The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดกิจกรรม เล่มที่ 3 ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sudarat Kongrak, 2024-02-12 00:52:00

ชุดกิจกรรม เล่มที่ 3 ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ

ชุดกิจกรรม เล่มที่ 3 ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ

ชุดกิจกรรมการเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 บรรยากาศ เล่มที่ 3 เรื่อง ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ รหัสวิชา ว21103 วิทยาศาสตร์ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 นางสาวสุดารัตน์ คงรักษ์ ต าแหน่ง ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนคุรุราษฎร์รังสฤษฏ์ อ าเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาราชบุรี ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ 1


ชุดกิจกรรมการเรียน เรื่อง บรรย ากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ชุดนี้ จัดท าขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ มีเนื้อหา สาระสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามแบ่งเป็น 3 เล่ม ดังนี้ เล่มที่ 1 องค์ประกอบของอากาศ และการแบ่งชั้นบรรยากาศ เล่มที่ 2 สมบัติของอากาศ เล่มที่ 3 ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ ชุดกิจกรรมการเรียนหน่วยที่ 6 บรรยากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่มนี้ คือ เล่มที่ 3ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็น ประโยชน์ต่อผู้เรียน ผู้สอน และผู้สนใจ ในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่อง อุณหภูมิ ของอากาศและชั้นบรรยากาศ ให้กับตนเองหรือกลุ่มผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ สุดารัตน์ คงรักษ์ 2 ค าน า


สารบัญ เรื่อง หน้า ค าชี้แจง 1 ค าแนะน าส าหรับนักเรียน 2 ขั้นตอนในการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียน 3 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 4 แบบทดสอบก่อนเรียน 5 กิจกรรมที่ 1ส่วนประกอบของอากาศ 8 ใบความรู้ที่ 1การเกิดลมและพายุ 11 ใบงานที่ 1 ลมและพายุ 22 ใบความรู้ที่ 2 เมฆและฝน 24 ใบงานที่ 2 เมฆและฝน 31 กิจกรรมการสร้างแบบจ าลองการเกิดเมฆ 32 แบบทดสอบหลังเรียน 34 บรรณานุกรม 37 ภาคผนวก 38 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 39 เฉลยใบงานที่ 1 40 เฉลยใบงานที่ 2 42 เฉลยกิจกรรมการสร้างแบบจ าลองการเกิดเมฆ 43 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน 44 3


ชุดกิจกรรมการเรียน เรื่อง บรรยากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้จัดท าขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ประกอบการแก้ไขปัญหาการ เรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีสาระและตัวชี้วัดตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ตามขั้นตอนการเรียนรู้จากง่ายไปหายาก ซึ่งนักเรียน สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีครูเป็นผู้แนะน าและให้ค าปรึกษาแก่นักเรียน ชุดกิจกรรมการเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 6 บรรยากาศ เล่มนี้ คือ เล่มที่ 3 ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ ประกอบด้วยสาระที่ควรรู้ ดังนี้บรรยากาศ ใบความรู้ที่ เรื่อง เวลาเรียน/ชั่วโมง 1 การเกิดลมและพายุ 2 2 เมฆและฝน 2 รวม 4 ชั่วโมง บรรยากาศ ที่มา:https://news.kapook.com/topics คำ ชี แ ้ จง 4 1


นักเรียนควรทราบถึงบทบาทของตนเองในการศึกษาชุดกิจกรรมการเรียน หน่วยการ เรียนรู้ที่ 6 บรรยากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ดังนี้ 1. ชุดการเรียนรู้เล่มนี้เล่มที่ 3 ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ 2. นักเรียนอ่านค าอธิบายการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนให้เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจให้ซักถาม 3. นักเรียนจะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ไม่เปิดดูเฉลยก่อน จะเปิดดูได้ต่อเมื่อท า กิจกรรมนั้นๆ เสร็จสิ้นแล้ว เพื่อตรวจสอบผลงาน 4. นักเรียนท าแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อวัดความรู้พื้นฐาน 5. นักเรียนต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และต้องตั้งใจปฏิบัติงานอย่างจริงจัง 6.นักเรียนต้องให้ความร่วมมือกับทุกคนในการปฏิบัติกิจกรรมทุกครั้ง แสดงออกอย่าง เต็มที่ 7. เมื่อนักเรียนศึกษาใบความรู้ในแต่ละเล่มซึ่งมีรายละเอียดของเนื้อหาจนเข้าใจดีแล้ว ให้นักเรียนท าใบงานตามขั้นตอน 8. เมื่อศึกษาเนื้อหาสาระครบทุกสาระแล้ว ให้นักเรียนท าแบบทดสอบหลังเรียนซึ่งเป็น ชุดเดียวกันกับแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อวัดความก้าวหน้า ค าแนะน าส าหรับนักเรียน 5 5


ขั้นตอนการใช้ชุดกิจกรรม ศึกษารายละเอียดของชุดการเรียนรู้ ศึกษาตัวชี้วัด ท าแบบทดสอบก่อนเรียน ด าเนินการใช้ชุดการเรียนรู้ 1. ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน 1.1 แจ้งวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้ 1.2 บอกสิ่งที่นักเรียนต้องปฏิบัติ 2. ขั้นเรียนรู้ นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามที่ระบุไว้ในใบงาน 3. ขั้นสรุป สรุป อภิปราย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชั้นเรียน ท าแบบทดสอบหลังเรียน ศึกษาชุดการเรียนรู้อื่นต่อไป 6 6 ไม่ผ่าน (ร้อยละ 80) ผ่าน (ร้อยละ 80)


สาระส าคัญ บรรยากาศของโลก ประกอบด้วยส่วนผสมของแก๊สต่างๆ ที่อยู่รอบโลกสูงขึ้นไป จากผิวโลกหลายกิโลเมตรจากพื้นดินโลกมีบรรยากาศห่อหุ้ม นักวิทยาศาสตร์ใช้สมบัติและ องค์ประกอบของบรรยากาศในการแบ่ง บรรยากาศของโลกออกเป็นชั้น ซึ่งแบ่งได้หลาย รูปแบบตามเกณฑ์ที่แตกต่างกัน บรรยากาศแต่ละชั้นมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตแตกต่างกัน มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ เปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด (ว 3.2 ม. 1/2) อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของลมฟ้า อากาศจากข้อมูลที่รวบรวมได้ สำระและมำตรฐำนกำรเร ี ยนร ู ้/ตว ั ชีวัด ้ 7 7


แบบทดสอบก่อนเรียน ค าชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย × ลงในกระดาษค าตอบข้อที่ถูกที่สุด 1. เครื่องมือในการวัดความเร็วลมเรียกว่า อะไร ก. ศรลม ข. บารอมิเตอร์ ค. ไฮกรอมิเตอร์ ง. อะนิโมมิเตอร์ 2. ชาวประมงใช้ลมชนิดใดในการออกเรือไป หาปลาในทะเล และลมนี้เกิดในเวลาใด ก. ลมบก เวลากลางวัน ข. ลมบก เวลากลางคืน ค. ลมทะเล เวลากลางวัน ง. ลมทะเล เวลากลางคืน 3.ประเภทของพายุแบ่งโดยใช้สิ่งใดเป็น เกณฑ์ ก. ทิศทางการเคลื่อนที่ ข. ลักษณะการเกิดของพายุ ค. ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง ง. บริเวณที่มีพายุก่อตัว 4. ลมชนิดใดมีความเร็วลมต่ าสุด ก. ไต้ฝุ่น ข. โซนร้อน ค. ไซโคลน ง. ดีเปรสชัน 5. ชื่อเรียกลมพายุชนิดใดแตกต่างจากข้ออื่น ก. เฮอริเคน ข. ทอร์นาโด ค. ดีเปรสชัน ง. วิลลี่ – วิลลี่ 6. เมฆใดที่มีลักษณะเป็นแผ่นปกคลุมบริเวณ กว้าง บริเวณฐานเมฆจะเป็นสีเทาหรือสีฟ้า ก. เมฆเซอรัส ข. เมฆสเตรตัส ค. เมฆอัลโตคิวมูลัส ง. เมฆอัลโตสเตรตัส 7. ในการวัดปริมาณน้ าฝน ถ้าจะใช้วัดโดย น าไปเทียบกับเกณฑ์การวัดน้ าฝน ซึ่งก าหนด เป็นมาตรฐานส าหรับประเทศไทยฝนตกหนัก จะมีปริมาณเท่าไหร่ ก. 0.1 – 10 มิลลิเมตร ข. 10.1 – 35 มิลลิเมตร ค. 35.1 – 90 มิลลิเมตร ง. 90.1 มิลลิเมตรขึ้นไป 8. เมฆเกิดขึ้นได้อย่างไร ก. น้ าระเหยลอยตัวขึ้นเมื่อกระทบอากาศ เย็นไอน้ าจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ าเล็กๆ ลอยตัวรวมกันอยู่ในอากาศ ข. มวลอากาศชื้นปะทะภูเขาที่ขวางกั้นทิศ มวลอากาศจะถูกยกตัวให้สูงขึ้นและเย็นลง มีความกดอากาศสูง ค. มวลอากาศไหลเข้าสู่ศูนย์กลางหย่อม ความกดอากาศต่ ามวลอากาศที่ไหลเข้ามา จะถูกยกตัวให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ง. มวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคลื่อน มาปะทะกัน 8 8


แบบทดสอบก่อนเรียน ต่อ 9. ฝนเกิดขึ้นได้อย่างไร ก. น้ าที่เกิดจากกระบวนการกลั่นตัวของไอ น้ าในอากาศที่รวมกันเป็นเมฆกลายเป็น หยดน้ า เมื่อหยดน้ ามีขน าดใหญ่แล ะ มีน้ าหนักมากจนอากาศไม่สามารถอุ้มไว้ได้ ข. มวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคลื่อน มาปะทะกัน มวลอากาศเย็นจะดันให้ มวลอากาศร้อนที่ชุ่มชื้นและเบากว่าลอยขึ้น สู่เบื้องบน ค. พ ายุหมุนที่มีม วลอ าก าศไหลเข้ าสู่ ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศต่ า มวลอากาศที่ไหลเข้ามาจะถูกยกตัวให้สูงขึ้น อย่างรวดเร็ว ง. มวลอากาศชื้นไหลมาปะทะภูเขาที่ขวาง กั้นทิศทางลมมวลอากาศจะถูกยกตัว ให้สูงขึ้นและเย็นลง มีความกดอากาศสูง 10. ฝนแนวปะทะเกิดจากข้อใด ก. น้ าระเหยลอยตัวขึ้นเมื่อกระทบอากาศ เย็นไอน้ าจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ าเล็กๆลอยตัว รวมกันอยู่ในอากาศ ข. มวลอากาศชื้นไหลมาปะทะภูเขาที่ขวาง กั้นทิศทางลมมวลอากาศจะถูกยกตัวให้ สูงขึ้นและเย็นลง มีความกดอากาศสูง ค. พ ายุหมุนที่มีม วลอ าก าศไหลเข้ าสู่ ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศต่ ามวล อากาศที่ไหลเข้ามาจะถูกยกตัวให้สูงขึ้นอย่าง รวดเร็ว ง. มวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคลื่อน มาปะทะกัน มวลอากาศเย็นจะดันให้มวล อากาศร้อนที่ชุ่มชื้นและเบากว่าลอยขึ้นสู่ เบื้องบน 9 9 สแกนเพื่อท าแบบทดสอบ ก่อนเรียน


ค าชี้แจง : ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย ลงในช่องข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว กระดำษค ำตอบก่อนเรียน ข้อ ค ำตอบ ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 10 10


ใบควำมร ู ้ ท ี่1 การเกิดลม ลม คือ อากาศที่เคลื่อนที่จากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งในแนวระดับ เกิดจาก ความแตกต่างของอุณหภูมิ (ความกดอากาศ) ของอากาศใน 2 บริเวณลมจะพัดจาก บริเวณที่มีความกดอากาศสูงเข้าสู่บริเวณที่มีความกดอากาศต่ า กำรเกิดลมและพำยุ 11 11 ลมพัดจากความกดอากาศสูงไปยังความกดอากาศต่ า ที่มา :http://www.tmd.go.th/province_stat.php?StationNumber=48380 ลมประจ าเวลา คืออะไรคะ


ลมประจ าเวลา คือ ลมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างกัน ได้แก่ ลมบกและลมทะเล ลมทะเล คือ ลมที่พัดจากทะเลขึ้นสู่พื้นดินและเกิดขึ้นในเวลากลางวัน เนื่องจากในเวลากลางวันพื้นดินร้อนกว่าพื้นน้ า ท าให้ความกดอากาศเหนือพื้นดินต่ า กว่าความกดอากาศเหนือพื้นน้ าอากาศจึงเคลื่อนที่จากพื้นน้ าสู่พื้นดิน ลมบก คือ ลมที่พัดจากพื้นดินออกสู่ทะเลและเกิดขึ้นในเวลากลางคืน เนื่องจากในเวลากลางคืนเย็นกว่าพื้นน้ า ท าให้ความกดอากาศเหนือพื้นดินสูงกว่า ความกดอากาศเหนือพื้นน้ า อากาศจึงเคลื่อนที่จากพื้นดินไปสู่พื้นน้ า 12 12 การเกิดลมบก ลมทะเล ที่มา :https://web.facebook.com/516312521779813/posts


ลมประจ าฤดู เป็นลมที่เกิดขึ้นเฉพาะท้องถิ่นหนึ่งๆมีบริเวณกว้างและเป็นลม ที่พัดเป็นเวลานานตลอดฤดูของทุกปี ได้แก่ ลมมรสุม ซึ่งเป็นลมที่มีการเปลี่ยนแปลง ทิศทางของลมที่พัดจากฤดูหนึ่งไปยังอีกฤดูหนึ่งในทิศทางตรงกันข้าม และเกิดขึ้นใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ ลมมรสุมแบ่งได้ 2 ชนิด 13 13 1. ลมมรสุมฤดูร้อน เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากภาคพื้นทวีปเอเชียมี อากาศอบอุ่นขึ้นเพราะในช่วงนี้โลกหันซีกโลกเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์ ส่วนซีกโลกใต้ จะได้รับแสงเฉียงจากดวงอาทิตย์ ท าให้อุณหภูมิของอากาศในท้องทะเลลดต่ าลงและ เกิดหย่อมความกดอากาศสูงขึ้นในมหาสมุทร ส่วนบนภาคพื้นทวีปจะเกิดหย่อม ความกดอากาศต่ าท าให้มวลอากาศร้อนและชื้นจากภาคพื้นมหาสมุทรไหลเข้าสู่ ภาคพื้นทวีปเรียกว่า ลมมรสุมฤดูร้อน ในประเทศไทยจะรู้จักลมนี้ในชื่อของลมมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ มีแหล่งก าเนิดในมหาสมุทรอินเดียเป็นลมร้อนและชุ่มชื้นมีไอน้ า มาก เมื่อพัดมายังประเทศไทยท าให้มีเมฆมากและฝนตกชุกทั่วไป ลมนี้จะเริ่ม ประมาณเดือนพฤษภาคมไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม ลมมรสุมฤดูร้อน ที่มา: https://sites.google.com/site/vitayasat/kar-keid-lm


2. ลมมรสุมฤดูหนาว เป็นลมมรสุมที่พัดจากภาคพื้นทวีปลงสู่ทะเล เป็นลม เย็นและแห้งดังนั้นเมื่อลมมรสุมฤดูหนาวพัดผ่านบริเวณใดจะท าให้อุณหภูมิของ อากาศลดต่ าลงและแห้งแล้งลมนี้จะพัดในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ลม มรสุมฤดูหนาวเกิดขึ้นเนื่องจากในฤดูหนาวซีกโลกใต้ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ มากกว่าซีกโลกเหนือ อุณหภูมิของพื้นน้ าในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้เส้นศูนย์สูตรลง มาจึงสูงกว่าภาคพื้นดินซึ่งท าให้เกิดลมมรสุมขึ้น ในประเทศไทยรู้จักลมมรสุมฤดู หนาวในชื่อลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มีแหล่งก าเนิดในประเทศจีน เป็นลมหนาว อากาศแห้งแล้งมีไอน้ าน้อย เมื่อพัดมายังประเทศไทยท าให้ภาคเหนือ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง มีอากาศหนาวเย็นยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะ มีฝนตก เนื่องจากลมนี้เมื่อพัดผ่านอ่าวไทยจะรับเอาไอน้ าไว้ และเมื่อขึ้นสู่ฝั่งจึงน าฝน มาตกด้วย 14 14 ลมมรสุมฤดูหนาว ที่มา: https://sites.google.com/site/vitayasat/kar-keid-lm


ลมประจ าปีหรือลมประจ าภูมิภาคต่าง ๆเป็นลมที่เกิดจากความกดอากาศที่ มีอยู่เดิมตลอดปีเนื่องจากบริเวณขั้วโลกและบริเวณ เส้นศูนย์สูตรได้รับความร้อน จากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ท าให้เกิดลมพัดผ่านส่วนต่าง ๆของโลก เป็นประจ าเช่น ลมสินค้าลมสินค้าตะวันออกเฉียงใต้ คือ ลมที่พัดจากหย่อมความกดอากาศสูงกึ่ง ศูนย์สูตรทางซีกโลกใต้เข้าหาหย่อมความกดอากาศต่ าบริเวณเส้นศูนย์สูตรลมสินค้า ตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ลมที่พัดจากหย่อมความกดอากาศสูงกึ่งศูนย์สูตรทางซีก โลกเหนือเข้าหาหย่อมความกดอากาศต่ าบริเวณเส้นศูนย์สูต 15 15 สแกนเพื่อศึกษาเพิ่มเติม จากVDO


เครื่องมือวัดทิศทางลมและความเร็วลม 1. เครื่องวัดทิศทางลมหรือศรลม (Wind Vane) มีลักษณะเป็นลูกศรยาว มีแพนหางตั้งตรงเป็นตัวบังคับให้ปลายศรลมชี้ไปในทิศทาง ที่ลมพัดเข้ามา โดยที่แกนของศรลมหมุนไปโดยรอบ และต่อเข้ากับวงจรไฟฟ้าอ่าน ทิศทางลมตามทิศที่ปลายศรลมชี้ไปที่หน้าปัดของเครื่อง 16 16 2. เครื่องวัดความเร็วลมหรืออะนิโมมิเตอร์(Anemometer)ใช้วัดความเร็ว ลม มีลักษณะเป็นถ้วยกลมครึ่งซีก 3 ถึง 4 ถ้วยติดอยู่กับก้านซึ่งหมุนได้อิสระรอบ แกนกลาง จ านวนรอบแสดงความเร็วลมและสามารถอ่านความเร็วลมได้จากหน้าปัด หรือส่งไปเครื่องบันทึกเวลา เครื่องวัดความเร็วลมหรืออะนิโมมิเตอร์ ที่มา : https://sites.google.com/site/vitayasat/kar-keid-lm เครื่องวัดทิศลมหรือศรลม ที่มา : http://www.stemedthailand.org/wpcontent/uploads/2016/04/M1teacher.pdf


พายุหมุน ลมพายุ คือ ลมที่พัดด้วยความเร็วสูง เพราะความกดอากาศในสองบริเวณแตกต่าง กันมากเรียกลมพายุที่หมุนรอบจุดศูนย์กลางว่า พายุหมุนพายุหมุนที่เกิดขึ้นในส่วน ต่างๆ ของโลกในแต่ละครั้งจะมีความรุนแรงแตกต่างกัน การเกิดพายุหมุนขึ้นในแต่ ละครั้งจะครอบคลุมพื้นที่กว้าง 150 – 500 กิโลเมตรการจ าแนกขนาดของพายุหมุน โดยใช้ความเร็วลมรอบศูนย์กลางเป็นเกณฑ์ แบ่งได้ 3 ชนิด 17 17 1. พายุดีเปรสชั่น เป็นพายุที่มีความเร็วรอบศูนย์กลางเฉลี่ยไม่เกิน 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในบริเวณที่เกิดพายุหรือมีพายุชนิดนี้เคลื่อนที่ผ่าน ท้องฟ้าจะมืด ครึ้มและปกคลุมด้วยเมฆหนาทึบมีฝนตกปานกลางหรือตกหนักแผ่เป็นบริเวณกว้าง และตกติดต่อกันเป็นเวลานาน พายุดีเปรสชั่นเป็นพายุที่พัดมาถึงประเทศไทยมาก ที่สุด พายุดีเปรสชั่น http://board.postjung.com/m/715492.html 2. พายุโซนร้อน เป็นพายุหมุนที่ เกิดขึ้นในเขตร้อน มีความเร็วลมรอบ ศู น ย์ ก ล าง ร ะ ห ว่ าง 6 3 –1 1 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุโซนร้อน http://board.postjung.com/m/715492.html


3. พายุรุนแรง มีความเร็วของลมรอบศูนย์กลางเกินกว่า 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีชื่อเรียกแตกต่างกันตามบริเวณที่เกิด ดังนี้ 18 18 3.1 พายุไต้ฝุ่น เกิดในทะเลจีนใต้ ถ้ า พั ด ขึ้ น ฝั่งใน ท วี ป อ เ ม ริ ก า เรียกว่า พายุทอร์นาโด 3.2 พายุไซโคลน เกิดในอ่าวเบงกอล และมหาสมุทรอินเดีย พายุไซโคลน http://board.postjung.com/m/715492.html พายุไต้ฝุ่น http://board.postjung.com/m/715492.html 3.3 พายุเฮอร์ริเคนหรือสลาตัน เกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทะเลแคริบเบียนอ่าวเม็กซิโก และ ทะเลฝั่งตะวันตกของอ่าว 3.4 พายุวิลลี – วิลลี ใช้เรียกพายุ หมุนที่เกิดขึ้นตรงบริเวณทะเลติมอร์ และทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศออสเตรเลียและประเทศ นิวซีแลนด์ พายุเฮอร์ริเคน http://board.postjung.com/m/715492.html พายุวิลลี – วิลลี http://krusorndee.net/profiles/blogs/storm-1


พายุหมุนเขตร้อน พายุหมุนเขตร้อนจะก่อตัวขึ้นในบริเวณร่องความกดอากาศต่ าแถบศูนย์สูตร คือ ใน บริเวณละติจูด 8 องศาหรือ 15 องศาเหนือและใต้ อุณหภูมิที่จะเกิดได้ต้องมี อุณหภูมิที่พื้นน้ าทะเลสูงกว่า 27 องศาเซลเซียส พายุหมุนเขตร้อนเป็นพายุหมุนที่มี ศูนย์กลางความกดอากาศต่ าที่ลมบิดเป็นเกลียวมีความเร็วลมมาก และท าให้เกิดฝน ตกหนัก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 150ถึง 500 กิโลเมตร ความเร็วลม 120 ถึง 200 กิโลเมตรการเรียกชื่อพายุหมุน โดยใช้เกณฑ์ความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ดังในตาราง 19 19 บริเวณที่เกิดพายุหมุนเขตร้อน ได้แก่ 1. แถบหมู่เกาะอินดิสตะวันตก ทะเลแคริบเบียน และอ่าวเม็กซิโก 2. ทางด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือรวมทะเลจีนใต้ หมู่เกาะฟิลิปปินส์ และหมู่เกาะญี่ปุ่น 3. ทางด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกใต้รวมหมู่เกาะฟิจิ และชายฝั่งด้าน ตะวันออกของทวีปออสเตรเลีย 4. ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออกของเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา 5. มหาสมุทรอินเดียแถบเกาะมาดากัสการ์ 6. ทะเลอาหรับ และอ่าวเบงกอล พายุหมุนเขตร้อน ที่มา:http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/phenomenon/


พายุฟ้าคะนอง พายุฟ้าคะนอง เป็นพายุที่พบบริเวณที่มีอากาศร้อนและชื้นจะเกิดพายุที่มีลมพัดแรง ฝนตกหนัก และเกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่าขึ้น บางครั้งมีลูกเห็บเกิดขึ้น การเกิด พายุฟ้าคะนอง แบ่งออกได้เป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ขั้นเริ่มก่อตัว เป็นขั้นเริ่มต้นมีลักษณะเมฆเป็นแบบคิวมูลัสที่ก าลังจะ พัฒนาเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส ในขั้นนี้จะมีกระแสลมพัดขึ้นตามแนวตั้งตลอดตั้งแต่ ฐานเมฆไปจนถึงยอดเมฆความเร็วลมที่พัดขึ้นไปอาจแรงถึง 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางครั้งอาจถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 20 20 เมฆคิวมูลัสซึ่งก าลังเจริญ เป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส ที่มา : http://www.aeromet.tmd.go.th/met/st ory/show เมฆคิวมูโลนิมบัส ที่เจริญเต็มที่ ที่มา : http://www.aeromet.tmd.go.th/met/st 2. ขั้นพัฒนาเต็มที่ ขั้นนี้ภายในเมฆคิวมูลัส ยังมีกระแสลมที่พัดขึ้นตามแนวตั้ง และมีกระแส ลมพัดลงตามแนวตั้งจากเมฆลงมาสู่พื้นดินตามเม็ด ฝนลงมาไอน้ าจะเกิดการกลั่นตัวเป็นเม็ดน้ าและมี ขนาดโตขึ้นจนหนักเกินกว่าที่กระแสลมจะพยุงไว้ แต่ในระดับสูงของเมฆขึ้นไปจะมีทั้งฝนและหิมะ ส าหรับพายุฟ้าคะนองที่มีกระแสลมพัดขึ้นอย่าง แรงเม็ดน้ าจะถูกพัดขึ้นไปในระดับสูงมาก และอาจ ตกลงมาเป็นลูกเห็บได้ 3. ขั้นสลายตัว ขั้นนี้กระแสลมที่พัดลงตาม แนวตั้งจะแผ่ไปทั่วก้อนเมฆจนกระทั่ง กระแสลมที่ พัดขึ้นจะหมดไปท าให้หยาดน้ าค่อยๆ ลดลง และ พายุฟ้าคะนองก็ค่อย ๆ อ่อนก าลังลง


21 21 ผลกระทบของการเกิดพายุต่อ มนุษย์และสิ่งแวดล้อมมีอะไรบ้างคะ ผลกระทบของการเกิดพายุต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม พายุเป็นสิ่งแวดล้อม ทางภูมิอากาศที่มีความส าคัญต่อการด ารงชีวิตของมนุษย์มาก พายุจะปรากฏไม่ ค่อยบ่อย แต่เมื่อมีพายุเกิดขึ้นและเคลื่อนที่ผ่านบริเวณใดจะก่อความเสียหายขึ้น มากมายดังนี้ 1. ท าให้เกิดฝนตกหนักและเกิดน้ าท่วมอย่างรุนแรงบ้านเรือนหลายหลัง พังทลาย ประชากรเสียชีวิตเป็นจ านวนมาก 2. ท าให้พืชผลที่ปลูกไว้และที่นาหลายหมื่นไร่ได้รับความเสียหาย 3. มีผลกระทบและก่อให้เกิดความเสียหายต่อกิจการขนส่งทั้งทางบก ทาง อากาศ และทางเรือ ดังนี้ 3.1 ทางบก การเกิดน้ าท่วมอย่างรุนแรงท าให้ถนนและสะพานขาด หรือช ารุดกิจการขนส่งต้องหยุดชะงัก รัฐต้องเสียงบประมาณในการก่อสร้างและ ซ่อมแซมเป็นจ านวนมาก 3.2 ทางอากาศ พายุที่พัดอย่างรุนแรงจะท าให้เครื่องบินได้รับ อันตรายจากฝนที่ตกหนัก ลูกเห็บ และฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นอาจท าให้เครื่องบินตกได้ 3.3 ทางเรือ การเกิดพายุขึ้นในทะเลท าให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ และ ความแรงของพายุท าให้เรืออับปางได้ ดังนั้น เมื่อเกิดพายุรุนแรงขึ้นในท้องทะเล จะต้องหยุดการเดินเรือและหาทางน าเรือเข้าที่ก าบังหรือจอดพักตามท่าเรือที่อยู่ ใกล้เคียง


ใบงานที่ 1 ลมและพายุ ค าชี้แจง ให้นักเรียนตอบค าถามหรืออธิบายสั้น ๆ ให้ได้ใจความที่สมบูรณ์ 1. ในเวลากลางวันพื้นดินรับความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ า ผลที่เกิดขึ้น คือ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................. 2. ในเวลากลางคืนพื้นดินคายความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ า ผลที่เกิดขึ้น คือ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ 3. สาเหตุส าคัญที่ท าให้เกิดลม คือ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ 4. ลม คือ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ 5. ลมมรสุมฤดูร้อน คือ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ 6 . ลมมรสุมฤดูหนาว คือ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ 7. เครื่องมือวัดทิศทางลมและความเร็วลม คือ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ 8. เกณฑ์ที่ใช้ตั้งชื่อพายุหมุนเขตร้อน คือ ................................................................................................................................. 9. พายุโซนร้อนมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณกี่กิโลเมตร/ชั่วโมง ................................................................................................................................. 10. พายุใต้ฝุ่นมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณกี่กิโลเมตร/ชั่วโมง ................................................................................................................................. 22 22


ใบงานที่ 1 ลมและพายุ ตอนที่ 2 ค าชี้แจง : จงตอบค าถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. ลมบกและลมทะเลเกิดขึ้นได้อย่างไร จงอธิบาย ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ 2. เครื่องมือวัดทิศทางลมและความเร็วลมมีลักษณะอย่างไรบ้าง ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ 3. อธิบายการเกิดปรากฏการณ์พายุโซนร้อนและพายุฝนฟ้าคะนอง ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................ 23 23


ใบควำมร ู ้ ท ี่2 การแบ่งชนิดของเมฆ เมฆและฝน แสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังพื้นผิวโลกท าให้อุณหภูมิของอากาศเหนือพื้น น้ าสูงขึ้น น้ าจึงระเหยลอยตัวขึ้นเมื่อกระทบอากาศเย็นไอน้ าบางส่วนจะกลั่นตัวเป็น หยดน้ าเล็กๆ ลอยตัวรวมกันอยู่ในอากาศ เมื่อมีจ านวนมากจะเรียกว่า เมฆ ถ้าหยด น้ าที่รวมกันเป็นเมฆมีขนาดใหญ่ขึ้นจนอากาศไม่สามารถอุ้มไว้ได้ก็จะตกลงมาเป็น ฝน เมฆ คือ อนุภาคน้ าหรือผลึกน้ าแข็งขนาดเล็กลอยอยู่ในอากาศ เมฆอาจประกอบด้วย น้ าหรือผลึกน้ าแข็ง 24 24 การแบ่งชนิดของเมฆตามรูปร่างลักษณะ การแบ่งชนิดของเมฆตามรูปร่างลักษณะสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ 1. เมฆคิวมูลัส (cumulus cloud) มีรูปร่างลักษณะเป็นเมฆก้อน 2. เมฆสเตรตัส (stratus cloud) มีรูปร่างลักษณะเป็นเมฆแผ่นหรือเมฆชั้น 3. เมฆเซอรัส (cirrus cloud) มีรูปร่างลักษณะเป็นเมฆที่เป็นริ้วๆ คล้ายขนสัตว์


การแบ่งชนิดของเมฆตามระดับความสูง การแบ่งชนิดของเมฆตามระดับความสูง สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ 1. เมฆชั้นสูง (High Clouds) จะอยู่ที่ความสูง 6,000 - 18,000 เมตร ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเป็น ผลึกน้ าแข็ง เนื่องจากอยู่ที่ระดับสูงมากมีสีขาวหรือเทาอ่อน เมฆระดับสูงมีอยู่ 3 ชนิดดังนี้ เมฆเซอโรสเตรตัส อาทิตย์ทรงกลด ที่มา : http://www2.tmd.go.th 25 เมฆเซอรัส ที่มา :http://bbznet.pukpik.com 1.1 เมฆเซอรัส (Cirrus Cloud) มีลักษณะเป็นแผ่นบางสี ขาวเจิดจ้าหรือสีเทาอ่อน ดวงอาทิตย์สามารถส่องผ่านได้ อย่างดี เกิดจากผลึกน้ า แข็งขนาดจิ๋วมีหลายๆ รูปทรง เช่น เป็นฝอย เป็นปุยคล้ายใยไหมคล้ายขนนกบาง ๆ หรือเป็น ทางยาว เมฆเซอโรสคิวมูลัส ที่มา : http://www2.tmd.go.th 1.2 เมฆเซอโรสคิวมูลัส (Cirrocumulus Cloud) มีลักษณะเป็นสีขาวก้อนเล็กๆ คล้ายระลอกคลื่นหรือ ปุยนุ่น 1.3 เมฆเซอโรสเตรตัส (Cirrostratus Cloud) มีลักษณะคล้ายกับเมฆเซอรัสแต่จะแผ่ออกเป็นแผ่นเยื่อ บางๆ ต่อเนื่องเป็นแผ่นตามทิศทางของลมในระดับสูง เมฆชนิดนี้ท า ให้เกิดวงแสงรอบๆ ดวงอาทิตย์หรือ ดวงจันทร์ เรียกว่า การทรงกลด


2. เมฆชั้นกลาง (Middle Clouds) จะอยู่ที่ความสูงระหว่าง 2,000 - 8,000 เมตร มีอยู่ 2 ชนิด ดังนี้ 26 26 2.1 เมฆอัลโตคิวมูลัส (Altocumulus Cloud) มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆ มี ลักษณะเป็นคลื่นเป็นลอนคล้าย ฝูงแกะที่อยู่รวมกัน ก้อนเมฆมีสีขาวหรือสีเทา 2.2 เมฆอัลโตสเตรตัส (Altostratus Cloud)มีลักษณะเป็น แผ่นปกคลุมบริเวณกว้าง บริเวณฐานเมฆจะเป็นสีเทาหรือสี ฟ้า สามารถบังดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ท าให้เห็นเป็นฝ้าๆ อาจท าให้เกิดฝนละอองบาง ๆ ได้ เมฆอัลโตคิวมูลัส ที่มา : ถ่ายภาพ, 2564 เมฆอัลโตรสเตรตัส ที่มา: ถ่ายภาพ, 2564


3. เมฆชั้นต่ า (Low Clouds) จะอยู่ที่ความสูงไม่เกิน 2,000 เมตร มีอยู่ 3 ชนิด ดังนี้ 27 27 3.1 เมฆสเตรตรัส (Stratus Cloud) มีลักษณะ เป็นแผ่นหรือเป็นชั้นสีเทา รวมตัวกันอยู่เป็นบริเวณ ไม่กว้างมากนัก บางครั้งอาจเกิดในระดับต่ ามาก คล้ายหมอก จะเคลื่อนที่ตามลมได้เร็วและอาจท า ให้เกิดฝนละอองได้ บางครั้งจะเห็นปกคลุมอยู่ บนยอด 3.2 เมฆสเตรโต รคิ วมู ลัส (Stratocumulus Cloud)มีลักษณะเป็นก้อนกลมคล้ายเมฆคิวมูลัส แต่ เรียงติดกันเป็นแถวๆ รวมกันคล้ายคลื่น บางครั้ง อาจจะแยกตัวออกเป็นกลุ่มที่ประกอบด้วยเมฆก้อน เล็กๆ จ านวนมาก 3.3 เมฆนิมโบสเตรตัส (Nimbostratus Cloud) มีลักษณะเป็นแผ่นสีเทาเข้มปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง มากท าให้เกิดฝนหรือหิมะตกในปริมาณเล็กน้อยถึง ปานกลางต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ได้เมฆชนิดนี้ไม่มี ฟ้าแลบฟ้าร้อง เมฆสเตรตัส ที่มา : http://www.rcthai.net/webboard/ เมฆสเตรโตรคิวมูลัส ที่มา : ถ่ายภาพ, 2564 เมฆนิมโบสเตรตัส ที่มา : ttp://www.rcthai.net/webboard/


4. เมฆก่อตัวในแนวตั้ง (Clouds with Vertical Development) จะเกิดเมื่ออากาศเหนือพื้นดิน เมื่อได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ อากาศร้อนจะลอยตัวสูงขึ้นและเกิดเป็นเมฆมีอยู่ 2 ชนิด 28 28 4.1 เมฆคิวมูลัส (Cumulus Cloud) เป็นเมฆที่ ลอยตัวขึ้นช้าๆ พร้อมกับอากาศที่ลอยตัวสูงขึ้นถ้า ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อาจพัฒนาเป็นเมฆ คิวมูโลนิมบัสได้ มีลักษณะหนาทึบกระจัดกระจาย เหมือนก้อนส าลี 4.2 เมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus Cloud) เป็น เมฆหนาก้อนใหญ่ก่อตัวสูงมาก บางครั้งยอดเมฆจะแผ่ ออกเป็นรูปทั่งท าให้เกิดฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ลมแรง บางครั้งมีลูกเห็บตก จึงเรียกว่า เมฆฝนฟ้าคะนอง เมฆคิวมูโลนิมบัส ที่มา : http://www.google.co.th/imglanding? เมฆคิวมูลัส ที่มา : ถ่ายภาพ, 2564 ฝนคืออะไร...


ฝน คือ ไอน้ าในอากาศที่รวมกันเป็นเมฆ เมื่ออนุภาคของน้ าหรือเกล็ดน้ าแข็งใน เมฆมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีความหนาแน่นและมีน้ าหนักมากขึ้นจนอากาศไม่สามารถอุ้ม น้ าหรือเกล็ดน้ าแข็งไว้ได้ จึงตกลงมายังพื้นโลกในรูปต่างๆ เช่น เป็นฝน หิมะ หรือ ลูกเห็บ ซึ่งเรียกว่า หยาดน้ าฟ้า ฝนเป็นน้ าที่เกิดจากกระบวนการกลั่นตัวของไอน้ าในอากาศที่รวมกันเป็นเมฆ กลายเป็นหยดน้ า เมื่อหยดน้ ามีขนาดใหญ่และ มีน้ าหนักมากจนอากาศไม่สามารถ อุ้มไว้ได้ จึงตกเป็นฝนโดยเฉลี่ยเม็ดฝนจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 0.5 มิลลิเมตร ถ้าต่ ากว่า 0.5มิลลิเมตร ซึ่งสามารถลอยปลิวไปตามกระแสลมได้เรียกว่า ฝนละออง ส่วนเม็ดฝนขนาดใหญ่และตกลงมาในระยะเวลาสั้นๆ เรียกว่า ฝนไล่ช้าง หรือฝนซู่ เป็นฝนที่ตกหนักใระยะเวลาสั้นๆ แล้วหยุดทันที 29 29 ฝนเกิดจากอะไร...คะ


การวัดปริมาณน้ าฝน ท าได้โดยใช้อุปกรณ์อย่างง่ายเป็นภาชนะทรงกระบอก รองรับน้ าฝนโดยมีภาชนะที่มีลักษณะเป็นกรวยเส้นผ่านศูนย์กลางของปากกรวย เท่ากับปากภาชนะที่รองรับ การบอกปริมาณน้ าฝนจะบอกเป็นมิลลิเมตร 30 30 ถ้าต้องการวัดปริมาณน้ าฝนจ๊ะ ท าได้อย่างไรคะ ในการวัดปริมาณน้ าฝน ถ้าจะใช้วัดโดยน าไปเทียบกับเกณฑ์การวัดน้ าฝน ซึ่งก าหนดเป็นมาตรฐานส าหรับประเทศไทย คือ ฝนตกเล็กน้อย มีปริมาณ 0.1 - 10 มิลลิเมตร ฝนตกปานกลาง มีปริมาณ 10.1 - 35 มิลลิเมตร ฝนตกหนัก มีปริมาณ 35.1 - 90 มิลลิเมตร ฝนตกหนักมาก มีปริมาณ 90.1 มิลลิเมตรขึ้นไป การวัดปริมาณน้ าฝน ที่มา : http://kpclouds.blogspot.com/


ใบงำนท ี่2 เร ื่อง เมฆ และฝน ชื่อ-สกุล..................................................................................ชั น.................. เลขที่............. ตอนที่ 1 ค าชี้แจง ให้นักเรียนตอบค าถามหรืออธิบายสั้น ๆ ให้ได้ใจความที่สมบูรณ์ 1. เมฆ คือ .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 2. เมฆเซอรัส มีลักษณะอย่างไร .............................................................................................................................................. 3. เมฆอัลโตคิวมูลัส เป็นเมฆชั้นใดมีลักษณะอย่างไร .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 4. เมฆสเตรตัส เป็นเมฆชั้นใดมีลักษณะอย่างไร .............................................................................................................................................. 5. เมฆที่ก่อตัวในแนวดิ่ง ที่ท าให้เกิดฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้องคือเมฆชนิดใด .............................................................................................................................................. 6. ฝนเกิดจากอะไร .............................................................................................................................................. 7. ฝนมีกี่ชนิด อะไรบ้าง .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 8. ให้นักเรียนยกตัวอย่าง เครื่องมือวัดน้ าฝนมา 2 ชนิด .............................................................................................................................................. 9. การวัดปริมาณน้ าฝนท าได้อย่างไร ............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 10. ในการวัดปริมาณน้ าฝน ถ้าจะใช้วัดโดยน าไปเทียบกับเกณฑ์การวัดน้ าฝนซึ่งก าหนด เป็นมาตรฐานส าหรับประเทศไทยอย่างไร .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 31 31


กิจกรรม กำรสร้ำงแบบจ ำลองกำรเกิดเมฆ 32 32 ตอนที่ 2 เรื่อง การสร้างแบบจ าลองการเกิดเมฆ ค าสั่ง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรมการทดลอง ปฏิบัติการทดลอง แล้วบันทึกผล การทดลอง จุดประสงค์ของการทดลอง อธิบายการเกิดเมฆได้ อุปกรณ์การทดลอง 1. แก้ว 1 ใบ 2. น้ าร้อน 1/5 โหล 3. น้ าแข็ง 1 กิโลกรัม 4. ถาดโลหะ 1 ใบ วิธีการทดลอง 1. เทน้ าร้อนใส่ในแก้ว สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบันทึกผลลงในตาราง บันทึกผลการทดลอง 2. น าถาดโลหะที่ใส่น้ าแข็งวางปิดไว้ที่ปากแก้วที่ใส่น้ าร้อน สังเกต การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบันทึกผลลงในตารางบันทึกผลการทดลอง


บันทึกผลกำรท ำกิจกรรม สมมติฐานการทดลอง .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... แบบบันทึกผลการทดลอง ค าถามหลังการทดลอง 1. เมื่อเทน้ าร้อนใส่แก้ว จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างไร .................................................................................................................................. 2. เมื่อวางถาดใส่น้ าแข็งไว้บนปากแก้วที่ใส่น้ าร้อน จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง อย่างไร .................................................................................................................................. สรุปผลการทดลอง .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. รำยกำร สิ่งทสี่ังเกตเหน ็ เทน ้าร้อนใส่แก้ว น าถาดใส่น ้าแข็งวางปิดปากแก้ว 33 33


แบบทดสอบหลังเรียน ค าชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย × ลงในกระดาษค าตอบข้อที่ถูกที่สุด 1. ฝนแนวปะทะเกิดจากข้อใด ก. น้ าระเหยลอยตัวขึ้นเมื่อกระทบอากาศ เย็นไอน้ าจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ าเล็กๆ ลอยตัวรวมกันอยู่ในอากาศ ข. มวลอากาศชื้นไหลมาปะทะภูเขาที่ขวาง กั้นทิศทางลมมวลอากาศจะถูกยกตัว ให้สูงขึ้นและเย็นลง มีความกดอากาศสูง ค. พ ายุหมุนที่มีม วลอ าก าศไหลเข้ าสู่ ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศต่ า มวลอากาศที่ไหลเข้ามาจะถูกยกตัวให้สูงขึ้น อย่างรวดเร็ว ง. มวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคลื่อน มาปะทะกัน มวลอากาศเย็นจะดัน ให้มวลอากาศร้อนที่ชุ่มชื้นและเบากว่าลอย ขึ้นสู่เบื้องบน 2. ประเภทของพายุแบ่งโดยใช้สิ่งใดเป็น เกณฑ์ ก. ทิศทางการเคลื่อนที่ ข. ลักษณะการเกิดของพายุ ค. ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง ง. บริเวณที่มีพายุก่อตัว 3. ลมชนิดใดมีความเร็วลมต่ าสุด ก. ไต้ฝุ่น ข. โซนร้อน ค. ไซโคลน ง. ดีเปรสชัน 4. ในการวัดปริมาณน้ าฝน ถ้าจะใช้วัดโดย น าไปเทียบกับเกณฑ์การวัดน้ าฝน ซึ่งก าหนด เป็นมาตรฐานส าหรับประเทศไทยฝนตกหนัก จะมีปริมาณเท่าไหร่ ก. 0.1 – 10 มิลลิเมตร ข. 10.1 – 35 มิลลิเมตร ค. 35.1 – 90 มิลลิเมตร ง. 90.1 มิลลิเมตรขึ้นไป 5. เมฆเกิดขึ้นได้อย่างไร ก. น้ าระเหยลอยตัวขึ้นเมื่อกระทบอากาศ เย็นไอน้ าจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ าเล็กๆ ลอยตัวรวมกันอยู่ในอากาศ ข. มวลอากาศชื้นไหลมาปะทะภูเขาที่ขวาง กั้นทิศทางลมมวลอากาศจะถูกยกตัว ให้สูงขึ้นและเย็นลง มีความกดอากาศสูง ค. พ ายุหมุนที่มีม วลอ าก าศไหลเข้ าสู่ ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศต่ า ง. มวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคลื่อน มาปะทะกัน 34 34


แบบทดสอบหลังเรียน (ต่อ) 6. เครื่องมือในการวัดความเร็วลมเรียกว่า อะไร ก. ศรลม ข. บารอมิเตอร์ ค. ไฮกรอมิเตอร์ ง. อะนิโมมิเตอร์ 7.ชื่อเรียกลมพายุชนิดใดแตกต่างจากข้ออื่น ก. เฮอริเคน ข. ทอร์นาโด ค. ดีเปรสชัน ง. วิลลี่ – วิลลี่ 8.ชาวประมงใช้ลมชนิดใดในการออกเรือไป หาปลาในทะเล และลมนี้เกิดในเวลาใด ก. ลมบก เวลากลางวัน ข. ลมบก เวลากลางคืน ค. ลมทะเล เวลากลางวัน ง. ลมทะเล เวลากลางคืน 9.เมฆใดที่มีลักษณะเป็นแผ่นปกคลุมบริเวณ กว้าง บริเวณฐานเมฆจะเป็นสีเทาหรือสีฟ้า ก. เมฆเซอรัส ข. เมฆสเตรตัส ค. เมฆอัลโตคิวมูลัส ง. เมฆอัลโตสเตรตัส 10. ฝนเกิดขึ้นได้อย่างไร ก. น้ าที่เกิดจากกระบวนการกลั่นตัวของไอ น้ าในอากาศที่รวมกันเป็นเมฆกลายเป็น หยดน้ า เมื่อหยดน้ ามีขนาดใหญ่และ มี น้ าหนักมากจนอากาศไม่สามารถอุ้มไว้ได้ ข. มวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคลื่อน มาปะทะกัน มวลอากาศเย็นจะดันให้ มวลอากาศร้อนที่ชุ่มชื้นและเบากว่าลอยขึ้น สู่เบื้องบน ค. พ ายุหมุนที่มีม วลอ าก าศไหลเข้ าสู่ ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศต่ า มวลอากาศที่ไหลเข้ามาจะถูกยกตัวให้สูงขึ้น อย่างรวดเร็ว ง. มวลอากาศชื้นไหลมาปะทะภูเขาที่ขวาง กั้นทิศทางลมมวลอากาศจะถูกยกตัว ให้สูงขึ้นและเย็นลง มีความกดอากาศสูง 35 35 สแกนเพื่อท าแบบทดสอบ หลังเรียน


ค าชี้แจง : ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย ลงในช่องข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว กระดำษค ำตอบก่อนเรียน ข้อ ค ำตอบ ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 36 36


กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2551. บัญชา แสนทวี และคณะ. แบบฝึกทักษะ รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2. กรุงเทพฯ : บริษัท โรงพิมพ์วัฒนาพานิช จ ากัด, 2557. บัญชา แสนทวี และลัดดา อินทร์พิมพ์. หนังสือเรียน รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2. กรุงเทพฯ : บริษัท โรงพิมพ์วัฒนาพานิช จากัด, 2557. พิมพ์พันธ์ เตชะคุปต์ และคณะ. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาการคิด วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 2. กรุงเทพมหานคร : บริษัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จากัด, 2558. ศรีลักษณ์ ผลวัฒนา และเจียมจิต กุลมาลา. หนังสือเรียน รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. กรุงเทพฯ : แม็คเอ็ดดูเคชั่น, 2558. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพราว, 2553. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. คู่มือครู รายวิชา วิทยาศาสตร์ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพราว, 2553. ชั้นบรรยากาศ. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก:http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/atmstructure. สืบค้นวันที่ 1 พฤษภาคม 2558. บรรณำนุกรรม 37 37


ภาคผนวก 38 38


ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง บรรยากาศ ชุดกิจกรรมการเรียน เล่มที่ 3 เรื่อง ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ รายวิชา วิทยาศาสตร์ 2 ว21103 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ข้อ ค าตอบ 1 ง 2 ข 3 ค 4 ง 5 ค 6 ง 7 ค 8 ก 9 ก 10 ง 39 39


ใบงานที่ 1 ลมและพายุ ค าชี้แจง ให้นักเรียนตอบค าถามหรืออธิบายสั้น ๆ ให้ได้ใจความที่สมบูรณ์ 1. ในเวลากลางวันพื้นดินรับความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ า ผลที่เกิดขึ้น คือ ท าให้ความกดอากาศเหนือพื้นดินต่ ากว่าความกดอากาศเหนือพื้นน้ าอากาศจึง เคลื่อนที่จากเพื่อนน้ าสู่พื้นดิน 2. ในเวลากลางคืนพื้นดินคายความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ า ผลที่เกิดขึ้น คือ ท าให้ความกดอากาศเหนือพื้นดินสูงกว่าความกดอากาศเหนือพื้นน้ าอากาศจึง เคลื่อนที่จากพื้นดินไปสู่พื้นน้ า 3. สาเหตุส าคัญที่ท าให้เกิดลม คือ เกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิความกดอากาศของอากาศในสองบริเวณลมจะ พัดจากบริเวณที่มีความกดอากาศสูงเข้าสู่บริเวณที่มีความกดอากาศต่ า 4. ลม คือ อากาศที่เคลื่อนที่จากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งในแนวระดับ 5. ลมมรสุมฤดูร้อน คือ เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนมีแหล่งก าเนิดในมหาสมุทรอินเดียเป็นลมร้อนและชุ่มชื้นมีไอ น้ ามากเมื่อพัดมายังประเทศไทยท าให้มีเมฆมากและฝนตกชุกทั่วไป 6 . ลมมรสุมฤดูหนาว คือ ลมมรสุมที่พัดจากภาคพื้นทวีปลงสู่ทะเลเป็นลมเย็นและแห้งเมื่อลมมรสุมฤดูหนาว พัดผ่านบริเวณใดจะท าให้อุณหภูมิของอากาศลดต่ าลงและแห้งแรง 7. เครื่องมือวัดทิศทางลมและความเร็วลม คือ ใช้วัดความเร็วลมและทิศทางของลม (แอนิโมมิเตอร์) 8. เกณฑ์ที่ใช้ตั้งชื่อพายุหมุนเขตร้อน คือ ความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 9. พายุโซนร้อนมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณกี่กิโลเมตร/ชั่วโมง 63 ถึง 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 10. พายุใต้ฝุ่นมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณกี่กิโลเมตร/ชั่วโมง มากกว่า 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 40 40


ใบงานที่ 1 ลมและพายุ ตอนที่ 2 ค าชี้แจง : จงตอบค าถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. ลมบกและลมทะเลเกิดขึ้นได้อย่างไร จงอธิบาย ลมบกคือลมที่พัดจากพื้นดินออกสู่ทะเลและเกิดขึ้นในเวลากลางคืน เนื่องจากในเวลากลางคืนพื้นดินเย็นกว่าพื้นน้ าท าให้ความกดอากาศเหนือพื้นดินสูง กว่าความกดอากาศเหนือพื้นน้ าอากาศจึงเคลื่อนที่จากพื้นที่ไปสู่พื้นน้ า ลมทะเลคือ ลมที่พัดจากทะเลขึ้นสู่พื้นน้ าและเกิดขึ้นในเวลากลางวันเนื่องจากในเวลากลางวัน พื้นดินร้อนกว่าพื้นน้ าท าให้ความกดอากาศเหนือพื้นดินต่ ากว่าความกดอากาศ เหนือพื้นน้ าอากาศจึงเคลื่อนที่จากพืชน้ าสู่พื้นดิน 2. เครื่องมือวัดทิศทางลมและความเร็วลมมีลักษณะอย่างไรบ้าง 1.เครื่องวัดทิศทางลมหรือสอนลมมีลักษณะเป็นลูกศรยาวมีแผนห่างตั้งตรง เป็นตัวบังคับให้ปลายศรลมชี้ไปในทิศทางที่ลมพัดเข้ามาโดยที่แกนของศรลมมหมุน ไปโดยรอบและต่อเข้ากับวงจรไฟฟ้าอ่านทิศทางลมตามทิศที่ปลายศรลมชี้ไปที่ หน้าปัดของเครื่อง 2.เครื่องวัดความเร็วลมหรือแอนิมอมิเตอร์ใช้วัดความเร็วลมมีลักษณะเป็น ถ้วยกลมครึ่งซีก3ถึง4ถ้วย ติดอยู่กับแกนซึ่งหมุนได้อิสระจ านวนรอบแกนกลาง แสดงความเร็วลมและสามารถอ่านความเร็วลมได้จากหน้าปัดหรือส่งไปเครื่อง บันทึกเวลา 3. อธิบายการเกิดปรากฏการณ์พายุโซนร้อนและพายุฝนฟ้าคะนอง พายุหมุนเขตร้อนจะก่อตัวขึ้นในบริเวณร่องความกดอากาศต่ าแถบศูนย์สูตร พายุหมุนเขตร้อนเป็นพายุหมุนที่มีศูนย์กลางความกดอากาศต่ าที่ลมบิดเป็นเกลียว มีความเร็วลมมากและท าให้เกิดฝนตกหนักมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 150 ถึง 500 กิโลเมตร ความเร็วลม 120 ถึง 200 กิโลเมตร พายุฟ้าคะนองเป็นพายุที่พบบริเวณที่มีความร้อนและชื้นจะเกิดพายุที่มีลม พัดแรงฝนตกหนักและเกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่าขึ้น บางครั้งมีลูกเห็บเกิดขึ้น 41 41


ใบงำนท ี่3 เร ื่อง เมฆ และฝน ชื่อ-สกุล..................................................................................ชั น.................. เลขที่............. ตอนที่ 1 ค าชี้แจง ให้นักเรียนตอบค าถามหรืออธิบายสั้น ๆ ให้ได้ใจความที่สมบูรณ์ 1. เมฆ คือ เมฆคืออนุภาคน้ าหรือผลึกน้ าแข็งขนาดเล็กลอยอยู่ในอากาศเมฆอาจประกอบด้วยน้ าหรือ ผลึกน้ าแข็ง 2. เมฆเซอรัส มีลักษณะอย่างไร รูปร่างลักษณะเป็นเมฆที่เป็นเร็วเร็วคล้ายขนสัตว์ 3. เมฆอัลโตคิวมูลัส เป็นเมฆชั้นใดมีลักษณะอย่างไร ลักษณะเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆมีลักษณะเป็นคลื่นเป็นลอนคล้ายฝูงแกะที่อยู่รวมกันก้อนเมฆมีสี ขาวหรือสีเทา 4. เมฆสเตรตัส เป็นเมฆชั้นใดมีลักษณะอย่างไร มีลักษณะเป็นแผ่นหรือเป็นชั้นสีเทารวมตัวกันอยู่เป็นบริเวณไม่กว้างมากนัก 5. เมฆที่ก่อตัวในแนวดิ่ง ที่ท าให้เกิดฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้องคือเมฆชนิดใด เมฆคิวมูโลนิมบัส 6. ฝนเกิดจากอะไร ฝนตกน้ าที่เกิดจากกระบวนการกระดอของไอน้ าในอากาศที่รวมกันเป็นเมฆกลายเป็นหยุดน้ า 7. ฝนมีกี่ชนิด อะไรบ้าง แบ่งออกได้4ชนิดหนึ่ง ฝนพาความร้อน ฝนภูเขา ฝนพายุหมด ฝนแนวปะทะ 8. ให้นักเรียนยกตัวอย่าง เครื่องมือวัดน้ าฝนมา 2 ชนิด เครื่องวัดน้ าฝนแบบธรรมดาหรือแบบแก้วตวงสองเครื่องวัดน้ าฝนแบบบันทึก 9. การวัดปริมาณน้ าฝนท าได้อย่างไร ใช้อุปกรณ์อย่างง่ายเป็นภาชนะทรงกระบอกรองรับน้ าฝนโดยมีภาชนะที่มีลักษณะเป็น กลัวยเส้นผ่านศูนย์กลางของปากกรวยเท่ากับปากภาชนะที่รองรับ 10. ในการวัดปริมาณน้ าฝน ถ้าจะใช้วัดโดยน าไปเทียบกับเกณฑ์การวัดน้ าฝนซึ่งก าหนด เป็นมาตรฐานส าหรับประเทศไทยอย่างไร ฝนตกเล็กน้อยมีประมาณ 0.1 ถึง 10 มิลลิเมตร ฝนตกปานกลางมีปริมาณ 10.1 ถึง 35 มิลลิเมตร ฝนตกหนักมีปริมาณ 35.1 ถึง 90 มิลลิเมตร ฝนตกหนักมากมีปริมาณ 90.1 มิลลิเมตรขึ้นไป 42 42


บันทึกผลกำรท ำกิจกรรม สมมติฐานการทดลอง เมฆเกิดจากการรวมตัวกันของหยดน้ าขนาดเล็กๆ แบบบันทึกผลการทดลอง ค าถามหลังการทดลอง 1. เมื่อเทน้ าร้อนใส่แก้ว จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ไอน้ าลอยขึ้นจากโหลแก้ว 2. เมื่อวางถาดใส่น้ าแข็งไว้บนปากแก้วที่ใส่น้ าร้อน จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง อย่างไร ไอน้ าที่ลอยขึ้นมากระทบกับความเย็นแล้วรวมตัวกันเป็นกลุ่มสีขาวคล้ายเมฆ สรุปผลการทดลอง ไอน้ ารวมตัวกันเป็นหยดน้ าเล็กๆเมื่อกระทบกับอากาศเย็นจะเกิดการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ก้อนซึ่งเรียกว่าเมฆ รำยกำร สิ่งทสี่ังเกตเหน ็ เทน ้าร้อนใส่แก้ว ไอน้ าลอยขึ้นจากโหลแก้ว น าถาดใส่น ้าแข็งวางปิดปากแก้ว ไอน้ าที่ลอยขึ้นมากระทบกับความเย็น แล้วรวมตัวกันเป็นกลุ่มสีขาวคล้ายเมฆ 43 43


ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง บรรยากาศ ชุดกิจกรรมการเรียน เล่มที่ 3 เรื่องปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ รายวิชา วิทยาศาสตร์ 2 ว21103 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ข้อ ค ำตอบ 1 ง 2 ค 3 ง 4 ค 5 ก 6 ง 7 ค 8 ข 9 ง 10 ก 44 44


Click to View FlipBook Version