41 น้อยกว ่าร้อยละ 16 และมีแร ่ธาตุค ่อนข้างต ่ำ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรตและ ไขมัน ได้จากวัตถุดิบต่างๆ เช่น - ธัญพืชและผลพลอยได้จากธัญพืช เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง รำ ข้าว และปลายข้าว เป็นต้น - พืชรากและหัว เช่น มันสำปะหลัง ใช้ในรูปของมันเส้น หรือ มันอัดเม็ด - ไขมันจากพืช และสัตว์ ได้แก่ น้ำมันปาล์ม และไขมันสัตว์ (โคและสุกร) ให้พลังงานสูง ช่วยลดความเป็นฝุ่น เพิ่มความน่ากิน และทำ ให้อัดเม็ดได้ง่าย - กากน้ำตาล เป็นผลพลอยได้จากโรงงานน้ำตาล นอกจาก จะให้พลังงานแล้วยังมีผลให้อาหารมีกลิ่นหอมและมีรสชาติ เพิ่มความน่า กิน และช่วยในการอัดเม็ด 2) วัตถุดิบอาหารแหล่งโปรตีน เป็นอาหารที ่มีโปรตีนผสม มากกว่าร้อยละ 16 ขึ้นไป มักใช้ผสมกับวัตถุดิบอาหารพลังงานเพื่อเพิ่ม ระดับโปรตีนในอาหารให้สูงขึ้นเพียงพอกับความต้องการทางโภชนะของ สัตว์ ได้มาจาก 3 แหล่ง คือ - โปรตีนจากสัตว์ เช่น ปลาป่น เนื้อป่น หางนมผง แกลบกุ้ง เลือดป่น และขนไก่ป่น เป็นต้น - โปรตีนจากพืช เช่น กากถั่วเหลือง กากถั่วลิสง กากฝ้าย กาก เนื้อในเมล็ดปาล์มน้ำมัน ปาล์มเค้ก (ขี้เค้ก) กากงา กากมะพร้าว กากเมล็ด นุ่น และกากเมล็ดทานตะวัน ใบกระถิน ใบมันสำปะหลัง และใบกระถิน เทพา เป็นต้น
42 - สารประกอบไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีน ซึ่งจะนำมาใช้ในสูตร อาหาร เช่น ยูเรีย มูลสัตว์และไบยูเรท เป็นต้น สามารถใช้ในสัตว์เคี้ยวเอื้อง ได้เพราะจุลินทรีย์เป็นผู้ใช้ประโยชน์ 3) วัตถุดิบอาหารเสริมแร่ธาตุ เป็นวัตถุดิบที่มีความเข้มข้นของ แร่ธาตุสูง ใช้ผสมในอาหารข้นเพื่อเพิ่มประมาณแร่ธาตุให้สูงขึ้น อาหารที่ เป็นแหล ่งแร ่ธาตุอาจจะได้มาจากธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้นมา ประกอบด้วย - แหล่งแร่ธาตุหลัก ได้แก่ เกลือ กระดูกป่น เปลือกหอยป่น หินปูน ไดแคลเซียมฟอสเฟต เป็นต้น เป็นแหล ่งแร ่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียมและคลอไรด์ - แหล่งแร่ธาตุรอง มักอยู่ในรูปเกลืออนินทรีย์เช่น แมกนีเซียม ออกไซด์ แมงกานีสซัลเฟต คอปเปอร์ซัลเฟต โปแตสเซียมไอโอไดด์และ โคบอลต์คลอไรด์ เป็นต้น เป็นแหล ่งของแร ่ธาตุแมกนีเซียม แมงกานีส ทองแดง โปแตสเซียม ไอโอดีน และโคบอลต์ เป็นต้น ในวัตุดิบอาหารมีไม่ เพียงพอ ต้องเสริมให้ในรูปของของแร ่ธาตุรวม หรือสรผสมล ่วงหน้า (พรีมิกซ์) ซึ่งจะรวมกับวิตามินด้วย 4) วัตถุดิบอาหารเสริมวิตามิน เป็นวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติ เช่น น้ำมันตับปลา พืชใบเขียว ปุ่มงอกของเมล็ด และยีสต์ เป็นต้น และ จากการสังเคราะห์ ซึ่งมีทั้งแบบที ่ใช้ผสมอาหาร และ ฉีด เช ่น วิตามิน AD3E และ บีรวม เป็น ในการผสมอาหารข้นจำเป็นต้องเติมในรูปขอ พรีมิกซ์ หรือแร่ธาตุรวม ซึ่งมีการจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ทางการค้า หรือ สามารถผสมเองได้ตามที่ต้องการ ให้สอดคล้องกับความต้องการของสัตว์
43 5) วัตถุดิบอาหารเสริมอื่นๆ สารปรับสภาพกระเพาะ และสาร ช่วยย่อย ซึ่งไม่ได้เป็นโภชนแก่สัตว์โดยตรง แต่มีวัตถุประสงค์ในการใช้ที่ แตกต่างกัน เช่น ใช้เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพดีและมีความต้านทานโรค มีความ อยากอาหาร เพิ่มการกินได้ย่อยอาหารดีขึ้น เพิ่มการทำงานของจุลินทรีย์ ลดความเป็นกรดในกระเพาะ ให้มีการเจริญเติบโตดีขึ้นหรือใช้เพื่อให้ได้ผล ผลิตออกมามากขึ้น ได้แก่ สารปรับสภาพกระเพาะ ยาปฏิชีวนะ ยาถ่าย พยาธิ ฮอร์โมน สารแต่งสี สารแต่งกลิ่น สารแต่งรส สารกันบูดและยาอื่นๆ เป็นต้น แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ ก. สารยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ ได้แก่ สารปฏิชีวนะเป็น สารที่สังเคราะห์จากจุลินทรีย์ มีคุณสมบัติในการต่อต้านจุลินทรีย์ ปกติ ใช้ผสมในอาหารเพื ่อลดปัญหาการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารและ ทางเดินหายใจที่นิยมใช้กันมาก เช่น แบซิทราซิน (bacitracin) คลอเตท ตราซัยคลิน (chlortetracycline) ลินโคมัยซิน (lineomycin) และออกซี่ เตทตราซัยคลิน เป็นต้น ข. ฮอร์โมนและสารที ่มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมน ได้แก่ ฮอร์โมนที ่ได้จากธรรมชาติและจากการสังเคราะห์ ใช้สำหรับเร ่งการ เจริญเติบโต โตเร็ว อ้วน และลดพฤติกรรมตัวผู้เช ่น melengestrol acetate ziaralanol (สังเคราะห์จากเชื้อรา) และ ฮอร์โมน Somatotropin (เพิ่มประสิทธิภาพการใช้อาหาร) เป็นต้น ค. สารเสริมจุดประสงค์อื่น เช่น ยาถ่ายพยาธิ สารกันหืน ยา กันเชื้อรา สารให้สี สารปรับปรุงกลิ่นและรส เป็นต้น การปรับกระเพาะใน โคเนื้อทำได้โดยใช้สาร โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตร้อยละ 0.75-1.00
44 ของอาหารแห้ง หรือใช้สารโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตกับแม็กนีเซียม ออกไซด์ในสัดส่วน 3:1 ในอัตราร้อยละ 1.25 ของอาหารแห้ง อาหารโคเนื้อโคข ุนควรเพิ ่มอาหารเสริมและสารช ่วยย ่อย โดยเฉพาะเมื่อใช้เศษเหลือทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว เส้นใยผลปาล์ม น้ำมัน ถ้าหวังผลให้ออกฤทธิ์เร็วก็ให้พวกเอ็มไซม์ช่วยย่อย บายพาสโปรตีน เพื่อเพิ่มกรดอะมิโน บายพาสไขมันเพื่อเพิ่มพลังงาน สารควคุมสภาพกรด ด่าง (ยีสต์และรา) แต่ถ้าหวังผลระยะยาวใช้จุลินทรีย์ผสม หรือโปรไบโอติก ( Lactobacillus, Bacillus, Streptococcus) พ ร ี ไ บ โ อ ติ ก (Lactobacillus) และแร่ธาตุคีเลตต่างๆ นอกจากนั้นการใช้ Ionophores (Rumensin, Lasalocid, Monensin) จะช ่วยยับยั้งแบคทีเรียแกรมบวก เร่งการเจริญเติบโต และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อาหาร ในการผลิตอาหารข้นในปัจจุบันมีการใช้ทั้งในรูปแบบผง อัดเม็ด และอาหารก้อน สำหรับอาหารก้อนเป็นการทำสูตรอาหารที่มีความเข้มข้น สูงเหมือนหัวอาหาร ใช้สำหรับเป็นอาหารเสริมในช่วงหน้าแล้งให้กับโคแม่ พันธุ์ อาหารข้นสำหรับใช้เป็นอาหารโคจะมีระดับโปรตีนในสูตรอาหาร แตกต่างกันไปตามความต้องการของโคเนื้อแต่ระยะ โดยทั่วไปก็จะมีโปรตีน ตั้งแต่ 12-18 % ซึ่งรายละเอียดดังแสดงไว้ในหัวข้อการจัดการอาหารโค เนื้อ ต้นทุนราคาอาหารจะสูงตามระดับโปรตีนที่สูงขึ้น ในการผลิตอาหาร ข้นจึงต้องคำนึงถึงการใช้โปรตีนเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ตัวอย่างสูตรอาหารข้น ที่ใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น ดังแสดงในตารางที่ 3.1
45 ตารางที่3.1 ส่วนประกอบของวัตถุดิบอาหารสัตว์ในสูตรอาหารข้นสำหรับ โคเนื้อ รายการวัตถุดิบ สูตรอาหารโคทั่วไป 16 % โปรตีน 14 % โปรตีน กากถั่วเหลือง 24.89 15.24 19.90 5 ก ากเนื้อในป าล์ม น้ำมัน 25.78 39.19 32.12 20 รำละเอียด 11.81 - 6.40 10 กระถินป่น - - - 10 มันสำปะหลัง 33.26 44.99 37.40 37.5 ปลายข้าว - - - 12 ยูเรีย 0.09 - 0 2 กากน้ำตาล 3.73 - 3.73 - เกลือ - 1.19 - 1.0 แร่ธาตุรวม 0.45 0.49 0.45 0.5 กระดูกป่น - - - 1.9 กำมะถัน - - - 0.1 รวม 100 100 100 100
46 ภาพที่ 3.1 ส่วนประกอบของอาหารข้นสำหรับโคเนื้อ
47 วิธีการผสมอาหารสัตว์ การผสมอาหารสัตว์สามารถทำได้ 2 วิธี คือการผสมด้วยมือ และ การใช้เครื ่องผสมอาหาร เกษตรกรสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสม หลังจากที่ได้ประกอบสูตรอาหาร หรือมีสูตรอาหารทำให้รู้ชนิดและปริมาณ วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต้องใช้ในสัดส่วนเท่าไร ฉนั้นจะต้องเตรียมวัตถุดิบและ อุปกรณ์ให้พร้อม ในการผสมอาหารแต่ละครั้งต้องให้ความสำคัญกับความ สะอาดเพื ่อไม ่ปนเปื้อนด้วยสิ ่งสกปรก ทำความสะอาดอุปกรณ์ (พลั่ว กระบะผสมปูน หรือกะละมังใบใหญ่) พื้นบริเวณที่จะผสม การผสมด้วยมือ ผสมบนพื้นปูนคอนกรีตขัดมันหรือภาชนะขนาดใหญ ่ก็ได้ ให้ชั ่งวัตถุดิบ ตามที่ได้คำนวณไว้ทั้งหมด แล้วให้เอาวัตถุดิบที่มีปริมาณน้อย ได้แก่ พวก พรีมิกซ์ เกลือ กระดูกป่น หรือไดแคลเซียมฟอสเฟต เป็นต้น มารวมกันใน กะละมัง หรือใส่ถุงพลาสติกแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทั้งนี้ต้องดูปริมาณด้วย อาจจะนำมาผสมกับวัตถุตัวอื่นที่เป็นแหล่งพลังงานเพื่อให้มีการกระจาย อย ่างทั ่วถึง ในการผสมให้เริ ่มจากการเทวัตถุดิบมากไปหาน้อยจนหมด วัตถุดิบหลักของสูตรให้เทสลับ สำหรับวัตถุดิบที่เป็นของเหลวที่เป็นน้ำมัน ให้ผสมกับวัตถุดิบตัวอื ่นที ่มีเนื้อหยาบก ่อน เช ่น กากถั ่วเหลือง หรือกับ วัตถุดิบที่จับตัวเป็นก้อนน้อยที่สุด ส่วนถ้าเป็นกากน้ำตาลให้ละลายน้ำและ ฉีดพ่นภายหลังจากที่เทวัตถุดิบหมดแล้ว และผสมไปได้สักพัก ถ้าผสมด้วย มือก็ให้คลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยวิธีการย้ายกอง หรือตักจากล่างขึ้นบน โดย ทำหลายๆ ครั้งจนเข้ากัน จึงเหมากับเกษตรกรรายย่อย ใช้อาหารไม่มาก ส่วนการผสมด้วยเครื ่องผสมอาหารจะช่วยให้ทำงานง่ายและเร็วกว่า ได้
48 อาหารที่มีคุณภาพ สามารถผสมได้ครั้งละมากๆ ในการผสมอาหารอาจจะ ใช้เครื่องผสมปูน (โม่ปูน) มาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นการทุ่นแรงได้ 3.1.2 อาหารก้อนคุณภาพสูง หรืออาหารโปรตีนก้อน เป็นอาหารข้น อยู่ในรูปแบบก้อน มีสัดส่วนของวัตถุดิบที่เป็นแหล่งของโปรตีนในปริมาณ ค่อนข้างสูง มีโปรตีน 30-45 % สำหรับใช้ให้โคเลียกินเป็นอาหารเสริม โปรตีนและพลังงาน เป็นการเพิ่มการกินได้ เพิ่มประสิทธิภาพการย่อยของ อาหารและปริมาณจุลินทรีย์ในกระเพาะหมัก ช ่วยเพิ ่มปริมาณและ องค์ประกอบทางเคมีของน้ำนม จึงถูกนำมาใช้แก้ปัญหาการจัดการให้ อาหารในแม่โค ใช้เป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตของโคเนื้อได้ โค ได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้นทำให้ไม่แคระแกรน และไม่มีปัญหาต่อสมรรถภาพ การสืบพันธุ์ อาหารก้อนคุณภาพสูงจึงน่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ใช้เสริมได้ เพื่อรักษาน้ำหนักตัวในช่วงฤดูแล้ง หรือไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตของโค เนื้อในช่วงที่อาหารไม่สมบูรณ์ได้ ส่วนประกอบอาหารก้อนคุณภาพสูงตาม มาตรฐาน ได้แก่กากน้ำตาล 30-50% รำข้าว ข้าวสาลี หรือข้าวโพด 15- 25% ยูเรีย 5-10% ถั่วเหลืองหรือมันสำปะหลัง 10-40% เกลือ 5-7% ปูนซีเมนต์ 5-13% กระดูกป่น 5-7% และแร่ธาตุรวม 1-2% ขั้นตอนการผสมและการอัดก้อนอาหาร ควรใส ่วัตถุดิบเรียง ตามลำดับก ่อนหลังโดยเริ่มจากนำกากน้ำตาลและยูเรียที่บดละเอียดมา ผสมในกระบะผสมแล้วกวนให้ยูเรียละลาย นำวัตถุดิบที่เหลือ ได้แก่ แร่ ธาตุรวม ปูนซีเมนต์ ปูนขาว และรำละเอียดมาผสมให้เข้ากันก่อนแล้ว
49 ตารางที่ 3.2 ส่วนประกอบของอาหารอาหารก้อนคุณภาพสูง และอาหาร โปรตีนก้อน รายการวัตถุดิบ อาหารก้อนคุณภาพสูง สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 สูตรที่ 3 กากถั่วเหลือง 0 40 26 กากน้ำตาล 30 35 8 ยูเรีย 9 8 9 รำละเอียด 17 0 8 พรีมิกซ์ 4 0 4 เกลือ 5 2 5 ปูนซีเมนต์ 10 13 13 ปูนขาว 5 0 0 กำมะถัน 1 0 1 กระดูกป่น 6 0 0 ไดแคลเซียมฟอสเฟต 0 2 0 มันสำปะหลัง 13 0 0 รวม 100 100 100 โปรตีนหยาบ 30.14 35 36.2 ไปเทรวมกับกากน้ำตาลและยูเรีย เมื่อผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้น หรืออัดเป็นก้อนในแม่พิมพ์ หรือใส่ภาชนะที่โคสามารถเลียได้ง่าย การอัด
50 แท่งหรืออัดก้อนเป็นการทำเพื่อให้มีความสะดวกต่อการใช้และการขนส่ง นอกจากนั้นการอัดก้อนเป็นการบังคับการกินของโค วิธีการทำอย่าง่ายโดย เทส ่วนผสมลงในบล็อกซึ ่งอาจทำจากไม้หรือภาชนะบรรจุอื ่นๆ (ถ้วย พลาสติก) ทำการอัดให้แน่นทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนผสมจะแห้ง และแข็งตัวเป็นก้อน แกะแม่พิมพ์ออกนำไปวางหรือใส่ภาชนะให้สัตว์เลีย กิน หรือห่อพลาสติกมิดชิดเก็บไว้ใช้ได้ประมาณ 2 เดือนนับจากวันผลิต ที่สำคัญควรเก็บไว้ที่โปร่งแห้ง ไม่อับหรือชื้น กรณีที่ต้องผลิตมากๆควรจะ มีอุปกรณ์ทุ่นแรงในการคลุกเคล้าส่วนผสม เช่น ถังผสมหรือมิกเซอร์ชนิด ถังนอนแบบใช้มอเตอร์ในการนำไปใช้จะต้องให้โคเลียเท่านั้นหรือห้ามกัด กินเพราะมียูเรียที่เข้มข้น อาจจะเป็นอันตรายและมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ แนะนำให้โคที่มีน้ำหนักมากว่า 250 กิโลกรัม เลียกินไม่เกิน 500 กรัม/ ตัว/วัน และควรได้รับอาหารหยาบอย ่างเพียงพอและมีน้ำสะอาดกิน ตลอดเวลาด้วย สามารถวางใส่ภาชนะตั้งไว้ให้สัตว์เลียกินตามใจชอบ ถ้า อาหารก้อนมีความแข็งตัวพอดีสัตว์จะเลียกินได้อย ่างสม ่ำเสมอ ถ้านิ่ม เกินไปสัตว์จะขบกินหรือแทะเคี้ยวได้มากเกินปริมาณที ่กำหนด ควรใส่ ภาชนะที่ให้สัตว์เลียกินทางด้านบนหรือด้านข้าง หรืออาจทำตะแกรงวาง ด้านบน เพื่อควบคุมปริมาณการเลียกินของสัตว์ให้สม่ำเสมอ อาหารก้อน คุณภาพสูงอาจจะมีการทำสูตรออกมาแตกต ่างกันตามระดับโปรตีนที่ ต้องการของสัตว์ โดยใช้กากน้ำตาลและยูเรียเป็นวัตถุดิบหลัก หรือเพิ่ม วัตถุดิบอาหารข้นแหล่งโปรตีนชนิดอื ่นได้อีก เพื ่อเพิ ่มระดับโปรตีนของ อาหารก้อน การนำไปใช้คู่กับฟางข้าวสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ของโค
51 ภาพที่ 3.2 การทำอาหารก้อนคุณภาพสูง
52 ภาพที่3.3 อาหารก้อนคุณภาพสูง 3.1.3 อาหารหยาบ หมายถึงอาหารที ่มีความเข้มข้นของ องค์ประกอบทางเคมีในวัตถุดิบน้อยกว่าอาหารข้น มีความฟ่ามมาก และมี เยื่อใยสูงเกินร้อยละ 18 ของวัตถุแห้ง มีพลังงานน้อยกว่าร้อยละ 60 ย่อย ได้ยากจำเป็นต้องผ่านกระบวนการหมักถึงจะใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ จึง จัดเป็นอาหารหลักของสัตว์เคี้ยวเอื้อง สัตว์กระเพาะรวม ม้า กระต่าย โดย ไม่ต้องผสมแบบอาหารข้น ส่วนใหญ่ได้จากส่วนของต้นและใบพืช อาหาร หยาบจำแนกได้ 3 ประเภทคือ 1) อาหารหยาบสด อาหารหยาบสดอาจจำแนกเป็นอาหาร หยาบสดคุณภาพดีมาก (>10 %) คุณภาพดี (7-10%) คุณภาพปานกลาง (5-7%) และคุณภาพต่ำ (<5) โดยพิจารณาจากระดับโปรตีน ได้แก่ หญ้า สด ต้นข้าวโพด ต้นและใบถั่วสด เศษเหลือจากไร ่นาทางการเกษตรและ
53 โรงงานอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ต้นและเปลือกข้าวโพดฝักอ่อน ยอดอ้อย กากมะเขือเทศ และเปลือกสับปะรด เป็นต้น 2) อาหารหยาบแห้ง เป็นการถนอมอาหารหยาบสดเป็นเสบียง อาหารสำหรับโค ได้แก่ หญ้าแห้ง ฟางข้าว ต้นและใบถั่วแห้ง หรือพืชอื่นๆ ที่เก็บรักษาไว้โดยการตากแดดหรืออบ ต้องมีความชื้นประมาณ 10-15 % อาหารแห้งคุณภาพสูงต้องมีโปรตีนมากว่า 15 % และอาหารแห้งคุณภาพ ต่ำมีโปรตีนน้อยกว่า 15 % 3) อาหารหยาบหมัก เป็นการถนอมอาหารหยาบสด หรือ อาหารหยาบแห้ง ได้แก่ ต้นพืชและใบ ฟางข้าว หญ้าแห้ง ที่นำไปถนอมไว้ ในสภาพอมน้ำและในสภาพไร้อากาศ ที ่นิยมทำกันมาก เช ่น หญ้าหมัก และต้นข้าวโพดหมัก เป็นต้น อาหารหยาบมีความสำคัญมากเพราะจะช่วย ให้กระเพาะรูเมนทำงานเป็นปกติ มีการขย้อนอาหารออกมาเคี้ยวเอื้อง กระตุ้นขับน้ำลาย และทำให้ช่วยต้านและลดความเป็นกรดในกระเพาะรู เมน ซึ่งเป็นอันตรายต่อจุลินทรีย์ที่ช่วยย่อยอาหารและมีปัญหาภาวะความ เป็นกรดในร่างกายสูง
54 ภาพที่ 3.4 อาหารหยาบสำหรับใช้เป็นอาหารโค
55 3.1.4 อาหาร TMR อาหาร TMR หรือ อาหารผสมสำเร็จ เรียกอีก อย่างว่า อาหารผสมครบส่วน เป็นอาหารที่รวมเอาอาหารหยาบในรูปสด แห้ง และหมัก และวัตถุดิบอาหารข้น หรือวัตถุดิบที่เป็นแหล่ง โปรตีน พลังงาน วิตามินและแร่ธาตุ มาผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม มีโภชนค รบถ้วนตามความต้องการ โคได้รับอาหารที่มีลักษณะและคุณค่าทางอาหาร สม่ำเสมอ ดีต่อกระเพาะรูเมนและทำให้การหมักย ่อยที่ดีเพิ่มการดูดซึม และนำไปใช้ประโยชน์ TMR มี 2 แบบ คือ สด และหมัก ที่ระดับโปรตีน 12-16 % แตกต่างตามความต้องการของโคระยะต่างๆ โดยการใช้เครื่อง ผสมอาหาร TMR หรือผสมด้วยมือกรณีใช้ไม่มาก และนำไปให้โคกินอย่าง เพียงพอ มีประโยชน์ช่วยทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการฟาร์มโคเนื้อ และเพิ ่มผลกำไรจากการให้อาหารอย ่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณการให้ อาหารประมาณ 3 % ของน้ำหนักตัว (น้ำหนักแห้ง) หรือ 7-10 % ของ น้ำหนักตัว (น้ำหนัดสด) ลักษณะอาหาร TMR ที่ดีมีดังนี้ 1.) ประกอบด้วยอาหารหยาบและอาหารข้นในสัดส ่วนที่ เหมาะสม ผสมกันเป็นเนื้อเดียวกัน และอาหารไม่มีเชื้อราเกิดขึ้น 2.) ความยาวของชิ้นอาหารหยาบควรประมาณ 1-2.5 ซม. หรือไม่น้อยกว่า 1 และมากว่า 5 ซม. 3.) มีความชื้นที่เหมาะสม ประมาณ 40-60 % ระดับความ ชี้นจะมีผลต่อปริมาณกินได้ 4.) ราคาไม่แพง โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น หรือผลพลอยได้ ทางการเกษตร หรือเพิ่มคุณค่าทางอาหาร (% โปรตีน) โดยการหมัก
56 จุดเด่นและประโยชน์ของ TMR 1. โคกินอาหารและย่อยอาหารได้มากขึ้น ได้โภชนครบถ้วน และไปเพิ่มปริมาณผลิตและคุณภาพซาก 2. ให้อาหารอย่างถูกวิธี โตเร็ว ช่วยสร้างเนื้อแดง เพิ่มไขมัน แทรก สุขภาพดี และผสมติดง่าย ลดแรงงานคนในการให้อาหาร 3. ลดการสูญเสียอาหาร (ไม่มีเศษอาหาร) 4. เก็บได้นาน การหมักทำให้คุณค่าทางอาหารเพิ่ม การผลิตอาหาร TMR แบบฉบับชาวบ้าน ใช้อาหารสัตว์สูตร หัวอาหารหรือมีโปรตีนสูงกว่าระดับโปรตีนที่ต้องการในสูตรอาหาร TMR มาผสมกับอาหารหยาบสับที ่มีในท้องถิ ่น ได้แก ่ หญ้าสดหรือหมัก ต้น ข้าวโพด ทางปาล์มน้ำมัน กระถิน เป็นต้น โดยผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ถ้า ใช้อาหารหยาบแบบแห้งควรให้มีความชื้นประมาณ 40-60 % โดยใช้น้ำ หรือน้ำผสมกากน้ำตาลฉีดพ่น (เพิ่มความน่ากิน คุณค่าทางอาหาร และ ความเป็นเนื้อเดียวของอาหาร) ก็จะได้อาหาร TMR เช่นเดียวกันกับการ ผสมด้วยเครื่อง ซึ่งสามารถทำได้ง่ายโดยไม่ต้องซื้อเครื่องผสมอาหาร TMR ลดค่าใช้จ่ายในการผสม และทำให้ราคาอาหารถูกลง
57 ภาพที่ 3.5 อาหาร TMR
58 ตารางที่ 3.3 สูตรอาหารทีเอ็มอาร์โครุ่น–โคสาวที่ใช้หญ้าเนเปียร์และฟาง ข้าวเป็นหลัก (น้ำหนักสด) น้ำหนักตัว 100 ก.ก. 200 ก.ก. 300 ก.ก. 400 ก.ก. กากถั่วเหลือง กากปาล์มใน เมล็ดข้าวโพด มันสำปะหลัง รำอ่อน กากน้ำตาล ยูเรีย แร่ธาตุรวม หญ้าเนเปียหมัก ฟางข้าว รวม 20.7 0.0 4.2 24.6 2.8 1.7 0.0 0.2 45.4 0.3 100 13.9 16.8 5.9 11.6 1.9 0.0 0.0 0.1 49.2 0.6 100 13.4 2.5 3.3 23.1 1.3 3.2 0.3 0.2 52.1 0.6 100 7.4 21.0 5.3 12.9 0.9 0.0 0.4 0.1 51.1 0.9 100 6.2 2.4 3.2 24.8 1.2 3.1 0.7 0.2 55.7 2.5 100 4.3 30.2 4.4 9.1 0.7 0.0 0.3 0.1 50.1 0.7 100 5.8 2.3 3.0 19.8 1.2 2.9 0.7 0.2 61.2 2.9 100 4.1 35.4 4.2 6.8 0.7 0.0 0.3 0.1 47.1 1.4 100 ที่มา : วิโรจน์ (2563) การให้อาหาร TMR ที่ถูกต้อง การให้กินอาหาร TMR เพียงบาง ช ่วงเวลา จำกัดปริมาณการกิน กินเสริมอาหารเดิม เป็นสิ ่งที ่ไม ่ถูกต้อง เพราะอาหาร TMR ไม่เหมือนอาหารข้น เมื่อนำไปใส่วัตถุดิบหรืออาหาร อื ่นๆ ทำให้การใช้TMR ล้มเหลว เพราะอาหาร TMR มีทั้งอาหารหยาบ และอาหารข้น มีวิตามินและแร่ธาตุครบตามความต้องการโคแล้ว จึงควรให้ กินสูตรเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้ผลเป็นอาหารโภชนต่ำไปควรต้องใช้สูตรอื่นที่ เหมาะสม
59 ตารางที่ 3.4 การปรับอาหารข้นโปรตีน 16 % เป็นอาหาร TMR โปรตีน 12-14 % วัตถุดิบ TMR 14 % ข้าวโพด TMR 12 % ข้าวโพด TMR 12 % หญ้า TMR 12 % ฟาง หญ้าเนเปียร์หมัก 0 0 66.7 48.6 ข้าวโพดหมัก 59.2 74.3 0 0 ฟางข้าว 0 0 0 9.5 อาหารข้น 16 % 40.8 25.7 33.3 41.9 รวม 100 100 100 100 ความชื้น % 44.3 53.1 50.0 50.0 TDN, % 68.0 68.5 68.0 65.0 ที่มา : วิโรจน์ (2563) ในการประกอบสูตรอาหาร TMR สิ่งสำคัญมาก คือ ควบคุมระดับ ความชื้นในสูตรอาหารให้คงที ่ ฤดูกาลและชนิดวัตถุดิบมีอิทธิพล ค่อนข้างมาก ความชื้นนอกจากมีผลต่อปริมาณการกินได้แล้วยังมีผลต่อ การหมักตัวมากขึ้นจากอุณหภูมิในโรงเรือนที่ร้อนขึ้นตลอดวัน อาหาร TMR ที่มีความชื้นน้อย (60 % น้ำหนักแห้ง) และมีความชื้นมาก (35 % น้ำหนัก แห้ง) โคจะกินได้ต่างกัน โดยโคจะกินอาหารที่มีความชื้นสูงมากขึ้น แต่ คิด เป็นเปอร์เซ็นต์สิ่งแห้งที่ได้รับต่อวันลดลง หากอุณหภูมิโรงเรือนร้อนและ ทำให้อาหารหมักตัวได้ง่ายและมีอาหารหลือมากขึ้นเช่นกัน การให้อาหาร
60 บ ่อยครั้งขึ้นจะช่วยลดปัญหานี้ได้ ดังนั้นหากอาหาร TMR ที ่มีความชื้น มากกว ่า 65 % จะมีผลโดยตรงต ่อปริมาณการกินได้ที ่ลดลงได้ การ ทำอาหารสูตร TMR ที่เป็นสูตรหมักในถุงนั้นมีระดับความชื้นในถุงที่ 50– 65 % เหมาะสมในการกระตุ้นการหมักและได้เปอร์เซ็นต์กรดที่จะรักษา คุณภาพอาหาร TMR ได้นาน นอกจากนั้นมีการปรับปรุงอาหาร TMR .ให้มี โปรตีนเพิ่มขึ้น และใช้วัตถุดิบคุณภาพต่ำ ลดการใช้วัตถุดิบที่ไม่มีในท้องถิ่น และราคาแพง รายละเอียดดัง แสดงในตาราง 3.5 การให้อาหารโคเนื้อ โคขุน หลักการให้อาหารโคเนื้อประมาณ การได้จากขนาดของน้ำหนักตัว โดยปกติจะให้โคกินอาหารคิดเป็นน้ำหนัก แห้งประมาณ 3% ของน้ำหนักตัว หรือคิดเป็นอาหารสดประมาณ 7–10 % ของน้ำหนักตัว การให้อาหาร TMR ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากปริมาณการกิน อาหารของโคขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมและกับตัวสัตว์ด้วย ในทางปฏิบัติให้ เกษตรกรลองกำหนดปริมาณให้กินก ่อน แล้วสังเกตปริมาณอาหารที ่จะ เหลือในแต ่ละวัน การให้อาหารควรไม ่น้อยกว ่าวันละสองครั้ง อย ่าให้ อาหารเหลือมากกว ่า 2 % ต ่อวัน อาหารที ่เหลือสามารถนำมาโรยบน อาหารจ่ายใหม ่ได้ ถ้าไม่มีกลิ่นเนื ่องจากอากาศร้อนหรือนำไปให้โคกลุ่ม อื่นๆ และควรปรับลดปริมาณให้ในมื้อถัดไป จากการให้อาหาร TMR โคจะ กินได้มากในช่วงแรก และเมื่อมีการปรับตัวจะค่อยลดลงและจะสม่ำเสมอ ทำให้ง่ายต่อการจัดอาหาร
61 ภาพที่ 3.6 การผลิตอาหาร TMR ฉบับชาวบ้าน
62 ภาพที่ 3.7 การผลิต TMR ทางการค้า
63 ตารางที่3.5 สูตรอาหาร TMR หมักยีสต์มีชีวิตที่มีระดับโปรตีน 15 % วัตถุดิบอาหาร/สูตรที่ 1 2 3 4 5 6 7 น้ำหนักสด (กิโลกรัม) กากเม็ดในปาล์ม เม็ดในปาล์มสุก ปาล์มเค้ก (ขี้เค็ก) เส้นใยผลปาล์ม ทะลายปาล์ม เปลือกทุเรียน ฟางข้าว เกลือ รำอ่อน แร่ธาตุรวม ยูเรีย ไขมันเม็ด ยีสต์ กากน้ำตาล น้ำ 22 - - 21.7 - - - 0.6 2.3 0.2 0.5 0.2 0.1 2.9 49.4 19.4 - 3.5 21.5 - - - 0.6 2.3 0.2 0.5 0.2 0.1 2.8 49.0 20.2 - - 22.7 - - - 0.6 2.3 0.2 0.6 0.2 0.1 2.8 49.0 20 1.4 4.4 - 26.8 - - 0.6 5.2 0.2 0.6 0.2 0.1 2.7 39.3 16.5 - 4.9 - - 47.2 - 0.6 4.5 0.2 0.6 0.2 0.1 2.7 22.9 19 1.9 2.7 - - 47.2 - 0.6 2.1 0.2 0.6 0.2 0.1 2.6 22.9 19.6 - 4.7 - - - 12.9 0.6 4.2 0.2 0.8 0.2 0.1 2.9 53.8 รวม 100 100 100 100 100 100 100 ความชื้น % การย่อยได้ (TDN) ราคา/กก. 58.8 61.7 3.90 59.2 61.4 3.50 59.1 61.3 3.60 60.7 64.7 3.80 61.8 69.4 3.50 61.9 69.1 3.50 58.0 63.0 3.50
64 ในการให้อาหารโคเนื้อเพื่อให้ง่ายต่อเกษตรกร ศาสตราจารย์ ดร. วิโรจน์ ภัทรจินดา จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น แนะนำให้ใช้วัตถุดิบอาหาร สัตว์ที่มีระดับโปรตีนที่มากกว่าระดับโปรตีนที่โคต้องการเพียงอย่างเดียว แทนอาหารข้น จึงไม่จำเป็นต้องผสมอาหารอีกต่อไป ส่วนวิตามินแร่ธาตุที่ จำเป็นสามารถเสริมให้ในรูปแบบต่างๆภายหลัง เกษตรกรสามารถปรับปรุง วัตถุดิบให้มีโปรตีนเพิ ่มขึ้น ได้แก ่ การใช้กากมันสำปะหลังหมักยีสต์ มี โปรตีน 9-12 % แทนอาหารข้นในโคเนื้อ เพราะในโคเนื้อต้องการอาหารที่ มีโปรตีน ไขมัน และ TDN ไม ่น้อยกว ่า 11, 2.4 และ 62 % ตามลำดับ ดังนั้นการจัดการอาหารโคเนื้อต้องคำนึงถึงความต้องอาหารของโคแต่ละ ระยะเสมอ เพราะะมีความแตกต่างกัน รายละเอียดแสดงในตารางที่ 3.6 การให้อาหาร TMR โคเนื้อ อาหาร TMR ไม่ใช่อาหารข้นที่ให้ กินเป็นเวลาและให้ในจำนวนจำกัด ซึ่งเป็นวิธีจ่ายอาหารที่เข้าใจผิด และ ไม่ใช่อาหารที่ต้องเอาวัตถุดิบอื่น ๆ มาเพิ่มให้กินเสริมขึ้นไปเพิ่มเติมอีก TMR ต้องให้กินเพียงอย่างเดียว กินให้ตรงสูตรตรงกลุ่ม ปกติแนะนำให้ใช้ อาหาร TMR ในโคก่อนหย่านม โครุ่น โคสาวทดแทน และแม่พันธุ์ที่ระดับ โปรตีน 16, 12-14 และ 12 % ตามลำดับ ที่สำคัญอาหารต้องมีอยู่ในราง อาหารตลอดเวลา แต่โดยทั่วไปต้องให้กินหมดพอดีเมื่อถึงรอบใหม่
65 ตารางที่3.6 ปริมาณอาหารที่โคเนื้อระยะต่างๆ ต้องการ (นน.สดและนน. แห้ง, กก.) และอัตราการเจริญเติบโต (ADG,กก./ตัว/วัน) และระดับโปรตีน และการย่อยได้ (TDN) ที่เหมาะสมกับความต้องการของอาหาร TMR และ อาหารข้น ประเภทโคเนื้อ ปริมาณอาหาร ที่ต้องการ อาหาร TMR (%) อาหารข้น (%) สด แห้ง ADG โปรตีน TDN โปรตีน TDN ลูกโคแรกคลอด 30 กก. 0.5 0.3 0.3 21 80 21 80 ลูกโคแรกคลอด 2 ด. 0.8 0.5 0.4 21 75 21 75 ลูกโคแรกคลอด 4 ด. 2.3 1.5 0.6 18 74 20 72 แม่โคเลี้ยงลูกเดือนที่ 2 16.2 10.1 0.1 14 70 16 72 แม่โคเลี้ยงลูกเดือนที่ 6 17 10.5 0.2 14 68 16 70 โคสาว/โคนางตั้งท้อง 2 ด. 21.0 7.5 1.0 16 70 16 70 โคสาว/โคนางตั้งท้อง 4 ด. 22.5 8.2 1.1 14 68 14 68 โคสาว/โคนางตั้งท้อง 6 ด. 23.9 9.0 1.2 14 70 14 70 โคสาว/โคนางตั้งท้อง 8 ด. 25.3 9.8 1.0 14 70 14 70 โครุ่น 250 กก. 14.8 6.5 0.8 14 70 16 70 โครุ่น 300 กก. 17.7 7.0 0.9 14 70 16 70 โครุ่น 350 กก. 21.1 7.5 1.2 14 70 16 70 โครุ่น 400 กก. 24.4 9.5 1.2 13 70 15 72 โครุ่น 450 กก. 27.0 10.5 1.3 13 70 15 72 โครุ่น 500 กก. 30.0 11.2 1.3 12 70 14 72 โครุ่นเร่งขุน 500 กก. 30.5 12.5 1.5 12 72 14 75 โครุ่นเร่งขุน 600 กก. 39.5 15.5 1.5 12 72 14 75
66 ตารางที่ 3.7 ระดับโปรตีนและปริมาณการให้อาหาร TMR โคระยะต่างๆ ประเภทโค อายุ (เดือน) ระดับ โปรตีน (%) ปริมาณ อาหารที่กิน (ก.ก.) อัตราการ เจริญเติบโต (ก.ก.) คะแนน ร่างกาย โคแรกคลอด 2-6 16 กินเต็มที่ 1.2-1.5 2.5 โคหย่านม 6-12 14 10-15 1.7-1.8 2.75 โครุ่น โคสาว 12-18 12-14 15-20 1.9-2.0 3.25 แม่พันธุ์(ท้อง) 18-26 12 20-25 2.0 3.5 ที่มา : วิโรจน์ (2563) นอกจากนั้น การให้อาหาร TMR ในโคสาว-โครุ่น ในอาหารโค สาวให้จำกัดอาหารพลังงานสูง แต่ควรเพิ่มในเรื่องแหล่งอาหารโปรตีน ให้ หมั่นสังเกตว่าอย่าเลี้ยงโคสาวให้อ้วนมากจนมีปัญหาในการผสมพันธุ์และ กลายเป็นโคอ้วนตั้งแต่เล็ก โดยเฉพาะการได้แหล่งอาหารหยาบที่มาจาก ข้าวโพดหมักจะทำให้โคสาวอ้วนได้ง่าย ให้รักษาอัตราการเจริญเติบโตของ โคสาวอยู่ที่ 0.8 กก./วัน โคสาวสามารถปล่อยเลี้ยงในแปลงหญ้าและเสริม อาหาร TMR ระดับโปรตีน 14% ในแปลงได้เพื่อเป็นการลดต้นทุน หากโค มีการเจริญปกติไม่ผอม 3.2 การขุนโคเนื้อ เป้าหมายในการขุนคือการเพิ่มปริมาณและคุณภาพซาก ดังนั้นทำ อย่างไรให้โคขุนมีอัตราการเจริญเติบโตดี มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคุณภาพซากดี ซึ่งจะคำนึงถึง ปริมาณโปรตีน ไขมันแทรก สี เนื้อสัมผัส และ ความฉ่ำ ด้วย สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการขุนและคุณภาพซากโคนั้นมี
67 มากหลายด้าน ได้แก่ พันธุกรรม เพศ อายุที่เข้าขุนและเชือด การให้อาหาร และโภชนาการ ระยะเวลาขุน น้ำหนักก่อนฆ่า และการจัดการตลอดการ ขุน เป็นต้น โดยทั่วไปการขุนโคใช้เวลานาน 4-12 เดือน ขึ้นอยู่กับตัวโคเข้า ขุนที่มีความแตกต่างกันในด้านพันธุกรรมและอายุก่อนเข้าขุน ถ้าตัวโคไม่ ต่างกันก็ให้ความสำคัญกับการให้อาหารคุณภาพดี ทั้งอาหารหยาบและ อาหารข้นในปริมาณที่เพียงพอและโภชนครบตามที่ต้องการ ทำให้โตเร็ว ได้ เนื้อคุณภาพดีและสามารถจำหน ่ายได้ในราคาสูง ตลาดหรือผู้บริโภค ต้องการเนื้อโคขุนคุณภาพใน 2 ลักษณะ คือ เนื้อนุ่ม (ไม่เน้นไขมันแทรก) และเนื้อมีไขมันแทรก จึงทำให้การขุนโคมีความแตกต ่างกันไปเพื ่อได้ ผลผลิตตามที่ต้องการ ถ้าเริ่มที่พันธุกรรมไม่แตกต่างกันก็ทำได้ไม่ยาก ก็จะ ขึ้นอยู่กับอายุเข้าขุน ช่วงเวลาการขุน และการให้อาหารเท่านั้น การขุนโค เนื้อสามารถแบ่งตามรูปแบบการจัดการอาหารมี 3 ระบบ ดังนี้ คือ 1. ระบบการขุนด้วยอาหารหยาบเป็นหลัก 2. ระบบการขุนแบบ 2 ระยะ ระยะแรกเน้นอาหารหยาบและ ระยะหลังเน้นอาหารข้นที่มีพลังงานสูง 3. ระบบการขุนแบบให้อาหารข้นพลังงานสูงตั้งแต่เริ่มต้นจนถึง ขายสู่โรงฆ่า การขุนโคในนครศรีธรรมราชโดยเกษตรกรรายย่อยยังไม่ถูกตาม หลักวิชาการมากนัก เลี้ยงแบบดั้งเดิมโดยให้อาหารหยาบเป็นหลักและ เสริมด้วยอาหารข้น ด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับเงินทุนหมุนเวียนสำหรับใช้ใน การซื้อพันธุ์และอาหาร ประกอบกับราคามีความผันผวนและตกต่ำทำให้ไม่ กล้าลงทุนอย่างเต็มที่ ไม่สามารถขุนโคให้มีน้ำหนักมากกว่า 600 กิโลกรัม
68 ส่งผลกระทบต่อคุณภาพซากและระยะเวลาในการขุน เมื่อโคได้รับอาหาร ไม่เพียงพอจะทำให้การเพิ่มน้ำหนักตัวช้า เกรดซากต่ำ และไม่สามารถส่ง ตลาดชั้นสูงได้ เกษตรกรจะใช้อาหารหยาบที่มีในธรรมชาติหรือปลูกเพื่อ เป็นการลดต้นทุน มีการใช้ทั้งในรูปสดและหมัก ส่วนอาหารข้นจะซื้อแบบ สำเร็จรูปมาใช้แทนการผสมเองจะคุ้มค่ากว่า มีบางรายที่มีเงินทุนแต่ไม่มี เวลาและแรงงานก็จะใช้อาหารแบบผสมสำเร็จ ซึ่งช ่วยทำให้สภาพการ ทำงานของจุลินทรีย์ในกระเพาะรูเมนมีความเหมาะสมต่อการหมักย ่อย อาหารได้ดีขึ้น และมีผลดีต่อการขุนโคและคุณภาพซาก สูตรอาหารทีเอ็ม อาร์และการให้อาหารข้นโปรตีน 16 % สำหรับทำอาหารทีเอ็มอาร์แสดงดัง ตารางที่ 3.8 ขั้นตอนการเตรียมโคเข้าขุน 1. ต้องกักโคจากฟาร์มอื่นที่นำมาขุนก่อน เพื่อสังเกตอาการของ โรค และตรวบสอบประวัติการทำวัคซีน และควรทำวัคซีนป้องกันโรคติดต่อ ได้แก่ วัคซีนปากเท้าเปื่อย หรือวัคซีนที่เจ้าหน้าที่แนะนำ 2. ถ่ายพยาธิตัวกลม โดยการฉีด เช่น ลีวาไมโซล อะเวอร์เม็ก ติน หรือยากรอกปาก เช่น อัลเบนดาโซล 3. ให้วิตามิน โดยการฉีดหรือการผสมในอาหาร วิตามินที่ควร ให้ ได้แก่ เอ ดีและอี 4. ลดพฤติกรรมความก้าวร้าว คึกคะนอง เปรียว และดุดัน โดย วิธีการตอนด้วยคีมหนีบท่อน้ำเชื้อ หรือผ่าตัดเอาลูกอัณฑะออกมา หรือวิธี อื่นๆ ที่สะดวกและไม่ทรมาน นอกจากนั้นอาจจะใช้วิธีการฝัง กิน หรือฉีด ฮอร์โมน (ยาคุม) เป็นวิธีที่นิยมในกลุ่มเกษตรกร ทำง่าย และไม่ทรมานสัตว์
69 เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อาหาร ลดความก้าวร้าว ไม่ทอหรือชนกัน ควบคุมพฤติกรรมทางเพศ ลดความกำหนัดในตัวผู้ โดยใช้ฮอร์โมนซินโน เว็ค เอส โดยฝังหลังใบหู หรือจะใช้ยาคุมของแพะ สุนัข และแมว ก็ได้ การให้อาหารโคขุน การขุนโคเป็นการให้อาหารพลังงานสูงเกินความต้องการของโคเป็น เวลานาน เพื่อให้มีการสะสมไขมันแทรกในมัดกล้ามเนื้อ และเป็นโคที่มีอายุ ไม่เกิน 3 ปี เนื่องจากโคที่มีอายุมากกว่า 3 ปี มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมากและ แข็งแรง จะให้เนื้อเหนียว ไม ่นุ ่มอย ่างที ่ต้องการ ปริมาณความต้องการ โภชนขึ้นอยู่กับอายุ ขนาดน้ำหนักตัว สภาพแวดล้อม ถ้าอากาศหนาวจะกิน อาหารได้มากกว่าอากาศร้อน นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับลักษณะอาหารและ วิธีการให้อาหาร สัดส่วนของอาหารหยาบต่ออาหารข้นในการขุนโคมีหลัก กว้างๆ ดังนี้ ในระยะแรกของการขุน ระยะกลางของการขุน และระยะ ปลายของการขุน จะให้อัตราส่วนอาหารข้นต่ออาหารหยาบ เป็น 30 : 70 , 50 : 50 และ 70 : 30 ตามลำดับ หลักการให้อาหารโคขุนสามารถสรุปได้ พอสังเขป ดังนี้ 1. อาหารข้นที่มีระดับโปรตีน 14-16% ควรใช้กับโคน้ำหนัก 100–200 กิโลกรัม หรือใช้ร ่วมกับอาหารหยาบคุณภาพต ่ำ ส ่วนโคที ่มี น้ำหนัก 250–300 และ 350–450 กิโลกรัม ควรใช้อาหารข้นที่มีโปรตีน 14 และ 12 % ตามลำดับ ในโคหนุ ่มจะให้อาหารข้นเพื ่อสร้างกล้ามเนื้อ ประมาณ 1 % ของน้ำหนักตัว ร่วมกับการกินอาหารหยาบคุณภาพดีอย่าง เต็มที่ แต่ถ้าต้องการเลี้ยงในระบบไขมันแทรกต้องเพิ่มอาหารข้นเป็น 1.5 % ของน้ำหนักตัว ร่วมกับอาหารหยาบ และควรเสริมกากน้ำตาลด้วย
70 2. การให้อาหารควรแบ่งให้วันละอย่างน้อย 2 ครั้ง 3. ควรปรับให้โคขุนคุ้นเคยกับอาหารข้นโดยให้วันละน้อย 2-3 วัน แล้วค่อยเพิ่มปริมาณจนเป็นที่พอใจ 4. ต้องให้กินอาหารหยาบแบบเต็มที่ เน้นที่มีมีในพื้นที่และมี ราคาถูก เช่น ฟางข้าวหมัก หรือทางปาล์มหมัก และต้องมีการตรวจสอบ คุณภาพอาหารโดยสังเกตดูความสามารถในการกินได้ของ 5. ระยะสุดท้ายของการขุน อาจจะเพิ่มปริมาณอาหารข้นใน อัตราที่สูงขึ้นหรือใช้กากน้ำตาล 1-2 กิโลกรัม/วัน เพื่อเร่งให้โคมีอัตราการ เจริญเติบโตสูงl และสะสมไขมันแทรกในกล้ามเนื้อสูงขึ้น ในการขุนโค เพื่อให้มีไขมันแทรกได้อย ่างเต็มที่ควรขุนนานประมาณ 260 วัน และให้ ผลตอบแทนสูงสุด การขุนโคเนื้อแตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้เลี้ยง และขึ้นอยู่ กับพันธุ์และอายุของโคที่เข้าขุน แต่เป้าหมายสำคัญคือ ต้องการให้โตเร็ว อัตราการแลกเนื้อดี และให้เนื้อนุ่ม ซึ่งการให้เนื้อนุ่มสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การขุนโคอายุน้อย หรือการขุนในระยะเวลาที่นานกว่าปกติก็จะทำให้มี ไขมันแทรก หลักสำคัญของการขุนโคคุณภาพสูงต้องให้กินอาหารให้เป็น จะให้อาหารข้นคู ่กับอาหารหยาบ หรืออาหาร TMR ก็ได้ การให้อาหาร TMR ระดับโปรตีน 12 % ให้กินแบบเต็มที่ (25-30 กก.) เทียบเท่ากับให้ กินอาหารข้นระดับโปรตีน 14 % 2 มื้อๆละ 3 กิโลกรัม ร ่วมกับหญ้า ธรรมชาติในท้องถิ่น การให้อาหารข้นมากมีความเสี่ยงกับโคมีอาการเจ็บขา ถ้าให้อาหารน้อยโคไม ่โตตามศักยภาพ โตช้าทำให้ยืดระยะเวลาการขุน ออกไป เพื่อให้ได้น้ำหนักตามที่ต้องการ
71 ตารางที่ 3.8 สูตรอาหารทีเอ็มอาร์และการใช้อาหารข้นโปรตีน 16 % ทำอาหารทีเอ็มอาร์ ที่มา : วิโรจน์ (2563) การขุนโคหนุ่มเนื้อนุ่มน่าสนใจมากในปัจจุบัน เป็นการผลิตเนื้อโค ขุนเพื่อสุขภาพ ไม่เน้นไขมันแทรก มีไขมันแทรกน้อยแต่จะเนื้อจะนุ่มเพราะ สูตรอาหารโคทั่วไป สูตร 1 สูตร2 สูตร3 สูตร4 สูตร5 สูตร6 สูตร7 สูตร8 TMR 16 % หญ้า TMR 14 % หญ้า TMR 12 % หญ้า TMR 16 % ข้น TMR 14 % ข้น TMR 12 % ข้น TMR 16 % ฟาง TMR14% ฟาง รายการวัตถุดิบ นน.สด, กก นน.สด, กก นน.สด, กก นน.สด, กก นน.สด, กก นน.สด, กก นน.สด, กก นน.สด,กก กากถั่วเหลือง กากปาล์มใน รำอ่อน มันส าปะหลัง ยูเรีย อาหารข้น 16% กากน้ าตาล แร่ธาตุผงรวม หญ้าสด ฟางข้าว น้ำเปล่า 5.92 14.75 5.78 4.88 0.76 0.00 1.35 0.15 66.41 0.00 0.00 4.38 12.0 0.00 1.35 0.35 0.00 1.10 0.12 80.70 0.00 0.00 1.31 11.94 0.00 4.10 0.46 0.00 1.09 0.12 80.98 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 0.70 29.77 0.00 0.00 69.53 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 0.49 20.88 0.00 0.00 78.63 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 0.20 20.00 0.00 79.06 0.00 0.00 0.00 6.69 16.17 6.09 8.48 1.06 0.00 1.48 0.00 0.00 17.52 42.51 3.76 16.18 6.79 9.40 1.06 0.00 1.48 0.00 0.00 18.79 42.54 รวม 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 ราคา บาท/กก. 3.30 2.42 2.02 4.05 3.14 3.10 3.50 3.04 ความชื้น 51.54 60.57 60.78 53.56 59.29 59.59 46.86 46.82
72 อายุน้อย ต้องวางแผนการขุนตั้งแต ่หลังหย ่านม อายุ 6-7 เดือน มีการ จัดการให้ได้รับอาหารคุณภาพ และมีการจัดการอาหารได้พอดีกับช่วงอายุ และเหมาะกับความต้องการของโค โดยขุนโคให้ได้น้ำหนักมากกว่า 600 กิโลกรัม ที่อายุไม่เกิน 2 ปี การขุนโคในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นผลดีกับเกษตรกร เพราะทำให้ลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยเป็นโรคที่รุนแรงถึงตาย การขุน ระยะสั้นทำให้วงรอบการขุนเร็ว เมื่อขายได้เร็วผลตอบแทนก็จะคืนกลับมา เร็ว และทำให้เกิดสภาพคล่อง บรรณานุกรม กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 2564. ข้อมูลเศรษฐกิจการปศุสัตว์ ประจำปี2564. สำนักพัฒนาการปศุสัตว์และถ่ายทอดเทคโนโลยี. จิราพร อดทน, โชค มิเกล็ด และ ณัฐพล จงกสิกิจ. 2554. ศักยภาพของการ ใช้โปรตีนก้อนเพื่อทดแทนอาหารข้นในโคนม. แก่นเกษตร. 39: 64-67. จุฑามาศ แพงคำศรี, อัญชลี คงประดิษฐ์, ภูมพงศ์ บุญแสน, วิสูตร ไมตรีจิตต์, และ สุริยะ สะวานนท์. 2563. ผลของการเสริมแร่ธาตุก้อนต่อสมรรถภาพการ เจริญเติบโตและต้นทุนการผลิตโคนมเพศผู้ตอนใน ระยะรุ่น.วารสารวิทยาศาสตร์การเกษตรและการจัดการ. 3(1):20-30. ภคนิจ คุปพิทยานันท์. 2550. เอกสารประกอบการสอนวิชา 303 413 Animal Hygiene and Disease Prevention. สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุระนารี. ภัทรภร ทัศพงศ์. 2556. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา 121113 Ruminants Production. ภาควิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, มหาวิทยาลัยนเรศวร.
73 วิโรจน์ ภัทรจินดา. 2546. โคนม. ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 435 หน้า วิโรจน์ ภัทรจินดา. 2559. TMR ยุคใหม่โคนมไทย. ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะ เกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 49 หน้า. วิโรจน์ ภัทรจินดา. 2563. เอกสารประกอบการบรรยายโครงการฝึกอบรมประชุม เชิงปฏิบัติการ Reskill & Upskill การเลี้ยงโคเนื้อ-โคขุนยุคใหม่: การ จัดการอาหารและปรับปรุงพันธุ์ เมื่อวันที่ 14-15 ธันวาคม 2563 ณ ห้อง ประช ุม AB 306 สำนักงานวิทยาเขตนครศรีธรรมราช (ท ุ ่งใหญ่) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อำเภอท ุ ่งใหญ่ จังหวัด นครศรีธรรมราช. วิโรจน์ ภัทรจินดา. 2564. TMR ยุคใหม่โคเนื้อเกรดพรีเมียม. โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแก่น. วิโรจน์ ภัทรจินดา และวิภาพร ภัทรจินดา. 2565. ข่าวโคเนื้อ. ปีที่ 2 ฉบับที่ 20 (4 เมษายน 2565) เข้าถึงได้จาก https://mailchi.mp/355fc7298986/f1s4x0q5k9. ศรัญญา ม่วงทิพย์มาลัย, สุบรรณ ฝอยกลาง, อนุสรณ์ เชิดทอง, จุฬากร ปานะถึก และสุนทร เกไกรสร. 2564. ผลของการทดแทนกากถั่วเหลืองโดยใช้กากถั่ว เหลืองเปียกหมักยีสต์ในสูตรอาหารข้นต่อปริมาณการกินได้ การย่อยได้ และเมตาบอไลท์ในเลือดโคเนื้อ. แก่นเกษตร. 49(5): 1103-1110. สมคิด ชัยแพชร ประพจน์มลิวัลย์ วิภาวี แสงสร้อย ณรงค์ชัย ชูพูล เสาวณีย์ ชัยเพชร เกียรติขจร ไชยรัตน์ ปิยะ เพชรสงค์ และสาธิต บัวขาว (2563). คู่มือองค์ ความรู้การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อ ยกระดับคุณภาพโคเนื้อในเขตเทือกเขาหลวงฝั่งตะวันตก. มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช, 209 หน้า
74 สมคิด ชัยแพชร ประพจน์มลิวัลย์ วิภาวี แสงสร้อย ณรงค์ชัย ชูพูล เสาวณีย์ ชัยเพชร เกียรติขจร ไชยรัตน์ ปิยะ เพชรสงค์ และสาธิต บัวขาว (2563). การ ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพ โคเนื้อในเขตเทือกเขาหลวงฝั่งตะวันตก. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช, 250 หน้า สุนทร รอดด้วง. 2565. การปลูกและจัดการพืชอาหารสัตว์. เอกสารประกอบการ ฝึกอบรมโครงการ ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ : การปลูกพืชอาหารสัตว์ คุณภาพสูงเป็นอาชีพเสริม เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ห้องประชุมศรี ศรรพวิทย์ คณะเทคโนโลยีการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช. สัญชัย จตุรสิทธา. 2562. คู่มือ การเพิ่มศักยภาพการผลิตโคเนื้อ จากการจัดการ องค์ความรู้และเทคโนโลยี. สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.). โรงพิมพ์สมศักดิ์การพิมพ์, เชียงใหม่. สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. 2564. สถิติการเกษตรของประเทศไทย ปี 2564: โคเนื้อ. สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์, กรุงเทพฯ. เอกอนงค์ สิทธิประการ. อาหารโคขุนคุณภาพสูงจากตะกอนน้ำมันปาล์มหมัก. วิทยานิพนธ์ หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และ โอภาส พิมพา, ชัยพงษ์ เลิศฤทธิชัย, วุฒิชัย สีเผือก, บดี คำสีเขียว และ เบญจมาภรณ์ พิมพา. 2563. การใช้ทางใบปาล์มน้ำมันเพื่อการเลี้ยงโคเนื้อสำหรับกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อ อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสาร วิจัยเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่. 12(3):159-170. Balamurugan, B., M. Ramamoorthy, R. S. K. Mandal,
75 J. Keerthana, G. Gopalakrishnan, K. M. Kavya, N. S. Kharayat, G. R. Chaudhary, and R. Katiyar. 2017. Mineral an Important Nutrient for Efficient Reproductive Health in Dairy Cattle. International Journal of Science, Environment and Technology. 6(1): 694-701. Bunmee, T., Chaiwang, N., Kaewkot, C. and Jaturasitha, S. 2018. Current situation and future prospects for beef production in Thailand— A review. Asian-Australas J Anim Sci. 31(7): 968-975. Foiklang, S., M. Wanapat, and W. Toburan. 2011. Effects of various plant protein sources in high-quality feed block on feed intake, rumen fermentation, and microbial population in swamp buffalo. Tropical animal health and production. 43(8): 1517– 1524. Pond W.G and K.R. Pond. 2000. Introduction to Animal Science. John Wiley &Son. New York. 687 p. Santhiralingam, S., and J. Sinniah. 2018. A study on making complete feed blocks for cattle with different combination of fodder grasses and agricultural wastes. International Journal of Scientific and Research Publications. 8(9): 650-656.
76 ประวัติผู้เรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมคิด ชัยเพชร อาจารย์ประจำสาขาวิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ต. ทุ่งใหญ่ อ. ทุ่งใหญ่ จ. นครศรีธรรมราช 80240 อีเมลล์[email protected] โทร. 0813975223 ประวัติการศึกษา ปริญญาเอก (ชีววิทยา) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปริญญาโท (สัตวศาสตร์) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปริญญาตรี(สัตวศาสตร์) สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
40
40