The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 2 หลักและแนวคิดภูมิศาสตร์มนุษย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nutchanat.b, 2023-08-16 05:30:12

บทที่ 2 หลักและแนวคิดภูมิศาสตร์มนุษย์

บทที่ 2 หลักและแนวคิดภูมิศาสตร์มนุษย์

เอกสารประกอบการสอน 1206 202 ภูมิศาสตร์มนุษย์ อาจารย์ ดร.นุชนาฏ บัวศรี บทที่ 2 หลักและแนวคิดภูมิศาสตร์มนุษย์ กรอบแนวคิด ภูมิศาสตร์มนุษย์ เป็นหนึ่งในสองสาขาหลักของภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์มนุษย์คือการศึกษา ความเข้าใจและการใช้งานผืนโลกของมนุษย์ และกระบวนการที่มีผลกระทบต่อสิ่งนั้น มันเกี่ยวโยงกับ ทั้งสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ภูมิศาสตร์มนุษย์นั้นโดยทั่วไปแตกต่างอยากมากจากภูมิศาสตร์ กายภาพ โดยมันเน้นมากกว่าในการศึกษาแบบแผนที่จับต้องไม่ได้หรือเป็นนามธรรมรอบ ๆ กิจกรรม ของมนุษย์ และเปิดรับวิธีวิจัยเชิงคุณภาพมากกว่า ภูมิศาสตร์มนุษย์รวมเอาแง่มุมทางมนุษย์ การเมือง วัฒนธรรม สังคม และเศรษฐกิจของสังคมศาสตร์เอาไว้ ในขณะที่จุดเน้นหลักของภูมิศาสตร์มนุษย์จะ ไม่ใช่ภูมิทัศน์เชิงกายภาพของโลก แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคุยเรื่องภูมิศาสตร์มนุษย์ โดยไม่พูดถึง ภูมิทัศน์ทางกายภาพที่กิจกรรมของมนุษย์ด าเนินอยู่ในนั้น และโดยไม่พูดถึงภูมิศาสตร์สิ่งแวดล้อมซึ่ง เป็นตัวเชื่อมส าคัญระหว่างมนุษย์และโลก ภูมิศาสตร์มนุษย์นั้นมีความหลากหลายทั้งในวิธีวิทยาและ ทฤษฎี ซึ่งรวมถึงวิธีในแบบสตรีนิยม มาร์กซิสม์ หลังโครงสร้างนิยม ฯลฯ และใช้ทั้งระเบียบวิธีเชิง คุณภาพ (เช่น ชาติพันธุ์วรรณาและการสัมภาษณ์) และเชิงปริมาณ (เช่น การส ารวจทางสถิติ, การ วิเคราะห์ทางสถิติ, และการสร้างตัวแบบ) วัตถุประสงค์ 1. นิสิตมีความรู้เกี่ยวกับความหมายและความส าคัญของมนุษย์ 2. นิสิตได้ศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการและชาติพันธ์ของมนุษย์ หัวข้อบรรยาย 1. ความหมายและลักษณะส าคัญของมนุษย์................................................................................15 2. วิวัฒนาการของมนุษย์.............................................................................................................16 3. ชาติพันธุ์ของมนุษย์.................................................................................................................17


15 1. ความหมายและลักษณะส าคัญของมนุษย์ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของค าว่า “มนุษย์” ไว้ดังนี้ มนุษย์ หมายถึง สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล สัตว์ที่มีจิตใจสูง คน ในสาขาวิชาต่างๆ ได้กล่าวถึงมนุษย์ไว้หลายประการ ดังเช่น ในสาขามนุษยศาสตร์กล่าวถึงมนุษย์ ว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐหรือสัตว์ที่มีจิตใจสูง ในสาขาสังคมศาสตร์กล่าวถึงมนุษย์ว่า มนุษย์เป็น สัตว์สังคม และในสาขาวิทยาศาสตร์ ก็จัดว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งในอาณาจักรสัตว์ จากความหมายของมนุษย์ตามที่ปรากฏในพจนานุกรม รวมทั้งการกล่าวถึงมนุษย์ในลักษณะ ต่างๆ ตามแนวคิดของแต่ละสาขา จะพบว่ามนุษย์กับสัตว์นั้นมีลักษณะบางประการร่วมกันอยู่ และมี ลักษณะบางประการแตกต่างกันออกไป ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) นักปราชญ์ชาวอังกฤษผู้สร้างทฤษฎีวิวัฒนาการ ได้ชี้ให้เห็น ลักษณะซึ่งมนุษย์และสัตว์มีอยู่ร่วมกันเมื่อประมาณปี พ.ศ.2402 และเป็นที่ยอมรับกันตั้งแต่นั้นมา ลักษณะซึ่งมนุษย์และสัตว์มีอยู่ร่วมกันนั้น คือลักษณะสากลของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เช่น มีความต้องการ อาหาร น้ า อากาศ เพื่อการด ารงชีวิต มีความสามารถในการสืบพันธุ์ ต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งแวดล้อมทั้ง ทางกายภาพและชีวภาพ เป็นต้น การที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีลักษณะที่เหมือน ๆ กันอยู่ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตทั้งหลายวิวัฒนาการมาจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน และเนื่องจากกระบวนการ วิวัฒนาการ สิ่งมีชีวิตจึงได้มีการพัฒนาการมาโดยล าดับ เพื่อให้สามารถด ารงชีวิตและขยายพันธุ์สืบ ต่อ ๆ กันไป และมีผลท าให้สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เกิดลักษณะพิเศษที่เป็น เอกลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด มนุษย์มีลักษณะพิเศษหลายประการที่บรรดาสัตว์และสิ่งมีชีวิต ต่าง ๆ ไม่มี จนท าให้บางคนไม่ยอมรับว่ามนุษย์คือสัตว์ชนิดหนึ่ง ลักษณะพิเศษของมนุษย์ เช่น สามารถกินอาหารได้มากมายหลายประเภท กินได้ทั้งพืชและสัตว์ มีลักษณะล าตัวตั้งตรงกับพื้นโลก เคลื่อนที่ด้วยขาสองขา มีความเฉลียวฉลาด สามารถดัดแปลงสิ่งแวดล้อมมาใช้ประโยชน์ได้ ลักษณะของมนุษย์มีความได้เปรียบกว่าสัตว์ประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะสมองของมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่ กว่าสัตว์ประเภทอื่น ๆ เมื่อเทียบกับขนาดของร่างกาย นักวิทยาศาสตร์ได้ท าการเปรียบเทียบน้ าหนัก ของร่างกายกับขนาดของสมองของสัตว์หลายชนิด ผลปรากฏว่าร่างกายของมนุษย์จะมีน้ าหนัก มากกว่าน้ าหนักของสมองมนุษย์เองประมาณ 50 เท่าตัว ร่างกายของสุนัขจะมีน้ าหนักมากกว่าสมอง ของมันประมาณ 110 เท่าตัว ส่วนช้างจะมีน้ าหนักของร่างกายมากกว่าสมองประมาณ 1,000 เท่า ด้วยสมองที่มีขนาดใหญ่และทรงคุณภาพยิ่ง ท าให้มนุษย์มีสติปัญญาในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่ง ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการด ารงชีวิต มีความสามารถในการเรียนรู้ได้อย่างมากมาย รู้จักสร้างภาพ หรือสัญลักษณ์ รู้จักสร้างเครื่องมือในการสื่อความหมาย รู้จักใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา มนุษย์ สามารถสะสมและถ่ายทอดวัฒนธรรมจากรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นต่อ ๆ ไปได้


16 2. วิวัฒนาการของมนุษย์ วิวัฒนาการ (evolution) ในทางชีววิทยา หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตทีละเล็ก ละน้อย จากสิ่งที่มีโครงสร้างหรือองค์ประกอบอย่างง่าย ๆ ไปเป็นสิ่งที่มีโครงสร้างหรือองค์ประกอบที่ สลับซับซ้อน อย่างค่อยเป็นค่อยไป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท าให้สิ่งมีชีวิตนั้นแตกต่างไปจากเดิม นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกอาจวิวัฒนาการมาจากเซลล์เพียงเซลล์เดียว หลังจาก สิ่งมีชีวิตแรกเริ่มเกิดขึ้นในโลก สิ่งแวดล้อมได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมตลอดเวลา สิ่งมีชีวิตที่ เกิดขึ้นใหม่ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เกิดการคัดเลือกตามธรรมชาติ (natural selection) จนได้ สิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้างต่าง ๆ กัน จากสิ่งมีชีวิตง่าย ๆ วิวัฒนาการไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่สลับซับซ้อน กลายเป็นพืช สัตว์ และมนุษย์ สิ่งมีชีวิตบางชนิดที่ไม่แข็งแรงและมีลักษณะบางอย่างเฉพาะเกินไปจน ไม่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ก็จะค่อย ๆ ตายและสูญพันธุ์ไป คงเหลือแต่ พวกที่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ และวิวัฒนาการต่อมาเป็นสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน จึงกล่าวได้ว่า วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายรวมทั้งมนุษย์เป็นกระบวนการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตเข้ากับ สภาพแวดล้อม จากการศึกษาซากดึกด าบรรพ์ (fossil) ของสิ่งมีชีวิตแรกที่สุดจนถึงยุคปัจจุบัน ท าให้ นักวิทยาศาสตร์สรุปได้ว่ามนุษย์ได้วิวัฒนาการมาจากไพรเมต (Primate คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ านม ชั้นสูงมีรูปร่างคล้ายลิง) เมื่อประมาณ 60 ล้านปีมาแล้ว ไพรเมตเป็นสัตว์ที่มี 5 นิ้ว ส่วนใหญ่ด ารงชีวิต และหากินอยู่บนต้นไม้ โดยอาศัยนิ้วมือนิ้วเท้าที่ค่อนข้างยาวเกาะกิ่งไม้ ต่อมาจึงวิวัฒนาการมาเป็น ไดรโอพิทธีคัส (Dryopithecus คือ บรรพบุรุษร่วมกันระหว่างมนุษย์กับลิง) เมื่อประมาณ 12 - 28 ล้านปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นวิวัฒนาการต่อมาเป็นรามาพิทธีคัส (Ramapithecus) เมื่อประมาณ 12 - 14 ล้านปีก่อนปัจจุบัน จากรามาพิทธีคัสจึงได้วิวัฒนาการต่อมาเป็นออสตราโลพิทธีคัส (Australopithecus) และโฮโม ฮาบิลิส (Homo Habilis หมายถึง มนุษย์ผู้ถนัดใช้มือ) เมื่อประมาณ 4 - 5 ล้านปีมาแล้ว จากหลักฐานพบว่าออสตราโลพิทธีคัสและโฮโม ฮาบิลิส ก าเนิดขึ้นในช่วง ระยะเวลาเดียวกัน แต่โฮโม ฮาบิลิสได้สูญพันธุ์ไปก่อน นักวิทยาศาสตร์จึงมีความเห็นว่า ออสตราโลพิทธีคัส คือบรรพบุรุษของโฮมินิด (Hominid คือ สัตว์ในตระกูลมนุษย์) ในช่วงเวลาต่อมา นั่นก็คือเป็นบรรพบุรุษของโฮโม อีเรคตัส (Homo Erectus หมายถึงมนุษย์ตัวตรง) ซึ่งมีชีวิตอยู่บนโลก เมื่อประมาณ 1,500,000 - 300,000 ปี มาแล้ว จากโฮโม อีเรคตัสได้วิวัฒนาการต่อมาเป็น โฮโม ซาเพียน (Homo sapien) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษโดยตรงของมนุษย์ปัจจุบัน จุดเริ่มต้นของโฮโม ซาเพียน ซึ่งวิวัฒนาการมาจาก โฮโม อีเรคตัส เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ เมื่อ ประมาณ 300,000 ปีมาแล้ว โครงกระดูกของ โฮโม ซาเพียน ในยุคแรกๆ พบทั้งในบริเวณทวีปยุโรป และทวีปแอฟริกา แต่ในระยะหลัง ๆ ค้นพบในบริเวณต่าง ๆ ทั่วโลก (ยกเว้นทวีปอเมริกา)


17 โฮโม ซาเพียน ยุคเก่ามีลักษณะแตกต่างจาก โฮโม ซาเพียน ยุคใหม่ โฮโม ซาเพียน ยุคเก่าจะมี ลักษณะเชื่อมต่อระหว่างโฮโม อีเรคตัส กับ โฮโม ซาเพียน ส่วนโฮโม ซาเพียน ยุคใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นมา เมื่อประมาณ 50,000 ปีมาแล้ว มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ปัจจุบัน โฮโม ซาเพียนยุคใหม่ที่มีรูปร่างเหมือน มนุษย์ยุคปัจจุบัน ได้แก่ มนุษย์โคร-มายอง (Cro-magnon man) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้พบโครง กระดูกของมนุษย์พวกนี้หลายโครงกระดูกด้วยกันในบริเวณถ้ าที่โคร-มายอง ประเทศฝรั่งเศส โดยทั่วไปนักวิทยาศาสตร์ส่วนมากมีความโน้มเอียงเชื่อว่ามนุษย์โคร-มายอง เป็นบรรพบุรุษที่แท้จริง ของมนุษย์แบบปัจจุบัน จากหลักฐานต่าง ๆ พบว่าที่อยู่อาศัยของมนุษย์โคร-มายองส่วนใหญ่ คือบริเวณถ้ าและกระท่อม หรือที่พักที่ท าด้วยหิน มนุษย์โคร-มายอง รู้จักการล่าสัตว์ เช่น กวาง ม้าป่า รู้จักสร้างเครื่องมือ และอาวุธที่ท าด้วยหิน กระดูก และเขากวาง รู้จักการสร้างงานด้านศิลปะ มีการแกะสลักภาพบน แผ่นหินและกระดูกสัตว์ งานศิลปะของมนุษย์โคร-มายอง มีคุณภาพสูงมากจนเป็นที่น่าประหลาดใจ ผลงานทางด้านศิลปะของมนุษย์โคร-มายอง ได้รับการยกย่องว่าเป็นศิลปกรรมชิ้นแรกของมนุษย์ จากหลักฐานต่าง ๆ ที่พบ นักวิทยาศาสตร์สรุปว่ามนุษย์โคร-มายอง มีความก้าวหน้ากว่ามนุษย์ สมัยก่อนประวัติศาสตร์พวกอื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์มิใช่เรื่องที่จะศึกษาให้ได้ความจริงที่ง่าย ๆ เพราะเป็นเรื่อง ของอดีตอันยาวนานมาก แม้จะศึกษาจากซากดึกด าบรรพ์หรือซากกลายเป็นหินของมนุษย์ ก็ยากที่จะ ค้นพบ และสิ่งที่ค้นพบก็มิใช่จะอยู่ในสภาพที่จะวิเคราะห์เพื่อหาความเป็นมาที่ถูกต้องได้ง่าย ๆ อย่างไรก็ตามนักวิชาการต่าง ๆ ก็ให้ความสนใจในการศึกษาเรื่องนี้มาโดยตลอด ได้มีการขุดค้นซาก ดึกด าบรรพ์ของมนุษย์ในท้องที่ต่าง ๆ มีการน ามาศึกษาเรียงล าดับวิวัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งคาดว่า ในอนาคตจะได้พบหลักฐานที่สมบูรณ์ขึ้นและได้เรื่องราวที่น่าเชื่อถือได้มากขึ้น 3. ชาติพันธุ์ของมนุษย์ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนต้นว่า โฮโม ซาเพียน คือบรรพบุรุษของมนุษย์แบบปัจจุบัน ดังนั้น มนุษย์ในปัจจุบันไม่ว่าจะพูดภาษาใด มีรูปร่างหน้าตารวมทั้งลักษณะในทางร่างกายผิดแผกแตกต่าง กันมากน้อยเพียงใดก็ตาม ต่างก็สืบเชื้อสายมาจากตระกูลเดียวกัน คือ ตระกูลโฮโม ซาเพียน หรือ ตระกูลมนุษย์ฉลาด เมื่อมนุษย์สืบเชื้อสายมาจากตระกูลเดียวกันหรือบรรพบุรุษเดียวกันแล้ว เพราะ เหตุใดมนุษย์จึงมีลักษณะแตกต่างกันออกไปเป็นพวกใหญ่อย่างเห็นได้ชัด มีสาเหตุประการใดบ้างที่ ท าให้ลักษณะของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงนี้มีมาแต่ครั้งใดและมีความเป็นมาอย่างไร ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันไม่สามารถคิดค้นหาค าตอบได้อย่างสมบูรณ์ หลักฐาน ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับมนุษย์ในเรื่องนี้มีอยู่น้อยและมีอยู่อย่างกระจัดกระจาย เกินกว่าที่นักวิทยาศาสตร์ จะสามารถรวบรวมน ามาวิเคราะห์และช่วยท าให้ปัญหาเหล่านี้กระจ่างแจ้งขึ้น อย่างไรก็ตามสาเหตุ ส าคัญที่ก่อให้เกิดวิวัฒนาการทางชาติพันธุ์ของมนุษย์ประการหนึ่ง น่าจะมาจากสิ่งแวดล้อมทาง


18 กายภาพที่แตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณ เช่น ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะภูมิประเทศ ความอุดม สมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น เหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลต่อลักษณะทางกายภาพของมนุษย์ รวมทั้งมีอิทธิพลต่อสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ด้วย โดยทั่วไปนักวิทยาศาสตร์สรุปว่ามนุษย์กลุ่ม ต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างในชาติพันธุ์นั้นได้เริ่มมีขึ้นเมื่อกว่า 10,000 ปีมาแล้ว การจ าแนกชาติพันธุ์ของมนุษย์ในที่นี้ จะพิจารณาในแง่ความแตกต่างทางกายภาพ โดยเฉพาะ ทางร่างกายตามหลักชีววิทยาเท่านั้น และจะหมายถึงชาติพันธุ์ใหญ่ของมนุษย์ที่วิวัฒนาการขึ้นมา หลังจากการเป็นโฮโม ซาเพียน แล้ว ลักษณะทางกายภาพที่น ามาใช้เป็นเครื่องก าหนดชาติพันธุ์ได้แก่ สีผิว ลักษณะของนัยน์ตา รูปทรงของร่างกาย เป็นต้น และโดยลักษณะทางกายภาพต่าง ๆ ของ มนุษย์ จึงได้จ าแนกชาติพันธุ์ของมนุษย์ออกเป็นพวกใหญ่ ๆ 3 พวก คือ 1. พวกคอเคซอยด์ (Caucasoid) หรือพวกผิวขาว (white race) ลักษณะทั่วไปจัดว่ามี รูปร่างตั้งแต่ปานกลาง ถึงสูงใหญ่ มีรูปหน้าเรียวยาว กะโหลกศรีษะยาว จมูกโด่ง มีผมสีน้ าตาลและสี ทอง เส้นผมหยักศกบ้าง ตรงบ้าง 2. พวกมองโกลอยด์ (Mongoloid) หรือพวกผิวเหลือง (yellow race) ลักษณะทั่วไปมี รูปร่างสูงใหญ่ขนาดปานกลางจนถึงเตี้ย มีรูปศรีษะกว้าง รูปหน้ากว้าง โหนกแก้มสูง ผิวเหลืองจนถึง เหลืองคล้ า เส้นผมสีด า ลักษณะหยาบและเหยียดตรง 3. พวกนิกรอยด์ (Negroid) หรือพวกผิวด า (black race) ลักษณะทั่วไปมีรูปศรีษะยาว มี กระดูกขากรรไกรยื่น รูจมูกกว้าง คางเล็ก ริมฝีปากยื่น ผิวสีน้ าตาลคล้ าจนถึงด า เส้นผมหยิกและ หยาบ มีรูปร่างตั้งแต่เตี้ยมากจนถึงสูง จากการที่มนุษย์ได้มีการอพยพโยกย้ายแผ่กระจายไปตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลก นับตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดการผสมปนเปกันในเรื่องชาติพันธุ์และวัฒนธรรมของมนุษย์ ท าให้มนุษย์มี ลักษณะบางประการที่แตกต่างไปจากชาติพันธุ์เดิม จึงได้มีการแยกชาติพันธุ์ของมนุษย์ออกเป็นชาติ พันธุ์ย่อย ๆ อีกมากมายซึ่งจะไม่น ามากล่าวถึงในที่นี แบบฝึกหัดท้ายบท 1. อธิบายความหมายและความส าคัญของมนุษย์ 2. อธิบายวิวัฒนาการและชาติพันธ์ของมนุษย์


19 แหล่งข้อมูล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ภูมิศาสตร์ (GEOGRAPHY). สืบค้นได้จาก http://hm.npru.ac.th/subjects/aj32/42101-1.pdf เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา ภูมิศาสตร์ เรื่องความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ สืบค้นได้จาก https://social.mwit.ac.th/files/55_1_doc_30106_1.pdf Geography. สืบค้นได้จาก https://sites.google.com/site/site58004/khwam-hmay


Click to View FlipBook Version