รายยงาน วรรณคดีไทย เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ... โรงเรียนศรีมหาโพธิ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรรายวิชา ประวัติวรรณคดี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 เสนอ นายดนัย คำ แพงอาจ จัดทำ โดย คุณครูวนิชา ภาสดา
คำ นำ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรรายวิชา ประวัติวรรณคดีภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนศรีมหาโพธิ เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง วรรณคดีไทย ขุนช้างขุนแผน และได้ ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์กับการเรียน ผู้จัดทําหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือ นักเรียน ที่กําลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนําหรือข้อผิดพลาด ประการใด ผู้จัดทําขอน้อมรับไว้ และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย นายดนัย คำ แพงอาจ ผู้จัดทำ
สารบับั บั ญ บั ญ เรื่อง หน้า ประวัติ ลักษณะคำ ประพันธ์ ต้นกำ เนิดและคำ ว่า เสภา เนื้อเรื่องย่อ บรรณนุกรม 1 2 2 3 4
ประวัติ เสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน เป็นนิทาน มหากาพย์ พื้นบ้านของไทย เค้าเรื่องขุนช้างขุนแผนนี้สันนิษฐานว่าเคยเกิดขึ้นจริงในสมัย กรุง ศรีอยุธยา แล้วมีผู้จดจำ เล่าสืบต่อกันมา เนื่องจากเรื่องราวของขุน ช้างขุนแผนมีปรากฏในหนังสือ คำ ให้การชาวกรุงเก่า แต่มีการ ดัดแปลงเพิ่มเติมจนมีลักษณะคล้าย นิทาน เพื่อให้เนื้อเรื่องสนุกสนาน ชวนติดตามยิ่งขึ้น รายละเอียดในการดำ เนินเรื่องยังสะท้อนภาพการ ดำ เนินชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาวสยามใน ครั้งอดีตได้อย่างชัดเจนยิ่ง จนนัก ภาษาศาสตร์ นามวิลเลี่ยม เก็ดนี่ย์ กล่าวว่า "ข้าพเจ้ามักคิดบ่อย ๆ ว่า หากความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ไทยเกิดสูญหายไปหมด ทุกอย่างอาจจะถูกสร้างขึ้นมาได้ใหม่ จากข้อ เขียนที่อัศจรรย์นี้" สันนิษฐานว่าเป็นการแต่งขึ้นร้องแบบ มุขปาฐะ (ปากต่อปาก) เพื่อความบันเทิง ในลักษณะเดียวกับมหากาพย์ของ ยุโรป อย่างเช่น ของ โฮเมอร์ โดยคงจะเริ่มแต่งตั้งแต่ราวอยุธยาตอนกลาง (ราว พ.ศ. 2143) และมีการเพิ่มเติม หรือตัดทอนเรื่อยมา จนมีรายละเอียด และความยาวอย่างที่สืบทอดกันอยู่ในสมัยอยุธยาตอนปลาย แต่ไม่ได้ ถูกบันทึกลงไว้เป็นกิจลักษณะ เนื่องจากบุคคลชั้นสูงสมัยนั้นเห็นว่า เป็นกลอนชาวบ้าน ที่มีเนื้อหาบางตอนหยาบโลน ขุขุ ขุ น ขุ นช้ช้ช้ า ช้ างขุขุ ขุ น ขุ นแผน 1
ลักษณะคำ ประพันธ์ กลอนเสภาเป็นกลอนสุภาพ เสภาเป็นกลอนขั้น เล่าเรื่องอย่างเล่า นิทานจึงใช้คามากเพื่อบรรจุข้อความให้ชัดเจนแก่ผู้ฟัง และมุ่งเอาการ ขับได้ไพเราะเป็นสาคัญ สัมผัสของคาประพันธ์ คือ คา สุดท้ายของ วรรคต้น ส่งสัมผัสไปยังคาใดคำ หนึ่งใน 5 คาแรกของวรรค หลัง สัมผัสวรรคอื่นและสัมผัสระหว่างบทเหมือนกลอนสุภาพ ต้นกำ เนิดและคำ ว่า เสภา มีต้นกำ เนิดมาจากความบันเทิงพื้นบ้านประมาณปี ค.ศ. 1600 ซึ่ง พัฒนาโดยนักเล่านิทาน สำ หรับผู้ชมผู้ฟังในท้องถิ่น และส่งต่อเรื่อง ราวด้วยการบอกเล่าแบบปากต่อปาก อนึ่งในศตวรรษที่ 18 การแสดงเรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นรูปแบบ ความบันเทิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสยาม นักเล่านิทานมักเล่า เรื่องด้วยการบรรยายอย่างมีสไตล์ โดยใช้ไม้เล็ก ๆ สองท่อน เรียกว่า กรับ เคาะให้เป็นจังหวะและเน้นอารมณ์ การขับแสดงนั้นมักใช้เวลา ตลอดทั้งคืน อนึ่ง การขับแสดงเรื่องของขุนช้างขุนแผนสร้างแนวใหม่ที่เรียกว่า เสภา และเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษมาแล้ว คำ ศัพท์นี้ใช้เฉพาะ บางงานนี้เท่านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 4 (ค.ศ. 1851–1868) ข้อความจาก พระราชพงศาวดารบางส่วนและงานอื่น ๆ อีกสองสามชิ้นก็ถูกนำ มา เสนอในรูปแบบของเสภานี้ด้วยพระราชกรณียกิจ แต่ทั้งหมดก็หายไป เหลือเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ 2
เนื้อเรื่องย่อ ขุนแผน บุตรชายของขุนไกร พลพ่าย ผู้เก่งกล้าอาศัยอยู่ที่บ้าน ย่านวัดตระไกร มีเพื่อนในวัยเด็กที่มาเล่นด้วยกันเสมอ คือ ขุนช้างและ นางพิมพิลาไลย จนกระทั่งขุนไกรถูกพระพันวษาประหารชีวิต เพราะ ไม่สามารถสกัดควายป่าไว้ได้ นางทองประศรีผู้มารดาจึงพาขุนแผนไป อยู่เมืองกาญจนบุรี และได้บวชเป็นสามเณรที่วัดส้มใหญ่ เล่าเรียนวิชา จนหมดความรู้ของพระอาจารย์ นางทองประศรีจึงนำ มาฝากกับ สมภารมีที่วัดป่าเลไลยก์ ขุนแผนมีความสามารถในการเทศน์มหาชาติ กัณฑ์มัทรีได้ไพเราะจับใจ ในวันออกพรรษาสามเณรพลายแก้วได้ขึ้น เทศน์และเทศน์ได้ไพเราะนัก นางพิมก็เกิดศัทธา เปลื้องผ้าห่มสไบออก แทนเครื่องบูชากัณฑ์ ขุนช้างเห็นก็เปลื้องผ้าห่มของตน วางทับผ้านาง พิม แล้วอธิษฐานให้ได้เจ้าของผ้าห่มสไบ วันนั้นหัวใจของพลายแก้ว และขุนช้างต่างก็ร้อนรุ่มด้วยความรักที่มีต่อนางพิม ฝ่ายขุนช้างแม้รูป ชั่วหัวล้าน แต่ร่ำ รวยไปขอนางพิม นางสายทองเห็นดังนั้นจึงนำ ความ ไปบอกสามเณรพลายแก้วที่วัดป่า สามเณรยามอยู่ลำ พังกับนางสาย ทองก็อดพูดจาหยอกเอินกับนางไม่ได้ ความทราบถึงสมภารมี จึงได้ ไล่พรายแก้วออกจากวัด สามเณรจึงไปอาศัยอยู่กับสมภารคงที่วัดแค และได้เล่าเรียนวิชาคาถาอาคม เสกใบมะขามเป็นตัวต่อ สะเดาะโซ่ ตรวนกุญแจ ล่องหนหายตัว อยู่ยงคงกระพัน และได้แอบเข้าไป ลักลอบได้เสียกับนางพิม ต่อมาพลายแก้วได้ไปเป็นทหาร และกลับมา พร้อมเมียใหม่ ทำ ให้นางพิมโกรธและเสียใจ ในขณะที่ขุนช้างก็ยังใช้ เล่ห์เพื่อที่จะได้นางพิมมาเป็นเมีย จนที่สุดนางพิมก็ตกเป็นเมียขุนช้าง ขุนแผนจึงนำ เรื่องไปให้พระพันวษาตัดสินความ เมื่อสมเด็จพระพัน วษา ตรัสถามว่าจะอยู่กับใคร นางก็ไม่อาจตัดสินใจได้ ขุนแผนนั้นแม้ จะรักมาก แต่ก็ทำ ให้นางทุกข์ยากด้วยรักมานักหนา ขุนช้างนั้นน่าเบื่อ ระอา แต่ก็รักนางอย่างจริงใจ นางจึงตอบไปว่า แล้วแต่ทรงพระ กรุณา สมเด็จพรพพันวษาทรงกริ้ว ให้นำ นางพิมพิลาไลยไปประหาร ชีวิต 3
วิกิพีเดีย. 2553. ขุนช้างขุนแผน. สืบค้น 7 มิถุนายน 2567, จาก บรรณนุนุ นุ ก นุ กรม https://www.xn- -12ca0ezbc4ai2ee1bzl.com/17/02/2022/%E0%B8%9A% E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0% B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8% A1%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A% E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B9%8C/. บ้านภาษาไทย ศิลปศาสตร์. 2561. ขุนช้างขุนแผน. สืบค้น 7 มิถุนายน 2567, จาก https://www.xn- -12ca0ezbc4ai2ee1bzl.com/17/02/2022/%E0%B8%9A% E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0% B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8% A1%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A% E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B9%8C/. Dek-D. 2562. ขุนช้าง ขุนแผน เนื้อเรื่องย่อวรรณคดีไทย. สืบค้น 7 มิถุนายน 2567 https://www.dekd.com/board/view/1940068. 4