The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Cherton Cherton, 2020-10-27 13:33:46

จังหวัดมุกดาหาร #2

0.32

เรอ่ื ง สถานท่ีท่องเที่ยว(มุกดาหาร)

จดั ทาโดย
นายพิชญตุ ม์ เพง็ ร่งุ
มธั ยมศึกษาปี ที่ ๔ ห้อง ๕ เลขที่ ๑๙

เสนอ
คณุ ครสู ุวารีย์ ยภ่ี ู่
รายงานฉบบั นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาคอมพิวเตอร์ (ว๓๑๑๔๑)
ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๖๓
โรงเรยี นกรรณสูตศึกษาลยั จงั หวดั สพุ รรณบุรี



คานา

รายงานเลม่ น้ีจดั ทาขน้ึ เพอ่ื เป็นสว่ นหน่งึ ของวชิ คอมพวิ เตอร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔ เพอ่ื ใหไ้ ด้
ศกึ ษาหา ความรใู้ นเรอ่ื งสถานทท่ี อ่ งเทย่ี ว(จงั หวดั มุกดาหาร) ทไ่ี ดล้ อื ก หวั ขอ้ น้ใี นการทารายงาน
เน่อื งมาจากเป็นเรอ่ื งท่ี น่าสนไประโยชน์กบั การเรยี นซง่ึ เน้อื หาของรายงานน้มี เี น้อื หาเกข่ี วกบั ความรู้
จากสถานทท่ี ่องเทย่ี ว (จงั หวดั มุกดาหาร) เพอ่ื ใหผ้ ทู้ ส่ี นใจมาเทย่ี วทน่ี ้ีและไดน้ าความรตู้ รงน้ไี ปสถานท่ี
ทอ่ งเทย่ี วไดม้ ากขน้ึ

ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเลม่ น้จี ะเป็นประโยชน์กบั ผู้ทส่ี นใจ นกั เรยี น นกั ศกึ ษา หรอื นกั ท่องเทย่ี ว
ทก่ี าลงั หาขอ้ มลู รอ่ื งน้อี ยู่ หากมขี อ้ แนะนาหรอื ขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอน้อมรบั ไวแ้ ละขออภยั
มา ณ ทน่ี ้ดี ว้ ย

ผ้จู ดั ทา
นายพิชญตุ ม์ เพง็ ร่งุ

สารบญั หน้า

เร่อื ง ๒

ประวตั คิ วามเป็นมาจงั หวดั ๓
สญั ลกั ษณ์ประจาจงั หวดั

คาขวญั ประจาจงั หวดั มกุ ดาหาร

งานเทศกาลประเพณี

งานประเพณีการแขง่ เรอื มติ รภาพไทย - ลาว ๘

การฟ้อนผไู้ ท ๑๐
งานรวมเผา่ ไทยมกุ ดาหาร มะขามหวานชายโขง ๑๑
สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วจงั หวดั มุกดาหาร
ตลาดอินโดจีน
จดุ ชมววิ สะพานมติ รภาพไทยลาว ๒
อทุ ยานแห่งชาตภิ ผู าเทบิ
แก่งกะเบา
โบสตค์ รสิ ตว์ ดั สองคอน
วดั ภูมโนรมย์

วดั พระศรีมหาโพธ์ิ ๑๒

น้าตกตาดโตน ๑๓
พญาศรภี ชุ งคม์ ุกดานาคราช ๑๔
หอแกว้ มกุ ดาหาร ๑๕
วดั ศรมี งคลใต้ ๑๖

วดั มโนภริ มย์ ๑๗

เยอื นถนิ่ ภไู ท บา้ นภู ๑๘

วนอทุ ยานภหู มู ๑๙

อ่างเกบ็ น้าหว้ ยขเ้ี หลก็ ๒๐
อุทยานแห่งชาตภิ ูสระดอกบวั ๒๑
อา่ งเกบ็ น้าหว้ ยสงิ ห์ ๒๒

หาดมโนภริ มย์ (หาดชะโนด) ๒๓
ภผู าแตม้ ๒๔
ภูผาซาน ๒๕

น้าตกแก่งโพธิ ์ ๒๖
วดั พระศรมี หาโพธิ ์ ๒๗

ภจู อ้ กอ้ หรอื วดั บรรพตครี ี ๒๘

วดั ถ้าจาปากนั ตสลี าวาส ๒๙

ตลาดราตรี มกุ ดาหาร ๓๐

ธรรมมาสน์เสาเดยี ว วดั พจิ ติ รสงั ฆาราม ๓๑

ชมุ ชนทอ่ งเทย่ี วบา้ นสองคอน ๓๒

เจดยี ไ์ ตรรตั นานุสรณ์ (แมช่ แี กว้ ) ๓๓
กลองมโหระทกึ วดั มชั ฌมิ าวาส ๓๔
ศาลหลกั เมอื งจงั หวดั มกุ ดาหาร ๓๕
ภาคผนวก ๓๖



ประวตั ิความเป็นมาจงั หวดั มกุ ดาหาร

มุกดาหารเรมิ่ กอ่ ตงั้ เป็นเมอื งขน้ึ ใน ราวปี พ.ศ. ๒๓๑๐ สมยั ปลายกรุงศรอี ยุธยา เม่อื เจา้ กนิ รี

บุตรชายของเจา้ จนั ทรสรุ ยิ วงศ์ ผปู้ กครองบา้ นหลวงโพนสนิ ซ่งึ ตงั้ อย่ทู บ่ี รเิ วณพระธาตุองิ ฮงั แขวง
สะหวนั นะเขต ประเทศ สปป. ลาวในปัจจุบนั ไดข้ า้ มลาน้าโขงมาสรา้ งเมอื งขน้ึ ทบ่ี รเิ วณปากหว้ ยมุก แลว้

ตงั้ ชอ่ื เมอื งวา่ “มุกดาหาร” ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๑๒ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชกไ็ ดพ้ ระราชทาน

บรรดาศกั ดใิ ์ หเ้ จา้ กนิ รเี ป็น “พระยาจนั ทรศรสี รุ าช อุปราชามณั ฑาตุราช” ดารงตาแหน่งเจา้ เมอื งเป็นคน
แรกของเมอื งมกุ ดาหาร

ตอ่ มาเมอื งมุกดาหาร มฐี านะเป็นเมอื งขน้ึ ของมณฑลอุดร จนกระทงั่ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ มกี าร

ปรบั เปลย่ี นระบบการปกครอง มณฑลอุดรถกู เปลย่ี นเป็น “จงั หวดั อดุ ร” เมอื งมกุ ดาหารกถ็ กู ผนวกเขา้

เป็นอาเภอหน่ึงของจงั หวดั นครพนม ชอ่ื วา่ “อาเภอเมอื งมกุ ดาหาร” จนถงึ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ รฐั บาลจงึ ได้
ออกพระราชบญั ญตั จิ ดั ตงั้ จงั หวดั มุกดาหารขน้ึ เป็นจงั หวดั ท่ี ๗๓ ของประเทศไทย และเป็นจงั หวดั ท่ี
๑๗ ของภาคอสี าน

ปัจจุบนั จงั หวดั มุกดาหารแบ่งเขตการปกครองออกเป็น ๗ อาเภอ ไดแ้ ก่ อาเภอเมอื งมกุ ดาหาร

อาเภอคาชะอี อาเภอดอนตาล อาเภอนคิ มคาสรอ้ ย อาเภอดงหลวง อาเภอหวา้ นใหญ่ และอาเภอหนอง
สงู



สญั ลกั ษณ์ประจาจงั หวดั มุกดาหาร

สญั ลกั ษณ์: - เป็นรปู ปราสาท ภายในปราสาทองคก์ ลางมี แกว้ มุกดาหาร อยบู่ นพาน
ใตพ้ านมผี า้ ทพิ ยร์ องรบั

ความหมาย: - ภายในมปี ราสาทชอ่ื สองนางสถติ ภายในปราสาทองคก์ ลางมแี กว้
มุกดาหารอยบู่ นพาน ใตพ้ านมผี า้ ทพิ ยร์ องรบั หน้าผา้ ทพิ ยม์ อี กั ษรไขวช้ ่อื ยอ่ จงั หวดั ใน
ปราสาทองคร์ มิ ทงั้ สองขา้ ง มบี ายศรยี นตะล่มุ อนั เป็นเคร่อื งบชู าของชาวอสี าน เบอ้ื งหลงั มี
พระธาตพุ นมซง่ึ จงั หวดั มกุ ดาหารแยกมา และเคยอยใู่ นอาณาจกั รโคตรบรู ณ์เดยี วกนั มแี นว
แมน่ ้าโขงอยดู่ า้ นหลงั ดา้ นตะวนั ออก พระอาทติ ยก์ าลงั ทอแสงหลงั หมู่กอ้ นเมฆ ๒๕๒๕ เป็น
ปีทต่ี งั้ จงั หวดั มกุ ดาหาร



คาขวญั ประจาจงั หวดั มกุ ดาหาร

“ หอแก้วสงู เสียดฟ้า ภผู าเทิบ แก่งกะเบา

แปดเผ่าชนพื้นเมือง ลอื เล่ืองมะขามหวาน

กลองโบราณลา้ เลิศ ถ่ินกาเนิดลาผญา

ตระการตาชายโขง เชื่อมโยงอินโดจีน ”

คาขวญั ประจาจงั หวดั มุกดาหาร มคี วามหมายว่า
หอแก้วสูงเสียดฟ้า หรอื หอแกว้ มกุ ดาหารเฉลมิ พระเกยี รตกิ าญจนาภเิ ษก คอื หอสงั เกตการณ์

ทม่ี คี วามสงู ๖๕.๕๐ เมตร สรา้ งขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๕๓๙ ในพระราชพธิ ฉี ลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี
ภผู าเทิบ อทุ ยานแห่งชาตภิ ผู าเทบิ มสี ภาพป่าทส่ี มบูรณ์ มปี ่าเตง็ รงั บรเิ วณลานหนิ หรอื ภเู ขา

หนิ
แก่งกะเบา สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วอกี แหง่ หน่งึ ทผ่ี คู้ นในจงั หวดั มุกดาหารเป็นแหล่งน้าทอ่ งเทย่ี ว

พกั ผ่อนหย่อนใจ คลายรอ้ นไดด้ ี
แปดเผ่าชนพ้ืนเมือง แปดชนเผ่าในจงั หวดั มกุ ดาหาร ชาวไทยอสี าน ชาวภไู ท ชาวข่า ( บรู

) ไทยกะโซ่ ชาวไทยกะเลงิ ชาวไทยแสก ไทยยอ้ ไทยกุลา
ลือเล่ืองมะขามหวาน เป็นแหล่งกาเนดิ มะขามหวานพนั ธดุ์ ที ม่ี ชี ่อื เสยี งมกี ารจดั งานรวมเผ่า

ไทยมกุ ดาหาร มะขามหวานชายโขง ขน้ึ เป็นประจาทุกปี
กลองโบราณลา้ เลิศ กลองมโหระทกึ เป็นกลองสมั ฤทธหิ์ น้าเดยี ว
ถ่ินกาเนิดลาผญา ลาผญาหวั ดอนตาลของชาวบา้ นชมุ ชนบา้ นนาสะโนเป็นขนบธรรมเนียม

ประเพณีทม่ี มี าแต่โบราณ เป็นศลิ ปวฒั นธรรมของชาวอสี านมาแต่โบราณ
ตระการตาชายโขง จงั หวดั มกุ ดาหารแมน่ ้าโขงเป็นสว่ นทก่ี ว้างทส่ี ดุ ทไ่ี หลผา่ นประเทศไทย

และมกี ารแขง่ เรอื ของจงั หวดั มกุ ดาหารเป็นประเพณีสบื ทอดกนั มาแต่โบราณ
เช่ือมโยงอินโดจีน สะพานมติ รภาพไทย-ลาวแหง่ ท่ี ๒ ทเ่ี ชอ่ื มแขวงสะหวนั นะเขตของ สปป.

ลาว กบั จงั หวดั มกุ ดาหารของไทย



งานเทศกาลประเพณีจงั หวดั มกุ ดาหาร

งานประเพณกี ารแขง่ เรอื มติ รภาพไทย - ลาว
การแขง่ เรอื ของจงั หวดั มุกดาหารเป็นประเพณสี บื ทอดกนั มาแต่โบราณ โดยจดั ขน้ึ ในลาน้าโขง
ในชว่ งเทศกาลออกพรรษาของทุกปี ในวนั ขน้ึ ๑๓ ค่า - ๑๕ ค่า เดอื น ๑๑ ทบ่ี รเิ วณเขอ่ื นรมิ โขง ถนน
สาราญชายโขง ในแต่ละปีจะมเี รอื เขา้ แขง่ ขนั เป็นจานวนมาก นอกจากน้ียงั มกี ารแขง่ เรอื มติ รภาพไทย-
ลาว โดยมเี รอื จากสะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาวมารว่ มแข่งเป็นประจาทุกปี

การฟ้อนผไู้ ท

เป็นศลิ ปะการแสดงทข่ี น้ึ ช่อื ของชาวผไู้ ท ซง่ึ จะควบค่ไู ปกบั การลาภูไท การฟ้อนผไู้ ท อาจใช้
หญงิ ลว้ นหรอื ทงั้ ชายและหญงิ ขน้ึ อยกู่ บั ลกั ษณะเน้อื หาของทา่ ทฟ่ี ้อน และจานวนผทู้ ฟ่ี ้อน
ซง่ึ อาจมตี งั้ แต่สองคนขน้ึ ไป จนถงึ จานวนเป็นรอ้ ยคน



งานรวมเผา่ ไทยมุกดาหาร มะขามหวานชายโขง
จงั หวดั มุกดาหารเป็นเมืองเก่าแก่ ต้งั อยรู่ ิมแมน่ ้าโขงตรงขา้ มกบั แขวงสวนั เขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน
ลาว จึงมีชาวไทยเผา่ ต่างๆ อาศยั อยหู่ ลายเผา่ อาทิ ผไู้ ท โซยอ้ ข่า กะเลิง กุลา ซ่ึงแตล่ ะเผา่ ลว้ นแลว้ แต่มีวิถีชีวิตความ
เป็น อยทู่ ี่น่าสนใจ มีเอกลกั ษณ์และศิลปวฒั นธรรมของตนเอง นอกจากน้ีมุกดาหารยงั เป็นแหล่งกาเนิดมะขามหวาน
พนั ธุ์ดีท่ีมีชื่อเสียงโด่งดงั มานาน หากแต่ยงั ขาดการส่งเสริมในดา้ นการตลาด ดงั น้นั เพื่อ เป็นการประชาสัมพนั ธ์ของ
ดีของทอ้ งถ่ินและส่งเสริมการเดินทางทอ่ งเที่ยวจงั หวดั มกุ ดาหาร จึงไดจ้ ดั งานรวมเผา่ ไทยมุกดาหาร มะขามหวาน
ชายโขง ข้นึ เป็นประจาทกุ ปี ระหวา่ งวนั ท่ี 9 – 15 มกราคม รวม 7 วนั 7 คนื โดยงานจะจดั ข้นึ บริเวณหนา้
ศาลากลางจงั หวดั กิจกรรมระหวา่ งงานมีขบวนแห่ ซ่ึงใชผ้ ฟู้ ้อนนบั ร้อยคนแต่งกายดว้ ยชุดประจาเผา่ มีการประกวด
มะขามหวาน การประกวดธิดาเผา่ ไทย การออกร้านของหน่วยงานต่างๆ และการแสดงพ้ืนเมือง เป็นตน้



สถานที่ท่องเท่ียวจงั หวดั มุกดาหาร

ตลาดอนิ โดจีน

ตลาดอินโดจีน ตงั้ อย่ใู นอาเภอเมอื งมกุ ดาหาร บรเิ วณถนนสาราญชายโขง บรเิ วณหน้าวดั ศรมี งคลใต้

เป็นแหล่งรวมสนิ คา้ นาเขา้ จากประเทศเพอ่ื นบา้ นและสนิ คา้ ทอ้ งถนิ่ จาหน่ายทงั้ ราคาสง่ และปลกี
สว่ นมากจะเป็นเสอ้ื ผา้ เคร่อื งนุ่งหม่ เซรามคิ เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้า เคร่อื งอุปโภคและบรโิ ภคตา่ งๆ นอกจาก
สนิ คา้ ทน่ี าเขา้ มา จาหน่ายจากตา่ งประเทศแลว้ ยงั มสี นิ คา้ พน้ื เมอื งของชาวมุกดาหารมาจาหน่ายอกี ดว้ ย
เชน่ ผา้ ไหม ผา้ มดั หม่ี และสนิ คา้ ทอ้ งถน่ิ อน่ื ๆ ตลาดอินโดจีน นอกจากจะเป็นแหล่งรวมสินคา้ แลว้ ยงั เป็น
สถานท่ีทอ่ งเท่ียวที่สาคญั แห่งหน่ึงของจงั หวดั มกุ ดาหารเพราะเป็น จุดชมววิ ทิวทศั น์ท่ีสวยงาม ของสองฝ่ัง
แมน่ ้าโขง ณ บริเวณริมเขือ่ นริมโขงตลาดอินโดจีนมุกดาหาร สามารถมองเห็นสะพาน มิตรภาพไทย-ลาว
แห่งท่ี 2 ดา้ นทิศตะวนั ตกของแม่น้าโขงไดเ้ ป็นอยา่ งดี ในเทศกาลวนั ออกพรรษาจะเป็นจุด ชมการแขง่ ขนั
เรือ ยาวประเพณีของคนท้งั สองฝ่ังโขงอีกดว้ ย และจากศูนยก์ ารบริการขอ้ มูลการท่องเที่ยว ไม่ไกลกนั นกั จะ
มองเห็น “ศาลาเรารักมกุ ดาหาร” ของเทศบาลเมืองมกุ ดาหารไดอ้ ยา่ งชดั เจน



จุดชมววิ สะพานมติ รภาพไทยลาว ๒

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๒ ต้งั อยทู่ ี่อาเภอเมือง จงั หวดั มุกดาหาร เป็นสะพานท่ีเชื่อมต่อแขวง
สะหวนั นะเขด ในประเทศลาว กบั จงั หวดั มกุ ดาหาร มีความยาวท้งั หมด ๑,๖๐๐ เมตร มีความกวา้ ง ๑๒ เมตร
และมีช่องการจราจร ๒ ช่องทาง บริเวณดา้ นลา่ งสะพานมีจุดชมวิวท่ีสามารถมองเห็นสะพานทอด มีร้านคา้

อาหารหมจู ุ่ม หมกู ระทะ ส้มตา และที่นงั่ ริมน้าโขง นง่ั ชิลทานอาหารในช่วงเยน็ รวมถึงมีแลนดมาร์คที่โดด
เด่น คือ รูปป้ันพญานาค สาหรับการเดินทางมาที่สะพานมิตรไทย-ลาว แห่งที่ ๒ แบบท่ีไม่ไดข้ า้ มแดด
ตอ้ งการเพียงแค่มาชมววิ สะพาน หากเดินทางดว้ ย google map ใหต้ ้งั การเดินทางมา “จุดชมววิ
สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งท่ี ๒” เพราะหากต้งั ชื่อสะพานอยา่ งเดียวจะพาข้ึนไปบนสะพานเพ่ือขา้ มฝั่ง ซ่ึง
ต้งั อยคู่ นละจุดกนั จุดชมวิวจะอูด่ า้ นล่างและถึงก่อนสะพาน สามารถจอดรถเลียบทางเดินไดเ้ ลย ภาพ
บรรยากาศของจุดชมววิ ในยามเชา้ ช่วงฤดูหนาวบรรยากาศดีมาก อากาศเยน็ สบาย ปกคลุมดว้ ยสายหมอกบาง

บริเณจุดชมวิว มีรูปป้ันพญานาคขนาดใหญ่ คอื พญาศรีมุกดามหา มนุ ีนีลปาลนาคราช ลาตวั เล้ือยบริเวณเสา
ซ่ึงต้งั อยตู่ ิดกบั สะพาน มีความงดงามน่าเกรงขามมาก นกั ทอ่ งเท่ียวที่มายงั สะพานแห่งน้ีตอ้ งแวะมากราบ
ไหวเ้ พ่อื ความเป็นสิริมงคล ยามเยน็ มีร้านอาหารแบบรถเขน็ เรียงรายอยู่บริเวณทางเดินเลียบน้าโขง เป็นร้าน
หมูกระทะ หมจู ุ่ม สม้ ตา ยา ใหเ้ ลือกทานหลายร้าน ที่นง่ั เป็นแบบโตะ๊ นงั่ ญี่ป่ ุนริมโขง มองเห็นววิ สะพารใน
ยามค่าคนื ชิวมา ยงิ่ มาเที่ยวช่วงฤดูหนาวลมแรง อากาศเยน็ สุดๆใหเ้ ตรียมเส้ือกนั หนาวและกนั ลมมาใหพ้ ร้อม



อทุ ยานแห่งชาติภผู าเทิบ

เป็นแหลง่ ท่องเทย่ี วทางธรรมชาตทิ ม่ี ไี ฮไลทอ์ ย่ทู ่ี กลุ่มหนิ เทบิ ซง่ึ เป็นหนิ ขนาดใหญ่ซอ้ น
กนั ผ่านการกดั กร่อนตามกาลเวลา ตงั้ กระจายอย่บู นลานหนิ มรี ปู ร่างคลา้ ยเครอ่ื งบนิ ไอพน่ จานบนิ เกง๋
จนี มงกุฎ หวั จระเข้ หอยสงั ข์ ฯลฯ จากกลุ่มหนิ คอื ลานมุจลนิ ท์ ซง่ึ จะมดี อกไมป้ ่าเลก็ ๆ บานสะพรงั่ ให้
ชมในชว่ งเดอื นตุลาคม-ธนั วาคมดว้ ย

และไมไ่ กลจากจดุ น้คี อื ผาอูฐ ซง่ึ เป็นหนิ รูปร่างคลา้ ยอูฐ และยงั เป็นจุดชมววิ ทส่ี วยงาม สามารถมองเหน็
ทงั้ ภถู า้ พระ ผาผกั หวาน และผาขห้ี มู ไดอ้ ย่างชดั เจน รวมไปถงึ หบุ เขาและป่าไมเ้ ขยี วขจเี บอ้ื งลา่ งดว้ ย

คา่ เขา้ ชม คนไทย ผใู้ หญ่ 20 บาท เดก็ 10 บาท /ชาวตา่ งชาตผิ ใู้ หญ่ 200 บาท เดก็ 100 บาท

ทต่ี งั้ : ต.นาสนี วน อ.เมอื งมุกดาหาร จ.มกุ ดาหาร
เวลาเปิด-ปิด ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐น. ทุกวนั
โทร. : ๐๔๒ ๖๗๖ ๔๗๔



แก่งกะเบา

แก่งกะเบา ตงั้ อยใู่ น เขตบา้ นนาแกน้อย อ.หวา้ นใหญ่ จ.มุกดาหาร เป็นแหลง่ ท่องเทย่ี วพกั ผอ่ นหย่อนใจ
มที ศั นียภาพทส่ี วยงาม มองเหน็ ววิ ลาน้าโขงทอดยาวซง่ึ เป็นพรมแดนกนั้ ระหวา่ งประเทศไทยและเมอื ง
ไชยบุรี สปป.ลาว อากาศปลอดโปร่ง มลี มพดั ตลอดเวลา ในพน้ื ทข่ี องแกง่ กะเบายงั มแี ลนดม์ ารค์ ทโ่ี ดด
เดน่ คอื รปู ปัน้ พญานาคหนิ ออ่ น ลาตวั สขี าวหนั หน้าไปทางลาน้าโขงมคี วามงดงามและสงา่ งาม ยงั มี
รา้ นอาหารหลายรา้ นใหล้ ม้ิ ลองเมนูขน้ึ ช่อื นนั่ คอื หมหู นั ทย่ี ่างจนหนงั กรอบ เน้อื นุ่ม กนิ ค่กู บั น้าจ้มิ รส
เดด็ ดว้ ย

แก่งกระเบา ตงั้ อย่ไู ม่ไกลจากวดั สองคอน ห่างจากตวั จงั หวดั มกุ ดาหาร 35 กม มอี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั อ.
ธาตพุ นม จ.นครพนม ห่าง จากอ.ธาตุพนมเป็นระยะทาง 24 กม. เพราะฉะนนั้ หากใครมาเทย่ี วแก่ง

กระเบาแลว้ อยากแวะไปไหวพ้ ระธาตพุ นม สามารถเดนิ ทางไปไดใ้ นระยะเวลาอนั ใกล้ ในฤดแู ลง้ น้าลด
จนเหน็ เกาะแกง่ กลางน้าและหาด ทรายสวยกวา่ ฤดอู น่ื ๆ ซง่ึ แตก่ ่อนเป็นสถานท่เี ลน่ น้า แต่
ปัจจบุ นั ไมส่ ามารถเลน่ น้าได้

๑๐

โบสต์คริสต์วดั สองคอน

โบสตค์ ริสตว์ ัดสองคอน หรอื สกั การสถานพระมารดาแหง่ มรณสกั ขีวดั สองคอน ตงั้ อยู่
ทา่ มกลางบรเิ วณอนั กวา้ งขวางรมิ ฝ่ังโขง ณ บา้ นสองคอน อาเภอหวา้ นใหญ่ จงั หวดั มกุ ดาหาร สถานแห่ง
มรณะสกั ขีไดช้ ่ือว่าเป็นโบสถค์ รสิ ตน์ ิกาย โรมนั คาทอลิก ทมชี ่ือเสยี งในเรื่องความงดงามแปลกตาของตวั
อาคาร เป็นโบสถค์ รสิ ตส์ รา้ งแบบสถาปัตยกรรมสมยั ใหม่ เคยไดร้ บั รางวลั สถาปัตยกรรมดเี ด่น จากสมาคม
สถาปนิกสยามในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ปี ๒๕๓๙

โบสถแ์ ห่งนีเ้ ป็นอาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ โถงสเ่ี หล่ยี มชัน้ เดียว ผนงั ของวดั และ สว่ นไวพ้ ระธาตุ
เป็นกระจกใส บรเิ วณดา้ นหนา้ เป็นสว่ นประกอบพธิ ีมพี นื้ ท่กี วา้ งขวาง ส่วนดา้ นหลงั เป็นท่เี กบ็ อฐั ิของบญุ
ราศที งั้ ๗ ภายในมโี ลงแกว้ บรรจหุ นุ่ ขผี้ งึ้ ของบญุ ราศีทงั้ ๗ ไวใ้ หส้ กั การะบชู า มีไมก้ างเขน ๗ แห่งดา้ นหนา้
แทนบญุ ราศีทงั้ ๗

๑๑

วดั ภูมโนรมย์

วดั ภมู โนรมย์ หรือ วดั รอยพระพทุ ธบาทภูมโนรมย์ ต้งั อยใู่ นอาเภอเมืองมกุ ดาหาร ห่างจากตวั เมืองประมาณ ๕ กิโลเมตร

เป็นสถานที่สวยงามอีกแห่งหน่ึงต้งั อยบู่ นยอดเขา ที่สามารมองเห็นทิวทศั น์ของจงั หวดั มกุ ดาหาร แมน่ ้าโขง และแขวง
สะหวนั นะเขต สปป.ลาว ภายในวดั มีรูปป้ันพญานาคขนาดใหญ่สวยงามอลงั การ เป็นอีกหน่ึงแลนดม์ าร์คใหมข่ อง
มุกดาหาร นอกจากน้ีภายในบริเวณวดั มีรอยพระพุทธบาทจาลอง พระเจา้ ใหญแ่ กว้ มุกดาศรีไตรรัตน์ ใหไ้ ดส้ กั การะขอพร
อีกดว้ ย เน่ืองจากเสน้ ทางข้ึน วัดภมู โนรมย์ คอ่ นขา้ งชนั และแคบในบางช่วง หากมีนกั ท่องเท่ียวนารถข้ึนเยอะอาจจะ
อนั ตรายได้ รถสวนกนั คอ่ นขา้ งยาก ดงั น้นั นกั ทอ่ งเท่ียวท่ีเดินทางมายงั วดั ภูมโนรมย์ ตอ้ งจอดรถไวบ้ ริเวณลานจอดรถ
จากน้นั ใชบ้ ริการรถสองแถวนาข้นึ วดั มีรถออกตลอด โดยเสียคา่ บริการโดยการหยอดตบู้ ริจาค วัดภมู โนรมย์ สถานท่ี
ทอ่ งเที่ยวท่ีสวยงาม มองเห็นทิวทศั นส์ องฝ่ังแมน่ ้าโขง มองเหน็ ในตวั เมืองมกุ ดาหาร เป็นสถานท่ีสกั การะบูชาองคพ์ ระใหญ่
และรูปป้ันพญานาค ที่สวยงามมากแห่งหน่ึง ถือเป็นจดุ สาคญั ที่ใครท่ีมาเที่ยวมกุ ดาหารจะตอ้ งมาแวะกราบนมสั การพระ
และชมววิ ในจุดน้ี

รายละเอียดเพมิ่ เตมิ เพอื่ ความปลอดภยั ของนกั ทอ่ งเท่ียวจึงระเบียบจราจรข้ึนลงวดั รอยพระพทุ ธบาทภูมโนรมยป์ ระตวู ดั เปิ ด

เวลา ๐๕.๓๐ น. ปิ ด เวลา ๒๐.๐๐ น. และห้ามนารถข้ึนต้งั แต่ เวลา ๐๘.๒๐ –๑๖.๓๐ น. สามารถข้ึนโดยใชบ้ ริการ

รถสองแถวท่ีทางวดั จดั ไวบ้ ริเวณลานจอดรถ

๑๒

วดั พระศรีมหาโพธ์ิ

วัดพระศรีมหาโพธ์ิ ต้งั อยใู่ น อาเภอหวา้ นใหญ่ จงั หวดั มุกดาหาร เป็นวดั เก่าแก่คูบ่ า้ นคู่เมืองมานาน

นบั ๑๐๐ ปี บริเวณริมฝั่งแม่น้าโขง บริเวณโดยรอบวดั ศรีมหาโพธ์ิ มองเห็นทิวทศั นท์ ่ีสวยงามของแม่น้า

โขงซ่ึงเป็นเส้นก้นั พรมแดนระหวา่ งประเทศไทย และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายในวดั
จะมีโบราณสถานและส่ิงก่อสร้างเก่าแก่สวยงาม คอื โบสถเ์ ก่าแก่ ศิลปะผสมตะวนั ตก ไทย เวียดนาม
ฝรั่งเศส พระมหาเจดียศ์ รีมหาโพธ์ิ องคพ์ ระขนาดใหญ่ริมน้าโขง ที่ควรค่าแห่งการมาเยี่ยมชม

ภายในวดั จะมีโบราณสถานคือ สิมอีสาน โบสถเ์ ก่าแก่ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ เป็นศิลปะผสมตะวนั ตก
ไทย เวยี ดนาม ฝรั่งเศส เป็นสิมที่ผนงั ๓ ดา้ น ภายในผนงั จะมีธูปแตม้ หรือจิตกรรมฝาผนงั เร่ืองราวของพระ

เวสสนั ดรชาดกที่เป็นฝีมือของช่างพ้ืนบา้ นซ่ึงนบั วา่ เป็นภาพท่ีงดงามและหาดูไดย้ ากในปัจจุบนั รวมท้งั ภาพ
เหตุการณ์ที่สมเด็จกรมพระยาดารงเดชานุภาพเสด็จตรวจหวั เมืองในมณฑลอีสานประทบั ทง่ั อยบู่ นเกวยี น
โบสถน์ ้ีจะไม่อนุญาตใหผ้ หู้ ญิงเขา้ ไป พระมหาเจดียศ์ รีมหาโพธ์ิ ท่ีทางข้นึ เป็นบนั ไดพญานาคสีทอง องค์
พระธาตมุ ีความเก่าแก่งดงามดว้ ยลวดลายอนั วิจิตร พระองคพ์ ระประธานสีทองขนาดใหญ่ โดดเด่นริมน้า
โขง บริเวณน้ีมีลานชมววิ ท่ีสามารถมองเห็นทศั นียภาพของแมน่ ้าโขงไดอ้ ยา่ งสวยงาม

๑๓

น้าตกตาดโตน

น้าตกตาดโตน จงั หวดั มกุ ดาหาร เป็นน้าตกตกแห่งเดยี วและเป็นน้าตกทม่ี ขี นาดใหญ่ทส่ี ดุ ของจงั หวดั
คาวา่ “ตาด” ในความหมายของภาษาอสี าน คอื “น้าตก หรอื ลานหนิ ทม่ี นี ้าไหล” สว่ นคาวา่ “โตน” มี
ความหมายว่า “กระโดด” เม่อื รวมคาสองคาเขา้ ดว้ ยกนั จงึ มคี วามหมายไดว้ ่า (“น้าตกทส่ี ามารถกระโดด
ลงเล่นน้าได”้ ) น้าตกตาดโตน มลี กั ษณะเป็นน้าตกชนั้ เดยี ว มนี ้าไหลตลอดทงั้ ปี มแี นวราบยาวสวยงาม
ความสงู น้าตกประมาณ ๗ เมตร กวา้ ง ๓๐ เมตร มแี อ่งน้าสาหรบั เล่นน้าไดท้ ่ามกลางธรรมชาตทิ ร่ี ่มร่นื
สวยงาม ในช่วงปลายฤดฝู นถงึ ฤดรู อ้ นน้าจะใสไหลเยน็ ยง่ิ ชวนใหน้ ่าลงเล่นน้าเป็นอย่างมาก ในบรเิ วณ
น้าตกจะมรี า้ นคาราโอเกะและอาหารใหค้ นทอ่ี ยากเปลย่ี นบรรยากาศ และรา้ นคา้ ไวบ้ รกิ าร หากตอ้ งการ
ซอ้ื ของฝากตดิ ไมต้ ดิ มอื บรเิ วณทางเขา้ น้าตกยงั มสี นิ คา้ พน้ื บา้ น สนิ คา้ ขน้ึ ช่อื ของอาเภอหนองสงู ไวใ้ ห้
นกั ท่องเทย่ี วไดซ้ อ้ื ตดิ ไมต้ ดิ อกี ดว้ ย คนส่วนมากจะมาทน่ี ่กี นั ในหน้าแลง้ ของทกุ ปีเพ่อื คลายรอ้ นกนั จงึ ไม่
แปลกทจ่ี ะเหน็ ทงั้ เดก็ และผใู้ หญ่แมก้ ระทงั่ วยั ไมไ้ กลผ้ งั่ เพราะบรรยากาศร่มร่นื ความ เยน็ สบาย แถมรี า้ น
ขาย ของ คอยบรกิ าร นบั เป็นสวรรคบ์ นดนิ อยา่ งแทจ้ รงิ น้าตกตาดโตน เป็นน้าตกชนั้ เดยี ว แต่แนวราบ
ยาวและสวยงาม

ท่ีอยู่ บา้ นโนนยาง หมู่ 2 ต.โนนยาง อ.หนองสงู จ.มกุ ดาหาร 49160 (16°29’40.9”N 104°18’47.1”E)

๑๔

พญาศรีภุชงค์มกุ ดานาคราช

พญาศรีภุชงคม์ ุกดานาคราช แลนดม์ าร์คสวยๆ ที่ต้งั อยบู่ ริเวณแก่งกะเบา แหลง่ ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
มานานของจ.มุกดาหาร เป็นประติมากรรมพญานาคประดบั หินอ่อนท่ีโดดเด่นดว้ ยรูปร่างสีขาวหมอกสงา่

งาม สูง ๑๑ เมตร ยาว ๕๑ เมตร และยงั เป็นสัญลกั ษณ์ของความเป็นสิริมงคล

เชื่อวา่ คนท่ีมากราบไหวส้ ักการะ และไดล้ อดทอ้ งพญานาคที่น่ี จะมีความสุขสมหวงั ดงั คาอธิษฐาน

นอกจากน้ีในบริเวณเดียวกนั ยงั มีท้งั ลานนกั ษตั ร ๑๒ ราศี และลานวฒั นธรรม ๘ ชนเผา่ ใหถ้ ่ายรูปและ

พกั ผอ่ นกบั วิวริมแมน่ ้าโขง ที่สาคญั อยา่ ลืมลิ้มลอง “หมูหนั ” หนงั กรอบๆ เน้ือนุ่มๆ ซ่ึงเป็นเมนูเดด็ ของท่ีน่ี
ดว้ ย

ที่ต้งั : ต.ป่ งขาม อ.หวา้ นใหญ่ จ.มกุ ดาหาร

เวลาเปิ ด-ปิ ด : ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น. ทกุ วนั
โทร. : ๐๔๒ ๖๙๙ ๐๖๐

๑๕

หอแก้วมกุ ดาหาร

จุดชมวิวตวั เมืองมกุ ดาหารท่ีสวยท่ีสุด พดู แบบน้นั ยอ่ มไดเ้ พราะหอแกว้ มกุ ดาหารสร้างข้นึ เพอ่ื ให้

ประชาชนไดม้ าชมวิวตวั เมืองมุกดาหารโดยเฉพาะ สร้างต้งั แต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ในพระราชพิธีฉลองสิริราช
สมบตั ิครบ ๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ หอแกว้ มุกดาหารมีความ
สูงกวา่ ๖๕ เมตร ต้งั อยรู่ ิมแมน่ ้าโขง ช้นั ที่ ๖ เป็นหอชมววิ มองเห็นตวั เมืองมกุ ดาหารโดยรอบ เห็นแมน่ ้า
โขงทอดตวั ยาวกวา้ งไกล สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๒ รวมถึงทศั นียภาพของแขวงสะหวนั นะเขต

ประเทศลาวนอกจากชมววิ นกั ทอ่ งเท่ียวสามารถข้ึนไปกราบสกั การะพระพุทธนวม่ิงมงคลดาหาร บน

หอคอยช้นั ๗ รวมถึงชมพพิ ิธภณั ฑศ์ ิลปวฒั นธรรม และนิทรรศการ ๘ ชนเผา่ มกุ ดาหาร บริเวณช้นั ล่างของ

หอคอยไดด้ ว้ ย

ท่ีต้งั : ถนนมกุ ดาหาร-ดอนตาล อ.เมือง จ.มุกดาหาร

เวลาเปิ ด-ปิ ด : ๐๘.๐๐-๑๘.๐๐ น.

คา่ เขา้ ชม : ผใู้ หญ่ ๓๐ บาท เด็ก นกั เรียน นกั ศึกษา ๑๐ บาท

๑๖

วดั ศรีมงคลใต้

วดั สวยน่ามาเท่ียวอีกแห่งในตวั เมืองมกุ ดาหาร ภายในอุโบสถประดิษฐานพระเจา้ องคห์ ลวง ซ่ึงเป็นพระพุทธ
รูปศกั ด์ิสิทธ์ิคูบ่ า้ นคูเ่ มืองจงั หวดั มกุ ดาหารมาต้งั แต่อดีต มีประชาชนเล่ือมใสศรัทธามานานนบั หลายชวั่ อายุ
คน จนเป็นที่รู้จกั ของพทุ ธศาสนิกชนชาวไทย ตามตานานกล่าววา่ เมื่อปี พ.ศ.๒๓๑๐

หลงั จากท่ีเจา้ จนั ทรสุริยวงศ์ เจา้ เมืองโพนสิม (ปัจจุบนั คือ บริเวณพระธาตุอิงฮงั ประเทศลาว) ถึงแก่กรรม
แลว้ ทา้ วกินรีไดเ้ ป็นเจา้ เมืองสืบต่อมา และไดอ้ พยพผคู้ นจากบา้ นโพนสิม เพ่ือมาต้งั เมืองใหม่ วนั หน่ึงพราน
จากเมืองโพนสิม ไดข้ า้ มแม่น้าโขงมาล่าสัตวต์ รงปากหว้ ยมุก ไดพ้ บตน้ ตาลตน้ หน่ึงมี ๗ ยอด และกองอิฐ
ปรักหกั พงั อยู่ สนั นิษฐานวา่ คงเป็นเมืองสมยั โบราณมาก่อน นายพรานจึงนาไปเลา่ ใหท้ า้ วกินรีฟัง

เม่ือทา้ วกินรีมาตรวจก็เห็นวา่ มีทาเลดีเหมาะสมที่จะต้งั บา้ นเรือน จึงไดช้ กั ชวนพรรคพวกมาต้งั เมืองข้ึนใหม่
ขณะท่ีทา้ วกินรีกาลงั ควบคุมบ่าวไพร่ถางป่ าใกลต้ น้ ตาล ๗ ยอด ไดพ้ บพระพทุ ธรูป ๒ องค์ องคห์ น่ึงมีขนาด
ใหญ่ เป็นพระพทุ ธรูปก่ออิฐถือปูนมีลกั ษณะสง่างาม ซ่ึงกลายมาเป็นพระพทุ ธรูปประจาวดั แห่งน้ี

ที่ต้งั : วดั ศรีมงคลใต้ ถนนสาราญชายโขง อาเภอเมือง จงั หวดั มกุ ดาหาร

๑๗

วดั มโนภิรมย์

บา้ นชะโนดและวดั มโนภริ มย์ สรา้ งขน้ึ ตรงกบั สมยั อยธุ ยาตอนปลาย รชั สมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช
แรกเรม่ิ สรา้ งวดั นนั้ อยใู่ นระยะทต่ี งั้ ตวั ใหม่ เสนาสนะคงมแี ต่กฏุ ิ และศาลาโรงธรรมและรวั้ วดั เท่านนั้ วดั มโนภริ มยม์ า
เจรญิ เป็นปึกแผน่ มนั ่ คงเมอ่ื พ.ศ. ๒๒๖๙ ตอ่ มาผนู้ าในการสรา้ งและตอ่ เตมิ วดั แหง่ นค้ี อื ทา่ น หอ พระครกู สั สปะ จารย์
โชติ บตุ รชายทา้ วเมอื งโครก ผนู้ าวสั ดุก่อสรา้ งวดั พระราชทานจากกษตั รยิ ก์ รุงเวยี งจนั ทน์ การก่อสรา้ งโบสถ์ พทั ธสมี า
ส่วนประกอบ ลวดลาย รวั้ วดั เสรจ็ เรยี บรอ้ ยภายใน ๓ ปี คอื พ.ศ. ๒๒๙๙

วนั ท่ี ๒๘ เดอื น มนี าคม พ.ศ. ๒๔๔๗ เกดิ อคั คภี ยั ไฟไหม้ บา้ นเรอื น วดั วาอาราม วอดวายเสยี หายอยา่ ง
ประเมนิ คา่ มไิ ด้ โดยเฉพาะวดั มโนภริ มยอ์ นั มกี ุฏิ วหิ าร พทั ธสมี า ศาลาการเปรยี ญ ตูพ้ ระไตรปิฏก พระพทุ ธรปู เรอื แขง่
รวั้ วดั ตลอด ฆอ้ ง กลอง ระฆงั ไฟไหมว้ อดวายเสยี หายสน้ิ

พ.ศ.๒๔๔๘ ศรสี ุราช และชาวบา้ นไดไ้ ปนิมนตพ์ ระบุ นันทวโร จากบา้ นทา่ สะโนซง่ึ เป็นบา้ นเดมิ มาเป็นผนู้ า
ซอ่ มแซมปฏสิ งั ขรณ์ ทา่ นไดน้ าชาวบา้ นซ่อมแซมวดั มโนภริ มย์ อยู่ ๖ ปี จงึ สาเรจ็ เรยี บรอ้ ยทกุ อย่าง คอื กฏุ ิ วหิ าร พทั ธ
สมี ศาลา รวั้ วดั แมก้ ระทงั่ เรอื แขง่ ดว้ ยความพากเพยี รพยายามของทา่ น การปฏสิ งั ขรณจ์ งึ สาเรจ็ ลลุ ่วงลงดว้ ยดี และ
คงไวซ้ ง่ึ ศลิ ปะดงั้ เดมิ การบูรณปฏสิ งั ขรณ์แลว้ เสรจ็ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๔

ศลิ ปกรรมและสถาปัตยกรรมทค่ี วรหยบิ ยกขน้ึ มากลา่ วถงึ คอื แบบอยา่ ง เป็นแบบ เขมร ไทย ลาว ผสมผสาน
กนั แตท่ กุ อยา่ งประณีตออ่ นชอ้ ยงดงาม

๑๘

เยือนถ่ินภไู ท บ้านภู

ช่วงปลายฝนตน้ หนาว นกั ท่องเทย่ี วทม่ี าเยอื นมุกดาหาร ตอ้ งไมพ่ ลาดมาร่วมงาน “ปัน่ ฝ้าย สายบญุ จุล
กฐนิ เยอื นถนิ่ ผไู้ ทย” ซง่ึ หม่บู า้ นแห่งน้เี ป็นหมู่บา้ นทอ่ งเทย่ี ววฒั นธรรมผูไ้ ทยทย่ี งั คงความเป็นเอกลกั ษณ์
ไดอ้ ย่างลงตวั โดยชว่ งเชา้ จะเป็นพธิ บี วชชพี ราหมณ์ พธิ มี งคลชยั เกบ็ ฝ้ายใสก่ ระหยงั่ (ตะกรา้ ) ทน่ี าโดย
เหล่าสาวพรหมจารี นุ่งขาวหม่ ขาวดจุ มวลนางฟ้าลงมาเกบ็ ดอกฝ้ายขาวอนั บรสิ ุทธิ์ เพอ่ื นาไปปัน่ เป็นเสน้
ใยถกั ทอเป็นผนื ผา้

หลงั จากเสรจ็ สน้ิ พธิ กี จ็ ะมกี ารแหร่ อบหม่บู า้ น โดยมขี บวนนางราแสนสวยทพ่ี รอ้ มใจกนั ออกลวดลายลลี า
การฟ้อนอย่างพรอ้ มเพรยี ง และมงุ่ หน้าสวู่ ดั ศรนี นั ทาราม วดั เกา่ แก่ประจาหม่บู า้ น เพอ่ื ทาพธิ บี ายศรสี ู่
ขวญั ผกู ขอ้ ต่อแขนตามธรรมเนียมของชาวผไู้ ทย

ทต่ี งั้ : อ.หนองสงู จ.มุกดาหาร

๑๙

วนอทุ ยานภหู มู

วนอุทยานภูหมเู ป็นแหล่งท่องเทย่ี วทางธรรมชาตทิ ส่ี วยงามยง่ิ อกี แห่งหน่งึ ของจงั หวดั มกุ ดาหาร
เป็นสว่ นหน่งึ อทุ ยานภูหมู และเป็นจุดชมทวิ ทศั น์ทส่ี าคญั และสวยงามแห่งหน่งึ ของอาเภอนคิ มคาสรอ้ ย
มองเหน็ ทงั่ นา ไรส่ วนของชาวบา้ น ไกลสดุ ลูกตาโดยในชว่ งฤดหู นาว ลมจะพดั แรง และหนาวมาก ภหู มู
มคี วามสงู ๓๕๓ เมตร เหนือระดบั น้าทะเล มพี น้ื ทร่ี าบบนยอดเขาประมาณ ๔ ตารางกโิ ลเมตร หรอื
๒,๕๐๐ ไร่ เมอ่ื สมยั ก่อนบรเิ วณน้มี หี มปู ่าชุกชุมมาก บนยอดเขามจี ุดชมววิ ซง่ึ เป็นหน้าผา ๓ จดุ จดุ ชม
ววิ ท่ี ๑ อยดู่ า้ นตะวนั ออกของทท่ี าการ สามารถมองเหน็ ภูถ้าเม่น ภไู มซ้ าง ภูแผงมา้ และอ่างเกบ็ น้าหว้ ย
ขเ้ี หลก็ ไดอ้ ย่างชดั เจน จดุ ชมววิ ท่ี ๒ อย่ดู า้ นทศิ ตะวนั ตก สามารถมองเหน็ ถนนทางขน้ึ ภหู มู ภูน้อย ภูตว้ิ
ภโู ลน้ ภกู ะล่อน วดั ภูดา่ นแต้ และเทอื กเขาภพู านสลบั ซบั ซอ้ น จุดชมววิ ท่ี ๓ อยบู่ รเิ วณยอดเขาดา้ นทศิ
ใต้ สามารถมองเหน็ ภูถา้ พระและอาเภอเลงิ นกทา ในบรเิ วณน้ียงั มรี ม่ ไมใ้ หญแ่ ละลานหนิ ซง่ึ เหมาะแก่
การพกั ผ่อนเป็นอย่างยงิ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วทม่ี เี วลาว่างในวนั หยดุ และยงั ไม่มแี ผนการทจ่ี ะไปไหนไมค่ วร
พลาดทจ่ี ะแวะเวยี นมายงั ภูหมแู หง่ น้ี เป็นประสบการณ์ครงั้ หน่งึ ในชวี ติ ทค่ี ุณไม่ควรพลาด
การพกั คา้ งแรมสามารถพกั คา้ งแรมในบา้ นพกั หรอื เต็นทต์ ามทจ่ี ดั ไว้ การเดนิ ทางนักท่องเทย่ี วจะต้อง
อาศยั ความระมดั ระวงั เป็นอย่างมาก หากนกั ทอ่ งเทย่ี วท่านใดตอ้ งการคาแนะนาในการเดนิ ทางไปยงั ภู
หมนู นั้ นกั ท่องเทย่ี วสามารถสอบถามรายละเอยี ดไดท้ อ่ี ทุ ยานแหง่ ชาตภิ สู ระดอกบวั
โทร. ๐๔๒ ๖๑๙ ๐๖๗

๒๐

อ่างเกบ็ น้าห้วยขี้เหลก็

มสี ภาพพน้ื ทท่ี ม่ี ภี ูมทิ ศั น์ทส่ี วยงาม มปี ่าไม้ พนั ธไุ์ มห้ ายาก เกาะแก่งและภูเขาทส่ี วยงาม มจี ุดเด่น
เฉพาะตวั เป็นบ่อเกดิ ของตน้ น้าลาธารทห่ี ล่อเลย้ี งประชากรในจงั หวดั ไดเ้ ป็นอย่างดี พน้ื ทจ่ี งั หวดั ตงั้ อยู่
รมิ ฝัง่ แมน่ ้าโขง มพี น้ื ทป่ี ่าสงวนทส่ี วยงาม อานวยประโยชน์ตอ่ ชวี ติ ความเป็นอยขู่ องประชาชนในจงั หวดั
เป็นทรพั ยากรธรรมชาตทิ ส่ี าคญั กอ่ ใหเ้ กดิ พน้ื ทป่ี กคลมุ ดว้ ยตน้ ไม้ สภาพพน้ื ทด่ี นิ ชุ่มชน้ื ก่อใหเ้ กดิ
อาหารทางธรรมชาตแิ ก่คน สตั ว์ ทาใหฝ้ นตกตอ้ งตามฤดกู าล ทงั้ น้ีจงั หวดั มุกดาหารยงั มแี หล่งน้าทส่ี รา้ ง
ขน้ึ ไดแ้ ก่ อ่างเกบ็ น้า มอี า่ งเกบ็ น้าขนาดกลางทส่ี ามารถนาน้ามาใชใ้ นการเกษตรไดอ้ ยสู่ องแหง่ คอื อ่าง
เกบ็ น้าหว้ ยขเ้ี หลก็ ในเขตอาเภอนคิ มคาสรอ้ ย และอ่างเกบ็ น้าหว้ ยชะโนด อย่ใู นเขตอาเภอดงหลวง

อ่างเกบ็ น้าชลประทานหว้ ยขเ้ี หลก็ ตงั้ อย่บู นเสน้ ทาง ๒๑๒ (สายมกุ ดาหาร-เลงิ นกทา) ห่างจาก
อาเภอนิคมคาสรอ้ ย ๒ กโิ ลเมตร และตวั เมอื งมกุ ดาหารประมาณ ๒๓ กโิ ลเมตร กอ่ นถงึ ทางเขา้ วน
อุทยานภหู มู บรเิ วณเหนอื อ่างเกบ็ น้าเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ เป็นแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทม่ี ที วิ ทศั น์สวยงาม
แห่งหน่ึงของจงั หวดั มุกดาหาร

อา่ งเกบ็ น้าชลประทานหว้ ยขเ้ี หลก็ เป็นแหลง่ ท่องเทย่ี ว ทส่ี าคญั ของ จงั หวดั มุกดาหาร อกี
สถานทท่ี ่องเทย่ี วหน่งึ ทม่ี คี วามสวยงามทางดา้ นทศั นียภาพ โดยเฉพาะ ทางตอนเหนือของ อา่ งเกบ็ น้า
ชลประทานหว้ ยขเ้ี หลก็ มลี กั ษณะเป็นทะเลสาบ ขนาดใหญ่ เป็นทอ่ี ย่อู าศยั ของสตั วน์ ้าจดื ไมว่ า่ จะเป็น
กุง้ หอย ปู ปลา ฯลฯ แหล่งทอ่ งเทย่ี ว อา่ งเกบ็ น้าชลประทานหว้ ยขเ้ี หลก็ จงึ เปรยี บเสมอื น เป็นทะเลสาบ
ของจงั หวดั มกุ ดาหาร ทส่ี าคญั อา่ งเกบ็ น้าชลประทานหว้ ยขเ้ี หลก็ อยหู่ า่ งจากตวั เมอื งมกุ ดาหารเพยี ง
๒๓ กโิ ลเมตรเท่านนั้

๒๑

อุทยานแหง่ ชาตภิ สู ระดอกบวั

อุทยานแหง่ ชาตภิ สู ระดอกบวั มเี น้อื ทอ่ี ย่บู นแนวเขตรอยต่อ ๓ไ จงั หวดั คอื อาเภอนคิ มคาสรอ้ ย อาเภอ
ดอนตาล จงั หวดั มุกดาหาร อาเภอเลงิ นกทา จงั หวดั ยโสธร อาเภอชานุมาน และอาเภอเสนางคนคิ ม
จงั หวดั อานาจเจรญิ มเี น้อื ทป่ี ระมาณ ๑๔๔,๓๗๕ ไร่ หรอื ๒๓๑ ตารางกโิ ลเมตร

ในอดตี ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๘ - ๒๕๒๕ พน้ื ทป่ี ่าอนั อุดมสมบูรณ์แห่งน้ี เคยเป็นทแ่ี ทรกซมึ ของ
ผกู้ อ่ การรา้ ยคอมมวิ นสิ ต์ (ผกค.) นบั ไดว้ า่ เป็นขมุ กาลงั ทม่ี คี วามสาคญั อกี แห่งหน่งึ ของประเทศ จงึ ไม่มี
ราษฎรบุกรกุ เขา้ ทากนิ ในพน้ื ท่ี ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เมอ่ื เหตุการณ์คลค่ี ลายลง ผกค. เขา้ มอบตวั ต่อทาง
ราชการ ทางการจงึ จดั สรรทด่ี นิ ทากนิ ใหก้ บั ราษฎรบรเิ วณบา้ นน้อมเกลา้ ตาบลบงุ คา้ อาเภอเลงิ นกทา
จงั หวดั ยโสธร และทบ่ี า้ นภูผาหอม ตาบลเหลา่ หมี อาเภอดอนตาล จงั หวดั มกุ ดาหาร

จากนนั้ ปัญหาตา่ งๆ ดา้ นป่าไมก้ ต็ ามมาไม่ว่าจะเป็นการจบั จอง บกุ รุก แผว้ ถางป่าการลกั ลอบ
ตดั ไมท้ าลายป่า ดว้ ยเกรงว่าปัญหาเหลา่ น้ีจะลกุ ลามออกไป ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ป่าไมอ้ าเภอดอนตาล
ไดเ้ สนอเรอ่ื งต่อจงั หวดั มุกดาหาร และป่าไมอ้ าเภอเลงิ นกทา ไดร้ วบรวมขอ้ มลู เก่ียวกบั ภลู ากลาง ภูสระ
ดอกบวั และภูผาแตม้ เพอ่ื เสนอเร่อื งตอ่ ทางจงั หวดั ยโสธร ใหจ้ ดั เป็นแหล่งทอ่ งเทย่ี ว จากเหตุผลความ
เหมาะสมนานปั การ ก่อประโยชน์ทงั้ ความมุง่ มนั่ ทจ่ี ะอนุรกั ษ์ผนื ป่าแหง่ น้ีไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ และ
อนุชนรุน่ หลงั ไดเ้ ป็นแหล่งศกึ ษาหาความรู้ ทงั้ ยงั เป็นสถานทพ่ี กั ผอ่ นหยอ่ นใจของผคู้ นโดยทวั่ ไป

บรเิ วณยอดภูสระดอกบวั มแี อง่ หนิ ขนาดกวา้ งประมาณ ๒-๕ ม. มอี ยู่ ๕-๖ แหง่ มนี าขงั ตลอดปี มบี วั พนั ธุ์
ตา่ ง ๆ ขนาดเลก็ ขน้ึ อย่เู ตม็ สระ เม่อื ออกดอกจะสวยงามมาก จงึ ไดช้ ่อื ว่า ภูสระดอกบวั อทุ ยานแห่งชาติ
ภูสระดอกบวั

ที่อยู่ บา้ นหนองเมก็ หมู่ ๓ ต.ป่าไร่ อ.ดอนตาล จ.มกุ ดาหาร ๔๙๑๒๐ เบอรต์ ิดต่อ ๐๔๒ ๖๑๙ ๐๗๗

๒๒

อ่างเกบ็ น้าห้วยสิงห์

หน่วยพทิ กั ษ์อทุ ยานแห่งชาตภิ ผู าเทบิ ท่ี ภท.๑ (หว้ ยสงิ ห)์ ทต่ี งั้ อย่บู รเิ วณอา่ งเกบ็ น้าห้วยสงิ ห์
คนในพน้ื ทร่ี จู้ กั กนั ดใี นช่อื “หว้ ยสงิ ห”์ ทอ้ งทบ่ี า้ นโนนศรี ตาบลนาสนี วน อาเภอเมอื ง จงั หวดั มุกดาหาร
บรเิ วณโดยรอบออ้ มลอ้ มดว้ ยภเู ขาและป่าไม้ เป็นสถานทท่ี ่องเทย่ี วทางธรรมชาตทิ ร่ี ่มร่นื และสวยงาม ใช้
เป็นสถานทจ่ี ดั กจิ กรรมเขา้ คา่ ยพกั แรม รวมถงึ โครงการฝึกอบรมเยาวชนต่างๆ
อา่ งเกบ็ น้าหว้ ยสงิ ห์ เป็นโครงการป้องกนั ชายแดนกอ่ สรา้ งปิดกนั้ ลาน้าหว้ ยสงิ ห์ มคี วามจุ ๐.๗๓๘ ลา้ น
ลบ.ม. ช่วยเหลอื พน้ื ทเ่ี พาะปลูก ๘๐๐ไร่ ก่อสรา้ งเมอ่ื ปี ๒๕๒๙ และปรบั ปรุงระบบส่งน้า เม่อื ปี ๒๕๓๖
ปัจจบุ นั มปี ระชาชนในจงั หวดั มุกดาหาร และนกั ท่องเทย่ี ว นิยมมาพกั ผอ่ นหย่อนใจ ตงั้ แคมป์ กางเตน็ ท์
พกั แรมคา้ งคนื ทากจิ กรรมร่วมกนั รวมทงั้ การตกปลา

อ่างเกบ็ น้าหว้ ยสงิ ห์ เป็นทต่ี งั้ ของหน่วยพทิ กั ษป์ ่าอทุ ยานแหง่ ชาตภิ ผู าเทบิ บรเิ วณโดยรอบออ้ ม
ลอ้ มดว้ ยภูเขาและป่าไม้ ใชเ้ ป็นสถานทพ่ี กั แรม จดั กจิ กรรมเขา้ คา่ ย รวมถงึ โครงการอบรมตา่ งๆ
อ่างเกบ็ น้าหว้ ยสงิ ห์ เป็นโครงการป้องกนั ชายแดนกอ่ สรา้ งปิดกนั้ ลาน้าหว้ ยสงิ หท์ ่ี บ.โนนศรี ต.นาสนี วน
อ.เมอื ง พกิ ดั 48 QVD 758 – 206 ระวาง 9641 I มคี วามจุ ๐.๗๓๘ลา้ น ลบ.ม. ชว่ ยเหลอื พน้ื ทเ่ี พาะปลกู
๘๐๐ ไร่ กอ่ สรา้ งเม่อื ปี ๒๕๒๙ และปรบั ปรงุ ระบบสง่ น้า เมอ่ื ปี ๒๕๓๖ แยกรายละเอยี ดไดด้ งั น้ี
- คลองสง่ น้าสายใหญ่ฝัง่ ซ้าย ความยาว ๒.๓๒๐ กม.
- คลองซอย-แยกซอย รวม ๒ สาย ความยาว ๑.๑๐๐ กม.

๒๓

หาดมโนภิรมย์ (หาดชะโนด)

หาดมโนภริ มย”์ หรอื หาดชะโนด ตงั้ อย่ทู บ่ี า้ นชะโนด ตาบลชะโนด อาเภอหวา้ นใหญ่ จงั หวดั
มกุ ดาหาร ห่างจากตวั จงั หวดั มกุ ดาหาร 17 กโิ ลเมตร เป็นหาดทรายในแม่น้าโขงซง่ึ ทอดยาวอยใู่ กลก้ บั
วดั มโนภริ มยช์ าวบา้ นจงึ เรยี กหาดทรายน้วี ่า หาดมโนภริ มยต์ ามชอ่ื วดั หรอื เรยี กว่าหาดชะโนดตามชอ่ื
ของหม่บู า้ น หาดมโนภริ มยท์ อดยาวจากทศิ เหนือของบา้ นชะโนดไปบรรจบกบั หาดพาลกุ าทบ่ี า้ นพาลกุ า
ในชว่ งฤดฝู นแม่น้าโขงมรี ะดบั น้าสงู จะไม่สามารถมองเหน็ หาดทรายน้ไี ด้ เมอ่ื เขา้ ช่วงฤดแู ลง้ เรม่ิ จาก
เดอื นพฤศจกิ ายนน้าเรมิ่ ลดลงจงึ สามารถมองเหน็ หาดทรายไดก้ วา้ งลงไปถงึ กลางแม่น้าโขง และมคี วาม
ยาวหาดทรายจากทศิ เหนอื -ทศิ ใต้ 1.5-2 กโิ ลเมตรโดยประมาณ หากยนื อย่บู นหาดมโนภริ มย์ เราจะ
สามารถมองเหน็ สะพานมติ รภาพไทย-ลาว ไดอ้ ย่างชดั เจน

ในเดอื นมนี าคมและเมษายนประชาชนในจงั หวดั มุกดาหาร จงั หวดั ใกลเ้ คยี ง และพน่ี ้องชาวสะหวนั นะ
เขต สปป.ลาว เดนิ ทางมาเล่นน้าคลายรอ้ นและพกั ผอ่ นหย่อนใจทห่ี าดมโนภริ มยจ์ านวนมาก โดยเฉพาะ
วนั เสาร-์ อาทติ ย์ จะมนี กั ท่องเทย่ี วมากทส่ี ดุ อกี อยใู่ นชว่ งปิดภาคเรยี นของเดก็ ๆ ผปู้ กครองจงึ บตุ รหลาน
ไปเล่นน้าคลายรอ้ น

๒๔

ภผู าแต้ม

ภผู าแตม้ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วยอดฮติ ภายในอทุ ยานแห่งชาตภิ สู ระดอกบวั อย่หู า่ งจากทท่ี าการอทุ ยานฯ
เพยี ง 500 เมตร บนยอดภูเป็นหน้าผาสงู ดา้ นล่างมถี ้าเลก็ ๆความยาวประมาณ 60 เมตร มภี าพเขยี นสี
โบราณยุคกอ่ นประวตั ศิ าสตรอ์ ายุราว 3,000 ปี สว่ นใหญเ่ ป็นรปู ฝ่ามอื สแี ดงและรปู ทรงเรขาคณติ คลา้ ย
กบั แผนทล่ี ายแทง สนั นษิ ฐานวา่ น่าจะอยใู่ นยคุ เดยี วกนั กบั ภาพเขยี นสบี นอทุ ยานแห่งชาตผิ าแตม้ จ.
อุบลราชธานี สที ใ่ี ชน้ ่าจะเป็นแร่เฮมาไทตท์ พ่ี บกนั มากในภาคอสี าน ด้านบนหน้าผาเป็นจุดชมววิ
สามารถชมวถิ ชี วี ติ ชุมชนไดใ้ นมุมสงู และชมพระอาทติ ยข์ น้ึ ยามเช้า

๒๕

ภผู าซาน

ภูผาซาน หรอื อุทยานแหง่ ชาตภิ สู ฐี าน สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วทางธรรมชาติ ใหน้ กั เดนิ ทางทห่ี ลงใหลความ
เป็นธรรมชาติ และบรรยากาศของคนต่างจงั หวดั แบบดงั้ เดมิ พรอ้ มดว้ ยอากาศอนั แสนบรสิ ุทธิ์ ทเ่ี ป็น
พน้ื ทส่ี มบรู ณ์ไปดว้ ยพรรณไมแ้ ละสตั วป์ ่านานาชนิด
ภูผาซาน หรอื ภูแม่นางหม่อน เป็นสถานทท่ี อ่ งเทย่ี วแหง่ ใหม่ทเ่ี ปิดตวั เม่อื ไม่กป่ี ีน้ี เป็นภูเขาทส่ี งู ทส่ี ดุ ใน
จงั หวดั มุกดาหาร บรเิ วณยอดเขา เป็นลานหนิ กวา้ ง นบั เป็นจุดชมววิ ของจงั หวดั มุกดาหารทส่ี ามารถ
มองเหน็ ทวิ ทศั น์ทส่ี วยงามของจงั หวดั มกุ ดาหารแหง่ หน่ึง อกี ทงั้ ยงั ทา้ ทายความสามารถนกั ทอ่ งเทย่ี วท่ี
ชอบกจิ กรรมปีนเขาอกี ดว้ ย

ทอ่ี ยู่ บา้ นแมด หมู่ ๕ และ หมทู่ ่ี ๑๐ ต.บา้ นเหล่า อ.คาชะอี จ.มุกดาหาร ๔๙๑๑๐

๒๖

น้าตกแก่งโพธ์ิ

จากทท่ี าการอุทยานแห่งชาตไิ ปตามถนนสายเปรมพฒั นา แลว้ แยกซา้ ยทบ่ี า้ นสานแว้ ผ่านบา้ นนา
หนิ กอง รวมระยะทาง ๓๒ กโิ ลเมตร เป็นน้าตกทส่ี วยงามอกี แห่งหน่งึ กวา้ งประมาณ ๑๔ เมตร สงู ๑๐
เมตร บรเิ วณสายน้าใตน้ ้าตกเป็นแกง่ กวา้ งสามารถกางเตน็ ทพ์ กั แรมทล่ี านขนาดใหญใ่ กลน้ ้าตก แลว้ เดนิ
ป่าศกึ ษาธรรมชาติ

น้าตกกวา้ งประมาณ ๑๔ เมตร สงู ๑๐ เมตร บรเิ วณสายน้าใตน้ ้าตกเป็นแก่งกวา้ งสามารถกาง
เตน็ ทพ์ กั แรมทล่ี านขนาดใหญใ่ กลน้ ้าตก แลว้ เดนิ ป่าศกึ ษาธรรมชาติ

ท่ีอยู่ ภผู ายล หมู่ ๘ ต.กกตมู อ.ดงหลวง จ.มกุ ดาหาร

เบอรต์ ิดต่อ ๐๔๒ ๗๒๖๖๑๕

๒๗

วดั พระศรมี หาโพธ์ิ

วดั พระศรมี หาโพธิ์ เป็นวดั เกา่ แกค่ บู่ า้ นค่เู มอื งมานานนับ ๑๐๐ ปี ตงั้ อยกู่ ลางใจเมอื ง บรเิ วณรมิ ฝัง่ แม่น้า
โขงตงั้ อย่ทู บ่ี า้ นหวา้ นใหญ่ ตาบลหวา้ นใหญ่ ภายในวดั จะมโี บราณสถานคอื สมิ อสี าน(โบสถ)์ ทเ่ี ก่าแก่
สรา้ งเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๙ ศลิ ปะผสมตะวนั ตก ไทย เวยี ดนาม ฝรงั่ เศส เป็นสมิ ทผ่ี นงั ๓ ดา้ น ภายในผนงั จะ
มธี ปู แตม้ หรอื จติ กรรมฝาผนังเร่อื งราวของพระเวสสนั ดรชาดกทเ่ี ป็นฝีมอื ของชา่ งพน้ื บา้ นซง่ึ นับว่าเป็น
ภาพทง่ี ดงามและหาดไู ดย้ ากในปัจจบุ นั ทจ่ี ติ รกรรมฝาผนงั ไดร้ บั ความนิยมชมชอบน้อยลงจากในอดตี
กาลเป็นอย่างมาก และภาพเหตุการณ์ทส่ี มเดจ็ กรมพระยาดารงเดชานุภาพเสดจ็ ตรวจหวั เมอื งในมณฑล
อสี านประทบั ทงั่ อยบู่ นเกวยี น ภายในวดั ยงั มกี ุฎเิ ก่าแก่ซง่ึ ปัจจุบนั ทาเป็นหอ้ งสมดุ ประชาชน สรา้ งโดย
ช่างชาวเวยี ดนาม เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรงั่ เศส ซง่ึ มซี มุ้ ประตแู ละหน้าต่างเป็นรปู โคง้ สวยงามแปลก
ตา แต่งต่างจากศาลาหารเปรยี ญทวั่ ไปของพทุ ธศาสนาหลายแหง่ ในประเทศไทย

นกั ทอ่ งเทย่ี วทส่ี นใจสามารถตดิ ต่อสอบถามเพมิ่ เตมิ ไดท้ ่ี วดั พระศรมี หาโพธิ์ ต.หวา้ นใหญ่ อ.หวา้ นใหญ่
จ.มกุ ดาหาร โดยโทร.๐-๔๒๖๙-๙๓๑๑ หรอื ๐-๘๗๒๖๐-๗๓๗๗ หรอื ๐-๘๔๙๒๗-๒๔๒๔ วดั พระศรี
มหาโพธเิ์ ปิดใหส้ กั การะและเยย่ี มชมตงั้ แตเ่ วลา ๐๘.๓๐ น. ถงึ ๑๖.๓๐ น

๒๘

ภจู อ้ ก้อหรอื วดั บรรพตคีรี

วดั ภูจอ้ กอ้ จงั หวดั มุกดาหาร ดนิ แดนศกั ดสิ ์ ทิ ธถิ์ นิ่ อสี าน พทุ ธสถานบนเขาช่อื ดงั สถานทป่ี ฏบิ ตั ธิ รรม โดยเฉพาะสาย
วปิ ัสสนากรรมฐานของหลวงป่หู ลา้ เขมปัตโต พระเถราจารยท์ ไ่ี ดร้ บั การนับถอื อยา่ งมากจากชาวบา้ นมุกดาหาร
วดั ภจู อ้ กอ้ หรอื วดั บรรพตครี ี ตงั้ อยบู่ นภกู อ้ จอ้ บรเิ วณบา้ นหนองแวง ต.ลาบลหนองสงู ใต้ อาเภอหนองสงู จงั หวดั
มกุ ดาหาร
เป็นวดั ธรรมยุตนกิ ายทส่ี าคญั ตงั้ อย่บู นภเู ขาขนาดย่อมทม่ี คี วามสงบสวยงาม วดั แห่งน้เี คยเป็นทจ่ี าพรรษา
ของหลวงป่หู ลา้ เขมปัตตโต พระป่าสายวปิ ัสสนากรรมฐาน ชาวบา้ นทวั่ ไปเรยี กสนั้ ๆว่า หลวงป่หู ล้า
พระถราจารยส์ ายหลวงป่มู นั ่ ภูรทิ ตั ตเถร ซง่ึ มคี วามเครง่ ครดั ปฏบิ ตั ภิ าวนา
เขมปัตตเจดยี ์ เป็นเจดยี ท์ รงระฆงั คว่าสงู กวา่ ๒๒ เมตร ทป่ี ระดบั ดว้ ยกระเบอ้ื งอยา่ งดจี ากประเทศอติ าลี มชี นั้ ลา่ งเป็น
โถงอเนกประสงคเ์ พ่อื ศาสนกจิ ตา่ งๆ และชนั้ บนจดั เป็นพพิ ธิ ภณั ฑแ์ สดงประวตั ิ ผลงานและอฐั บรขิ ารของหลวงป่หู ลา้
รวมทงั้ ประดษิ ฐานอฐั แิ ละหุน่ ขผ้ี ง้ึ ของทา่ นไวใ้ หพ้ ุทธศาสนกิ ชนไดส้ กั การะ ปัจจุบนั วดั บรรพตครี ี หรอื วดั ภกู อ้ จอ้ ถอื ได้
วา่ เป็นศาสนสถานทส่ี าคญั ของชาวมุกดาหารและชาวพทุ ธโดยทวั่ ไป ทใ่ี ชใ้ นการประกอบศาสนกจิ และปฏบิ ตั ธิ รรมถอื
ศลี ภาวนา ใหจ้ ติ ใจผอ่ งแผว้ เกดิ สมาธิ และปัญญาเพ่อื การดบั ทกุ ขท์ งั้ ปวงตามแนวทางของสมเดจ็ พระผมู้ พี ระภาคเจ้า

๒๙

วดั ถา้ จาปากนั ตสีลาวาส

วดั ถ้าจาปากนั ตสลี าวาส หรอื วดั ถ้าภผู ากดู เคยเป็นสถานทจ่ี าพรรษาของหลวงป่เู สาร์ กนั ตสโี ล และ
หลวงป่มู นั่ ภูรทิ ตั โิ ต ภายในวดั คอ่ นขา้ งร่มร่นื และเงยี บสงบมาก ภมู ปิ ระเทศสว่ นใหญ่เป็นชะงอ่ นเพงิ ผา
ลอ้ มรอบไปดว้ ยป่า โปร่งทม่ี มี ลี าธารไหลผา่ น นบั เป็นอกี หน่งึ วดั ป่าทเ่ี หมาะสมแกก่ ารฝึกจติ หรอื การ
วปิ ัสสนากรรมฐานเป็นอย่างมาก

มกุ ดาหาร ถอื เป็นจงั หวดั ทม่ี แี หล่งท่องเทย่ี วทางธรรมชาตทิ ส่ี วยงามมาก เน่อื งจากมที รพั ยากรธรรมชาติ
อดุ มสมบูรณ์ทงั้ บนบกและในน้า จงึ นบั เป็นจงั หวดั ทอ่ งเทย่ี วอกี จงั หวดั หน่งึ ทน่ี ่าสนใจและไม่ควรมองขา้ ม
เลยเช่นกนั

ทอ่ี ยู่ บา้ นคนั แท หมู่ ๔ ต.หนองสงู อ.หนองสงู จ.มุกดาหาร

๓๐

ตลาดราตรี มุกดาหาร

กอ่ ตงั้ โดยเทศบาลเมอื งมุกดาหาร เป็นตลาดทม่ี สี นิ คา้ และบรกิ ารสว่ นมากเป็นอาหารแทบทุกภาค มที งั้
อาหารพน้ื บา้ นอสี าน อาหารเวยี ดนาม ผลไมต้ ามฤดกู าล นอกจากนนั้ กจ็ ะเป็นเสอ้ื ผา้ เครอ่ื งแตง่ กายและ
เครอ่ื งประดบั ประมาณ ๓๐๐ เจา้ เป็นตลาดกลางคนื ทใ่ี หญ่ทส่ี ุดของจงั หวดั มกุ ดาหาร ปิดถนนขาย หวั
ตลาดจากสแ่ี ยกถนนววิ ธิ สุรการ (สแ่ี ยกป้อมตารวจ) ถงึ สแ่ี ยกสานกั งานอตุ นุ ิยมวทิ ยา และสามแยกหลงั
โรงพยาบาลมกุ ดาหาร

เป็นตลาดทร่ี วมสนิ คา้ หลากหลาย มที งั้ อาหาร เสอ้ื ผา้ เคร่อื งอปุ โภค บรโิ ภค

ทอ่ี ยู่ ตลาดราตรี (หน้าศาลหลกั เมอื งมกุ ดาหาร) ถนนสองนางสถติ ย์ ต.มกุ ดาหาร อ.เมอื งมุกดาหาร จ.
มกุ ดาหาร ๔๙๐๐๐

๓๑

ธรรมมาสน์เสาเดียว วดั พิจิตรสงั ฆาราม

เป็นธรรมาสน์สรา้ งขน้ึ ตงั้ อย่บู นไม้ ๑ ตน้ จงึ เรยี กวา่ “ธรรมาสน์เสาเดยี ว” ไมท้ น่ี ามาใชท้ าเป็นเสาและนา
สว่ นประกอบอ่นื ๆ เป็นไมเ้ น้ือแขง็ แบง่ ความสงู ของธรรมาสน์ออกเป็น ๓๓ สว่ น สว่ นท่ี ๑ เป็นฐาน มี
คนั ทวยแกะสลกั รปู พญานาค ๔ ตวั วางไว้ ๔ ทศิ เป็นแขนนาง ทาหน้าทน่ี บั น้าหนกั ของธรรมาสน์ชนั้ บน
สว่ นท่ี ๒ เป็นชนั้ ธรรมาสน์ หอ้ งสเ่ี หลย่ี มจตั รุ สั มหี น้าตา่ ง ๓ บาน ประตู ๑ บาน ซง่ึ ลกั ษณะคลา้ ยกบั
หน้าตา่ ง สว่ นท่ี ๓ เป็นหลงั คาธรรมาสน์ สรา้ งเป็นเก๋ง ๕ ชนั้ ลดหลนั่ ลงไปจนถงึ ยอดสงู สุด การตกแต่ง
เสสาธรรมาสน์ แขนนางผนงั ภายใน และหลงั คาเก๋ง ๕ ชนั้ แกะสลกั ลายกระหนกแลว้ ลงรกั ตกแตง่ ดว้ ย
กระจกสี ธรรมาสน์เสาเดยี วดงั กลา่ วน้เี กบ็ รกั ษาไวท้ ว่ี ดั พจิ ติ รสงั ฆาราม บา้ นโนนยาง ตาบลโนนยาง
อาเภอหนองสงู จงั หวดั มกุ ดาหาร คาใหก้ ารของชาวบา้ นบอกวา่ สรา้ งมาได้ ๖๐ ปีมาแลใ้ ชส้ าหรบั
พระสงฆน์ งั่ แสดงพระธรรมเทศนา

ทอ่ี ยู่ บา่ นโนนยาง ต.โนนยาง อ.หนองสงู จ.มุกดาหาร ๔๙๑๖๐

๓๒

ชุมชนท่องเท่ียวบ้านสองคอน

บา้ นสองคอน หม่ทู ่ี ๒ ตงั้ อยอู่ าเภอหวา้ นใหญ่ จงั หวดั มกุ ดาหาร มบี า้ นอยู่ จานวน ๗ หลัง มกี ารแต่งตงั้
คณะกรรมการ ประจาโฮมสเตยเ์ ป็นทเ่ี รยี บรอ้ ย และมกี ฎกตกิ าของคณะกรรมการทเ่ี ป็นทย่ี อมรบั การ
รวมกลุ่มของชุมชนคอ่ นขา้ งเขม้ แขง็ แต่เร่อื งการบรหิ ารจดั การยงั ไมด่ เี ท่าทค่ี วรเพราะยงั ไมเ่ คยมี
นกั ท่องเทย่ี วเดนิ ทางมาทอ่ งเทย่ี วหรอื พกั เลย มกี ารเกบ็ ฐานขอ้ มลู การดาเนนิ การเร่อื งตา่ งๆเกย่ี วกบั การ
จดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มเป็นอย่างดี เป็นหมบู่ า้ นทม่ี สี ถานทท่ี อ่ งเทย่ี วรมิ ฝัง่ แม่น้าโขง
คลา้ ยๆ โฮมสเตยบ์ า้ นหนองหล่ม มสี ถานทท่ี ่องเทย่ี วสาคญั ๆ อาทเิ ชน่ วดั สองคอน แก่งกะเบา วดั มโน
ภริ มย์ วดั ศรมี หาโพธิ์ เป็นต้น อาชพี ส่วนใหญ่ ทาการเกษตร การประมง อาหารจะเป็นอาหารพน้ื ท่ี
เหมอื นกนั กบั ทุกท่ี เช่น แกงหวาย ไก่ทอด ปลานิลทอด แจ่ว ผกั ลวก ตม้ ปลา เป็นต้น

๓๓

เจดียไ์ ตรรตั นานุสรณ์ (แม่ชีแก้ว)

พระธาตขุ องคุณแมแ่ กว้ เสยี งล้า พระอรหนั ตแ์ หง่ บา้ นคาชะอี จงั หวดั มุกดาหาร
เจดยี ค์ ณุ แมช่ แี กว้ หรอื เจดยี ศ์ รไี ตรรตั นานุสรณ์ ตงั้ อย่ทู ส่ี านกั ชบี า้ นหว้ ยทราย ตาบลคาชะอี อาเภอคา
ชะอี จงั หวดั มุกดาหาร กอ่ สรา้ งเมอ่ื กรกฎาคม ๒๕๔๘ และสรา้ งเสรจ็ เมอ่ื เมษายน ๒๕๔๙ โดยมี
แพทยห์ ญงิ เพญ็ ศรี มกรานนท์ บรจิ าคเป็นปฐมฤกษใ์ นการรเิ รม่ิ กอ่ สรา้ งเจดยี ์ พรอ้ มคณะศทั ธาจากศษิ
ยานุศษิ ย์
เจดยี ศ์ รไี ตรรตั นานุสรณ์ จดั สรา้ งขน้ึ เพอ่ื เป็นอนุสรณ์บูชาวสิ ทุ ธธิ รรม ในฐานะเป็นถูปารหบุคคลฝ่ายสตรี
ผปู้ ฏบิ ตั ดิ ี ปฏบิ ตั ชิ อบตามหลกั พระธรรมวนิ ยั ตามปฏปิ ทาเพอ่ื ทางพน้ ทุกข์ จนบรรลุมรรคผลถงึ ทส่ี ุด ซ่งึ
พทุ ธบรษิ ทั ไดพ้ รอ้ มใจกนั สรา้ งขน้ึ ถวายไวใ้ นบวรพระพุทธศาสนา เจดยี แ์ หง่ น้เี ป็นเจดยี ท์ รงแปดเหลย่ี ม
ขนาดสูง ๒๕ คณู ๓๐ เมตร กวา้ ง ๑๖ เมตร
ภายในเจดยี ช์ นั้ แรก มรี ปู เหมอื นอริ ยิ าบทนงั่ ของคุณแม่ชแี กว้ มเี คร่อื งใชส้ ว่ นตวั พรอ้ มภาพชวี ะประวตั ิ
ชนั้ สอง(ชนั้ บน) มรี ปู เหมอื นอริ ยิ าบทนงั่ สมาธิ เป็นทบ่ี รรจุ อฐั ธิ าตุ ของคณุ แม่ชแี ก้ว
บรเิ วณรอบๆเจดยี ์ มคี วามสงบร่มร่นื ดว้ นตน้ ไมเ้ ลก็ ใหญ่ เหมาะแก่การสงบจติ ใจ

๓๔

กลองมโหระทึก วัดมชั ฌมิ าวาส

มโหระทกึ เป็นร่องรอยของอารยธรรมเรม่ิ แรกของภมู ภิ าคอษุ าคเนย์ กอ่ นทจ่ี ะรบั อารยธรรมจากจนี และ
อนิ เดยี เป็นสง่ิ ทแ่ี สดงออกใหเ้ หน็ ถงึ ภูมปิ ัญญาและความรู้ ความสามารถทางดา้ นศลิ ปกรรม เทคโนโลยี
ของคนในภูมภิ าคอษุ าคเนย์ เม่อื ๓,๐๐๐ ปีมาแลว้ มโหระทกึ ไม่ใช่คาไทยแท้ แตเ่ ป็นคาโบราณทย่ี มื มา
จากต่างประเทศแลว้ กร่อนจนเพย้ี นไป มใี ชอ้ ย่ใู นเอกสารไทยสมยั กอ่ นๆ เช่น ไตรภูมเิ รยี กว่า มโหระทกึ
แตก่ ฎมณเฑยี รบาลเรยี ก หรทกึ จดั เป็นเคร่อื งประโคมตชี นิดหน่งึ มเี สยี งดงั มาก ในกฎมณเฑยี รบาลจงึ
บอกวา่ ขนุ ดนตรตี หี รทกึ และในไตรภูมบิ อกว่า มโหระทกึ กกึ กอ้ ง แต่ไม่ไดร้ ะบวุ า่ เป็น กลอง หรอื ฆอ้ ง
ปัจจุบนั มกั จดั มโหระทกึ เป็นประเภทกลอง เพราะมรี ปู รา่ งคลา้ ยกลอง จงึ เรยี กกนั ตดิ ปากวา่ กลอง
มโหระทกึ แตม่ โหระทกึ ทาดว้ ยโลหะผสมทเ่ี รยี กว่าสารดิ (Bronze) ในตระกลู ฆอ้ ง แลว้ มกั มี
ประตมิ ากรรมรูปกบขนาดเลก็ ๆ ประดบั ขอบแผ่นหน้า คนบางกลุ่มจงึ เรยี ก ฆอ้ งกบ หรอื ฆอ้ งเขยี ด แต่
เอกสารจนี เรยี ก กลองทองแดง เพราะมสี ว่ นผสมของทองแดงเป็นโลหะหลกั กลองมโหระทกึ ทพ่ี บใน
จงั หวดั มุกดาหาร มี ๔ ใบ คอื ๑. กลองมโหระทกึ ทข่ี ดุ พบไดห้ น้าทท่ี าการไปรษณียอ์ าเภอคาชะอี จ.
มกุ ดาหาร ๒. กลองมโหระทกึ ทว่ี ดั มชั ฌมิ าวาส อ.ดอนตาล ซง่ึ เป็นกลองทม่ี ขี นาดใหญ่ทส่ี ุดในประเทศ
ไทย ๓. กลองมโหระทกึ บา้ นดงยาง ต.บา้ นคอ้ อ.คาชะอี และ ๔. กลองมโหระทกึ พบท่ี อ.เมอื ง
มุกดาหาร ระวตั กิ ลองทอง (มโหระทกึ ) อาเภอดอนตาล จงั หวดั มุกดาหาร มโหระทกึ ชาวบา้ นเรยี กว่า
กลองทอง

๓๕

ศาลหลกั เมอื งจงั หวดั มุกดาหาร

ศาลหลกั เมอื ง คอื สถานทศี่ ักดส์ิ ทิ ธอ์ิ ันเป็ นทตี่ ัง้ ของหลักเมอื ง ซง่ึ ตามธรรมเนยี มพธิ ขี องศาสนา
พราหมณว์ า่ กอ่ นทจ่ี ะสรา้ งเมอื งจะตอ้ งทาพธิ ยี กเสาหลัก เมอื งในทอี่ นั เป็ นชยั ภมู สิ าคัญ เพอ่ื เป็ นสริ ิ
มงคลแกบ่ า้ นเมอื งทจี่ ะสรา้ งขน้ึ ศาลหลักเมอื งในประเทศไทยสว่ นใหญท่ าจากไมม้ งคล เชน่
ชยั พฤกษ์ ราชพฤกษ์ ในลกั ษณะเสา ปลายยอดเป็ นดอกบัวตมู หรอื หนา้ เทวดา หรอื อาจเป็ นหลักหนิ
โบราณ ใบเสมาโบราณ ทพี่ บในพน้ื ทน่ี ัน้ ๆ ตวั ศาลสว่ นใหญเ่ ป็ น ศาลาจตรุ มขุ ทรงไทย มปี ระตทู งั้ ส่ี

ดา้ น ยอดอาจเป็ นแบบปรางค์ แบบปราสาท แบบมณฑป หรอื เป็ นศาลเจา้ แบบจนี ตามศรัทธาการ
กอ่ สรา้ งในพนื้ ทน่ี ัน้ บางพน้ื ทอี่ าจพบรว่ มกันทัง้ เสาหลกั เมอื ง และศาลเจา้ แบบจนี ซง่ึ มักมอี งค์
ประธานศาลเจา้ เป็ นเทวรูปไมห้ รอื ศลิ า เรยี กวา่ เจา้ พอ่ หลักเมอื ง หรอื เจา้ แมห่ ลกั เมอื ง สถานทต่ี งั้
สว่ นใหญอ่ ยใู่ นพน้ื ทช่ี มุ ชนเมอื งเกา่ อาจเป็ นตวั จังหวดั หนา้ ศาลากลางจงั หวดั ในประเทศไทย
จงั หวดั สว่ นใหญม่ ศี าลหลักเมอื ง บางอาเภอกม็ ศี าลหลกั เมอื ง ซง่ึ ยังคงเรยี กวา่ ศาลหลกั เมอื ง

เนอ่ื งจากบางอาเภอกเ็ ป็ นเมอื งเกา่ กอ่ นถกู ลดฐานะลงเป็ นอาเภอในปัจจบุ ัน ตามชมุ ชนเลก็ ๆ อนื่ ๆก็

อาจมศี าลประจาชมุ ชนเหมอื นกัน แตจ่ ะเรยี กเป็ นศาลหรอื เจา้ ทปี่ ระจาหมบู่ า้ น ชมุ ชน

๓๖

ภาคผนวก

https://mukdahan.mots.go.th/

https://sites.google.com/site/52011220016inetg3/mukdahan/prawati-canghwad-mukdahar
https://www.m-culture.go.th/mukdahan/ewt_news.php?nid=41
https://sites.google.com/site/prawaticanghwadmukdahar/yindi-txnrab-1

https://sites.google.com/site/swasdimukdahar/ngan-prapheni-canghwad-mukdahar

https://katecat1013.wordpress.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93
%E0%B8%B5/
https://www.thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4405
http://i-san.tourismthailand.org/3408/
https://www.paiduaykan.com/travel/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5
%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%AB
%E0%B8%B2%E0%B8%A3
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/1092
https://www.thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4405
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/81509
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/81429
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4398
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/22499
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/2750
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/865
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/81428
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4407
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/83325
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4409


Click to View FlipBook Version