คำรำชำศพั ท์
ท่มี ำจำกคำไทยแท้ ท่มี ำจำกภำษำอน่ื
วชิ าภาษาไทย
คำสนธิ คำสนธใิ นภำษำไทยหมำยถงึ คำทม่ี ำจำกภำษำบำล-ี สนั สกฤต มำเชอ่ื มต่อกนั ทำใหเ้สยี งพยำงคห์ ลงั ของคำแรกกลมกลนื กนั กบั เสยี งพยำงค์
แรกของคำหลงั
๑. สระสนธิ คือกำรกลมกลนื คำดว้ ยเสยี งสระ เช่น วทิ ย+อำลยั = วทิ ยำลยั พทุ ธ+อำนุภำพ = พทุ ธำนุภำพ มหำ+อรรณพ = มหรรณพ นำค+
อนิ ทร์ = นำคินทร์ มคั ค+อเุ ทศก์ = มคั คุเทศก์ พทุ ธ+โอวำท = พทุ โธวำท รงั ส+ี โอภำส = รงั สโิ ยภำส ธนู+อำคม = ธนั วำคม
๒. พยญั ชนะสนธิ เป็นกำรกลมกลนื เสยี งระหว่ำงพยญั ชนะกบั พยญั ชนะ ซง่ึ ไมค่ ่อยมใี ชใ้ นภำษำไทย เช่น รหสฺ + ฐำน = รโหฐำน มนสฺ + ภำว =
มโนภำว (มโนภำพ) ทสุ ฺ + ชน = ทรุ ชน นสิ ฺ + ภย = นริ ภยั ๓. นฤคหติ สนธิ ไดแ้ ก่กำรเช่อื มคำทข่ี ้นึ ตน้ ดว้ ยนฤคหติ หรอื พยำงคท์ ำ้ ยของคำหนำ้
เป็นนฤคหติ กบั คำอ่นื ๆ เช่น ส + อทุ ยั = สมทุ ยั ส + อำคม = สมำคม ส + ขำร = สงั ขำร ส + คม = สงั คม ส + หำร = สงั หำร ส + วร =
สงั วร
การยืมคาจากภาษาบาลแี ละ
สันสกฤต
คำยมื จำกภำษำบำลีและสันสกฤตที่นำมำใชใ้ นภำษำไทย สำมำรถแบง่ เป็นประเภทไดด้ งั ต่อไปน้ี
1.ใชเ้ ป็นรำชำศพั ท์ รำชำศพั ทท์ ีส่ ร้ำงจำกคำบำลีสันสกฤตมีมำก เช่น พระบรมรำโชวำท พระรำชเสำวนีย์ ในทำง
ปฏิบตั ิ คำวำ่ รำชำศพั ทห์ มำยรวมถึงคำที่คฤหสั ถใ์ ชก้ บั พระสงฆแ์ ละพระสงฆใ์ ชใ้ นหมู่พระสงฆก์ นั เอง
ดว้ ย เช่น อำพำธ มรณภำพ นมสั กำร อกี ท้งั ยงั หมำยรวมถึงคำภำษำแบบแผนและคำสุภำพทวั่ ๆ ไปซ่ึงใชก้ บั ขำ้ รำชกำรและ
สุภำพชนอีกดว้ ย (รำชบณั ฑิตยสถำน. , 2546 , หนำ้ 952) แต่จะแยกกล่ำวในขอ้ ต่อ ๆ ไป
2.ใชเ้ ป็นศพั ทเ์ ฉพำะทำงศำสนำ ศพั ทเ์ ฉพำะเหลำ่ น้ีนิยมสร้ำงหรือยมื จำกบำลีสนั สกฤต
เช่นกนั เช่น นิวรณ์ มสุ ำวำท โผฏฐพั พะ อิทธิบำท เวทนำ
3.ใชใ้ นทำงวรรณคดี ซ่ึงใชเ้ ฉพำะในร้อยกรอง โดยปรกตกิ ำรเปล่ียนแปลงเสียงของคำมกั เป็นไปเพ่อื ควำมเหมำะสมกบั
บทประพนั ธ์ ท่ีเรียกวำ่ กำรกลำยเสียงโดยเจตนำดว้ ย เช่น เวหน สุริยง เกศำ มยเุ รศ มำลี รำษตรี
4.ใชใ้ นภำษำมำตรฐำนหรือใชเ้ ป็นคำสุภำพ ใชท้ ้งั ในภำษำพูดและภำษำ
เขียน เช่น บิดำ มำรดำ สำมี ภริยำ ภรรยำ บตุ ร ธิดำ ประสงค์ นำ
ภำษำบำลี ภำษำสันสกฤต
• ใชส้ ระ อะ อำ อิ อี อุ อู เอ โอ เช่น อริยะ • ใชส้ ระอะ อำ อิ อี อุ อู เอ โอ และเพมิ่
สำระ อิสี อตุ ุ เสล โมลี ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ไอ เอำ เช่น ฤษี ฤดู กฤษณ์
• ใช้ ส เช่น สำสนำ ลิสสะ สนั ติ วสิ ำสะ สำ • ใช้ ศ ษ เช่น ศำสนำ ศิษย์ ศำนติ
ลำ สิริ สีสะ พศิ วำส ศำลำ ศีรษะ
• ใชพ้ ยญั ชนะสะกดและตวั ตำมตวั เดียวกนั • ใชต้ วั รร แทน ร ( ร เรผะ) เช่น ธรรม
เช่น ธมั ม กมั ม มคั ค สคั ค สพั พ วณั ณ กรรม มรรคสวรรค์ สรรพ วรรณ
• ใชพ้ ยญั ชนะเรียงพยำงค์ เช่น กริยำ สำมี • ใชอ้ กั ษรควบกล้ ำ เช่น กริยำ สวำมี
ฐำน ถำวร ปทมุ เปม ปิ ยะ ปฐม ปชำ สถำน สถำวร ปัทมะ เปรม ปรียะ
• ใช้ ฬ เช่น จุฬำ กีฬำ บีฬ ครุฬ • ใช้ ฑ เช่น จุฑำ กรีฑำ บีฑำ ครุฑ
• มีหลกั ตวั สะกดตวั ตำมท่ีแน่นอน • ไมม่ ีหลกั ตวั สะกดตวั ตำม
คำศัพท์ คำรำชำศพั ท์ คำศพั ท์ คำรำชำศพั ท์
พอ่ พระชนน,ี พระ
พระชนก พระบดิ ำ แม่ มำรดำ
ป่ ,ู ตำ พระอยั กำ, พระ ยำ่ , ยำย พระอยั ยกิ ำ
อยั กี
ลงุ พระปิ ตลุ ำ ป้ ำ พระปิ ตจุ ฉำ
พชี่ ำย พระเชษฐำ พส่ี ำว พระเชษฐภคนิ ี
นอ้ งชำย พระอนชุ ำ ลกู สะใภ ้ พระสณุ สิ ำ
พอ่ ผัว, พอ่ ตำ พระสสั สรุ ะ พเ่ี ขย, นอ้ งเขย พระเทวนั
ผัว พระสวำม ี ลกู เขย พระชำมำดำ
ลกั ษณะของคาซ้อนเพื่อความหมายทีเ่ ป็ นคาไทยซ้อนด้วยกนั
1. ซอ้ นแลว้ ควำมหมำยจะปรำกฏอยทู่ ี่คำตน้ หรือคำทำ้ ยตรงตำมควำมหมำยน้นั เพียงคำใดคำเดียว อีกคำหน่ึงไมม่ คี วำมหมำยปรำกฏ
เช่น ที่ควำมหมำยปรำกฏอยทู่ ี่คำตน้ ไดแ้ ก่ คอเหนียง (ในควำม คอเหนียงแทบหกั ) ใจคอ (ในควำม ใจคอไม่อยกู่ บั เน้ือกบั ตวั ) แกม้ คำง
(ในควำม แกม้ คำงเป้ื อนหมด) หวั หู (ในควำม หวั หูยงุ่ ) ที่ควำมหมำยปรำกฏอยทู่ ี่คำทำ้ ย ไดแ้ ก่หูตำ (ในควำม หูตำแวววำว) เน้ือตวั (ใน
ควำม เน้ือตวั มอมแมม)
2. ควำมหมำยของคำซอ้ นปรำกฏที่คำใดคำเดียวตรงตำมควำมหมำยน้นั ๆ เช่นขอ้ 1 ต่ำงกนั ก็แต่คำท่ีมำซอ้ นเขำ้ คกู่ นั เป็นคำตรงกนั
ขำ้ มแทนท่ีจะมีควำมหมำยเน่ืองกบั คำตรงกนั ขำ้ มน้นั ๆ กลบั มีควำมหมำยท่ีคำใดคำเดียวอำจเป็นคำตน้ กไ็ ดค้ ำทำ้ ยก็ได้ ท่ีปรำกฏท่ีคำ
ตน้ ไดแ้ ก่ ผดิ ชอบ (ในคำ ควำมรับผิดชอบ) ทีป่ รำกฏท่ีคำทำ้ ย ไดแ้ ก่ ไดเ้ สีย (เช่น เล่นไพ่ไดเ้ สียกนั คนละมำกๆ)
3. ควำมหมำยของคำซอ้ นท่ีปรำกฏอยทู่ ี่คำท้งั สอง ท้งั คำตน้ และคำทำ้ ย แต่ควำมหมำยตำ่ งกบั ควำมหมำยของคำเด่ียวอยบู่ ำ้ ง เช่น พี่
นอ้ ง หมำยถึงผทู้ ่ีอยใู่ นวงศว์ ำนเดียวกนั เป็นเช้ือสำยเดียวกนั ใครอำยมุ ำก นบั เป็นพ่ี ใครอำยนุ อ้ ยนบั เป็นนอ้ ง ถำ้ ใชค้ ำวำ่ พนี่ อ้ งทอ้ ง
เดียวกนั จึงถอื เป็นผรู้ ่วมบิดำมำรดำเดียวกนั ลกู หลำน กเ็ ช่นกนั มิไดห้ มำยเจำะจงวำ่ ลกู และหลำน หรือลูกหรือหลำน เช่น เขำเป็น
ลกู หลำนครู ยอ่ มหมำยถึงผทู้ ่ีสืบเช้ือสำยมำ จำกครู อำจเป็นลูกหรือหลำยหรือเหลน ก็ได้ ไมไ่ ดร้ ะบุลงไปแน่
ลกั ษณะของคำสมำสเป็นดงั น้ี
๑. เป็นคำทม่ี ำจำกภำษำบำล-ี สนั สกฤตเท่ำนน้ั คำทม่ี ำจำกภำษำอน่ื ๆ นำมำประสมกนั ไม่นบั เป็นคำสมำส ตวั อย่ำงคำสมำส บำล+ี บำลี อคั คีภยั วำต
ภยั โจรภยั อรยิ สจั ขตั ตยิ มำนะ อจั ฉรยิ บคุ คล สนั สกฤต+สนั สกฤต แพทยศำสตร์ วรี บรุ ุษ วรี สตรี สงั คมวทิ ยำ ศลิ ปกรรม บำล+ี สนั สกฤต,
สนั สกฤต+บำลี หตั ถศกึ ษำ นำฎศลิ ป์ สจั ธรรม สำมญั ศกึ ษำ
๒. คำทร่ี วมกนั แลว้ ไมเ่ ปลย่ี นแปลงรูปคำแต่อย่ำงใด เช่น วฒั น+ธรรม = วฒั นธรรม สำร+คดี = สำรคดี พพิ ธิ +ภณั ฑ์ = พพิ ธิ ภณั ฑ์ กำฬ+ปกั ษ์ =
กำฬปกั ษ์ ทพิ ย+เนตร = ทพิ ยเนตร โลก+บำล = โลกบำล เสร+ี ภำพ = เสรภี ำพ สงั ฆ+นำยก = สงั ฆนำยก
๓. คำสมำสเมอ่ื ออกเสยี งตอ้ งตอ่ เน่อื งกนั เช่น ภูมศิ ำสตร์ อำ่ นว่ำ พู-ม-ิ สำด เกียรตปิ ระวตั ิ อ่ำนว่ำ เกยี ด-ต-ิ ประ-หวดั เศรษฐกำร อ่ำนวำ่ เสด-ถะ-
กำน รฐั มนตรี อ่ำนว่ำ รดั -ถะ-มน-ตรี เกตมุ ำลำ อ่ำนว่ำ เก-ต-ุ มำ-ลำ ๔. คำทน่ี ำมำสมำสกนั แลว้ ควำมหมำยหลกั อยูท่ ค่ี ำหลงั สว่ นควำมรองจะอยู่
ขำ้ งหนำ้ เช่น ยุทธ (รบ) + ภมู ิ (แผน่ ดนิ สนำม) = ยุทธภูมิ (สนำมรบ) หตั ถ (มอื ) + กรรม (กำรงำน) = หตั ถกรรม (งำนฝีมอื ) ครุ ุ (ครู) + ศำสตร์
(วชิ ำ) = คุรศุ ำสตร์ (วชิ ำครู) สุนทร (งำม ไพเรำะ) + พจน์ (คำกลำ่ ว)= สนุ ทรพจน์ (คำกลำ่ วทไ่ี พเรำะ)
คาสมาส คือวิธีกำรผสมคำของภาษาบาลแี ละสันสกฤต ไทยไดน้ ำมำดดั แปลงเป็นวธิ ีกำรสมำสแบบไทย โดยมีหลกั ดงั น้ี
1. ตอ้ งเป็นคำท่ีมำจำกภำษำบำลีหรือสันสกฤตเทำ่ น้นั เช่น รำชกำร รำชครู รำชทูต รำชบตุ ร รำชโอรส
2. ศพั ทป์ ระกอบไวข้ ำ้ งหนำ้ ศพั ทห์ ลกั ไวข้ ำ้ งหลงั เช่น สัตโลหะ โลหะ 7 ชนิด ภารกจิ งำนท่ีตอ้ งทำ ปฐมเจดยี ์ เจดีย์
องคแ์ รก อุดมศึกษา กำรศึกษำข้นั สูง
3. แปลควำมหมำยจำกหลงั ไปหนำ้ เช่น อกั ษรศาสตร์ วชิ ำวำ่ ดว้ ยตวั หนงั สือ วาทศิลป์ ศิลปะกำรพูด ยุทธวธิ ี วิชำวำ่ ดว้ ยกำร
สงครำม วรี บุรุษ บรุ ุษผกู้ ลำ้ หำญ
4. ทำ้ ยศพั ทต์ วั แรกหำ้ มใส่สระ อะ และตวั กำรันต์ เช่น กจิ การ ไมใ่ ช่ กิจะ
กำร ธุรการ ไม่ใช่ ธุระกำร กาลเทศะ ไมใ่ ช่ กำละเทศะ แพทยศาสตร์ ไมใ่ ช่ แพทยศ์ ำสตร์ มนุษยธรรม ไม่ใช่มนุษยธ์ รรม
5. ตอ้ งออกเสียงสระที่ทำ้ ยศพั ทต์ วั แรก เช่น อุณหภูมิ อ่ำนวำ่ อุน-หะ-พมู ประวตั ิศาสตร์ อำ่ นวำ่ ประ-หวดั -ติ-สำด
ธาตเุ จดยี ์ อ่ำนวำ่ ทำ-ตุ-เจ-ดี เกตรกรรม อำ่ นวำ่ กะ-เสด-ตระ-กำ สิทธิบตั ร อำ่ นวำ่ สิด-ทิ-บดั
ยกเว้น สุขศาลา ชาตินิยม ไตรรัตน์ บุรุษเพศ ชลบรุ ี ธนบรุ ี ธาตวุ ิเคราะห์ สุภาพบุรุษ
6. คำวำ่ วร พระ ตำมดว้ ยภำษำบำลีสนั สกฤตถือเป็นคำสมำส เพรำะพระ แผลงมำจำก วร
เช่น วรกำย วรชำยำ วรองค์ วรวหิ ำร วรดิตถ์ พระบำท พระองค์ พระโอษฐ์ พระนำสิก พระเนตร พระกรรณ พระ
เสโท พระนลำฏ พระบปั ผำสะ พระหทยั
ยกเว้นคำว่ำพระทไ่ี ปประสมกบั คำภำษำอ่ืนไม่ถอื เป็ นคำสมำส เช่น พระอู่ (สัน-ไทย) พระเก้ำอี้ (สัน-ไทย) พระขนง(สัน-เขมร) พระเขนย
(สัน-เขมร) พระสุหร่ำย (สัน-เปอร์เซีย)
การสนธิมีอยู่ 3 อย่างคือ สระสนธิ พยญั ชนะสนธิ และนฤตหิตสนธิ
1. สระสนธิ คือกำรนำคำบำลีสนั สกฤต มำสนธิกบั คำที่ข้ึนตต้ ดว้ ย สระ มีหลกั ดงั น้ี
1.1 ตดั สระท้ายคาหน้า ให้ใช้สระคาหลงั เช่น
หิมะ+อำลยั ตดั ะ ใช้ ำ สนธิเป็น หิมำลยั
ชล+อำลยั ตดั ะ ใช้ ำ สนธิเป็น ชลำลยั
วชิร+อำวธุ เป็น วชิรำวธุ วร+โอกำส เป็น วโรกำส
ขีปน+อำวธุ เป็น ขีปนำวธุ ภชุ +องค์ เป็น ภุชงค์
มหำ+ไอศวรรยเ์ ป็น มไหศวรรย์ มหำ+อรรณพ เป็นมหรรณพ
1.2 ตดั สระท้ายคาหน้า ใช้สระหน้าคาหลงั
ถ้ำสระหน้ำของคำหลงั เป็ น อะ ให้เปลยี่ นเป็ น อำ เช่น
รำช+อธิรำช เป็น รำชำธิรำช
ประชำ+อธิปไตย เป็น ประชำธิปไตย
เทศ+อภิบำล เป็น เทศำภิบำล
คำทใ่ี ชแ้ ทน คำรำชำศพั ท์ ใชก้ บั
แทนชอื่ ผพู ้ ดู (บรุ ษุ ท่ี 1) ขำ้ พระพทุ ธเจำ้ พระมหำกษัตรยิ ์
ผใู ้ หญ,่ พระสงฆ์
กระผม, ดฉิ นั
พระมหำกษัตรยิ ์
แทนชอ่ื ทพี่ ดู ดว้ ย (บรุ ษุ ที่ 2) ใตฝ้ ่ ำละอองธรุ พี ระบำท พระบรมรำชนิ ี
ใตฝ้ ่ ำละอองพระบำท พระบรมรำชนนี
พระบรมโอสรสำธริ ำช
พระบรมรำชกมุ ำรี
+แทนชอื่ ทพี่ ดู ดว้ ย ฝ่ ำพระบำท เจำ้ นำยชนั้ สงู
แทนชอื่ ทพ่ี ดู ดว้ ย พระคณุ เจำ้ พระสงฆผ์ ทู ้ รงสมณศกั ด์ิ
แทนชอื่ ทพี่ ดู ดว้ ย พระคณุ ทำ่ น พระภกิ ษุสงฆท์ ่ัวไป
แทนชอ่ื ทพ่ี ดู ดว้ ย พระเดชพระคณุ เจำ้ นำย, หรอื พระภกิ ษุทน่ี ับ
ถอื
แทนผทู ้ พ่ี ดู ถงึ (บรุ ษุ ที่ 3) พระองค์
พระรำชำ, พระพทุ ธเจำ้ , เทพ
ผเู ้ ป็ นใหญ่
สมำชิก
นำย พรเทพ วงศม์ ะเซำะ เลขท1่ี 7 นำย พงศภคั เพมิ ธญั กรรม เลขท่1ี 6 นำย เอกสทิ ธ์ิ มะลูลมี เลขท8่ี
นำย ธนชยั รสิ มนั เลขท่1ี 4