The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suchadansn.2544, 2022-10-01 22:27:39

汉字的起源

汉字的起源

กำ
เนิด
อัก
ษร
จีน


汉字的起源

字的汉
起源

ความเป็นมาของตัวอักษรจีนน้ั นมีข้อ
สันนิษฐานไว้มากมาย แต่ข้อสันนิษฐาน
ถึ ง ต้ น กำ เ นิ ด อั ก ษ ร จี น ที่ แ พ ร่ ห ล า ย ที่ สุ ด

คื อ

结绳说1. การผูกปมเชือก



刻契说2. การสลัก



八卦说3. แผนผังแปดทิศ



仓颉 仓颉造字说4. ผู้ประดิษฐ์อักษร



河图 河图洛书说5. แผนผัง (เหอถู) และจัตุรัส (ลั่วชู)

一 起一成文说6. จาก กลายเป็นอักษร

การผูกปมเชือก

结绳说

การผูกปมเชือก 结绳说
การผูกปมเชือกในสมัยโบราณใช้เพื่อบันทึกเรื่องราวและนับจำนวน ซึ่งขนาด
ของปมจะเป็นสิ่งที่บอกความสำคัญของเรื่องราว หากเป็นเรื่องสาคัญจะผูกเป็นปม
ใหญ่ หากเป็นเรื่องเล็ก ขนาดของปมก็จะมีขนาดเล็ก ซึ่งการผูกปมเชือกเป็น
เครื่องหมายใช้สำหรับเตือนความจำของแต่ละคนหรือกลุ่มคนเพียงไม่กี่คนเท่าน้ัน ไม่
อาจใช้บันทึกภาษาได้ และไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นตัวอักษร ข้อสันนิษฐานนี้จึง
เป็นไปได้ยาก




การผูกปมเชือกส่วนใหญ่เป็นการบันทึกจำนวน เช่น หมู 5 ตัวก็ผูกเชือกไว้ 5 ปม จุด
ประสงค์หลักไม่เพียงแต่เป็นการบันทึกเรื่องราวหรือเตือนความจำเท่าน้ัน แต่ยังสามารถสื่อความ
หมายให้มนุษย์สามารถส่งสารระหว่างกันได้ เช่น ลักษณะของเชือก การถักปมเล็กใหญ่ สี ความ
บางหนาของเส้น แนวตั้งแนวนอนล้วนมีความหมายที่แตกต่างกัน เชือกเส้นหนึ่งประกอบไปด้วย
หลายแบบจนกลายเป็นประโยค ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นหากเราจะบันทึกว่าผู้ชายคนหนึ่งจับเสือ
ได้ 3 ตัวก็ใช้เชือกแนวนอนเส้นหนึ่งแทนผู้ชาย และตามด้วยเชือกเส้นเล็กเส้นหนึ่งถักปม 3
ปม แสดงถึงการจับได้บางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดเล็กกว่า แค่นี้ก็สามารถบันทึกเรื่องราวได้แล้ว การ
ผูกปมต่าง ๆ ขึ้นมานั้นมนุษย์เป็นผู้กำหนดขึ้นมาเองไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดเพียงแต่มอง
ออกก็เพียงพอแล้ว

ตั ว
อ ย่ า ง
การ
ผู ก
ปม
เ ชื อ ก

https://www.52lishi.com/article/59690.html

ตั ว
อ ย่ า ง
การ
ผู ก
ปม
เ ชื อ ก

https://www.52lishi.com/article/59690.html

การแกะสลัก

刻契说

เป็นการแกะสลักบนไม้หรือแผ่นไม้โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อบันทึกความจำเกี่ยวกับจำนวน
ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสมัยโบราณ ซึ่งจะใช้เวลาช้ากว่าการผูกปมเชือกแต่ให้
ประสิทธิภาพมากกว่า อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตได้เป็นอย่างดี
แต่ทว่าการสลักตัวอักษรบอกจำนวนเพียงไม่กี่สิบตัวยังไม่สามารถบันทึกเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่
มากมายและซับซ้อนได้ ดังนั้น กล่าวได้เพียงว่าการผูกปมเชือกและการแกะสลักเป็นเพียงเป็นการจุด
ประกายในการสร้างตัวอักษร เมื่อเปรียบเทียบการแกะสลักกับการผูกปมเชือกแล้ว การแกะสลักนั้นมี
ลักษณะร่วมกันกับตัวอักษรมากยิ่งกว่า ทั้งนี้การผูกปมเชือกยังคงมีลักษณะเป็นเพียงสัญลักษณ์

书写เท่านั้น แต่การแกะสลักน้ันมีลักษณะความเป็น “ ” (shūxiě) หรือภาษาเขียนมากยิ่งกว่า

斑驳 西安การปรากฏของการสลักอักษรจีนที่เก่าแก่ที่สุดมาจากแหล่งโบราณคดี จากเมือง
陕西มณฑล ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน สามารถนับย้อนหลังกลับไปได้กว่า 5,000

ปี โดยอยู่ในรูปของอักษรภาพที่สลักเป็นรูปวงกลมเสี้ยว พระจันทร์และภูเขาห้ายอดบน
เครื่องปั้นดินเผา จวบจนถึงเมื่อ 3,000 ปีก่อนจึงก้าวเข้าสู่รูปแบบของอักษรจารบนกระดูกสัตว์ ซึ่ง
นับเป็นยุคต้นของศิลปะการเขียนอักษรจีน

แผนผังแปดทิศ

八卦说 “八卦”

แผนผังแปดทิศ

八卦 阴阳เป็นผังสัญลักษณ์แห่งฟ้าและดินในลัทธิเต๋าที่มักจะใช้ควบคู่กับสัญลักษณ์

ที่คนไทยมักรู้จักกันในชื่อว่า “ยันต์แปดทิศ” และ “ยันต์โป๊ยข่วย”

八卦图 伏羲ผู้คิดค้น“ ” หรือ”แผนผังแปดทิศ”คือ โดยมีตำนานเล่ากันไว้ว่า มีมังกร

อยู่ตัวหนึ่งเป็นเจ้าเหนือน่านน้ำทั้งปวงเป็นระยะเวลาหลายพันปี ซึ่งแท้จริงแล้วมังกรตัวนั้นก็คือ

伏羲 伏羲พระเจ้า แปลงร่างมานั่นเอง ดังนั้นแล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจที่ นั้นมีความสามารถ

มากกว่ามนุษย์ทั่วไป ถือว่าเป็นบุคคลที่สำคัญคนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อต้นกำเนิดของอักษรจีน

八卦กำเนิดของสัญลักษณ์ นี้ กล่าวกันว่ามาจากการสังเกตลวดลายบนแผ่นกระดองเต่าวิเศษ
伏羲 河图 洛书ที่ สังเกตและได้บันทึกไว้ในแผนผัง และจัตุรัส อันเป็นต้นกำเนิดของ
周易 易经 易ศาสตร์ ซึ่งภายหลังมักเรียกกันว่า “ ” ซึ่ง “ ” หมายถึงความเปลี่ยนแปลงของ
阴阳จักรวาล อาจถอดตัวอักษรได้เป็นพระจันทร์กับพระอาทิตย์ เราเรียกกันว่า “ ” หรือความ

มืดความสว่าง ความร้อนความเย็น หญิงกับชาย หรือฟ้ากับดิน

伏羲

ผู้ประดิษฐ์อักษร

仓颉造字说

仓颉 黄帝(Cāngjié ) เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของ (Huáng dì)รับผิดชอบการจด
仓颉บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ โดยเฉพาะในช่วงก่อนที่ จะประดิษฐ์อักษรได้นั้น ผู้คนเพียงอาศัย

การผูกมัดปมเชือกหรือการวาดรูปเพื่อจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ เท่านั้น ปมเชือกและรูปภาพเหล่านี้
ถึงแม้จะสามารถใช้ช่วยเหลือผู้คนให้จดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆได้ แต่ก็ไม่สะดวกนักอีกทั้งยังทำให้
ลืมเลือนได้ง่าย

仓颉จากบันทึกในประวัติศาสตร์ตามตำนานเล่าว่า มี 4 ตา มีความเฉียบไวในการสำรวจยิ่ง

นัก ถือได้ว่าเป็นคนครึ่งเซียน หลังจากการสำรวจดวงดาวบนท้องฟ้า ภูเขา และแม่น้ำบนแผ่นดิน
รอยเท้าของสัตว์ต่าง ๆ (นก สัตว์ป่า แมลงหนอนและปลา) รูปร่างลักษณะของเครื่องใช้ไม้สอย
จากไม้แล้ว จึงเริ่มลงมือคัดลอกวาดรูปตามแบบลวดลาย ได้ประดิษฐ์เครื่องแบบสัญลักษณ์ที่แต่ง
ต่างหลายชนิดขึ้น พร้อมทั้งกำหนดความหมายที่แทนโดยแต่ละสัญลักษณ์ นำเอาสัญลักษณ์ที่

仓颉ประดิษฐ์ขึ้นและรวบรวมเป็นตอน ๆ ที่มีความหมายนำไปให้ผู้คนดู จากการอธิบายของ
仓颉ผู้คนก็สามารถดูเข้าใจความหมายที่แทนโดยสัญลักษณ์เหล่านี้ดังนั้น จึงนำเอา

สัญลักษณ์ที่สามารถใช้แทนความหมายเหล่านี้เรียกว่า “ตัวอักษร”

仓颉

แผนผังและจัตุรัส

河图/河图洛书说

伏羲จากบันทึกในสมัยโบราณของจีนเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้า ประมาณ 3,935 ปีก่อน

พุทธกาล มีตำนานเล่ากันไว้ว่า มีมังกรอยู่ตัวหนึ่งเป็นเจ้าเหนือน่านน้ำทั้งปวง เป็นระยะเวลา

伏羲หลายพันปี ซึ่งแท้จริงแล้วมังกรตัวนั้นก็คือ ( เป็นผู้ปกครองชนเผ่าคนแรกของมนุษย์
伏羲แปลงร่างมานั่นเอง ที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก ทรงคิดประดิษฐ์ของหลายสิ่งหลายอย่าง
河图เช่น “โป๊ย-ข่วย” หรือ ยันต์แปดทิศ ทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มการประดิษฐ์แผนผัง อีกด้วย

落水วันหนึ่งมีเต่าศักดิ์สิทธิ์ที่มีลักษณะหลากหลายสีโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำ และพบว่าบน
河图 河กระดองเต่ามีรูปภาพคล้ายอักษรอยู่โดยต่อมาเรียกอักษรนี้ว่า “ ” (hé tú) ( hé
图 洛书 洛คือ แม่น้ำ tú คือ ภาพ)” และจัตุรัส “ ” (luòshū) ( luò คือ ชื่อของแม่น้ำ
书 易经shū คือ ตำรา) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของศาสตร์เก่าแก่ คัมภีร์ (Yìjīnɡ) สืบมาถึง

ปัจจุบัน และเป็นต้นกำเนิดของอักษรจีนที่มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนกลายมาเป็นตัวอักษรจีน
ที่สมบูรณ์ในทุกวันนี้

一จาก กลายเป็น
起一成文说อักษร

起一成文说

郑樵เกี่ยวจกัาบกวติธำีกราารหปนัรงะสดืิอษกฐา์ตรับวัอนักทึษกรปนีร้ะควืัตอิศาสตร์จีนในยุ(คโบzhราèณnไgด้qบัเiนหáทตoึุกผ)ไลวท้ีว่่เาขบาุเคป็คนลคทีน่ใให้หค้คำำนิยาม
一นิยามนี้ เกิดจากความคิดของตนที่คิดว่า ตัวอักษรจีนล้วนมีต้นกำเนิดมาจากขีด มีการ
ดัดแปลง ปรับเปลี่ยน และพัฒนาจนกลายเป็นตัวอักษรจีนอย่างสมบูรณ์ และสามารถสื่อความ
通志 六书洛หมายได้อย่างชัดเจนในที่สุด เขายังอธิบายเพิ่มเติม โดยอ้างอิงจาก · ว่า ขีด
一 ได้ใช้หลักการของตัวอักษรในการแบ่งลำดับการเขียนตัวอักษรจีน วิธีการมีทั้งหมด 17 รูป
一แบบที่เป็นรูปแบบพื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่น สามารถเขียนเป็นลักษณะแนวนอนคือ ลักษณะ
丨 丿 ㇏แนวตั้งคือ ลักษณะแนวเอียงซ้ายคือ แนวเอียงขวาคือ เป็นต้น โดยแต่ละแบบนั้นมีวิธี
การเขียนที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังมีความหมายที่แตกต่างกันด้วย หากมองย้อนกลับไป รูป

一แบบการเขียนเหล่านี้ล้วนเริ่มจาก ทั้งสิ้น เป็นแนวคิดในการ ประดิษฐ์และพัฒนาเป็นตัว
楷书อักษร เป็นต้นมา เวลาต่อมาได้นาเอาลาดับการเขียนเหล่านี้มาประกอบกันจนกลายเป็น
ตัวอักษรจีนในที่สุด

จัดทำโดย

นางสาวสุชาดา นิสนิ รหัสนักศึกษา 6320210104
นางสาวอาริตา อาหมัน รหัสนักศึกษา 6320210110

รายวิชา 412-357 Chinese Characters
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชา ภาษาจีน

อ้างอิงเนื้อหา :
https://elfhs.ssru.ac.th/kriangkrai_ko/pluginfile.php/48/block_ht
ml/content/เอกสารประกอบการสอน%20ตัวอักษรจีน.pdf




Click to View FlipBook Version