวา่ กระบวนการคิดวเิ คราะห์ มีก่ีข้นั ตอน
ประโยชนก์ ารคดิ วเิ คราะห์สามารถนำไปใชก้ ับอะไรบ้าง ผังมโนทศั น์กระบวนการคิดวิเคราะหเ์ ป็น
อยา่ งไร
3. นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาตามใบความร้ทู ี่ 1.2 เรื่อง ความรู้เก่ียวกับนิทานพ้ืนบ้าน
เพ่ือให้นักเรียนเข้าใจตรงกัน ในด้านความหมายของนิทาน ประเภทของนิทานพ้ืนบ้าน คุณค่าของ
นทิ านพ้ืนบา้ น และขออาสาสมคั รนกั เรียนตอบ (ครูยกย่องชมเชยนักเรยี นท่ีกล้าแสดงความคดิ เห็น)
4. นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามใบงานท่ี 1.3 นิทานพน้ื บ้านเรอ่ื ง ทา้ วแสนปม โดยนักเรียน
ทุกคนอ่านเนื้อเรือ่ ง แล้วตอบคำถามตามกระบวนการคิดวิเคราะห์ให้ถูกต้อง นำเสนอกจิ กรรมตามใบ
งานที่ 1.3
5. ครูสุ่มหมายเลขกลุ่ม และหมายเลขสมาชิกแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงาน ความคิดเห็นทั้ง
สว่ นตัว
และของกลุ่ม
6. นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ กิจกรรมในใบงานที่ 1.3 กระบวนการคิดวเิ คราะหจ์ ากนิทาน
พื้นบ้าน เรอื่ ง ทา้ วแสนปม และใบงานที่ 1.4 แผนผังมโนทศั น์จากนทิ านพน้ื บ้านเรอ่ื ง “ทา้ วแสนปม”
7. ครใู หก้ ำลังใจนักเรียนด้วยการยกย่อง ชมเชย หรอื แนะนำหากเสนอไมต่ รงประเด็น
คำถาม
8. นักเรียนแตล่ ะคนทดสอบหลังเรยี น (แบบทดสอบ ชุดท่ี 1 การคดิ วิเคราะห์นทิ าน
พื้นบา้ น) ใช้เวลา 15 นาที
9. ครูมอบใบความรูเ้ ร่อื ง การคิด/กระบวนการคดิ วิเคราะห์ ใหน้ กั เรยี นนำไปศึกษา
เพิม่ เติมหรอื ทบทวนในโอกาสต่อไป
5
6. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
6.1 สือ่ การเรียนรู้
1. แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ ชุดท่ี 1 การคดิ วิเคราะห์จากนิทานพน้ื บา้ น
2. ใบความรู้ท่ี 1.1 เร่อื ง การคดิ วเิ คราะห์/กระบวนการคิดวิเคราะห์
3. ใบความรู้ท่ี 1.2 เรือ่ ง ความร้เู กี่ยวกับนิทานพ้ืนบา้ น
4. ใบความรูท้ ี่ 1.3 เรอ่ื ง ตัวอย่างการคิดวเิ คราะหน์ ิทานพื้นบ้าน
5. ใบงานท่ี 1.1 กระตุน้ ใหค้ ดิ วเิ คราะหด์ ้วยเกมภาพแห่งจินตนาการ
6. ใบงานท่ี 1.2 การคดิ วเิ คราะหจ์ ากนิทานพืน้ บา้ น เรือ่ ง ยายหมาขาว
7. แนวทางคำตอบการคิดวเิ คราะหจ์ ากนิทานพื้นบา้ น เร่อื ง ยายหมาขาว
8. ใบงานท่ี 1.3 การคิดวเิ คราะหจ์ ากนทิ านพืน้ บา้ น เร่ือง ทา้ วแสนปม
9. แนวทางคำตอบการคดิ วิเคราะห์จากนิทานพื้นบ้าน เรือ่ ง ท้าวแสนปม
10. ใบงานท่ี 1.4 ผังมโนทัศน์การคดิ วิเคราะห์นิทานพื้นบา้ น เร่ือง ทา้ วแสนปม
11. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นชุดที่ 1 เรื่อง การคดิ วิเคราะห์จากนิทานพนื้ บ้าน
12. แบบทดสอบหลงั เรยี นชดุ ที่ 1 เรอ่ื ง การคดิ วิเคราะห์จากนทิ านพื้นบ้าน
13. กระดาษคำตอบ
14. แบบเฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น
15. ตารางบนั ทกึ คะแนนผลการทำแบบทดสอบกอ่ น – หลังเรียนการคิดวเิ คราะห์
จากนิทานพ้นื บ้าน
16. ระดับคณุ ภาพคะแนนการคดิ วิเคราะห์จากนิทานพ้ืนบ้าน
17. แบบประเมนิ พฤติกรรมการทำงานกลมุ่
18. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จริยธรรม
19. หนังสือชุดปฏิรปู การเรียนรู้หลกั สูตรการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พ.ศ. 2551( ฉบับปรบั ปรุง
2560) กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชว่ งชัน้ ที่ 4 ม. 4 - 6
20. หนังสือนิทานพ้นื บา้ น สำหรบั เด็กและเยาวชน
6.2 แหลง่ เรียนรู้
1. ครู – อาจารย์
2. มุมหนงั สอื กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
3. หอ้ งศนู ย์ส่อื ภาษาไทย
4. ห้องสมุดโรงเรียน
6
7. การวดั ผลและประเมินผล
สงิ่ ที่วดั วธิ ีการวดั เคร่อื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์การประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทดสอบ
แบบทดสอบยอ่ ย ทำข้อสอบถูกตอ้ ง
2. ดา้ นกระบวนการ ประเมินการทำงาน ชดุ ท่ี 1 เรือ่ งการคดิ อย่างนอ้ ย 8 ข้อ
และผลงานใบงาน วิเคราะห์นิทานพน้ื บา้ น จาก 10 ข้อ
3. ดา้ นคุณธรรม ท่ี 1.1,1.2,1.3,1.4
จริยธรรม ประเมนิ พฤตกิ รรม มีคะแนนจากการ
สงั เกตพฤติกรรม การทำงานกลมุ่ และ ประเมินไม่ต่ำกว่า
ผลงานกลุ่ม ระดับดี
แบบสงั เกตพฤติกรรม มคี ะแนนจากการ
ด้านคณุ ธรรม ประเมินไมต่ ำ่ กว่า
จริยธรรม ระดับดี
8. กจิ กรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี
นกั เรียนสามารถฝึกกระบวนการคิดวิเคราะห์นิทานพื้นบ้าน จากหนังสือนิทาน
ประเภทต่าง ๆ แลว้ บันทึกลงสมดุ
7
10. บนั ทึกหลังการสอน
10.1 สรุปผลการจัดการเรียนรู้
........……………………………………………………………………………………………..…..........................………………
……………………………………………………………………………..…. . . . . . . . ……………………………………………………
………………………………………..…. . . . . . . . …………………………………………………………………………………………
…..…........………………………
........……………………………………………………………………………………………..…..........................………………
……………………………………………………………………………..…. . . . . . . . ……………………………………………………
………………………………………..…. . . . . . . . …………………………………………………………………………………………
…..…........……………………… ........……………………………………………………………………………………………..…
..........................……………………………………………………………………………………………..…........………………
……………………………………………………………………………..…. . . . . . . . ……………………………………………………
………………………………………..…........………………………
10.2 ปัญหาและอุปสรรค
........……………………………………………………………………………………………..…..........................………………
……………………………………………………………………………..…. . . . . . . . ……………………………………………………
………………………………………..…. . . . . . . . …………………………………………………………………………………………
…..…........………………………
........……………………………………………………………………………………………..…..........................………………
……………………………………………………………………………..…. . . . . . . . ……………………………………………………
………………………………………..…. . . . . . . . …………………………………………………………………………………………
…..…........………………………
10.3 ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกป้ ญั หา
........……………………………………………………………………………………………..…..........................………………
……………………………………………………………………………..…. . . . . . . . ……………………………………………………
………………………………………..…. . . . . . . . …………………………………………………………………………………………
…..…........……………………… ........……………………………………………………………………………………………..…
..........................……………………………………………………………………………………………..…........………………
……………………………………………………………………………..…. . . . . . . . ……………………………………………………
………………………………………..…........………………………
ลงชื่อ........................................ผู้สอน
(นางดวงรัตน์ ป้อมไชยา)
ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครูชำนาญการพเิ ศษ
.............../................./.................
8
เอกสารประกอบการสอน
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ใบความรู้เรอื่ ง การคิดวเิ คราะห์ / ใบความรู้ที่ 1.1
9
ภาษาไทย กระบวนการคิดวเิ คราะห์ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 1
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 หนว่ ยการเรียนท่ี 1
โรงเรียนหนองหงิ้ พิทยา อำเภอเซกา จังหวดั บงึ กาฬ สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาบงึ กาฬ
*************************************************************************
ความหมายการคิดวเิ คราะห์
พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 (2546: 1071) ไดใ้ หค้ วามหมายคำวา่ “วเิ คราะห์” หมายถงึ
“ใคร่ครวญ หรอื แยกออกเปน็ สว่ น ๆ เพือ่ การศึกษาให้ถอ่ งแท้”
สวุ ทิ ย์ มลู คำ (2550 : 9-19) ไดก้ ล่าวไวใ้ นหนงั สอื ครบเคร่อื งเร่ืองการคดิ เล่มท่ี 2 “กลยุทธก์ ารสอนคดิ วิเคราะห์” ถึง
ความหมายการวิเคราะห์ (Analysis) และการคิดวิเคราะห์ไวว้ ่า
การวเิ คราะห(์ Analysis) หมายถงึ การจำแนก แยกแยะองคป์ ระกอบของส่งิ ใด
สิง่ หน่ึงออกเป็นสว่ น ๆ เพื่อค้นหาว่ามอี งคป์ ระกอบย่อย ๆ อะไรบา้ ง ทำมาจากอะไรประกอบขน้ึ มาไดอ้ ย่างไรและมีความเชือ่ มโยง
สมั พันธ์กนั อยา่ งไร
การคิดวเิ คราะห์ หมายถึง ความสามารถในการจำแนกแยกแยะองค์ประกอบ ตา่ ง ๆ ของสิง่ ใดสิ่งหนึง่ ซ่ึงอาจจะเปน็
วัตถุ สง่ิ ของ เรอื่ งราว หรือเหตกุ ารณ์ และหาความสมั พนั ธเ์ ชิงเหตผุ ลระหวา่ งองค์ประกอบเหลา่ น้ัน เพือ่ ค้นหาสภาพความเป็นจริงหรอื
ส่ิงสำคญั ของส่งิ ท่กี ำหนดให้
กระบวนการคิดวิเคราะห์
ขั้นที่ 1 กำหนดสง่ิ ทต่ี ้องการวิเคราะห์
เป็นการกำหนดวัตถุส่ิงของ เร่อื งราว หรอื เหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ข้ึนมาเพื่อเป็นต้นเรอื่ งทจี่ ะใช้
วเิ คราะห์ เช่น พืช สตั ว์ หิน ดนิ รูปภาพ บทความ เรือ่ งราว เหตุการณ์ หรือสถานการณ์จากขา่ ว ของจริงหรอื
ส่ือเทคโนโลยตี ่าง ๆ เปน็ ตน้
ขน้ั ที่ 2 กำหนดปัญหาหรือวตั ถุประสงค์
เป็นการกำหนดประเดน็ ข้อสงสัยจากปัญหาของสง่ิ ทตี่ อ้ งการวิเคราะห์
ซึ่งอาจจะกำหนดเปน็ คำถาม หรือเป็นการกำหนดวัตถุประสงคข์ องการวิเคราะห์ เพ่ือคน้ หาความจริง สาเหตุหรอื ความสำคญั เชน่
บทความนต้ี อ้ งการสอ่ื หรอื บอกอะไรทสี่ ำคญั ท่สี ุด
ข้ันท่ี 3 กำหนดหลกั การหรือกฎเกณฑ์
เปน็ การกำหนดข้อกำหนดสำหรบั ใชแ้ ยกสว่ นประกอบของสิง่ ทก่ี ำหนดให้ เช่น เกณฑใ์ นการจำแนกสง่ิ ของท่ี
มคี วามหมายเหมอื นกนั หรอื แตกต่างกนั หลักเกณฑใ์ นการหาลักษณะความสัมพนั ธ์เชิงเหตุผลอาจเป็นลักษณะความสมั พนั ธ์ท่มี คี วาม
คลา้ ยคลึงกันหรือขดั แยง้ กัน
ขน้ั ท่ี 4 พิจารณาแยกแยะ
เป็นการพินจิ พิเคราะห์ ทำการแยกแยะ กระจายส่ิงทกี่ ำหนดให้
ออกเป็นส่วนยอ่ ย ๆ โดยอาจใชเ้ ทคนคิ 5 W 1H ประกอบด้วย What (อะไร) Where (ทไ่ี หน) When (เม่ือไร) Why (ทำไม) Who
(ใคร) How (อยา่ งไร)
ขนั้ ที่ 5 สรปุ คำตอบ
เป็นการรวบรวมประเดน็ ที่สำคัญเพ่ือหาข้อสรปุ เป็นคำตอบปัญหาของ
สง่ิ ทก่ี ำหนดให้จากกระบวนการคดิ วิเคราะหด์ งั กลา่ ว
สรุปขัน้ ตอนในการคิดวเิ คราะหไ์ ด้ 4 ขั้นตอน เพือ่ ฝึกใหเ้ กดิ ทกั ษะการคดิ วิเคราะหไ์ ดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ดังนี้
1. ระบุเรอ่ื งหรอื ปญั หา
2. จำแนกแยกแยะขอ้ มูลได้
3. เปรียบเทยี บขอ้ มลู เพ่ือจดั ระบบได้
4. จัดความสัมพันธ์ ให้เหตผุ ลและตรวจสอบข้อมลู ได้
กระบวนการคดิ วิเคราะหจ์ ากนิทานพ้ืนบ้าน
จากกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ สามารถสรุปข้ันตอนในการวิเคราะหน์ ทิ านพ้ืนบ้านไวไ้ ด้ 4 ขนั้ คอื
ขั้นที่ 1 ระบุเรอ่ื งหรอื ปัญหา
การบง่ ชีส้ ิง่ ตา่ ง ๆ หรือบอกสว่ นตา่ ง ๆ ท่เี ป็นองคป์ ระกอบหรือลกั ษณะของสง่ิ ทศ่ี กึ ษา (สง่ิ ท่ีนำมาวิเคราะห์คือ
อะไร ,ใคร ,ทำอะไร, ทีไ่ หน , มีเหตกุ ารณ์อะไรเกดิ ข้นึ ทที่ ำให้เกดิ ปมของเร่ือง , ผลเปน็ อยา่ งไร)
ข้ันท่ี 2 จำแนกแยกแยะขอ้ มลู
การนำสิง่ ต่าง ๆ ทีเ่ ป็นข้อมลู ในนทิ านพื้นบ้าน มาแยกเป็นกล่มุ ตามเกณฑ์ ทีไ่ ดร้ บั การยอมรับทางวิชาการหรือ
เป็นที่ยอมรับโดยท่ัวไป (บอกประเภท , ชนดิ ของคำประพนั ธ์ , บอกเจตนาของผ้แู ต่ง , บอกพฤตกิ รรมของตวั ละคร)
10
ขนั้ ที่ 3 เปรยี บเทยี บขอ้ มลู เพือ่ จัดระบบ
การจำแนกระบสุ ่งิ ของหรอื เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ในนิทานพ้นื บ้าน สง่ิ ที่เหมือนหรอื แตกตา่ งกนั มาจัดกลมุ่ โดยแตล่ ะ
กลุม่ มเี กณฑ์ตา่ งกนั (เปรียบเทียบพฤติกรรมของบคุ คลเชือ่ มโยงใหส้ ัมพนั ธ์บอกความเหมือน หรือความแตกต่างกนั ในนิทานพ้นื บา้ นได้)
ข้นั ท่ี 4 บอกความสัมพันธ์และตรวจสอบข้อมลู
การเชื่อมโยงระหวา่ งขอ้ มลู อย่างมีความหมาย ใหเ้ หน็ ถงึ สาเหตุ และผลที่เกิดขึ้นในเหตกุ ารณ์ หรอื การกระทำ
นัน้ ๆให้ ปรากฏชดั เจนกบั บรบิ ทความรู้ประสบการณ์เดิม หรอื ขอ้ มูลอน่ื (ขอ้ คดิ ทไี่ ดจ้ ากนิทานพน้ื บา้ น, สงิ่ ท่ี
สามารถนำมาปรับพัฒนาใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ต่อตนเอง และสังคม)
คณุ สมบัตขิ องบุคคลทเี่ อ้อื ต่อการคดิ วเิ คราะห์
1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจในเรือ่ งทีจ่ ะวเิ คราะห์ การคดิ วิเคราะห์ท่ดี ี ผคู้ ดิ จะต้องมคี วามร้คู วามเขา้ ใจพน้ื ฐานในเรอ่ื ง
นนั้ เพราะจะช่วยให้กำหนดขอบเขตของการวิเคราะห์
จำแนกแจกแจงองคป์ ระกอบ จัดหมวดหมู่ ลำดับความสำคญั หรอื หาสาเหตขุ องเรื่องราวเหตุการณ์ไดช้ ัดเจน
2. ช่างสังเกต ชา่ งสงสัย ช่างซักถาม เปน็ คนชอบต้งั คำถามเกยี่ วกับสิ่งทเี่ กิดข้นึ อยู่เสมอเพ่ือนำไปขบคิด หรอื คน้ หา
ความจรงิ ในเร่อื งนนั้ คำถามท่ใี ช้กับการคิดวเิ คราะหค์ อื 5 W 1H ประกอบดว้ ย What (อะไร) Where (ทีไ่ หน) When (เม่ือไร) Why
(ทำไม) Who (ใคร) How (อยา่ งไร)
3. ความสามารถในการตีความ การตีความเกดิ จากรับข้อมลู เข้ามาทางประสาทสมั ผสั สมองจะทำการตคี วามขอ้ มลู
โดยวเิ คราะห์เทยี บเคยี งกบั ความทรงจำหรือความรู้เดิมท่ีเกี่ยวกับเรอื่ งน้ัน
4. ความสามารถในการหาความสัมพนั ธ์เชงิ เหตุผล การวเิ คราะหจ์ ะเกิดข้นึ เมอ่ื พบสิ่งท่ีมคี วามคลุมเครือเกิดข้อ
สงสยั ตามมาดว้ ยคำถาม ตอ้ งคน้ หาคำตอบหรอื ความน่าจะเปน็ ว่ามคี วามเป็นมาอยา่ งไร เหตใุ ดจึงเป็นเชน่ น้นั จะส่งผลกระทบอย่างไร
ซึง่ สมองจะพยายามคดิ เพือ่ หาข้อสรปุ ความรู้ความเขา้ ใจอย่างสมเหตสุ มผล
ประโยชนข์ องการวเิ คราะห์
1. ชว่ ยใหเ้ รารขู้ ้อเท็จจรงิ รูเ้ หตผุ ลเบื้องหลงั ของสิ่งท่ีเกดิ ขึ้น เข้าใจความเปน็ มาเปน็ ไปของเหตุการณต์ ่าง ๆ ร้วู ่าเรอ่ื ง
นน้ั มีองค์ประกอบอะไรบ้างทำให้เราไดข้ ้อเทจ็ จรงิ ทเี่ ป็นฐานความรใู้ นการนำไปใชใ้ นการตัดสินใจแก้ปญั หา การประเมนิ และการตัดสินใจ
เรอื่ ง ต่าง ๆ ได้อยา่ งถกู ต้อง
2. ชว่ ยให้เราสำรวจความสมเหตุสมผลของขอ้ มลู ท่ปี รากฏ และไมด่ ่วนสรปุ ตาม
อารมณ์ ความรู้สกึ หรืออคติ แตส่ ืบค้นตามหลักเหตผุ ลและข้อมูลที่เปน็ จริง
3. ช่วยใหเ้ ราไมด่ ว่ นสรุปสง่ิ ใดงา่ ย ๆ แต่ส่ือสารตามความเปน็ จรงิ ขณะเดียวกันจะช่วยให้เราไมห่ ลงเชือ่ ขอ้ อา้ งท่ีเกิด
จากตัวอยา่ งเพยี งอยา่ งเดียว แต่พิจารณาเหตผุ ลและปัจจยั เฉพาะในแตล่ ะกรณไี ด้
4. ชว่ ยในการพจิ ารณาสาระสำคัญอ่ืน ๆ ทถ่ี ูกบดิ เบือนไปจากความประทบั ใจในครง้ั แรก ทำใหเ้ รามองอยา่ งครบถ้วน
ในแงม่ ุมอ่นื ๆ ทมี่ ีอยู่
5. ชว่ ยพฒั นาความเป็นคนช่างสังเกต การหาความแตกต่างของสงิ่ ที่ปรากฏพจิ ารณาตามความสมเหตสุ มผลของส่งิ ที่
เกดิ ขึ้นก่อนท่ีจะตัดสินสรุปส่ิงใดลงไป
6. ชว่ ยให้เราหาเหตุผลทส่ี มเหตุสมผลใหก้ บั ส่งิ ทเ่ี กิดขน้ึ จรงิ ณ เวลานั้นโดยไม่พ่ึงพงิ อคติ ที่กอ่ ตวั อยใู่ นความทรงจำ ทำ
ใหเ้ ราสามารถประเมนิ สง่ิ ต่าง ๆ ได้อย่างสมจรงิ สมจัง
7. ช่วยประมาณความน่าจะเป็น โดยสามารถใชข้ อ้ มูลพื้นฐานทเี่ รามีวเิ คราะหร์ ่วมกับปจั จยั อืน่ ๆ ของสถานการณ์ ณ
เวลานัน้ อนั จะช่วยเราคาดการณ์ความนา่ จะเปน็ ได้สมเหตุสมผลมากกวา่
11
1. ระบเุ ร่ืองหรือปัญหำ ผงั มโนทัศน์กระบวนการคิดวิเคราะห์
2. จำแนกแยกแยะขอ้ มูล
กระบวนการคดิ วิเคราะห์
3. เปรียบเทียบขอ้ มูลเพื่อจดั ระบบ 4. จดั ควำมสมั พนั ธใ์ หเ้ หตุผล และ
ตรวจสอบขอ้ มลู ได้
12
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ใบความรู้ ใบความรู้ท่ี 1.2
ภาษาไทย เรอื่ ง ความรเู้ กี่ยวกบั แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 1
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 นทิ านพื้นบา้ น หน่วยการเรียนท่ี 1
โรงเรียนหนองหง้ิ พทิ ยา อำเภอเซกา จงั หวดั บงึ กาฬ สำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษาบึงกาฬ
*************************************************************************
ความหมายของนทิ าน
“นิทาน” ตามพจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 ไดใ้ ห้ความหมาย
ไวว้ า่ “นทิ าน น.เรื่องทเี่ ลา่ กันมา เชน่ นทิ านชาดก นทิ านอสี ป” พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542, หนา้ 441.
นิทานพน้ื บ้าน คอื เรือ่ งเล่าท่สี บื ทอดกนั มาปากต่อปากจากคนรนุ่ หนง่ึ สคู่ น อีกรุ่นหนึง่ จน
กลายเป็นมรดกวฒั นธรรมทส่ี ามารถสะท้อนชวี ิต นิทานมรี ูปแบบท่หี ลากหลาย เชน่ นทิ านท้องถิน่ นิทาน
อธบิ ายเหตุ นทิ านชวี ติ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ นิทานมุขตลก เก่ยี วกบั เรอ่ื งเพศมีจำนวนมากที่สดุ นบั เป็นการ
สะทอ้ นสภาพชีวิตและสังคมทอ้ งถิ่นในยคุ กอ่ นได้ระดบั หนึง่
การเลา่ นทิ านมมี านานแล้วและมีอย่ใู นทุกสังคม ดังทสี่ ตธิ ทอมป์สนั กลา่ วไวใ้ นหนงั สอื The Folktale ว่าในทุกสงั คมมีการ
เล่านทิ านและมีผกู้ ระหายอยากจะฟังนิทานเสมอ เรอ่ื งท่เี ล่าสู่กันฟงั อาจมีลักษณะทำนองเรอ่ื งที่เกิดข้นึ เม่ือไม่นานนกั หรืออาจมี
ลกั ษณะเป็นตำนาน ดกึ ดำบรรพ์ เปน็ เรื่องของสตั ว์ เทพ วรี บรุ ุษ มนษุ ย์ชายหญงิ ฯลฯ
การเล่านิทานเล่ากนั ได้ทกุ แห่ง และมที ุกสังคมทกุ ระดับ ตัง้ แตใ่ นราชสำนัก จนถึงในบา้ นชาวนาชาวสวน ในสงั คม
ปจั จบุ นั ซ่งึ มีความเจริญก้าวหนา้ ทางด้านเทคโนโลยี การเล่านิทานก็ยงั มอี ยู่ อาจเล่าสูก่ ันฟงั ในรถยนต์ บนเครอื่ งบิน หรอื ในห้องทำงาน
ทน่ี า่ สงั เกตก็คอื วิธีการถ่ายทอดนิทานเปลี่ยนไปจากเดมิ เพราะมอี ุปกรณ์ตา่ ง ๆ เป็นสื่อใน การถา่ ยทอด นอกจากมกี ารเผยแพร่นทิ าน
ด้วยการตีพมิ พแ์ ลว้ อาจมีการนำนิทาน ไปถ่ายทอดในรปู ของละครโทรทัศนห์ รอื ภาพยนตร์ ทีน่ า่ สนใจในขณะนก้ี ค็ อื
มีผู้มีความคิดเฉยี บแหลมใช้วธิ ีอัดเทปบนั ทึกเสยี งออกจำหน่ายเผยแพร่ มที ัง้ นทิ านสำหรับเด็กและมุขตลกสำหรับผใู้ หญ่ นทิ านจึงยนื
หยดั อยู่ในสงั คมและทุกสมยั นิทานพื้นบา้ นน้ีเปน็ ประโยชนต์ อ่ การศึกษาและการคิดวิเคราะห์ได้อย่างลกึ ซ้งึ และอนุรกั ษน์ ิทานพ้นื บา้ นสืบ
ต่อไป
ประเภทของนิทานพ้นื บา้ น
แบ่งออกเปน็ 2 แบบ คอื
1. แบ่งนทิ านตามเขตพ้นื ท่ี เป็นการแบง่ โดยอาศัยเขตแดนทางภูมศิ าสตร์ เชน่
เขตอนิ เดีย เขตประเทศที่นบั ถือศาสนาอสิ ลาม เขตประเทศอังกฤษ เป็นตน้
2. แบง่ ตามรปู แบบของนิทาน แบง่ ไดเ้ ปน็ 5 ประเภท ดังนี้
2.1 นทิ านปรัมปรา มลี ักษณะเป็นเรือ่ งค่อนขา้ งยาว มีสารตั ถะหลายสารตั ถะ
ประกอบอยใู่ นนทิ านนน้ั เนือ้ เร่ืองประกอบด้วยอทิ ธฤิ ทธป์ิ าฏหิ ารยิ ์ ตัวเอกของเรือ่ งเป็นผู้ทีม่ ีคณุ สมบตั ิพเิ ศษ เช่น เป็นผู้มอี ำนาจ มบี ญุ
หรอื มฤี ทธิ์เดช อาวุธวิเศษมากมาย
2.2 นทิ านท้องถนิ่ นิทานชนดิ น้มี ขี นาดสน้ั กวา่ นิทานปรมั ปรา มักเป็นเรือ่ ง
เหตกุ ารณเ์ ดยี วและเก่ียวกบั ความเชอื่ ขนบธรรมเนียมประเพณี โชคลางหรือคตนิ ยิ มอยา่ งใดอย่างหนึง่ อันเป็นพืน้ ฐานของคนในแต่ละ
ทอ้ งถ่นิ แม้ว่าจะเปน็ เร่อื งแปลกพิสดารมเี ค้าความจริง มตี วั ละครจรงิ ๆ มีสถานท่เี กดิ จริงท่กี ำหนดแน่นอน นิทานท้องถิน่ จำแนกได้ 6
ประเภท ดังน้ี
2.2.1 นิทานอธบิ าย เชน่ อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ของธรรมชาติ อธบิ าย
สาเหตุของความเชอื่ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ที่เกย่ี วกบั สถานท่ี และโบราณสถานทีส่ ำคญั
2.2.2 นทิ านเก่ยี วกบั ความเช่ือต่าง ๆ เชน่ โชคลาง เรื่องผตี ลอดจนเรอ่ื งเกี่ยวกับ
ไสยศาสตร์
2.2.3 นทิ านเกีย่ วกบั สมบตั ทิ ี่ฝงั ไว้มีลายแทง แนะใหไ้ ปหาสมบตั ินน้ั ๆ
2.2.4 นิทานวีรบรุ ุษ คือ เร่ืองเกย่ี วกบั คณุ ธรรม ความฉลาดความสามารถ
และความกล้าหาญของบคุ คล มกั มกี ำหนดสถานท่ีทีแ่ นน่ อนวา่ เป็นที่ใดและมกี ำหนดเวลาของเรอ่ื งทีแ่ น่นอน
2.2.5 นิทานคติสอนใจ เป็นเรอื่ งสนั้ ไม่สมจริง มีเจตนาจะสอนความประพฤตอิ ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ
2.2.6 นิทานเกย่ี วกบั นกั บวชตา่ ง ๆ เปน็ เร่ืองเกยี่ วกับอภนิ หิ ารของผ้บู วชที่เจริญภาวนา
13
จนมีญาณแก่กล้า มฤี ทธิ์พเิ ศษ
2.3 นทิ านเทพนิยาย หมายถงึ นิทานทม่ี ีเทวดา นางฟ้า เปน็ ตัวละครในเรอ่ื งนน้ั เช่น พระอินทร์ หรือเป็นแตเ่ พยี งก่ึง
เทวดา เชน่ เจา้ ปา่ เจ้าเขา เจ้าแม่ต่าง ๆ และมกั มีสว่ นสมั พนั ธก์ ับความเชอ่ื ทางศาสนาและพธิ กี รรมทางศาสนา
2.4 นิทานเก่ยี วกบั สตั ว์ มีตัวละครในเร่ืองเป็นสตั ว์ทง้ั ทีเ่ ป็นสตั ว์ป่า สัตวบ์ า้ น และบางเร่อื งกม็ ีคนมาเก่ยี วข้องอยูด่ ้วย
ไม่ใช่มแี ต่สตั ว์ล้วนๆ แต่ทง้ั คนและสตั วน์ นั้ จะพูดโตต้ อบกนั เสมอื นหนง่ึ ว่าเป็นมนุษย์ แบง่ ยอ่ ยออกเป็น 2 ประเภท คอื
2.4.1 นทิ านประเภทสอนคติธรรม ตวั เอกของเรื่องจะตอ้ งเปน็ สัตว์เสมอ
2.4.2 นทิ านประเภทเล่าซ้ำหรือเล่าไม่จบ นิทานชนิดนมี้ ีเรื่องและวิธีการ
เล่าเปน็ แบบเฉพาะ มกี ารเลา่ ซำ้ วนคอื ไม่มีจบ
2.5 นทิ านตลกขบขัน มักเป็นเรือ่ งสั้น ๆ จุดสำคัญของเรอ่ื งอยู่ที่มีเรื่องท่ีไมน่ ่าจะเป็นไปได้ต่าง ๆ อาจเป็นเรอ่ื ง
เกย่ี วกับความโง่ กลโกง การแก้เผ็ด การแสดงปฏภิ าณไหวพรบิ การพนันขันต่อ การเดนิ ทางและการผจญภยั ที่กอ่ เรื่องผิดปกติ ในแง่
ขบขันต่าง ๆ
คุณค่านิทานพ้นื บ้าน
จำแนกคุณคา่ และความสำคญั ของนทิ านพ้นื บ้านไดเ้ ป็น 3 ประการ ดงั น้ี
1.ใหค้ วามรูเ้ กี่ยวกับวฒั นธรรมของเจา้ ของนิทาน เชน่ ความรเู้ ก่ียวกับชวี ิต
ความเปน็ อยู่ จารีตประเพณี ความเชอ่ื คา่ นยิ ม สภาพเศรษฐกิจ ภมู ปิ ระเทศ และถิ่นฐานบ้านเรอื น ท้งั รปู แบบการเลา่ นิทานทใี่ ชค้ ำ
ประพนั ธ์เข้ามาชว่ ย เช่น แหล่ เทศน์ เสภา ยังสรา้ งความงาม ด้านรูปแบบอีกด้วย ดังนัน้ หากเยาวชนไดเ้ รียนรนู้ ิทานพน้ื บ้านของตน
ซง่ึ เป็นชอ่ งทางในการเรียนรขู้ องตนเอง สามารถอธบิ ายได้ รวมท้ังอาจจะบอกไดถ้ งึ ข้อดีและข้อจำกัดในวฒั นธรรมนนั้ ๆ ของตนได้
2.ใหค้ วามสนุกสนานเพลดิ เพลิน ผู้เล่ามกั เป็นผูใ้ หญห่ รอื ผมู้ ีประสบการณ์ และผูฟ้ งั มักจะเป็นเดก็ หรอื มี
ประสบการณ์น้อยกว่า การเล่านิทานพืน้ บ้านเปน็ กจิ กรรมทย่ี งั มคี วามช่นื ชอบในผู้ฟังทุกหมทู่ กุ เหลา่ นทิ านใหก้ ารศกึ ษาและเสริมสรา้ ง
จินตนาการ ปจั จุบนั การเลา่ นทิ านกย็ งั มีอยู่ทวั่ ไป เพยี งเปลีย่ นไปตามสถานการณ์หรือผ้ฟู งั เท่านัน้
3. สอนหรือสอดแทรกศลี ธรรม จรยิ ธรรม คณุ ธรรม หรือให้คตเิ ตือนใจ เช่น นทิ านชาดก นิทานอีสป นิทาน
สภุ าษติ นิทานในศาสนาตา่ ง ๆ นทิ านเหลา่ น้ีล้วนสอนให้ผ้ฟู งั ไดต้ ระหนกั ถึงคณุ ธรรมท่ีพึงประสงค์ ท้งั ทางโลกและทางธรรม เชน่ สอน
ใหไ้ มเ่ หน็ แกต่ ัว สอนให้ยดึ มน่ั ในพระผ้เู ป็นเจ้า สอนใหร้ ะวังการใชค้ ำพูด ฯลฯ กระตุ้นความเปน็ วรี บุรุษ พฒั นาศรัทธาทม่ี ตี ่อ
ศาสนา และเพื่อหลบหลีกความจำเจในชีวิตประจำวนั มีบทบาทสำคญั ทัง้ ในดา้ นการใหก้ ารศึกษา ใหค้ วามบนั เทงิ และเป็นแบบอยา่ ง
พฤติกรรมท่สี ังคม วฒั นธรรมแตล่ ะแหง่ ประสงค์ และนิทานยงั ชว่ ยกระชับความสมั พนั ธ์ในครอบครัว
14
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ใบความรู้ ใบความร้ทู ี่ 1.3
ภาษาไทย เรอ่ื ง ตัวอยา่ งการคิดวิเคราะหน์ ทิ าน แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1
ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 พ้นื บา้ น หนว่ ยการเรียนท่ี 1
โรงเรียนหนองหง้ิ พทิ ยา อำเภอเซกา จงั หวัดบงึ กาฬ สำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษาบงึ กาฬ
*************************************************************************
ตัวอยา่ งการคดิ วเิ คราะหน์ ิทานเรือ่ ง ไกไ่ ด้พลอย
กาลคร้ังหนึ่งไกแ่ จ้ตวั หนึง่ กำลงั คยุ้ เขย่ี อาหาร บังเอิญพบพลอยเม็ดงามมีค่ามาก ไก่แจต้ วั น้นั
แม้จะเหน็ วา่ พลอยมคี วามสวยงาม แตก่ ม็ คี วามร้สู ึกว่ามันสูเ้ มลด็ ขา้ วเมล็ดงา สักเมลด็ ไมไ่ ด้จงึ
พูดเปรยขึน้ มาวา่ “หากมคี นมาพบเจา้ เขาคงดใี จและคงนำไปประดบั ฝังอย่ใู นหัวแหวนใสอ่ ย่าง
สวยงาม แต่เจ้าไมม่ ปี ระโยชนอ์ นั ใดตอ่ ขา้ เลยสู้เมลด็ ขา้ วสักเมล็ดเดียวก็ ไมไ่ ด้ ” ว่าแลว้ กเ็ ดิน
คยุ้ เขยี่ อาหารต่อไปอยา่ งไม่ใยดี
ท่มี า : นิทานอสี ป
ขัน้ ที่ 1 ระบุเร่ืองหรอื ปญั หา
ใจความสำคญั คือ ส่งิ ท่มี คี า่ บางคร้ังเป็นประโยชน์ได้เฉพาะบางคน
ขนั้ ที่ 2 จำแนกแยกแยะข้อมลู
นทิ านเรื่องน้ี เป็นนิทานอีสป เกย่ี วกับชวี ติ สัตว์ คือ ไก่
ขนั้ ที่ 3 เปรียบเทยี บข้อมลู เพ่อื จดั ระบบ, จัดกลมุ่
พลอยและขา้ วมีข้อแตกต่างกนั คือ ด้านคณุ คา่ พลอยมีคา่ เมื่อมนษุ ยน์ ำมาประดับบนแหวน ขา้ วมีคณุ ค่ามาก
สำหรบั ไก่ เพราะใชเ้ ป็นอาหาร
ขั้นที่ 4 การจัดความสมั พันธ์ขอ้ มลู และตรวจสอบขอ้ มลู
ขอ้ คดิ ทไี่ ดจ้ ากนทิ านเร่ือง ไก่ได้พลอย คอื ของมีราคา บางคร้ังกไ็ มม่ ีความจำเป็น
สำหรับคนบางคน แต่สง่ิ ของที่มองวา่ ไร้ค่า กับมปี ระโยชน์มากกว่า ดังนน้ั จงึ ไม่ควรจะมองข้าม
สิง่ ท่คี ดิ วา่ ไมเ่ ป็นประโยชน์
***************************
15
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ใบงาน ใบงานท่ี 1.1
ภาษาไทย เรอื่ ง กระตุ้นให้คดิ วิเคราะห์ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1
ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ดว้ ยเกมภาพแหง่ จนิ ตนาการ หน่วยการเรยี นท่ี 1
โรงเรียนหนองหง้ิ พทิ ยา อำเภอเซกา จังหวดั บึงกาฬ สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาบึงกาฬ
เกมภาพแห่งจนิ ตนาการ
วัตถุประสงค์ เพอ่ื ฝึกวเิ คราะห์รายละเอียดของภาพทีก่ ำหนดให้
จำนวนผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม 20 - 30 คน
เวลา 30 นาที
สอ่ื /อปุ กรณ์ 1. ไปรษณยี บัตร/ ส.ค.ส. ที่เปน็ ภาพศิลปะและเป็นภาพนามธรรม
2. กระดาษและปากกา/ดินสอ
3. อปุ กรณใ์ นการทำงานศิลปะ
ขน้ั ตอนการจัดกิจกรรม
1. แบง่ ผูเ้ รียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3 คน โดยแจกไปรษณียบตั ร ส.ค.ส. ทเ่ี ปน็ ภาพศลิ ปะให้
กลุ่มละ 1 แผ่น
2. ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ช่วยกันวเิ คราะหภ์ าพน้นั อยา่ งละเอยี ดตามหวั ข้อต่อไปนี้
• ลายเส้นเต็มไปดว้ ยความน่มุ นวลหรอื หยาบกระด้าง และเส้นบางหรือเส้นหนา
• จากลายเสน้ ดังกลา่ ว บ่งบอกอะไรบา้ ง
• สีทศ่ี ิลปนิ เลือกน้ันเปน็ อย่างไร
• เหตใุ ดเขาจงึ เลือกใชส้ ีเชน่ น้ี
• สีดังกล่าวทำใหร้ สู้ ึกอย่างไร
• ส่วนใดของภาพทสี่ ายตาเราจับจอ้ งไปเป็นอันดับแรก (น่ันอาจเปน็ หัวใจสำคัญของงานศลิ ปะชนิ้ นน้ั ก็เป็นได)้
• อะไรคอื สาเหตทุ ี่ทำให้จ้องไปยงั จุดนนั้ เปน็ อันดบั แรก
3. ภายหลงั การปรึกษากนั ในกล่มุ แลว้ ให้ผเู้ รยี นเลอื กทำงานตามหวั ข้อใด
หัวขอ้ หน่ึงดงั นี้ :-
ก. ให้แต่งเรอื่ งหรือนทิ านท่นี ำไปสูก่ ารวาดรูปนี้ หรือแต่งเรือ่ งหรอื นิทานจากภาพดังกลา่ ว
ข. ให้แตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั แต่งเรอ่ื งท่ีเกย่ี วข้องกบั ผู้เรยี นหรอื โรงเรียนและ
ลองวาดภาพนามธรรมเพ่อื นำเสนอถงึ แก่นของเรอื่ งนนั้
4. ตัวแทนกลุม่ นำเสนอผลงาน
5. ผู้สอนและผ้เู รียนรว่ มกันอภปิ รายถงึ ผลงานของแตล่ ะกลุ่มในประเด็นต่าง ๆ เชน่ ลักษณะเด่น ความครอบคลุม
ข้อคิดเห็นเพิ่มเตมิ เปน็ ตน้
ประเดน็ การอภิปราย
1. ลักษณะผลงานของแตล่ ะกลุ่ม เชน่ ลักษณะเดน่ ของผลงาน ส่วนท่ีขาดหายไป ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม ฯลฯ
2. ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากกจิ กรรม
16
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ใบงาน ใบงานที่ 1.2
ภาษาไทย เร่ือง การวเิ คราะห์นทิ านพ้นื บา้ น เรอื่ ง แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ยายหมาขาว หนว่ ยการเรียนท่ี 1
โรงเรยี นหนองหิ้งพิทยา อำเภอเซกา จังหวัดบงึ กาฬ สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาบึงกาฬ
นิทานพน้ื บ้าน เร่ือง ยายหมาขาว
ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง
1. ระบุเรือ่ งหรอื ปัญหาจากนิทานพ้นื บา้ นเรอ่ื ง ยายหมาขาวได้
2. จำแนกแยกแยะขอ้ มูลจากนทิ านพืน้ บ้านเรอ่ื ง ยายหมาขาวได้
3. เปรียบเทยี บข้อมลู เพ่ือจดั ระบบจากนิทานพื้นบา้ นเร่อื ง ยายหมาขาวได้
4. จดั ความสมั พันธ์ใหเ้ หตผุ ลและตรวจสอบข้อมลู นิทานพ้นื บา้ นเรอื่ ง
ยายหมาขาวได้
ชอ่ื กลุ่ม (ดอกไม้ในวรรณคดไี ทย)..............................................................................
รายช่อื สมาชกิ ชั้น ม. ........./.............
1. ............................................................เลขท่ี........................
2. ............................................................เลขท่ี........................
3. ............................................................เลขท่ี........................
4. ............................................................เลขท่ี........................
5. ............................................................เลขท่ี........................
วันท่ี ............ เดือน .........................พ.ศ. .................................
เร่มิ ปฏบิ ัติกจิ กรรมเวลา..................................-.......................................น.
17
คำชีแ้ จง นกั เรียนทกุ คนอ่านนิทานพน้ื บ้าน เร่ือง “ยายหมาขาว” แลว้ ตอบคำถาม
ตามกระบวนการข้ันตอนการวิเคราะห์ทีน่ กั เรียนเขา้ ใจให้ถูกต้อง
ที่มา : นิทานพื้นบา้ น
ภาพ : นายวินิต รัตนมงคล นกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5
โรงเรียนหนองห้ิงพิทยา อำเภอเซกา จงั หวัดบึงกาฬ
มยี ายหมาขาวตัวหนึง่ ออกลกู เป็นเดก็ หญงิ สามคน ยายหมาขาวจึงนำลูกของนางไปเลย้ี งไวใ้ นโพรงไม้ใหญ่ นางคอย
คาบขา้ วปลาอาหารมาใหล้ กู ไดก้ ิน ฟมู ฟักเลีย้ งดูจนลูกสาวของนางเติบใหญ่กลายเปน็ หญงิ สาวท่ีสวยงาม ต่อมาลกู สาวทั้งสามของแม่
หมาขาวตัวนั้นกแ็ ตง่ งานแยกย้ายไปมคี รอบครวั จากแม่หมาไป
อยูม่ าวนั หน่ึงยายหมาขาวเกิดคิดถงึ ลกู ทง้ั สามข้นึ มา จึงไปหาลูกสาวยายหมาขาวไปหาลกู สาวคนแรก ซึ่งลูกสาวคน
แรกของนางนไ้ี ดแ้ ตง่ งานกับเศรษฐี มีฐานะร่ำรวยมาก เม่อื นางไปถงึ บา้ นก็รอ้ งเรยี กลูกสาว “ลกู จา๋ แม่มาหาแล้วลูก” ลกู สาวคนแรกคดิ
วา่ ใครหนอมาเรยี กตนจึงออกมาดูพบวา่ เปน็ ยายหมาขาวแม่ของตน นางจึงแสดงท่าทรี งั เกยี จ ด่าว่าและขับไลย่ ายหมาขาวไป ไมย่ อมรับ
วา่ หมาตวั น้ีเป็นแมข่ องตน
ยายหมาขาวรสู้ กึ เสียใจและผิดหวงั มาก นางจึงเดินออกจากบ้านของลกู สาวคนแรกไป
แล้วก็เดนิ จากไปยงั บ้านของลกู สาวคนท่ีสอง เพื่อไปหาลกู สาวคนท่ีสอง ลูกสาวคนที่สองมีฐานะปาน
กลาง ลกู สาวคนนร้ี ับเล้ยี งยายหมาขาวไปไดร้ ะยะหนง่ึ กไ็ ม่อยากแบกรบั ภาระอกี และแสดงอาการ
รงั เกียจยายหมาขาวอีกเช่นกนั ยายหมาขาวรู้ตัวจงึ จากลูกสาวคนทส่ี องไป
ยายหมาขาวจงึ มุง่ ไปหาลกู สาวคนสุดทอ้ ง ซึง่ ลกู สาวคนน้ีไดแ้ ตง่ งานกบั คนทีม่ ฐี านะ
18
ยากจน ลกู สาวคนสดุ ท้องดใี จมากที่เห็นยายหมาขาวมาหา นางจึงเล้ียงดูยายหมาขาวอย่างดีไมแ่ สดง
ท่าทีรงั เกียจแม้แตน่ ้อยจนกระทัง่ ยายหมาขาวตายจากไป ก่อนตายยายหมาขาวไดส้ ง่ั ลกู สาววา่ ให้เอา
ศพของนางใสไ่ วใ้ นหบี เมือ่ ครบเจ็ดวัน แล้วให้เปดิ ดู ลกู สาวคนสดุ ท้องกท็ ำตามดงั ทค่ี ำยายหมาขาวสั่ง
คอื รอจนครบเจด็ วนั เมอ่ื ครบเจ็ดวันจึงไปเปดิ หีบทใ่ี ส่ศพของยายหมาขาวปรากฏวา่ ร่างของยายหมา
ขาวกลายเปน็ ทองคำ ลูกสาวคนสุดท้องนำไปขายกลายเปน็ เศรษฐรี ่ำรวยขน้ึ มา
ขา่ วนี้ทราบถงึ ลูกสาวคนโตของยายหมาขาว ลกู สาวคนโตของยายหมาขาวจงึ ไปจับหมา
มาตัวหน่ึงมาเล้ียงดูอย่างดี โดยหวังวา่ หมาตวั นี้จะกลายเป็นทองเหมือนกับยายหมาขาวท่ีเป็นแมข่ อง
นาง แตด่ ว้ ยความโลภนางไมร่ รี อใหห้ มาตัวนัน้ ตาย นางรีบฆ่าหมาตัวนั้นแล้วกเ็ อาไปใสห่ บี ทองอย่างดี
เมื่อครบเจ็ดวันนางก็รีบไปเปดิ หบี ดผู ลปรากฏวา่ หมาตัวน้นั เน่าและส่งกลิน่ เหมน็ อบอวลไปทว่ั
ท่มี า : นิทานพื้นบา้ นอีสาน
*************************
1. ด้านความพอประมาณของยายหมาขาว คืออย่างไร
............................................................................................................................................
2. ตัวอย่างท่ีดี ท่ีนา่ ปฏิบัตติ ามเป็นแบบอย่างของยายหมาขาวคอื อย่างไร
............................................................................................................................................
3. การไมย่ ึดม่ันตามครรลองของกฎหมายและประเพณที ีด่ ีงามของสังคมของลกู สาวคนแรกคือ
พฤตกิ รรมที่แสดงออกโดย
............................................................................................................................................
............................................................................................................................................
4. การปฏบิ ัติตนตอ่ บิดามารดา ควรทำอย่างไร
............................................................................................................................................
............................................................................................................................................
5. ผลท่ีตามมาถ้าสมาชิกในสังคมเอาแบบอย่างจากลูกสาวทั้ง 2 ของยายหมาขาว คือ
............................................................................................................................................
............................................................................................................................................
6. ลูกสาวคนแรกของยายหมาขาว มกี ารดำเนนิ ชีวติ ทไี่ ม่พอเพยี งโดยกระทำไมด่ ี ด้วยการทำอยา่ งไร
............................................................................................................................................
............................................................................................................................................
7. ลูกสาวคนแรกไมร่ ้จู ักการอดทน อดกล้ัน มัน่ คงและการรอคอยโดยปฏบิ ตั ิตอ่ ยายหมาขาว อย่างไร
............................................................................................................................................
8. ข้อคิดทไ่ี ดจ้ ากนทิ านพ้ืนบา้ น เรื่อง ยายหมาขาว
............................................................................................................................................
............................................................................................................................................
............................................................................................................................................
............................................................................................................................................
19
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย แนวทางตอบคำถาม ใบงานท่ี 1.2
ภาษาไทย แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 1
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 การคิดวิเคราะหจ์ าก หน่วยการเรยี นท่ี 1
นทิ านพน้ื บ้าน เรือ่ ง ยายหมาขาว
โรงเรยี นหนองหงิ้ พทิ ยา อำเภอเซกา จงั หวัดบงึ กาฬ สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษาบงึ กาฬ
1. ด้านความพอประมาณของยายหมาขาว คอื อย่างไร
ตอบ ยายหมาขาวดแู ลลูกท้งั สาม เป็นอยา่ งดโี ดยไม่ตอ้ งพึ่งพาอาศัยผูอ้ ื่น
2. ตวั อย่างทดี่ ี ที่น่าปฏิบตั ติ ามเปน็ แบบอย่างของยายหมาขาวคอื อย่างไร
ตอบ หลักการดำรงชวี ติ ดว้ ยการพ่งึ ตนเอง โดยไม่ตอ้ งพึ่งพาอาศยั ผ้อู นื่
3. การไม่ยึดม่ันตามครรลองของกฎหมายและประเพณีทด่ี ีงามของสงั คมของลกู สาวคนแรกคือ
พฤตกิ รรมทแี่ สดงออกโดย
ตอบ ไมย่ อมรบั วา่ เปน็ แมข่ องตน
4. การปฏบิ ตั ิตนตอ่ บิดามารดา ควรทำอย่างไร
ตอบ ท่านเลย้ี งเรามาแลว้ พงึ เล้ียงทา่ นตอบด้วยการหมน่ั เอาใจใสด่ ูแลทง้ั ด้านร่างกายและจิตใจ
เพ่อื ใหท้ ่านสขุ กาย สบายใจ ปลอดจากโรคภยั ไข้เจบ็ ตามแตโ่ อกาสจะทำได้ เพราะบญุ คุณของบิดา
มารดามมี ากนักยากทจี่ ะตอบแทนได้หมดจึงควรรีบทำหากมัวรอวนั หน้าอาจจะไม่ทนั กาล
5. ผลทีต่ ามมาถ้าสมาชิกในสงั คมเอาแบบอย่างจากลกู สาวทงั้ 2 ของยายหมาขาว คือ
ตอบ สังคมนนั้ ๆ จะขาดความสงบสุข สมาชิกในสงั คมจะถือเอาประโยชน์ของตนเองเป็น
สำคญั และประชาชนกอ็ ย่อู ยา่ งไมม่ ีความสขุ
6. ลูกสาวคนแรกของยายหมาขาว มกี ารดำเนนิ ชีวิตท่ไี มพ่ อเพยี งโดยกระทำไมด่ ี ดว้ ยการทำอย่างไร
ตอบ ไม่รู้จกั การอดทน อดกลั้น มั่นคงและไมร่ ู้จกั การรอ
7. ลูกสาวคนแรกไม่รู้จกั การอดทน อดกล้นั มั่นคงและการรอคอยโดยปฏิบัติต่อยายหมาขาว อยา่ งไร
ตอบ แสดงท่าทีรังเกียจด่าว่า ไมย่ อมรับวา่ ยายหมาขาว เป็นแม่ของตนจึงขบั ไลไ่ ป
8. ข้อคิดที่ไดจ้ ากนิทานพน้ื บา้ น เร่อื ง ยายหมาขาว
ตอบ ความกตญั ญกู ตเวที ย่อมทำให้ผู้กระทำได้รับความดีจากการกระทำนัน้ ๆ
แนวทางตอบคำถามใบงานที่ 1.2 อยูใ่ นดุลยพนิ จิ ของครผู ูส้ อน
20
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ใบงาน ใบงานที่ 1.3
ภาษาไทย การคดิ วเิ คราะห์จาก แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 หนว่ ยการเรยี นที่ 1
นิทานพ้ืนบา้ น เรือ่ ง ทา้ วแสนปม
โรงเรียนหนองหิ้งพิทยา อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษาบึงกาฬ
นิทานพ้ืนบา้ น เร่อื ง ท้าวแสนปม
ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั
1. ระบเุ ร่ืองหรอื ปญั หาจากนทิ านพื้นบ้านเรื่อง ทา้ วแสนปมได้
2. จำแนกแยกแยะข้อมลู จากนิทานพื้นบ้านเรอื่ ง ท้าวแสนปมได้
3. เปรียบเทยี บข้อมูลเพ่อื จดั ระบบจากนทิ านพนื้ บ้านเร่ือง ทา้ วแสนปมได้
4. จัดความสัมพันธ์ ให้เหตุผลและตรวจสอบข้อมลู นทิ านพ้นื บา้ นเรอื่ ง
ท้าวแสนปมได้
คำชี้แจง ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ อ่านนทิ านเรื่อง “ทา้ วแสนปม” แลว้ ตอบคำถามตาม
กระบวนการคิดวิเคราะหท์ ีน่ ักเรียนเขา้ ใจใหถ้ กู ต้อง
21
ที่มา : นิทานพ้ืนบ้าน
ภาพ : นางสาววิภาภรณ์ ดอกกฐิน นักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6
โรงเรียนหนองห้ิงพิทยา อำเภอเซกา จังหวดั บงึ กาฬ
ทีเ่ มอื งแสนสขุ ตาอิม่ และ ยายเอบิ อยากมลี กู มาก ไปขอคำแนะนำจากหมอผีประจำหมู่บา้ น หมอผแี นะนำใหต้ า
ยายนำคางคกมาต้มเปน็ ยาบำรุงเพือ่ ใหม้ ลี กู ตาและยายทำตาม คำหมอจนไดล้ กู ชายสมใจ แตอ่ นิจจาเพราะกรรมทท่ี ำไว้กับคางคก ทำ
ใหล้ ูกทเ่ี กิดมาตามตัวมปี ุม่ ปมเต็มตวั ตาและยาย จงึ ตงั้ ชื่อลกู วา่ “แสนปม”ในวยั เด็ก เดก็ ชายแสนปม อยากมีเพอื่ นตามประสาเด็ก แต่
กลับถกู เดก็ คนอืน่ กลนั่ แกล้งเพราะรงั เกียจทีต่ วั เป็นปมุ่ ปำ่ แมแ่ สนปม เหน็ ใจ พยายามหาสมุนไพรมารักษาลกู แตก่ ็ไมห่ าย แต่กลบั ทำให้
แสนปมมีความร้เู รื่องสมนุ ไพรเพราะเรียนรจู้ ากตำรายาท่แี มท่ ำไว้ วนั หนง่ึ ในหมูบ่ ้านเกิดโรคระบาด แสนปม ถูกหาวา่ เปน็ พาหะ
ชาวบ้านตา่ งพากนั ขบั ไลค่ รอบครวั แสนปมไปอยูท่ ีอ่ ื่น ด้วยความทไี่ ม่อยากให้พอ่ แม่เดือดรอ้ นจากการถูกชาวบา้ นรังแก แสนปมจึง
ตดั สนิ ใจหนีจากหมูบ่ า้ นมาเพียงลำพงั
เด็กชายแสนปมรอนแรมมาถึงเมืองไตรตรึงส์ ระหวา่ งน้ันทา้ วไตรตรงึ ส์เจ้าเมอื งเขา้ มาเที่ยวป่าลา่ สตั วแ์ ละกำลังเพลดิ เพลนิ
ชมนกชมไม้อยู่กบั มเหสีจนั ทรส์ ดุ า แม่เลย้ี งของพระธิดาเนตรนภา และเจา้ ถงุ ทอง แมวของพระธดิ าก็ไดห้ นีออกไปว่งิ เลน่ ทำให้
พระธิดา ต้องวิง่ ไปตามในป่าเพยี งลำพัง จนเจอเขา้ กบั เสือโครง่ ที่จะมาทำร้าย โชคดีทแี่ สนปมช่วยพระธิดาไว้ จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ
สาหัส ทา้ วไตรตรึงสเ์ ห็นสภาพแสนปมบาดเจ็บใกลต้ าย และกลวั วา่ จะเป็นโรครา้ ย จึงไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ แต่กลับนำพระธิดากลับ
วงั โดยทนั ที
ฝ่ายพระธิดารวู้ า่ แสนปมยังไม่ตายจงึ ตัง้ จิตอธษิ ฐาน ทำให้พระอนิ ทร์ที่อยู่บนสวรรคต์ ้องลงมาชว่ ยแสนปมให้รอดชีวติ และเสกพ่ตี ๊กุ ต๊ิก
ต๊กุ แกท่อี ยู่ในปา่ ให้เป็นตุ๊กแกพดู ได้ ไวเ้ ป็นเพือ่ นคอยดแู ลแสนปมตอ่ ไป
วันหนึง่ จ้อย เดก็ ในหมบู่ า้ นถูกงูกัด บงั เอิญแสนปมไปพบเขา้ และใช้วชิ าสมุนไพรชว่ ยชีวิตไว้ พอ่ แม่จ้อยสำนึกใน
บุญคุณของแสนปม จงึ ใหค้ วามช่วยเหลอื นำผักและสมุนไพรท่แี สนปมปลกู ไวไ้ ปขายในตลาดดว้ ยความที่รู้เรอ่ื งผัก สมนุ ไพรเป็นอยา่ งดี
แสนปมจึงมีโอกาสชว่ ยเหลือชาวบา้ นอยู่เสมอ จนเร่ิมเป็นทย่ี อมรับของคนในหมบู่ า้ น
ที่เมอื งไตรตรึงส์ อยู่ดๆี พระธิดากอ็ ยากทานมะเขอื เป็นอย่างมาก ท้าวไตรตรึงสส์ ั่งใหท้ หารและนางสนมออกไปหา
มะเขอื ท่ีดที สี่ ดุ ในนครมาถวาย จนไปเจอมะเขอื ของแสนปมทมี่ ีขนาดใหญ่ จงึ นำกลบั มาใหพ้ ระธดิ า และหลงั จากเสวยมะเขือของแสน
ปมเขา้ ไป พระธิดาก็ต้ังครรภ์ จนใหก้ ำเนิดพระโอรส
เมื่ออายไุ ด้ 5 พระชันษา พระโอรสจงึ ถามหาพระบิดา ท้าวไตรตรงึ ส์อดสงสารไม่ได้ จึงคดิ จดั พธิ ีเสย่ี งทายเพ่อื ตามหา
บดิ าให้ ซ่งึ การเส่ยี งทายโดยมขี อ้ แม้วา่ ผู้เข้าร่วมพธิ ตี ้องนำอาหารมาคนละ 1 อยา่ ง ถา้ พระโอรสทานอาหารจากผู้ใด ผ้นู ั้นจะ
ได้รับเลอื กเปน็ บดิ าของพระโอรสรวมทง้ั ได้เปน็ พระสวามขี องพระธิดาทันที ฝา่ ยพระมเหสจี ันทร์สดุ า เมอื่ ทราบว่าท้าวไตรตรงึ สจ์ ะจัด
พิธเี ส่ียงทาย ก็รบี แจ้งขา่ วให้เจา้ ชายไกรสิงห์ หลานชายรปู งามแหง่ เมืองรมจกั ร มาเขา้ รว่ มพธิ ี เพราะหวังว่าเจา้ ชายจะได้รับเลอื ก
22
และได้สมบตั ิแหง่ เมอื งไตรตรึงส์ทัง้ หมดมาเป็นของตน พอแสนปมเองได้ทราบขา่ ว กเ็ ข้ารว่ มพธิ ีเสย่ี งทาย โดยนำข้าวมา 1 ปัน้ พระ
อนิ ทรก์ ช็ ่วยดลใจให้พระโอรสเสวยข้าวของแสนปม แสนปมจงึ เปน็ ราชบุตรเขยทันที แตเ่ พราะรปู ร่างหน้าตาทอ่ี ปั ลักษณ์ แสนปมจงึ ถูก
ทุกคนในวังรงั เกยี จ ยกเวน้ พระโอรส แสนปมโดนกล่ันแกลง้ ตา่ ง ๆ นา ๆ จนในทสี่ ดุ ก็ถกู ไลอ่ อกจากวัง พระโอรสจึงขอออกจากวังไป
ด้วย เมอื่ ลูกไป พระธดิ าจงึ ตอ้ งออกไปด้วย 3 คน พอ่ แมล่ กู จงึ ตอ้ งระหกระเหนิ ไปผจญภัยดว้ ยกัน แสนปมใชว้ ิชาสมุนไพรทม่ี หี าเลยี้ ง
ครอบครัว
ทางดา้ นเจา้ ชายไกรสิงหย์ ังผูกใจเจบ็ จึงวางแผนจบั พระธดิ าเปน็ ตัวประกันเพอื่ ต่อรองเอาเมืองกบั ท้าวไตรตรึงส์ แสนปม
เขา้ ไปช่วยพระธดิ าออกมาได้ ดว้ ยความดีทีแ่ สนปมทำและกรรมเก่าใกลห้ มด พระอินทรจ์ ึงส่งกลองวเิ ศษมาให้ ซง่ึ สามารถขอพรได้ 3
ข้อ พรข้อที่ 1 ที่ แสนปมขอคือ ขอใหต้ วั หายจากการเป็นปุม่ ปม ขอ้ ท่ี 2 คือ ขอเมอื งเปน็ ของตวั เอง และขอ้ ท่ี 3 คอื ขออทู่ องใหก้ บั
พระโอรส
เมือ่ แผน 1 ลม้ เหลว เจา้ ชายไกรสิงหจ์ งึ งดั ไม้ตายดว้ ยการยกทพั ไปตเี มืองไตรตรึงส์ แสนปมจงึ
ยกทัพไปชว่ ย และชนะศึก ด้วยความดีท่แี สนปมทำใหม้ าตลอด พระธิดาจงึ ใจอ่อน ยอมรบั รักจากแสนปม
และทั้งหมดก็อยู่ดว้ ยกนั อยา่ งมีความสขุ
ทีม่ า : นิทานพืน้ บา้ น
ผลการเรยี นร้ทู ค่ี าดหวงั ที่ 1 ระบเุ รื่องหรอื ปัญหา
1. ใจความสำคัญของนิทานพน้ื บ้าน เรือ่ ง ทา้ วแสนปม คอื
............................................................................................................................. .....................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................... ...........................................
............................................................................................................................................. ........................................................................ .............
..................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั ที่ 2 จำแนกแยะแยะขอ้ มลู ได้
2. นิทานพ้นื บ้านเรือ่ ง ท้าวแสนปม จดั เป็นนิทานประเภทใด
ก.นิทานทั่วไป
ข. นทิ านพืน้ บ้าน
ค. นทิ านปรมั ปรา
ง. นิทานองิ คณุ ธรรม
3. พฤตกิ รรมของตัวละครในนิทานพื้นบ้าน เรอื่ ง ท้าวแสนปม มีลกั ษณะนิสัยอยา่ งไร
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
4. คำวา่ “ปม” มลี กั ษณะอยา่ งไร
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวงั ที่ 3 เปรียบเทียบขอ้ มลู เพ่ือจดั ระบบได้
5. นทิ านเรื่อง ท้าวแสนปม ตรงกับสำนวนใดมากทีส่ ดุ
ก. ต้นร้ายปลายดี
ข. คบคนให้ดูหนา้ ซ้อื ผ้าให้ดเู น้อื
ค.ไกง่ ามเพราะขนคนงามเพราะแตง่
ง. คนจะงามงามนำ้ ใจใชใ่ บหนา้
6. นกั เรยี นเปรยี บเทียบพฤตกิ รรมของตวั ละครในนทิ านพื้นบา้ นเร่ือง ท้าวแสนปม ทไี่ มค่ วรเอา
เป็นตัวอย่างและพฤติกรรมท่คี วรเอาเป็นตัวอย่างได้
23
สงิ่ ท่ไี ม่ควรเอาเปน็ ตวั อยา่ ง สิ่งทีค่ วรเอาเป็นตัวอยา่ ง
....................................................... ........................................................
....................................................... ........................................................
....................................................... ........................................................
....................................................... ........................................................
ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั ท่ี 4 จดั ความสมั พันธ์ ให้เหตผุ ลและตรวจสอบขอ้ มูลได้
7. ถา้ นักเรยี นไดก้ ลองวเิ ศษ นกั เรยี นจะตีกลองขออะไร ทำไมจึงเปน็ เช่นน้นั
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
8. คนเรามที ง้ั ข้อดีและข้อเสยี แตค่ นทท่ี ำไมด่ แี ลว้ สามารถกลบั ตวั เปน็ คนดไี ด้ กบั
คนทีท่ ำดีแตก่ ลับทำชว่ั นกั เรียนจะใหอ้ ภัยบคุ คลใดมากท่ีสดุ เพราะอะไร
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................................ ..........................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................................... ...........................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
9. ข้อคิดทไ่ี ดจ้ ากนทิ านเร่ือง ท้าวแสนปม คอื .........................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ แนวทางตอบคำถาม ใบงานที่ 1.3
24
ภาษาไทย การคิดวิเคราะห์จาก แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 นทิ านพื้นบา้ น เรือ่ ง ทา้ วแสนปม หนว่ ยการเรยี นที่ 1
โรงเรยี นหนองหิง้ พิทยา อำเภอเซกา จงั หวัดบึงกาฬ สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษาบึงกาฬ
การคิดวิเคราะห์จากนทิ านพ้ืนบา้ น เรอ่ื ง ท้าวแสนปม
ขอ้ ที่ 1 แนวคำตอบ
ใจความสำคัญของนทิ าน คอื หนา้ ตาไมใ่ ช่สิง่ สำคัญขอให้รูข้ ยนั ขนั แขง็ ทำมาหากิน ก็จะประสบผลสำเร็จทำให้ชีวติ ดขี ึ้น
ข้อที่ 2 เฉลย ข้อ ข
ข้อท่ี 3 แนวคำตอบ (ใหอ้ ย่ใู นดุลยพินิจของคร)ู
ข้อท่ี 4 แนวคำตอบ (ใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของครู)
เพราะตายายนำคางคกมาตม้ เปน็ ยาบำรุงเพอ่ื ใหม้ ีลูกจนได้ลูกชายสมใจ แต่เปน็ เพราะผลกรรมทที่ ำไว้กับคางคกทำให้ลกู ท่ี
เกดิ มามตี ัวปมุ่ ปำ่ ตาและยาย จงึ ตง้ั ชอ่ื ลูกว่า “แสนปม”
ข้อท่ี 5 เฉลย ขอ้ ก
ขอ้ ที่ 6 (ใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินจิ ของครู)
ข้อท่ี 7 (ให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของคร)ู
ข้อที่ 8 (ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของคร)ู
ข้อท่ี 9 ขอ้ คิดทไี่ ดจ้ ากเรื่อง
1. การคบคนอย่าดูแต่รูปลกั ษณภ์ ายนอก ให้ดคู ณุ สมบตั ิภายในดว้ ย
2. อยา่ ดถู กู ผู้ท่ีต่ำต้อยด้อยกว่าตน เพราะเขาเปน็ มนุษย์เหมอื นกบั เรา
3. อย่าทะนงตนว่าเป็นผยู้ งิ่ ใหญเ่ หนอื คนอ่ืนๆ เพราะอาจมีผูย้ ง่ิ ใหญ่
กวา่ เราอกี ก็ได้
4. ไมค่ วรตำหนิตเิ ตียนผู้อ่นื อยา่ งรนุ แรงเกินไป เพราะถ้าเขาไมเ่ ป็น
อย่างทเ่ี ราพดู เขาจะอับอาย ขายหนา้ ได้
25
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ใบงานที่ 1.4
ภาษาไทย ใบงานที่ 1.4 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 1
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 เร่ือง แผนผังมโนทัศน์ หนว่ ยการเรยี นที่ 1
โรงเรียนหนองหงิ้ พทิ ยา อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ สำนักงานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษาบงึ กาฬ
คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนผังมโนทัศน์(Mind Mapping ) จากนทิ านพน้ื บา้ น
เรื่อง “ทา้ วแสนปม”
………………………………………………………………………………………………………………………………
………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………
แนวคำตอบ (ให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของคร)ู
แบบทดสอบก่อนเรียน
ชดุ ท่ี 1 เรอ่ื ง การคดิ วิเคราะห์จากนิทานพ้นื บ้าน
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
***********************************
26
คำชแี้ จง
1. แบบทดสอบก่อนเรียนชุดที่ 1ฉบบั นี้ ใช้ทดสอบความสามารถในการคิด
วิเคราะหก์ อ่ นการฝึกกจิ กรรมกระบวนการคิดวเิ คราะห์ เปน็ แบบทดสอบปรนยั แบบเลือกตอบ 4 ตวั เลือก จำนวน 10 ขอ้ ข้อละ 1
คะแนน ใชเ้ วลาในการทดสอบ 15 นาที
2. ใหน้ ักเรยี นอา่ นข้อคำถามและคำตอบให้ละเอยี ด แลว้ เลือกคำตอบที่ถูกทสี่ ดุ
เพียงคำตอบเดยี วแล้วนำไปตอบลงในกระดาษคำตอบ โดยทำเครื่องหมาย X ลงในช่องตวั เลอื กที่ต้องการ
3. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบใหค้ รบทุกข้อ
***********************************
นกั เรียนอ่านนิทานพนื้ บา้ น แลว้ ตอบคำถาม ขอ้ 1 – 2
1. นทิ านพนื้ บา้ นหมายถึงขอ้ ใด
ก. เรือ่ งเลา่ สืบต่อกันมาปากตอ่ ปาก จากคนรนุ่ หนึ่งสู่คนอกี รนุ่ หนงึ่ จนกลาย
เป็นวัฒนธรรมทส่ี ะท้อนชวี ิต
ข. เร่อื งเลา่ สืบตอ่ กันมาปากต่อปาก จากคนรนุ่ หนึ่งสู่คนอกี สองรุ่นจนกลาย
เปน็ วัฒนธรรมท่สี ะทอ้ นชีวิต
ค. เร่อื งเลา่ สบื ต่อกนั มาปากตอ่ ปาก จากคนรุ่นหนง่ึ สู่คนอีกสามรุ่นจนกลาย
เปน็ วัฒนธรรมที่สะทอ้ นชวี ิต
ง. เรอ่ื งเลา่ สืบต่อกันมาปากตอ่ ปาก จากคนรุ่นหนึ่งสูค่ นอีกสร่ี ุน่ จนกลาย
เป็นวฒั นธรรมท่ีสะทอ้ นชวี ิต
2. นทิ านท้องถิ่นสามารถจำแนกได้กีป่ ระเภท
ก. 2 ประเภท
ข. 4 ประเภท
ค. 6 ประเภท
ง. 8 ประเภท
นกั เรยี นอา่ นนทิ านพ้นื บ้าน เรอ่ื ง “เจด็ หวดเจ็ดไห” แล้วตอบคำถาม ขอ้ 3 - 10
มผี ัวเมียคหู่ นึง่ อย่กู นั มา เมยี เลยออกลกู มาเป็นผชู้ าย ปอ้ นข้าวมอื้ ละเจด็ หมก ต่อมาลูกเพนิ่ ใหญ่กะกินข้าวม้ือละเจ็ด
กระติบใหญ่ เปน็ บ่าวสำนอ้ ยกนิ ข้าวม้ือละเจ็ดหวดบน่ ง่ึ เจ็ดหวดเพ่ินกะบ่พอกิน แม่กบั พอ่ กะเลยปรึกษากันว่าสิเอาลูกไปฆ่า ว่ามนั กิน
หลาย อีหยังกะเหมดิ้ ทกุ ข์ลง ๆ แม่กบั พอ่ กะเลยว่าสปิ มั้ ต้นไม้ใหญ่ ใหบ้ กั เจด็ หวดเจด็ ไหไปฮบั ตน้ ไมใ้ หญ่กะสทิ บั มนั ตาย ว่าแลว้ พอ่ กะ
เลยบอกบกั เจ็ดหวดเจ็ดไหวา่ ซพิ าไปเอาฟนื ในปา่ พอ่ ตดั ไมใ้ หบ้ กั หล่าไปฮบั เดอ้ พ่อสเิ ปน็ คนปั้มวา่ แลว้ ก็พาลูกเขา้ ปา่ ไป พอตน้ ไมส้ ิล้ม
บกั เจ็ดหวดเจด็ ไหกะแลน่ ไปฮบั ต้นไม้ใหญจ่ มลงดนิ พ่อดีใจกลบั เมอื บา้ นเว้าให้เมยี ฟัง เฒา่ ๆ บักเจด็ หวดเจด็ ไหมันถกื ตน้ ไมท้ ับตายแลว้
บดั เทื่อน่ีเฮากะสิไดเ้ ป็นเศรษฐี
พอบกั เจด็ หวดเจ็ดไหลุกข้ึนได้ กะแบกต้นไมใ้ หญท่ ้ังต้นแบกมาฮอดห้วยกะเลยเซามแี ฮง เอาตน้ ไม้ไปพาดไว้หว้ ย ไป
นั่งหย่อนขาออ้ นต้อนอยู่ พอดีนายสำเภามาบ่มบี อนไป คาต้นยางเลยฮ้องว่า บักหลา่ เฮ็ดจงั ไดพ๋ ่อสไิ ปได้ เปน็ หยังตน้ ยางมาล้มทบั ห้วย
อยจู่ งั ซี้ บกั เจ็ดหวดเจ็ดไหบอกว่าเดี๋ยวสิเอาออกให้ เอ้าถา้ มงึ เอาออกได้สิยกของในเฮอื สำเภาให้เหมดิ เลยในน่ี ใหอ้ หี ลีเด้อ ใหอ้ ีหลนี น่ั
แหล่ว บกั เจด็ หวดเจ็ดไหก็เลยแบกออก นายสำเภาเห็นดงั นั้นก็เลยยกของบนเรือใหห้ มด ไดข้ องแล้วบกั เจด็ หวดเจ็ดไหกะเลยแบก
ต้นไมใ้ หญ่ กลบั บ้าน พอฮอดบ้านกะเลยเอน้ิ แม่ แม่พูดวา่ แมนไผเฒา่ คอื จงั บักเจ็ดหวดเจ็ดไหแท้ เฒา่ บักเจ็ดหวดเจ็ดไหมาแล้วมันบ่
ตาย บกั เจ็ดหวดเจ็ดไหกะเลยเอาเสื้อผา้ ใหแ้ มก่ บั พ่อ เว้าเถงิ ความแฮงของบักเจด็ หวดเจด็ ไหบ่มีไผทอมนั แฮงหลายสามารถพายเฮือ
เถิงโคกได้
มีผชู้ ายคนหนงึ่ แฮงกว่าบกั เจ็ดหวดเจ็ดไห มันสามารถถอนกอไผเ่ ทอื ละกอไดม้ าพอ้ กนั กบั บักเจ็ดหวดเจ็ดไห สองคน
กะเลยพากันไปผจญภยั ในปา่ ในโคก พอมืดกะบม่ ีไฟไต้ กะเลยเหลยี วเขา้ ไปในป่าเหน็ ไฟวบั ๆ เลยบอกหม่ใู หไ้ ปขอไต้ไฟมา แม่มดเพนิ่
กะเลยเอากรงเหล็กขังไว้ แมม่ ดผู้น้มี ีหวขี นาดใหญ่เกือบเท่าคราด พอดีบกั เจ็ดหวดเจ็ดไห บเ่ หน็ หม่มู าจกั เทอื เลยนำไปเบง่ิ ว่าไปใส พอ
เห็นแม่มดเลยถามวา่ คนที่มาไต้ไฟหนไี ปไส แมม่ ดตอบว่า จักแล้วบ่เห็นจกั เทอื บักเจ็ดหวดเจด็ ไหกะเลยขอไต้ไฟแนเ่ ด้อ แมม่ ดว่าเอา
เลย บักเจ็ดหวดเจด็ ไห มวั แต่ไต้ไฟแม่มดกะเอากรงเหลก็ งมุ้ ป๊บั บกั เจ็ดหวดเจ็ดไหกะเลยเตะกรงขน้ึ เทิงฟา้ เห็นแตห่ มู่เจ้าของอยใู่ นกรง
ของแมม่ ด ๆ กะเลยถามวา่ มาแตไ่ สคอื เก่งแท้ แมม่ ดเลยท้าพนันกับ บักเจ็ดหวดเจ็ดไหว่าถ้าชนะสิมีของดใี ห้ ตอนแรกแข่งหาเหากัน เหา
แมม่ ดโตทอกำป้ันบกั เจ็ดหวดเจ็ดไหกะเลยไปเอาเตา่ มา แมม่ ดเหน็ กะตกใจวา่ ป้าดเหาอหี ยังมาโตใหญ่แท้ (หัวเราะ) แม่มดเลยแพ้ บาดนี่
แมม่ ดเอาหวีออกมาแข่งหวีของแม่มดมีขนาดใหญ่ บักเจ็ดหวดเจด็ ไหเห็นตกใจกเ็ ลยเอาคราดมาแขง่ แม่มดเห็นจงั ซ่ันกะเลยยอมแพ้ และ
ยกลูกสาวของ พระยาใหบ้ ักเจ็ดหวดเจ็ดไห
****************************
27
3. ใจความสำคัญของเรือ่ งคือ
ก. นิทานพน้ื บา้ นมุ่งในการอบรมสั่งสอน
ข. นิทานพื้นบา้ นมงุ่ ใหค้ วามสนกุ สนาน
ค. นิทานพนื้ บ้านทชี่ ีใ้ หเ้ หน็ ความฉลาดและการรกั ษาเอาตัวรอด
ง. นิทานพื้นบ้านมงุ่ ใหเ้ หน็ คณุ คา่ ของมนุษย์ด้านการมพี ลงั งาน
4. เจ็ดหวดเจ็ดไห หมายถึงอะไร
ก. มีหวด 7 ใบ มไี ห 7 ใบ
ข. ความสามารถในการสานหวดได้ครัง้ ละ 7 ใบ ป้ันไห 7 ใบ
ค. ความสามารถในการกินอาหารไดค้ รัง้ ละ 7 หวด และกินปลารา้ หมดครั้งละ 7 ไห
ง. ความสามารถในการใช้พลังยกไหครั้งละ 7 ใบ และกินปลารา้ คร้งั ละ 7 ไห
5. นทิ านเร่ืองเจ็ดหวดเจ็ดไหเปน็ นิทานประเภทใด
ก. นิทานพ้ืนบา้ นเน้อื สาระมุ่งความตลก
ข. นิทานพน้ื บ้านสอดแทรกคุณธรรม
ค. นิทานพ้นื บา้ นเน้อื หาสาระมุ่งอบรมส่งั สอน
ง. นทิ านพน้ื บา้ นเลา่ ถงึ ประวตั ิคนโบราณ
6. บักเจ็ดหวดเจ็ดไหมีพฤติกรรมตรงกับใด
ก. ฉลาดแกมโกง ข. มไี หวพรบิ รอบคอบ
ค. ชอบเอาเปรยี บคนอนื่ ง. ฉลาดหลักแหลมรจู้ กั แกป้ ญั หา
7. คราด กบั หวี มลี ักษณะเหมอื นกนั ในเรื่องใด
ก. ขนาด ข. ลกั ษณะ
ค. วัสดุทีใ่ ชท้ ำ ง. ประโยชนท์ ่ีใช้
8. เหากบั เต่ามีลักษณะข้อใดคล้ายกนั มากที่สุด
ก. สีคล้ายกนั ข.ขนาดเท่ากนั
ค. ลกั ษณะรปู ร่าง ง. พฤตกิ รรมการกนิ
9. “คนที่กนิ อาหารมากควรมีพลงั มาก” จริงหรือไม่
ก. จรงิ เพราะร่างกายสะสมอาหารมาก
ข. จรงิ เพราะคนกินอาหารมากสรา้ งพลังงานมาก
ค. ไมจ่ รงิ เสมอไป เพราะ บางคนกินอาหารมากเพราะมโี รคแทรกซ้อนอยู่
ง. ไม่จริง เพราะคนทก่ี ินอาหารมากเกินความจำเป็นอาจทำให้เกิดโรคอว้ นได้
10. ข้อคดิ ทไี่ ดจ้ ากนิทานเรอ่ื งใดมากทสี่ ดุ
ก. คนเราเกิดมามพี รสวรรค์ตา่ งกัน ๆ ไม่ควรดถู กู เหยียดหยามกัน
ข. การกนิ อาหารเกินความจำเป็นไม่ควรเอาเปน็ แบบอย่าง
ค. รู้จักใชป้ ัญญาอยา่ งฉลาดและรอบคอบทำให้ชีวิตปลอดภัย
ง. ร้จู ักคดิ รู้จักสร้างชีวิต จะประสบความสำเรจ็
ทำแบบทดสอบก่อนเรียน
ไดห้ รือเปล่ำคะ่ เพอ่ื น ๆ
28
แบบทดสอบหลังเรยี น
ชุดท่ี 1 เรอ่ื ง การคิดวิเคราะห์จากนิทานพ้ืนบา้ น
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
***********************************
คำช้ีแจง
1. แบบทดสอบหลังเรยี น ชดุ ที่ 1 ฉบับน้ี ใช้ทดสอบความสามารถใน
การคิดวิเคราะห์หลังการฝกึ กิจกรรมกระบวนการคดิ วิเคราะห์ เป็นแบบทดสอบปรนัย
แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน ใชเ้ วลาในการทดสอบ 15 นาที
2. ใหน้ ักเรยี นอา่ นข้อคำถามและคำตอบให้ละเอียด แล้วเลือกคำตอบทีถ่ ูกทสี่ ดุ
เพยี งคำตอบเดียวแล้วนำไปตอบลงในกระดาษคำตอบ โดยทำเคร่ืองหมาย X ลงในช่องตัวเลอื กทีต่ ้องการ
3. ให้นกั เรียนทำแบบทดสอบใหค้ รบทุกข้อ
***********************************
นกั เรียนอ่านนทิ านพ้ืนบา้ น แลว้ ตอบคำถาม ข้อ 1 – 2
1. นทิ านพน้ื บ้านหมายถึงข้อใด
ก. เรอื่ งเล่าสืบต่อกนั มาปากตอ่ ปาก จากคนรนุ่ หนง่ึ สคู่ นอีกรุน่ หนง่ึ จนกลาย เป็นวฒั นธรรมทีส่ ะท้อนชวี ิต
ข. เร่ืองเล่าสบื ต่อกันมาปากต่อปาก จากคนรุ่นหน่ึงสู่คนอีกสองรุ่นจนกลาย เปน็ วัฒนธรรมทีส่ ะท้อนชีวติ
ค. เร่อื งเลา่ สืบต่อกนั มาปากตอ่ ปาก จากคนรุ่นหนึ่งสูค่ นอีกสามรุน่ จนกลายเป็นวฒั นธรรมท่สี ะทอ้ นชีวติ
ง. เรื่องเลา่ สบื ตอ่ กนั มาปากตอ่ ปาก จากคนรุ่นหน่ึงสู่คนอีกสรี่ ุ่นจนกลายเปน็ วฒั นธรรมทีส่ ะทอ้ นชวี ติ
2. นิทานทอ้ งถ่ินสามารถจำแนกไดก้ ี่ประเภท
ก. 2 ประเภท ข. 4 ประเภท
ค. 6 ป ระเภท ง. 8 ประเภท
นกั เรียนอ่านนิทานพ้นื บ้าน เรือ่ ง “เจ็ดหวดเจ็ดไห” แล้วตอบคำถาม ขอ้ 3 - 10
มีผัวเมียคู่หน่ึงอยูก่ ันมาเมียเลยออกลกู มาเปน็ ผชู้ าย ป้อนขา้ วมอ้ื ละเจด็ หมก ตอ่ มาลูกเพิ่นใหญ่กะกนิ ข้าวมือ้ ละเจ็ด
กระตบิ ใหญ่ เป็นบา่ วสำนอ้ ยกนิ ขา้ วม้อื ละเจด็ หวด บ่นึ่งเจ็ดหวดเพนิ่ กะบพ่ อกนิ แมก่ ับพ่อกะเลยปรึกษากันวา่ สิเอาลกู ไปฆ่าว่ามันกิน
หลาย อหี ยังกะเหมด้ิ ทกุ ขล์ งๆ แม่กับพ่อกะเลยวา่ สปิ ้ัมตน้ ไม้ใหญใ่ ห้บกั เจด็ หวดเจด็ ไหไปฮับตน้ ไมใ้ หญ่กะสิทบั มันตาย ว่าแลว้ พ่อกะเลย
บอกบักเจ็ดหวดเจด็ ไหว่า ซิพาไปเอาฟืน ในป่าพอ่ ตัดไมใ้ หบ้ กั หล่าไปฮบั เด้อ พ่อสเิ ปน็ คนปม้ั ว่าแลว้ ก็พาลูกเขา้ ปา่ ไป พอต้นไม้
สิลม้ บักเจด็ หวดเจด็ ไหกะแล่นไปฮบั ต้นไม้ใหญจ่ มลงดนิ พ่อดีใจกลบั เมือบา้ นเวา้ ใหเ้ มียฟงั เฒ่าๆ บักเจ็ดหวดเจ็ดไหมันถืกตน้ ไมท้ บั ตาย
แล้ว บัดเท่ือน่เี ฮากะสิได้เปน็ เศรษฐี
พอบักเจ็ดหวดเจ็ดไหลุกขน้ึ ได้ กะแบกต้นไมใ้ หญท่ ัง้ ต้นแบกมาฮอดหว้ ย กะเลยเซามีแฮง เอาต้นไม้ไปพาดไว้ห้วย
ไปนั่งหยอ่ นขาอ้อนต้อนอยู่ พอดนี ายสำเภามาบม่ บี อนไป คาต้นยางเลยฮอ้ งว่า บกั หลา่ เฮด็ จังได๋พอ่ สิไปได้ เปน็ หยงั ตน้ ยางมาล้มทบั
ห้วย อยู่จงั ซ้ี บักเจ็ดหวดเจ็ดไหบอกวา่ เดยี๋ วสิเอาออกให้ เอา้ ถา้ มงึ เอาออกไดส้ ิยกของในเฮือสำเภาใหเ้ หมดิ เลยในน่ี ให้อีหลเี ด้อ ให้
อีหลีนัน่ แหล่ว บักเจ็ดหวดเจ็ดไหกเ็ ลยแบกออก นายสำเภาเหน็ ดงั น้ันกเ็ ลยยกของบนเรือใหห้ มด ไดข้ องแล้วบักเจด็ หวดเจ็ดไหกะเลย
แบกต้นไม้ใหญ่ กลับบ้าน พอฮอดบ้านกะเลยเอนิ้ แม่ แมพ่ ดู วา่ แมนไผเฒ่า คอื จงั บกั เจ็ดหวดเจด็ ไหแท้ เฒ่าบกั เจด็ หวดเจด็ ไหมาแลว้
มนั บ่ตาย บักเจด็ หวดเจด็ ไหกะเลยเอาเส้ือผ้าให้แมก่ ับพ่อ เว้าเถิงความแฮงของบกั เจด็ หวดเจด็ ไหบ่มีไผทอมัน แฮงหลายสามารถ
พายเฮือเถงิ โคกได้
มีผชู้ ายคนหนงึ่ แฮงกวา่ บักเจด็ หวดเจด็ ไห มนั สามารถถอนกอไผ่เทอื ละกอไดม้ าพ้อกันกับบกั เจ็ดหวดเจ็ดไห สองคนกะ
เลยพากันไปผจญภยั ในป่าในโคกพอมืดกะบ่มีไฟไต้ กะเลยเหลยี วเขา้ ไปในปา่ เห็นไฟวับๆ เลยบอกหมใู่ หไ้ ปขอไต้ไฟมา แมม่ ดเพิน่ กะเลย
เอากรงเหลก็ ขงั ไว้ แมม่ ดผู้นม้ี หี วีขนาดใหญเ่ กอื บเท่าคราด พอดบี ักเจ็ดหวดเจ็ดไห บ่เห็นหมูม่ าจักเทอื เลยนำไปเบ่ิงว่าไปใส พอเห็นแม่มด
เลยถามวา่ คนท่มี าไตไ้ ฟหนีไปไส แมม่ ดตอบวา่ จักแล้วบ่เห็นจกั เทือ บักเจด็ หวดเจด็ ไหกะเลยขอไต้ไฟแน่เด้อ แม่มดวา่ เอาเลย บกั เจ็ด
หวดเจด็ ไหมัวแตไ่ ตไ้ ฟแม่มดกะเอากรงเหล็กงุม้ ป๊ับ บักเจ็ดหวดเจ็ดไหกะเลยเตะกรงข้ึนเทิงฟา้ เหน็ แตห่ มเู่ จา้ ของอยใู่ นกรงของแมม่ ด ๆกะ
เลยถามว่ามาแตไ่ สคือเกง่ แท้ แม่มดเลยทา่ พนนั กบั บักเจ็ดหวดเจด็ ไหว่าถ้าชนะสิมขี องดีให้ ตอนแรกแขง่ หาเหากนั เหาแมม่ ดโตทอกำป้ัน
บักเจ็ดหวดเจด็ ไหกะเลยไปเอาเตา่ มา แมม่ ดเห็นกะตกใจว่าป้าดเหาอหี ยงั มาโตใหญแ่ ท้ (หวั เราะ) แม่มดเลยแพ้ บาดน่ีแมม่ ดเอาหวอี อกมา
แขง่ หวขี องแมม่ ดมขี นาดใหญ่ บกั เจด็ หวดเจ็ดไหเห็นตกใจก็เลยเอาคราดมาแขง่ แม่มดเหน็ จงั ซนั่ กะเลยยอมแพ้ และยกลูกสาวของพระยา
ใหบ้ กั เจ็ดหวดเจ็ดไห
***************************
29
3. บกั เจ็ดหวดเจด็ ไหมีพฤติกรรมตรงกบั ใด
ก. ฉลาดแกมโกง ข. มไี หวพรบิ รอบคอบ
ค. ชอบเอาเปรยี บคนอืน่ ง. ฉลาดหลักแหลม ร้จู ักแก้ปัญหา
4. คราด กับ หวี มีลักษณะเหมอื นกนั ในเรือ่ งใด
ก. ขนาด ข. ลักษณะ
ค. วสั ดทุ ใี่ ชท้ ำ ง. ประโยชน์ที่ใช้
5. เหากับเต่ามลี ักษณะขอ้ ใดคลา้ ยกันมากท่ีสดุ
ก. ขนาดเทา่ กนั ข. สคี ลา้ ยกนั
ค. ลักษณะรปู รา่ ง ง. พฤตกิ รรมการกนิ
6. “คนทกี่ นิ อาหารมากควรมีพลังมาก” จรงิ หรือไม่
ก. จรงิ เพราะร่างกายสะสมอาหารมาก
ข. จรงิ เพราะคนกนิ อาหารมากสร้างพลงั งานมาก
ค. ไม่จริงเสมอไป เพราะ บางคนกินอาหารมากเพราะมโี รคแทรกซ้อนอยู่
ง. ไม่จริง เพราะคนทีก่ ินอาหารมากเกนิ ความจำเป็นอาจทำให้เกดิ โรคอ้วนได้
7. ใจความสำคัญของเรื่องคอื
ก. นทิ านพื้นบ้านม่งุ ในการอบรมสั่งสอน
ข. นทิ านพน้ื บ้านม่งุ ให้ความสนุกสนาน
ค. นทิ านพืน้ บา้ นทช่ี ้ใี ห้เหน็ ความฉลาดและการรักษาเอาตวั รอด
ง. นิทานพ้นื บ้านมุ่งให้เหน็ คณุ ค่าของมนุษย์ดา้ นการมพี ลงั งาน
8. เจ็ดหวดเจ็ดไห หมายถึงอะไร
ก. มีหวด 7 ใบ มไี ห 7 ใบ
ข. ความสามารถในการสานหวดได้ครง้ั ละ 7 ใบ ป้นั ไห 7 ใบ
ค. ความสามารถในการกนิ อาหารได้คร้งั ละ 7 หวด และกนิ ปลารา้ หมดคร้งั ละ 7 ไห
ง. ความสามารถในการใชพ้ ลังยกไหครง้ั ละ 7 ใบ และกนิ ปลาร้าครั้งละ 7 ไห
9. นิทานเร่อื งเจ็ดหวดเจด็ ไหเปน็ นิทานประเภทใด
ก. นทิ านพ้ืนบ้านเน้ือสาระมุ่งความตลก
ข. นทิ านพ้นื บ้านสอดแทรกคณุ ธรรม
ค. นิทานพน้ื บา้ นเนอ้ื หาสาระม่งุ อบรมส่ังสอน
ง. นิทานพนื้ บา้ นเล่าถงึ ประวัติคนโบราณ
10. ขอ้ คดิ ทไ่ี ด้จากนทิ านเรื่องใดมากที่สดุ
ก. การกินอาหารเกินความจำเป็นไม่ควรเอาเป็นแบบอยา่ ง
ข. รู้จกั คดิ ร้จู ักสรา้ งชวี ติ จะประสบความสำเร็จ
ค. คนเราเกดิ มามีพรสวรรคต์ ่างกนั ๆ ไม่ควรดูถูกเหยยี ดหยามกัน
ง. รจู้ กั ใช้ปญั ญาอยา่ งฉลาดและรอบคอบทำให้ชวี ิตปลอดภยั
ทำแบบทดสอบหลงั เรียน
ไดห้ รือเปล่ำคะ่ เพอื่ น ๆ
30
กระดาษคำตอบ
โรงเรียนหนองหิ้งพทิ ยา สงั กัดสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศึกษาบงึ กาฬ
ทดสอบดา้ นความสามารถการคิดวเิ คราะห์ดว้ ยนิทานพื้นบา้ น ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6
ครผู สู้ อน นางดวงรัตน์ ป้อมไชยา
*************************************************************************
คำช้ีแจง
ใหน้ กั เรียนเขียนเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในช่องอกั ษร ก ข ค หรอื ง ทตี่ รงกบั กระดาษคำตอบ ท่ีเห็นวา่ ถูก
ท่สี ุด จากแบบทดสอบวัดความสามารถการคดิ วเิ คราะห์
ช่ือ(นาย,นางสาว).............................................................ชัน้ ม. ........../........เลขท่ี.................
ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ผตู้ รวจ..........................................................
31
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
โรงเรียนหนองหงิ้ พทิ ยา สงั กัดสำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาบึงกาฬ
ทดสอบดา้ นความสามารถการคิดวิเคราะหด์ ว้ ยนทิ านพนื้ บา้ น
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ครผู ู้สอน นางดวงรัตน์ ปอ้ มไชยา
1. ก 2. ค 3. ก 4. ข 5. ข
6. ค 7. ง 8. ก 9. ก 10. ค
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
โรงเรยี นหนองหงิ้ พทิ ยา สังกดั สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษาบงึ กาฬ
ทดสอบดา้ นความสามารถการคิดวเิ คราะห์ดว้ ยนทิ านพื้นบ้าน
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ครผู ูส้ อน นางดวงรัตน์ ปอ้ มไชยา
1. ก 2. ค 3. ค 4. ง 5. ข
6. ก 7. ก 8. ข 9.ข 10. ง
***************************
32
ตารางบนั ทกึ คะแนน
ผลการทำแบบทดสอบก่อน - หลงั เรยี น การคดิ วเิ คราะห์จากนิทานพนื้ บ้าน
ช่ือนักเรยี น(นาย,นางสาว)...............................................................ชั้น ม........../........เลขท.่ี ..............
ขอ้ รายการประเมิน คะแนน ผลตา่ ง
สอบที่ คะแนนเต็ม ทีไ่ ด้
1,2 ระบเุ ร่อื งหรอื ปัญหา กอ่ น หลัง
3,4,5 จำแนกแยกแยะข้อมลู ได้ 2
6,7,8 เปรยี บเทียบขอ้ มลู เพ่อื จดั ระบบได้ 3
9 ,10 จดั ความสมั พันธ์ ใหเ้ หตุผลและตรวจสอบข้อมูลได้ 3
รวม 2
10
สรปุ ผล ความสามารถระดบั การคดิ วเิ คราะห์........................................................
หมายเหตุ
สรปุ คะแนนรายบุคคลใชเ้ กณฑ์ ดังน้ี
คะแนน 8 ขนึ้ ไป ความสามารถระดบั การคดิ วเิ คราะห์ ดีเยี่ยม
ดี
คะแนน 6 - 7 ความสามารถระดับการคิดวเิ คราะห์ ปานกลาง
พอใช้
คะแนน 4 - 5 ความสามารถระดบั การคิดวิเคราะห์ ปรบั ปรุง
คะแนน 2 - 3 ความสามารถระดับการคดิ วเิ คราะห์
คะแนน 0 - 1 ความสามารถระดับการคิดวเิ คราะห์
33
ระดบั คณุ ภาพคะแนนการคดิ วิเคราะห์จากนิทานพื้นบ้าน
ลำดับท่ี รายการ 3 ระดบั คณุ ภาพ 1
2
ดา้ นระบุเรอื่ ง ระบเุ ร่ืองหรือปัญหาได้ ไม่สามารถระบเุ รอ่ื งหรอื
ถูกตอ้ งตรงประเด็นตามเรอ่ื ง ระบเุ รอื่ งหรือปญั หาได้แต่ไม่ ปัญหาได้
1 หรอื ปัญหา ทีก่ ำหนด ครอบคลุมตามเรอ่ื งท่กี ำหนด
ดา้ นการจำแนก สามารถจำแนกแยกแยะ จำแนกแยกแยะ ไม่สามารถแยกแยะข้อมูล
2 แยกแยะขอ้ มูลได้ ประเภทของเร่อื งท่ีศกึ ษา บอกประเภทของเรือ่ งที่ศกึ ษาได้ และประเภทเรื่องท่ศี ึกษาได้
แยกขอ้ มลู ที่ปรากฏในเร่ือง แยกแยะข้อมูลได้ไม่ครอบคลมุ
ดา้ นการ ได้ถูกตอ้ งครบถว้ น เรอ่ื ง ไม่สามารถทจ่ี ะนำขอ้ มูล
3 เปรียบเทียบ เปรียบเทยี บในเร่อื งความ
สามารถนำขอ้ มลู เปรยี บ สามารถนำข้อมูลเปรียบเทียบกบั แตกตา่ งและความเหมอื นกนั
ขอ้ มลู เพอ่ื เทียบกับเรอื่ งอ่ืนได้ถูกต้อง ตามหลกั เรอ่ื งอน่ื ไดถ้ กู ตอ้ ง แต่ขาด ได้
จดั ระบบ วิชาการ อย่างมีความคิดสรา้ งสรรค์ ความคดิ สรา้ งสรรค์และความ
และ ทันสมยั
จัดการจัด มคี วามทันสมยั
4 ความสมั พันธข์ ้อมูล สามารถจดั ความสมั พันธ์ ไม่สามารถจัดความสัมพนั ธ์
จดั ความสมั พนั ธข์ อ้ มลู ได้อย่างถกู ต้อง ข้อมลู ไดแ้ ต่ยังไมค่ รอบคลมุ ตามท่ี ข้อมลู ไดแ้ ละไม่ตอบคำถาม
และตรวจสอบข้อมลู ตรวจสอบได้ นำข้อคดิ ทีไ่ ด้รับจากการ กำหนดขอ้ คิดที่ไดร้ ับจากการคดิ
คดิ วเิ คราะห์ไปพฒั นาให้เกิดประโยชน์ วิเคราะหไ์ ปพฒั นาใหเ้ กิด
ในชวี ิต ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวัน
ประจำวันและมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์
สอดแทรกคุณธรรม
34
แบบประเมนิ พฤติกรรมการทำงานกล่มุ
เรือ่ ง ................................................................................................... ระดับคะแนน 1
กล่มุ ท่ี ..................จำนวนสมาชกิ ............คน ประกอบด้วย 32
1 …………………………………………… 2 ……………………………................
3 …………………………………………… 4 ……………………………................
5 …………………………………………… 6 ……………………………................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ระดบั 3 หมายถงึ ปฏบิ ัตดิ ี
ระดบั 2 หมายถงึ ปฏิบตั ิพอใช้
ระดับ 1 หมายถงึ ปฏิบัตนิ อ้ ย
ที่ พฤติกรรมทปี่ ระเมิน
1 มกี ารวางแผนงานร่วมกันและเป็นระบบ
2 กระตือรอื ร้นต่องานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
3 ความถกู ตอ้ งสมบูรณ์ของงาน
4 การนำเสนอผลงานของกลมุ่
5 มกี ารแสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตผุ ล
คะแนน
รวมคะแนน
สรุปผลการประเมิน พอใช้ ปรับปรงุ
☺ ดี
เกณฑ์การประเมนิ ลงชอื่ ………………………ผ้ปู ระเมนิ
11 - 15 คะแนน ปรบั เปพรือุ่ง นดพกีอลใชุม่ ้ อ(่ืน……………………….)ครู
คะแนน
ต6ำ่ ก-วา่ต10น4เอคะงแนน
ผูป้ กครอง
ขอ้ แนะนำ .....................................................................................................................
เกณฑก์ ารประเมิน
11-15 คะแนน ดี 6 – 10 คะแนน พอใช้ ต่ำกว่า 4 คะแนน ปรับปรงุ
35
แบบสังเกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
3 คะแนนหมายถงึ ปฏบิ ัตใิ หเ้ ห็นอย่างชดั เจนทุกคร้งั
2 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัติใหเ้ ห็นเป็นครง้ั คราว
1 คะแนน หมายถงึ ไม่เห็นการปฏิบตั ิ
ท่ี ช่อื สกลุ ความ ตรงตอ่ เวลา การแสดง มมี ารยาทการ รวม
รบั ผิดชอบ 123 ความคดิ ฟัง/พูด
เหน็ 12
123 123 คะแนน
123
สรปุ ผลการประเมนิ พอใช้ ลงช่ือ ผปู้ ระเมิน
☺ ดี
(นางดวงรัตน์ ปอ้ มปไชรยับา)ปรงุ
เกณฑก์ ารวดั ลงชื่อ………………………ผู้ประเมิน
ตน69 เ--อ91ง2 คคะะแแนนนน เหหพมมือ่าายยนถถกงงึึ ลมุ่ อ(ื่น………ดพ…ีมอาใ…ชก้ ………….)ครู
ผู้ปกครองตำ่ กวา่ 6
คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ
ขอ้ แนะนำ .....................................................................................................................
เกณฑก์ ารประเมนิ
9 - 12 คะแนน ดีมาก 6 – 9 คะแนน พอใช้ ต่ำกวา่ 6 คะแนน ปรับปรุง
36
บรรณานุกรม
ฐะปะนีย์ นาครทรรพ. หนงั สือเรยี นสาระการเรยี นรพู้ น้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย
ภาษาไทย ม. 5. กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พ์ไทยรม่ เกล้า, 2548.
นฤมล วจิ ิตรรตั นะ. คมู่ อื เสรมิ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ม. 5 วารสารศกึ ษา เลม่ 1 – 2.
กรงุ เทพฯ : ไฮเฮ็ดพบั ลิชชงิ จำกัด, 2548.
ประพนั ธ์ เรืองณรงค์ รศ. และคณะ. ชดุ ปฏิรปู การเรยี นรู้หลกั สูตรการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน
พ.ศ. 2544 กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชว่ งชั้นที่ 4 ม. 4 – 6 .กรุงเทพฯ : ประสานมิตร,
2545.
พรทิพย์ ศิริสมบูรณเ์ วชและคณะ. หนังสือเรยี นภาษาไทยพน้ื ฐาน ภาษาไทย ม. 6 .
กรุงเทพฯ : สถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ(พว.), 2548.
เพญ็ ศรี จนั ทรด์ วง. ภาษาไทยเพื่อพฒั นาการคดิ ม. 6. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพแ์ ม็ค, 2548.
ภาสกร เกิดออ่ นและคณะ. หนงั สอื เรยี นสาระการเรยี นรู้พ้นื ฐาน กลุ่มสาระภาษาไทย ม. 6
เล่ม 2. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทศั น์ จำกดั , 2549.
ราชบณั ฑติ ยสถาน.พจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์
พบั ลเิ คชนั่ ส์, 2546.
วิชาการ,กรม.กระทรวงศึกษาธกิ าร. การจดั สาระการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ภาษาไทย ตามหลักสูตรการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2544. กรงุ เทพฯ :
โรงพมิ พ์ครุ ุสภาลาดพรา้ ว, 2546.
วเิ ชียร เกษประทมุ รศ. . นทิ านพ้นื บ้าน สำหรับเดก็ และเยาวชน. กรงุ เทพฯ : พัฒนศึกษา
: 2546
ศกึ ษาธิการ กระทรวง. คู่มอื ครูสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย.
กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ครุ สุ ภาลาดพร้าว, 2549.
สนิท สัตโยภาศ,รศ. ภาษาไทยเพื่อการสอ่ื สารและการสบื คน้ . กรุงเทพฯ : บริษัทเซ็นจรู ี่
จำกัด : 2549
สุวิทย์ มูลคำ. กลยทุ ธ์การสอนคดิ วเิ คราะห์. กรุงเทพฯ : ห้างหนุ้ สว่ นจำกดั , 2550.
โสภา วริ ยิ ศริ ิ รศ. และคณะ. คมู่ ือเตรียมสอบตามหลักสูตรขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2544
กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ภาษาเพ่ือพฒั นาการคิด และ วรรณวจิ กั ษ์.
กรงุ เทพฯ : ภมู บิ ณั ฑติ , 2549.