99 ปริญญา สุขชิต
100 ปริญญา สุขชิต
101 ปริญญา สุขชิต
102 ปริญญา สุขชิต
103 ปริญญา สุขชิต
104 ปริญญา สุขชิต
105 ปริญญา สุขชิต
106 ปริญญา สุขชิต
107 ปริญญา สุขชิต
108 ปริญญา สุขชิต
109 ปริญญา สุขชิต
110 ปริญญา สุขชิต
111 ปริญญา สุขชิต
112 ปริญญา สุขชิต
113 ปริญญา สุขชิต
114 ปริญญา สุขชิต
115 ปริญญา สุขชิต ประวัติและผลงานเพื่อประกาศเชิดชูเกียรติ เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ชื่อ นายปริญญา สุขชิต (เป็ด) (ภาษาอังกฤษ) MR.Parinya Sukchit เกิด วันเสาร์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๔๙๒ ปัจจุบัน อายุ ๗๔ ปี สถานที่เกิด ณ ข้าวสาร เขตพระนคร กลางกรุง รัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร บิดา - มารดา นายจรัญ (ถึงแก่กรรม) นางน้่าเพชร ํ เชื่อมแก้ว (ปัทมดิลก) ถึงแก่กรรม บิดา - มารดา (บุญธรรม) นายเกิด - นางทิม สุขชิต (ถึงแก่กรรม) ชีวิตสมรส ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบ พิธีสมรสพระราชทานให้กับ นางเพ็ญศิริ สุขชิต (รัตนชัย ฤทธิ์) ณ พระตำ หนัก จิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๘ นักเชียร์ระดับชาติและผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขานันทนาการการเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทยปี ๒๕๕๗ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรรา ชาทินัดดามาตุ พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา เสด็จ งานฉลองสมรสพระราชทาน ณ สวนอัมพร วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๒๘
116 ปริญญา สุขชิต ภรรยา นางเพ็ญศิริ สุขชิต ทำ งานเป็นผู้ช่วย ผู้จัดการโรงเรียนราชเศรษฐีศิลปกรรม มีบุตร ๑ คน ชื่อ นางสาวสิรินญา สุขชิต (วาว) อายุ ๓๖ ปี บรรพบุรุษของข้าพเจ้า คือ หลวงราชภักดี ศรีสงคราม (ผึ้ง ปัทมาดิลก) เป็นบุตรทหารเสือ พระเจ้าตากสิน ต้นตระกูลปัทมดิลก (จังหวัดระยอง) คุณตา อำ มาตย์เอก พระสัตยานุกูล (เจิม ปัทมดิลก) มารดาแท้ของ ข้าพเจ้า คือ นางน้ำ เพชรเชื่อมแก้ว (ปัทมดิลก) มีบุตร ๗ คน ข้าพเจ้ามี พี่ชาย ๒ คน พี่สาว ๒ คน และ น้องสาว ๒ คน นายเกิด สุขชิต บิดาบุญธรรม มีความสามารถใน การทำว่าวภาพ และทำว่าวขาย ณ ท้องสนามหลวง นายสังเวียน ปัทมดิลก คุณตาของข้าพเจ้า เก่งทาง ทำว่าวจุฬา-ปักเป้า สามารถทำว่าวจุฬาใส่กล่องไม้ขีดส่ง ขายเมืองนอกได้ การศึกษา ประวัติการขวนขวายหาเงินเรียนหนังสือ เมื่อบิดา มารดา หาบของขายส่งข้าพเจ้าเรียนหนังสือ พ.ศ ๒๔๙๙ - ๒๕๐๒ ชั้น ป.๑ – ป. ๔ โรงเรียนบำรุงวิทยา พ.ศ ๒๕๐๓ - ๒๕๐๘ ชั้นป.๕ - ม. ๓ โรงเรียนวัดสังเวช (สอบตกซ้าชั้น ๑ ปี) ํ พ.ศ ๒๕๐๘ - ๒๕๑๐ ปวช.๑ – ปวช.๒ โรงเรียนการช่างอินทราชัย (สอบตกซ้าชั้น ๑ ปี) ํ พ.ศ ๒๕๑๑ - ๒๕๑๒ ปวช.๓ โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย (ย้ายเข้ามาเรียนปีที่ ๓ ) (สอบตกซ้าชั้น ๑ ปี) ํ พ.ศ ๒๕๑๒ - ๒๕๑๗ ไปทำงานที่กรมทางหลวง ๔ ปี สร้างทางในแดนที่ มีผู้ก่อการร้ายขัดขวางการ สร้างทางสายห้วยโกร๋น-ปัว-ศิลาเพชร
117 ปริญญา สุขชิต พ.ศ ๒๕๑๔ - ๒๕๑๕ ปวส.๑ – ปวส.๒ มาศึกษาต่อในคณะหัตถกรรม วิทยาเขตเพาะช่าง และเรียนต่อ ปม.ศ ๑ ปี พ.ศ ๒๕๒๐ - ๒๕๒๑ ได้รับทุนในการเรียนหนังสือจากองค์การทหาร ผ่านศึก (ขณะที่ทำงานอยู่จังหวัดน่านข้าพเจ้าได้เหรียญราช อิสริยาภรณ์ เหรียญบำ เหน็จกล้าหาญ เหรียญพิทักษ์เสรี ชน และเป็นผู้ถือบัตร ผ่านศึกนอกประจำการ) โดยได้รับ เงินเดือนๆ ละ ๓๕๐ บาท มาเป็นทุนการศึกษาต่อ ปม.ศ ที่เพาะช่าง และปริญญาตรี ได้ทำกระเป๋าหนังแกะสลักลายดุน ถวายสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระองค์ได้รับ ข้าพเจ้าไว้เป็นนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยพระราชทานทุนทรัพย์ส่งให้ข้าพเจ้าเรียนต่อจนจบ ปริญญาตรี ซึ่งข้าพเจ้าเบิกเงินทุนของพระองค์เพียง เสื้อผ้าใส่เรียนและหนังสือเรียนที่เพาะช่างเท่านั้น จำ นวนเงิน ๒,๐๐๐ บาทต่อปี พร้อมกันนั้นสมเด็จพระบรม ราชินีนาถฯ ได้มีพระเมตตาสั่งทำกระเป๋าหนังจำ นวน ๒๓ ใบ เพื่อนำ เงินมาใช้จ่ายในการเรียนต่อระดับปริญญาตรี และซื้อจักรเย็บผ้าให้ ๑ หลัง พ.ศ. ๒๕๒๑ - ๒๕๒๒ ศษ.บ. (ปริญญาตรี) วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตเพาะช่าง คณะศิลปกรรม สาขาหัตถกรรม (สถาบันเทคโนโลยี ราชมงคล) เรียนปีเดียวจบ เพราะยกวิชาที่เรียน ปม.ศ. มาทดแทน พ.ศ ๒๕๓๕ - ๒๕๓๗ ค.อ.ม. ครุศาสตร์อุตสา หกรรม มหาบัณฑิต (ปริญญาโท) สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มหานบัณฑิตดีเด่นคนแรก) หมายเหตุ ในขณะเรียนหนังสือเมื่อเรียนการช่าง อินทราชัย และอุเทนถวาย ข้าพเจ้าได้ไปบริจาคโลหิตมา ๘ ครั้งแล้ว และทางโรงพยาบาลพระมงกุฎที่เจาะเลือดข้าพเจ้า ได้บอกว่า ขายเลือดดีกว่าจะได้มีเงินมาเรียนหนังสือ ข้าพเจ้าเลยขายเลือดเรียนหนังสือ โดยขาย ๒ เดือน ต่อครั้ง รวมแล้วเป็นจำ นวน ๒๐ ขวดๆละ ๑๕๐ บาท ที่สถาบัน พยาธิ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อาชีพที่ทำขณะตอนเป็นเด็กเมื่อปี ๒๕๐๕ จนเรียน จบ เพื่อหาเงินเรียนหนังสือ รับจ้างเลี้ยงเด็ก, ทำดอกไม้ จันทน์, ทำว่าว-ขายว่าว, กะเทาะบัว,หาบของขาย( ข้าว หมาก ข้าวหลามมะพร้าวเผา) ร้อยดอกไม้ ดอกพุด มะลิ เขี้ยวกระแต, ทำกระเป๋าหนังขาย, ทำกระทงขาย, ขายขนม, รับจ้างเฝ้ารถ (ตลาดนัดสนามหลวง) พับถุง, ทำ ขนม นางเล็ด, ทำก๋วยเตี๋ยวหลอด, ทำขนมครก, ขายของงาน ลอยกระทง คลองหลอด, ขายกระรอก-กระแต นั่งรถไปซื้อ ที่สมุทรสาคร
118 ปริญญา สุขชิต ประวัติการทำงาน ประสบการณ์ทำงานในอดีตและปัจจุบัน พ.ศ ๒๕๑๒ - ๒๕๑๖ ทำงานกรมทางหลวงเป็น ลูกจ้างชั่วคราว เดินทางสมัครเข้าไปเป็นช่างควบคุมงาน ใน แดนที่มีผู้ก่อการร้าย คือ สายปัว-ศิลาเพชร-บ่อเกลือเหนือบ่อเกลือใต้ จังหวัดน่าน การทำ งานต้องใส่เสื้อเกราะกัน กระสุนและมีอาวุธปืน คอยระวังตัวตลอดและมี รถหุ้ม เกราะ และหน่วยทหารที่ข้าพเจ้าทำอยู่ พ.ศ ๒๕๑๖ - ๒๕๒๐ เรียนจบปวส. สมัครปรับ วุฒิเข้าเป็นลูกจ้างประจำกองสำรวจออกแบบกรมทางหลวง (รวมทำงานกรมทางหลวง ๑๑ ปี) พ.ศ ๒๕๒๐ - ๒๕๒๓ ทำกระเป๋าหนังขาย โดย ลาออกมาจากงานที่ทำอยู่กรมทางหลวง พ.ศ ๒๕๒๓ เป็นครูอยู่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ โดย สอนอยู่ ๒ เดือน ลาออก พ.ศ ๒๕๒๕ - เกษียณ ทำ งานที่บริษัทบุญรอด บริวเวอรี่จำกัด ผู้จัดการและเจ้าของใบรับอนุญาตโรงเรียนราช เศรษฐีศิลปกรรม คลองสาน กทม. ในการปฏิบัติงานที่ได้ทำ มาและบำ เพ็ญประโยชน์ ต่อสาธารณชนดังกล่าวได้รับพระราชทาน เครื่องราช อิสริยาภรณ์ มีดังนี้ ๑. เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เบญจมดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ ๕ ๒. เหรียญราชอิสริยาภรณ์ เหรียญบำ เหน็จกล้า หาญ เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ ๓ ๓. หรียญบำ เหน็จในราชการ เหรียญลูกเสือ สรรเสริญ ชั้นที่ ๒ ๔. เหรียญบำ เหน็จในราชการ เหรียญลูกเสือ สรรเสริญ ชั้นที่ ๓ ๕. เหรียญบำ เหน็จในราชการ ลูกเสือสดุดี ชั้นที่ ๑ ๖. เหรียญพระราชทานเป็นที่ระลึก เหรียญกาชาด สรรเสริญ ที่มาของการได้รับพระราชทานเหรียญ ดังนี้ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๐ ได้รับเหรียญพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เบญจมดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ ๕ เป็นผู้รับใบอนุญาต และผู้จัดการโรงเรียนราชเศรษฐี ศิลปกรรม ซึ่งข้าพเจ้าอยากให้อนาคตของเยาวชนไทยมีที่ เรียนหนังสือโดยเน้นการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ ตลอด
119 ปริญญา สุขชิต จนมิได้เห็นแก่กำ ไรในการจัดตั้งโรงเรียน โดยทำกิจกรรมให้ เป็นประโยชน์ต่อ สังคม นำ นักเรียนที่เรียนอยู่ช่วยกันทำซุ้ม งานพระราชพิธีต่างๆ ตลอดจนรถบุปผชาติ เรือบุปผชาติ รถไฟฟ้า และ การสอนทำ ว่าวและแข่งว่าว เพื่อให้เกิด ประโยชน์ต่อ สังคม เป็นการอนุรักษ์กีฬาไทย โดยเปิดการ จัดตั้งโรงเรียนเมื่อปี พ.ศ ๒๕๓๑ มีนักเรียนจากโรงเรียนแห่ง นี้ ๗ รุ่น จำ นวน ๔๐๐ คน และภรรยาของข้าพเจ้าคือ นางเพ็ญศิริ สุขชิต ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ด้วย ที่โรงเรียนแห่งนี้สอนศิลปะ และเทคนิคสถาปัตยกรรม ๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานเรียน อิสริยาภรณ์ เหรียญบำ เหน็จกล้าหาญ เหรียญพิทักษ์เสรีชน และเป็นผู้ถือบัตรผ่านศึกนอกประจำการ ชั้นที่ ๓ โดยได้รับ จากการที่ทำงานที่เสี่ยงต่ออันตรายอยู่ในแดนผู้ก่อการร้าย เป็นเวลา ๔ ปี เป็นกำลังพลประเภทที่ ๑ ที่จังหวัดน่าน ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ ได้รับพระราชทานเหรียญ บำ เหน็จในราชการ เหรียญลูกเสือสรรเสริญ ชั้นที่ ๓ จาก พระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สนามศุภ ชลาศัย ในวันลูกเสือแห่งชาติ โดยเหรียญพระราชทานนี้ จะ พระราชทานให้กับลูกเสือที่เสี่ยงภัยเข้าไปช่วยเหลือผู้ ประสบภัย ซึ่งข้าพเจ้าได้เข้าช่วยเหลือ นางวาสนา อิศรภักดี และนางวนิดา เมฆดำรงแสง ให้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุรถ ชนกัน ซึ่งข้าพเจ้าได้งดเข้าไปในรถที่มีคนตาย งเดกห๒ คน และข้าพเจ้าได้อุ้มออกมาได้ ๓ คน และนำส่งโรงพยาบาล ทั้งหมด ๓ คน และนายณรงค์ อิศรภักดี ได้เสียชีวิตคาที่อยู่ แต่ข้าพเจ้าก็เสี่ยงอุ้มไป ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าตายหรือยัง ขณะเกิดเหตุมีประชาชนมุงดูอยู่ประมาณ ๒๐ คน ขณะรถ ชนกันข้าพเจ้าอยู่ในบ้านและได้ยินเสียงรถชนกันจึงวิ่งออก มาข้าพเจ้าถีบประตูรถดึงคนเจ็บ ออกมาและนำ ส่งโรง พยาบาลศิริราช (อุ้มคนเดียว ๓ คนใส่รถกระบะ) ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ ได้รับเหรียญพระราชทานเป็น ที่ระลึก เหรียญกาชาดสรรเสริญจากสภากาชาดไทย โดย เข้าช่วยเหลือคน ๓ คน คือ นายไมตรี ค่อยประเสริฐ ได้ขับ รถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ด้วยกัน ไฟลุกท่วม นายไมตรี ข้าพเจ้าอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ ๓๐๐ เมตร วิ่งเข้ามาใช้วิชาลูกเสือเอาตัวเองเข้าแนบกับตัวนาย ไมตรีและ ดับไฟที่ตัว และ ที่ขาของนายไมตรีได้ พร้อมกับ อุ้มคนเจ็บ ๓ คนไปใส่รถสามล้อ ขณะนั้นเวลาประมาณตี ๑ และสามารถช่วยให้รอดชีวิตได้ ๒ คนโดย นำส่งโรง พยาบาลรามาธิบดี (อุ้มคนเดียว ๓ คนใส่รถสามล้อ)
120 ปริญญา สุขชิต หมายเหตุ เหรียญบำ เหน็จในราชการ เหรียญลูก เสือสรรเสริญ ชั้นที่ ๓ และเหรียญพระราชทานเป็นที่ระลึก เหรียญกาชาดสรรเสริญนี้จะพระราชทานให้เฉพาะผู้ที่เสี่ยง ชีวิตเข้าช่วยเหลือคนที่ได้รับอุบัติเหตุ และภัยพิบัติต่างๆ ให้ รอดพ้นจากความตาย ซึ่งข้าพเจ้าเป็นคนแรกและเป็นคน เดียวของประเทศไทยได้รับพระราชทานเหรียญสรรเสริญ ทั้งสองเหรียญนี้ ประสบการณ์การทำ งานในสิ่งที่เป็นมิ่งมงคล ต่อ ชีวิตของข้าพเจ้าซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณมีดังนี้ ๑. รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสรรเสริญชั้นที่ ๓ จากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ ณ สนามศุภชลาศัย ๒. รับพระราชทานปริญญาบัตรปริญญาตรีของ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลปี ๒๕๒๒ จากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ สวนอัมพร ๓. รับพระราชทานรางวัลประกวดวาดภาพปี ๒๕๐๖ จากพระหัตถ์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ณ ท้องสนามหลวง ๔. รับพระราชทานปริญญาบัตรปริญญาโท มหา บัณฑิตของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ปี พ.ศ ๒๕๓๗ ณ สวนอัมพร ๕. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงประกอบพิธี สมรสพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยาม บรมราชกุมารี ณ พระตำ หนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๘ ๖. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระ วรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า พัชรกิติยาภา เสด็จงานฉลองสมรสพระราชทาน ณ สวนอัมพร วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๒๘ ๗. ได้รับพระราชทานโล่ จากพระหัตถ์ สมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสได้รับคัด เลือกให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขานันทนาการ การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทยประจำ ปี ๒๕๓๗
121 ปริญญา สุขชิต ๘.ได้รับพระราชทานโล่จากพระหัตถ์สมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เป็นศิษย์เก่าดีเด่น ของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ๙. รับพระราชทานรางวัลการประกวดวาดภาพจาก พระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ณ ท้องสนามหลวง ๔ ถ้วยรางวัล พระราชทานปี ๒๕๑๓ ๑๐. ได้รับพระราชทานนามร้านว่าว“สลาตัน”จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีเป็นลาย พระหัตถ์ของพระองค์ ๑๑. รับพระราชทานรางวัลการประกวดวาดภาพ จากพระหัตถ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัย ลักษณ์ฯ ณ ท้องสนามหลวงปี ๒๕๑๔ ๑๒. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวร ราชาทินัดดามาตุ ประทานรางวัลการแข่งขันว่าวจุฬา - ปักเป้า ๑๓. ทำกระเป๋าหนังดุนลายที่ได้เรียนมาที่วิทยาเขต เพาะช่าง ทูลเกล้าถวายกับพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า โสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ ๑๔. ทำ พวงมาลางานพระบรมศพสมเด็จพระ ศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยใช้ธนบัตรสมัยเก่าออกแบบ เป็นรูปตาลปัตรจำ นวน ๗ พวง และทางสำ นักพระราชวัง เก็บไว้ให้ประชาชน โดยทำ ในนามของบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ประสบการณ์ทำงานที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ด้านทัศนศิลป์ และการทำงาน ที่เป็นมงคลแก่ชีวิต ๑. จัดสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติครองราชย์ ๕๐ ปี และคิดออกแบบริเริ่มร่วมกับกรุงเทพมหานคร กรม ศิลปากร จำ นวนที่ข้าพเจ้าสร้าง ๕ ซุ้ม ซุ้มจักรแก้ว บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ซุ้มช้างแก้ว ซุ้มมณีแก้ว ซุ้มขุนคลังแก้ว ซุ้มขุนพลแก้ว ซุ้มนางแก้ว ซุ้ม ม้าแก้ว ที่หน่วยงานต่างๆ ทำ เทิดพระเกียรติเป็นที่ประจักษ์ สู่สายตาประชาชน เป็นประวัติศาสตร์ที่อยู่ในความทรงจำ ของปวงชนชาวไทยในปีกาญจนาภิเษก ติดตั้งอยู่ ๒๑๙ วัน ณ ถนนราชดำ เนิน ๒. ทำรถบุปผชาติอัญเชิญตราสัญลักษณ์ครองราชย์ ๕๐ ปี วิ่งไปทั่วประเทศเป็นเวลา ๖ เดือนระยะทาง ๑๐,๗๐๐ กิโลเมตร
122 ปริญญา สุขชิต ๓. ทำรถประดับไฟฟ้างานเฉลิมพระเกียรติในปีกาญจนาภิเษกในเรื่อง “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม”โดยชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน และโชว์ ณ ท้องสนามหลวง ๓ วัน ๔. ทำรถบุปผชาติเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖๐ พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๕. ทำรถระดับไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ และมีกินรี(บุตรสาวแสดง) เหาะชักรอกอยู่บน ขบวนรถประดับไฟฟ้า จากสะพานมัฆวานถึงสนามหลวง ๖. ทำรถบุปผชาติงานเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ ๖๐ พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ยาวที่สุด ๔๘ เมตร ชนะเลิศถ้วยพระราชทาน ๗. ทำ เรือบุปผชาติงานเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖๐ พรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ยาวที่สุด ๓๖ เมตร ได้รับรางวัลชนะเลิศ ๘ ทำรถขบวนอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ โดยกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และทำรถนกยูงให้นางสงกรานต์ นั่งโดยใช้ผักผลไม้ประดับ ๙ ทำรถขบวนแห่อัญเชิญพระรูปของพระเจ้าตากสิน จากวัดอรุณราชวราราม มาถนนลาดหญ้า ตั้งแต่ปี ๒๕๓๐ - ๒๕๔๒ และทำฐานประดับพระรูป เพื่อให้ประชาชนสักการะ ๑๐. จัดทำออกแบบรถบุปผชาติประดิษฐานหินอ่อนรูปรัชกาลที่ ๕ จากวัดธรรมมงคล มาพระรูปทรงม้าและนำ ไปประดิษฐานที่อนุสรณ์สถาน ๑๑. นำรถบุปผชาติวันวิสาขบูชารูปพญานาคล้อมเขาพระสุเมรุ ชนะเลิศถ้วยพระราชทานปี ๒๕๓๗ ๑๒. ชนะเลิศรถบุปผชาติวันวิสาขบูชา ประเภทส่งเสริมเอกลักษณ์ไทย ปี ๒๕๓๔ ๑๓. ชนะเลิศรถบุปผชาติวันวิสาขบูชา ประเภทส่งเสริมเอกลักษณ์ไทย ปี ๒๕๓๕ ๑๔. ชนะเลิศรถบุปผชาติวันวิสาขบูชา รางวัลสร้างสรรค์ปี ๒๕๓๖ ๑๕. ทำรถขบวนร่วมแห่ข้อพระกรพระพุทธเจ้าจากพระบรมรูปทรงม้าไปพุทธมณฑล(มาจากประเทศจีน) ๑๖. ทำกระทงประกวดได้รับรางวัลโล่พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชนะเลิศปี ๒๕๓๘ ณ สวนสัตว์ดุสิต ๑๗. ทำ รถขบวนแห่นักชกเหรียญทองโอลิมปิค สมรักษ์ คำสิงห์ แห่จากสนามบินดอนเมืองไปสนามหลวง ๑๘. ทำ พวงมาลาให้มูลนิธิสายใจไทยในงานพระปิยมหาราช ๒๓ ตุลาคม ทุกปี ๑๙. สร้างขบวนรถบุปผชาติงานพระเจ้าตากสิน ขบวนค่ายจันทบุรี และสร้างขบวนเรือของทหารพระเจ้า ตากสิน โดยข้าพเจ้าแสดงเป็นทหารเสือพระเจ้าตากสินเข้าตีข้าศึก (นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน) ๒๐. ทำซุ้มรับสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบท บริเวณหน้าบ้านมนังคศิลา โดยนำผลไม้และผักของไทยมาตกแต่ง ๒๑. ทำซุ้มรับประธานาธิบดี คลินตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ ถนนวิภาวดี หน้าสนามบินดอนเมืองและหัวมุม โรงพยาบาลมิชชั่น และหน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม ๒๒. ออกแบบเสาธง ประดับในงานต้อนรับอาคันตุกะ โดยทำ เข้ากับรูปเสาไฟถนนพระราชดำ เนินนอกใช้ถาวร หมุนเวียนโดยประหยัดค่าใช้จ่าย ๒๓. ตกแต่งสะพานพระปิ่นเกล้าในงานเสด็จพระราชดำ เนินทางชลมารค เป็นเรื่องราว“พระมหาชนก” ๒๔. ออกแบบป้อมจราจรเป็นรูปแปดเหลี่ยมลักษณะป้อมมหากาฬ ถนนสุโขทัย ๒๕. นำ นักเรียนอาชีวศึกษา ทาสีรั้วพระตำ หนักจิตรลดารโหฐาน จำ นวน ๘ โรงเรียน ๔๐๐ คน เนื่องในวโรกาส เฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖๐ พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ๒๖. ตกแต่งร้านของงานสภาอุตสาหกรรมไทย ในนามบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ชนะเลิศ ๙ ปีซ้อน ชนะเลิศประเภทสวยงาม ๔ ปีซ้อน ชนะเลิศประเภทส่งเสริมเอกลักษณ์ไทย ๓ ปีซ้อน ชนะเลิศประเภทความคิดสร้างสรรค์ ๒ ปีซ้อน โดยนำผักผลไม้มาตกแต่ง และสามารถนำ มารับประทานได้เมื่อเสร็จ งาน และนำ เอกลักษณ์กีฬาไทย-ว่าว-ภาพไทย มาตกแต่งโดยใช้งบประมาณน้อยมากโดยลักษณะนำของที่ทิ้งแล้วมาตกแต่ง
123 ปริญญา สุขชิต ๒๗. ออกแบบปฏิทินของบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ชนะเลิศปฏิทินดีเด่น ประเภทเทิดพระเกียรติสถาบัน พระมหากษัตริย์ ในปีมหามงคล ๗๒ พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปี ๒๕๔๒ ได้รับโล่ “สุริยศศิธร” ๒๘. จัดตั้งโรงเรียนราชเศรษฐีศิลปกรรม โดยเช่าที่ดินมาจากกรุงเทพมหานคร เป็นโรงเรียนสอนศิลปะและ สถาปัตยกรรม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานเงินให้กับผู้เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ของ โรงเรียน สถานที่ตั้งอยู่ริมแม่น้าเจ้าพระยา ซอย ๙ ถนนเจริญนคร คลองสาน ซึ่งเป็นที่ดินของพระยาโชฎึกราชเศรษฐี ก่อ ํ ตั้งในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ มีนักเรียนจบจากโรงเรียนนี้ประมาณ ๓๐๐ คน ๒๙. ตกแต่ง ออกแบบ ขบวนเทิดพระเกียรติองค์พระภูบาลงานสงกรานต์ กลุ่มวังหลวง (เขตดุสิต) ๓๐. ออกแบบเหรียญพระแก้วมรกต โดยข้าพเจ้านำรูปพระแก้วมรกต ๓ ฤดู มาอยู่ในเหรียญเดียวกันโดยจัดสร้างในนาม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยนำ ให้ประชาชนเช่าบูชา สามารถจัดเช่าบูชาได้ถึง ๑๔๐ กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นสถาบันที่ข้าพเจ้าศึกษาอยู่ในระดับปริญญาโท นำรายได้มาสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ร. ๔ และสร้างสนามกีฬา ๓๑. ออกแบบและจัดสร้างสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนวัดสังเวช และหาเงินมาสร้างสมาคมเป็นจำ นวนเงิน ๒ ล้าน บาท ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นองค์ประธานวางศิลาฤกษ์ และสมเด็จ พระสังฆราชฯ เสด็จเปิดอาคารแห่งนี้ ณ โรงเรียนวัดสังเวช ๓๒. ติดต่อประสานงานสร้างเขื่อน ภายในสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยใช้งบประมาณ ของกรุงเทพมหานคร เป็นมูลค่า ๘ ล้านบาท และขยายประตูทางเข้าสถาบันฯ โดยติดต่อขอบริจาคที่ดินจากหน่วยงาน ของเอกชน ซึ่งข้าพเจ้าทำงานครั้งนี้ เพื่อเป็นการทดแทนพระคุณของสถาบันฯ ที่ทำ ให้ข้าพเจ้าได้รับความรู้จากการศึกษา และประสบการณ์ต่างๆ ๓๓. เข้าร่วมขบวนแห่รถโบราณ ในพิธีเปิดสะพานพระราม ๙ ๓๔. ทำซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่สะพานนวรัฐ จังหวัดเชียงใหม่ ๕๐ ปี ครองราชย์ปี ๒๕๓๙ และ ๗๒ ปี เฉลิมพระชนมพรรษา ปีพ.ศ. ๒๕๔๒ ๓๕. สร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติ บนทางในพระราชดำริลอยฟ้า ของกรมทางหลวง (ปลายทางลงบริเวณพุทธมณฑล สาย ๓) ซึ่งอดีตข้าพเจ้าทำงานที่กรมทางหลวง และได้ร่ำ เรียนต่อจนเจริญก้าวหน้ามาถึงปัจจุบันข้าพเจ้าทำ ให้โดยไม่คิด กำ ไรใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งข้าพเจ้าได้ตอบแทนบุญคุณของหน่ายงานที่ข้าพเจ้าทำ ที่กรมทางหลวง ๓๖. ออกแบบทำซุ้มถวายพระพร ๗๒ พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณประตูช่วงท่าแพ ความยาว ๓๑ เมตร มีตรา ๗๒ ปี และมีพระบรมสาทิสลักษณ์ซึ่งเป็นรูปในปฏิทินของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัดที่ชนะเลิศปฏิทินยอด เยี่ยม ประเภทเทิดพระเกียรติ ๒๕๔๒ ที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ออกแบบปฏิทินนี้เอง ๓๗. ออกแบบและทำซุ้มถวายพระพร ๗๒ พรรษา เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ และภาพเขียนสีน้ำ มัน ที่ ซุ้มห้วย แก้ว ความยาว ๑๔ เมตร คร่อมถนน ๓๘. ออกแบบและสร้างซุ้ม ๗๒ พรรษา ถนนเจริญเมือง เป็นเรื่องราวทางภาคเหนือ มีพญานาคและตุง ซึ่ง แสดงออกเป็นลักษณะภาคเหนือความยาว ๑๔ เมตร คร่อมถนน ๓๙. ออกแบบและทำซุ้มสร้อยสังวาล มีตราจักรีวงศ์ และพระราชลัญจกร ที่ถนนช้างคลานบริเวณไนท์พลาซ่า ๔๐. ออกแบบภาพประวัติศาสตร์ ๙ รัชกาล พระราชกรณียกิจ รัชกาลที่ ๕ พระราชกรณียกิจ รัชกาลที่ ๙ ซุ้ม กาญจนาภิเษก และซุ้ม ๗๒ พรรษา(จังหวัดเชียงใหม่) ซุ้มรับเสด็จรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสกลับจากยุโรป ชุดไทยพระ ราชนิยม เพื่อนำจำ หน่ายให้ประชาชนในราคาถูก เพียงชุดละ ๑๕๙ บาทรวม ๗๒ ภาพ โดยสภาสังคมสงเคราะห์แห่ง ประเทศไทย เป็นผู้จัดทำ เพื่อนำ เงินทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมทบทุน สภาสังคมสงเคราะห์ ๔๑. ทำ เรือประดับไฟเฉลิมพระเกียรติ CHAO PHAYA THE RIVER OF KONG ตั้งแต่วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๒ - ๑ มกราคม ๒๕๔๓ ล่องแม่น้ำ เจ้าพระยา เป็นเรื่องราวบทเพลงพระราชนิพนธ์มโนราห์และพระมหาชนก พร้อมกับพระราช กรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้เรือเหล็กยาว ๓๖ เมตร โดยบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ๔๒. ได้รับเชิญไปร่วมในงานสโมสรสันนิบาต ซึ่งจัดขึ้นที่ทำ เนียบรัฐบาล ในวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๔๒ พร้อมภรรยา ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ ๗๒ พรรษา
124 ปริญญา สุขชิต ประสบการณ์ทำ งาน งานสังคมบำ เพ็ญ สาธารณประโยชน์และสาธารณภัย ๑. เป็นลูกเสือมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ รุ่นที่ ๑ และเดินทางไปเป็นพี่เลี้ยงอบรมลูกเสือราชประชานุเคราะห์ ทั่วประเทศ โดยมาอบรมที่จังหวัดลำ ปาง จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดยะลาและกรุงเทพมหานคร ใช้เวลาอบรมจังหวัดละ ๑๐ วัน ๒. ได้ช่วยประชาชนจากการประสบอุบัติเหตุรถชน คนถูกไฟไหม้ คนตกน้ำ สามารถช่วยเหลือให้รอดชีวิตได้ จำ นวน ๑๓ คน และพระภิกษุอีก ๑ รูป (ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด มกุฎกษัตริย์) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ถึงปัจจุบัน ครั้งสุดท้าย เมื่อ ๙ มีนาคม ๒๕๔๒ และ ๑๘ เมษายน ๒๕๔๒ ๓. ช่วยสร้างบ้านเรือนที่ถูกน้ำ ท่วม จังหวัดหนองคาย ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ จำ นวน ๒๐ วัน และงมข้าวสาร ๓๐๐ กระสอบ ที่จมอยู่ในแม่น้ำ โขง ๔. เดินทางแจกของและช่วยผู้ประสบอุทกภัยน้ำ ท่วม ทั่วประเทศ ดังนี้ จ.สระบุรี จ. ลพบุรี จ.สิงห์บุรี จ.ชัยนาท จ.อ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี จ.ชุมพร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใน นามของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และอาสาสมัครบรรเทา สาธารณภัย ๕. เป็นทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ ๓ (สร้างทางในพระราชดำริ สายน่าน-ปัว-ทุ่งช้าง-ห้วยโกร๋น-บ่อ เกลือเหนือ) ในแดนที่เสี่ยงอันตราย ๖. ตกแต่งสนามพิธีเปิดเอเชี่ยนเกมส์ ว่าวประดับ สนามรัชมังคลากีฬาสถาน ๗.ทำกระทงในพิธีเปิด เฟคปิคเกมส์ กีฬาคนพิการ จำ นวน ๓๘ กระทง ๘. เดินทางโดยเครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไป ช่วยสร้างเขื่อนน้ำ ท่วมใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ๒๐ วัน ในนาม อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย ๙. เป็นศิษย์เก่ามหาบัณฑิตดีเด่นของสถาบัน เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ๑๐. ได้รับคัดเลือกเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของสถาบัน เทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเพาะช่าง ๑๑. เป็นอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย ชุดที่ ๑ เลขประจำตัว ๘๓ ๑๒. เป็นอาสาสมัครต่อต้านอาชญากรรม รุ่นที่ ๑ ๑๓. อบรมหลักสูตร ตปส. (ต่อต้านปราบปรามความ ไม่สงบ) กรมทางหลวง รุ่นที่ ๒ ค่ายหนองตากูจังหวัด นครราชสีมา จำ นวน ๔๐ วัน ๑๔. อบรมลูกเสือ BTC หลักสูตรผู้บังคับบัญชาลูก เสือวิสามัญ ๑๕. ได้ช่วยเหลือในเหตุการณ์ไฟไหม้ในกรุงเทพ มหานคร ตั้งแต่ปี ๒๕๐๙ จนถึงปัจจุบัน ประมาณ ๖๐ กว่าครั้ง ๑๖. เป็นผู้ทรงคุณวุฒิของเขตดุสิต ๑๗. ได้รับโล่จากเขตคลองสานในการบำ เพ็ญ ประโยชน์สาธารณกุศล ๑๘. เป็นอุปนายกสมาคมกีฬาไทยในพระบรม ราชูปถัมภ์ ๑๙. เป็นกรรมการจัดหากองทุนพระบรมราชานุสาว รีย์ รัชกาลที่ ๔ ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ๒๐. อดีตนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนวัดสังเวช ๒๑. เป็นอุปนายกสมาคมศิษย์เก่าอุเทนถวาย ๒๒. เป็นที่ปรึกษาของสมาคมศิษย์เก่าเพาะช่าง
125 ปริญญา สุขชิต ประสบการณ์การทำงาน ผลงานเกียรติคุณ“นักเชียร์ระดับชาติ” รวบรวมน้าใจ-จิตใจ-กำ ํ ลังใจ ของประชาชนชาวไทย มอบกำลังใจแก่ทีมฟุตบอลชาติไทย โดยข้าพเจ้าได้รวบรวม ประชาชนที่มาชมฟุตบอล เชียร์จนเป็นหนึ่งเดียว ตะโกน ไทยแลนด์ สู้ สู้ สู้ตายไว้ลาย และไทยแลนด์ สู้ สู้ ในปี พ.ศ.๒๕๐๙ ข้าพเจ้าได้เข้ามาเรียนที่ช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ในชั้นปีที่ ๓ เป็นขณะเดียวกันที่ทีมฟุตบอล โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายเข้ารอบรองชนะเลิศ แข่งกับโรงเรียนกิตติพาณิชย์ และมีนักเรียนมาเชียร์กัน ๔ โรงเรียน คือโรงเรียนพระเชตุพนตั้งตรงจิตร และโรงเรียนพาณิชยการพระนคร จึงได้ตัดสินใจแต่งชุดทหารเรือมาแล้วลงเชียร์ใน สนามเป็นที่สนุกสนาน ข้าพเจ้าทำ ทุกอย่างเพื่อให้คลายความตึงเครียด และได้รับค่าชมเชย นั่นคือที่มาของ “นักเชียร์ ระดับชาติ” ที่นักข่าวตั้งให้ข้าพเจ้า มาถึงวันนี้ ดีใจที่สุดที่ได้ทำ หน้าที่ให้คนไทยที่มาดูกีฬา มีน้ำ ใจเชียร์ด้วยความสุภาพ และพร้อมเพียงกัน มีความสุขที่สุดในชีวิต และทุกคนก็พลอยดีใจกันถ้วนหน้าที่ระบบการเชียร์ของไทยนั้นสุขุมคัมภีรภาพ หลังจากจบอุเทนถวายแล้ว จึงไปสอบเข้าเพาะช่างต่อในระดับปวส.การเชียร์ที่เป็นระบบจึงเกิดขึ้นในปี พ.ศ ๒๕๑๕ ชื่อเสียงโด่งดังมาก และเริ่มเชียร์ฟุตบอลควีนคัฟ คิงส์คัฟ ซีเกมส์ และมวยสมัครเล่น เดินทางไปเชียร์ฟุตบอลไลอ้อนซิตี้ เป็นครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์ โดยนำชาวไทยที่ไปทำงานเป็นคนเย็บเสื้อผ้า และ สาวโรงงานประมาณ ๕๐๐ กว่าคน โดยควบคุมกองเชียร์อยู่ในสภาพที่เป็นการเชียร์ที่เรียบร้อยไม่นอกลู่นอกทาง มีมารยาท ที่ดี จนได้รับการยกย่องของหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ โดยถ่ายรูปข้าพเจ้าในชุดซุปเปอร์แมน ลงหนังสือพิมพ์หน้า ๑ ซึ่งเป็น ครั้งแรกของประเทศสิงคโปร์ที่มีนักเชียร์มาเชียร์เป็นที่สนุกสนานและทางประเทศซาอุดิอาระเบียให้โล่แก่ข้าพเจ้าและ ประชาชนชาวสิงคโปร์ได้ซื้อโทรทัศน์สีให้ข้าพเจ้าเป็นของขวัญ เพราะเขาประทับใจในลีลาการเชียร์เป็นอย่างมากและไทย ชนะเลิศ ได้เดินทางไปเชียร์ที่ประเทศมาเลเซีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เชียร์บอลซีเกมส์ที่สิงคโปร์ โดยเชียร์จนไทยชนะสิงคโปร์ ๒ ต่อ ๑ ประตูในปี ๒๕๓๒ และเชียร์ที่เชียงใหม่ซีเกมส์ ในปี ๒๕๓๘ ได้แชมป์อีกครั้ง สำ หรับเชียร์บอลคิงส์คัพ นับตั้งแต่เชียร์ มา ซึ่งจะแต่งชุดไทยลงเชียร์ในสนามไม่เคยแพ้เลย *เริ่มเชียร์คิงส์คัพครั้งแรกในปี ๒๕๒๔ ไทย ชนะ เกาหลี ๑ ต่อ ๐ โดยใส่ชุดไทยสง่างาม รอบรอง ใส่ชุดซุปเปอร์แมน *พ.ศ ๒๕๒๕ ไทย เสมอ เกาหลี *พ.ศ ๒๕๒๖ ไทย ชนะ เกาหลี ๒ ต่อ ๑ *พ.ศ ๒๕๒๗ ไทย ชนะ เกาหลี ๔ ต่อ ๓ *พ.ศ ๒๕๒๘ ไทย ชนะ อินโดนีเซีย ๓ ต่อ ๐ การเชียร์ที่สนุกและทำ ให้คนดูมีคุณภาพนั้นเป็นที่เห็นอยู่จนทุกวันนี้ การเชียร์ของไทยดีขึ้นมาตามลำดับ โดยไม่มีการ ขว้างปาสิ่งของลงในสนาม การโห่ การด่า ใช้คำ หยาบคาย ทำ ให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกหลาน เป็นการพัฒนาคุณภาพเยาวชน ของชาติ เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าภูมิใจมาก และเดินทางไปเชียร์ที่อินโดนีเซียข้าพเจ้าได้ใช้จิตวิทยาที่ข้าพเจ้ามีอยู่เชียร์จนชาว อินโดนีเซียถูกใจมาก ลงภาพและประวัติลงในหนังสือพิมพ์หน้า ๑ ตลอด
126 ปริญญา สุขชิต ประสบการณ์การทำงานในการแสดงว่าวในต่างแดน และประเทศไทย ตั้งแต่ปี ๒๕๐๕ จนถึงปัจจุบัน ๑. แสดงว่าวจุฬา ปักเป้า และว่าวภาพ หน้าพระที่นั่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทอดพระเนตร ในวันสุนทรภู่ที่ จังหวัดระยอง ๒. จัดงานว่าวหน้าพระที่นั่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในการจัดงานกีฬาไทย ขณะที่ข้าพเจ้าเข้ามาทำงานที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และครบรอบ ๕๐ ปี บริษัทฯ พอดี ท่านพระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) เป็นผู้ก่อ ตั้งสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แต่งตำ นานว่าวพนัน ข้าพเจ้าได้อ่านและมีการเล่นว่าว โดยมีดนตรีไทยแสดง ประกอบว่าวจุฬา ปักเป้า และมีรางวัลพระราชทานผ้าแพรให้ว่าวจุฬาและดอกจันทร์แก่ว่าวปักเป้า ณ ท้องสนามหลวง ใน ปีพ.ศ ๒๕๒๖ สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ เสด็จลงมาดูการคว้าว่าวถึงข้างสนาม ๓. ประเทศสิงคโปร์ คือ ประเทศแรกที่ว่าวไทยเดินทางไปแสดงในปี พ.ศ ๒๕๒๖ ซึ่งทางบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย โดยนำว่าวรูปสิงห์กับนกไปแสดงซึ่งเป็นว่าวที่ขึ้นยากที่สุดในโลกเพราะว่าวไม่สมดุลกัน ๒ ข้าง และทำว่าวรูปยานอวกาศ อพอลโล ซึ่งข้าพเจ้าทำ ประกวดที่กรุงเทพฯ ชนะเลิศถ้วยพระราชทานโดยมีควันออกจากส่วนท้าย ของว่าว ภาพออกหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ๔. ปี ๒๕๒๗ ไปแสดงอีกครั้งทำว่าวรูปมนุษย์ต่างดาว (อีที) แนะนำว่าวจุฬา ปักเป้าไปแสดง ภาพข่าวออกหนังสือพิมพ์ ชื่อเสียงของไทยดังไปทั่วสิงคโปร์ และนำ ว่าวจุฬาใส่กล่องไม้ขีดใส่ในปากได้ และสามารถนำขึ้นโชว์ได้ลงภาพหน้า ๑ หนังสือพิมพ์ สเตรทไทม์ ๕. ปี ๒๕๒๘ ไปแสดงว่าวเป็นครั้งที่ ๓ คราวนี้ทำสถิติของผู้เข้าแข่งขัน คือ ข้าพเจ้านำ บิดาซึ่งมีอายุ ๘๓ ปีไปแสดง ว่าวและทำว่าวรูปตลกขบขัน ว่าวรูปแมลงวันหัวกระดกได้ ซึ่งว่าวตัวนี้ชนะเลิศถ้วยพระราชทานประเภทขบขัน บิดาทำและ
127 ปริญญา สุขชิต ชักว่าวแสดงต่อหน้าประชาชนผู้ชม ซึ่งเป็นผู้เข้าแข่งขัน ที่มีอายุมากที่สุด ในแต่ละครั้งของการเดินทางไปต่าง ประเทศ ทางบริษัทการบินไทย จำกัด จะให้ตั๋วเดินทางฟรี แก่ข้าพเจ้ากับบิดา และผู้เล่นที่ติดตามจะออก ๒๕% บ้าง ๖. ปี ๒๕๒๙ ดังไปทั่วสิงคโปร์หน้า ๑ ทุกฉบับ และเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าเหาะขึ้นไปบนว่าวของประเทศ นิวซีแลนด์ แต่ใช้ว่าวต่อกัน ๒ ตัว ถึงจะดึงตัวข้าพเจ้าขึ้นไป ได้ และข้าพเจ้าทำ ว่าวภาพรูปศิลปะไทยหนุมาน-เรือ สุพรรณหงส์ ขึ้นด้วย ภาพในหนังสือพิมพ์และข่าวโทรทัศน์ นั้นถือได้ว่า ทำ ประโยชน์สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย อย่างน่าภาคภูมิใจ และเผยแพร่เอกลักษณ์ของประเทศไทย ในต่างแดน ๗. ทำว่าวชนะเลิศว่าวโลกที่ประเทศจีน ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็น ๑๐ ว่าวยอดเยี่ยมของโลก โดยว่าวมีน้ำ หนัก ไม้ไผ่ และเชือกหนักทั้งสิ้น ๑๒๐ กิโลกรัม หางยาว ๖๕๐ เมตร โดยขึ้นอยู่บนท้องฟ้าเมืองจีนถึง ๑ ชั่วโมง ๘. ทำว่าวงูแสดงที่ประเทศอเมริกา ทำลายสถิติโลก ว่าวงูหางยาวที่สุดในโลกถึง ๑ กิโลเมตร ((๑,๐๐๐ เมตร) สถิติโรค ๖๓๕ เมตร ๙. เดินทางแสดงว่าวประเทศจีนเป็นจำ นวนถึง ๔ ปี ด้วยกัน ณ มณฑลจีหนาน เมืองเหวยฟัง ๑๐. เดินทางแสดงว่าวที่ประเทศอเมริกา ๔ ครั้ง ที่ ซานดิเอโก วอชิงตัน ซีแอทเติล ลองบีช ที่วอชิงตันได้แสดง หน้าทำ เนียบขาว ในงานลอยกระทงโดยนำ นิทรรศการ ความเป็นมาของกีฬาว่าวไทยแสดงด้วยพร้อมนามว่าวจุฬา ปักเป้า ซึ่งต่อสู้กันด้วย พร้อมกับประกอบการบรรเลงเพลงโอดและเพลงเหาะ ๑๑. นำว่าวงูประกวดที่ประเทศเกาหลีได้รางวัลรองชนะเลิศ (สถานที่แสดงแคบต้องตัดหางว่าวงูที่แสดงออกครึ่ง หนึ่ง)งูเลยไม่สมดุลและอากาศหนาวมาก ลมแรง ผูกอยู่เสาไฟฟ้ากลัวจะโค่น ต้องถอดออกก่อนกำ หนด ได้รางวัลมาเป็น เงินวอน รวม ๓๐๐,๐๐๐ วอน ๑๒. แสดงว่าวงูที่ประเทศสหรัฐอาหรับอีมิเรส ว่าวจุฬาและปักเป้า ตลอดจนว่าวภาพต่างๆ ใช้เวลาแสดง ๒๐ วัน ๑๓. เดินทางแสดงว่านานาชาติ ที่ประเทศเกาหลี ในปี ๒๕๓๙ เป็นรูปรถถัง และมีตัวหนังสือเขียนใต้รถถังขอ อย่าให้มีสงครามกันเลย ( THE WORLD WITH OUT WAR ) ออกโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ ๑๔. ในปี ๒๕๔๒ เดินทางไปแสดงว่าวที่ประเทศอินเดีย นำว่าวภาพของไทย และว่าวจุฬา ปักเป้า ขึ้นโชว์โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้นำ ไปแสดงได้รับความสนใจจากชาวอินเดียเป็นจำ นวนมาก ๑๕. ริเริ่มจากว่าวนานาชาติที่หาดจอมเทียน ข้าพเจ้าหาที่ดิน และเข้าร่วมประชุมกับการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย คุณกมลา สุโกศล และบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกันจัด โดยมีคุณธรรมนูญ ประจวบเหมาะ ผู้ ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธาน ผลปรากฏว่า ประชาชนเข้ามาชมกันมากทำ ให้รถติดกันเป็นเวลา หลายชั่วโมงผู้คนแตกตื่น โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณฯ เสด็จทอดพระเนตร และข้าพเจ้าได้ สร้างว่าวงูออกลูกได้นำ มาแสดงส่วนหางยาว ๕๐๐ เมตร สัดส่วนหัวกว้าง ๘ เมตรสูง ๙ เมตร สามารถออกลูกจำ นวน ๕๐๐ กว่าตัว แสดงหน้าพระที่นั่ง และข้าพเจ้าทำว่าวโฆษณาเพื่อนำ เงินกำ ไรมาจัดงาน ดังนี้ • ว่าวรถยนต์วอลโว่ (บริษัทสวีเดนมอเตอร์) (นายยงยุทธ เทิดเกียรติศักดิ์ ผู้ทำ ) • ว่าวไมโล (บริษัทดีสแฮมล์) • ว่าวกองทัพงูเห่า (บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง) • ว่าวฉลากปิดขวดเบียร์สิงห์ (บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ) • ว่าวรูปกล่องฟิล์มโกดัก (บริษัทโกดักแห่งประเทศไทย) • ว่าวรูปกระป๋องน้ามันเครื่องเฮลิกซ์ (บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย) ํ
128 ปริญญา สุขชิต ๑๖. ทำว่าวพิธีเปิดงานว่าวนานาชาติ โดยมีควันออกจากว่าวเป็นที่ตื่นเต้นต่อนักข่าวของไทยและชาวต่างชาติ ๑๗. เดินทางไปแสดงนิทรรศการว่าวจุฬา ปักเป้า และนำว่าวขึ้นต่อสู้กัน ที่ประเทศกรีก และออกโทรทัศน์ที่นั้น ออกอากาศเป็นเวลา ๑ ชั่วโมง โดยมีท่านทูตสุขุม รัศมิทัต เป็นผู้นำ ในการประสานงาน ๑๘. จัดนิทรรศการและบรรยายกีฬาว่าวไทย ที่ซีคอนสแควร์ เป็นเวลา ๒๘ วัน โดยมีรศ.ดร.ภิญโญสุวรรณคีรี ร่วมบรรยายความรู้ว่าทางภาคใต้ให้ประชาชนฟังด้วย ๑๙. ทำว่าวรถถังออกโทรทัศน์ โดยปิดตาทำว่าวในรายการตามไปดู ทำตั้งแต่เหล่าไม้ ผูก ปิดกระดาษระบายสี ผูกซุง และนำขึ้นสู่ท้องฟ้า สามารถขึ้นได้ ณ เมืองทองธานี ๒๐.เหาะขึ้นไปกับว่าวงูยักษ์ตัวที่ชนะเลิศว่าวโลก ณ ท้องสนามหลวงในวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๔๑ เวลา ๑๗.๐๐ น. โดยเหาะขึ้นไปกับว่าว สูงจากพื้นดิน ๑๐๐ กว่าเมตร ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และขึ้นไปกับว่าวสูงที่สุดในโลก โดยว่าวตัวเดียวกัน รวมน้ำ หนักว่าว ๑๒๘ กิโลกรัม และตัวข้าพเจ้าน้ำ หนัก ๖๘ กิโลกรัม ขึ้นอยู่ประมาณ ๑ ชั่วโมง โดย ไม่ตกเลย รวมน้ำ หนักทั้งหมดเกือบ ๒๐๐ กิโลกรัม ๒๑. สอนเด็กนักเรียนทำว่าวปักเป้า และว่าวงู ณ ท้องฟ้าจำลอง จำ นวนผู้เรียน ๒๐ คน รวม ๒ วัน ๒๒. สอนเด็กทำว่าวตู้เย็นสูง ๑.๕๐ เมตร ขึ้นได้ ในการทำครั้งนี้บันทึกเทปออกอากาศในรายการ “กล้าคิด กล้า ทำ” ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ณ หน้าท้องสนามหลวง โดยมีคุณอรุณโรจน์ เลี่ยมทอง เป็นพิธีกร ๒๓. สอนเด็กทำว่าวงู ตั้งแต่เหลาไม้ ปิดกระดาษ และผูกว่าว ซุง สามารถขึ้นได้ ในรายการ “กล้าคิด กล้าทำ” ๒๔. บรรยายความเป็นมาของว่าวไทย ประวัติ วิธีการเล่นว่าว และดูว่าว ให้พนักงานระดับสูงของวิทยุการบิน ฟังเป็นเวลา ๓ วัน ในการอบรม GLOBAL COMPETENCE PROJECT ของสถานศึกษา และรัฐวิสาหกิจจุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัย ๒๕. จัดนิทรรศการว่าวที่หอศิลป์ พีระศรี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำ เนิน โดยกล่าวถึงความเป็นมา การเล่นว่าว การเหลาว่าว พร้อมกับการนำ ภาพว่าวต่าง ๆ หลายลักษณะเช่น ว่าวสวยงาม ว่าว ประเภทความคิด ว่าวตลกขบขัน จัดแสดงทั้งหมดเป็นเวลา ๗ วัน ๒๖. จัดงานประเพณีกีฬาไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ซึ่งไม่ได้จัดมา ๕ ปี โดยที่ บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่จำกัด เป็น ผู้อุปถัมภ์ค่าใช้จ่าย ซึ่งข้าพเจ้าเข้าเป็นอุปนายกสมาคมฯ ในปัจจุบันนี้ เป็นที่ประทับใจในการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ไทยให้คงอยู่ตลอดไป ๒๗. บรรยายที่มาของกีฬาว่าวไทย กติกา การเล่นว่าว และการทำว่าว ที่ให้เยาวชนของชาติไทยได้รู้เอกลักษณ์ ของไทย โดยให้เด็กนักเรียนและนักศึกษาฟัง ดังนี้ * มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์ประสานมิตร * โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา * โรงเรียนเซนต์คาเบรียล * โรงเรียนทวีธาภิเศก * โรงเรียนจิตรลดา * โรงเรียนราชวินิต * โรงเรียนราชวินิตบางปะแก้ว * โรงเรียนไตรมิตรวิทยา * โรงเรียนอำ นวยศิลป์ ธนบุรี * โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภช บางขุนเทียน ๒๘. จัดแสดงนิทรรศการว่าวไทย ณ เซ็นทรัลทุกสาขา สาขาละ ๗ วัน โดยมีการบรรยายให้ความรู้เรื่องว่าวไทย ตลอดรายการ ๒๙. จัดแสดงว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า และว่าวภาพ ให้สโมสรไลอ้อน กรุงเทพมิดทาว์น พร้อมประชาชน ณ สวนหลวง ร. ๙ โดยมี ฯพณฯกำธน สินธุวานนท์ องคมนตรี เป็นประธาน ๓๐. ทำว่าวสี่เหลี่ยมใหญ่ ๓ เมตร โดยเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ในวันฉลองเอกราช ของประเทศอินโดนีเซีย ณ สนามฟุตบอล เมืองสุราบายา ก่อนการแข่งขันฟุตบอลไทย และเกาหลี (ผลไทยชนะเกาหลี) เพื่อเป็นการทำสัมพันธภาพ ที่ดี เมื่อข้าพเจ้าลงเชียร์ที่สนามสุราบายา และประชาชนชาวอินโดนีเซียให้กำลังใจเชียร์ทีมไทย โดยข้าพเจ้าแจกธงไทย ให้ชาวอินโดนีเซีย
129 ปริญญา สุขชิต ๓๑. ก่อนจะมาทำ งานที่บริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่คงความเป็นเอกลักษณ์ ไทยไว้อย่างเหนียวแน่น ความมีสื่อสัมพันธ์กับข้าพเจ้าก็มา ถึง คือในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ บิดาของข้าพเจ้าได้รับรางวัลถ้วย เงินชนะเลิศว่าว จากนายสนามว่าว คือ พระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ และข้าพเจ้าได้ ทำว่าวสิงห์ที่ขึ้นยากที่สุดในโลก คือจะไม่มีความสมดุลกัน หัวจะหนักกว่าหาง ข้าพเจ้าเป็นผู้ทำว่าวสิงห์เองและนำ มา ชักที่เขาตะเกียบริมทะเล บริเวณบ้านของพระยาภิรมย์ภักดี สามารถขึ้นต่อสู้กันได้จริง โดยไม่ใช้รถเครนห้อยว่าว หรือ เทคนิคอย่างอื่น จึงทำ ให้ว่าวคู่นี้นำข้าพเจ้าเข้ามาทำงานที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่ข้าพเจ้าภาคภูมิใจและได้ สร้างผลงานต่างๆ ที่ผ่านสายตาของประชาชนมาจน ปัจจุบันนี้ ประเทศที่ข้าพเจ้าเดินทางไปสร้างชื่อเสียงให้ กับประเทศชาติดังนี้ การแสดงว่าว สหรัฐอเมริกา ๔ ครั้ง, สาธารณรัฐประชาชนจีน ๔ ครั้ง, สิงคโปร์ ๔ ครั้ง, สหรัฐอาหรับ อามีเรส , กรีก, อินเดีย, เกาหลี, ญี่ปุ่น การแข่งขันเรือยาว มาเก๊า, ฮ่องกง, สิงคโปร์ เชียร์ฟุตบอล เกาหลี, สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย ดูงาน-การศึกษา-ผังเมือง-สถาปัตยกรรม-ศิลปะการพัฒนา เกาหลี, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, อิตาลี, สวิตเซอร์ แลนด์, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, ออสเตรีย,สเปน, โปรตุเกส,เยอรมัน ลำ บากยากเข็ญในชีวิต เมื่อเกิดมาลืมตาดูโลก ๑๕ มกราคม ๒๔๙๒ เกิดที่สถานที่ใดไม่ทราบ เวลาเกิดไม่ทราบ เกิดกลางวันหรือกลางคืนก็ยังไม่รู้ เกิดโรง พยาบาลหรือที่บ้านก็ไม่รู้ ซึ่งคำ พูดเหล่านี้อยู่ในความทรง จำของเด็กคนหนึ่งที่เกิดมาแล้ว ถูกทิ้งให้อยู่กับนายเกิด และนางทิม สุขชิต ซึ่งนางทิม สุขชิต มีอาชีพรับจ้างเลี้ยง เด็ก และนายเกิด สุขชิต อดีตเป็นพลตำ รวจพิเศษ ใน รัชกาลที่ ๖ ที่ข้าพเจ้าทราบ เพราะเคยได้เห็นบัตรประจำ ตัวของท่าน และช่วงที่ปลดออกจากราชการแล้ว ได้ทำงาน เทศบาลเป็นลูกจ้าง หน้าที่ลาดยางมะตอย ที่ข้าพเจ้ารู้ใน ช่วงนั้นเพราะเห็นกาใส่ยางมะตอยที่ชำรุดอยู่ ๑ อัน ชีวิต ของข้าพเจ้าจึงกำ เนิดในการดูแลของพ่อ-แม่บุญธรรม เริ่ม เรียนและจำความได้ที่โรงเรียนบำรุงวิทยา ในแต่ละวันจะ ต้องช่วยแม่เลี้ยงเด็กตั้งแต่เล็กๆ และอาชีพอีกอย่างหนึ่งของ แม่ คือ ร้อยดอกไม้ ยางดอกพุดกัดมือและบางครั้งแอบทิ้ง ดอกพุดลงใต้ถุน(ไม่ดีเลย) ตอนนั้นเป็นเด็กเลยคิดอะไรไม่ ออก พอร้อยดอกมะลินิ้วจะซีดเพราะน้ำกัดมือ ช่วงเช้าจะ ตื่นตี ๕ ไปซักผ้าอ้อมที่แม่น้ำ เจ้าพระยา ท่าช้างวังหน้า จับ กุ้งชีแหด้วยมือเปล่า กลับมาทำกับข้าวกินประทังชีวิตได้ กลับมาจากไปเรียนหนังสือจะต้องร้อยดอกไม้ต่อ เป็นดอก พุด การร้อยดอกไม้นั้นจะต้องร้อยให้ได้ ๓ เข็มจะได้เงิน ๑ บาท แต่ละเข็มยาวถึง ๑๒ นิ้ว ยางดอกพุดกัดมือตลอด และ นอนอยู่กับเด็ก ๔ คนใน ๑ มุ้ง ช่วงเช้าก็จะต้องอาบน้ำ ให้ เด็กทุกวัน บางคนมีชันนะตุที่หัวก็จะใช้ลูกประคำดีควายใส่ ในน้ำ บางทีเด็กเป็นหวัดก็จะต้องตำ หอมแดงใส่ในกะละมัง ทำ ให้เด็กหายเป็นหวัดได้ เด็กคนไหนคิ้วไม่ค่อยมีจะไปหาด อกอัญชันมาทาให้คิ้วจะได้ขึ้น พอเสาร์อาทิตย์ก็ไปเฝ้ารถที่ สนามหลวง มีตลาดนัด ในบางครั้งที่คนเฝ้ารถเดิมเขาไม่มา
130 ปริญญา สุขชิต จนกระทั่ง จบป. ๔ ได้มีโอกาสไปพบแม่ตัวจริง ซึ่งรู้มาว่าพ่อ คือ นายจรัล เชื่อมแก้ว ถีบสามล้ออยู่ที่ถนนข้าวสาร แม่น้ำ เพชรนามสกุลเดิมปัทมดิลก ทำข้าวแกงขายอยู่ในบ้านเช่าเดิมบริเวณธนาคารกรุงไทยปัจจุบันนี้ เมื่อพบแล้วแม่ได้ให้เงิน มา ๑ บาท ข้าพเจ้าดีใจมาก แม่ก็จะถามว่าถ้าแม่แก่แล้วจะเลี้ยงแม่ไหมข้าพเจ้าตอบว่าจะเลี้ยงแม่จนแก่เฒ่า หลังจากนั้น ได้มีคนมาบอกให้เรียนต่อที่โรงเรียนวัดสังเวชโดยเดินไปเรียนเพราะไม่มีเงินขึ้นรถราง (บ้านนายเกิด-นางทิมอยู่ตรอกโรง ไหม หน้าโรงละครแห่งชาติ ติดกับโรงกษาปณ์) เมื่อเริ่มเรียนวัดสังเวชและของศิลปินและศิลปะ ก็เกิดขึ้นเพราะข้าพเจ้าชอบลูกเสือมาก เสียสละช่วยคนที่ลำ บาก ยากเข็ญ และในช่วงปีนั้นแม่ที่แท้จริงคือนางน้ำ เพชร ปัทมดิลก ได้นำ เด็กมาจ้างเลี้ยงอีก ๑ คน เป็นผู้หญิง ซึ่งทำ ให้ ครอบครัวที่ยากจนอยู่แล้วจนหนักเข้าไปอีก เพราะพ่อได้ปลดเกษียณไม่มีเงินบำ นาญ เพราะเป็นลูกจ้างเทศบาล ปลด เกษียณได้เงินมาใช้หนี้หมดตอนก่อนเรียนหนังสือ แม่มีเข็มขัดนาก นำ ไปจำ นำคนข้างบ้าน สมัยนั้น ๓๐๐ บาท ที่ข้าพเจ้า จำ ได้เพราะไม่มีเงิน และในช่วงนั้นขณะที่เป็นลูกเสือสามัญในปี ๒๕๐๗ ได้มีโอกาสไปร่วมงานลูกเสือแห่งชาติต่างๆ เมื่อ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๐๗ ได้พบโชคดีพบกับเจ้าฟ้าชายวชิราลงกรณ (พระนามเดิม) พระองค์เป็นลูกเสือสามัญ อยู่ โรงเรียนจิตรลดา ประทับยืนอยู่ตรงรั้วเหล็ก ข้าพเจ้าได้ยืนตรงนั้นพอดี และพระองค์รับสั่งเรื่องการแสดงของลูกเสือ ข้าพเจ้าได้อธิบาย พระองค์โปรดพลร่มมาก ข้าพเจ้าวิ่งไปเก็บมาถวายพระองค์ ๒ อันและมาทายกันว่าข้างในมีอะไรถ่วง ไว้เจ้าฟ้าชายวชิราลงกรณ ตรัสว่าเป็นลูกหินและแกะออกมาดูเป็นลูกหินจริง ข้าพเจ้าสังเกตในการแต่งตัวของพระองค์ ยังจำ นาฬิกาที่พระองค์ใส่ยี่ห้อETERNA หน้าพระพักตร์ของพระองค์ตอนวัยเด็กทรงงดงามมาก ข้าพเจ้าถามพระองค์ว่า เคยเล่นไหมพระองค์ตอบว่าเคยเล่น จนจบพิธีสวนสนาม และข้าพเจ้าได้เดินไปส่งพระองค์ที่รถของโรงเรียนจิตรลดา รุ่ง เช้าอาจารย์ใหญ่ ทิม ผลภาค เรียกข้าพเจ้าขึ้นไปพบบอกว่ามีรูปเธออยู่กับเจ้าฟ้าชายหน้าปกหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ข้าพเจ้าจึงถ่ายรูปทในหนังสือพิมพ์ไว้เป็นที่ระลึก ในช่วงเรียนที่โรงเรียนวัดสังเวช นอกจากรับจ้างเลี้ยงเด็กของแม่บุญธรรม นั้น ข้าพเจ้าได้ช่วยแม่ทำดอกไม้จันทน์ ทุกคืน เพื่อหาเงินช่วยครอบครัวตลอดประมาณ ๖ โมงเย็นก็จะไปรับประทาน อาหารที่ป้าเย็น สุทธิประเสริฐ อยู่ข้างบ้านข้าพเจ้าเช่าอยู่ เห็นว่าครอบครัวของข้าพเจ้ายากจน จะนำอาหารที่ป้าเย็น ทำ เป็นแม่ครัวอยู่ที่โรงเรียนสตรีวรนาถ ทำอาหารเด็กประจำ พอมีเหลือจะใส่กระป๋องนมทรงสูง นำ มาให้ที่บริเวณรถเมล์ สาย ๕๓ วิ่งมาจอดหลังกรมแพทย์ทหารบก ก็จะไปรอรับทุกเย็น พอมีอาหารประทังชีวิตพ่อ-แม่-ลูก ๓ คน และเด็กที่นำ มาเลี้ยงอีก ๑ ชีวิต อยู่มาไม่นานเด็กที่แม่จริงที่ทิ้งไว้มีลูกอีก ๒ คน รวม ๖ คน จึงต้องหาเงินตลอดมา นายเกิดนางทิม ไม่มีบุตรเช่าที่ ที่กรมธนารักษ์อยู่ข้างล่างใต้ถุนโล่ง ข้าพเจ้าจะเลี้ยงเป็ดไว้กินไข่ พอมีเวลาว่างจะไปคลองเล็ก คือ ซอยรามบุตรี ไปจับปลาหัวตะกั่ว และปลาหางนกยูง พอน้าแห้งจะมีปลาพวกนี้อยู่เป็นหมื่นๆ ตัวนำ ํ มาให้เป็ดกิน และ มันก็จะไข่ออกมา ลงไปเก็บทุกเช้า ดีใจที่เห็นมันไข่ ในขณะที่อยู่บ้าน บริเวณหน้าบ้านจะมีท้องร่องระบายน้ำ ข้าพเจ้าจะ บำ เพ็ญสาธารณประโยชน์ตลอด โดยการลอกคูระบายน้าตลอดทุกวันเสาร์ และจะมีงานปีใหม่ในตรอกโรงไหม ข้าพเจ้า ํ จะแบกไม้มาทำ เวที โดยจะแบกไม้ไม่ต่ากว่า ๕ แผ่น ขณะที่คนอื่นจะแบก ๒ แผ่น ซึ่งแต่ละปีข้าพเจ้าจะมีการแสดงของ ํ ตัวเองที่คิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเต้นระบำ ปลอมเป็นผู้หญิงเต้นฟลอร์โชว์บ้าง แสดงมายากลบ้างและที่โรงเรียนวัดสังเวช จะ แสดงเป็นหัวหน้าเผ่าอินเดียแดง เต้นลิมโบ้ร็อค เป็นที่ครึกครื้นเรียกเสียงฮาได้ตลอด ความสนุกสนานและความคิดจะ เริ่มมีที่นั่นตลอด ในช่วงปิดเทอม บิดา นายเกิดเป็นผู้มีความรู้มาก เคยไปเมืองจีนและดูการประดิษฐ์ว่าวภาพ โป้ยกั๊กว่าวเป็นเหลี่ ยมๆ และพ่อเกิดได้ทำว่าวขายที่ท้องสนามหลวง ตอนหน้าว่าว โดยพ่อและแม่จะเป็นคนอ่านหนังสือไม่ออก ข้าพเจ้าก็ เรียนหนังสือไปไม่มีใครสอน มีแต่ครูที่โรงเรียนวัดสังเวช การบ้านก็ไม่มีใครสอนเรียนเองตลอดจนกระทั่งในมศ ๓ ได้สอบ ตกที่โรงเรียนวัดสังเวช ๑ ปี แต่ที่โรงเรียนบำรุงวิทยา ได้พาสชั้นมา ๑ ปีช่วงเรียนวัดสังเวชไม่ได้ดูหนังสือเพราะต้องเลี้ยง เด็ก ทำดอกไม้จันทน์ ร้อยดอกไม้ขาย และการที่ข้าพเจ้ายากจน จึงคิดที่จะขายขนมเสาร์-อาทิตย์ จึงขอทุนจากนายเกิด นั่งรถราง ๑ สลึง หน้าโรงเรียนช่างศิลป์ ไปปากคลองตลาด ซื้อขนมมาขาย ซึ่งมีทั้งขนมพริก(ปั้นถั่ว) ข้าวเหนียวสังขยา ของกินต่างๆ ที่เป็นขนม-ขนมถั่วตัด-ปลาหมึกใส่ห่อแดง-ขนมปัง ซึ่งขนมเหล่านี้ใช้เงิน ๑ บาท จะซื้อได้ ๖ ห่อ ขายได้ ๖ สลึง จะกำ ไร ๕๐ สตางค์ และบางครั้งไปตลาดยอดซื้อของมาทำก๋วยเตี๋ยวหลอดขาย ซึ่งข้าพเจ้าจะทำ เอง และบาง ครั้งโม่ข้าวด้วยโม่หินทำขนมครกออกขายทำ ทองม้วนขาย เมื่อช่วยพ่อแม่หาเงินไปโรงเรียนซึ่งความยากลำ บากก็
131 ปริญญา สุขชิต
132 ปริญญา สุขชิต เกิดขึ้นอีก เมื่อพ่อปลดเกษียณจากกทม. ทางเราไม่มีเงิน พ่อข้าพเจ้าคิดว่าจะไม่ทำอะไรจะทำ ให้ครอบครัวลำ บากเพราะ ไม่มีเงินส่งให้ข้าพเจ้าไปเรียนหนังสือ จึงตัดสินใจหาบของขายด้วยสาแหรกไม้คานซื้อหาบมา ๑ ชุดหาบไปซื้อข้าวหมากข้าวหลาม-มะพร้าวเผามาขายที่ท้องสนามหลวง ข้าพเจ้าสงสารท่านมาก เพราะไปขายโดนเทศบาลจับปรับตั้ง ๑๐๐ บาท เมื่อปี พ.ศ ๒๕๑๐ ซึ่งข้าพเจ้าจะไปซื้อกับพ่อที่ตลาดกรมการค้าภายใน ใกล้กับท่าเตียนกับพ่อ และเมื่อซื้อแล้วข้าพเจ้า จะรีบกลับมาที่บ้านเพื่อไปเรียนหนังสือต่อ ในช่วงหน้าว่าวจะทำว่าวขายซึ่งพ่อจะทำกลางคืนกัน ว่าวที่พ่อทำจะวาดเป็นรูปดอกจิก ใบโพธิ์ดำ ข้าวหลามตัด ข้าพเจ้าจะวาดหนูเล็กลุงโกร่งสมัยนั้นเป็นที่นิยม และไปขายเองที่ท้องสนามหลวงตัวละ ๕๐ สตางค์ ซึ่งการวางขายว่าว ท้องสนามหลวงจะใช้ก้อนหินทับว่าว ข้าพเจ้าจะขายอยู่หน้าศาลยุติธรรมในสนามหลวง บางครั้งเห็นว่าวขาดลอยไป แย่งเก็บกับเขาด้วย ซึ่งจะมีเด็กเข้าแย่งไม่ต่ำกว่า ๔๐ คน และทิ้งขวดใส่เงินไว้ กลับมาโดนขโมยเงินไปหมด กลับบ้านโดย แม่ตี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำ ให้ข้าพเจ้าได้ลำ บากมาตลอด แม่เลี้ยงเด็กมากถึง ๔-๕ คนจะนอนในมุ้งเดียวกันกับข้าพเจ้า ซึ่งจะ ลำ บากเด็กร้อง-เด็กถ่ายอุจจาระ -ปัสสาวะ จะต้องตื่นมาดูแลตลอด ในช่วงนั้นได้มีโอกาสไปหาแม่จริงที่ให้กำ เนิดข้าพเจ้า มาที่ถนนข้าวสาร ซึ่งที่ผ่านมาแม่ไม่เคยมาหาข้าพเจ้าที่บ้านเลยบ้านที่อยู่ประมาณ ๑๘ ตรว. เช่าที่กรมธนารักษ์อยู่ หลังจากจบจากโรงเรียนวัดสังเวชและข้าพเจ้ายังไม่รู้ว่าจะไปเรียนที่ไหนต่อ พอดีมีอาจารย์โตเกียรติผลพัลธิน ได้มาพบเพื่อนซึ่งเป็นนักยูโดสายดำอยู่ที่ตรอกโรงไหม ข้าพเจ้านั่งขายของอยู่ (พี่น้อย) คือพี่บุญเลิศบัวแก้ว ได้บอกอาจารย์ โตเกียรติ สอนอยู่ที่โรงเรียนการช่างอินทราชัย ประตูน้ำ ให้เอาไอ้เบื๊อก คือ ชื่อเล่นของข้าพเจ้าที่คนเรียกกันมา ตลอด ช่วยเอามันไปเรียนต่อที่นั้นหน่อยจึงได้ไปเรียนต่อ ข้าพเจ้าไปเรียนรู้วิธีทำ เก้าอี้เข้าเดือย เขียนแบบ (ข้าพเจ้าเขียน แบบได้ ๘๓ คะแนน เป็นบ้านทรงไทย ถือว่าสูงสุด เพราะลายมือความคิดสร้างสรรค์ดี ซึ่งอาจารย์ที่สอนข้าพเจ้า คือ อาจารย์อินทิรา สตสุต ขณะเดียวกันได้มีการอบรมลูกเสือราชประชานุเคราะห์ขึ้น ทางโรงเรียนได้ส่งข้าพเจ้าไปอบรมเป็นลูกเสือราช ประชานุเคราะห์ รุ่นที่ ๑ และไปบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎบริจาคมา ๘ ครั้ง ทางหมอบอกว่าไม่มีเงินเรียนให้ ขายเลือดดีกว่า ข้าพเจ้าคิดว่าจะมีเงินช่วยครอบครัวอีกทาง จึงขายเลือดไปทั้งหมด ๒๐ ครั้ง บริจาค ๘ ครั้ง เอาเงินเรียน หนังสือและเมื่อมีไฟไหม้จะช่วยดับไฟช่วยไฟไหม้มาตลอด ไปช่วยน้ำ ท่วมทำ ให้ข้าพเจ้าไม่สามารถผ่านไปปี ๓ ได้สอบตก ที่นั่นอีก ๑ ปี สรุปข้าพเจ้าเรียนสอบตก ๓ ครั้ง ถือว่าได้เพื่อนขึ้นมาอีก ๓ รุ่น เพราะคะแนนเก็บไม่มี และจะเรียน คณิตศาสตร์ไม่เป็น ขณะที่ไปช่วยน้ำ ท่วมร่วมกับโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ข้าพเจ้าจะมีบทบาทที่แข็งแรงขยันขัน แข็ง เป็นที่ถูกตาของอาจารย์สว่าง สุขขัคคานนท์อาจารย์ใหญ่ ช่างก่อสร้างอุเทนถวาย จึงพูดกับข้าพเจ้าให้ย้ายมาเข้าปี ๓ ที่อุเทนถวาย ข้าพเจ้าจึงโชคดีที่ เข้าเรียนต่อที่อุเทนถวายและรู้เรื่องการโบกปูน ก่อกำแพง เรื่องก่อสร้าง แต่เรื่องคำ นวณ ฟิสิกส์ ตรีโกน ข้าพเจ้าเรียนไม่เป็น และห่วงแต่ไปช่วยไฟไหม้ เมื่อมีไฟไหม้ก็จะออกจากโรงเรียนไปจนขาดคะแนนเก็บ วิชาช่างโรงงานเลยสอบตกที่อุเทนอีก ๑ ปี แต่อยู่อย่างมีความสุข ตามหลักต้องเรียน ๓ ปี ถึงจะเป็นเลือดสีน้ำ เงิน ถ้าอยู่ ปีเดียวจะไม่เต็มตัวเลยอยู่ ๒ ปี เลยได้ความรู้เพิ่มอีก เพราะในช่วงที่ไปเข้าเรียนที่อุเทน มีการแข่งขันฟุตบอลโรงเรียน อาชีวะระหว่าง ๔ โรงเรียน เข้ารอบชิงกับอุเทนถวาย ชิงกับตั้งตรงจิตร พณิชยการพระนคร กับกิตติพานิชย์ ชิงที่ ๓ ข้าพเจ้าลงไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์ แต่งตัวเป็นทหารเรือมาแล้ว เชียร์จนสนุกสนานเป็นมิตรภาพกันตลอด การเชียร์ครั้งแรก ก็เกิดขึ้นที่โรงเรียนอุเทนถวายที่ผ่านมา ๒ ปี ที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่อุเทนถวาย ในชั้นปีที่ ๓ และสร้างความครื้นเครงให้กับ เพื่อนนักเรียนมาตลอด เต้นฟลอร์โชว์ ออกทีวีช่อง ๕ รายการบันไดดาราหลังจากออกทีวีช่อง ๕ มีประชาชนโทรเข้ามา ที่โรงเรียนขอให้ไปแสดงหลายที่ ประมาณ ๒๐ แห่ง ได้แห่งละ ๕๐๐ บาท นำ เงินมาเป็นค่าเรียนหนังสือ สงสารพ่อ บุญธรรมอายุช่วงนั้น ๖๒ ปีแล้วออกหาบของขาย เปลี่ยนมาขายเงาะ ลำ ไย ตามหน้าของผลไม้ ชุดพ่อจะใส่หมวก นุ่งกางเกงขาสั้น เสื้อสีน้าตาลแขนยาว ขาดตามอายุเป็นชุดที่อยู่ในความทรงจำ ํ ของข้าพเจ้ามาตลอดที่ลำ บากพอส่งข้าพเจ้า ไปเรียนหนังสือ ในช่วงจังหวะที่เรียนหนังสืออยู่ที่อุเทนถวายนั้น ทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ได้มีการอบรมลูกเสือทั่วประเทศ และข้าพเจ้าพร้อมลูกเสือโรงเรียนช่างก่อสร้างได้เดินทางไปอบรมลูกเสือทั่วประเทศ ที่ลำ ปาง ที่นครราชสีมา ที่ยะลา
133 ปริญญา สุขชิต และที่นครศรีธรรมราช โดยท่านองคมนตรี พลเอกหลวงกัมปนาท แสนยากร ได้ไปเป็นประธานและท่านชอบข้าพเจ้า มาก ที่ทำ ให้การอบรมมีความสนุกสนาน ตลอดทุกจังหวัดที่ไปอบรม ซึ่งมีครั้งหนึ่งที่นครศรีธรรมราชไปนอนที่หอพัก จะ มีที่นอนเป็นนุ่น ข้าพเจ้าแสดงฟลอร์โชว์ลอดห่วงไฟ เอาที่นอนปูเพื่อโดดลอดห่วงไฟ ไม่ให้เจ็บ การแสดงสนุกมาก เพราะ เท้าของข้าพเจ้าไปเกี่ยวบ่วงไฟ กาบมะพร้าวที่ติดบ่วง ไปติดอยู่กับที่นอน เอาที่นอนไปเก็บ เกิดติดไฟขึ้น ข้าพเจ้าเอะใจ ไปดูไฟไหม้ที่นอนเป็นจุด เอาตะไกรตัดทิ้งไป ประมาณ ๓ นิ้ว ถือว่าโชคดีไม่งั้นไหม้ทั้งหอพักแน่ ไม่บอกใคร (ไม่ดีทำของ หลวงเสียหาย) และท่านได้ถามว่าเมื่อเรียนจบอยากจะทำงานอะไร ข้าพเจ้าบอกว่าอยากทำกรมทางหลวง ไปทำงานที่ แพร่( เพราะไปจีบผู้หญิงอยู่ที่สูงเม่น พ่อของผู้หญิงทำงานอยู่พัสดุสูงเม่น กรมทางหลวง ไปคุยกับเขาว่าจะมาทำงานที่ แพร่ เพราะจะจีบเขาได้ง่าย) ท่านองคมนตรีมีจดหมายไปหาอธิบดีกรมทางหลวง เฉลียว วัชรพุกก์ ข้อความชมเชย ใน ความขยันหมั่นเพียร และมีความตั้งใจจริง ประพฤติปฏิบัติตัวดีช่วยเหลือโครงการอบรมลูกเสือของในหลวงมาตลอดขอ ฝากเข้าทำงานที่กรมทางหลวง ท่านอธิบดีได้สั่งการให้อยู่กองทางหลวงจังหวัด ตำแหน่งช่างโยธา ลูกจ้างชั่วคราว ขณะ นั้นข้าพเจ้าขอไปทำงานจังหวัดแพร่ แต่ทางกองการอบรมบอกว่า มีแต่ทำงานในดินแดนผู้ก่อการร้าย จังหวัดน่าน ปัว – ทุ่งช้างซึ่งตำแหน่งต่างๆ ไม่มีใครไปทำงาน เพราะถูกผกค.ยิงเสียชีวิต ตายไป ๗ คน ข้าพเจ้าจึงสมัครไป และเส้นทาง ไปจะผ่านอำ เภอสูงเม่น ที่ข้าพเจ้าจีบผู้หญิงอยู่ ซึ่งเมื่อไปทำงานแคมป์อยู่อำ เภอเชียงกลางแต่ต้องขึ้นไปทำงาน บ อวน น้ายาว ซึ่งเป็นถนน ในพระราชดำ ํ ริของในหลวงที่จะสร้างถนนเลียบชายแดนตลอดแนว การไปทำงานที่นั่น รถแทรกเตอร์ ต้องหุ้มเหล็กหนา ๑ นิ้ว ข้าพเจ้าต้องใส่เสื้อเกราะมีปืนคาร์บิน ๑ กระบอก มีทหารคุ้มกันด้วย และดูแลคนงานสร้างทาง ที่พัฒนาขึ้นมีคนงาน ๒๐ คน เป็นชาวบ้านที่ยากจน เมื่อข้าพเจ้ามีอาหาร(เสบียงมีอยู่บ้าง) ก็แบ่งให้คนงานได้กินบ้าง อาทิ กุ้งเชียง หมูหยอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเสมือนเกราะป้องกันข้าพเจ้า มีข่าวเกี่ยวกับผกค.จะได้รู้เห็น ข้าพเจ้ามิเคยไปมีความ ผูกพันกับลูกสาวชาวบ้าน ที่ทุกคนอยากให้ข้าพเจ้าได้ลูกสาวเป็นแฟนกับข้าพเจ้า โดยพยายามให้ไปนอนที่บ้านที่มีลูกสาว หลายหลัง แต่ข้าพเจ้าถือว่าไม่ใช่เนื้อคู่ จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ และข้าพเจ้าเป็นผู้เบิกจ่ายน้ามัน ก็ไม่เคยคดโกงหลวงเลย ํ แม้แต่ครั้งเดียวไม่นำ น้ามันไปขายจนกระทั่งได้มีโอกาสที่มีการประกวดว่าว ท้องสนามหลวงข้าพเจ้าจะพักร้อนและกลับ ํ มาเยี่ยมบ้านและทำว่าวประกวดด้วยกันกับพ่อเกิด ได้รางวัลทั้งคู่โดยแต่งลูกเสือ ทำว่าวได้รางวัลและนำ เงินรางวัลถวาย ให้กับสภากาชาดไทยในตอนนั้นได้รางวัล ๔๕๐ บาท แต่ค่าจ้างที่ทำ ที่ทางสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมภ์หาให้ เป็นค่าแรงทำว่าว เมื่อแข่งเสร็จยังไม่จ่ายให้ ต้องไปเบิกที่สะพานควายบ่อยครั้ง ตัวละ ๙๐๐ บาท แม่จริงของข้าพเจ้าจะ มารับเงินที่กรมทางทุกเดือน ข้าพเจ้าได้ตอบแทนแม่แท้ๆ ถึงเขาไม่ได้เลี้ยงเรามาและข้าพเจ้าได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชน และเป็นทหารผ่านศึก ชั้น ๓ ด้วย ข้าพเจ้าได้ลงมาดูแลแม่ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ชีวิตของข้าพเจ้าได้ถูกกำ หนดที่ผกผันเปลี่ยน ไป ข้าพเจ้าไม่คาดคิดถือว่าเป็นบุญเหลือเกิน เมื่อได้กลับมากรุงเทพฯในช่วงที่กรมทางหลวงได้ส่งข้าพเจ้าไปฝึกอาวุธ ตปส. ต่อต้านปราบปรามความไม่สงบที่โคราช(หนองตากู) ๑ เดือน หลังจากฝึกอาวุธเสร็จได้มีโอกาส ส่งเสด็จเจ้าฟ้าชายวชิรา ลงกรณ พระองค์เสด็จพระราชดำ เนินเข้ามาทางข้าพเจ้าและถามถึงทำงานที่ไหน ข้าพเจ้าได้ตอบตามความจริงทุกประการ ว่าอยู่กรมทางในแดนผู้ก่อการร้าย และพระองค์รับสั่งว่าจบที่ไหนข้าพเจ้าตอบว่าจบ ปวส. อุเทนถวาย พระองค์รับสั่งให้ ข้าพเจ้าไปเรียนต่อ และมาทำงานด้วยกัน สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อพระองค์โปรดเช่นนั้น เมื่อข้าพเจ้ากลับมาทำงานต่อ
134 ปริญญา สุขชิต ที่กรุงเทพฯ(เข้ากรม) อยู่ที่จังหวัดน่าน (ห้วยโกร๋น-ปัว) มาถึง ๔ ปีครึ่ง จึงขอกลับกรุงเทพฯมาดูแลพ่อแม่ที่แก่ชรา ทางกรมให้กลับเข้ามาอยู่ที่กองทางหลวงจังหวัด เลยมีเวลา ขอไปเรียนต่อเพาะช่าง ซึ่งข้าพเจ้าจบอุเทนถวาย และไป พลิกผันตรงที่ข้าพเจ้าไปถีบซาเล้งและล้มลงแขนหักไป หา หมอที่ศิริราช ชื่อหมอณรงค์ บุญรัตนเวช และข้าพเจ้าเป็น คนสนุกพูดคุยกับหมอว่าข้าพเจ้าตอนนั้นยากจนมาก ท่าน เข้าเฝือกแขนซ้ายให้เมื่อเสร็จท่านเลยบอกว่ารู้จักอาจารย์ ใหญ่ ชื่อเฉลิม นาคีรักษ์ เคยมาให้ท่านรักษาจึงให้จดหมาย ไปและเข้าเรียนต่อระดับปวส. ซึ่งเมื่อเข้าไปเรียนข้าพเจ้าได้ เป็นประธานนักเรียนของแผนกหัตถกรรม ซึ่งการเรียนนั้น ต่างจากคณะอื่น หัตถกรรมเรียนรู้หมด ๗ อย่างด้วยกัน ทอ ย้อม-เครื่องหนัง-แกะสลักไม้-เครื่องเงิน-ปั้นดินเผา-ลงรักปิด ทองและการทำแบบหล่อ ผิดกับแผนกอื่นเขาเรียนกันตาม ถนัด จิตรกรรม (เขียนไทยและจิตรกรรมสากล) วิจิตรศิลป์ (วาดรูปอย่างเดียว) พาณิชย์ศิลป์(ออกแบบโฆษณา) จึง ทำ ให้ได้ประโยชน์จากการเรียนมาก และข้าพเจ้าจะเก่ง เขียนแบบมากเลยรับจ้างเข้าเขียนแบบได้เงินมาเรียนที่เพาะ ช่างอีกด้วย จนเรียนจบปวส.ที่เพาะช่าง ขณะที่เรียนเพาะ ช่าง ความสนุกในการเชียร์บอลมีมาก จะไปเชียร์ทีมเพาะ ช่างแข่งที่สนามจารุเสถียร เมื่อสนามยังเป็นลูกรัง ฝนตกลง มาข้าพเจ้าจะชอบว่ายน้า เพราะว่ายน ํ ้าข้ามแมน ํ ้าเจ้าพระยา ํ บ่อย เกาะเรือพ่วงเล่นไปกลับท่าดินแดง กลับมาท่าพระ อาทิตย์ตลอดเลย วิ่งเชียร์และพุ่งตัวลงมาที่ลูกรัง เป็นการ เชียร์ที่สุดสวย ใช้หน้าอกไถไปกับลูกรัง กลับบ้านมาดู หน้าอกแดงเป็นผื่น แต่เร้าใจกองเชียร์เพาะช่าง ประกอบ บอลชนะเลยหายเจ็บ ในระหว่างนั้นมีการเดินขบวน ๖ ตุลาคม เกิดขึ้นในธรรมศาสตร์ ข้าพเจ้ารู้ว่าคงจะ เกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น ในสัญชาตญาณที่เห็นว่าต้องนอง เลือดแน่จึงไม่ไปทำงานและแต่งลูกเสือเข้าไปช่วยนักศึกษา ที่อันตรายมากถูกยิงอยู่ในรถพยาบาล ข้าพเจ้าจึงรีบอุ้มให้ ไปอยู่ในรถประมาณ ๑๐ กว่าคัน ข้าพเจ้าเดินฝ่ากระสุนซึ่ง ทหารอยู่โคนต้นไม้ยิงขึ้นไปหอประชุมธรรมศาสตร์ ข้าพเจ้า เดินไปธรรมศาสตร์แบบไม่กลัวลูกปืนที่ยิงอยู่เลย เพราะวิถี กระสุนจะเอียงขึ้นไป เมื่อเข้าไปช่วยนักศึกษาในธรรมศาสตร์ ทุกคนที่อยู่กลุ่มข้างนอกจะนำ นักศึกษาที่ถูกยิงไปทำร้ายต่อ ข้าพเจ้าไม่ให้และแบกร่างของนักศึกษาผู้นั้นไปอยู่ในรถ พยาบาล และเมื่อรถออกไปข้าพเจ้าเห็นว่ามันอันตราย เมื่อ มีรถเมล์สาย ๑๙ วิ่งเข้ามา ขนนักศึกษาที่นอนอยู่กับพื้น เกือบ ๒๐ คัน ข้าพเจ้าขึ้นไปที่รถให้นักศึกษาเอาเบาะที่นั่ง ขึ้นมาบังตรงที่หน้าต่างเพราะจะมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับ นักศึกษาขว้างก้อนหินใส่มาที่รถตลอดโดยออกทางถนน พระอาทิตย์ ซึ่งข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตัวเป็นกลางโดยไม่เลือก ข้าง ขอให้ได้ช่วยชีวิตคนอย่างเดียว ภูมิใจในชุดลูกเสือที่แต่ง เมื่อจบจะลาออก รองอธิบดีกรมทางหลวง เรือเอกสมสิทธิ์ เนติบริรักษ์ เลยเปลี่ยนตำแหน่งให้จากช่างโยธา เป็นช่าง เขียนแบบลูกจ้างประจำขึ้นมากินเงินเดือน ปวส. (ริเริ่ม นักเรียนระดับชาติ ควีนส์คัพ-ไลอ้อนซิตี้-ซีเกมส์- เอเชี่ยนเกมส์-คิงส์คัพ-ตีปีบ-และหาไม้กวาดด้ามนำ มาหัก กับท่อมาตีปีบไม้ด้ามมันกลมเลยไม่เจ็บมือ ซื้อปีบ) และใน ช่วงแข่งว่าวนั้นจะเป็นช่วงเวลาในปี พ.ศ ๒๕๐๙ จอมพล ประพาสจารุเสถียร เป็นนายกสมาคมกีฬาไทยฯ ข้าพเจ้า ทำว่าวภาพแข่งกับพ่อ ๒ ตัว ได้รางวัลทุกตัว ข้าพเจ้าขึ้นไป รับรางวัลและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งถามจอมพลประพาส จารุเสถียร ว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร ตอบว่า ปริญญา สุขชิต ความผูกพันกับว่าวนั้น จึงทำ ให้ เรื่องราวของข้าพเจ้ามาเป็นของชาติ แนวคิดที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์ว่าวที่สวยงาม และ สง่างามแห่งแรกในประเทศไทยอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า รังสิตและสิ่งที่ไม่คาดคิดที่จะคิดโครงการทำ ประวัตินี้มา เกือบ ๑ ปีหาเงินลงทุนไม่ได้ จึงติดต่อขอทุนมูลนิธิอาทร ประชานาถ วัดพระบาทน้าพุ ข้าพเจ้าคิดว่าได้เคยทำ ํบุญ ร่วมกัน และจรรโลงวัฒนธรรมและกีฬาประจำชาติไทยที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ตรัสไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ว่ากีฬาประจำ ชาติไทย คือว่าวต่อสู้กัน ทำ ให้ข้าพเจ้า มีกำลังใจขึ้นมากถึงแม้ตอนนี้ข้าพเจ้าใกล้ อายุ ๗๔ แล้วจะ ทำ เรื่องนี้จนชีวิตจะหาไม่ และขอจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดไปนานเท่านาน
135 ปริญญา สุขชิต วิถีทางเดิน ดวงชะตา ปริญญา สุขชิต จากอดีต เด็กขายของ ริมข้างถนน พ่อกับแม่ ที่แท้จริง ตัดทิ้งเพราะจน โชคบันดล ให้มีคน ค้าจุนชีวี ํ อุปการะ ปฏิบัติ จัดทางชีวิต พรหมลิขิต กำ หนดทิศ คิดค้นวิถี คอยศึกษา หาแนวทาง สร้างสรรค์ความดี เติมแสงสี กับวิชา ศิลปกรรม คอยประดิษฐ์ คิดค้นหา ตำราส่งเสริม คอยแต่งเติม เพิ่มพูนสิทธิ์ มิตรอุปถัมภ์ คอยปรับปรุง ผดุงงาน ด้วยการจดจำ คอยร่ายรำ ร้องประสาน งานเชียร์กีฬา โลกเชิดชู เป็นครูเป็ด เด็ดทุกขบวน เกิดชนวน ชวนชาวไทย ร้อยใจไฝ่หา เป็นเกียรติบัตร จัดรูปงาน สืบสานกันมา “เป็ด ปริญญา” เชียร์กีฬา ต้นแบบของไทย หัฎฐะพลณ์ เทศศรีเมือง ปริญญา สุขชิต
136 ปริญญา สุขชิต
137 ปริญญา สุขชิต ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินแห่งชาติ ของประเทศไทย หมายถึงศิลปินผู้มีความสามารถ มีผลงานสร้างสรรค์ และพัฒนาเป็นที่ยอมรับของวงการ และมีผลงานเป็น ประโยชน์ต่อสังคม ศิลปินแห่งชาตินับเป็นทรัพยากรบุคคล สำคัญทางด้านศิลปะ ที่ได้สืบสานงานศิลปะของชาติจาก อดีตถึงปัจจุบันและดำรงสืบไปในอนาคต นับตั้งแต่เริ่มโครงการศิลปินแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ถึงประกาศรายชื่อศิลปินแห่งชาติประจำ ปี พ.ศ.๒๕๖๔ มีการ ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติรวมทั้งสิ้น ๓๔๓ ท่าน เสียชีวิตแล้ว ๑๖๙ ท่าน และมีชีวิตอยู่ ๑๗๔ ท่าน คุณสมบัติของศิลปินแห่งชาติ ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญต่อการพิจารณา เชิดชูเกียรติบุคคลด้านศิลปะ ๘ ประการ ได้แก่ ๑. มีสัญชาติไทย ๒. มีชีวิตอยู่ในวันประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ ๓ เป็นผู้มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถ มีความ เชี่ยวชาญ และมีผลงานดีเด่นเป็นที่ยอมรับ ของวงการ ศิลปะในสาขานั้น ๔. เป็นผู้สร้างสรรค์และพัฒนาศิลปะในสาขาที่ได้ รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ ๕. เป็นผู้ผดุง ถ่ายทอด เผยแพร่ หรือเป็นต้นแบบ ศิลปะในสาขาที่ได้รับการประกาศ ยกย่องเชิดชูเกียรติ ๖. เป็นผู้ทุ่มเท อุทิศตนเพื่องานศิลปะ และมีผลงาน ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ๗. ไม่มีความประพฤติเสื่อมเสีย ๘. ไม่เคยต้องคำ พิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำ โดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
138 ปริญญา สุขชิต หลักเกณฑ์การตัดสินให้เป็นศิลปินแห่งชาติ จึงเป็นคุณสมบัติที่ศิลปินแห่งชาติพึงระลึกและปฏิบัติ ไว้ เสมอว่า ท่านข้อหนึ่งข้อใดตามหลักเกณฑ์ จนได้รับคัดเลือก หลักของความดี ความงาม ความถูกต้อง ซึ่งจะแสดงออก มาโดยการกระทำ ทางกาย วาจาและจิตใจของแต่ละบุคคล โดยไม่ส่งให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายจากผลของการกระทำ ที่ไร้ซึ่งคุณธรรม ซึ่งเป็นหลักประจำ ใจที่ ศิลปินแห่งชาติ พึง ประพฤติปฏิบัติจนเกิดเป็นนิสัยตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบัน และ จะกระทำต่อไปจนวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งหลักคุณธรรมนั้น เป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อ สังคมประเทศชาติ เพื่อก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคี - สมานฉันท์ ความใกล้ชิดอบอุ่นสนิทสนม เพื่อการอยู่ร่วม กันอย่างสันติ และส่งผลให้มีความมั่นคงในชีวิต สังคม บ้าน เมือง และประเทศชาติ และสามารถที่จะแบ่งปันให้ผู้ที่อยู่ รอบข้างในระดับนานาชาติ เมื่อได้ประกาศยกย่องเชิดชู เกียรติผู้ใดเป็นศิลปินแห่งชาติแล้ว หากปรากฏว่าศิลปินแห่ง ชาติผู้นั้นมีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือต้องคำ พิพากษา ถึงที่สุดให้จำ คุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำ โดย ประมาทหรือความผิดลหุโทษ คณะกรรมการโดยมติด้วย คะแนนเสียงอย่างน้อยสองในสามของจำ นวนกรรมการ ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่อาจยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปิน แห่งชาติได้ เมื่อได้ยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ใดเป็น ศิลปินแห่งชาติ ให้งดการจ่ายประโยชน์ ตอบแทนตั้งแต่วัน ที่คณะกรรมการมีมติ สาขาของศิลปินแห่งชาติ มีหลักเกณฑ์การคัดเลือกจำแนกศิลปินแห่งชาติ ออกเป็นสาขาศิลปะ ๔ ด้านสาขาหลัก คือ สาขาทัศนศิลป์ หมายถึง ศิลปะที่มองเห็นได้ด้วยตา จะเป็นศิลปะ สองมิติ หรือสามมิติ ซึ่งได้แก่ ผลงานศิลปกรรมประเภทต่าง ๆ ที่แสดงถึงภูมิปัญญาของผู้สร้างสรรค์ และมีเอกลักษณ์ โดดเด่น ดังต่อไปนี้ • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านจิตรกรรม หมายถึง ภาพเขียน ภาพสี และภาพลายเส้น • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านประติมากรรม หมายถึง งานปั้น และแกะสลัก • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านภาพพิมพ์ หมายถึง ศิลปะการพิมพ์ด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ เช่น การพิมพ์ ด้วยแม่พิมพ์ไม้ หรือโลหะ ฯลฯ • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านภาพพิมพ์และ สื่อผสม หมายถึง ศิลปะการพิมพ์ซิลค์สกรีน • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านภาพถ่าย หมายถึง ผลงานศิลปะภาพถ่ายที่นำ เสนอด้วยการสื่ออารณ์ และความรู้สึก
139 ปริญญา สุขชิต • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านภาพถ่าย ศิลปะ หมายถึง ผลงานภาพถ่ายงานศิลปะชั้นดีเยี่ยม โดด เด่น ที่นำ เสนอด้วยการทำ ให้ผู้ชมสะเทือนใจและอิ่มเอมกับ ความงามของภาพที่ปรากฏในภาพแต่ละชุด • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านสื่อประสม หมายถึง ผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยกรรมวิธี และ เทคนิคต่าง ๆ อย่างอิสระ • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านสถาปัตยกรรม (แบบร่วมสมัย) หมายถึง ผลงานออกแบบสถาปัตยกรรมที่ โดดเด่นและรูปแบบทันสมัย • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านสถาปัตยกรรม (แบบประเพณี) หมายถึง ผลงานออกแบบสถาปัตยกรรมที่ โดดเด่นและรูปแบบสะท้อนถึงประเพณี ต่าง ฯ ของไทย • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านสถาปัตยกรรม ไทย หมายถึง ผลงานออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและ รูปแบบสะท้อนถึงประเพณี ต่าง ฯ ของไทย • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านประณีตศิลป์ หมายถึง ผลงานศิลปะ อย่างประณีต สวยสดงดงาม • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านประณีตศิลป์- แกะสลัก หมายถึง ผลงานศิลปะการแกะสลักเครื่องสดโดย การแกะสลักผัก ผลไม้ ใบตอง ดอกไม้สด อย่างประณีต สวยสดงดงาม • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านประณีตศิลป์- ศิลปะผ้าทอ หมายถึง ผลงานศิลปะการทอผ้า อย่างประณีต สวยสดงดงาม • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านประณีตศิลป์- ศิลปะปูนปั้น หมายถึง ผลงานศิลปะการปั้นปูน อย่าง ประณีต สวยสดงดงาม • ด้านสาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยด้านออกแบบ อุตสาหกรรม หมายถึง ผลงานศิลปะผลงาน การออกแบบ งานเครื่องปั้นดินเผา เทคนิคการเคลือบและการลงสีเฉพาะ ตัว อย่างประณีต สวยสดงดงาม
140 ปริญญา สุขชิต สาขาศิลปะการแสดง หมายถึง ศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการแสดง ซึ่งเป็นได้ ทั้งแบบดั้งเดิมหรือพัฒนาขึ้นใหม่ ได้แก่ การดนตรี, นาฏศิลป์ และภาพยนตร์และละคร • สาขาดนตรี แบ่งออกเป็นสาขาดนตรีไทยและ สาขาดนตรีสากล แบ่งออกเป็นสาขาย่อยดังนี้ * สาขาย่อยด้านนักดนตรี ต้องเป็นนักดนตรีเด่น เฉพาะเครื่องดนตรี * สาขาย่อยด้านนักร้อง ต้องมีความสามารถทั้งร้อง ส่งและร้องรับ และ/หรือสามารถแหล่ทำ นองต่าง ๆ ได้ (แหล่เฉพาะแบบดั้งเดิม) * สาขาย่อยด้านนักประพันธ์เพลง ประพันธ์คำร้อง ทำ นอง จังหวะ ทั้งทางร้อง และทางดนตรี * สาขาย่อยด้านผู้อำ นวยเพลง ต้องเป็นผู้อำ นวย เพลงดีเด่น * สาขาย่อยด้านผู้ผลิตเครื่องดนตรี • สาขานาฏศิลป์ แบ่งออกเป็นสาขานาฏศิลป์ไทย และสาขานาฏศิลป์สากล (สาขานาฏศิลป์ตะวันตก) แบ่ง ออกเป็นสาขาย่อย ดังนี้ * สาขาย่อยละครรำ อาทิ รำ ฟ้อน ระบำ รำ เซิ้ง เช่น โนห์รา ชาตรี ระบำแขก ฯลฯ * สาขาย่อยละครร้อง อาทิ โขน ลิเก ประดิษฐ์ขึ้น มาใหม่ เช่น หุ่นเชิด หุ่นละครเล็ก หุ่นกระบอก หนังใหญ่ หนังตะลุง การเขียนบทร้อง หรือบท * สาขาย่อยละครรำ (เพื่อการแสดง) ด้านศิลปะการแสดงสาขาการแสดง แบ่งออกเป็น สาขาการแสดงภาพยนตร์และสาขาการแสดงละคร • สาขาการแสดงภาพยนตร์ แบ่งออกเป็นสาขาย่อย คือ * สาขาย่อยภาพยนตร์ * สาขาย่อยผู้สร้างภาพยนตร์ * สาขาย่อยผู้ประพันธ์คำร้อง - ผู้กำกับภาพยนตร์ * สาขาย่อยการแสดงภาพยนตร์ - นักแสดง * สาขาย่อยนักพากย์ - นักแสดง • สาขาการแสดงละคร * สาขาย่อยละคร * สาขาย่อยการแสดงละครเวที *สาขาย่อยการแสดงละครเวทีพื้นบ้าน ประกอบ ด้วย หมอลำ ลำตัด เพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงบอก สวดคฤหัสถ์ ฯลฯ * สาขาย่อยการแสดงละครเวที - นักแสดง * สาขาย่อยการแสดงละครเวที-นักแสดงตลก * สาขาย่อยการแสดงละครโทรทัศน์ * สาขาย่อยการแสดงละครโทรทัศน์-นักแสดง * สาขาย่อยการแสดงละครโทรทัศน์ - นักแสดงตลก
141 ปริญญา สุขชิต สิทธิประโยชน์ และตอบแทนที่ได้รับจากทาง ราชการ ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติจะ ได้รับสิทธิประโยชน์ตอบแทนจากกองทุนส่งเสริม วัฒนธรรม ได้แก่ * ค่าตอบแทนรายเดือนตลอดระยะเวลาที่มี ชีวิตอยู่ ๒๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน * ค่ารักษาพยาบาลว่าด้วยเงินสวัสดิการ (เว้นแต่ มีสิทธิ์เบิกจากหน่วยงานอื่นโดยให้เบิกจากหน่วยงานนั้น ก่อน ถ้าเบิกจากหน่วยงานนั้นได้ต่ากว่าสิทธิตามพระราช ํ กฤษฎีกาให้มีสิทธิเบิกในส่วนที่ยังขาดอยู่ได้อีกภายในวงเงิน ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปีงบประมาณ) * ค่าช่วยเหลือเมื่อประสบภัยเท่าที่เสียหายจริง ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อครั้ง * ค่าของเยี่ยมในยามเจ็บป่วยหรือโอกาสสำคัญ เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาทต่อครั้ง * เงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมบำ เพ็ญ กุศลศพ ๒๐,๐๐๐ บาท *เงินช่วยเหลือค่าจัดทำ หนังสือเผยแพร่ผลงาน เมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท สาขาวรรณศิลป์ หมายถึง บทประพันธ์ที่ทำ ให้เกิดจินตนาการ เห็น เป็นภาพมโนคติ ภาพลักษณ์ ความเพลิดเพลิน และเกิด อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ตามเจตนารมณ์ของผู้ประพันธ์ ได้แก่ กวีนิพนธ์ นวนิยาย เรื่องสั้น บันเทิงคดีสำ หรับเด็ก และเยาวชน อาทิ วรรณกรรมเยาวชน หนังสือเด็กที่ได้รับ การตีพิมพ์เผยแพร่อย่างกว้างขวาง สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม หมายถึง งานออกแบบหรืองานออกแบบและงาน ก่อสร้างอาคารสวยงาม มีคุณค่าทางศิลปะ และมีวิทยาการ ซึ่งแสดงภูมิปัญญาของผู้ออกแบบอย่างโดดเด่น ได้แก่ สถาปัตยกรรมไทยและสถาปัตยกรรมร่วมสมัย
142 ปริญญา สุขชิต ห้องศิลปินแห่งชาติ เป็นห้องที่จัดแสดงนิทรรศการ ประวัติศิลปินแห่งชาติทุกแขนงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อเติมเต็มองค์ความรู้ให้แก่นักเรียน นักศึกษาและ ประชาชนผู้ที่สนใจ * ห้องศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ จัดแสดงที่ ชั้นที่ ๑ ภายในห้องมีภาพประวัติและผลงานของศิลปินแห่ง ชาติ งานวรรณกรรม และห้องสมุดที่สามารถสืบค้นข้อมูล *ห้องศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์และศิลปะ สถาปัตยกรรม จัดแสดงที่ชั้นที่ ๒ มีการจัดแสดงป้ายเชิดชู เกียรติของศิลปินแห่งชาติ พร้อมรูปถ่าย ลายเซ็น และส่วน จัดแสดงประวัติและผลงานศิลปินแห่งชาติอย่างย่อ แต่หาก ต้องการทราบประวัติโดยละเอียดในฐานลึก ก็สามารถสืย ค้นจากห้องสมุดและระบบคอมพิวเตอร์ มัลติมีเดีย เพื่อให้ สามารถสืบค้น ข้อมูลศิลปินแห่งชาติแต่ละท่านได้เช่นกัน นอกจากนี้ภายในห้องยังจัดแสดงผลงานต้นฉบับของ ศิลปินแห่งชาติทุกท่าน ซึ่งหาดูได้ยาก ที่ทรงคุณค่าของ ศิลปินแห่งชาติยิ่ง * ห้องศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง มีการ จัดแสดงด้วยการดึงดูดผู้คนจากผู้เข้าชม ด้วยการจำลอง บรรยากาศของเวทีการแสดง อันอบอวนไปด้วยศิลปะการ หออัครศิลปิน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม แสดง น่าดู น่าฟัง มีประวัติของศิลปินแห่งชาติและผลงาน ยังมีจอหนังตะลุง โรงภาพยนตร์ ส่วนจัดแสดงอุปกรณ์งาน สร้างสรรค์ศิลปะการแสดง หุ่นจำลองใส่ชุดละครรำ ส่วนผู้ ที่ชอบการร้องเพลงก็มีห้องคาราโอเกะให้ผู้เข้าชมได้ทดลอง ขับร้องเพลงของศิลปินแห่งชาติได้อีกด้วย * หออัครศิลปิน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ตั้งอยู่ที่ ถนนเลียบคลองห้า ตำ บลคลองห้า อำ เภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เปิดเข้าชม วันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๖.๐๐ น.