The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สื่อและอุปกรณ์การรับส่งข้อมูลCommunication Media2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Charintip.1342, 2019-12-18 06:38:40

สื่อและอุปกรณ์การรับส่งข้อมูลCommunication Media2

สื่อและอุปกรณ์การรับส่งข้อมูลCommunication Media2

1

นาเสนอโดย
นางสาวชรินทรท์ ิพย์ หงษา
เสนอ
ครวู ริ ยา สีขาว

วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีนครราชสีมา

2

สือ่ ประเภทเหนี่ยวนา (Conducted Media)
1. สายโคแอคเชียล (Coaxial cable)
2. สายคูบ่ ิดเกลียว (Twisted pair wire)
3. แบบไม่มีฉนวนหมุ้ (Unshielded Twisted Pair: UTP)
4. แบบมีฉนวนหุม้ (Shielded Twisted Pair: STP)
5. สายใยแกว้ นาแสง (Fiber-Optic cable)
สายโคแอ็กเชยี ล (Coaxial Cable)
เปน็ สายสัญญาณประเภทแรกทใี่ ช้ และเปน็ ท่ีนิยมมากในเครือข่ายคอมพวิ เตอร์สมัยแรกๆ
ในปจั จุบันถอื ได้วา่ เปน็ สายที่ล้าสมัยสาหรบั เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรใ์ นปจั จุบัน อย่างไรกต็ ามยงั มี
ระบบเครือข่ายบางประเภททย่ี ังใชส้ ายประเภทนอ้ี ยู่

ส่วนประกอบของสายโคแอ็กเชยี ล

สายทองแดง
ฉนวน

ใยโลหะถกั เปียหรือโลหะบางๆ
ฉนวนและวสั ดุป้องกันสายสญั ญาณ

สายโคแอก็ ซ์ (Coax) จะมีตวั นาไฟฟา้ อยสู่ องสว่ น
- ส่วนแกนเป็นสว่ นทีน่ าสัญญาณขอ้ มูล
- ชน้ั ใยข่ายเป็นชน้ั ทใี่ ชป้ อ้ งกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกและเปน็ สายดนิ ในตัว ดงั นัน้ สองส่วน
นต้ี ้องไมเ่ ชื่อมตอ่ กันมิฉะนน้ั อาจเกดิ ไฟช็อตได้

3

สายโคแอ็กเชยี ลแบบบาง (Thin Coaxial Cable)
เป็นสายทีม่ ขี นาดเลก็ เส้นผา่ นศูนย์กลางประมาณ 0.64 cm
เน่อื งจากสายประเภทน้มี ีขนาดเลก็ และมีความยืดหยุ่นสงู จึงสามารถใชไ้ ด้กับการตดิ ตัง้ เครอื ขา่ ย
เกอื บทกุ ประเภท สามารถนาสญั ญาณไดไ้ กลถงึ 185 เมตร ก่อนท่สี ัญญาณจะเรม่ิ ออ่ นกาลังลง

สายโคแอ็กเชียลแบบหนา (Thick Coaxial Cable)
1.เป็นสายโคแอ็กซ์ทคี่ ่อนข้างแข็ง และขนาดใหญก่ วา่ สายโคแอ็กซแ์ บบบาง โดยมีเสน้ ผา่ น
ศนู ย์กลางประมาณ 1.27 cm
2.สว่ นแกนกลางที่เปน็ สายทองแดงของสายโคแอก็ ซแ์ บบหนาจะมขี นาดใหญ่ ดงั น้นั จงึ สามารถนา
สญั ญาณไดไ้ กลถงึ 500 เมตร
3.นิยมใชใ้ นการเช่ือมตอ่ เส้นทางหลักของข้อมลู หรอื แบ็คโบน (Backbone) ของเครอื ข่ายสมัย
แรกๆ

สายท่ีใหญ่กวา่ ย่อมนาสญั ญาณไดด้ ีกวา่ สายธกิ ค์เน็ต (Thicknet) จะยุ่งยากในการติดตั้งมากกว่า
เนอื่ งจากเป็นสายทค่ี ่อนขา้ งแขง็ แรง ในขณะท่ีสายแบบธินเน็ต (Thinnet) มคี วามยืดหยนุ่ ท่ดี ีกวา่
ทาใหง้ ่ายตอ่ การติดต้ังและราคาก็ถกู กวา่ ความยดื หยุ่นของสายมผี ลตอ่ การตดิ ตง้ั เมอ่ื เดนิ สายผ่าน
ท่อขนาดเลก็ ทต่ี ดิ บนฝา้ เพดาน ทาใหเ้ ป็นที่นยิ มมากกว่า

4

- BNC Cable Connector เปน็ หัวที่เช่อื มเข้ากับปลายสาย
- BNC T-Connector เป็นหวั ที่ใช้เช่อื มตอ่ ระหวา่ งสายสญั ญาณกับเน็ตเวิร์คการ์ด
- BNC Barrel Connector เปน็ หวั ที่ใชใ้ นการเช่อื มต่อสายสญั ญาณเพอื่ ใหส้ ายมขี นาดยาวขึ้น
- BNC Terminator เป็นหัวทใ่ี ช้ในการสิ้นสุดสญั ญาณทีป่ ลายสายเพ่ือเปน็ การส้ินสุดสญั ญาณไมใ่ ห้
สะท้อนกลับ ถา้ ไม่อย่างน้ันสัญญาณสะทอ้ นกลบั ทาให้รบกวนสญั ญาณที่ใชน้ าข้อมูลจรงิ ซึ่งจะทา
ให้เครอื ข่ายล้มเหลวในท่ีสุด
สายคู่บดิ เกลยี ว (Twisted Pairs Cable)
1.เมือ่ กอ่ นเปน็ สายสัญญาณท่ีใช้ในระบบโทรศัพท์ แตป่ จั จบุ ันไดก้ ลายเป็นมาตรฐานสายสัญญาณที่
เชื่อมตอ่ ในเครอื ขา่ ยทอ้ งถ่ิน (LAN)
2.สายคู่บดิ เกลียวหน่ึงคู่ประกอบดว้ ยสายทองแดงขนาดเล็ก เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 0.016-
0.035 นิว้ หมุ้ ด้วยฉนวนแลว้ บดิ เป็นเกลียวเป็นคู่
3.การบดิ เปน็ เกลียวของสายแตล่ ะคมู่ จี ดุ ประสงค์เพอื่ ชว่ ยลดคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าทรี่ บกวนซง่ึ กัน
และกนั
4.สายคู่บิดเกลยี วที่มขี ายในทอ้ งตลาดอาจประกอบด้วยสายคบู่ ดิ เกลยี วตง้ั แตห่ นง่ึ คไู่ ปจนถงึ 600
คู่ในสายขนาดใหญ่ สายคู่บดิ เกลยี วท่ีใช้กบั เครือขา่ ย LAN จะประกอบดว้ ย 4 คู่
สายคบู่ ดิ เกลียวหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pairs : STP)
1.มีสว่ นทีป่ อ้ งกนั สัญญาณรบกวนจากภายนอก
2.ชั้นปอ้ งกนั นอี้ าจเป็นแผ่นโลหะบางๆ หรอื ใยโลหะที่ถักเปียเปน็ ตาขา่ ย ซง่ึ ช้ันป้องกนั นีจ้ ะห่อหุ้ม
สายคู่บิดเกลยี วทั้งหมด

จุดประสงค์ของการเพิ่มข้ันห่อหุ้มน้ีเพือ่ ปอ้ งกนั การรบกวนจากคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า เชน่ คลน่ื วิทยุ
จากแหล่งต่างๆ

5

สายคู่บดิ เกลยี วไมห่ มุ้ ฉนวน (Unshielded Twisted Pairs : UTP)
1. สายสัญญาณท่ีนิยมใช้กันมากท่ีสุดในระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ปัจจบุ ัน
2. การใช้สายนีค้ วามยาวต้องไมเกิน 100 เมตร

คณุ สมบตั ิพเิ ศษของสายคู่บิดเกลียว

1.การใชส้ ายคูบ่ ดิ เกลียวในการรบั สง่ สญั ญาณนั้นจาเป็นต้องใชส้ ายหน่ึงคู่ในการสง่ สัญญาณ และ
อีกหนึ่งค่ใู นการรบั สญั ญาณ ซ่ึงในแตล่ ะค่สู ายจะมีท้ังข้ัวบวกและข้ัวลบ

2.ในการทาเช่นน้ีเปน็ เทคนคิ อยา่ งหนงึ่ ในการรบั สง่ ข้อมลู ทเ่ี รียกว่า "Differential Signaling" ซ่งึ
เทคนคิ นี้คิดคน้ ขึน้ มาเพอื่ จะกาจัดคลน่ื รบกวน (Electromagnetic Noise) ท่เี กิดกบั สญั ญาณ
ข้อมลู

3.เมอื่ เกิดคลืน่ รบกวนขึน้ กับสายสญั ญาณแล้วจะทาให้สญั ญาณขอ้ มลู ยากตอ่ การอ่านหรือแปล
ความหมาย

6

สายใยแกว้ นาแสง (Fiber-Optic Cable)
1.ใช้สัญญาณแสงในการส่งสญั ญาณไฟฟ้า ทาใหก้ ารสง่ สัญญาณไมถ่ กู รบกวนจากสนามแมเ่ หล็ก
ไฟฟา้ ตา่ ง ๆ ทั้งยงั คงทนต่อสภาพแวดลอ้ ม อกี ด้วย
2.ตวั กลางทใ่ี ชส้ าหรับการสง่ สัญญาณแสงก็คอื ใยแก้วซ่งึ มีขนาดเลก็ และบาง ทาให้ประหยดั พ้นื ที่ไป
ไดม้ าก
3.สามารถส่งสญั ญาณไปไดไ้ กลโดยมีการสูญเสยี ของสัญญาณนอ้ ย ทัง้ ยงั ให้อัตราข้อมลู
(Bandwidth) ที่สงู ยง่ิ กวา่ สายแบบโลหะหลายเท่าตัว
ปัญหาของสายทมี่ ีตัวนาเป็นโลหะน้นั กค็ อื สัญญาณท่ีวง่ิ อยภู่ ายในสายนัน้ อาจจะถูกรบกวนได้โดย
คลแมเ่ หล็กไฟฟ้าแหล่งต่าง ๆ เชน่ มอเตอรไ์ ฟฟา้ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าตา่ ง ๆ ท่ผี ลิตสนามแมเ่ หล็ก หรอื
แม้กระทง่ั ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เชน่ ฟา้ ผ่า เปน็ ตน้ และการเดินสายเป็นระยะทางไกลมาก ๆ
เชน่ ระหวา่ งประเทศจะมกี ารสญู เสยี ของสญั ญาณเกดิ ขน้ึ จึงตอ้ งใชอ้ ุปกรณส์ าหรบั ทวนสัญญาณ
ตดิ เป็นจานวนมาก เพราะฉะนนั้ จึงมกี ารคิดค้นและพฒั นาสายสญั ญาณแบบใหม่ ซงึ่ ใชต้ ัวนาซง่ึ
ไม่ได้เป็นโลหะขน้ึ มา

โครงสร้างของใยแก้วนาแสง

สว่ นประกอบของสายใยแกว้ นาแสง

7

สรปุ สื่อประเภทกระจายคล่นื หรือส่ือประเภทไร้สาย ( Wireless Media)
1. คลืน่ วทิ ยุ (Broadcast Radio)
2. สญั ญาณไมโครเวฟ (Microwave)
3. แบบภาคพน้ื ดนิ (Terrestrial Microwave)
4. แบบดาวเทียม (Satellite Microwave)
5. วทิ ยเุ ซลลูลาร์ (Cellular Radio)
6. วทิ ยุสเปรดสเปกตรมั (Spread Spectrum Radio)
7. สญั ญาณอนิ ฟราเรด (Infrared

คลนื่ วิทยุ (Broadcast Radio)

• มกี ารแพรก่ ระจายออกอากาศโดยทว่ั ไปทั้งในระบบ AM และ FM

• มีความถ่ีอย่ใู นชว่ ง 30 – 300 MHz

• การแพร่กระจายคลืน่ หรือการสง่ ออกอากาศจะเกิดข้นึ ในทกุ ทิศทาง (Omni directional)

• แมว้ ่ารูปแบบของการแพร่คลืน่ สญั ญาณทั่วไปจะเปน็ แบบวงกลม แตก่ ารใช้เทคโนโลยขี ้นั
สงู เข้าช่วยจะสามารถสร้างรูปทรงแบบวงรีขน้ึ มาได้ เพอ่ื หลกี เล่ียงพน้ื ที่ทับซ้อนของสัญญาณจาก
สถานขี า้ งเคยี ง

ขอ้ ดีของคล่ืนวทิ ยุ

• ตดิ ตั้งงา่ ย อุปกรณร์ าคาไม่แพงมากนกั

• สามารถทะลุสง่ิ กีดขวางได้

• แพร่กระจายสญั ญาณแบบวงกลมหรอื วงรี ทาให้เคร่อื งรบั สญั ญาณท่อี ยู่ในระยะสามารถรับ
สญั ญาณได้ โดยไมต่ อ้ งหันหนา้ อปุ กรณ์ให้ตรงกนั (ยกเว้นเสาอากาศโทรทัศน์)

8

ข้อเสยี ของคลนื่ วทิ ยุ
• อัตราการส่งขอ้ มูลตา่
• สามารถถูกคลื่นสญั ญาณอ่ืน รวมท้ังสภาพอากาศ และอุณหภมู ริ บกวนได้
• ต้องขออนุญาตใชค้ วามถ่ีจากหนว่ ยงานที่รับผดิ ชอบกอ่ น

ไมโครเวฟ (Microwave)
• คล่ืนไมโครเวฟที่ใชถ้ ่ายทอดสัญญาณมคี วามถส่ี ูงมาก (3-30 GHz)ทาให้สามารถส่งข้อมลู
ออกไปดว้ ยอตั ราความเรว็ ทส่ี ูงมาก
• สญั ญาณเดนิ ทางเป็นแนวเส้นตรง (Line-of-Sight Transmission) จึงเรยี กว่าเป็นสัญญาณ
ทิศทางเดยี ว (Unidirectional)
• ไมโครเวฟแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
• ไมโครเวฟชนดิ ตงั้ บนพ้ืนดนิ (Terrestrial Microwave)
• ไมโครเวฟชนดิ ดาวเทียม (Satellite Microwave
ไมโครเวฟชนิดต้ังบนพนื้ ดิน
• ส่งสัญญาณแลกเปลี่ยนกนั ระหวา่ งสถานบี นพืน้ ดนิ (Earth Station) สองสถานี
• โดยปกติขนาดของจานรบั -ส่งสัญญาณ (Dish) จะมีเส้นผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 10 ฟตุ
• โดยปกตสิ ถานีบนพ้นื ดินตงั้ อยหู่ า่ งกันไมเ่ กิน 40-48 กโิ ลเมตร และอาจไกลถงึ 88
กิโลเมตร ถา้ สถานที ง้ั สองตั้งอยู่หา่ งจากพ้ืนดนิ มากๆ
• ระหว่างสองสถานีจะตอ้ งไม่มีวตั ถุใดๆ ขวางกัน้ ระหวา่ งสองสถานี
ข้อดขี องไมโครเวฟชนิดตงั้ บนพนื้ ดิน
• กาลังส่งสงู ครอบคลุมพืน้ ทีส่ ่ือสารไดก้ ว้าง โดยจะส่งเป็นทอดๆ
• อตั ราในการส่งข้อมลู สงู
• ใชย้ ่านความถี่สูงทาใหถ้ ูกรบกวนจากสญั ญาณอ่ืนไดย้ าก
• ช่วยขจดั ปญั หาในเรื่องสถานทต่ี ้ัง หรอื ภูมปิ ระเทศที่ยากตอ่ การเชื่อมต่อสายสื่อสาร

9

ข้อเสียของไมโครเวฟชนดิ ตง้ั บนพ้นื ดนิ
• ถกู รบกวนได้งา่ ยจากคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ อุณหภมู ิ และภมู ิอากาศ
• อปุ กรณ์ และค่าใช้จ่ายในการตดิ ต้ังมีราคาแพง
• ต้องขออนุญาตใช้ความถ่ีจากหนว่ ยงานทร่ี ับผดิ ชอบ
• ตอ้ งอาศยั ผมู้ ีความเช่ียวชาญในการตดิ ตงั้ และบารุงรักษา
ไมโครเวฟชนิดดาวเทียม
1. ประกอบด้วยดาวเทยี มหน่ึงดวง ซงึ่ จะต้องทางานร่วมกบั สถานพี ้นื ดนิ ต้งั แตส่ องสถานขี ้ึนไป
2. สถานพี ืน้ ดินถกู นามาใชเ้ พื่อการรับและส่งสัญญาณไปยงั ดาวเทียม
3. ดาวเทียมทาหน้าที่เปน็ อปุ กรณ์ทวนสญั ญาณ ซึง่ จะถกู สง่ กลบั ลงมาบนพื้นโลก
4. ดาวเทียมส่วนใหญล่ อยอยู่เหนือพนื้ โลกประมาณ 35,680 กิโลเมตร ตามแนวเส้นศนู ยส์ ูตร
5. เรยี กว่าดาวเทยี มวงโคจรสถติ ย์ (Geosynchronous Orbiting Satellites: GEOS)
ข้อดีของไมโครเวฟแบบดาวเทียม
• มีอตั ราการสง่ ข้อมลู สูง
• สามารถครอบคลมุ พ้นื ท่ีการสื่อสารได้ทัว่ โลก
ข้อเสียของไมโครเวฟแบบดาวเทียม
• ตอ้ งลงทนุ มากนบั หม่ืนล้านบาท
• การตดิ ตั้งระบบ และดแู ลรักษาตอ้ งใช้ผู้มคี วามเชีย่ วชาญเฉพาะ
• มกี ารหนว่ งเวลา ทาใหไ้ ม่เหมาะกบั งานแบบทตี่ ้องการผลลัพธ์ทันที
• ถูกรบกวนจากสภาพภูมอิ ากาศได้

10

วิทยเุ ซลลูลาร์ (Cellular Radio)
ใช้ในการรบั -ส่งสญั ญาณเสียงสนทนาหรือข้อมลู อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ทอ่ี าศยั สื่อประเภทคลนื่ สัญญาณ
วทิ ยุ
มีระยะการรับ-ส่งสญั ญาณทีจ่ ากัดอยภู่ ายในพื้นที่หน่ึง เรียกวา่ “เซลล์” (Cell)
เซลล์ (Cell)
เซลลแ์ ตล่ ะเซลล์จะมีเสาอากาศสาหรับรับและสง่ สัญญาณเปน็ ของตนเอง เน่ืองจากเซลลม์ ีอาณา
เขตติดตอ่ กับเซลลอ์ น่ื ทอี่ ยูต่ ดิ กันทกุ ดา้ น จึงจาเป็นต้องใชค้ ล่นื สญั ญาณท่มี พี ลงั งานตา่ เมอื่ ผ้ใู ชน้ า
อุปกรณ์รบั -สง่ สัญญาณขา้ มเขตจากเซลลห์ น่งึ ไปยงั อีกเซลลห์ นง่ึ เรยี กว่า “การโอนการติดต่อ”
(Roaming)

พ้ืนท่กี ารติดต่อของเซลลูลาร์

Cell Site

11

ข้อดขี องเซลลูลาร์
• สามารถโอนการตดิ ต่อเมือ่ ผใู้ ชเ้ คลอ่ื นทีอ่ อกจากพ้นื ที่เซลล์หน่ึงไปยงั อกี เซลลห์ นึ่งได้ โดยที่
ยังสามารถรบั -สง่ ขอ้ มลู อย่างต่อเนอ่ื งได้
• คุณภาพของเสยี ง เนือ่ งจากมกี ารรบั -ส่งสญั ญาณแบบดิจิตอลจงึ มคี วามคมชัดกวา่ แบบ
อนาล็อกมาก
• มกี ารเขา้ รหสั สญั ญาณดิจิตอลทีส่ ง่ ออกไป ทาให้ผลู้ ักลอบดักฟังไมส่ ามารถเขา้ ใจได้
ขอ้ เสยี ของเซลลลู าร์
• เวลาใช้งานโทรศพั ท์แต่ละเคร่อื งก็จะต้องใชค้ วามถ่ีที่แตกต่างกัน ทาใหเ้ ม่อื มีผู้ใชง้ าน
โทรศัพท์พร้อมกันมากๆ จะทาให้ไมส่ ามารถทาการติดตอ่ สอ่ื สารได้
• เซลล์มขี นาดเล็กครอบคลุมพื้นท่ไี ม่กวา้ งมากนกั ทาให้ต้องตดิ ตั้งเสาสญั ญาณ (Cell Site)
จานวนมาก
• หากอยใู่ นอาคารหรือในตัวเมอื งใหญๆ่ อาจเกิดจดุ อับของสัญญาณได้
วิทยแุ บบสเปรดสเปกตรัม (Spread Spectrum)
1. ใชว้ ธิ ีการสง่ สัญญาณออกไปหลายคลืน่ ความถี่พรอ้ มๆ กนั ภายใน แถบคล่นื (Spectrum)
ท่ีกาหนด
2. สามารถปอ้ งกนั การดักฟังสัญญาณ และทาใหก้ ารรบกวนการส่ือสารทาได้ยาก
3. ปจั จบุ ันได้นาเทคนิคน้มี าใชส้ าหรับการส่ือสารไร้สายของระบบเครอื ขา่ ยเฉพาะบรเิ วณ
(Wireless LAN)
เทคนิคในการสง่ มี 2 แบบ
Frequency Hopping Spread Spectrum (FHSS)
Direct Sequence Spread Spectrum (DSSS)
Frequency Hopping Spread Spectrum

12

สญั ญาณจะถกู สง่ ออกไปท่ีคลื่นความถ่ีแรก ซ่ึงเลือกมาจากการสุ่มจากแถบคลนื่ ท่ีกาหนดเป็น
ระยะเวลาท่ีสั้นมาก จากน้ันก็เปลีย่ น (กระโดด หรือ Hopping) ไปใช้คล่ืนความถ่ีที่สอง ซึง่ เลือก
โดยการสมุ่ ข้นึ มาเหมอื นกันแล้วจึง Hopping ไปใชค้ ลื่นความถ่อี น่ื สลบั กันไปเรื่อยๆ ในระบบน้ีทง้ั
เครือ่ งสง่ และเคร่ืองรับสญั ญาณจาเปน็ จาต้องทราบวิธีการเลือกหรือทราบลาดบั การเลือกใช้
คลื่นสญั ญาณ รวมท้งั ระยะเวลาการสง่ ในช่วงคลื่นน้ันๆ ที่ถกู ตอ้ ง จงึ จะสามารถรับ-สง่ สัญญาณได้

ขอ้ ดีของ FHSS

• เคร่ืองสง่ ใช้พลงั งานน้อยกวา่ แบบ DSSS

• อปุ กรณ์มีขนาดเล็ก

• มรี าคาถกู กว่าแบบ DSSS

Direct Sequence Spread Spectrum

ส่งสญั ญาณออกไปทกุ ความถใี่ นแถบคลนื่ ท่ีกาหนดพรอ้ มๆ กัน ข้อมลู จะถกู แบง่ ออกเป็นรหัสยอ่ ย
เรยี กว่า “Chip” ซึง่ จะถูกกระจายและสง่ ออกไปในคล่นื ความถีต่ า่ งๆ กันทางด้านเครือ่ งผูร้ ับก็
จะตอ้ งทราบวธิ กี ารคน้ หา และนา Chip มาประกอบกนั เป็นขอ้ มลู ตามเดมิ

ขอ้ ดีของ DSSS

• ส่งขอ้ มูลในอัตราที่สูง

• ถูกรบกวนไดน้ ้อยกว่าแบบ FHSS

• มีระยะการรบั -ส่งข้อมลู ถงึ 1,000 ฟตุ หรอื ประมาณ 330 เมตร

แสงอินฟราเรด (Infrared)

แสงอินฟราเรดเป็นคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า (Electromagnetic) ทมี่ ีความถรี่ ะหว่างแสงทีต่ ามองเหน็
และคลืน่ วทิ ยเุ ม่อื ก่อนนามาใช้ควบคุมอุปกรณไ์ ฟฟา้ ทวั่ ไปปัจจุบนั นามาใช้ในการสือ่ สารไรส้ าย
สาหรบั เครอื ข่าย LAN เรยี กว่าการส่งสัญญาณด้วยแสงอนิ ฟราเรด (Infrared Transmission)

13

คณุ สมบัตขิ องแสงอินฟราเรด
1. ลาแสงอนิ ฟราเรดเดนิ ทางในแนวเส้นตรง
2. สามารถสะท้อนบนวตั ถุผวิ เรยี บได้เหมอื นแสงท่ัวไป
3. เมื่อนามาใชส้ าหรับการสอ่ื สารในเครอื ข่าย LAN สามารถส่งสัญญาณไดใ้ นระยะทาง
ประมาณ 30-80 ฟุต หรือประมาณ 10-30 เมตร
4. จดั เป็นส่อื ที่มีช่องส่ือสารกว้างพอประมาณ และอยใู่ นระดับสงู เมื่อเทียบกับสือ่ ประเภทสาย
ลวดทองแดง

ขอ้ ดีของอนิ ฟราเรด
• ไม่ตอ้ งตดิ ตง้ั สายสอื่ สาร
• ง่ายตอ่ การโยกยา้ ยตาแหน่งของอปุ กรณ์
• มชี อ่ งสื่อสารกว้างสูงกว่าสื่อประเภทสายสวดทองแดง
ขอ้ เสียของอินฟราเรด
• สญั ญาณจะลดทอนไปตามระยะทาง
• ไมส่ ามารถทะลุสง่ิ กีดขวางได้
• อัตราเรว็ ในการส่งขอ้ มูลต่าเมอื่ เทยี บกับส่ือประเภทไรส้ ายชนิดอ่ืนๆ

14

อา้ งอิง

สืบคน้ จาก https://sites.google.com/site/bebenzkanokkan/sux-laea-tawklang-khxng-
rabb-suxsar-khxmul-sahrab-kherux-khay-khxmphiwtexr
สืบคน้ จาก https://sites.google.com/site/krusiththikr9304/bth-thi-3-sux-klang-sng-
khxmul-laea-kar-rab-sng-khxmul-bn-kherux-khay
สบื คน้ จาก https://ployphan17.files.wordpress.com/2011/02/chapter2.ppt

15


Click to View FlipBook Version