บ้บ้ บ้บ้ านยางตะพาย อำอำ อำอำ เภอวชิชิ ชิชิรบารมีมี มีมีจัจั จัจังหวัวั วัวัดพิพิ พิพิจิจิ จิจิตร วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร พิพิ พิธีพิธี ธี กธี กรรมแกลมอ
พิธีกรรมแกลมอเป็นวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของคนส่วย ซึ่งคนส่วยในสมัยก่อนมี อาชีพเลี้ยง ช้าง และอาศัยอยู่ในป่า เมื่อคนส่วยมีการเจ็บ ไข้ ป่วย ไม่สามารถเดินทางไปหาหมอได้ท่วง ทันได้ เพราะด้วย การเดินทางด้วยช้างหรือเกวียน และระยะเวลา ระยะทาง จึงได้เกิดการทําพิธีกรรม แกลมอขึ้นมา เพื่อเป็นการ รักษา เป็นการใช้จิตวิณญาณในการรักษา หรือที่เรียกว่า ผีมอ ผีบรรพบุรุษ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวส่วยให้ความ เชื่อหรือนับถือ ให้การรักษาโดยการจัดทําพิธีกรรมเพื่อขอขมาต่อสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และอีกหนึ่งการรักษาคือ การว่ากล่าวบนบานต่อสิ่งศักดิสิทธิ์ที่ชาวส่วยให้ความเคารพ นับถือ โดยบนบานให้หายจากการเจ็บป่วย ถ้า หายจะมีการเล่นมอ (พิธีกรรมแกลมอ) ให้เป็นการตอบ แทน (การแก้บน เป็นพฤติกรรมที่มีความเชื่อว่า สิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือได้ช่วยเหลือจนบรรลุผล สําเร็จสมความปรารถนา ดังที่ตนได้อธิษฐานขอไว้) ซ่ึงอา การต่างๆเหล่านี้ โดยทางการแพทย์เรียก อาการเหล่านี้ว่า “โรคคิดไปเองว่าป่วย ” หรือ “Hypochondriasis ” อาการของผู้ป่วยที่เป็นโรค Hypochondriasis คือ ความวิตกกังวล เกิดจากอาการทางกายบางอย่างหรือหลาย อย่าง ทําให้คนไข้ เกิดความวิตกกังวลไปต่างๆ นานา ที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือต่อชีวิต ยกตัวอย่างเช่น เอาการ ปวดท้อง อาจเป็นอาการท้องอืด ท้องเฟ้อธรรมดา แต่ในคนที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวจะความรู้สึกไวกว่า คนปกติและรู้สึกว่าปวดท้องหนักมากทําให้กังวลว่าจะเป็นโรคร้ายเป็นต้น คำคำ คำคำ นำนำ นำนำ วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร ผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือวัฒนธรรมชาวกูย ส่วย เรื่อง ‘’ พิธีกรรมแกลมอ บ้านยางตะพาย อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร ‘’ นี้จะเป็นประโยชน์ ต่อผู้ที่สนใจศึกษา เป็นตัวช่วยในการเผยแพร่และอนุรักษ์ ให้วัฒนธรรมพิธีแกลมอบ้านยาง ตะพาย อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร เป็นที่รู้จักมากขึ้นและไม่สูญหายไป ขอขอบคุณผู้ที่ให้ ข้อมูลและผู้มีส่วนช่วย ในการจัดทำ ทุกท่านมาณ โอกาสนี้ด้วย พรพิชชา ลิ้มอิ่ม ผู้จัดทำ
สารบับั บัญบั วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร หน้า ประวัติความเป็นมา บ้านยางตะพาย อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร ชาวกูย / ส่วย พิธีกรรมแกลมอ บ้านยางตะพายอำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร อุปกรณ์ ในการประกอบพิธีกรรม การแต่งกายในการประกอบพิธิกรรม ดนตรีที่ใช้บรรเลงในการประกอบพิธิกรรม ขั้นตอนในการประกอบพิธิกรรม 1 2 3 4 5 6-7 8 กลุ่มชาติพันธ์ุ กลุ่มชาติพันธ์ุ กูย กวย โกย วัฒนธรรม ความเชื่อ โอกาสในการทำ พิธีกรรม 9-11 12 13-16 17
วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร กลุ่ลุ่ ลุ่ ม ลุ่ มชาติติ ติ พัติ พั พั นพั นธุ์ธุ์ ธุ์ธุ์ ในทางมานุษยวิทยา " กลุ่มชาติพันธุ์ " (ethnic group) หรือความเป็นชาติพันธุ์ (ethnicity) เป็นมโนทัศน์ที่มักใช้กันอย่างคลุมเครือและมีนัยที่แตกต่างกันออกไปหลายประการด้วยกัน กลุ่มชาติ พันธุ์ หมายถึงกลุ่มคนที่พูดภาษาเดียวกัน เป็นหน่วยทางสังคมการเมืองและระบบเครือญาติเดียวกัน ผ่าน ประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ชุดเดียวกัน และมีแบบแผนทางวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ด้วย เหตุนี้เอง หากเราบรรยายประวัติความเป็นมาของภาษา ก็ย่อมหมายความว่า เรากำ ลังบรรยาย ประวัติศาสตร์ของคนกลุ่ม หนึ่งหรือหลายกลุ่มซึ่งพูดภาษานั้น คำ ว่า " ชนเผ่า " " ชนชาติ " หรือ " กลุ่มชาติ พันธุ์ " จึงหมายถึงกลุ่มคนที่ พูดภาษาเดียวกันนั่นเอง กลุ่มชาติพันธุ์ หมายถึงกลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมและภาษาพูดเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยไม่ได้เฉพาะ เจาะจงของจำ นวนประชากรของกลุ่ม กลุ่มชาติพันธุ์ในความเข้าใจทั่วไปมักกล่าวถึงกลุ่มชนที่มีภาษาและ วัฒนธรรมต่างไปจากภาษาใหญ่และภาษาราชการ นักภาษาศาสตร์ใช้ทฤษฎีทางภาษาจำ แนกกลุ่มชนต่าง ๆ จากลักษณะทางเสียงและโครงสร้างภาษาที่คนในกลุ่มใช้พูด และเรียกชื่อภาษาด้วยคำ ที่เขาใช้เรียกตนเอง หรือคำ ที่มีความหมายว่า “ คน ” 1.
กูย หรือ ส่วย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ “ข่า ” อีกกลุ่มหนึ่ง มีรุปร่างลักษณะคล้ายเขมรมาก ภาษาก็ ใกล้ เคียงกัน ส่วนใหญ่ตั้งถิ่นบานอยู่ในพื้นที่ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรัรัมย์บางส่วน ส่วยไม่มี หลัก ฐานทางประวัติศาสตรืทราบเพียงว่า แต่เดิมอยู่ในกัมพูชา นิยมพูดภาษาเป็น 2 กลุ่ม คือ ลาวส่วย อยู่ใน เขตจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี และเขมรส่วยในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ กวย เป็นภาษาที่ใช้เรียกตนเองซึ่งแปลว่า “ คน ” ความจริงชาวกูยที่สุรินทร์ควรจะเรียกว่า “ กวยอะจึง ” คือ กวยเลี้ยงช้าง หากแต่ชนนอกกลุ่มพากันเรียกว่า ส่วย นั้นเพราะแต่เดิมชาวกูยมีหน้าที่ ควบคุมของป่า เป็นภาษีไปยังกรุงศรีอยุธยาโดยใช้ช้างบรรทุกไป ชาวเมืองให้ความสนใจกับช้างจึงจดจำ ไว้ว่ากลุ่มชนที่มา ส่งภาษีหรือ “ ส่งส่วย ” นี้ว่าเป็นคนเลี้ยงช้าง ดังนั้นผู้ไปส่งจึงเป็นพวกไปส่งส่วยหรือ พวกส่วย (Soai) โดยปริยาย ชาวกูยไม่นิยมชื่นชอบให้ใครมาเรียกตนเองว่า ส่วย แต่ชอบที่จะเรียก ตนเองว่าชาวกูย ส่วนคำ ว่ากวยหรือกูย (Kui) เป็นคำ ที่ออกเสียงเพี้ยนปตามสำ เนียงของแต่ละหมู่บ้าน เท่านั้น วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร กลุ่ลุ่ ลุ่ ม ลุ่ มชาติติ ติ พัติ พั พั นพั นธุ์ธุ์ ธุ์ธุ์ กูกู กู ย กู ย กวย โกย 2.
บ้านยางตะพาย อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร ประวัวั วั ติวั ติ ติ คติ ความเป็ป็ป็ น ป็ นมา บ้านยางตะพาย หมู่ 3 ตำ บลบึงบัว อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร เป็นชุมชนที่มีชาวกูย (ส่วย) อพยพมาจากภาคอีสานตอนล่าง โดยเฉพาะจังหวัดสุรินทร์ ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมากันเป็น ครอบครัวใหญ่ ซึ่งอพยพมาเมื่อ พ.ศ. 2495 หรือราว ๆ 80 ปีเศษ กูย ส่วย เป็นชนเผ่า เดียวกันกับ บัวขาวบัญชาเมฆ อยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ อพยพมาทั้งหมด 4 ตระกูล 7 ครอบครัว ได้แก่ 1. ตระกูลสอนสุข (ทองสุข) 2. ตระกูลบุลาคร 3. ตระกูลสุขเลิศ 4. ตระกูลชะดายจันทร์ (ชะลายจันทร์) มาตั้งถิ่นฐานที่หมุ่บ้านยางตะพาย โดยแบ่งเป็นหมู่บ้านคนไทย กับ หมู่บ้านกูย ส่วย โดยมีวัดและโรงเรียนอยู่ ตรงกลางเป็นการแบ่งเขต และได้ลงหลักปลักฐานทําที่อาศัย และทํากิน โดยทำ การแบ่งเขตโดยแบ่งจากเขตวัด และโรงเรียนเป็นกลาง จะเป็นเกาะเหนือและเกาะใต้ โดยเกาะเหนือคนกูย ส่วย ที่อพยพมาจากสุรินทร์ ใช้ ภาษาส่วยในการพูดสื่อสาร เกาะใต้จะเป็นคนไทย ที่อพยพมาจากลพบุรี ใช้ภาษาไทยในการพูดสื่อสาร ในสมัยก่อนที่บ้านยางตะพายเป็นหมู่บ้านต้นยางนา ต่อมามีการสัมทานจากราชการ สัมทานตัดต้นยาง ขนาด 3-4คนโอบ ก่อนจะมาตั้งหลักปลักฐานที่บ้านยางตะพาย เคยอยู่ที่หมู่บ้านหนองหญ้าปล้องมาก่อน และ ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่ ณ หมู่บ้านยางตะพาย เมื่อได้มาอยู่ที่หมู่บ้านยางตะพายแล้วได้ขึ้นทะเบียนกับหมู่บ้าน นิคม จนกระทั่งได้แยกจากหมู่บ้านนิคม หมู่ 6 ต่อมาได้แยกออกมาเป็นหมู่บ้านยางตะพาย หมู่ 3 จนถึงปัจจุบัน 3.
ชาวกูยจังหวัดพิจิตร กลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่อพยพมาจากหมู่บ้านสําโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์มา ในจังหวัด พิจิตรที่ บ้านยางตะพาย หมู่ 3 ตําบลบึงบัว อําเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร เป็นชุมชนที่มี ชาวกูย(ส่วย) อพยพ มาจากภาคอีสานตอนล่าง ที่ย้ายถิ่นฐานมากันเป็นครอบครัวใหญ่ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2475 หรือราวๆ 90 ปี ชาวกูย (ส่วย) ในบ้านวัดยางตะพาย ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติ พันธุ์ การใช้ภาษาส่วย ในการสื่อสาร หลายครอบครัวยังคงมีการนับถือ " ผีฟ้า " ชาวบ้านในชุมชนยังคง การแต่งกายด้วยผ้าทอพื้นเมือง ชุดกูย (ส่วย) ในงานประเพณีต่าง ๆ เช่น ประเพณีถวดแท่น (ประเพณี ทอดกฐิน ของซาว กูยหรือส่วย) พิธีกรรมรําแกล มอ ประเพณีรําตักใต้ เป็นต้น ชาวกูยในจังหวัดพิจิตร ส่วนใหญ่ทําอาชีพเกษตรกรรม คือ การทําสวน ทําไร่ เช่น การปลูก ข้าว การ ทําไร่มันสําปะหลัง การปลูกกล้วย และเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ควาย สุกร เป็นต้น และเมื่อเจ็บไข้ ได้ป่วย หรือการ รักษาทางวิทยาศาสตร์ไม่หาย ชาวบ้านกลุ่มนี้ก็จะพึ่ง ผีบรรพบุรุษ หรือการทํา พิธีกรรมแกลมอ เพื่อรักษาบุคคล หรือปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากหมู่บ้าน ซึ่งจะมีพิธีกรรมโดยแม่เฒ่า หรือคนรักษาออกมาร่ายรําไหว้ผีบรรพบุรุษ ก่อน และจะลุกขึ้นรําเป็นวงกลมล้อม ต้นกล้วยที่เป็น ตัวแทนของผู้ป่วย และแม่เฒ่าจะใช้ดาบร่ายรําฟันเพื่อ เป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เป็นอันเสร็จพิธี ตามความเชื่อของชาวกูย กลุ่มนี้เชื่อว่าหากทําพิธีกรรมนี้จะช่วยปัดเป่า สิ่งช่วยร้ายออกไปได้ พิธีแกลมอ ยัง เป็นพิธีกรรมที่ศักย์สิทธิ์ และเป็นการแสดงที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ของหมู่บ้านยางตะพายอีกด้วย วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร ชาวกูกู กู ย กู ย / ส่ส่ ส่ ว ส่ วย 4.
แซนโฏนตา แซนโฏนตา วัฒนธรรมความเชื่อในพิธีกรรมและประเพณีของกลุ่มชาวไทยกูย ที่อาศัยในจังหวัดสุรินทร์ และได้ กระจายการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนตามพื้นที่ และต่าง อำ เภอแพร่กระจายอยู่ในจังหวัดสุรินทร์ วัฒนธรรมของ ชาวไทยกูยนั้นคือ แกลมอ และความเชื่อเรื่องศาลปู่ตา มีรายละเอียดดังต่อไปนี้แกลมอ แกลออชาวไทยกูยมี ความเชื่อในเรื่อง พิธีแกลมอ เป็นความเชื่อที่เกี่ยวกับอำ นาจเหนือ ธรรมชาติ ผี บรรพบุรุษ ชาวไทยกูยเชื่อว่า ผีมอ คือผู้ที่ทำ หน้าที่ติดต่อสื่อสารกับผีบรรพบุรุษทั้งผีบรรพบุรุษที่เป็น ผู้หญิงและผู้ชาย ถ้าผีบรรพบุรุษ เป็นผู้ชายมาเข้าร่างออ ถ้าผีบรรพบุรุษเป็นผู้หญิงมาเข้าร่าง มอ ใน สายตระกูล หนึ่งจะมีผู้หญิงในตระกูล นั้นๆเป็นมออยู่หนึ่งคนซึ่งเป็น การสืบเชื้อสายทางแม่เป็นการสืบ เชื้อสายมาทาง สายเลือด ส่วนชาวไทยกูย ความเชื่อที่สำ คัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ความเชื่อเรื่องศาลปู่ตา (หยะจั๊วหรือยะจั๊ว) ที่มีรูปปั้นเป็นสัญลักษณ์ ชาว บ้านจะประกอบพิธีเซ่นไหว้คือ การเซ่นปู่ตาใน เดือนสามและเดือนหก เพื ่ อความ เป็นสิริมงคลและขจัดปัด เป่าสิ่งที่ไม่ดีงามทั้งหลายให้พ้นไปใน เดือนหก จะเซ่นไหว้ขอฝนให้ถูกต้องตาม ฤดูกาล ในเดือนสามเซ่น ไหว้เพื่อขอบคุณปู่ตาที่ดล บันดาล ให้ได้ข้าวปลาอาหาร พืชผลที่สมบูรณ์ ศาลปู่ ตานี้เป็นศาลประจ ํ หมู่บ้านชาวไทยกูยชอบสร้างไปทาง ทิศตะวันตกบ้านหันหน้าศาลไปทางทิศตะวันออกเมื่อ ถึงฤดูกาลหนึ่งจะ มาทำ การเซ่นไหว้ร่วมกัน วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร วัวั วัฒวั นธรรม ความเชื่ชื่ชื่ อชื่ อ 5. พิธีกรรมแกลมอ
พิพิ พิธีพิธี ธี กธี กรรมแกลมอ วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร พิธีแกลมอ เป็นความเชื่อที่เกี่ยวกับอานาจเหนือธรรมชาติ ผีบรรพบุรุษ เชื่อว่า ผีมอ คือผู้ ที่ทําหน้าที่ ติดต่อสื่อสารกับผีบรรพบุรุษทั้งผีบรรพบุรุษที่เป็นผู้หญิงและผู้ชาย ถ้าผีบรรพ บุรุษเป็น ผู้ชายมาเข้าร่างออถ้าผี บรรพบุรุษเป็นผู้หญิงมาเข้าร่าง มอ ในสายตระกูลหนึ่งจะมี ผู้หญิงในตระกูล นั้นๆ เป็นมออยู่หนึ่งคนซึ่ง เป็นการสืบเชื้อสายทางแม่เป็นการสืบเชื้อสายมา ทางสายเลือดเพราะ พิธีกรรมแกลมอมีการสืบทอดและปฏิบัติ มาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือตั้งแต่ โบราณถือว่าเป็นพิธีกรรม ศักดิ์สิทธิ์ โดยคนทรงที่เรียกว่ามอ ผู้ทําหน้าที่ติดต่อ หรือเป็น สื่อกลางระหว่างมนุษย์กับวิญญาณ ผี บรรพบุรุษที่ชาวบ้านแสนสุขเชื่อว่ามอจะสามารถดลบันดาลให้ เกิดเหตุการณ์ต่างๆได้ทั้งด้านดีและด้านไม่ดี (พระเฑียรวิทย์ อตุตสนฺโต (โอชาวัฒน์),การศึกษาความเชื่อและพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาของร่างทรง : กรณีศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร, วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิต วิทยาลัย, มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2548), หน้า 1. 3 เรื่องเดียวกัน, หน้า 2.) 6. บ้านยางตะพาย อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร
พิพิ พิธีพิธี ธี กธี กรรมแกลมอ แกลมอ ความเป็นมาของพิธีกรรมแกลมอมีการสืบทอดและปฏิบัติมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หรือตั้งแต่ โบราณ ถือว่าเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์มากไม่สามารถระบุระยะเวลาที่เกิดขึ้นได้ชาวไทยกูยที่เป็นลูกหลานได้พูด กัน ว่าเกิดมาก็เห็นเลยแม้นทุกวันก็เห็นอยู่ แกลมอเป็นการประกอบพิธีกรรมในแต่ละตระกูล หรือ การบูชา บรรพบุรุษของตนเอง ที่เป็นตระกูลของตนเอง เป็นการบูชาประจำ ถ้ามีผู้ทำ าพิธีกรรมแกลมอ อยู่ก่อนแล้ว หาก ผู้ประกอบพิธีกรรมในตระกูลเสียชีวิตลงก็จะมอบการ ประกอบพิธีกรรมแกลมอ ให้แก่บุตรหลานโดย จะเลือก มอบให้แก่บุคคลผู้มีความสนใจและคิดว่าจะสามารถ รับรองยึดถือตามที่เคยปฏิบัติมาได้ ทั้งนี้ผู้ที่ จะรับเป็นผู้ ประกอบพิธีกรรมต่อจากบรรพบุรุษจะไม่รู้ว่าตนเองจะต้องผู้ประกอบพิธีกรรมแกลมอ ต่อจาก บรรพบุรุษมา ก่อนจะรู้ก็ด้วยปรากฏอาการเจ็บป่วย หรือ อาการทาง ประสาท เช่น อาจมีอาการคล้ายคนบ้า เสียสติ เจ็บป่วยในระยะเวลายาวนาน (ประทีป แขรัมย์ , 2535) แม้จะได้รับการรักษาจากแพทย์แผน ปัจจุบันก็ตาม ความเชื่อพิธีกรรมแกลมอ เป็นพิธีกรรมที่จัดขึ้น เพื่อการ รักษาพยาบาลผู้ป่วยไข้ของชาวไท ยกูย โดยมีคนทรง เรียกว่า “ มอ ” ผู้ทำ หน้าที่ติดต่อหรือเป็นสื่อกลางระหว่าง มนุษย์กับวิญญาณของผี บรรพบุรุษ ญาติพี่น้องมี ความรู้สึกว่าวิญญาณยังคงมีความผูกพันกับตนเอง ผู้รับการถ่ายทอด หรือ ครอบครัวผู้บูชาอยู่และสามารถ ให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ได้ทั้งด้านดีและไม่ดีผีเข้าสิงใน ตัวของร่างทรง นอกจากจะเป็นกลุ่มของวิญญาณบุคคล ในตระกูลแล้ว ยังหมายรวมถึง เจ้าพ่อหลักเมือง เจ้าแม่ นางไม้ หรืออารักษ์ที่สถิตตามที่ต่างๆ ด้วยจะเชื่อว่าเป็น วิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำ หน้าที่คุ้มครองคนและสถานที่ หรือ ผีหลักเมืองซึ่งทำ หน้าที่คุ้มครองรักษาบ้านเมือง นั้นๆ ด้วย (ยโสธารา ศิริภาประภากร , 2556) การ จัดพิธี แกลมอของชาวไทยกูยในแต่ละครั้งจะต้อง สร้างโรงพิธี และจัดอุปกรณ์ต่างๆเพื่อใช้ในพิธีดนตรีที่ ใช้ในพิธีแกล มอชาวไทยกูย (ประทีป แขรัมย์ , 2535) จะเป็นทำ นอง เฉพาะ หรือเรียกว่าเพลงแกล มอก็ได้ เครื่องดนตรีจะมี เฉพาะ แคน โทน เท่านั้น บางพื้นที่จะประกอบด้วยด้วย ฉิ่ง หรืออาจใช้เครื่อง เสียงช่วยเพื่อให้มีเสียงที่ดังและ สนุกยิ่งขึ้นจัดได้ว่าเป็นประเพณีพิธีกรรมที่ชาวไทยกูยให้ ความร่วมมือ ให้การช่วยเหลือในพิธีกรรมและมาร่วมใน พิธีกรรมด้วย วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร 7. บ้านยางตะพาย อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร
1. บายศรี 1 คู่ ต้นดอกไม้ 1 คู่ ต้นทำ ด้วยต้นกล้วยประดับด้วยดอก จำ ปี จำ ปา 2. เงิน (มี 2 คาย ได้แก่ คายบน คายล่าง) คายบน 200 บาท คายล่าง 150 บาท 3. การเตรียมขัน 5 หรือขัน 8 ได้แก่ - เหล้าขาว 1 ขวด - ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม - ใบตอง ใช้สําหรับเย็บเป็นกรวย 5 หรือ 8 อัน - ใบสาบเสือ สําหรับใส่ในกรวยใบตอง หรือใบเล็บครุฑ - ผ้าแพรวา 1 ผืน - หรือผ้านุ่ง ผ้าขาวม้า 1 ผืน 4. ดาบ 5. ขันเงิน และข้าวสาร 6. เสื่อ วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร อุอุ อุ ป อุ ปกรณ์ณ์ ณ์ณ์ ในการประกอบพิธีกรรม อุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีจะต้องมีการเตรียมก่อน งาน1วันเพื่อเป็นการเตรียมการพิธี และอุปกรณ์ต่างๆ มีดังนี้ 8.
วัฒนธรรมการแต่งกายของชาวไทยกูย จะมีการแต่งกายที่ เป็นอัตลักษณ์เฉพาะ (สมทรง บุรุษ พัฒน์ , 2538:17-18) ในเรื่องการแต่งกายของชนชาติกูย ผู้หญิงสูงวัยของชาวกูย จะนุ่งผ้าที่เป็นลายเฉพาะแบบกูย อดีตการนุ่งผ้าไหมลายพื้น เมือง ใส่เสื้อคอกระเช้า ใส่สร้อยคอลูกปัดหรือเงิน ใส่ดอกไม้ที่ติ่งหูที่เจาะไว้ เช่น ดอกมะลิ หรือ ตุ้มหู เงิน ทอง การแต่งกายเพื่อเข้าสู่ พิธีกรรมแกลมอ ชาวไทยกูย จะสวมเสื้อคอจีนแขนยาว ย้อมด้วยมะเกลือเพื่อให้เสื้อออกมาเป็นสีดำ ผ้าถุงที่ชาว ไทยกูยสวมใส่ในการเข้าสู่พิธีกรรม แกลมอนั้นเป็นผ้าถุงลายลายอลุนซีม มีการต่อเชิงเป็นลวดลาย เพิ่มความ สวยงาม ประดับ ตกแต่งด้วยสร้อยลูกปัด หรือเงิน บนศรีษะของผู้เข้าพิธีกรรมจะมีเส้นดายสีที่ทักเป็นพลวง เส้นปะกำ มัดไว้บนหัว ชายจะแต่งกายด้วยชุดไหมเป็นเสื้อคอจีน แขน ยาวสีดำ นุ่งผ้าโสร่ง มัดด้วยผ้าขาวม้า ในกลุ่มชาวไทยกูย นี้ที่นิยมสีดำ นั้น เพราะถือว่าสีดำ เป็นสีมงคลแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นต้น วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร การแต่ต่ ต่ ง ต่ งกาย ในการประกอบพิธีกรรม ดังรูปต่อไปนี้ 9.
1. เสื้อกระบอกแขนยาว (จะเป็นเสื้อของชาวกูยที่ได้นำ ติดตัวมาจาก สุรินทร์) จะเป็เสื้อกระบอกแขนยาวคอจีน วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร 2. ผ้าถุงไหม (ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางสี ดำ แต่จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา หรือใส่ ตามที่สะดวก) 3. ผ้าพาดทับ (ผ้าสำ หรับพาดไหล่ ส่วน ใหญ่จะใช้ผ้าขาวม้า และสไบ ตามที่ชาว บ้านมี) การแต่ต่ ต่ ง ต่ งกาย ในการประกอบพิธีกรรม 10.
วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร 4. เครื่องประดับ สร้อยเงิน ต่างหูเงิน เข็มขัด เงิน สะอิ้งคาดเอวเงิน 5. เชือกคาดหัว โดยจะใช้สีดำ สีขาว และ สีแดง ถักหรือมัดเป็นพลวง การแต่งกาย ในการเข้าพิธีกรรมแลมอ การแต่ต่ ต่ ง ต่ งกาย ในการประกอบพิธีกรรม 11.
ดนตรีรี รีรีที่ที่ ที่ที่ใช้ช้ ช้ช้ บรรเลง ในการประกอบพิธีกรรม วัฒนธรรมชาวกูย ส่วย จังหวัดพิจิตร ดนตรีที่ใช้บรรเลงในการประกอบพิธีกรรม นางบุญมา สอนสุข ได้เล่าว่า ในสมัยก่อนมีการใช้ แคน กลองโทน ในการบรรเลงในการประกอบพิธีกรรม แต่ในปัจจุบันได้ไม่ได้ใช้แคนในการบรรเลงใน การประกอบพิธีกรรม แล้ว เนื่องจากไม่มีคนเล่นให้ เพราะคนเล่นแคนได้มีอายุที่มากขึ้นและไม่ได้มีการ สืบทอดกัน จึงใช้การเปิด แผ่นเทปเสียง คลิปเสียง หรือการจ้างวงดนตรีแห่ มาประกอบพิธีกรรมแทน คนเป่าแคน เรียกว่า หมอแคน หมอแคนจะสืบทอดต่อๆกันมาตั้งแต่สมัย ก่อน ปัจจุบันหาดูได้ยากมาก เนื่องจากไม่มีคนสืบทอดหมอแคน ทำ ให้เหลือ หมอแคนตอนนี้ เหลือน้อยลง บางคนก็เป่าแคนไม่ไหว เนื่องจากมีอายุที่มาก ขึ้น หมอกลอง เป็นอีกหนึ่งคนที่สำ คัญในการทำ พิธีกรรมแกลมอ เพราะเป็นคน ให้จังหวะ ช้า-เร็วในพิธีกรรม ซึ่งตอนนี้กำ ลังจะหายไป เนื่องจากไม่มีผู้ สืบทอด และผู้ที่เป็นหมอกลองก็มีอายุที่มากขึ้นตามเวลา ปัจจุบันมีการใช้เทปเสียง และเครื่องเสียงในการบรรเลงดนตรีในพิธีกรรม เพราะขาดการ สืบทอด 12.
ขั้นตอนที่ 1 โดยจะมีแม่มอ จะสวมใส่ชุดสีดํา ผ้าถุงไหมสีดํา เสื้อทรงกระบอกแขนยาวสีดําและมีผ้าพาดสไบ สีดําหรือสีอื่นๆ ที่จะหาได้ และสวมเครื่องประดับสีเงิน เมื่อแม่มอเข้ามาแล้ว จะเริ่ม พิธีการโดยเชิญ วิญญาณบรรพบุรุษประทับร่างทรงก่อนคนอื่น มอคนอื่นๆเริ่มเชิญวิญญาณบรรพบุรุษ เข้ามาประทับร่าง ของตนเรียงลําดับอาวุโสการเชิญวิญญาณบรรพบุรุษจะถือขันที่ใส่ข้าวสารและจุดเทียนในขันมือทั้ง 2 จะ จับขันไว้ในอาการสงบนิ่งคล้ายกับการนั่งสมาธิสักพักตัวเริ่มสั่นเบาๆจนกระทั่ง แรงขึ้นเหมือนคนทรงเจ้า จะโยกตัวตามจังหวะเสียงกลอง แคน สักพักก็จะหยุดและมออื่นๆก็จะเริ่ม ทรงจนครบทุกคน วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร ขั้ขั้ ขั้ นขั้ นตอนการทำทำ ทำทำพิพิ พิธีพิธี ธี กธี กรรม 13. พิธีแกลมอ แม่มอ
วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร ขั้ขั้ ขั้ นขั้ นตอนการทำทำ ทำทำพิพิ พิธีพิธี ธี กธี กรรม(ต่ ต่ต่ อ) ขั้นตอนที่ 1 (ต่อ) จากนั้นแม่มอจะนำ ดาบออกจากฝักแล้วร่ายรำ ไปรอบบริเวณที่กำ หนด ปะรำ พิธี 3 รอบ แล้วร่ายรำ ไปยัง บริเวณ กระทง จากนั้นครูมอก็จะใช้ดาบฟันลงไปที่เป(ฟัน)ให้ล้มลง จากนั้นก็จะมีคนนำ กระทง และสิ่งของ ในนั้นไปโยนทิ้งให้ห่างไกลแล้วพูดบอกผีอาระ ต่างๆ มีผีร้ายให้เอาไปกินให้ห่างอย่ามาเกี่ยวข้อง ในบริเวณ โรงปะรำ พิธีกรรม 14. ความเชื่อของการใช้ดาบฟัน คือ การขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป ในภาพเป็นการแสดง จำ ลองเหตุการณ์
วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร ขั้ขั้ ขั้ นขั้ นตอนการทำทำ ทำทำพิพิ พิธีพิธี ธี กธี กรรม (ต่ต่ ต่ อ ต่ อ) ขั้นตอนที่ 2 การร่ายรํา เมื่อวิญญาณบรรพบุรุษเข้าร่างทรงแม่มอและมอแล้ว ก็จะจัดตกแต่ง เครื่องแต่งกายพร้อม กับดื่มน้ําและเหล้าเป็นที่เรียบร้อย ดนตรีจะเริ่มบรรเลงอีกครั้งในจังหวะช้าและ เร็วขึ้นตามลําดับแม่มอ ทุก คนจะลุกร่ายรําอย่างสนุกสนานตามลําดับมอทุกคนจะลุกขึ้นร่ายรําอย่าง สนุกสนานตามจังหวะส่วนแม่มอจะ ลุกขึ้นมาร่ายรําพร้อมกับดาบตามเสียงดนตรีอย่างไม่รู้จักเหน็ด เหนื่อยการร่ายรําของแม่มอและมอทุกคนโดย จะรําตามท่ารําของชนเผ่าจนกว่าจะหมดท่ารํา 15. การร่ายรำ จะเป็นการร่ายรำ ที่ไม่มี แบบแผนที่ตายตัว เพราะการร่ายรำ เกิดจากวิณญาณเป็นผู้นำ การร่ายรำ ตามจังหวะและลีลา การรำ รอบต้นบายสี(ต้น กล้วย)นั้นการแสดงท่ารำ แต่ละท่าแสดงถึงพฤติกรรม ในการทำ มาหากิน ในเมื่อ ครั้งยังมีชีวิตอยู่
วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร ขั้ขั้ ขั้ นขั้ นตอนการทำทำ ทำทำพิพิ พิธีพิธี ธี กธี กรรม (ต่ต่ ต่ อ ต่ อ) ขั้นตอนที่3 การออกจากร่างทรง โดยจะทําพิธีเหมือนตอนเชิญเข้าร่าง โดยมอเริ่มเข้าทรงเป็นการ ปล่อยวิญญาณบรรพบุรุษให้ไปอยู่ที่เดิมตอนออกหมอแคน จะเป่าแคนให้ทํานองคนเดียวจะไม่ ใช้กลอง ตี ให้จังหวะเพราะเชื่อว่าหากได้ยินเสียงกลองมอ จะไม่ยอมออกจากร่างมอจะออกจากร่าง ก่อนหลัง ตามอาวุโสของมอ คือจากน้อยไปหามากแม่มอ จะออกจากร่างเป็นคน 16. หมอแคน หมอกลอง จะบรรเลงตาม พิธีกรรมที่แม่มอทำ ตามขั้นตอน
วัฒนธรรมชาวกูยส่วย จังหวัดพิจิตร 17. โอกาสในการทำทำ ทำทำพิพิ พิธีพิธี ธี กธี กรรม สมัยก่อนการทำ พิธีกรรมเป็นการทำ พิธีเพื่อการรักษาอาการ เจ็บป่วย ต่างๆ แต่ในปัจจุบันการรักษา ทางการแพทย์ สามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก สบาย ต่อการไปมา เพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป พิธีกรรม แกลมอจึงไม่จำ เป็นต่อการรักษา แต่พิธีกรรมแกลมอ จัดขึ้นในรูปแบบของการแสดง แสดงให้เห็นถึงขั้น ตอนการทำ พิธีกรรมทุกอย่าง เป็นการจำ ลองสถานการณ์ เล่นบทบาทสมมุติ แสดงให้เห็นถึงพิธีกรรมจริง ของชาวกูย ส่วย บ้านยางตะพาย อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร แต่มีชาวบ้าน ที่ยังคงให้ความสำ คัญกับพิธีกรรมอยู่ ก็จะจัดขึ้นตาม การบนบานศาลกล่าว และเป็นการจัด ทำ พิธีกรรมแกลมอขึ้นเป็นการแก้บน ที่ได้บนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือไว้ เป็นการตอบแทน จึงจะ มีพิธีกรรมแกลมอเกิดขึ้นในหมู่บ้าน สามารถเข้าชมวีดีโอการแสดงพิธีกรรมแกลมอ บ้านยางตะพาย อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร ได้โดยสแกนคิวอาร์โคช SCAN ME
พิธีกรรมแกลมอ บ้านยางตะพาย อำ เภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร พิธีกรรมแกลมอ ในปัจจุบันกำ ลังค่อยๆหายไป หากลูก หลานไม่สืบทอดต่อไว พิธีกรรมแกลมอ จะเป็นแค่ตำ นาน ที่ถูกเล่าขานต่อๆกัน มา จนผิดเพี้ยนไปตามกาลเวลา