The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 1 ความหมายความสำคัญของภูมิศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nutchanat.b, 2023-08-16 05:28:58

บทที่ 1 ความหมายความสำคัญของภูมิศาสตร์

บทที่ 1 ความหมายความสำคัญของภูมิศาสตร์

เอกสารประกอบการสอน 1206 202 ภูมิศาสตร์มนุษย์ อาจารย์ ดร.นุชนาฏ บัวศรี บทที่ 1 ความหมาย ความส าคัญของภูมิศาสตร์ กรอบแนวคิด การศึกษาความหมาย ความส าคัญ ขอบข่าย และแขนงของภูมิศาสตร์ เป็นเป็นการท าความ เข้าใจพื้นฐานด้านภูมิศาสตร์ และเข้าใจถึงกระบวนการ และเกิดความเข้าใจในการน าเอาองค์ความรู้ ทางภูมิศาสตร์ไปใช้หรือไปอธิบายการท างานด้านต่าง ๆ ได้ วัตถุประสงค์ 1. นิสิตมีความรู้เกี่ยวกับความหมายและความส าคัญของภูมิศาสตร์ 2. นิสิตมีความรู้ความเข้าใจขอบข่าย และ แขนงของภูมิศาสตร์ 3. นิสิตได้เข้าใจการเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ หัวข้อบรรยาย 1. ความหมายของภูมิศาสตร์.........................................................................................................1 2. ความส าคัญของการรู้เรื่องภูมิศาสตร์.........................................................................................4 3. แขนงของวิชาภูมิศาสตร ...........................................................................................................5 4. ขอบขายของวิชาภูมิศาสตร.......................................................................................................7 5. การแบงสาขาของวิชาภูมิศาสตร...............................................................................................9 6. วิธีการศึกษาทางภูมิศาสตร.......................................................................................................9 7. ภูมิศาสตร์สอนอะไร..................................................................................................................9 1. ความหมายของภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์(geography) คือ ศาสตร์ทางด้านพื้นที่และบริเวณต่าง ๆ บนพื้นผิวโลก เป็นวิชาที่ ศึกษาปรากฏการณ์ทางกายภาพ และมนุษย์ ที่เกิดขึ้น ณ บริเวณที่ท าการศึกษา รวมไปถึงสิ่งแวดล้อม ที่อยู่บริเวณโดยรอบ นักภูมิศาสตร์อธิบายถึงรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงของที่ต่าง ๆ บนโลก แผนที่ และสัณฐานโลกโดยอธิบายว่ารูปแบบการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ภูมิศาสตร์จะท าให้เข้าใจ ปัญหาทางด้านกายภาพและวัฒนธรรม ของบริเวณที่ศึกษา และสิ่งแวดล้อมโดยรอบที่อยู่บน พื้นผิวโลก ภูมิศาสตร์ศึกษาความ สัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ สถานที่ และสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ข้อมูล ทางแผนที่ในการอธิบายความสัมพันธ์ทางด้านพื้นที่การตั้งถิ่นฐานและการอยู่อาศัยของคนแต่ละคน และโดยรวมเป็นรากฐานในการเลือกสถานที่เพื่อสร้างสังคมมนุษย์ในดินแดนต่าง ๆ และมี


2 ความสัมพันธ์กับชีวิตของพืชและสัตว์ ในการเกิดด ารงชีวิต และการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศวิทยา คน เป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ที่มีกิจกรรมต่าง ๆ บนพื้นผิวโลก การตั้งถิ่นฐาน ตามโครงสร้างของผิว โลก และคนมีการแข่งขันกันที่จะควบคุมพื้นผิวโลก สิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดย กิจกรรมของมนุษย์มีผลอย่างมากต่อแนวทางที่เป็นลักษณะคุณค่าทางสังคมมนุษย์และการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติของโลก และกิจกรรมของมนุษย์จะมีอิทธิพลต่อลักษณะ และกระบวนการทาง กายภาพของโลกความรู้ทางภูมิศาสตร์ท าให้ผู้คนสามารถพัฒนาความเข้าใจ ในเรื่องของความสัมพันธ์ ระหว่างคนสถานที่ และสิ่งแวดล้อม ณ เวลาหนึ่ง (กนก จันทรา, มปป) ภูมิศาสตร์ หมายถึง วิชาที่ศึกษาพื้นผิวโลกที่เกี่ยวกับภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ ผลิตผล และคน รวมทั้งการกระจายของสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ หรือคือวิชาที่ศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่าง โลกกับมนุษย์ สิ่งแวดล้อมกับมนุษย์ภูมิศาสตร์ กายภาพเป็นสาขาหนึ่งของวิชาภูมิศาสตร์ที่มุ่งศึกษา สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ และกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรมชาติที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวโลก การศึกษาวิชาภูมิศาสตร์เป็นสิ่งส าคัญที่จะช่วยให้เข้าใจปรากฎการณ์ต่าง ๆ บนพื้นผิวโลกดียิ่งขึ้น อัน เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่นั้น ๆ ส่วนวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นการศึกษาหาวิธีที่จะจัดสรร ทรัพยากรที่มีอยู่จ ากัด ให้สามารถสนองตอบต่อความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่ไม่จ ากัด โดยให้เกิด ประสิทธิภาพมากที่สุด เศรษฐศาสตร์จุลภาคและเศรษฐศาสตร์มหภาพมีความสัพมันธ์กันอย่างใกล้ชิด เพราะเศรษฐกิจส่วนรวมของประเทศเกิดจากเศรษฐกิจหน่วยย่อยรวมกัน ดังน้น การศึกษาปัญหา เศรษฐกิจของสังคมหนึ่ง ๆ จ าเป็นต้องพิจารณาระบบเศรษฐกิจที่เป็นส่วนร่วมและพฤติกรรมของ แต่ละบุคคลหรือ แต่ละหน่วยผลิต ซึ่งเป็นเศรษฐกิจหน่วยย่อย เพราะเศรษฐกิจหน่วยย่อยย่อมมี อิทธิพลส าคัญต่อพฤติกรรมและความเป็นไปของ เศรษฐกิจระดับประเทศหรหือส่วนรวมของสังคม ภูมิศาสตร์ ( Geography ) คือ วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่และสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว มนุษย์ ตลอดจนองค์ประกอบด้านสังคมมนุษย์ โดยใช้วิธีการ เทคนิคและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ช่วย ในการศึกษา ภูมิศาสตร์ คือ วิชาที่ศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติกับสังคมที่ปรากฏ ในดินแดนต่าง ๆ ของโลก ภูมิศาสตร์ คือ วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่และสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวมนุษย์ ตลอดจน องค์ประกอบด้านสังคมมนุษย์ โดยใช้วิธีการ เทคนิคและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ช่วยในการศึกษา และโอเชียเนีย Richard Hartshorne; 1959. “ภูมิศาสตร์ที่ให้ค าบรรยายอย่างถูกต้อง มีขั้นตอน มีเหตุผล เกี่ยวกับลักษณะต่างๆ ของพื้นผิวโลก” “ Geo is connected to provide accurate orderly and national description interpretation of the variable character of the earth”


3 E. Ackerman ; 1963. “เป้าหมายของวิชาภูมิศาสตร์คือการท าความเข้าใจถึงปฏิสัมพันธ์ ที่ประกอบด้วย มนุษย์ สภาพแวดล้อมธรรมชาติบนพื้นโลก” พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ วิชาที่ศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมธรรมชาติกับ ทางสังคมที่ปรากฏอยู่ในดินแดนต่าง ๆ ของโลก การศึกษาวิชาภูมิศาสตร์แผนใหม่ต้องศึกษาอย่างมี เหตุผลโดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางภูมิศาสตร์หรือหลักเกณฑ์ทางสถิติ ข้อเท็จจริงจากวิชาในแขนงที่ เกี่ยวข้องมาพิจารณาโดยรอบ (ราชบัณฑิต, 2553, หน้า 355) ภูมิศาสตร (Geography) คือ วิชาที่ศึกษาถึงความสัมพันธระหวางสิ่งแวดลอมทางธรรมชาติ กับทางสังคมที่อยูในแดนตาง ๆ ของโลก การศึกษาวิชาภูมิศาสตรแผนใหมตองศึกษาอยางมีเหตุผล อาศัยหลักเกณฑทางภูมิศาสตร หรืออาศัยหลักสถิติขอเท็จจริงจากแขนงวิชาที่เกี่ยวของกันมา พิจารณาโดยรอบคอบ ภูมิศาสตร์(Geography) คือ ศาสตรทางดานพื้นที่และบริเวณตาง ๆ บนพื้นผิวโลก เปน วิชาที่ศึกษาปรากฏการณทางกายภาพ และมนุษยที่เกิดขึ้น ณ บริเวณที่ท าการศึกษา รวมไปถึงสิ่ง แวดลอมที่อยูบริเวณโดยรอบ ภูมิศาสตร (Geography) โดยทั่วไปหมายถึง ความสัมพันธระหวางสิ่งแวดลอมกับมนุษย โดยวิธีการพรรณนาอธิบายและวิเคราะหถึงสาเหตุของการผันแปรเปลี่ยนแปลงบนพื้นโลกวาเกี่ยวของ กับมนุษยอยางไรบาง ภูมิศาสตร ศึกษาความสัมพันธระหวางมนุษยสถานที่และสิ่งแวดลอมโดยการใชขอมูลทาง แผนที่ ในการอธิบายความสัมพันธทางดานพื้นที่ การตั้งถิ่นฐานและการอยูอาศัยของคนแตละคน และ โดยรวมเปนรากฐานในการเลือกสถานที่ เพื่อสรางสังคมมนุษยในดินแดนตาง ๆ และมีความสัมพันธ กับชีวิตของพืชและสัตวในการเกิดด ารงชีวิต และการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศวิทยา คนเปนศูนยกลาง ทางภูมิศาสตรที่มีกิจกรรมตาง ๆ บนพื้นผิวโลก การตั้งถิ่นฐาน ตามโครงสรางของผิวโลก และคนมีการ แขงขันกันที่จะควบคุมพื้นผิวโลก สิ่งแวดลอมทางกายภาพที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยกิจกรรมของมนุษยมี ผลอยางมากตอ แนวทางที่เปนลักษณะคุณคาทางสังคมมนุษยและการใชทรัพยากรธรรมชาติของโลก และกิจกรรมของมนุษยจะมีอิทธิพลตอลักษณะ และกระบวนการทางกายภาพของโลกความรูทาง ภูมิศาสตรท าใหผูคนสามารถพัฒนาความเขาใจ ในเรื่องของความสัมพันธระหวางคน สถานที่และสิ่ง แวดลอม ณ เวลาหนึ่ง ภูมิศาสตร เปนวิชาที่มีความส าคัญ เพราะเปนวิชาที่ชวยใหเห็นภาพพจน และสามารถน ามา อธิบายถึงเหตุการณตางๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตไดทุกดาน อาจกลาวไดวาวิชานี้เปนวิชาพื้นฐานในการ พัฒนาประเทศ เพราะจะชวยใหพลเมืองของประเทศนั้น ๆ เขาใจสภาพของประเทศที่ตนอาศัยอยู เปรียบเสมืนกระจกเงาที่สองใหเห็นภาพของประเทศวาควรจะพัฒนาดานในแคไหน ควรจะท าอะไร ก่อน และมีอะไรอยูบาง นักภูมิศาสตรอธิบายถึงรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงของที่ตาง ๆ บนโลก


4 แผนที่ และสัณฐานโลก โดยอธิบายวารูปแบบการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นไดอยางไร ภูมิศาสตรจะท า ใหเขาใจปญหาทางดานกายภาพ และวัฒนธรรม ของบริเวณที่ศึกษา และสิ่งแวดลอมโดยรอบที่อยูบน พื้นผิวโลก นอกจากนี้วิชาภูมิศาสตรยังมีคุณคาในการพัฒนาสติปญญา การเปนพลเมืองดีที่เฉลียว ฉลาดของชาติสงเสริมความรูใหวิชาแขนงอื่น ๆ ที่ใกลเคียง เชน ประวัติศาสตรเศรษฐศาสตรสังคม วิทยา เกษตรศาสตร เปนตน เนื่องจากวิชาภูมิศาสตรเปนวิชาที่มีขอบเขตกวางขวาง และมีเนื้อหาที่กลาวถึงทั้งในปจจุบัน และอนาคต อธิบายถึงการพัฒนาท่นีําไปสูความเปนอยูตาง ๆ ของมนุษย วิชานี้จึงชวยใหเยาวชนรูถึง คุณคาของความเขาใจรวมกันระหวางประชากรในประเทศตางๆ ซึ่ง UNESCO เรียกวา “ความเขาใจ อันดีระหวางประเทศ” 2. ความส าคัญของการรู้เรื่องภูมิศาสตร์ วิชาภูมิศาสตร์เป็นวิชาที่เก่าแก่สาขาหนึ่ง เป็น “Mother of Science” เกิดขึ้นมาพร้อมกับดารา ศาสตร์ มนุษย์อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลก พอ ๆ กับอยากรู้เรื่องของดวงดาว (ศึกษาเรื่องท้องฟ้า) เป็นวิชาที่มนุษย์อยากรู้อยากเห็น เกี่ยวกับโลกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของคน “ความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity) ท าให้มนุษย์ได้บรรยายเกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ ที่พบ แล้ว พัฒนาปรับปรุงในเรื่องของกฎเกณฑ์ กฎระเบียบมากขึ้น” โลกาภิวัตน์ท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยีวิทยาการ และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เป็นผลมาจากการอพยพของประชากร ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีการสื่อสารและการคมนาคมขนส่ง การเคลื่อนย้ายผลผลิต สินค้าและบริการ ท าให้เกิดการ พึ่งพาอาศัยกัน มีการเชื่อมต่อกันในระดับโลกมากขึ้น และมีการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น สิ่ง เหล่านี้ท าให้ผู้คนทั่วโลกที่มีความแตกต่างทางความคิด ค่านิยมความเชื่อ วัฒนธรรม การคาดหวังต่อ สังคม จึงกล่าวได้ว่ากระแสโลกาภิวัตน์ก าลังเปลี่ยนแปลงโลกและชีวิตของทุกคน การเตรียมนักเรียน ให้พร้อมกับการด ารงชีวิตในความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันจึงมีความจ าเป็น ประกอบกับการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก่อให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ส่งผลการด ารงชีวิตหลายประการ เช่น การเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก การละลายของธารน้ าแข็ง การเพิ่มขึ้นของภัยพิบัติ ปัญหา สิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประชากรเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ มีการน าทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ในปริมาณมากและรวดเร็ว ท าให้เกิดความเสื่อมโทรมของ สิ่งแวดล้อม ปัญหาดังกล่าวถึงแม้เกิดขึ้น ในบางบริเวณของโลก แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นเชื่อมโยงไป ทั้งโลก ส่งผลกระทบต่อทุกภูมิภาคเป็นวงกว้าง ท าให้ทุกประเทศต้องหันมาสนใจการพัฒนา สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนมากขึ้น


5 การจัดการศึกษาเพื่อการรู้เรื่องภูมิศาสตร์ เป็นแนวทางการจัดการศึกษาที่สามารถช่วยพัฒนา นักเรียนให้เข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกที่มีความสัมพันธ์กับที่ตั้ง เข้าใจระบบธรรมชาติและการ เปลี่ยนแปลงที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม เพื่อน าไปสู่การพัฒนาความสามารถ ในการคิดอย่างเป็นระบบและการตัดสินใจเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในฐานะพลเมืองโลก สอดคล้องกับ Edelson (2011) ที่อธิบายว่า การรู้เรื่องภูมิศาสตร์มีส่วนส าคัญในการเตรียมพลเมืองใน ศตวรรษที่ 21 เพราะการรู้เรื่องภูมิศาสตร์จะช่วยให้เกิดการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลในชีวิตประจ าวัน โดยค านึงถึงบริบทโดยรอบ ส าหรับในการท างาน การรู้เรื่องภูมิศาสตร์จะช่วยให้กิดการวางแผนและ การสร้างกลยุทธ์ที่ลดต้นทุนสิ่งแวดล้อมและสังคม ส าหรับการเป็นพลเมือง การรู้เรื่องภูมิศาสตร์จะ ช่วยให้เป็นพลเมืองที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ ยั่งยืนได้ การรู้เรื่องภูมิศาสตร์จึงเป็นเครื่องมือที่ส าคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมของชุมชน ลดความขัดแย้งและความรุนแรง พัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชน รอบโลก 3. แขนงของวิชาภูมิศาสตร 1. ภูมิศาสตรกายภาพ (Physical geography) เน นการศึกษาในเรื่องลักษณะและการ เปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่แวดลอมตัวมนุษยเชน ดินฟาอากาศ ลักษณะภูมิประเทศ หิน ดิน แรธาตุ พรรณไมพรรณสัตวประจ าถิ่น เปนตน 2. ภูมิรัฐศาสตร (Geopolitics) มีลักษณะคลายคลึงกับวิชาภูมิศาสตรการเมือง โดยมีรากฐาน ดั้งเดิมท านองเดียวกัน แตมีแนวความคิดหรือคตินิยมที่หนักไปในทางการเมืองของประเทศมากกวา ความส าคัญในทางดินแดนหรือแผนดิน 3. ภูมิศาสตรการเมือง (Political geography) เนนหนักในเรื่องเกี่ยวกับการเมืองในรัฐตาง ๆ ของโลก โดยพิจารณาถึงสภาพทางภูมิศาสตรที่เกี่ยวของหรือมีผลตอรัฐ หรือปญหาการเมืองของรัฐ นั้น ๆ 4. ภูมิศาสตรการเกษตร (Agricultural geography) เปนวิชาภูมิศาสตรที่เกี่ยวของกับการ เกษตรกรรม อาจแยกแขนงยอยออกเปนวิชาภูมิศาสตรที่เกี่ยวกับ พืช สัตวหรือการเกษตรดานอื่น ๆ 5. ภูมิศาสตรการขนสง (Transportation geography) เปนวิชาภูมิศาสตรแขนงยอยของวิชา ภูมิศาสตรเศรษฐกิจศึกษาเกี่ยวกับลักษณะทางภูมิศาสตรที่มีผลตอความสัมพันธเกี่ยวโยงกับการขน สงในถิ่นใดถิ่นหนึ่งของโลก 6. ภูมิศาสตรการตลาด (Marketing geography) เปนวิชาภูมิศาสตรแขนงยอยของวิชา ภูมิศาสตรเศรษฐกิจ เปนวิชาที่ศึกษาหนักไปในเรื่องเกี่ยวกับการตลาดในสวนตาง ๆ ของโลก โดย พิจารณาถึงสภาพทางภูมิศาสตรที่เกี่ยวของหรือมีผลมาถึงการตลาดนั้น ๆ


6 7. ภูมิศาสตรการตั้งถิ่นฐาน (Settlement geography) เนนการศึกษาถึงการตั้งถิ่นฐานของ มนุษยในถิ่นฐานตาง ๆ ของโลก โดยพิจารณาวา การตั้งถิ่นฐานนั้นเกี่ยวของหรือเปนผลเกี่ยวกับสภาพ ทางภูมิศาสตรอยางไร 8. ภูมิศาสตรการทหาร (Military geography) เนนการศึกษาถึงภาวะทางภูมิศาสตรที่เกี่ยวโยง หรือมีอิทธิพลตอการทหาร ภูมิศาสตรแขนงนี้อาจจะรวมอยูในภูมิศาสตรการเมืองก็ได 9. ภูมิศาสตรการแพทย (Medical geography) เนนการศึกษาไปในดานของการกระจายของ โรคตาง ๆ หรือในทางระบาดวิทยา พรอมกับอธิบายถึงภาวะทางภูมิศาสตรที่เกี่ยวโยงกับโรคนั้น ๆ ซึ่ง อาจมีผลตอสุขภาพของมนุษย 10. ภูมิศาสตรเชิงประวัติ หรือภูมิศาสตรประวัติ (Historical geography) เนนการศึกษาถึง ประวัติการเปลี่ยนแปลงตาง ๆ ทางภูมิศาสตรของดินแดนใดดินแดนหนึ่ง เชน การศึกษาถึงประวัติ ในทางภูมิศาสตรของเมือง ที่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแตแรกเริ่มจนถึงปจจุบัน หรือในชั่วระยะเวลาหนึ่ง วามีลักษณะทางภูมิศาสตรอยางไร เชน ที่ตั้งอาณาบริเวณ ความเปนอยูของประชากร เปนตน 11. ภูมิศาสตรพืช (Phytogeography หรือ Plant geography) เนนการศึกษาเรื่องพืชพรรณที่ มีอยูในถิ่นตาง ๆ ของโลก โดยพิจารณาตอสภาพภูมิศาสตรที่มีผลตอพืชนั้น ๆ ภูมิศาสตรพืชเปนแขนง หนึ่งของภูมิศาสตรการเกษตร์ 12. ภูมิศาสตรสัตว (Zoogeography หรือ Animal geography) ศึกษาเกี่ยวกับสัตวในระดับที่ ต่ ากวามนุษย มีการศึกษาเปน 2 แนวทาง คือ ทางภูมิภาค และทางประวัติความเปนมาของสัตวที่อยู อาศัยอยูในถิ่นตาง ๆ ของโลก ซึ่งนักภูมิศาสตรสาขานี้มักตองอาศัยความรูเกี่ยวกับสัตววิทยา ชีววิทยา และวิชาอื่น ๆ ที่เกี่ยวของ เพื่อใชเป็นรากฐานของวิชานี้ 13. ภูมิศาสตรประชากร (Population geography) เนนการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องประชากรใน ถิ่นตาง ๆ ของโลกโดยพิจารณาถึงสภาพทางภูมิศาสตรที่เกี่ยวของหรือมีผลตอความเปนอยูของ ประชากรนั้น ๆ เช่น การกระจาย การยายถิ่น ความหนาแนน เปนตน 14. ภูมิศาสตรมนุษย (Human geography) เนนการศึกษาเกี่ยวกับความเปนอยูของมนุษย เชน ในดานเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง ซึ่งอาจแยกยอยมาจากภูมิศาสตรเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร การเมือง มีลักษณะตรงกันขามกับภูมิศาสตรกายภาพ ซึ่งเนนหนักในทางสภาพแวดลอมทางธรรมชาติ มากกวาทางสังคมหรือสิ่งที่เกี่ยวของกับมนุษยแตภูมิศาสตรทั้ง 2 แขนง ก็ยังมีความเกี่ยวของสัมพันธ กัน 15. ภูมิศาสตรนันทนาการ (Recreational geography) เนนการศึกษาเกี่ยวกับการพักผอน หย่อนใจของมนุษยในถิ่นตาง ๆ ของโลก โดยพิจารณาวาการพักผอนนั้นขึ้นอยู่บอิทธิพลหรือมีผล เกี่ยวของกับสภาพภูมิศาสตรอยางไร


7 4. ขอบขายของวิชาภูมิศาสตร ภูมิศาสตรระบบ (Systematic geography) ประกอบดวยเนื้อหาสาระทางดานสภาพแวดลอม หรือกายภาพและบทบาทของมนุษยในการดัดแปลงปรับปรุงสภาพแวดลอม ซึ่งทั้ง 2 สวนนี้ตางมี ผลกระทบตอกันและกันและปรากฏออกมาใหเห็นทางดานพื้นที่ ในดานกายภาพ เนื้อหาจะประกอบ ดวยสวนยอยตาง ๆ ที่รวมกันเปนระบบสภาพแวดลอมทางธรรมชาติเชน โครงสรางทางธรณีลักษณะ อากาศ ดิน พืชพรรณ ตลอดจนสัตวตาง ๆ แตในขณะเดียวกันทั่วไปในระดับอุดมศึกษา เชน วิชาธรณี สัณฐาน ภูมิศาสตรเกี่ยวกับดิน อากาศวิทยา และอุทกภูมิศาสตรเปนตน สวนในดานบทบาทของ มนุษยซึ่งในบางครั้งก็เรียกวา ระบบสังคม หรือ ระบบวัฒนธรรม ประกอบดวยปรากฏการณที่เกี่ยวข องกับมนุษยและความเปนอยูตลอดจนปจจัยตาง ๆ ที่มนุษยสรางสรรคขึ้นมาในพื้นที่หนึ่ง และกลาย เปนองคประกอบที่มีอิทธิพลตอมนุษยเอง เนื้อหาสาระจึงประกอบดวยเรื่องราวตาง ๆ เกือบทุกอยาง ที่ไมใชสภาพแวดลอมธรรมชาติ เชน ประชากร ระบบเศรษฐกิจ การอุตสาหกรรม การปกครอง และ การคา เปนตน ปจจุบันวิชาภูมิศาสตรไดวิวัฒนาการไปอยางกวางขวาง และขยายขอบเขตในรูปของ “มิติ สัมพันธ” หรือเกี่ยวกับพื้นที่ คือ เนนความสัมพันธระหวางสิ่งแวดลอมที่ปรากฏอยูบนพื้นโลกทั้งที่อยู ในพื้นที่เดียวกันและคนละพื้นที่ แตมีความเกี่ยวของกับกิจกรรมของมนุษยโดยตรง ดังนั้น ขอบ ขายของวิชาภูมิศาสตรจึงครอบคลุมของสิ่งตาง ๆ ที่มนุษยเขามามีบทบาทหลายดาน อันมีสวนท าให วิชานี้จ าแนกไปได 4 สาขาใหญ ๆ ไดดังนี้ 1. ภูมิศาสตรกายภาพ หรือภูมิศาสตรธรรมชาติ (Physical geography) เปนวิชาที่ศึกษา เกี่ยวกับองคประกอบของสภาพแวดลอมทางกายภาพของมนุษยและความสัมพันธ เนื้อหาของวิชาจึง คาบเกี่ยวกับวิชาวิทยาศาสตรกายภาพหลายวิชาที่ส าคัญ ไดแก วิชา อุตุนิยมวิทยา อากาศวิทยา สมุทรศาสตรธรณีวิทยา ปฐพีวิทยา นิเวศวิทยาของพืช และธรณีสัณฐานวิทยา แตวิชาภูมิศาสตร กายภาพมิไดเปนเพียงการน าเอาเนื้อหาของวิชาวิทยาศาสตรกายภาพสาขาตาง ๆ มารวมกันเท่านั้น แตไดน าเอาเนื้อหาเหลานี้มาผสมผสานกันในแงที่เปนสภาพแวดลอมที่มีอิทธิพลตอการด ารงชีวิตของ มนุษยในฐานะที่เปนสาขาหนึ่งในวิชาภูมิศาสตร ภูมิศาสตรกายภาพเนนความสัมพันธทางพื้นที่นั่นคือ เนนการกระจายบนพื้นผิวโลกหรือที่เรียกวารูปแบบทางภูมิศาสตร (Geographic pattern) ของสภาพ แวดลอมซึ่งเปนผลลัพธจากปฏิกิริยาความสัมพันธขององคประกอบของธรรมชาติในบริเวณตาง ๆ บน พื้นผิวโลก การศึกษารูปแบบทางภูมิศาสตรของสภาพแวดลอมนี้จะเปนการสรางความเขาใจเกี่ยวกับ โครงสรางพื้นฐานที่เปนแกนของระบบสภาพแวดลอมของโลก โครงสรางและระบบกลไกการท างาน อันเปนพื้นฐานของธรรมชาติมักถูกลืม เมื่อมนุษยค านึงถึงแตประโยชนที่จะไดเฉพาะหนา ตัวอยางเชน การท าลายพายุเฮอริเคน (ท าใหสลายตัว) ท าใหเกิดผลกระทบไปยังบริเวณอื่น ๆ อยางกวางขวาง เนื่องจากมิไดค านึงถึงขอเท็จจริงที่วา พายุนี้แมจะเปนอันตราย แตก็เปนสวนส าคัญของอุทกวัฏจักร


8 (Hydrologic Cycle) ของภูมิภาคบางแหง เชน หมูเกาะปะการังในมหาสมุทรแปซิฟกตองอาศัยฝนที่ ไดจากพายุเฮอริเคนเพื่อรักษาดุลยภาพของสภาพแวดลอมของปะการัง หรือในการสรางเขื่อนเก็บกัก น้ าอาจจะสนองวัตถุประสงคบางประการของผูสราง แตก็มีผลกระทบอยางกวางขวางในดานตาง ๆ ในยุคที่มนุษยตองเผชิญกับสภาพแวดลอมอยางหนักเชนในปจจุบัน ความเขาใจโครงสรางของสภาพ แวดลอมอยางกวาง ๆ รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงกลไกการท างานของขบวนการตาง ๆ ในสภาพแวด ลอมจึงเปนประโยชนอยางมาก 2. ภูมิศาสตรมนุษยหรือภูมิศาสตรวัฒนธรรม (Cultural geography) คือ การศึกษาตัวแปร ทางดานมนุษยทั้งหมดที่ปรากฏอยูบนพื้นที่วามีการกระจายอยางไร สัมพันธกันเองอยางไร และมี ปฏิสัมพันธตอกันอยางไร จนกระทั่งเกิดการจัดรูปแบบในพื้นที่ขึ้นมาและน าไปสูการอธิบายวาง กฎเกณฑและเสนอเนื้อหาในลักษณะทฤษฎี ภูมิศาสตร มนุษยจึงครอบคลุมเนื้อหาตางๆ เชน ภูมิศาสตรพฤติกรรม เศรษฐกิจ การเมือง การตั้งถิ่นฐาน และยังอาจรวมเอาภูมิศาสตรภูมิภาคเขาไว ด้วย 3. ภูมิศาสตรภูมิภาค (Regional geography) คือ การเขาถึงระบบเทศสัมพันธ (Spatial interaction) โดยการแบงพื้นที่ออกเปนสวน ๆ ในการอธิบายผิวโลก นักภูมิศาสตรใชวิธีการแบง พื้นที่ออกเปนขนาดตาง ๆ กันตามเกณฑและวัตถุประสงค เกณฑในการก าหนดพื้นที่นั้นมีหลายอยาง โดยทั่วไปตองรวมเอาปจจัยทางดานกายภาพและวัฒนธรรมเขาไวดวยกัน นักภูมิศาสตรนิยมแบง ภูมิภาคออกตามระบบอากาศ เชน ภูมิภาคเขตรอนชื้น ภูมิภาคเขตอบอุน และภูมิภาคเขตทะเลทราย เปนตน หรือแบงภูมิภาคตามกลุมวัฒนธรรม เชน กลุมละติน-อเมริกัน หรือกลุมอาหรับ เปนตน แตที่ นิยมกันมากคือการแบงพื้นที่ศึกษาตามรูปแบบการปกครอง คือ ยึดเอาเนื้อที่ของประเทศตาง ๆ เปนเกณฑเพราะสะดวกในเรื่องขอมูลภายในพื้นที่นั้น ในปจจุบันไดมีการแบงภูมิภาคออกตามบทบาท หนาที่เดนของพื้นที่นั้น เชน ภูมิภาคของเมืองหรือเขตที่เมืองมีอิทธิพลตอบริเวณรอบนอกตลอดจน เขตบริการตาง ๆ อันจัดเปนภูมิภาคขนาดเล็กแตก็มีประสิทธิภาพในการจัดพื้นที่ 4. ภูมิศาสตรดานเทคนิคและปฏิบัติการ (Geographic technique) เนื่องจากวิชาภูมิศาสตร เกี่ยวกับการส ารวจและการบันทึกขอมูลลงในแผนที่มาชานาน หลักการท าแผนที่ตลอดจนศิลปะใน การจัดรูปแบบขอมูลตาง ๆ ลงในแผนที่ไดกลายเปนองคประกอบสวนหนึ่งของภูมิศาสตรเทคนิคทาง วิชาภูมิศาสตรจึงเปนการค านวณสรางโครงขายแผนที่ในลักษณะตาง ๆ ออกมาใชตามวัตถุประสงค ในขณะเดียวกันก็รักษาคุณสมบัติของผิวโลกที่จ าลองไปไวในแผนที่ใหใกลเคียงความจริงที่สุดดวย นอกจากประดิษฐแผนที่ดวยโปรเจคชันแบบตาง ๆ แลว ยังมีการประดิษฐสัญลักษณในรูปแบบตาง ๆ ใชดวย เชน กราฟ กราฟแทงหรือไดอะแกรม เปนตน ในสมัยปจจุบันไดมีการผนวกเอาเทคนิคทาง ดานปริมาณวิเคราะหเขามาไวดวย การรูจักใชวิชาสถิติในลักษณะตาง ๆ ประกอบกันกับคอมพิวเตอร ไดชวยปรับปรุงวิธีการทางภูมิศาสตรใหเปนที่เชื่อถือไดยิ่งขึ้น เทคนิคประการสุดทาย คือ การน าความ


9 รูทางดานภาพถาย ภาพถายทางอากาศ และโทรสัมผัสระยะไกล (Remote sensing) มาชวยการ วิเคราะห และตีความหมายพื้นที่ท าไดสะดวกและรวดเร็วขึ้นซึ่งเปนที่ยอมรับกันทั่วไป 5. การแบงสาขาของวิชาภูมิศาสตร ตารางที่ 1.1 การแบ่งสาขาของวิชาภูมิศาสตร์ 6. วิธีการศึกษาทางภูมิศาสตร 1. ศึกษาถึงสาเหตุของกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดลอมทางธรรมชาติทุกชนิดวาเปน อย่างไรพรอมหาสาเหตุมาอธิบาย 2. ศึกษาลักษณะสิ่งแวดลอมทางธรรมชาติที่มีสวนสัมพันธเกี่ยวของกับการด ารงชีวิตของมนุษย พืชและสัตว 3. ศึกษาความแตกตางของลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ดิน หิน แรธาตุ พรรณพืช พรรณสัตว ประจ าถิ่นในภูมิภาคตาง ๆ ของโลกที่มีลักษณะธรรมชาติไมเหมือนกัน 4. ศึกษาโดยใชเทคโนโลยีสมัยใหมมาประกอบการพิจารณาเพื่อความถูกตองรวดเร็ว เชน ภาพ ถายทางอากาศภาพถายจากดาวเทียม ระบบหาพิกัดบนพื้นโลกหรืออาศัยระบบภูมิสารสนเทศ 5. ศึกษาพิจารณาทุกขั้นตอนอยางมีเหตุผล รูจักสังเกต จดจ าสถานที่ส าคัญ รวมทั้งมีความรู ดานทฤษฎีและภาคปฏิบัติตลอดจนการส ารวจขอมูลภาคสนามประกอบการศึกษาดังกลาวขางตน 7. ภูมิศาสตร์สอนอะไร การเรียนภูมิศาสตร์ไม่ใช่เป็นเพียงการศึกษาเพื่อว่า สิ่งนั้นอยู่ตรงไหน หรือแค่ว่าประเทศนั้นอยู่ที่ ใดในแผนที่หรือแค่ว่าทราบว่าแม่น้ าโขงไหลผ่านประเทศใดบ้าง การมีความรู้ในที่ตั้งของสิ่งต่าง ๆ เป็น เพียงขั้นแรกของการท าความเข้าใจภูมิศาสตร์ เพราะสิ่งที่ต้องท าความเข้าใจต่อจากนั้นคือการเข้าใจ ว่าสิ่งเหล่านั้นอยู่ตรงนั้นเพราะอะไร อธิบายให้ได้ว่าเพราะเหตุใดสิ่งต่าง ๆ นั้นจึงตั้งอยู่ที่นั่น


10 Pennsylvania Department of Education (2002) ได้อธิบายมาตรฐานทางวิชาการของภูมิศาสตร์ (Academic Standard for Geography) ไว้ว่า ในการศึกษาภูมิศาสตร์ เป็นการศึกษาเพื่อตอบค าถาม ที่ส าคัญ 3 ค าถาม คือ สิ่งนั้นอยู่ที่ไหน ท าไมถึงอยู่ที่นั่น และมีผลกระทบต่อบริเวณดังกล่าวอย่างไร สมาคมภูมิศาสตร์สหรัฐอเมริกาจึงได้ก าหนดประเด็นส าคัญของภูมิศาสตร์เพื่อเป็นกรอบเนื้อหาในการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ประเด็น ดังต่อไปนี้ ที่ตั้ง (Location) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับต าแหน่งของสิ่งต่างๆ หรือปรากฏการณ์บนผิวโลก ซึ่งต้อง อาศัยการอธิบายด้วยที่ตั้งสัมบูรณ์ และที่ตั้งสัมพัทธ์ ประกอบการระบุต าแหน่ง และการกระจายของ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ศึกษาที่ตั้งสัมบูรณ์(absolute location) เป็นการบอกต าแหน่งด้วยพิกัด ภูมิศาสตร์ เช่น ทวีปอเมริกาเหนือตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 7องศาเหนือ ถึง 83 องศาเหนือ ลองจิจูด 55 องศาตะวันตก ถึง 172 องศาตะวันตก ที่ตั้งสัมพัทธ์ (relative location) เป็นการบอกความ ความสัมพันธ์ระหว่างสถานที่นั้นกับสถานที่อื่นที่เกี่ยวข้องกัน ตัวอย่างเช่น ทวีปอเมริกาเหนือมีอาณา เขตติดต่อ ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับมหาสมุทรอาร์กติก ทิศตะวันออก ติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก อ่าวเม็กซิโก และทะเล แคริบเบียน ทิศใต้ เชื่อมต่อกับทวีปอเมริกาใต้ ทิศตะวันตก ติดต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิก สถานที่ (Place) เป็นการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นบนพื้นที่หนึ่ง ที่มีลักษณะแตกต่างไปจากสิ่งที่เป็นแบบ เดียวกันในอีกสถานที่อื่น เป็นการศึกษาเพื่อพิจารณาลักษณะสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและมนุษย์ ว่ามี ลักษณะเฉพาะอย่างไร แตกต่างจากสถานที่อื่น ๆ บนโลกนี้อย่างไร โดยการอธิบายจะเป็นไปสอง ลักษณะ คือ ลักษณะทางกายภาพของสถานที่ (physical characteristic of place) เป็นการศึกษา สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทางธรณีภาค อุทกภาค บรรยากาศภาคและ ชีวภาค รวมไปถึงการศึกษาลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ดิน น้ า พืชพรรณธรรมชาติและสัตว์ ส่วน ลักษณะทางมนุษย์ของสถานที่ (human characteristic of place) เป็นการศึกษา สภาพแวดล้อมที่ เกิดจากความคิดและการกระท าของมนุษย์ รวมไปถึงการใช้ที่ดิน การกระจายและความหนาแน่นของ ประชากร แบบรูปของภาษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง ระบบขนส่งและคมนาคม การศึกษาเกี่ยวกับสถานที่ ต้องอาศัยข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้ง ช่วยในการตอบค าถามว่า “สถานที่นี้อยู่ที่ ไหนและท าไมถึงอยู่ที่นั้น” โดยสามารถสังเกตพื้นที่โดยรอบสถานที่ และอธิบายลักษณะทางกายภาพ


11 และกิจกรรมของมนุษย์ด้วยการสังเกตด้วยตาหรือจากการอ่านแผนที่และการใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม (Human/ Environment Interaction) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม เป็นการอธิบายความสัมพันธ์ในสาม ลักษณะดังนี้ 1. มนุษย์ปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม (human adapt to the environment) มนุษย์ ปรับตัว หรือปรับเปลี่ยนวิถีการด าเนินชีวิตให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม เช่น ในเขตทะเลทรายนิยม สร้างบ้านดินเพราะไม่มีไม้ในปริมาณที่มากพอในการสร้าง และผนังที่หนาของบ้านดินจะช่วยดูดซับ ความร้อนในเวลากลางวันท าให้ห้องเย็น นอกจากนี้ผนังที่หนายังท าให้ความร้อนผ่านไปได้ช้า เมื่อถึง เวลากลางคืนที่มีอากาศเย็นอุณหภูมิในบ้านดินก็จะอบอุ่นสบาย ประชากรในเขตหนาวแต่งตัวเสื้อผ้าที่ หนาเพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกาย 2. มนุษย์ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม (human modify the environment) มนุษย์เข้า ไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ตนอยู่รอด เช่น การสร้างโพลเดอร์ ( polder) ของ เนเธอร์แลนด์เพื่อระบายน้ าออกจากตอนในประเทศ เพราะพื้นที่ของประเทศตั้งอยู่ต่ ากว่าระดับทะเล ปานกลาง การวางระบบชลประทานในเขตทะเลทรายของประเทศอิสราเอลเพื่อเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก 3. มนุษย์พึ่งพิงสิ่งแวดล้อม (human depend on the environment) มนุษย์มี ความจ าเป็นต้องอาศัยสิ่งแวดล้อมเพื่อให้สามารถด ารงชีวิตอยู่รอดได้ สิ่งแวดล้อมเกื้อหนุนค้ าจุนชีวิต ของมนุษย์ เช่น มนุษย์ใช้แม่น้ าเพื่อการเพาะปลูกและการคมนาคม นักเรียนต้องเข้าใจลักษณะ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพและมนุษย์เพื่อเป็นข้อมูลในการท าความเข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ สิ่งแวดล้อม โดยมีลักษณะความสัมพันธ์ใน 2 แบบ ความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต มีส่วนในการก าหนดปัจจัยพื้นฐานในการด ารงชีวิต ของมนุษย์ และท าให้วิถีการด าาเนินชีวิตของนุษย์ปรับตัวไปตามสิ่งแวดล้อมที่มีความแตกต่างกัน การ อยู่รอดของทุกชีวิตบนโลกนี้ล้วนต้องอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก ในระบบธรรมชาติมีดวงอาทิตย์เป็น แหล่งพลังงานที่ส าคัญ และมีน้ า อากาศ แร่ ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นต้นทุนโลกที่คอย สนับสนุนชีวิต มนุษย์ต้องอาศัยธรรมชาติในการด ารงชีวิตในการได้มาซึ่งปัจจัยสี่ ขณะเดียวกันเราใช้ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติในการสร้างสรรค์วัฒนธรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ ปรับตัว เพื่อให้อยู่รอดใน สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นลักษณะวัฒนธรรมในแต่ละแห่งจะมีลักษณะเฉพาะแตกต่าง กันไป เช่น o ในเขตทะเลทรายนิยมสร้างบ้านดินเพราะหาวัสดุง่าย ดินท าให้ห้องเย็น สบายในตอนกลางวันเพราะความร้อนผ่านผนังช้า พอกลางคืนบ้านจะอุ่นสบาย o ชาวเอสกิโมนุ่งห่มขนสัตว์และหนังสัตว์เพื่อให้ความอบอุ่นในเขตหนาว


12 o ชาวอาหรับใส่เสื้อที่ท าจากฝ้ายเพื่อระบายความร้อนในเขตแห้งแล้ง o ชาวลาวใช้หลี่จับปลาในเขตแม่น้ าโขงที่มีความไหลเชี่ยว โดยใช้ไม้ในท้องถิ่น และหินวางเรียงเป็นก าแพงกั้นน้ า o ชาวมองโกเลียสร้างกระโจมหรือเกอ เป็นที่อยู่อาศัยเพื่อกันลมและทราย สะดวกต่อการย้ายที่อยู่ใหม่ o ชาวไทยภาคเหนือมีประเพณีบวชต้นไม้และบวชป่าเพื่ออนุรักษ์พื้นที่ป่าใน ชุมชน o ชาวเบดูอินเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนในเขตทะเลทรายเพราะความจ ากัดของแหล่งน้ า และอาหาร o ชาวเนเธอร์แลนด์สร้างกังหันน้ าเพื่อการเกษตร จากการรับลมตะวันตก ตลอดปี o ชาวตะวันออกเฉียงเหนือของไทยสร้าง หลุกหรือระหัดวิดน้ าโดยอาศัยการ ไหลของน้ าและไม้ที่หาได้ในท้องถิ่น o ชาวแลปป์เลี้ยงกวางเรนเดียร์เพื่อใช้ลากเลื่อน ขนส่งในเขตหนาว ความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม การกระท าของมนุษย์มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล้อมก่อให้เกิดภูมิทัศน์วัฒนธรรม (Cultural landscape) ใหม่ในสิ่งแวดล้อม ในขณะเดี่ยวกัน ท าให้สิ่งแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วยทั้งในเชิงสร้างสรรค์และท าลายสิ่งแวดล้อม เช่น การ สร้างสวนไม้แนวดิ่งในเขตเมืองเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดมลพิษทางอากาศ การเปลี่ยนแปลงของ พื้นที่ชายฝั่งและระบบนิเวศจากการขยายตัวของการท่องเที่ยวและการสร้างท่าเรือชายฝั่ง การ เปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนที่ (Movement) เป็นการศึกษาว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงใน ลักษณะใด เกิดจากปัจจัยใดที่ท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเลื่อน ไหลทางความคิด ประชากร ทรัพยากร สินค้า แรงงานที่มีต่อกันระหว่างพื้นที่ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันวิถี ชีวิตของมนุษย์ที่กระจายในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก สามารถเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ได้จากการ เดินทาง การติดต่อสื่อสาร การติดต่อค้าขายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงการ เปลี่ยนแปลงที่เกิดจากระบบกายภาพ เช่น ระบบลมโลก ระบบกระแสน้ าในมหาสมุทรด้วย โดยการ เคลื่อนที่จะมีปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะทาง ความสามารถในการเข้าถึง และการเชื่อมต่อกัน ภูมิภาค (Regions) เป็นการศึกษาภูมิภาคว่าลักษณะเฉพาะของภูมิภาคนั้นคืออะไร ได้รับอิทธิพลปัจจัย ใดบ้างที่ก่อให้เกิดลักษณะเฉพาะของภูมิภาคนี้ขึ้นมา มีลักษณะเหมือนกันหรือแตกต่างกันกับภูมิภาค อื่นอย่างไร เพราะเหตุใดจึงเหมือนกันหรือแตกต่างกัน การสอนภูมิศาสตร์ ต้องเน้นการพัฒนาการคิด วิเคราะห์หาความสัมพันธ์ ความเชื่อมโยง เปรียบเทียบและให้เหตุผลทางภูมิศาสตร์ โดยเปิดโอกาสให้


13 นักเรียนสืบค้น รวบรวม ตีความสารสนเทศทางภูมิศาสตร์จากแหล่งสารสนเทศทางภูมิศาสตร์และใช้ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม ส าหรับในการสอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การเรียนเกี่ยวกับ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์จะเน้นไปที่การอ่านและแปลความหมายเท่านั้น เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกอ่านท า ความเข้าใจระบบธรรมชาติและมนุษย์ และการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ส่วนการศึกษาถึงวิธีการได้มาซึ่ง ข้อมูลจะเรียนในระดับอุดมศึกษา วัตถุประสงค์สุดท้ายของการสอนเพื่อให้นักเรียนสามารถตัดสินใจใน การมีส่วนรวมจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบธรรมชาติ แบบฝึกหัดท้ายบท 1. จงอธิบายความหมายของภูมิศาสตร์ ตามความเข้าใจ 2. จงอธิบายปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม 3. จงอธิบายขอบข่ายของวิชาภูมิศาสตร์เกี่ยวข้องกับภูมิศาสตร์มนุษย์อย่างไร 4. ท าไมเราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ แหล่งที่มาของข้อมูล กนก จันทรา. การจัดการเรียนรู้เพื่อการรู้เรื่องภูมิศาสตร์ในวิชาสังคมศึกษา (Learning management for Geo-literacy in social studies). ส านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. สืบค้นได้จาก http://academic.obec.go.th/images/mission/1524627007_d_1.pdf คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ภูมิศาสตร์ (GEOGRAPHY). สืบค้นได้จาก http://hm.npru.ac.th/subjects/aj32/42101-1.pdf เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา ภูมิศาสตร์ เรื่องความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับภูมิสาสตร์. สืบค้นได้จาก https://social.mwit.ac.th/files/55_1_doc_30106_1.pdf Geography. สืบค้นได้จาก https://sites.google.com/site/site58004/khwam-hmay


Click to View FlipBook Version