อิเหนา
ต อ น ศึ ก ก ะ ห มั ง กุ ห นิ ง
สารบัญ
เรื่อง หน้า
ประวัติความเป็นมา ๑
เรื่องย่อ ๒-๓
ข้อคิดที่ ได้จากเรื่ อง
เเผนผังตัวละคร ๔
รายชื่ อกลุ่ม ๕-๗
๘
ประวัติความเป็นมา
อิเหนา เป็นวรรณคดีที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่ งชาวชวาได้แต่งขึ้นเอเฉลิมพระเกียรติ
แด่พระมหากษัตริย์ ชวาพระองค์นี้ทรงนำความเจริญให้แก่ชาวชวา ซึ่ งพระองค์เป็นทั้งนักรบ
นักปกครอง และพระองค์ทรงมี พระราชธิดา ๑ พระองค์ และพระราชโอรส ๒ พระองค์ เมื่อ
พระราชธิดาของพระองค์ได้ทรงเสด็จออกผนวช จึงได้แบ่งราชอาณาจักรเป็น ๒ ส่วน คือ
กุเรปัน และ ดาหา
ต่อมาท้าวกุเรปันได้ทรงมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่ง และท้าวดาหาทรงมีพระราชธิดา
พระองค์หนึ่ง ซึ่ งทั้งสองพระองค์มีพระนามว่า อิเหนาและบุษบา เมื่อเจริญพระชันษา อดีต
พระราชธิดาของกษัตริย์พระองค์เดิมที่เสด็จออกผนวช จึงมีพระดำริให้อิเหนาและบุษบา
อภิเษกกัน เพื่อให้กุเรปันและดาหากลับมารวมกันเป็นราชอาณาจักรเดียวกันดั่งเดิม
เนื่องจากนิทานอิเหนาเป็นเรื่องราวที่ได้รับความนิยมจากชาวชวาเป็นอย่างมาก เนื้อเรื่อง
จึงปรากฏเป็นหลายสำนวน และเมื่อได้เข้ามาสู่ประเทศไทย มีคำกล่าวสืบเนื่องกันมาว่าพระ
ราชิดาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกับเจ้าฟ้าสังวาล คือ เจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้ามงกุฎ
ได้ฟังนิทานอิเหนาจากนางกำนัลชาวมลายูที่ได้มาจากเมืองปัตตานี พระราชธิดาทั้งสองพระ
องค์จึงมีพระราชธิดาจึงมีพระราชนิพนธ์ขึ้นนิทานเรื่องนี้ขึ้น เจ้าฟ้ากุณฑลทรงนิพนธ์บท
ละครเรื่องของดาหลัง ส่วนเจ้าฟ้ามงกุฎทรงนิพนธ์เป็นละครเรื่อง อิเหนา แต่คนทั่วไปมัก
เรียกบทพระราชนิพนธ์ของทั้งสองพระองค์นี้ว่า อิเหนาใหญ่ และอิเหนาเล็ก นิทานปันหยี
ของไทยจึงมี ๒ สำนวนแต่นั้นมา
สมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชก็ทรงพระราช
นิพนธ์บทละคร อิเหนา ขึ้น โดยยังคงเค้าโครงเรื่องเดิม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ
หล้านภาลัยได้พระราชนิพนธ์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เนื่องจาก เนื้อความเข้ากันไม่สนิทกับ
บทเมื่อครั้งกรุงเก่าและนำมาเล่นละครได้ไม่เหมิจึงทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ให้สั้ นและ
สอดคล้องกับท่ารำโดยรักษากระบวนการเดิม แล้วพระราชทานให้สมเด็จพระเจ้า
บรมวงศ์ เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิทักษ์มนตรีซึ่ งเชี่ ยวชาญในการละคร ได้นำ
ไปประกอบท่ารำและฝึกซ้อมจนเห็นสมควรว่าดี แล้วจึงรำถวายให้ทอดพระเนตร
เพื่อให้มีพระบรมราชวินิจฉัยอีครั้งเป็นอันเสร็จ
๑
เนื้ อเรื่องย่อ
ดินแดนชวาโบราณมีกษัตริย์วงศ์ หนึ่งเรียกว่า วงศ์ สัญแดหวาหรือวงศ์ เทวา เพราะว่าสืบ
เชื้ อสายมาจากเทวดา คือ องค์ปะตาระกาหลา กล่าวกันว่าวงศ์ นี้มีพี่น้องสี่ องค์ องค์พี่ครองเมือง
กุเรปัน องค์ที่สองครองเมืองดาหา องค์ที่สามครองเมืองกาหลัง และองค์ที่สี่ ครองเมืองสิงหัด
ส่าหรี กษัตริย์วงศ์ เทวามีอานุภาพยิ่งใหญ่ด้วยยศศั กดิ์ ถือตัวว่าเป็นชนชั้ นสูงจึงอภิเษกกันเฉพาะ
ในวงศ์ พี่น้อง นอกจากนี้ทั้งสี่ เมืองเท่านั้นที่สามารถแต่งตั้งมเหสีได้ 5 องค์ ตามลำดับตำแหน่ง คือ
ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลิกู เหมาหราหงี แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองหมันหยาซึ่ งเป็นเมือง
เล็กกว่า กล่าวคือ เจ้าเมืองนี้มีราชธิดาสามองค์ องค์โตชื่ อนิหลาอระตา ได้ไปเป็นประไหมสุหรี
เมืองกุเรปัน องค์ที่สองชื่ อ ดาหราวาตี ได้ไปเป็นประไหมสุหรีเมืองดาหา ส่วนองค์สุดท้องชื่ อ
จินดาส่าหรี ได้อภิเษกกับโอรสท้าวมังกัน และได้ครองเมืองหมันหยา
ท้าวกุเรปันมีโอรสองค์แรกกับลิกู ชื่ อว่า กะหรัดตะปาตี ต่อมามีโอรสกับประไหมสุหรีเป็น
หนุ่มรูปงามและเก่งกล้าสามารถมาก ชื่ อ อิเหนา หรือ ระเด่นมนตรี และมีราชธิดาชื่ อวิยะดา
ส่วนท้าวดาหามีราชธิดากับประไหมสุหรีชื่ อ บุษบา และมีโอรสชื่ อ สียะตรา บุษบามีอายุไล่เลี่ย
กับอิเหนา ท้าวกุเรปันจึงหมั้นบุษบาให้กับอิเหนา และสียะตราก็หมั้นหมายกันไว้กับวิยะดา
ส่วนระตูหมันหยากับประไหมสุหรีก็มีราชธิดาชื่ อระเด่นจินตะหรา อายุรุ่นราวคราวเดียว
กับอิเหนา ท้าวสิงหัดส่าหรีกับประไหมสุหรีมีโอรสชื่ อระเด่นสุหรานากง ราชธิดาชื่ อระเด่นจินดา
ส่าหรี ท้าวกาหลังมีราชธิดาชื่ อ ระเด่นสกาหนึ่งรัด ซึ่ งเป็นคู่ตุนาหงันของสุหรานากง
เมื่อพระอัยยิกาที่เมืองหมันหยาสิ้ นพระชนม์ ท้าวกุเรปันมอบหมายให้อิเหนาไปร่วมพิธี
ถวายพระเพลิงพร้อมกับกะหรัดตะปาตี อิเหนาพบจินตะหราก็หลงรัก จนพิธีถวายพระเพลิงเสร็จ
แล้วก็ยังไม่ยอมกลับกุเรปัน ท้าวกุเรปันจึงต้องอ้างว่าประไหมสุหรีจะมีพระประสูติกาลให้กลับมา
เป็นกำลังใจให้พระราชมารดา อิเหนาจำใจต้องกลับมาประจวบกับพระราชมารดาประสูติ พระ
ราชธิดาหน้าตาน่ารัก นามว่า ระเด่นวิยะดา
อย่างไรก็ตามอิเหนายังหาทางกลับไปเมืองหมันหยาอีก โดยอ้างว่าจะไปประพาสป่า แล้ว
ปลอมตัวเป็นโจรป่าชื่ อ มิสารปันหยี ระหว่างทางได้รบกับระตูบุศิ หนา น้องชายสุดท้องของระตู
ปันจะรากันและระตูปักมาหงัน ปรากฏว่าระตูบุศสิหนาตายในที่รบ นางดรสาซึ่ งเพิ่งเข้าพิธีอภิเษก
กับระตูบุศสิหนาจึงกระโดดเข้ากองไฟตายตามพระสวามี ส่วนระตูจะรากันและระตูปักมาหงัน
ยอมแพ้และถวายพระธิดาและพระโอรสให้อิเหนา คือ นางสะการะวาตี นางมาหยารัศมี และสังคา
มาระตา เมื่ออิเหนาเข้าเมืองหมันหยาได้ก็ลักลอบเข้าหานางจินตะหรา แล้วได้สองนางคือ นาง
สะการะวาตีและนางมาหยารัศมีเป็นชายา และรับสังคามาระตาเป็นน้องชาย
๒
เนื้ อเรื่องย่อ
ท้าวกุเรปันเรียกอิเหนากลับเมืองถึงสองครั้ง พร้อมทั้งนัดวันอภิเษกระหว่างอิเหนากับ
บุษบา แต่อิเหนาไม่ยอมกลับ สั่ งความตัดรอดนางบุษบา ท้าวกุเรปันและท้าดาหาทราบเรื่อง
ก็ขัดเคืองพระทัย ท้าวดาหาถึงกับหลุดปากว่าถ้าใครมาขอบุษบาก้จะยกให้ฝ่ายจรกา ระตู
เมืองเล็กเมืองหนึ่ง และเป็นอนุชาของท้าวล่าส่ำ (ท้าล่าส่ำผู้นี้มีธิดา คือ ระเด่นกุสุมา เป็นคู่
หมั้นของสังคามาระตา) จรกาเป็นชายรูปชั่ วตัวดำ แต่อยากได้ชายารูปงาม จึงให้ช่วงวาดไป
แอบวาดภาพราชธิดาของเมืองสิงหัดส่าหร คือ นางจินดาส่าหรี ครั้นทราบข่าวว่านางบุษบา
สวยงามมากจึงให้ช่างวาดแอบวาดภาพนางบุษบาอีก ช่างวาดแอบวาดภาพได้ 2 ภาพ คือ
ตอนนางบุษบาเพิ่งตื่นบรรทบและภาพที่แต่งองค์เต็มที่ ขณะเดินทางกลับองค์ปะตาระกาหลา
บันดาลให้รูปนางบุษบาที่ทรงเครื่องตกหายไป จรกาได้เห็นภาพที่เพิ่งตื่นบรรทมเท่านั้นก็
หลงใหลถึงกับสลบลงทันที
เมื่อจรกาได้ข่าวจากช่างวาดภาพว่าบุษบาร้างคู่ตุนาหงัน จึงรีบให้ระตูล่าส่ำ พี่ชายมาสู่ขอ
บุษบา ท้าวดาหากำลังโกรธอิเหนาอยู่แม้จะรู้ว่าจรการูปชั่ ว ต่ำศั กดิ์ แต่เมื่อพลั้งปากว่าใคร
มาขอก็จะยกให้ จึงจำใจยากนางบุษบาให้จรกาและกำหนดการวิวาห์ภายในสามเดือน
กล่าวถึงกษัตริย์อีกวงศ์ หนึ่ง องค์พี่ครองเมืองกะหมังกุหนิงมีพระโอรสชื่ อวิหยาสะกำ
องค์รองครองเมืองปาหยัง องค์สุดท้องครองเมืองปะหมันสลัด
อยู่มหาวิหยาสะกำโอรสท้าวกะหมังกุหนิง เสด็จประพาสป่าแล้วพบภาพวาดของนาง
บุษบาทรงเครื่องที่หายไปก็คลั่งไคล้หลงถึงกับสลบเช่นกัน ท้าวกะหมันกุหนิงรักและเห็นใจ
โอรสมาก จึงให้คนไปสืบว่านางในภาพนั้นเป็นใครแล้วให้แต่งทูตไปขอ แต่ท้าวดาหามอบนาง
บุษบาให้จรกาแล้วจึงปฏิเสธไป เมื่อไม่สมหวังท้าวกะหมังกุหนิงจึงยกทัพมาชิงนางบุษบา โดย
แจ้งระตูปาหยังและระตูปะหมันน้องชายและหัวเมืองทั้ งหลายยกทัพมาช่ วยรบด้วย
ท้าวกุเรปันจึงเรียกตัวอิเหนาจากเมืองหมันหยามาช่วยท้าวดาหาทำศึ กกับท้าวกะหมังกุหนิง
อิเหนาเป็นฝ่ายมีชัยในศึ กครั้งนี้ อิเหนาสังหารกะหมังกุหนิง สังคามาระตาสังหารวิหยาสะกำ
ระตูปาหยังกับปะหมันยอมแพ้ขอเป็นเมืองขึ้น เมื่อเสด็จศึ กอิเหนาเข้าเฝ้าท้าวดาหา เมื่อได้
พบกับนางบุษบาก็หลงรักทันที จึงหาทางขัดขวางพิธีอภิเษกโดยการลักพาตัวบุษบาไปซ่อน
ไว้ในถ้ำ องปะตาระกาหลากริ้วที่อิเหนาทำไม่ถูกต้อง จึงบันดาลให้เกิดลมหอบนางบุษบาไป
จากอิเหนา อิเหนาและนางบุษบาต่างต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นเวลาหลายปีจึงได้
กลับมาพบกัน
๓
ข้อคิดที่ ได้จากเรื่ อง
๑. ความกล้าหาญ ไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อข้าศึ กศั ตรู เช่น ท้าวดาหารู้ว่าท้าวกะหมังกุ
หนิง จะยกทัพออกไปสู้รบโดยมิเกรงกลัวแต่อย่างใด
๒. ความรักในศั กดิ์ศรี การมีขัตติยมานะหรือความสำนึกในเกียรติแห่งวงศ์ ของตนเอง เช่น
อิเหนาเมื่อทราบว่าเมืองดาหาเกิดศึ ก แม้จะไม่อยากไปช่วยแต่ความรักในวงศ์ อสัญแดหวา
จึงต้องยกทัพไปช่วย
๓. รักษาคำสัตย์ การรู้จักรักษาคำพูด เมื่อพูดไว้อย่างไรก็ต้องทำตาม แม้ว่าจะมีใครมาบีบ
บังคับหรือฝืนคำพูดหรือมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นก็ไม่ควรเสียคำพูด เช่น ท้าวดาหาได้ยก
นางบุษบาพระราชธิดาให้กับระตูจรกาไปแล้ว เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงส่งทูตมาขอนางให้เเก่
โอรสของตน ก็ทรงปฏิเสธและยืนยันว่าได้ยกให้ระตูจรกาไปแล้วไม่อาจกลับคำ และพร้อมที่
จะทำสงครามถ้าท้าวกะหมังกุหนิงยกทัพมาโจมตี
๔. การรู้จักให้อภัย การไม่ถือโทษโกรธแค้นกันและกัน เมื่อผิดพลาดไปก็สามารถ
อโหสิกรรมต่อกัน เช่น เมื่อทัพกะหมังกุหนิงยอมแพ้ อิเหนาก็ให้อภัยและยอมให้นำศพท้า
วกะหมังกุหนิงและพระโอรสกลับไปทำพิธีที่ เมืองได้
๕. ความรักและความหลงใหล ควรรู้จักแยกแยะให้ออกระหว่างความรักกับความหลงใหล
ในเรื่องนี้ วิหยาสะกำหลงใหลนางบุษบาแม้ได้เห็นเพียงภาพวาด และหากไม่ได้นางมาเป็น
ชายา จะต้องตายทำให้ท้าวกะหมังกุหนิงต้องทำศึ กกับเมืองดาหา ในที่สุดสองพ่อลูกก็จบ
ชีวิตลง อิเหนาหลงใหลนางจินตะหราจนไม่ยอมอภิเษกกับคู่หมั้น ก่อให้เกิดความขัดเเย้ง
ตามมามากมาย บทละครเรื่องอิเหนา ให้คติเตือนใจเกี่ยวกับความทุกข์อันเกิดแต่เรื่องความ
รัก และความหลงใหลได้ดียิ่ง
๔
แผนผังตัวละคร
วงศ์ อสัญแดหวา(วงศ์ เทวัญ)
ท้าวกุเรปัน ท้าวดาหา ท้าวกาหลัง ท้าวหลสิ งหัดส่ าหรี
นิหลาอระตา ลิกู ดาหราวาตี ประไหมสุหรี ลิกู ประไหมสุหรี
ประไหมสุหรี ประไหมสุหรี
วิยะดา อิเหนา กะหรัดตะปาตี บุษบารากา สการะหนึ่งหรัด สุหรานากง จินดาสาหรี่
ตุนาหงัน บุษบา สี ยะตรา
๕
แผนผังตัวละคร
เมืองหมันหยา
นิหลาอระตา ดาหราวาตี จิดาส่ าหรี
โอรสท้าสมังกัน
ท้าวกุเรปัน ท้าวดาหา จินตะหราวาตี
อิเหนา วิยะดา บุษบา สี ยะตรา
๖
แผนผังตัวละคร
เมืองล่าสำ
ระตูล่าสำ
ท้าวล่าสำ จรกา
เมืองกะหมังกุหนิง
ระตูกะหมังกุหนิง
ท้าวกะหมังกุหนิง ท้าวปาหยัง ท้าวประหมัน
วิหยาสะกำ
๗
รายชื่ อกลุ่ม
ชั้ นมัธยมศึ กษาปีที่ ๔/๗
๑. น.ส. อรพิน รอดสั้ น เลขที่ ๑๑
๒. น.ส. สุดารัตน์ ไชยช่วย เลขที่ ๑๕
๓. น.ส. กรรณธิชา หอมหวล เลขที่ ๒๗
๔. น.ส. ชุติมนต์ รัมมะปราชญ์ เลขที่ ๓๔
๕. น.ส. บัณฑิตา โสภากุล เลขที่ ๔๐
๘