บันทึกองค์ความรู้พืชพื้นถิ่น "ตาลโตนด"

การบันทกึองค์ความรูก้ ิจกรรมการอนุรกัษ์และใชป้ระโยชน์จากพืชพื้นถิ่น 1) ชื่อพืช ชื่อสามัญ : ตาลโตนด (Palmyra Palm) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Borassus flabellifer L. ชื่ออื่น : ตะนอด (เขมร) โหนด (ใต้) ตาลโตนด ตาล ตาลใหญ่ (กลาง) ถาล (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) ทอถู (กะเหร ี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ตาลนา ปลีตาล(เชียงใหม่) 2) ลักษณะพืช เป็นพันธุ์ไม้พวกปาล์มขนาดใหญ่ สกุล Borassus ในวงศ์ปาล์ม (Arecaceae) เป็นปาล์มที่แข็งแรง มากชนิดหนึ่ง และเป็นปาล์มที่แยกเพศกันอยู่คนละต้น ตาลโตนด เป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืน ล าต้นเดี่ยวไม่แตกกิ่งก้านสาขา ลักษณะเป็นสีน ้ าตาลเข้ม – ด า ซึ่งจะมีกาบขอบใบติดอยู่ประมาณ 5 เมตร ลักษณะของเนื้อไม้เป็นไม้เนื้อแข็ง มีเสี้ยนสีด าอัดกันแน่นด้านในสูง ประมาณ 15 เมตร และจะมีใบออกที่ยอด ลักษณะใบ คล้ายพัด ปลายใบแหลมสีเขียว ระหว่างใบจะมีก้านใบ แข็งและเชื่อมติดกันคล้ายรูปตัววี ลักษณะก้านใบสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้าตาลเข้ม เช่นเดียวกับใบขอบก้านใบ คล้ายฟันเลื่อย แต่จะป้านกว่า ความยาวประมาณ 1.5 – 2 เมตร การเร ียงตัวของใบอัดกันแน่นเป็นเกลียว เมื่อใบแก่เต็มที่จะร่วงหล่นทั้งก้านและใบ ผลมีลักษณะกลมหร ือรูปทรงกระบอกสั้น ๆ วัดผ่ากลางประมาณ 15 เซนติเมตร ผลเป็นเส้นใยแข็งเป็นมัน มักมีสีเหลืองแกมด าคล้าเป็นมันหุ้มห่อเนื้อเยื่อสีเหลืองไว้ภายใน ผลหนึ่ง ๆ จะมีเมล็ดใหญ่แข็ง 1 – 3 เมล็ด ต้นตาลตัวผู้จะมีลักษณะที่แตกต่างจากต้นตาลตัวเมียเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้นตาลตัวผู้จะออกงวง เป็นช่อ ไม่มีผล ภาษาชาวบ้านเร ียกว่า "จั่น" ถ้าการเวียนของทางใบวนไปทางซ้ายมือจะเป็นตาลตัวผู้ ต้นตาล ตัวผู้จะสังเกตจาก ใบและงวง เพราะถือเป็นเอกลักษณ์ของต้นตาลตัวผู้อย่างชัดเจน ส่วนต้นตาลตัวเมียนั้นจะมี ลักษณะ การเร ียงตัวของทางใบ ถ้ามีการเร ียงตัววนไปทางขวามือจากบร ิเวณโคนไปสู่ยอด จะเป็นต้นตาล ตัวเมีย แต่ที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ ต้นตาลตัวเมียจะต่างจากต้นตาลตัวผู้ตรงที่ต้นตาลตัวเมียจะมีลูก เป็นช่อ ๆ หร ือชาวบ้านเร ียกว่า "ทะลายตาล"

-2- 3) แหล่งที่ปลูกในพื้นที่จังหวัด กระจายทั่วทุกอ าเภอในจังหวัดเพชรบุร ี พบมากในเขตอ าเภอบ้านลาด 4) ขั้นตอน/กระบวนการค้นหาภูมิปัญญา 4.1 ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของตาลโตนดจากสื่อต่าง ๆ 4.2 ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการน าส่วนต่าง ๆ ของตาลโตนดมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จากสื่อต่าง ๆ 4.3 ค้นหาข้อมูลการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากตาลโตนด จากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุร ี 4.4 ประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุร ีเพื่อขอรับการสนับสนุนวิทยากรถ่ายทอด องค์ความรู้เร ื่องการน าตาลโตนดมาแปรรูป และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ 5) หน่วยงานภาคีเคร ือข่ายที่ร่วมค้นหา/สนับสนุน - มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุร ี 6) ชื่อผลิตภัณฑ์ มัฟฟินลูกตาลน้าตาลโตนด และ ทาร์ตไข่ลูกตาลน้าตาลโตนด 7) ขั้นตอน/วิธีการผลิต 7.1 มัฟฟินลูกตาลน้าตาลโตนด 7.1.1 เตร ียมลูกตาลอ่อนเชื่อมโดยการหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่น้าตาลโตนดลงไป เชื่อมจน ส่วนผสมแห้งดี พักไว้ 7.1.2 รอ่นแปง้สาลีที่ผสมกับผงฟูและเบกกิ้งโซดา พักไว้ 7.1.3 ผสมไข่ น้าตาลทรายขาว ในชามผสมคนให้เข้ากัน เติมนมสด น้าตาลโตนด คนจน น้าตาลละลาย ใส่น้ามันร าข้าว กลิ่นวนิลา และเกลือป่น คนให้เข้ากัน 7.1.4 จากนั้นค่อยๆ เทส่วนผสมข้อที่ 2 ลงไป คนผสมให้เข้ากัน ใส่ลูกตาลอ่อนเชื่อม 7.1.5 ตักใส่พิมพ์ แต่งหน้าด้วยลู กตาลอ่อนเชื่อม น าไปอบด้วยเตาอบไฟบนล่างไม่เปิดพัดลม 190-200 องศา 25 นาที หร ือนึ่งไฟกลาง 20 นาที ต้นทุนการผลิต (ต่อชนิ้) 10 บาท 7.2 ทาร์ตไข่ลูกตาลน้าตาลโตนด 7.2.1 เตร ียมลูกตาลอ่อนเชื่อมโดยการหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่น้าตาลโตนดลงไป เชื่อมจน ส่วนผสมแห้งดี พักไว้ 7.2.2 เตร ียมชามผสม ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ตามด้วยไข่แดง นมสด วปิครมีเกลือ น ้ าตาล กลิ่น วานิลลา แล้วใช้ตะกร้อมือ คนทุกอย่างให้ละลายเข้ากันดี 7.2.3 เทส่วนผสมกรองผ่านกระชอน เพื่อเอาเยื่อไข่ออก และให้เนื้อคร ีมเนียนนุ่ม 7.2.4 เทเนื้อคร ีมลงไปในแป้งทาร์ตไข่ส าเร็จรูป 7.2.5 น าเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศา ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 20 นาที น าออกมาจากพิมพ์ พักให้หายร้อนบนตระแกรง โรยหน้าด้วยลูกตาลเชื่อม พร้อมเสิร์ฟ ต้นทุนการผลิต (ต่อชนิ้) 20 บาท

-3- 8) วิธีการ/ข้อเสนอแนะแนวทางการต่อยอดผลิตภัณฑ์ในอนาคตอย่างไร 8.1 มัฟฟิน และ ทาร์ตไข่ สามารถน าเนื้อตาลมาเป็นส่วนผสม เพื่อเพิ่มกลิ่นและความเป็นอัตลักษณ์ ของตาลโตนดให้กับผลิตภัณฑ์ 8.2 มัฟฟิน สามารถเพิ่มเติมส่วนผสมอื่นเพื่อเพิ่มรสชาติที่หลากหลาย ได้แก่ มัฟฟินรสช็อคโกแลต มัฟฟินรสชาเขียว มัฟฟินรสสตรอว์เบอร์ร ีมัฟฟินรสกาแฟ เป็นต้น 8.3 สามารถน าใบตาลหร ือใยตาล มาท าเป็นบรรจุภัณฑ์ได้ ท าให้ผลิตภัณฑ์ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น 8.4 สามารถน าลูกตาลและน้าตาลโตนด ไปแปรรูปและเป็นส่วนผสมของขนมชนิดอื่น ๆ ได้ เพื่อให้เกิด ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ****************************************** บันทึกองค์ความรู้โดย : ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุร ี สถาบันการพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน