37 ครูและนักเรียนอภิปรายคำถามร่วมกันเพื่ออ้างอิงผลการลงข้อสรุปข้อมูลคำถามหลักที่ใช้สำหรับใน การที่อภิปราย คือ 1. กล้องจุลทรรศน์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด 2. กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง และกล้องจุลทรรศน์แบบอิเล็กตรอนมีลักษณะอย่างไร 3. กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง และกล้องจุลทรรศน์แบบอิเล็กตรอนทำงานอย่างไร 4. กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง และกล้องจุลทรรศน์แบบอิเล็กตรอน เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร 5. ข้อควรระวังในการเก็บรักษากล้องจุลทรรศน์เป็นอย่างไร 6. นักเรียนมีแนวทางการนำกล้องจุลทรรศน์ไปใช้ประโยชน์อย่างไร 4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 4.1 มอบหมายให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของส่วนประกอบกล้องจุลทรรศน์ และการดูแลรักษากล้องจุลทรรศน์ 4.2 มอบหมายให้นักเรียนนำข้อมูลจากการสืบค้นเขียนเป็นการรายงานตามรูปแบบที่กำหนด 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 5.1 ทำการสุ่มนักเรียนจากบัญชีรายชื่อ หรือจากความสมัครใจ ให้นักเรียนจำนวน 3 คน กล่าว สะท้อนผลการเรียนรู้โดยกล่าวถึงประสบการณ์ วิธีการเรียนรู้ ความพึงพอใจ และข้อเสนอแนะที่ควรปรับปรุง 5.2 ให้นักเรียนแต่ละคนตอบคำถามจากกิจกรรม แบบทดสอบออนไลน์ Quizizz ครูจัดทำขึ้น หลัง การจัดกิจกรรม สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงชนิด compound light microscope (Olympus) 2. บทปฏิบัติการการใช้งานกล้องจุลทรรศน์เบื้องต้น 3. รูปภาพ 4. อินเตอร์เน็ต 5. PowerPoint 6. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (สสวท.) 7. แบบทดสอบออนไลน์ Quizizz สื่อและแหล่งการเรียนรู้
38 กรอบการวัดและประเมินผล 1. วิธีการวัดผล แต่ละจุดประสงค์การเรียนรู้นำเสนอประเด็นที่ทำการวัดและประเมินผล วิธีการวัด และเครื่องมือวัด ดังตาราง ตาราง: ประเด็นที่ทำการวัดและประเมินผล วิธีการวัด และเครื่องมือวัด จุดประสงค์การเรียนรู้ (ข้อที่) ประเด็นที่ทำการวัด/ประเมิน วิธีการวัด เครื่องมือวัด 1.1 การจัดกระทำและสื่อความหมาย ตรวจชิ้นงาน แผนผังความคิดรวบยอด 1.2 การวิเคราะห์อภิปรายและลง ข้อสรุป ตรวจบทปฏิบัติการกล้อง จุลทรรศน์ บทปฏิบัติการที่ 4 1.3 การลงข้อสรุป ตรวจการรายงาน การเขียนรายงาน 1.4 ระบุแนวทางการใช้ประโยชน์จาก ผลการศึกษา ตรวจบทปฏิบัติการที่ 6 บทปฏิบัติการที่ 6 2.1 สังเกตครบแลตามลำดับขั้นที่มี การสังเกต แบบสังเกต 2.2 ใช้วัสดุอุปกรณ์การสังเกตถูกต้อง การสังเกต แบบสังเกต 2.3 บันทึกข้อมูลการสังเกตครบถ้วน ตรวจบทปฏิบัติการที่ 6 บทปฏิบัติการที่ 6 2.4 การสืบค้น ตรวจการเขียนรายงาน การเขียนรายงาน 2.5 การนำเสนอข้อค้นพบ ตรวจดูการรายงานหน้า ชั้นเรียน แบบสังเกตการรายงาน หน้าชั้นเรียน 3.1 ความระเอียดรอบคอบ การบันทึกผลการศึกษา การสังเกต แบบสังเกต การใช้งานกล้องจุลทรรศน์ 3.2 ความอยากรู้อยากเห็น การซักถามผู้นำเสนอ การสังเกต แบบสังเกต
39 3.1 ความระเอียดรอบคอบ การบันทึกผลการศึกษา การสังเกต แบบสังเกต 2. เกณฑ์การให้คะแนนรูบริค (Rubric Score) ให้คะแนนเป็นรายข้อของเกณฑ์รูบริคที่สร้างขึ้น สำหรับการประเมิน (Analytical Rubric Score) ดังตาราง ตาราง: แสดงเกณฑ์การให้คะแนนแบบรูบริค ประเด็นที่ทำการประเมิน เกณฑ์รูบริคของแต่ละประเด็น ประเด็นที่ทำ การประเมิน เกณฑ์รูบริคของแต่ละประเด็น จำนวนคะแนนแต่ละเกณฑ์ของรูบริค (ด้าน) K คะแนน P คะแนน A คะแนน การจัดกระทำและ สื่อความหมาย จัดกระทำข้อมูลตรงตามวิธีการที่กำหนด ครบทุกตัว √ 3 - - - - สื่อความหมายข้อมูลที่จัดกระทำแล้ว ถูกต้องตามรูปแบบที่ออกแบบ √ 3 - - - - การวิเคราะห์ อภิปรายและ ลงข้อสรุป บอกองค์ประกอบข้อมูลของแต่ละชุดได้ √ 2 - - - - บรรยายคุณสมบัติของข้อมูลแต่ละชุดได้ √ 2 - - - - บอกองค์ประกอบข้อมูลของแต่ละชุดได้ √ 2 - - - - บรรยายคุณสมบัติของข้อมูลแต่ละชุดได้ √ 2 - - - - บอกความสัมพันธ์ของข้อมูลแต่ละตัวได้ √ 2 - - - - บอกความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งชุดได้ √ 2 - - - - ระบุแนวทางการใช้ ประโยชน์จากผลการ สำรวจ สามารถเขียนบรรยายแนวทางการใช้ ประโยชน์จากผลการสำรวจ √ 2 - - - - แนวทางการใช้ประโยชน์สามารถปฏิบัติ ได้จริง √ 2 - - - - ข้อมูลการสำรวจ แสดงจำนวนข้อมูลที่ทำการสังเกต ครบถ้วน - - √ 3 - - บรรยายคุณสมบัติที่ต้องการสังเกตของ ข้อมูลแต่ละตัวครบถ้วน - - √ 3 - - บรรยายคุณสมบัติที่ต้องการสังเกต ครบถ้วน - - √ 3 - -
40 ตาราง: แสดงเกณฑ์การให้คะแนนแบบรูบริค ประเด็นที่ทำการประเมิน เกณฑ์รูบริคของแต่ละประเด็น (ต่อ) ประเด็นที่ทำ การประเมิน เกณฑ์รูบริคของแต่ละประเด็น จำนวนคะแนนแต่ละเกณฑ์ของรูบริค (ด้าน) K คะแนน P คะแนน A คะแนน การรวบรวมข้อมูล สังเกตครบและตามลำดับขั้นที่มี - - √ 2 - - ใช้วัสดุอุปกรณ์การสังเกตถูกต้อง - - √ 2 - - บันทึกข้อมูลการสังเกตครบถ้วน - - √ 2 - - การสืบค้นข้อมูลตามที่ ออกแบบให้ แสดงจำนวนข้อมูลที่ทำการสืบค้น ครบถ้วน - - √ 2 - - บรรยายคุณสมบัติที่ต้องการสืบค้นของ ข้อมูลถูกต้อง - - √ 2 - - การนำเสนอข้อค้นพบ ด้วยการเขียนรายงาน มีองค์ประกอบถูกต้อง - - √ 2 - - แสดงเนื้อหาของแต่ละองค์ประกอบ ถูกต้องครบถ้วน - - √ 2 - - การนำเสนอข้อค้นพบ ด้วยการรายงานหน้า ชั้นเรียน มีองค์ประกอบถูกต้อง - - √ 2 - - วิธีการนำเสนอของกลุ่ม - - √ 2 - - ความสามารถในการสื่อสาร - - √ 2 - - ความถูกต้องข้อมูล สาระ ความรู้ - - √ 2 - - ความซื่อสัตย์ การบันทึกข้อมูลจากการสำรวจ - - - - √ 4 การใช้งานกล้องจุลทรรศน์ - - - - √ 4 ความอยากรู้อยากเห็น การซักถามจากผู้นำเสนอ - - - - √ 4 การศึกษาค้นคว้าข้อมูล 4 คะแนนรวมแต่ละด้าน √ 22 √ 32 √ 16 รวม 70 3. เกณฑ์ประเมินระดับคุณภาพผลการเรียนรู้กำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ร่วมกันทุกด้านเป็น 4 ระดับคือดีมาก ดี พอใช้ และต้องปรับปรุง แต่ละระดับกำหนดเกณฑ์ประเมินตามคะแนนเกณฑ์รูบริค ดังนี้
41 ระดับคุณภาพดีมาก มีคะแนนตามเกณฑ์รูบริคร้อยละ 75 - 100 ของคะแนนเต็ม ระดับคุณภาพดี มีคะแนนตามเกณฑ์รูบริคร้อยละ 70 - 74 ของคะแนนเต็ม ระดับคุณภาพพอใช้ มีคะแนนตามเกณฑ์รูบริคร้อยละ 65 - 69 ของคะแนนเต็ม ระดับคุณภาพต้องปรับปรุง มีคะแนนตามเกณฑ์รูบริคน้อยกว่าร้อยละ 65 ของคะแนนเต็ม 4. เกณฑ์การตัดสินระดับคุณภาพนักเรียนจากคะแนนรวมทั้งหมด ระดับบุคคล นักเรียนมีผลงานอยู่ในระดับ ดี ถือว่า ผ่าน (ประกันผลการเรียนรู้ของนักเรียน) ระดับกลุ่ม นักเรียนมีผลงานอยู่ในระดับ ดี ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดถือว่า การจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ประสบผลสำเร็จ (ประกันการสอนของครู) 5. เกณฑ์การตัดสินคะแนนเก็บ จำนวนคะแนนที่เก็บ........คะแนน จากคะแนนรวมทั้งหมด...........คะแนน กำหนดวิธีการคิดคะแนนเก็บ ดังนี้ จำนวนคะแนนเก็บ = (จำนวนคะแนนเก็บที่ต้องการ x จำนวนคะแนนรวมทุกกิจกรรมของนักเรียนแต่ละคน) คะแนนรวมทุกกิจกรรมทั้งหมดของทุกกิจกรรม 6. ผลการประเมิน ผลการประเมินระดับคุณภาพ ระดับบุคคล จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด............คน ผลการเรียนรู้อยู่ใน ระดับดีมาก จำนวน.............คน คิดเป็นร้อยละ............. ระดับดี จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ..........… ระดับปานกลาง จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ............. ระดับปรับปรุง จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ............. ดังนั้น จึงมีนักเรียนมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดจำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ ........ และต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดจำนวน .............คน คิดเป็นร้อยละ............ ระดับกลุ่ม นักเรียนมีผลงานอยู่ในระดับ............... ร้อยละ.....……ของจำนวนทั้งหมด ถือว่าการ จัดการเรียนรู้ ประสบความสำเร็จ ไม่ประสบความสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ของแผนการจัดการเรียนรู้
42 บันทึกผลหลังแผนการจัดการเรียนรู้ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้*(ชี้ให้เห็นถึงผลที่เกิดกับนักเรียนตามจุดประสงค์หรือตัวชี้วัดที่กำหนดในแผน) ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ปัญหา/อุปสรรค (คือปัญหาที่พบจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้) ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข *(ครูเสนอแนะแนวทางแก้ไขของปัญหาที่พบในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้) ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ..........................................ผู้บันทึก (นายภาณุพงศ์ มั่นอินทร์) ........../..................../.............. บันทึกความเห็นของผู้ตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.............................................(ผู้ตรวจ) (นายพนาวุฒิ จันทับทอง) ครูพี่เลี้ยง ........../..................../..............
43 บันทึกความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.............................................(ผู้ตรวจ) (นายพนาวุฒิ จันทับทอง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ........../..................../.............. บันทึกความเห็นของหัวหน้าฝ่ายวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.............................................(ผู้ตรวจ) (นางสาวศิรประภา ปานสมบัติ) หัวหน้าฝ่ายวิชาการ ........../..................../.............. บันทึกความเห็นของผู้บริหาร ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ......................................(ผู้ตรวจ) (นายชุมพร แก้วเปี้ย) ผู้อำนวยการสถานศึกษา ........./................../..............
44 แบบประเมินการเติมคำหรือข้อความ แบบบันทึกผลการศึกษา เรื่อง การใช้กล้องจุลทรรศน์เบื้องต้น กลุ่มที่ ชื่อ.สกุล สมาชิก คะแนน ระดับคุณภาพ 1 …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… 2 …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… ………………………………………………………………….. 3 …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… ………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….. 4 …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… ………………………………………………………………….. 5 …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………..
45 เกณฑ์การให้คะแนนการเติมคำหรือข้อความ เกณฑ์ คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน ความถูกต้องของรายงาน ผลการศึกษา อธิบายได้ถูกต้องครบถ้วนมี เหตุและผล อธิบายได้ถูกต้อง มีเหตุผลบ้างบางประเด็น อธิบายได้ถูกต้อง แต่ไม่มีเหตุผล เกณฑ์การประเมินผล : สรุปผลการประเมิน : ระดับคุณภาพของนักเรียนโดยรวม (........) ดี (.......) พอใช้ (........) ปรับปรุง หมายเหตุ : ระดับคุณภาพที่ทำได้ขึ้นอยู่กับจำนวนข้อในแต่ละกิจกรรม เกณฑ์ คุณภาพ ดี(3) พอใช้(2) ควรปรับปรุง(1) ความถูกต้องของ คำตอบ ผู้เรียนตอบถูกต้อง ร้อยละ 80 ขึ้นไป ผู้เรียนตอบถูกต้อง ร้อยละ 70-79 ผู้เรียนตอบถูกต้อง ต่ำกว่าร้อยละ70
46 แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติการสำรวจ แบบบันทึกผลการศึกษา เรื่องการใช้กล้องจุลทรรศน์เบื้องต้น กลุ่มที่ ......................... วันที่ ................/......................../................. คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย / ในช่องที่ตรงกับความเป็นจริง ที่ รายการพฤติกรรม คุณภาพการปฏิบัติ ดี (3) ปานกลาง (2) ปรับปรุง (1) 1 2 3 4 5 6 การสำรวจตามแผนที่กำหนด การใช้อุปกรณ์และ/หรือเครื่องมือ การบันทึกผลสำรวจ/การสืบค้นข้อมูล การจัดกระทำข้อมูลและการนำเสนอ การสรุปผลการสำรวจ/การสืบค้นข้อมูล การดูแลและการเก็บอุปกรณ์และ/หรือเครื่องมือ รวม เกณฑ์การให้คะแนน รายการพฤติกรรม ระดับคะแนน 3 2 1 1. การสำรวจตามแผน ที่กำหนด สำรวจตามวิธีและขั้นตอนที่กำหนด ไว้อย่างถูกต้อง มีการปรับปรุงแก้ไข สำรวจตามวิธีและขั้นตอนที่ กำหนดไว้โดยมีครูเป็นผู้ แนะนำบางส่วนมีการปรับปรุง แก้ไข สำรวจตามวิธีและขั้นตอน ที่กำหนดไว้โดยไม่มีการ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้อุปกรณ์ และ/ หรือเครื่องมือ ใช้อุปกรณ์/เครื่องมืออย่าง คล่องแคล่วและถูกต้อง ใช้อุปกรณ์/เครื่องมืออย่าง ถูกต้องแต่ไม่คล่องแคล่ว ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือไม่ ถูกต้อง 3. การบันทึกผล การสำรวจ บันทึกผลเป็นระยะอย่างถูกต้องมี ระเบียบและเป็นไปตามการสำรวจ บันทึกผลเป็นระยะ ไม่เป็น ระเบียบ แต่เป็นไปตามการ สำรวจ บันทึกผลไม่ครบ และไม่ เป็นไปตามการการสำรวจ 4. การจัดกระทำข้อมูล และการนำเสนอ จัดทำข้อมูลอย่างเป็นระบบ และ นำเสนอชัดเจน ถูกต้อง จัดทำข้อมูลเป็นระบบ นำเสนอข้อมูลชัดเจนแต่ยังไม่ ถูกต้อง ไม่มีการจัดทำข้อมูล และนำเสนอข้อมูลไม่ ชัดเจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรุปผล การการสำรวจ สรุปผลการสำรวจได้อย่างถูกต้อง กระชับชัดเจน และครอบคลุมข้อมูล จากการวิเคราะห์ทั้งหมด สรุปผลการสำรวจได้ถูกต้อง แต่ยังไม่ครอบคลุมข้อมูลจาก การวิเคราะห์ทั้งหมด สรุปผลการสำรวจได้ตาม ความเห็น โดยไม่ใช้ข้อมูล จากการสำรวจ 6. การดูแล เก็บ อุปกรณ์ เครื่องมือ ดูแลอุปกรณ์/เครื่องมือ มีการทำ ความสะอาดและเก็บอย่างถูกวิธี อุปกรณ์/เครื่องมือมีการทำ ความสะอาดแต่เก็บไม่ถูกวิธี ไม่ดูแล ไม่สนใจทำความ สะอาดและเก็บไม่ถูกวิธี เกณฑ์การประเมิน : 13 – 18คะแนน ระดับคุณภาพดี 7 – 12คะแนน ระดับคุณภาพพอใช้ 1 - 6คะแนน ระดับคุณภาพปรับปรุง สรุปผลการประเมิน : ระดับคุณภาพนักเรียนในภาพรวม (......) ดี (.......) พอใช้ (.......)ปรับปรุง
47 แบบประเมินแผนผังความคิด คำชี้แจง ให้ครูผู้สอนทำเครื่องหมาย ( / ) ลงในช่องคะแนนตามเกณฑ์การประเมิน กลุ่มที่ เลขที่ประจำตัว สรุปความรู้ได้ถูกต้อง ครบตรงประเด็น การเชื่อมโยงความรู้ได้ถูกต้อง ตามลำดับขั้นความสัมพันธ์ มีความคิดสร้างสรรค์ใน การเขียนผังความคิด รวม 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 1 2 3 4 เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก = 4 ดี = 3 พอใช้ = 2 ปรับปรุง = 1 คะแนนตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน คุณภาพ 10 -12 ดีมาก 7 – 9 ดี 4 – 6 พอใช้ 1 – 3 ควรปรับปรุง (ลงชื่อ)...................................ผู้ประเมิน (นายภาณุพงศ์ มั่นอินทร์) ............../................./.................
48 เกณฑ์การประเมินแผนผังความคิด รายการประเมิน 1. สรุปความรู้ได้ถูกต้อง ครบตรงประเด็น 2. การเชื่อมโยงความรู้ได้ถูกต้องตามลำดับขั้นความสัมพันธ์ 3. มีความคิดสร้างสรรค์ในการเขียนผังความคิด เกณฑ์การประเมินระดับคุณภาพ รายการประเมิน คำอธิบายระดับคุณภาพ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 1. สรุปความรู้ได้ ถูกต้อง ครบตรง ประเด็น สามารถสรุป ความรู้ได้ครบและ ตรงประเด็นและ ถูกต้องทุกหัวข้อ สามารถสรุป ความรู้ได้ครบ ตรงประเด็นและมี ความถูกต้องเป็น ส่วนใหญ่ สรุปความรู้ไม่ครบ ทุกประเด็น สรุปความรู้ไม่ ถูกต้อง 2. การเชื่อมโยง ความรู้ได้ถูกต้อง ตามลำดับขั้น ความสัมพันธ์ สามารถเชื่อมโยง ความรู้ได้ถูกต้อง ตามลำดับ ความสัมพันธ์ สามารถเชื่อมโยง ความรู้ได้ และ ลำดับความ สัมพันธ์ได้ ค่อนข้างครบ สามารถเชื่อมโยง ความรู้และลำดับ ความสัมพันธ์ได้ บ้าง สามารถเชื่อมโยง ความรู้ได้ แต่ไม่ เป็นไปตามลำดับ ความสัมพันธ์ 3. มีความคิด สร้างสรรค์ในการ เขียนผังความคิด สามารถเขียนผัง ความคิดได้ใน รูปแบบที่ถูกต้อง และสวยงาม สามารถเขียนผัง ความคิดได้ถูกต้อง และมีข้อบกพร่อง เพียงเล็กน้อย สามารถเขียนผัง ความคิดได้ และมี ข้อบกพร่องเป็น บางส่วน สามารถเขียนผัง ความคิดได้ แต่ ขาดรูปแบบและ ความสวยงาม คะแนนตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน คุณภาพ 10 - 12 7 – 9 4 – 6 1 – 3 ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
49 แบบสังเกตพฤติกรรมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เรื่อง การใช้กล้องจุลทรรศน์เบื้องต้น ประเมินครั้งที่...... วัน/เดือน/ปี............./............/......... ที่ ชื่อ-สกุล ความระเอียด รอบคอบ ความอยากรู้ อยากเห็น รวม สรุปผล 4 3 2 1 4 3 2 1 8 ผ่าน ไม่ผ่าน 1 นายทัตเทพ พร้อมมูล 2 นายธีรพันธ์ เกียรติยศ 3 นายฤทธิพร ขำน้อย 4 นายชญานนท์ บุญมีโพธิ์ 5 นายกิตติพงศ์ จี่มุก 6 นายเฉลิมชัย วันจันตรา 7 นายทนงเดช เสือบุญ 8 นายธีรภัทร พุ่มเทียน 9 นายสหรัฐ มาสะอาด 10 นายณัฐพงศ์ เหล็กทั่ง 11 นางสาวมนัสนันท์ กาดกอเสริม 12 นางสาววิสสุตา วิเศษหมื่นไวย 13 นางสาวกรรณิการ์ สิงห์คาร 14 นางสาวรวิวรรณ ทองแสง 15 นางสาวธันยพร เงินทอง 16 นางสาวรัตยา บุตรบุญ 17 นางสาววนิตา พุ่มเทียน 18 นางสาวกาญจนา อินอิว 19 นางสาวนิภาพร กาวิเป็ง 20 นางสาวบุญญารัตน์ พัดจันทร์หอม 21 นางสาวอวัศญา ฉ่ำเอี่ยม 22 นางสาวจรรยพร แก้วหลำ 23 นางสาวอนงค์นาถ อินขลิบ 24 นางสาวพิมลวรรณ น้อยรอด
50 ที่ ชื่อ -สกุล ความระเอียด รอบคอบ ความอยากรู้ อยากเห็น รวม สรุปผล 4 3 2 1 4 3 2 1 8 ผ่าน ไม่ผ่าน 25 นางสาวปิ่นสุดา เนียมศรี
เกณฑ์การให้คะแนน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เกณฑ์ ดีมาก (4) ดี (3) 1. ระเอียด รอบคอบ - ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และสังคม ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น - ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ใน ชีวิตประจำวัน และรับผิดชอบในการทำงาน - การบันทึกข้อมูลได้ถูกต้องครบถ้วน - ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎ ข้อบังคับของครอบครัว แล - ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติ ในชีวิตประจำวัน และรับ ทำงาน - การบันทึกข้อมูลได้ถูกต้อ 2. ความอยากรู้ อยากเห็น - ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมีความเพียร พยายามในการเรียนรู้และเข้าร่วมกิจกรรม การเรียนรู้ต่าง เป็นประจำ และการซักถาม - ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร หรือจากแหล่งเรียนรู้ ทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรียนและมีการบันทึกความรู้สรุป เป็นองค์ความรู้ นำเสนอแนะแลกเปลี่ยน ความรู้ ด้วยวิธีการ ที่หลากหลาย - ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมี พยายามในการเรียนรู้และเ การเรียนรู้บ่อยครั้ง และกา - ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จา เอกสาร หรือจากแหล่งเรียน และภายนอกโรงเรียน และ ความรู้สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ เกณฑ์การประเมิน 4 หมายถึง ระดับดีมาก 3 หมายถึง ระดับดี 2 หมายถึง ระดับพอใช้1 หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินค 7 – 8 คะแน 3 – 4 คะแน เกณฑ์การผ่าน: แต่ละรายการต้องไม่น้อยกว่าระดับดี ขึ้นไป
51 ฑ์การให้ระดับคะแนน พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ฎเกณฑ์ ระเบียบ ละโรงเรียน ติกิจกรรมต่าง ๆ บผิดชอบในการ งครบถ้วน ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว และโรงเรียน -ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน - การบันทึกข้อมูลได้ถูกต้องครบถ้วน บ้างบางส่วน - ไม่ปฏิบัติตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ระเบียบ ข้อบังคับ ของครอบครัวและโรงเรียน - การบันทึกข้อมูลได้ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน มีความเพียร เข้าร่วมกิจกรรม ารซักถาม ากหนังสือ นรู้ ทั้งภายใน ะมีการบันทึก นำเสนอแนะ - ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมีความเพียร พยายามในการเรียนรู้และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ต่างบางครั้ง และ การซักถาม - ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร หรือจากแหล่งเรียนรู้ ทั้ง ภายในและภายนอกโรงเรียน และมี การบันทึกความรู้ - ไม่ตั้งใจเรียน - ไม่ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ คุณภาพ นน ระดับคุณภาพดีมาก 5 – 6 คะแนน ระดับคุณภาพดี นน ระดับคุณภาพพอใช้ 1 – 2 คะแนน ระดับคุณภาพปรับปรุง
52 แบบประเมินการนำเสนอผลงานรายหน้าชั้นเรียน จุดประสงค์: เพื่อให้นักเรียนทราบถึงจุดเด่นและจุดที่ควรปรับปรุงของผลงานกลุ่มและการนำเสนอผลงานกลุ่ม คำชี้แจง 1. ทำเครื่องหมาย ( / ) ลงในช่องคะแนนตามเกณฑ์การประเมินพฤติกรรม 2. รวมคะแนนการประเมิน และเปรียบเทียบกับเกณฑ์การประเมิน กลุ่มที่ เลขที่ ความถูกต้องของเนื้อหา วิธีการนำเสนอของกลุ่ม ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม คะแนนรวม 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 1 2 3 4
53 เกณฑ์การให้คะแนน ความถูกต้องของเนื้อหา 4 หมายถึง มีเนื้อหาสาระครบถ้วนสมบูรณ์ 3 หมายถึง มีเนื้อหาสาระค่อนข้างครบถ้วน 2 หมายถึง มีเนื้อหาสาระไม่ครบถ้วนแต่ภาพรวมของสาระทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์พอใช้ 1 หมายถึง มีเนื้อหาสาระไม่ครบถ้วนแต่ภาพรวมของสาระทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ต้องปรับปรุง วิธีการนำเสนอของกลุ่ม 4 หมายถึง รูปแบบการนำเสนองานแปลกใหม่ น่าสนใจ ลำดับเรื่องราวได้ดีมาก 3 หมายถึง รูปแบบการนำเสนองานน่าสนใจ ลำดับเรื่องราวได้ดี 2 หมายถึง รูปแบบการนำเสนองานน่าสนใจ พอใช้ ลำดับเรื่องราวได้พอใช้ 1 หมายถึง รูปแบบการนำเสนองานไม่น่าสนใจ ลำดับเรื่องราวได้ไม่ดี ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม 4 หมายถึง ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม ออกเสียงได้ถูกต้องดีมาก ลำดับความได้ ชัดเจน เข้าใจง่าย 3 หมายถึง ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม ออกเสียงได้ถูกต้องดี ลำดับความได้ดี พอใช้ 2 หมายถึง ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสมออกเสียงได้ถูกต้องพอใช้ลำดับความได้พอเข้าใจ 1 หมายถึง ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม ออกเสียงได้ไม่ถูกต้อง ลำดับความไม่ชัดเจน เกณฑ์การประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง คะแนน 4 3 2 1 เกณฑ์การประเมินจากคะแนนรวม 10 – 12 หมายถึง ดีมาก 7 – 9 หมายถึง ดี 4 – 6 หมายถึง พอใช้ 1 – 3 หมายถึง ปรับปรุง
54 บทปฏิบัติการ การใช้กล้องจุลทรรศน์ บทนำ การใช้ห้องปฏิบัติการอุปกรณ์ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ การใช้ห้องปฏิบัติการ การทำห้องปฏิบัติการเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ในระบบการเรียนการสอน ต้องมีการใช้ ห้องปฏิบัติการเป็นที่ฝึกฝนทักษะ ความสามารถในการทำงานทดลองทางวิทยาศาสตร์ การทำปฏิบัติการจึง ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงาน นักศึกษา นักเรียน ผู้ทำงานวิจัย มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดพิษภัยต่างๆ ได้แก่ สารเคมี สารชีวภาพ สารรังสี ตลอดจนอุปกรณ์ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้า เป็นต้น และการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ในห้องปฏิบัติการมักจะมีสาเหตุจากการปฏิบัติที่ผิดวิธีความรู้ในด้านการทำงาน ให้เกิดความปลอดภัยจากสารพิษหรือภัย จึงถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ทำงานเองและต่อผู้อื่น ตลอดจน ให้ความตระหนักต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้ทำงานภายในห้องปฏิบัติการสามารถทำงานที่สามารถหลีกเลี่ยงหรือ ลดความเสี่ยงที่จะทำให้ประสบกับพิษภัยที่จะทำอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สินของตนเอง และผู้ร่วมงาน นักเรียน ที่ทำปฏิบัติการจึงควรได้รับความรู้ความเข้าใจในด้านความปลอดภัยสามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิด อันตรายต่างๆ และเพื่อให้การทำปฏิบัติการเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด กฎและระเบียบในการทำปฏิบัติการ 1. สวมเสื้อกราวนด์ในการทำปฏิบัติการทุกครั้ง 2. เข้าทำปฏิบัติการตรงเวลา และห้ามเข้าทำในกลุ่มอื่น 3. ก่อนทำการทดลองให้ศึกษาบทปฏิบัติการก่อนลงมือทำปฏิบัติการ เพื่อจะได้เข้าใจทั้งทฤษฎี ที่ เกี่ยวข้องวิธีการที่ทำการทดลอง และสามารถวางแผนการทำงานไว้เป็นขั้นตอนจะช่วยให้ ทำการทดลองเสร็จ ในเวลาที่กำหนด 4. ห้ามทำการทดลองนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในบทปฏิบัติการและไม่ทำในขณะที่ไม่มีอาจารย์ ควบคุม ยกเว้นได้รับอนุญาตจากอาจารย์ผู้ควบคุมก่อน 5. บนโต๊ะปฏิบัติการ ควรมีอุปกรณ์ที่จำเป็นเท่านั้น หนังสือและสัมภาระไม่ควรวางไว้บนโต๊ะ 6. ห้ามส่งเสียงดัง เล่น ผิวปาก ร้องเพลง และนำอาหารเข้ามารับประทานในห้องปฏิบัติการ 7. ห้ามทิ้งเศษกระดาษ ไม้ขีดไฟ เศษแก้วแตก และของแข็งต่างๆ ลงในอ่างน้ำ และลิ้นชักโต๊ะ ปฏิบัติการ 8. อุปกรณ์สารเคมีและเครื่องมือใดที่ใช้ร่วมกันจะวางไว้ที่ชั้นหน้าห้อง ห้ามนำมาใช้ที่โต๊ะปฏิบัติการ
55 9. หลังจากการทำปฏิบัติการให้ทำความสะอาดโต๊ะปฏิบัติการ และถ้าทำสารเคมีหกบนโต๊ะ พื้นหรือที่ อื่นๆ จะต้องทำความสะอาดทันที 10. เมื่อทำการทดลองเสร็จแล้วควรล้างอุปกรณ์ที่ใช้ให้สะอาดทุกครั้งด้วยน้ำยาทำความสะอาด แล้ว ล้างด้วยน้ำกลั่น และส่งอุปกรณ์คืนทุกครั้ง 11. ล้างมือให้สะอาด ปิดไฟ พัดลม และก๊อกน้ำทุกครั้งหลังการทำปฏิบัติการ ข้อควรระวังและความปลอดภัยในห้องปฏิบัติกำร 1. เมื่อเกิดอุบัติเหตุแม้เพียงเล็กน้อย ต้องรีบแจ้งให้อาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ทราบทันที 2. ถ้าสารเคมีกระเด็นเข้าตาหรือถูกส่วนต่างๆ ของร่างกายให้รีบล้างด้วยน้ำปริมาณมากทันที 3. ถ้ามีการต้มสารหรือให้สารทำปฏิกิริยากันในหลอดทดลอง อย่าหันปากหลอดเข้าหาตัวเองหรือผู้อื่น โดยเด็ดขาด 4. การใช้ตะเกียงแอลกอฮอล์ ในการจุดตะเกียงจะต้องใช้ไม้ขีดไฟจุดทุกครั้ง ห้ามใช้กระดาษต่อจาก ตะเกียงหรือห้ามต่อไฟจากตะเกียงดวงหนึ่งไปยังอีกดวงหนึ่ง และจุดใช้เฉพาะเวลาที่จำเป็นเท่านั้น 5. ไฟฟ้าในห้องปฏิบัติการ หากพบว่ามีสายไฟฟ้าชำรุดต้องแจ้งให้อาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ทราบทันที 6. ในการทำปฏิบัติการเกี่ยวกับสารระเหยและติดไฟง่าย ควรใช้เตาไฟฟ้า ห้ามใช้ตะเกียงแก๊ส ข้อปฏิบัติในการเข้าใช้สารเคมี 1. ควรเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท และไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ พัดลมขณะชั่งสาร 2. เคมีภัณฑ์ที่จะใช้จะต้องมีป้ายชื่อสารเคมีและความเข้มข้นติดไว้ชัดเจน 3. ในการเปิดฝาขวดให้ถือจุกไว้ในมือ ถ้าต้องวางจุกให้หงายไว้ เมื่อใช้เสร็จต้องปิดจุกทันที 4. การตักแบ่งสารต้องอ่านฉลากข้างขวด แล้วตักสารเท่าที่ต้องใช้ โดยใช้ช้อนตักสารที่สะอาด แห้งสนิท และทำความสะอาดก่อนการนำไปใช้ตักสารเคมีชนิดอื่น เพื่อป้องกันการปนเปื้อน 5. การตวงสารต้องอ่านฉลากข้างขวด แล้วรินใส่ภาชนะที่สะอาด และแห้งสนิท สารเคมีที่รินออกจาก ขวดแล้ว ห้ามเทคืนขวดเดิมโดยเด็ดขาด และในกรณีที่ต้องใช้สารเคมีในปริมาณน้อย ห้ามใช้หลอดหยดอัน เดียวกันดูดสารต่างชนิดกัน เพื่อป้องกันการปนเปื้อน 6. ถ้าเป็นการผสมระหว่างกรดกับน้ำ ห้ามเทน้ำลงไปในกรดเข้มข้น เพราะจะทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ รุนแรงได้ 7. สารเคมีที่ไม่แน่ใจว่าเป็นสารอะไร ห้ามทดสอบโดยการดม ชิม หรือจับ ควรทดสอบสมบัติของสาร แทน เช่น การละลาย จุดเดือด เป็นต้น และห้ามทิ้งสารเคมีที่เป็นของเหลวโดยเด็ดขาด ต้องรวบรวมใส่ภาชนะ ปิดให้มิดชิด เพื่อการกำจัดในภายหลัง 8. สารเคมีที่มีควัน แก๊สพิษหรือไอระเหยที่เป็นอันตรายต้องทำในตู้ดูดควันและต้องทำอย่าง ระมัดระวังในการใช้
56 บทปฏิบัติการที่ 1 การศึกษาส่วนประกอบและวิธีการใช้กล้องจุลทรรศน์ บทนำ กล้องจุลทรรศน์ (microscope) เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในศึกษาสิ่งต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กมาก (250 nm-100 µm) ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น เซลล์ ส่วนประกอบของเซลล์ (organelles) และวัสดุ อื่น ๆ กล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ทั่วไปในห้องปฏิบัติการเพื่อการเรียนการสอนเป็นกล้องจุลทรรศน์แสง ( light microscope) ให้ภาพจริงหัวกลับ (รูปที่ 1.1) มี 2 ชนิดซึ่งนักเรียนจะได้ฝึกปฏิบัติการใช้และการดูแลรักษา คือ 1) Compound light microscope (กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงชนิดเลนส์ประกอบ) เป็นกล้องที่ แสงทะลุผ่านวัตถุโปร่งแสง (transmitted light microscope) ให้ภาพ 2 มิติ 2) Stereoscopic microscope (กล้องจุลทรรศน์แบบสเตอริโอ) เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ให้ภาพ 3 มิติ สำหรับตัวอย่าง ขนาดใหญ่ และการผ่าตัด รูปที่ 1.1 แสดงวิถีของแสงและการเกิดภาพในกล้องจุลทรรศน์เลนส์ประกอบ Real image ที่เกิดจาก objective lens (intermediate image) จะเป็นวัตถุให้ ocular lens ขยายให้ใหญ่ขึ้น และได้ virtual image ซึ่งใกล้ชิดกับตาของผู้สังเกตมาก จึงเป็นภาพสุดท้ายหัวตั้งเช่นเดียวกับวัตถุ ประเภทกล้องจุลทรรศน์ ในปัจจุบันกล้องจุลทรรศน์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงและกล้อง จุลทรรศน์แบบอิเล็กตรอน 1. กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง มีหลายแบบดังนี้ 1.1 กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดา (Light microscope) เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ กันโดยทั่วไป โดยเวลาส่องดูจะเห็นส่วนของพื้น (Microscopic field) สว่างและมองเห็นตัวอย่างที่ศึกษามีสี เข้มกว่าสีพื้น กรณีที่ศึกษาเซลล์สิ่งมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบนี้จะต้องย้อมสีเซลล์ จึงจะมองเห็นตัวอย่าง ได้ชัดเจนขึ้น เพราะเซลล์ส่วนใหญ่มีลักษณะโปร่งแสงและพื้นหลัง (background) สว่างมาก
57 กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงธรรมดาจำแนกได้ 2 แบบ คือ กล้อง จุลทรรศน์แบบธรรมดา (Compound microscope) และกล้องจุลทรรศน์สเตอริโอ (Stereo microscope) ข้อแตกต่างระหว่างกล้องจุลทรรศน์แบบธรรมดาและแบบสเตอริโอ 1.2 Dark field microscope เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ได้นำ dark field microscope มาประยุกต์ใช้ กับกล้อง bright field ทำให้มองเห็นพื้นภาพเป็นสีดำ และภาพตัวอย่างสว่าง 1.3 Fluorescence microscope มีแสงอัลตราไวโอเลต (ultraviolet light) เป็นแหล่งกำเนิดแสง ใช้ ในการศึกษาตัวอย่างที่ได้ย้อมสีฟลูออเรสเซนส์สีชนิดนี้จะดูดซึมแสงช่วงคลื่นสั้น ซึ่งมองเห็นด้วยตาเปล่าไม่ เห็นและปล่อยแสงช่วงคลื่นยาวกว่าออกมาซึ่งเป็นช่วงคลื่นที่มองเห็นด้วยตาเปล่า 1.4 Phase contrast microscope เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ช่วยให้มองเห็นรายละเอียดของตัวอย่าง ได้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้เพราะเป็นกล้องที่ช่วยเพิ่มความชัดเจน (contrast) ของสารที่มีความหนาหรือดัชนีการหักเห ของแสง refractive index แตกต่างกันให้มากขึ้น นิยมใช้กับเชื้อจุลินทรีย์ที่ยังไม่ได้ย้อมสี รูปที่ 1.2 Compound light microscope และ Stereoscopic microscope ที่มา:http://www.microscopemaster.com/images/xcm501microscopediagram.jpg. pagespeed.ic.n7nfZwX3z.jpg http://www.microscope.com/media/wysiwyg/Mark/Articles/Guides/stereo_components.jpg Compound microscope Stereoscopic microscope - กำลังขยาย 1,000 เท่า แต่ไม่เกิน 2,000 เท่า - กำลังขยาย 80-200 เท่า - ภาพเกิดจากแสงส่องผ่านวัตถุที่ต้องการดู - เกิดจากแสงส่องกระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าตา - ภาพเสมือนหัวกลับแบบ 2 มิติ - ภาพเสมือนหัวตั้งแบบ 3 มิติ
58 2. กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (Electron microscope) กล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ลำแสงอิเล็กตรอนแทนแสงสว่าง ลำแสงอิเล็กตรอนนี้มีความยาวช่วงคลื่นสั้นมาก ประมาณ 0.005-0.0003 นาโนเมตร ท าให้กล้องมีก าลังขยายสูงมากจนมองเห็นวัตถุที่มีขนาดเล็กถึง 0.003 ไมโครเมตรได้ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission Electron Microscope: TEM) และแบบส่องกราด (Scanning Electron Microscope: SEM) รูปที่ 1.3 Transmission Electron Microscope และ Scanning Electron Microscope ที่มา :http://www.chemgapedia.de/vsengine/media/width/600/ height/450/vsc/de/ch/8/bc/proteindynamik/bild/lm_tem_sem4.svg.jpg วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาส่วนประกอบที่สำคัญของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดาและหน้าที่ของ ส่วนประกอบดังกล่าว 2. เพื่อให้ทราบวิธีการใช้ การดูแลรักษา และการเก็บรักษากล้องจุลทรรศน์ได้อย่างถูกต้อง 3. สามารถเตรียมสไลด์สด เพื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ 4. สามารถหาขนาดวัตถุจากกล้องจุลทรรศน์ได้ วัสดุอุปกรณ์ 1. Compound microscope 2. Stereoscopic microscope (Dissecting microscope) ถ้ามี 3. ไม้บรรทัดพลาสติกใส 4. Slide และ Cover slip 5. กระดาษพิมพ์ด้วยตัวอักษรขนาดเล็ก 6. ต้นและใบหมอน้อย 7. สี 1% Neutral red
59 วิธีดำเนินการทดลอง กิจกรรมการทดลองที่ 1 การศึกษาส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดาให้นักเรียนศึกษา ส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์พร้อมหน้าที่การทำงานอย่างคร่าวๆ พร้อมทั้งบันทึกข้อมูลลงในรายงานการ ปฏิบัติงาน รูปที่ 1.4 แสดงส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้แสงแบบธรรมดา ที่มา : http://www.salemicroscope.com/microscope-is/ ส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดา 1. ส่วนที่เป็นตัวกล้อง ประกอบด้วย 1.1 ลำกล้อง (body tube) เป็นส่วนที่เชื่อมโยงระหว่างเลนส์ใกล้ตากับเลนส์ใกล้วัตถุ มีหน้าที่ ป้องกันไม่ให้แสงจากภายนอกรบกวน 1.2 แขน (arm) คือส่วนที่ทำหนาที่ยึดระหว่างส่วนลำกล้องกับฐาน เป็นตำแหน่งที่จับเวลายกกล้อง 1.3 แท่นวางวัตถุ (specimen stage) เป็นแท่นใช้วางสไลด์ที่ต้องการศึกษา 1.4 ที่หนีบสไลด์ (stage clip) ใช้หนีบสไลด์ให้ติดอยู่กับแท่นวางวัตถุ ในกล้องรุ่นใหม่จะมี Mechanical stage แทนเพื่อควบคุมการเลื่อนสไลด์ให้สะดวกขึ้น 1.5 ฐาน (base) เป็นส่วนที่ใช้ในการตั้งกล้อง ทำหน้าที่รับน้ำหนักตัวกล้องทั้งหมด
60 1.6 แป้นสำหรับสวมเลนส์วัตถุ (revolving nosepiece) เป็นแผ่นโลหะกลมที่อยู่ต่อจากลำกล้อง หมุนได้รอบตัว มีช่องสำหรับสวมเลนส์วัตถุ 3-4 ช่อง 2. ส่วนที่ทำหน้าที่รับแสง ประกอบด้วย 2.1 กระจกเงา (mirror) ทำหน้าที่สะท้อนแสงจากธรรมชาติหรือแสงจากหลอดไฟภายในห้องให้ ส่องผ่านวัตถุ โดยทั่วไปกระจกเงามี 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นกระจกเงาเว้า อีกด้านเป็นกระจกเงาระนาบ สำหรับ กล้องรุ่นใหม่จะใช้หลอดไฟเป็นแหล่งกำเนิดแสง ซึ่งสะดวกและชัดเจนกว่า 2.2 เลนส์รวมแสง (condenser) ทำหน้าที่รวมแสงให้เข้มขึ้น เพื่อส่งไปยังวัตถุที่ต้องการศึกษา 2.3 Iris diaphragm ทำหน้าที่ปรับปริมาณแสงให้เข้าสู่เลนส์ในปริมาณที่ต้องการ 3. ส่วนที่ปรับภาพ ประกอบด้วย 3.1 ปุ่มปรับภาพหยาบ (coarse adjustment) ทำหน้าที่ปรับภาพโดยเปลี่ยนระยะโฟกัสของเลนส์ ใกล้วัตถุ (เลื่อนลำกล้องหรือแท่นวางวัตถุขึ้นลง) เพื่อทำให้เห็นภาพชัดเจน 3.2 ปุ่มปรับภาพละเอียด (fine adjustment) ทำหน้าที่ปรับภาพทำให้ได้รูปที่ชัดเจนมากขึ้น 4. ส่วนที่ทำหน้าที่ขยายภาพ ประกอบด้วย 4.1 เลนส์ใกล้วัตถุ (objective lens) จะติดอยู่กับจานหมุน (revolving nose piece) ซึ่งจานหมุน นี้ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนกำลังขยายของเลนส์ใกล้วัตถุ ตามปกติเลนส์ใกล้วัตถุมีกำลังขยาย 3-4 ระดับ คือ 4x, 10x, 40x และ 100x รูปที่เกิดจากเลนส์ใกล้วัตถุเป็นภาพจริงหัวกลับ คุณลักษณะของเลนส์ใกล้วัตถุแต่ละ กำลังขยายจะแตกต่างกัน ซึ่งผู้ผลิตจะระบุคุณสมบัติของเลนส์ไว้ด้วยรหัสตัวเลขที่ด้านข้างของกระบอกเลนส์ รูปที่ 1.5 Objective lens แสดงรหัสตัวเลขที่ระบุคุณลักษณะของเลนส์ ก คือ Magnification หรือ ค่าก าลังขยายของเลนส์ ข คือ ค่า Numerical aperture (N.A.)* ค คือ ค่าความยาวที่เหามะสมของกระบอกเลนส์(หน่วยเป็น mm.) ง คือ ค่าความหนาของกระจกปิดสไลด์ (cover slip) ที่ใช้ได้ (หน่วยเป็น mm.) ส่วนประกอบกล้องจุลทรรศน์ และการใช้งานกล้องจุลทรรศน์
61 หมายเหตุ*Numerical aperture (N.A.) เป็นค่าที่แสดงความสามารถของเลนส์ในการแยกจุดสองจุดที่อยู่ ใกล้ชิดกันออกจากกันได้ ซึ่งเรียกว่า ค่า resolving power หรือ resolution ค่า N.A. สูงแสดงว่าเลนส์มี ความสามารถในการแยกจุดสองจุดที่อยู่ใกล้กันได้ดีกว่าค่า N.A. ต่ำเลนส์ใกล้วัตถุกำลังขยายสูงจะมีค่า N.A. สูง กว่าเลนส์กำลังขยายต่ำเช่น เลนส์ 4x = 0.1, เลนส์ 10x = 0.25, เลนส์ 40x = 0.65 และเลนส์ 100x = 1.25 4.2 เลนส์ใกล้ตา (eye piece or ocular) เป็นเลนส์ที่อยู่บนสุดของลำกล้อง โดยทั่วไปมีกำลังขยาย 10x หรือ 15x ทำหน้าที่ขยายรูปที่ได้จากเลนส์ใกล้วัตถุให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้เกิดภาพ ที่ตาผู้ศึกษาสามารถ มองเห็นได้ โดยรูปที่ได้เป็นภาพเสมือนหัวกลับ กำลังขยาย (Magnification) หมายถึง จำนวนเท่าของขนาดรูปที่ใหญ่กว่าวัตถุที่เรามองเห็น Stereo microscope รูปที่ 1.6 Stereo microscope ที่มา: http://www.microscope.com/media/wysiwyg/Mark/Articles/Guides/stereo_components.jpg การหากำลังขยายของรูปที่ได้จากกล้องจุลทรรศน์ คำนวณได้จาก กำลังขยายของภาพ = กำลังขยายเลนส์ใกล้ตา x กำลังขยายเลนส์ใกล้วัตถ
62 กล้องชนิดนี้แตกต่างจาก Compound microscope คือ สามารถดูตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ และมี ความหนาได้ รูปที่เห็นเป็นภาพ 3 มิติ โดยทั่วไปจะมีก าลังขยายประมาณ 4x ถึง 70x นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ประโยชน์ในการผ่าตัดสิ่งที่มีขนาดเล็กภายใต้กล้องได้ เช่น แมลง เป็นต้น ส่วนประกอบของ Stereo microscope 1. Light switch (ปุ่มสำหรับเปิด ปิดไฟ) ที่เป็นแหล่งแสงของกล้อง ซึ่งควบคุมแสงด้วย illumination control knob 2. Base (ฐานกล้อง) 3. Arm (แขนจับกล้อง) 4. Objective lens (เลนส์วัตถุ) มีเพียง 1 เลนส์ 5. Focus adjustment knob (ปุ่มปรับความชัดของภาพ) 6. Zoom knob (ปุ่มควบคุมกำลังขยายของภาพ) 7. Ocular lens (เลนส์ที่อยู่ใกล้ตา) กิจกรรมการทดลองที่2 การเตรียมสไลด์สดและการใช้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดา 2.1 การเตรียมสไลด์สด ให้นักเรียนเตรียมสไลด์สด (wet-mount) สาหร่ายหางกระรอกตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ใช้ปากคีบ คีบใบสาหร่ายหางกระรอกมา 1 ใบ วางบนสไลด์ที่สะอาด หยดน้ำลงไป 1 หยด 2. ปิดสไลด์ด้วยกระจกปิด (cover slip) โดยใช้ขอบของกระจกปิดแตะบนสไลด์ใกล้ๆ กับหยดน้ำ เอียงทำมุม 45 องศากับ slide แล้วค่อยๆ ลดระดับของ cover slip ลงบนตัวอย่างโดยใช้เข็มเขี่ยพยุงพยายาม ไม่ให้เกิดฟองอากาศใต้กระจกปิด 3. เช็ดของเหลวส่วนเกินด้วยกระดาษเช็ดเลนส์ก่อนที่จะนำสไลด์ที่เตรียมได้ไปวางบนกล้องจุลทรรศน์ รูปที่ 1.7 แสดงวิธีการเตรียมสไลด์สด ที่มา : http://www.xn--m3cdha6bhpklu9aa3dbz1yueg.com/worksheetm-1/ วิธีการเตรียมสไลด์สด
63 4. นำสไลด์ที่เตรียมได้ไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้ววาดภาพใต้กล้องจุลทรรศน์ 5. ทำเช่นเดียวกับข้อ 1-4 แต่ให้เขียนตัวอักษร ง ลงบนสไลด์แทน และไม่ต้องหยดน้ำ 2.2 การใช้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดา 1. การจับกล้อง ใช้มือหนึ่งจับที่แขนของกล้อง และใช้อีกมือหนึ่งรองรับที่ฐาน 2. ตั้งลำกล้องให้ตรงเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนประกอบต่างๆ เลื่อนหลุดจากตำแหน่ง 3. หมุนเลนส์ใกล้วัตถุให้เป็นเลนส์ที่มีกำลังขยายต่ำสุด (4x) ให้อยู่ตำแหน่งแนวของลำกล้อง 4. ปรับกระจกเงา หรือเปิดไฟเพื่อให้แสงเข้าลำกล้องได้เต็มที่ 5. จัดเลื่อนกระบอกเลนส์ใกล้ตาขึ้น-ลง หรือ เข้า-ออก ให้พอดีกับระดับสายตา 6. นำแผ่นสไลด์ที่จะศึกษาวางบนแท่นวางวัตถุ ให้วัตถุอยู่บริเวณกึ่งกลางบริเวณที่แสงผ่าน 7. มองที่เลนส์ใกล้ตา ค่อยๆ ปรับปุ่มปรับภาพหยาบ เพื่อเลื่อนแท่นวางวัตถุขึ้นอย่างช้าๆ จนเห็นภาพ อย่างคร่าวๆ เมื่อได้ภาพแล้วให้หยุดหมุน ตรวจดูแสงว่ามากหรือน้อยเกินไปหรือไม่ ให้ปรับdiaphragm เพื่อให้ได้ แสงที่เหมาะสม 8. มองที่เลนส์ใกล้ตาหมุนปุ่มปรับภาพละเอียดเพื่อให้ได้รูปที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ถ้าวัตถุที่ศึกษาไม่อยู่ตรง กลางให้เลื่อนแผ่นสไลด์เล็กน้อยจนเห็นวัตถุอยู่ตรงกลางพอดี 9. หาทิศทางของภาพ (Image orientation) และวาดภาพสิ่งมีชีวิตที่พบลงในรายงานการปฏิบัติงาน 10. เปลี่ยนกำลังขยายของภาพให้เพิ่มสูงขึ้น โดยหมุนเลนส์ใกล้วัตถุที่กำลังขยาย 10x เข้าสู่แนว ลำกล้อง แล้วปรับความคมชัดด้วยปุ่มปรับภาพละเอียดเท่านั้น บันทึกกำลังขยายโดยหาได้จากผลคูณดังที่กล่าวไว้ แล้ว 11. กระทำเช่นเดียวกันกับข้อ 10 แต่เปลี่ยนเป็นเลนส์ใกล้วัตถุที่กำลังขยาย 40x อาจต้องเพิ่ม ความเข้มแสงขึ้นตามความเหมาะสม บันทึกข้อมูลลงในรายงานบทปฏิบัติการ กิจกรรมการทดลองที่3ศึกษาวิธีการใช้ การถือกล้อง และการเก็บกล้องจุลทรรศน์ 1. ก่อนการใช้กล ้องจุลทรรศน์ทุกครั้งต้องตรวจดูสภาพกล้องจุลทรรศน์ให้เรียบร้อย หากมีสิ่งใดผิดปกติ ต้องแจ้งผู้สอนประจำห้องปฏิบัติการให้ทราบทันที 2. ฝึกการใช้กล้องจุลทรรศน์ดังนี้ 2.1 คลายสายไฟออกจากฐานกล้อง เสียบปลั๊ก แล้วเปิดสวิตซ์ (1) เร่งแสงสว่าง (2) ให้หลอดไฟมีความสว่างประมาณ 70-80%
64 2.2 วางสไลด์บนแท่นวางวัตถุ (3) แล้วใช้ตัวจับแผ่นสไลด์ (1) ยึดสไลด์ ให้แน่นปรับตัวจับแผ่นสไลด์ (4) ทั้งแนวตั้งและแนวนอนเพื่อเลื่อนแผ่นสไลด์ให้อยู่ตรง กลางแท่น 2.3 ปรับภาพโดยใช้ปุ่มปรับภาพหยาบ (1) ร่วมกับเลนส์ใกล้วัตถุ กำลังขยายต่ำสุด 4x มองผ่านเลนส์ใกล้ตา ปรับจนมองเห็นภาพ 2.4 ปรับระยะห่างระหว่างดวงตาให้เหมาะสมกับดวงตาของ ผู้ใช้กล้อง (1, 2) 2.5 ปรับค่า diopter (ค่าความสั้น/ยาวของสายตา) (1) โดยใช้ตาขวา มองผ่านเลนส์ใกล้ตา ปรับภาพด้วยปุ่มปรับภาพละเอียด จนได้รูปที่คมชัดที่สุด จากนั้นใช้ ตาซ้ายมองผ่านเลนส์ใกล้ตา ปรับวงแหวน diopter จนมองเห็นภาพชัดเจนที่สุด 2.6 ปรับตั้ง condenser (1) โดยปรับเลื่อนคอนเดนเซอร์ขึ้นสูงสุด ปรับตั้งค่า Iris diaphragm (2) มองผ่านเลนส์ใกล้ตา ให้มองเห็นพื้นที่รับแสงที่สว่าง สม่ำเสมอ 2.7 ปรับตั้งค่า Iris diaphragm ให้มีรูรับแสงประมาณ 80% ของพื้นที่ที่ มองจากท่อที่สวมเลนส์ใกล้ตา 2.8 เปลี่ยนกำลังขยายของเลนส์ใกล้วัตถุตามความต้องการ โดยใช้มือ หมุนแป้นหมุน (1) ให้เลนส์ใกล้วัตถุที่ต้องการอยู่ตรงกลาง และเข้าล็อกด้วยเสียงคลิก 2.9 ปรับวงแหวนหรือคานล็อกแท่นวางวัตถุ (2) ที่อยู่ด้านในของปุ่มปรับ ภาพหยาบ (1) เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เผลอหมุนปุ่มปรับภาพหยาบจนเลนส์ใกล้สัตถุเคลื่อน ไปชนกับแผ่นสไลด์ การถือกล้องจุลทรรศน์เพื่อเคลื่อนย้าย 1. ก่อนทำการเคลื่อนย้ายต้องเก็บกล้องให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะเก็บเสียก่อน 2. ใช้มือขวาจับที่มือจับหรือจับที่ตำแหน่งช่องจับที่ตัวกล้องซึ่งจะมีในบางรุ่น แล้วใช้มือซ้ายรองใต้ฐาน กล้อง ยกกล้องขึ้นด้วยกำลังแขน (อย่าลากกล้องไปกับพื้น) ดึงแขนทั้งสองให้กล้องแนบกับลำตัว โดยบังคับให้กล้องตั้งตรง 3. กล้องบางรุ่นมีการออกแบบแขนจับเป็นคานสองอัน การถือจับจะแตกต่างไป อาจมือจับที่คานทั้งสอง แล้วดึงเข้าแนบลำตัวให้อยู่ในแนวตั้ง 4. กล้องจุลทรรศน์มีน้ำหนักพอสมควร ดังนั้นขณะที่ถือกล้อง ให้เดินด้วยความระมัดระวัง อย่าให้ส่วนใด ส่วนหนึ่งของกล้องไปกระแทกกับสิ่งอื่น
65 5. การวางกล้องลงกับพื้นจะต้องวางอย่างระมัดระวัง และต้องวางบนพื้นที่เรียบ และมีฐานรองรับที่มั่นคง รูปที่ 1.8a คือ การถือกล้องที่ถูกวิธี b คือ การถือกล้องที่ไม่ถูกวิธี การเก็บกล้อง 1. ปิดสวิตซ์ไฟส่องสว่างที่ฐานกล้อง เลื่อนปุ่มปรับกำลังไฟไปที่ตำแหน่งต่ำสุด แล้วถอดปลั๊กออก 2. หมุนเลนส์ใกล้วัตถุให้อยู่ในตำแหน่งกำลังขยายต่ำสุด 3. หมุนปุ่มปรับภาพหยาบให้แท่นวางวัตถุเลื่อนลงมาในตำแหน่งต่ำสุดพร้อมกับเลื่อน condenser ลงมา อยู่ที่ตำแหน่งต่ำสุด 4. นำแผ่นกระจกปิดสไลด์ออกจากแท่นวางวัตถุ 5. กรณีที่กล้องสกปรกให้ทำความสะอาดกล้องด้วยผ้าแห้งที่สะอาดและนุ่ม 6. เก็บสายไฟโดยพันสายไฟไว้รอบฐานกล้อง แล้วนำกล้องจุลทรรศน์ไปเก็บ การบำรุงรักษากล้อง 1. ควรดูแลรักษากล้องให้สะอาดอยู่เสมอ และเมื่อไม่ได้ใช้กล้องควรใช้ถุงคลุมกล้องไว้เสมอ เพื่อป้องกัน ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกเข้าไปสัมผัสกับเลนส์ของกล้อง 2. ในการทำความสะอาดหรือการประกอบกล้อง ควรทำด้วยความระมัดระวัง อย่าให้ชิ้นส่วนถูกกระแทก หรือหลุดตกหล่น กรณีที่กล้องหรือส่วนประกอบใดๆ ของกล้องตกหรือกระแทก จะมีผลให้เมื่อประกอบกล้องแล้ว รูปที่เห็นไม่คมชัด เป็นเพราะระบบภายใน (ปริซึม) อาจเกิดการคาดเคลื่อนได้ 3. ห้ามใช้มือหรือส่วนใดๆ ของร่างกาย สัมผัสส่วนที่เป็นเลนส์ 4. ในกรณีที่ถอดเลนส์ออกจากตัวกล้อง ควรใช้ฝาครอบด้วยทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองเข้าไปข้าง ใน ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ชัดของการมองภาพ
66 5. สำหรับเลนส์ใกล้วัตถุ 100x ที่ใช้กับ oil immersion หลังการใช้แล้ว ควรทำความสะอาดทุกครั้ง โดย การเช็ดด้วยกระดาษเช็ดเลนส์ cotton bud หรือผ้าขาวบางที่สะอาด และนุ่ม ชุบด้วยน้ำยาไซลีน หรือส่วนผสม ของแอลกอฮอล์และอีเทอร์ ในอัตราส่วน 40 : 60 ตามลำดับ 6. ควรหมุนปรับปุ่มปรับความฝืดเบาให้พอดี ไม่หลวมเกินไป ซึ่งจะทำให้แท่นวางสไลด์เลื่อนหมุดลงมาได้ ง่ายหรือฝืดจนเกินไปทำให้การทำงานช้าลง 7. ปุ่มปรับภาพหยาบนั้น ควรหมุนในลักษณะทวนเข็มนาฬิกาอย่างช้าๆ จนกว่าจะได้ภาพ ห้ามปรับปุ่ม ปรับภาพทั้งซ้ายและขวาของตัวกล้องในลักษณะสวนทางกัน เพราะนอกจากจะไม่ได้ภาพตามต้องการแล้ว ยังจะ ทำให้เกิดการขัดข้องของฟันเฟือง 8. ในกรณีต้องการใช้แสงมากๆ ควรใช้การปรับ diaphragm แทนการปรับเร่งไฟไปตำแหน่งที่กำลังแสง สว่างสุด (กรณีหลอดไฟ) จะทำให้หลอดไฟมีอายุยาวขึ้น 9. ก่อนปิดสวิตช์ไฟทุกครั้งควรหรี่ไฟก่อน เพื่อยืดอายุการใช้งาน เมื่อเลิกใช้ก็ควรปิดสวิตช์ทุกครั้ง 10. การเสียบปลั๊กไฟของตัวกล้องไม่ควรใช้รวมกันกับเครื่องไฟฟ้าอื่น เพราะหลอดไฟขาดง่าย 11. หลังจากเช็ดส่วนใดๆ ของกล้องก็ตาม ถ้าไม่แน่ใจว่าแห้งหรือปราศจากความชื้นแล้ว ควรเป่าลมให้ แห้ง โดยใช้พัดลม หรือลูกยางเป่าลม (ห้ามเป่าด้วยปาก เพราะจะมีความชื้น) 12. เมื่อแน่ใจว่าแห้งและสะอาดแล้ว จึงคลุมด้วยถุงพลาสติก 13. เก็บกล้องไว้ในที่แห้งและไม่มีความชื้น กิจกรรมการทดลองที่4 การศึกษารูปที่เกิดจากกล้องจุลทรรศน์ 1. นำแผ่นสไลด์สะอาด 1 แผ่น เขียนตัวอักษร ก และ ข ขนาดเล็กมากๆ โดยใช้ปากกาเขียนแผ่นใสลงบน ตำแหน่งกลางแผ่นสไลด์ โดยให้มีระยะห่างกันเล็กน้อย 2. นำแผ่นสไลด์ไปวางลงบนแท่นวางวัตถุของกล้องจุลทรรศน์ 3. เลื่อนตำแหน่งตัวอักษรให้ตรงตำแหน่งของเลนส์ใกล้วัตถุ 4. ใช้เลนส์ใกล้วัตถุกำลังขยาย 4x ส่องดู ปรับภาพให้คมชัด 5. เลื่อนแผ่นสไลด์โดยใช้กลไกเลื่อนแผ่นสไลด์ไปทางซ้าย-ขวา เลื่อนจาก ก ไป ข 6. สังเกตลักษณะของตัวอักษรที่มองเห็นในกล้องกับตัวอักษรจริง ทิศทางการเลื่อนของแผ่นสไลด์จริงกับ รูปที่เห็นในกล้องจุลทรรศน์ บันทึกผลในรายงานปฏิบัติการ
67 กิจกรรมการทดลองที่5 Measurement of microscopic structure (การประมาณขนาดของ วัตถุที่มองเห็นจากกล้องจุลทรรศน์) วัดขนาดโครงสร้างภายใต้กล้องจุลทรรศน์มี 2-3 เทคนิค ซึ่งมีความแม่นยำต่างกัน ในปฏิบัติการนี้ ให้ นักเรียนฝึกวัดขนาด 1 เทคนิค ดังนี้ 1. เปรียบเทียบขนาดของวัตถุจาก field of view ที่รู้ขนาดแล้วเทคนิคนี้เป็นการหาขนาด โดยประมาณดีกว่าไม่ทราบเลย โดยวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของ field of view ได้ด้วยใช้ไม้บรรทัดโปร่งแสงวาง บนแท่นวางสไลด์ แล้วโฟกัส และวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของ field of view ที่ objective กำลังขยายต่ำ กลาง และสูง โดยทำตามขั้นตอนข้างล่างนี้ 1. ใช้ไม้บรรทัดพลาสติกใส (อาจหักให้สั้น) วางลงบนแท่นวางวัตถุ หันด้านที่มีหน่วยเป็นเซนติเมตรขึ้น 2. เลื่อนแท่นวางวัตถุแล้วส่องดูด้วยเลนส์ใกล้วัตถุก าลังขยาย 4x 3. เลื่อนไม้บรรทัดให้ขอบบอกสเกลของไม้บรรทัด อยู่ในตำแหน่งเส้นผ่านศูนย์กลางของ วงกล้องที่ มองเห็น 4. ปรับภาพให้ชัดแล้วอ่านสเกลบอกความยาวเป็น mm. บนไม้บรรทัด รูปที่ 1.9 การประมาณขนาดของวัตถุเมื่อวางไม้บรรทัดพลาสติกลงบนแท่นวางวัตถุแล้วส่องดูด้วยเลนส์ใกล้วัตถุ 5. คำนวณหาความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกล้อง ซึ่งเรียกว่า field of view 6. จากรูปที่ 1.9 ค่า field of view ของเลนส์ใกล้วัตถุ 4x มีค่าประมาณ 1.5 mm. หรือเท่ากับ 1500 µm 7. คำนวณค่า field of view ของเลนส์ใกล้วัตถุ 10x ซึ่งจะเท่กับ 4/10 x 1500 หรือ 600 µm 8. เช่นเดียวกัน ค่า field of view ของเลนส์ใกล้วัตถุ 40x จะมีค่าเท่ากับ 4/40 x 1500 หรือ 150 µm 9. ดังนั้นนักเรียนจึงสามารถประมาณขนาดของวัตถุที่มองเห็นในกล้อง เมื่อใช้เลนส์ใกล้วัตถุ กำลังขยายต่างกันได้ โดยประมาณการเทียบเคียงกับค่า field of view ที่ทราบแล้ว ดังตัวอย่างการประมาณ ความยาวของวัตถุที่เห็นจากกลองจุลทรรศน์ เมื่อใช้เลนส์ใกล้วัตถุ 10x
68 การคำนวณขนาดโดยประมาณ วิธีนี้จะเปรียบเทียบขนาดกับเส้นผ่านศูนย์กลางของรูปที่เห็น โดยใช้ไม้บรรทัด วางไม้บรรทัดพลาสติก ใสบนแท่นวางสไลด์ วัดขนาดของพื้นที่ที่เห็นโดยใช้กำลังขยายต่ำ เส้นผ่านศูนย์กลางของรูปที่เห็น (a) = ...........................mm. ขนาดกำลังขยายต่ำ (b) = ........................... เท่า เมื่อเปลี่ยนกำลังขยายใหม่ ขนาดของกำลังขยายใหม่ (d) = ........................... เท่า การคำนวณขนาดของวัตถุเมื่อใช้กำลังขยายใหม่ (c) คือ × = × = × = ………………….. mm. หรือ = ........................... µm หรือคำนวณได้จากสูตร D1 = เส้นผ่านศูนย์กลางที่กำลังขยาย medium D2 = เส้นผ่านศูนย์กลางที่กำลังขยาย high X1 = ก าลังขยายของ medium power objective X2 = ก าลังขยายของ high power objective การหาขนาดของวัตถุภายใต้ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิง ประกอบโดยใช้ไม้บรรทัด
69 2. การใช้ ocular micrometer และ stage micrometer เป็นวิธีที่เที่ยงตรงที่สุดไมโครมิเตอร์เป็น เครื่องมือที่ใช้วัดขนาดวัตถุที่มีขนาดเล็กมาก เช่น เซลล์พารามีเซียม เซลล์เม็ดเลือด หน่วยที่วัดเป็น ไมโครมิเตอร์ มีส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ 2.1 Ocular micrometer หรือ Eye piece micrometer เป็นแผ่นแก้ววงกลมขนาดเล็กที่มีขีด แบ่งไว้อย่างสม่ าเสมอ แต่สเกลไม่มีหน่วยวัด ใส่ลงในกระบอกเลนส์ใกล้ตาของกล้องจุลทรรศน์ รูปที่1.10 Stage และ Ocular micrometer ที่มา: http://pirate.shu.edu/~rawncarr/scope02/SCOPE07-2.htm 2.2 Stage micrometer ลักษณะเหมือนสไลด์ทั่วไป บริเวณกลางแผ่นมีสเกลขนาด 1 มิลลิเมตร แบ่งเป็น 100 ช่อง 1 มิลลิเมตร = 1,000 µm 100 ช่องของ Stage micrometer = 1,000 µm 1 ช่องของ Stage micrometer = 1,000 * 1/100 = 10 µm นักเรียนควรจำ วิธีการคำนวณหาค่า 1 ช่องของ Ocular micrometer ในการคำนวณหาขนาดที่แท้จริงของวัตถุ เนื่องจาก ocular micrometer ไม่มีหน่วยวัด เราต้อง คำนวณหาค่าของ 1 ช่อง ocular micrometer ก่อน โดยมีวิธีปฏิบัติดังนี้ 1. ใส่ stage micrometer บนแท่นวางวัตถุของกล้องจุลทรรศน์ ใช้กำลังขยายต่ำสุด ปรับโฟกัสให้ ภาพชัดเจน 2. ใส่ ocular micrometer ในกระบอกเลนส์ใกล้ตาของกล้องจุลทรรศน์ การหาขนาดของวัตถุภายใต้ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิง ประกอบโดยใช้ไมโครมิเตอร์
70 3. หมุน ocular micrometer และเลื่อน stage micrometer ให้ภาพทั้งสองวางขนานกัน และให้ขีด ทับซ้อนกันเล็กน้อย โดยให้ขีดแรกของทั้ง 2 อันทับกันเป็นแนวเส้นตรง ดังรูป รูปที่1.11 การซ้อนสเกลของ Ocular micrometer และ Stage micrometer ที่มา : http://www.austincc.edu/ddingley/MLAB1331/LabManual/LabManual.html 4. นับจำนวนช่องบน micrometer ทั้งสอง จากแนวเส้นตรงแรกไปเรื่อยจนถึงแนวเส้นตรงเส้นที่ 2 ที่ micrometer ทั้งสองทับกันเป็นแนวเส้นตรงอีกครั้งเช่น ที่กำลังขยายของเลนส์ใกล้วัตถุ 10x นับช่องระหว่าง 2 เส้นตรงได้ดังนี้ 7 ช่องของ ocular micrometer = 10 ช่องของ stage micrometer 1 ช่องของ ocular micrometer = 10/7 = 1.4 ช่องของ stage micrometer 1 ช่องของ stage micrometer = 10 µm 1.4 ช่องของ stage micrometer = 10/1*1.4 = 14 µm ดังนั้น 1 ช่องของ ocular micrometer = 14 µm ในการวัดขนาดจุลินทรีย์ จะบอกขนาดเป็นไมโครเมตร เช่น ถ้าดูในกล้องจุลทรรศน์จุลินทรีย์มีขนาด เท่ากับสเกลบน ocular micrometer 3 ช่อง ดังนั้นจุลินทรีย์มีขนาด 3 x 0.014 = mm. หรือ 42 µm เมื่อใช้ objective ที่มีกำลังขยายสูงขึ้น สเกลบน stage micrometer จะถูกขยายมากขึ้น ทำให้จำนวนช่องของ ocular micrometer ต่อจ านวนช่องของ stage micrometer เปลี่ยนไป จึงต้องเทียบค่าขนาด 1 ช่องของ ocular มีขนาดเท่ากับกี่ไมครอนไว้ให้นักเรียนค านวณหา 1 ช่องของ ocular micrometer เท่ากับกี่ไมครอน เมื่อใช้กำลังขยายของเลนส์ใกล้วัตถุ 4x, 10x,และ 40x บันทึกข้อมูลลงในรายงานบทปฏิบัติการ พร้อมทั้งแสดง วิธีการคำนวณ
71 รายงานบทปฏิบัติการ เรื่อง การศึกษาส่วนประกอบและวิธีการใช้กล้องจุลทรรศน์ กิจกรรมการทดลองที่1 การศึกษาส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดา จงบอกส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์และหน้าที่อย่างคร่าวๆ จากรูปข้างล่างต่อไปนี้ ตารางที่ 1 แสดงส่วนประกอบและหน้าที่ของส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์
72 กิจกรรมการทดลองที่2 การฝึกหัดใช้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดา วาดภาพตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่สังเกตจากกล้องจุลทรรศน์ ด้วยกำลังขยาย 4x, 10x, 40x วาดภาพตัวอักษร ง ที่สังเกตจากกล้องจุลทรรศน์ กำลังขยายของ Objective lens =…………………… กำลังขยายของ Ocular lens =……………………….. Total magnification =…………………………………. กิจกรรมการทดลองที่3 ศึกษาวิธีการใช้ การถือกล้อง และการเก็บกล้องจุลทรรศน์ จากข้อความที่กำหนดให้ข้างล่าง ให้นักเรียนเรียงขั้นตอนการเก็บรักษากล้องจุลทรรศน์เสร็จแล้วให้ถูกต้อง When you are finished using the microscope, perform these steps: a. Remove the slide. Clean and dry the stage. b. Clean the lenses with lens paper. c. Rotate the nosepiece so that no objective projects beyond the front of the stage. d. Raise the stage to its highest position or lower the body tube to its lowest position in accordance with the type of microscope you are using. e. Unplug the light cord and loosely wrap it around the arm below the stage. Add a dust-cover, if present. f. Return the microscope to the correct cabinet cubicle. ............................................................................................................................. ................................................. 4X 10X 40X
73 กิจกรรมการทดลองที่4 การศึกษารูปที่เกิดจากกล้องจุลทรรศน์ทิศทางของภาพ (Image Orientation) ตัวอักษร กิจกรรมการทดลองที่ 5 Measurement of microscopic structure (การประมาณขนาดของวัตถุที่มองเห็น จากกล้องจุลทรรศน์) การวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของ field of view ด้วยไม้บรรทัด Objective lens X ocular lens Diameter of field (mm) 4x ____________ = _____________ 10x ____________ = _____________ 40x ____________ = _____________ สรุปผลและวิจารณ์ผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………… Slide Orientation Image Orientation ตัวอักษร................................. เลื่อน Slide ไปทางซ้าย เลื่อน Slide ไปทางขวา เลื่อน Slide ไปทางหน้า เลื่อน Slide ไปทางหลัง
74 คำถามท้ายบทปฏิบัติการ 1. จากการศึกษาโปรโตซัวชนิดหนึ่ง นักเรียนบันทึกภาพของโปรตัวซัวจากขนาดที่นักเรียนมองเห็นผ่านกล้อง จุลทรรศน์ที่มีกำลังขยาย 150 เท่า และเมื่อวัดความยาวของภาพที่บันทึกไว้ พบว่ายาว 1.2 เซนติเมตร จงหา ความยาวจริงของโปรโตซัว .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................... .................... .......................................................................................................................................................................... .... .......................................................................................................................................................................... .... .............................................................................................................................................................................. 2. กำลังขยายของกล้องจุลทรรศน์หาได้อย่างไร.................................................................................................. 3. ถ้ามองกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยาย 40× ภาพที่ได้เป็นกี่เท่าของจริง…………………………………………..……. 4. ภาพที่ได้จากกล้องจุลทรรศน์เป็นภาพชนิดใด................................................................................................. 5. จงอธิบายข้อแตกต่างของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงกับกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนมาพอสังเขป …………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ให้นักเรียนเติมส่วนประกอบต่าง ๆ ของกล้องจุลทรรศน์ให้ถูกต้อง
75 7. หากนักเรียนนำภาพวัตถุที่มีลักษณะดังภาพแถวบนไปส่องด้วยกล้อง A B C และ D แล้วเห็นภาพ ดังที่ ปรากฏในรูปแถวล่าง 7.1 กล้องใดเป็นกล้อง compound light microscope…………………………………………………… 7.2 กล้องใดเป็นกล้อง stereo microscope…………………………………………………………………… 8. ระยะห่างระหว่างสไลด์กับเลนส์วัตถุ (objective lens) กำลังขยายต่างๆ ของกล้อง และ field of view เมื่อปรับภาพให้ชัดแล้วมีระยะเท่ากันหรือไม่ กำลังขยายใดห่างที่สุด และกำลังขยายใดใกล้ที่สุด (กำหนดให้ 4x 10x และ 40x) และ field of view ของ objective lens A B C ตรงกับกำลังขยายใดที่กำหนดให้ (4x 10x และ 40x) 9. นักเรียนส่องกล้องจุลทรรศน์เห็นภาพพารามีเซียมอยู่ที่ขอบบนของ visual field ดังภาพ หากต้องการเลื่อน ให้พารามีเซียมมาอยู่ตรงกลางของ visual field นักเรียนจะต้องเลื่อน stage ของกล้องไปในทิศทางใด 9.1 ตามแนวแกน X (มิติของภาพคือด้านซ้าย-ขวา) .................................................. 92 ตามแนวแกน Y (มิติของภาพคือด้านบน-ล่าง) ..................................................... 10. ดูภาพข้างล่างแล้วตอบคำถามให้ถูกต้อง 5.1. กล้องที่เห็นในภาพนี้เป็นกล้องชนิดใด ................................................... 5.2. ถ้านักเรียนต้องการหาระยะโฟกัสต้องปรับที่หมายเลขใด ..................... 5.3. ถ้านักเรียนต้องการเปลี่ยนก าลงขยายของกล้องต้องหมุนที่บริเวณหมายเลข ใด ......... 5.4. ภาพตัวอักษร “ก” ที่ปรากฏในกล้องเป็นอย่างไร ............ 5.5. ถ้าความเข้มแสงในจอภาพมากหรือน้อยเกินไปต้องปรับที่หมายเลขใด ..... 5.6. ถ้านักเรียนต้องการหาตำแหน่งของวัตถุต้องปรับที่บริเวณหมายเลขใด ..... 5.7. เมื่อเปลี่ยนกำลังขยายของกล้องเพิ่มขึ้นอาณาเขตของภาพจะเป็นอย่างไร ............ 5.8. ถ้าต้องการเคลื่อนย้ายกล้องให้ใช้มือหนึ่งจับหมายเลข ........ และอีกมือหนึ่ง รองรับที่หมายเลข........
76 เฉลยคำถามท้ายบทปฏิบัติการ 1. จากการศึกษาโปรโตซัวชนิดหนึ่ง นักเรียนบันทึกภาพของโปรตัวซัวจากขนาดที่นักเรียนมองเห็นผ่านกล้อง จุลทรรศน์ที่มีกำลังขยาย 150 เท่า และเมื่อวัดความยาวของภาพที่บันทึกไว้ พบว่ายาว 1.2 เซนติเมตร จงหา ความยาวจริงของโปรโตซัว แนวคิด กำลังขยายของกล้องจุลทรรศน์ = 150 จากสูตร ขนาดจริงของวัตถุ = ขนาดของภาพที่ปรากฎจากกล้องจุลทรรศน์ กำลังขยายของกล้องจุลทรรศน์ แทนค่า ขนาดของวัตถุจริง = 1.2 × 10 ×1000 150 = 80 ไมโครเมตร ดังนั้น โพรตัวซัวความยาวจริง 80 ไมโครเมตร หรือ 80 ไมครอน (1 เซนติเมตร = 10 มิลลิเมตร, 1 มิลลิเมตร = 1,000 ไมโครเมตร ) 2. กำลังขยายของกล้องจุลทรรศน์หาได้อย่างไร แนวคำตอบ กำลังขยายของกล้องจุลทรรศน์ = กำลังขยายของเลนส์ใกล้วัตถุ x กำลังขยายของเลนส์ใกล้ตา 3. ถ้ามองกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยาย 40× ภาพที่ได้เป็นกี่เท่าของจริง แนวคำตอบ 400 เท่า 4. ภาพที่ได้จากกล้องจุลทรรศน์เป็นภาพชนิดใด แนวคำตอบ ภาพเสมือนหัวกลับ 5. จงอธิบายข้อแตกต่างของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงกับกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนมาพอสังเขป แนวคำตอบ กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงใช้กระจกหรือหลอดไฟเป็นแหล่งกำเนิดแสง โดยคลื่นแสงที่ตามองเห็นได้ ใช้เลนส์เว้ากำลังขยาย 2,000 เท่า ใช้ในการศึกษาเซลล์สิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ภาพที่มองเห็นผ่านเลนส์ใกล้ตาเป็นสี ธรรมชาติ สีย้อม มีอากาศในลำกล้อง ส่วนกล้องจุลทรรศน์แบบอิเล็กตรอนใช้ปืนยิงอิเล็กตรอนเป็นแหล่งกำเนิด อิเล็กตรอนที่ตามองไม่เห็น ใช้เลนส์แม่เหล็กไฟฟ้า มีกำลังขยาย 500,000 เท่า หรือมากกว่า ใช้ศึกษาวัตถุ หรือเซลล์ที่ ไม่มีชีวิตเท่านั้น ภาพบนจอรับภาพเป็นภาพขาวดำ ในลำกล้องเป็นสุญญากาศ และมีระบบหล่อเย็นจากการมีความ ร้อนมาก 6. ให้นักเรียนเติมส่วนประกอบต่าง ๆ ของกล้องจุลทรรศน์ให้ถูกต้อง
77 7. หากนักเรียนนำภาพวัตถุที่มีลักษณะดังภาพแถวบนไปส่องด้วยกล้อง A B C และ D แล้วเห็นภาพ ดังที่ ปรากฏในรูปแถวล่าง 7.1 กล้องใดเป็นกล้อง compound light microscope แนวคำตอบ A และ D 7.2 กล้องใดเป็นกล้อง stereo microscope แนวคำตอบ B และ C 8. ระยะห่างระหว่างสไลด์กับเลนส์วัตถุ (objective lens) กำลังขยายต่างๆ ของกล้อง และ field of view เมื่อปรับภาพให้ชัดแล้วมีระยะเท่ากันหรือไม่ กำลังขยายใดห่างที่สุด และกำลังขยายใดใกล้ที่สุด (กำหนดให้ 4x 10x และ 40x) และ field of view ของ objective lens A B C ตรงกับกำลังขยายใดที่กำหนดให้ (4x 10x และ 40x) 9. นักเรียนส่องกล้องจุลทรรศน์เห็นภาพพารามีเซียมอยู่ที่ขอบบนของ visual field ดังภาพ หากต้องการเลื่อน ให้พารามีเซียมมาอยู่ตรงกลางของ visual field นักเรียนจะต้องเลื่อน stage ของกล้องไปในทิศทางใด 9.1 ตามแนวแกน X (มิติของภาพคือด้านซ้าย-ขวา) แนวคำตอบ เลื่อนมาทางขวา 9.2 ตามแนวแกน Y (มิติของภาพคือด้านบน-ล่าง) แนวคำตอบ เลื่อนขึ้นข้างบน 10. ดูภาพข้างล่างแล้วตอบคำถามให้ถูกต้อง 5.1. กล้องที่เห็นในภาพนี้เป็นกล้องชนิดใด Compound light microscope 5.2. ถ้านักเรียนต้องการหาระยะโฟกัสต้องปรับที่หมายเลขใด หมายเลข 9 5.3. ถ้านักเรียนต้องการเปลี่ยนก าลงขยายของกล้องต้องหมุนที่บริเวณหมายเลข ใด หมายเลข 2 5.4. ภาพตัวอักษร “ก” ที่ปรากฏในกล้องเป็นอย่างไร ภาพเสมือนหัวกลับ 5.5. ถ้าความเข้มแสงในจอภาพมากหรือน้อยเกินไปต้องปรับที่หมายเลขใด 7 5.6. ถ้านักเรียนต้องการหาตำแหน่งของวัตถุต้องปรับที่บริเวณหมายเลขใด 8 5.7. เมื่อเปลี่ยนกำลังขยายของกล้องเพิ่มขึ้นอาณาเขตของภาพจะเป็นอย่างไร แคบลง 5.8. ถ้าต้องการเคลื่อนย้ายกล้องให้ใช้มือหนึ่งจับหมายเลข .....4... และอีกมือหนึ่ง รองรับที่หมายเลข...12..... แนวคำตอบ A กำลังขยาย 4X B กำลังขยาย 10X C กำลังขยาย 40X
78 สื่อการจัดการเรียนรู้ อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ หนังสือเรียนรายวิชาชีววิทยา 1 ครูมือครู/นักเรียน
79 แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ส่วนประกอบกล้องจุลทรรศน์ และการใช้งานกล้องจุลทรรศน์ วิธีการเตรียมสไลด์สด การหาขนาดของวัตถุภายใต้ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิง ประกอบโดยใช้ไมโครมิเตอร์ การหาขนาดของวัตถุภายใต้ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิง ประกอบโดยใช้ไม้บรรทัด
80 บรรณานุกรม สถาบันส่งเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2558). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานชีววิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์ ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว. สถาบันส่งเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2558). หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมชีววิทยา เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพ : โรงพิมพ์สกสค. ลาดพร้าว. National Library of Thailand Cataloging in Publication Data. อภัย ดวงคำ. Biology Laboratory คู่มือ ปฏิบัติการชีววิทยา ม.4-5-6. นครราชสีมา: 2559. โจเซฟ พลาสติก การ์ด (โคราช) แอนด์ ปริ๊นท์ วีระ อินทรี. หนังสือชุดเทคนิคการเรียนชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ความรู้พื้นฐานทาง ชีววิทยา. 2558. ห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักฟิสิกส์เซนเตอร์ รูปที่ 1.2 Compound light microscope และ Stereoscopic microscope. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2566. ที่มา: http://www.microscopemaster.com/images/xcm501microscopediagram.jpg. pagespeed.ic.n7nfZwX3z.jpghttp://www.microscope.com/media/wysiwyg/Mark/Article s/Guides/stereocomponents.jpg รูปที่ 1.4 แสดงส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้แสงแบบธรรมดา. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2566. ที่มา: http://www.salemicroscope.com/microscope-is/ รูปที่ 1.6 Stereo microscope. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2566. ที่มา: http://www.microscope.com/ media/wysiwyg/Mark/Articles/Guides/stereo_components.jpg รูปที่ 1.7 แสดงวิธีการเตรียมสไลด์สด. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2566.ที่มา : http://www.xn--m3cdha6 bhpklu9aa3dbz1yueg.com/worksheetm-1/ รูปที่1.10 Stage และ Ocular micrometer. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2566. ที่มา: http://pirate.shu. edu/~rawncarr/scope02/SCOPE07-2.htm รูปที่ 1.11 การซ้อนสเกลของ Ocular micrometer และ Stage micrometer. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2566. ที่มา: http://www.austincc.edu/ddingley/MLAB1331/LabManual/LabManual.html