การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 48 บทนำ สถาบันการศึกษาต่างมุ่งเน้นให้นักศึกษามีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ และมุ่งพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ของนักศึกษา เพื่อให้ เป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ การส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมเสริม มีบทบาทสำคัญในการพัฒนานักศึกษาให้เป็นบัณฑิตที่มีความ สมบูรณ์พร้อมในการใช้ชีวิต และทำประโยชน์เพื่อสังคมในอนาคต กิจกรรมนักศึกษาจึงเป็นกระบวนการทางการศึกษาที่มหาวิทยาลัยจัดให้มีขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้รู้จักสนิทสนม ปรึกษาหารือร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือกันในด้านต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ของนักศึกษา โดยมีอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่คอยแนะนำและให้คำปรึกษาเพื่อให้การดำเนินการจัดกิจกรรมของนักศึกษาเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพและเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม นอกจากกิจกรรมทางด้านวิชาการแล้วมหาวิทยาลัยยังส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษา รู้จักคิดและสร้างสรรค์กิจกรรมในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วยประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับจากการทำกิจกรรมนักศึกษานั้นเป็นสิ่งที่ จำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตในอนาคตค่อนข้างมาก เนื่องจากสังคมทุกวันนี้ไม่ต้องการเพียงแต่คนเก่งทางวิชาการเพียงอย่างเดียวแต่ ต้องการคนี่มีความสมบูรณ์ทั้งความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพและวิชาชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ จึงเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป ว่าผลจากการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาทำให้ได้รับประโยชน์ที่มีคุณค่ามากมายหลายประการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จึงให้ความสำคัญกับกิจกรรมนักศึกษาเป็นอย่างมากเพราะถือว่าเป็นเครื่องมือสําคัญ ในการเสริมสร้างประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของสังคมในปัจจุบัน โดยกิจกรรมนักศึกษา เป็นส่วนสำคัญ ที่จะก่อให้เกิดทักษะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคลิกภาพ ความคิด ทัศนคติ และค่านิยมของนักศึกษา ดังนั้น กระบวนการในการผลิต บัณฑิตที่มุ่งแต่วิชาการในชั้นเรียนที่เน้นภาคทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่น่าจะไม่เหมาะสมกับความต้องการของสังคมปัจจุบัน การส่งเสริมการทำ กิจกรรมนักศึกษาจึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนานักศึกษา เพื่อส่งเสริมคุณภาพของบัณฑิตและการศึกษาให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มหาวิทยาลัยจึงต้องให้ความสำคัญ เอาใจใส่ ร่วมมือกันเสริมสร้างนักศึกษา ให้เกิดการเรียนรู้และการพัฒนาคน และนักศึกษาเองต้องเป็นผู้ ที่มีภาระหน้าที่จะพัฒนาตนให้เติมศักยภาพด้วยการดำเนินการเพื่อที่จะไห้นักศึกษามีความสามารถและมีคุณภาพดังกล่าวไม่อาจสำเร็จผลได้ อย่างสมบูรณ์ ถ้าจะอาศัยการจัดการเรียน การสอนในห้องเรียนเท่านั้น (แสวง เสนาณรงค์, 2521) โดยกิจกรรมนักศึกษาเป็นรูปแบบหนึ่ง ของกระบวนการศึกษานอกชั้นเรียนที่มีความสำคัญอย่างมากต่อประสบการณ์ทางการศึกษาของนักศึกษา ซึ่งได้แก่ การพัฒนาวุฒิภาวะ ของนักศึกษา การพัฒนาทักษะด้านการจัดการและทักษะการตัดสินใจทางอาชีพ นอกจากนี้กิจกรรมนักศึกษายังควรมีลักษณะเป็นกิจกรรม ที่ทำด้วยความสมัครใจ นักศึกษาเป็นผู้คิดเองทำเองอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดี รูปแบบและขั้นตอนการทำกิจกรรมที่ชัดจนและมีอาจารย์ ที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษาและชี้แนะ (สำนักงานปลัดกระทรวงทบวงมหาวิทยาลัย, 2540) ด้วยเหตุนี้กิจกรรมนักศึกษาจึงเข้ามีบทบาทสำคัญใน การจัดการเรียนการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษา เนื่องจากกิจกรรมนักศึกษามีส่วนช่วยในการพัฒนาบัณฑิตให้มีคุณภาพได้ อีกทั้งยังมีส่วน สำคัญในการทำให้นักศึกษาได้รับประโยชน์ในด้านการรู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง การสร้างความ มั่นใจในตนเอง พัฒนาการด้านทักษะมนุษย์ สัมพันธ์ ทักษะความเป็นผู้นำ ความเข้าใจโลกของการทำงาน ความเข้าใจในธรรมชาติและความแตกต่างของมนุษย์ ความเข้าใจในบทบาท หน้าที่ผู้นำและผู้ตาม การรู้จักรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งกิจกรรมนักศึกษายังเป็นส่วนสำคัญของชีวิตนักศึกษาที่ส่งผลต่อการพัฒนา นักศึกษาให้เป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ในอนาคต เหตุนี้กิจกรรมนักศึกษาจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัย (สำนักงาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา,2551) การจัดกิจกรรมนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครนั้น เป็นหน้าที่ของกองพัฒนานักศึกษา และฝ่ายกิจการนักศึกษาของทุกคณะ ที่จะต้องมีบทบาทในการให้นักศึกษา ทุกคณะ ทุกชั้นปีได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมต่างๆ การทำการวิจัย ครั้งนี้จึงมุ่งศึกษาถึงปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา เพราะนักศึกษาแต่ละคนมีความต้องการในการเข้าร่วมกิจกรรมที่แตกต่างกัน โดยผู้วิจัยจะได้นำข้อมูลจากการทำวิจัยนี้มาจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อสร้างองค์ความรู้ กระบวนการคิดวิเคราะห์ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศครั้งที่13 49 ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม ทัศนคติต่อการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษา ของนักศึกษา ลักษณะประชากร 1. เพศ 2. ศาสนา 3. ระดับชั้นปี 4. สถานะในการเข้าร่วมกิจกรรม สภาพปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรม ของนักศึกษา ความสามารถ และประสบการณ์ มีทักษะการดำรงชีวิตที่เกิดจากการฝึกหัด สามารถใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง และประกอบอาชีพ สามารถดำรงตนอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร 2. เพื่อศึกษาทัศนคติในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ขอบเขต 1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ทั้ง 9 คณะ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญาต รี ปีการศึกษา 2565 จำนวน 10,531 คน 2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 400 คน โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามสูตรการคำนวณของ ทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) และทำการสุ่มแบบแบ่งชั้นชนิดสัดส่วน(Proportional Stratified Sampling) โดยการใช้วิธีการสุ่มแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) แนวคิด ภาพที่ 1 แสดงกรอบแนวคิด ลักษณะทางประชากร พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 52.00 นับถือศานาพุทธ ร้อยละ 89.50 กำลังศึกษาระดับชั้นปีที่ 1 ร้อย ละ 49.50 และมีสถานะในการเข้าร่วมกิจกรรม โดยเป็นนักศึกษาทั่วไป ร้อยละ 75.75 ทัศนคติและความคิดเห็นทีมีต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเข้าร่วมกิจกรรม ภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.05 ทัศนคติและความคิดเห็นทีมีต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการไม่เข้าร่วมกิจกรรมภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ย 3.39 ความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 3.81
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 50 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรกับปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครแตกต่าง กัน พบว่า เพศ และสถานะในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนศาสนา และระดับชั้นที่ ศึกษาต่างกันมีปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ไม่แตกต่างกัน อภิปรายผลและสรุปผล ทัศนคติต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ทั้งนี้ อาจเนื่องจากการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายด้าน เช่น ทัศนคติต่อกิจกรรมประเภทนั้นสภาพ ความต้องการ และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เป็นต้น Astin 1970 อ้างถึงใน กรกช ศิริ (2536) สอดคล้องกับ (สมโภชน์ อเนกสุขม, 2529) กล่าวว่า การที่นักศึกษาจะมีความสนใจ และความต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการ ได้แก่ องค์ประกอบส่วนตัวของนักศึกษาประสบการณ์ของนักศึกษา ความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนของนักศึกษา การสนับสนุนของผู้ปกครอง ให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมองค์ประกอบแต่ละด้านมีส่วนเกี่ยวข้องกับความต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาซึ่งองค์ประกอบที่แตกต่างกัน จะส่งผลให้นักศึกษาต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาแตกต่างกัน ทัศนคติต่อการไม่เข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภาพรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง จากผลการวิจัยพบว่าโดยส่วนใหญ่นักศึกษาจะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ เนื่องจากเหนื่อยจากการเรียน กระทบกับการเรียน และผลการศึกษา รวมถึงการประชาสัมพันธ์ที่ไม่เข้าถึง และรูปแบบกิจกรรมที่ไม่น่าสนใจ สอดคล้องกับ (นิจพงศ์ ศรีวรรณ, 2527) ที่ได้กล่าวไว้ว่า อุปสรรคในการเข้าร่วมกิจกรรมของนิสิตนักศึกษา ได้แก่ ปัญหาเวลาที่จัดกิจกรรมไม่ตรงกับเวลาว่าง ไม่มีแรงจูงใจในการเข้า ร่วมกิจกรรม กิจกรรมที่จัดไม่ตรงกับความสนใจ ไม่ทราบข่าวการจัดกิจกรรม ไม่มีเพื่อนเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนตัวมาก รู้สึกอาย สรุป อุปสรรคปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมนิสิตนักศึกษา 3 อันดับแรก ได้แก่ เวลา เงิน และเพื่อน ตามลำดับ และ (นลินี กิติเวช กุล,2533) ที่ศึกษาความคิดเห็นของนิสิตที่ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมทั้งในกิจกรรมสโมสรนิสิตจุฬา (กิจกรรมส่วนกลาง) พบว่า นิสิตไม่เข้าร่วม กิจกรรมส่วนใหญ่ เพราะประสบปัญหาด้านการเรียนจนไม่มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ลักษณะของกิจกรรมไม่สอดคล้องกับความต้องการนิสิต ส่วนใหญ่เสนอแนะในแบบสอบถามปลายเปิด สรุปได้ว่ามหาวิทยาลัย ควรจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการของนักศึกษา และควรวางแผนช่วงเวลาการจัดกิจกรรมไม่ให้กระทบกับการเรียนของนักศึกษา รวมถึงการจัดกิจกรรมในรูปแบบใหม่ๆให้น่าสนใจเชิญชวน ให้นักศึกษาเข้าร่วม ข้อเสนอแนะ 1) การวางแผนการจัดกิจกรรม ควรวางแผนจัดกิจกรรมไม่ให้ตรงกับช่วงเวลาเรียนของนักศึกษา เพื่อเพิ่มจำนวนนักศึกษา และช่องทางให้กับนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ 2) ควรปรับปรุงรูปแบบกิจกรรมและสถานที่การทำกิจกรรมให้ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่มองว่ารูปแบบ กิจกรรมและสถานที่ทำกิจกรรมในปัจจุบันนี้มีความน่าสนใจน้อย และไม่มีความเป็นส่วนตัวการทำกิจกรรมจึงเป็นไปตามเป้าหมาย ได้ลำบาก อย่างเช่นสนามกีพาที่ยังคงไม่เพียงพอต่อนักศึกษา 3) มีการจัดไปดูงานตามมหาวิทยาลัยอื่นๆ โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่มองว่าควรมีการจัดการได้ดูงานตามมหาวิทยาลัยอื่น เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการทำงานรวมถึงไอเดียต่างที่จะนำมาพัฒนาองค์กรภายในของตนเอง รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ กับมหาวิทยาลัยอื่นอีกด้วย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศครั้งที่13 51 เอกสารอ้างอิง กรกช ศิริ. (2536). การศึกษาปัญหาและความต้องการของนิสิตเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิจกรรมนิสิตกรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ฤทธิฤกษ์ ราชภักดี. (2546). การศึกษาความต้องการในการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษา ของนักศึกษามหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี. วิทยานิพนธ์. ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศรีปทุม. อโณทัย ธีระทีป. (2561). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสุขในการเรียนของนิสิตมหาวทิยาลยับูรพา.วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. คณะศึกษาศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา. อธิพัชร์ ดาด. (2564). กิจการนักศึกษาในศตวรรษที่ 21. วารสารรัชต์ภาคย์ ปีที่ 15 ฉบับที่ 43 พฤศจิกายน – ธันวาคม 2564 – TCI กลุ่มที่ 1 มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ปี 2564 - 2567, 389 – 396. อมรเทพ สีนวนสูง. (2559). ความคิดเห็นต่อการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาของนักศึกษามหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ. ปริญญา นิพนธ์. การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 52 การสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษา รายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม Observation of Soft Skills That Occur in Students in the Course on Developing their Own Qualities with the Mindfulness and Social Engineering Program. ไตรตรึง พลอยม่วง1 , ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช2 , ณิภารัตน์ บุญกุล3 Traitrung Ploymong1 , Chairit Siradet2 , Niparat Bunkul3 บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตน ด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม โดยได้การสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรม สติและวิศวกรสังคม จากนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 จำนวน 4 หมู่เรียน รวม 90 คน ซึ่งได้จาการสุ่มแบบกลุ่มจากนักศึกษา ทั้งหมด 12 หมู่เรียน รวม 260 คน โดยการสังเกตจากการ จัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้ร่วมกันออกแบบ ในรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม จากการให้ นักศึกษาปฏิบัติกิจกรรม เครื่องมือที่ 1 ฟ้าประทาน เครื่องมือที่ 2 นาฬิกาชีวิต เครื่องมือที่ 3 Time line พัฒนาการ เครื่องมือที่ 4 Timeline กระบวนการ และ เครื่องมือที่ 5 M.I.C. model ด้วยแบบสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษาในรายวิชาพัฒนา คุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม เกี่ยวกับทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) นักคิด 2) นักสื่อสาร 3) นักประสานงาน 4) นวัตกร ผลการศึกษาพบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่มีทักษะอยู่ขั้นที่ 3 ของ Bloom’s Taxonomy (Psychomotor Domain) คือ การหา ความถูกต้อง พฤติกรรมสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องชี้แนะเมื่อได้กระทำซ้ำแล้วก็พยายามหาความถูกต้อง ในการปฏิบัติดังนี้1) ทักษะ การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) (นักคิด) ผู้เรียนส่วนใหญ่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลความ เชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้าใจด้วยตนเอง 2) ทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) (นักสื่อสาร) ผู้เรียนส่วนใหญ่สามารถรวบรวมประเด็นเกือบถูกต้องทั้งหมดในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำยังไม่ ค่อยตรงประเด็น ผู้ถูกถามไม่สามารถเข้าใจคำถามได้ตรงกับผู้ถาม 3) ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) (นักประสานงาน) ผู้เรียนส่วนใหญ่ใส่ใจกับการทำงาน โดยได้รับการบอกกล่าวและย้ำเตือน บ้างเป็นบางครั้ง และ 4) ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) ) (นวัตกร) ผู้เรียนส่วนใหญ่ สามารถใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาโดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม คำสำคัญ : การพัฒนา Soft Skills / วิศวกรสังคม / การสังเกตทักษะ ___________________________________ 1 สาขาวิชาดนตรีศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย 2 สาขาวิชาการวัดและประเมินผล คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย 3 สาขาวิชาสาธารณสุข คณะวิทยาลัยมวยไทยและการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 53 บทนำ การออกแบบการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเน้นการบูรณาการการเรียนการสอนกับการวิจัย เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นเน้นพัฒนาทักษะ Hard Skills ตามศาสตร์ในแต่สาขาวิชา และพัฒนาทักษะ Soft Skills ในหมวดวิชาศึกษา ทั่วไปเพื่อผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพ สามารถปฏิบัติงานได้ ตามหลักปรัชญาของมหาวิทยาลัย คือ “สร้างคนให้มีคุณค่าเพื่อพัฒนา ท้องถิ่น” เพื่อให้ได้บัณฑิตที่มีความรู้ด้านทฤษฎีมีความสามารถในทางปฏิบัติ และมีเจตคติที่ดีในการทำงาน การพัฒนาทักษะ Soft Skills ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก สร้างคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น หรือเรียกได้ว่าเป็นคน เต็มคน การพัฒนาตัวมนุษย์ให้มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีชีวิตที่ดีงาม มีความสุข มีอิสรภาพ และการพัฒนาคนในฐานะที่เป็น ทรัพยากรมนุษย์คือเป็นทุนที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตโต) ,2550) มุ่งพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรอบรู้อย่างกว้างขวาง มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล มีความเข้าใจธรรมชาติตนเอง ผู้อื่น และสังคม เป็นผู้ใฝ่รู้สามารถคิด อย่างมีเหตุผล สามารถใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสารความหมายได้ดีมีคุณธรรม ตระหนักในคุณค่าของศิลปะและวัฒนธรรมทั้งของไทย และของประชาคมนานาชาติสามารถนำความรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตและดำรงตนอยู่ในสังคมเป็นอย่างดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้าน จอมบึง จึงได้พัฒนารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป โดยมีการกำหนด ผลลัพธ์การเรียนรู้ให้นักศึกษาสามารถพัฒนาตนเองด้วยโปรแกรมสติและกระบวนการวิศวกรสังคม ให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษ ที่ 21 ในการทำงานร่วมกับบุคคลอื่น สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีสติ มีทักษะที่สำคัญในการดำเนินชีวิต ได้แก่ ทักษะการคิดวิเคราะห์ เชิงเหตุผล ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะการสื่อสาร และทักษะการสร้างนวัตกรรม เพื่อให้เป็นผู้ที่สามารถคิดวิเคราะห์ข้อมูล สามารถเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผลในการการแก้ปัญหา สามารถสื่อสารองค์ความรู้ที่เรียนไปแก้ปัญหาให้กับชุมชน ทำงานร่วม กับ ผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถประสานงานกับองค์กรภายในท้องถิ่นหรือนอกท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นได้ เน้นให้ผู้เรียนทำงานเป็นหมู่คณะ ร่วมกันคิดวางแผนในการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และดำเนินชีวิตอย่างมีสติดังที่ วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล (2562) กล่าวว่า Soft Skill หมายถึง ทักษะด้านความคิด อารมณ์ความรู้สึกและการสื่อสารที่จำเป็นต้องใชในการ ทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและ เอื้อให้เกิดการสร้างสรรค์นวตักรรม ซึ่ง Soft Skill จะช่วยส่งเสริมการพัฒนา Hard skills หรือทักษะเฉพาะทาง อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับ ฐาปกรณ์ อ่วมสถิตย์ (2563) ที่กล่าวว่า Soft Skill คือ ทักษะ ด้านอารมณ์และทักษะสังคม เป็นทักษะที่ช่วยส่งเสริมความฉลาด ความสามารถทางอารมณ์ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นทักษะที่ช่วยให้สามารถดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไม่เป็นปัญหา จากแนวทางการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เสริมสร้างพลัง ปัญญาแก่แผ่นดิน ฟื้นฟูพลังการเรียนรู้ เชิดชูภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง ในการจัดการเรียนการสอน เกณฑ์ การวัดผลประเมินผลจากการเรียนรู้นั้นมีส่วนสำคัญ ในการประเมิน การจัดการเรียนการสอนรายวิชาวิศวกรสังคมนี้มีกลยุทธ์ในการ วัดผลประเมินผลที่สำคัญ การประเมินผลตามสภาพจริง การประเมินโดยผู้สอนสังเกตพฤติกรรมผู้เรียน จากการเรียนการสอนที่ เปลี่ยนแปลงไป เน้นการลงมือปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะ การวัดและประเมินผลผู้เรียนจึงต้องมีการปรังปรุงให้สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการ วัดและประเมินผล การวัดโดยการสังเกตพฤติกรรมตามทักษะในศตวรรษที่ 21 ในระหว่างการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มจึงเป็นกระบวบการ วัดและประเมินที่มีความสอดคล้อง เป็นการประเมินจากผลงานที่มอบหมาย จากการนำเสนอถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขที่ เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ จากการวิเคราะห์และสังเคราะห์กิจกรรมที่สอดคล้องกับหลักการของวิศวกรสังคม ดำเนินการอย่างเป็น กระบวนการ และจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน การสังเกตพฤติกรรมเป็นรูปแบบหนึ่งในการวัดและประเมินผลที่สำคัญของ รายวิชาวิศวกรสังคม เนื่องด้วยการเรียนการสอนรายวิชาวิศวกรสังคมมุ่งพัฒนานักศึกษาให้มีคุณลักษณะและทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) นักคิด: ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล 2) นักสื่อสาร: ทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา 3) นักประสานงาน: ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง 4) นวัตกร: ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาโดยดั้งเดิมขึ้นอยู่กับ ข้อมูลชุมชน ดังนั้นผู้สอนต้องวิเคราะห์ลักษณะของพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยผ่านการจัดการเรียนการสอน กิจกรรมงานที่ได้รับ มอบหมาย ที่เหมาะสมกับผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามรรถนำความรู้มาปฏิบัติได้ การสังเกตพฤติกรรมทักษะ ของนักศึกษาที่ผ่านการเรียนการสอน รายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคมจะช่วยทำให้ทราบถึงพฤติการณ์
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 54 ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างถูกต้อง ทราบถึงระดับของทักษะที่เกิดกับนักศึกษา อีกทั้งยังสามารถนำผลการวัดและประเมินปรับปรุงรูปแบบ การจัดการเรียนรู้ และกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงรูปแบบและวิธีการวัดและประเมินผลในโอกาสต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อการสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม การพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วิศวกรสังคม เป็นกระบวนการพัฒนานักศึกษาเพื่อการเป็นบัณฑิตที่มีคุณลักษณะและทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่ตอบสนอง ต่อบทบาทการพัฒนาท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ภายใต้กรอบแนวคิดการวิเคราะห์ศักยภาพชุมชน ยกระดับองค์ความรู้ของชุมชน การสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาชุมชน และการสร้างความยั่งยืนในการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่บนฐานข้อมูลชุมชน ทักษะวิศวกรสังคม Social Engineer Skills เป็นทักษะเฉพาะของนักศึกษา ที่ผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอน การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุผล ค้นหา ปัญหาที่แท้จริง คิดอย่างเป็นระบบ คิดเชิงสร้างสรรค์ คิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ลงมือทำอย่างมีระบบ แบบแผนขั้นตอนตาม หลักวิชา ไม่ติดตำรา พิจารณาจากปัญหาที่แท้จริง สื่อสาร ประสานงานกับเป้าหมายอย่างเข้าใจ รู้จักสร้างเครื่องมือ ใช้เทคนิค ที่สอดคล้องกับวิถีภูมิสังคมในท้องถิ่น ผลิตนวัตกรรมทางสังคมไปแก้ปัญหาของสังคมได้ในแนวทางที่ถูกต้องดีงาม เนื้อหาสาระหลัก ของรายวิชาวิศวกรสังคม นั้นมีเครื่องมือสำคัญ 5 เครื่องมือ ตามที่ นงรัตน์ อิสโร (2564) ได้กล่าวไว้เครื่องมือที่ 1 ฟ้าประทาน แยกแยะข้อเท็จจริง (Fact) ออกจากอารมณ์และความรู้สึก (Feeling) ยอมรับความเห็นต่าง และสามารถหาจุดร่วมเพื่อการพัฒนา และช่างสังเกตและสืบสอบหาข้อมูล โดยให้นักศึกษา ดูภาพ ดูคลิปวีดีโอ เพื่อฝึกการแยกแยะ ข้อเท็จจริง จากอารมณ์และความรู้สึก เมื่อศึกษาเครื่องมือฟ้าประทานแล้ว ผู้เรียน จะสามารถแสดงความคิดเชิงบวก และเสนอแนะแนวทางใหม่ที่สร้างสรรค์มีประโยชน์ สามารถอธิบายข้อเท็จจริงออกจากอารมณ์และความรู้สึกได้ แสดงให้เห็นการยอมรับความเห็นต่างของเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ สามารถหา จุดร่วมเพื่อพัฒนางาน เสาะหาและเปิดรับข้อเท็จจริงด้วยเหตุ-ผล กลับไปทบทวนข้อมูลเพื่อหาความน่าเชื่อถือ และนำมาสรุปผล สามารถสังเกต และไม่มองโลกเพียงด้านเดียว เข้าใจข้อมูลโดยไม่อาศัยจินตนาการและความรู้สึก แสดงทัศนะของการพูดที่สอดแทรก เข้าไปในข้อความที่พูดของผู้อื่นได้ แสดงความรู้สึก การคาดคะเน เป็นข้อเสนอแนะ ไม่เป็นการแสดงความคิดเห็นตามความเชื่อของ ตนเองใช้เหตุผลที่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ มีความสมเหตุสมผล วิเคราะห์ถึงผลดีผลเสีย ผลกระทบก่อนจะตัดสินใจหรือแสดงออก สังเคราะห์ความถูกต้อง แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบที่มาเพื่อความแน่ใจก่อนดำเนินการ สามารถให้ความสำคัญในการค้นหา สาเหตุมากกว่าการใช้ความรู้สึกร่วมและสามารถแยกแยะได้เมื่อพบข้อเท็จจริงที่ได้รับความขัดแย้ง เครื่องมือที่ 2 นาฬิกาชีวิต ฝึกกระบวนการโดยการให้นักศึกษาสอบถามเพื่อนแต่ละคนว่า มีในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ผู้เรียน เข้าใจและเคารพวิถีชีวิตของเพื่อน ร่วมงานและคนนชุมชน เลือกเวลาและประเด็นการมีส่วนร่วมได้อย่างเหมาสม (Put the right man to the right job) สามารถ วางแผนในการเตรียมความพร้อมและกำหนดเวลาทำงานร่วมกันของเพื่อนร่วมงานและคนในชุมชนได้ สามารถตั้งคำถามอย่างสงสัยใคร่ รู้ (5W 1H) เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานและคนในชุมชน สามารถใช้ภาษาที่เหมาะสมในการเก็บข้อมูลหรือสัมภาษณ์ เพื่อให้ ได้มาซึ่งข้อมูลได้ วิเคราะห์คำตอบเกี่ยวกับกิจวัตรจากข้อมูลได้ สังเคราะห์คำตอบและสามารถแยกข้อเท็จจริงจากข้อมูลได้ สังเคราะห์ ข้อมูลจากคำตอบได้ นำเสนอข้อมูลจากคำตอบได้ และสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างเกี่ยวกับกิจวัตรของคนในชุมชนได้ ผู้เรียน สามารถใช้ทักษะสำคัญในการสื่อสาร ในการตั้งคำถาม เพื่อให้ได้คำตอบ เครื่องมือที่ 3 Time line พัฒนาการ สืบเสาะ แสวงหา ประวัติความเป็นมาของพื้นที่ เพื่อให้รู้จักคุณค่าอดีต เข้าใจปัจจุบัน เพื่อวางแผนอนาคต เมื่อเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถการจดบันทึก เรื่องราวในอดีตของชุมชนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถเข้าใจภาษาท้องถิ่นของชุมชนเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก มีทักษะ การสร้างมนุษยสัมพันธ์กับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดีเพื่อให้เข้าถึงข้อมูล หากข้อมูลที่ได้มามีความคลาดเคลื่อน (errors) ปนอยู่ มีสามารถควบคุมขนาดของความคลาดเคลื่อนที่ปนมาให้มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด สามารถสอบถามข้อมูล ที่เป็นข้อมูลที่ทันสมัย (up to date) และทันต่อความต้องการของผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลที่เป็นข้อมูลที่ให้ข้อเท็จจริง (facts) หรือข่าวสาร (information)
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 55 ที่ครบถ้วนทุกด้านทุกประการ มิใช่ขาดส่วนหนึ่งส่วนใดไปทำให้นำไปใช้การไม่ได้ นักศึกษาสามารถจัดข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่กะทัดรัด ไม่ยืดเยื้อ สะดวกต่อการใช้และค้นหา สามารถเก็บข้อมูลที่ต้องการใช้และจำเป็นต้องรู้หรือเป็นประโยชน์ต่อการจัดทำแผน กำหนด นโยบายหรือตัดสินปัญหาในเรื่องนั้น ๆ สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลที่จะต้องดำเนินการอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องในลักษณะของ อนุกรมเวลา (time-series) เพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในด้านการวิเคราะห์วิจัยหรือหาแนวโน้มในอนาคต และสามารถเรียนรู้อดีต เพื่อเข้าใจปัจจุบัน และวางแผนอนาคต เครื่องมือที่ 4 Timeline กระบวนการ นักศึกษาต้องรู้จักทุกขั้นตอนอย่างถ่องแท้ เพื่อเลือก พัฒนาตามศักยภาพอย่างตรงเป้าหมาย “เกาให้ถูกที่คัน” เมื่อเรียนแล้วสามารถแสดงข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ สามารถใช้ภาษาที่เหมาะสมในการเก็บข้อมูลหรือสัมภาษณ์ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ เลือกแนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสมจากข้อมูลได้ ตัดสินใจเลือกข้อมูลที่ น่าเชื่อถือได้ จดบันทึกข้อมูลได้ครบถ้วน ถูกต้อง วาดและลงข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจได้ ครบถ้วน เข้าใจง่าย วาดและลงข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจได้ครบถ้วน และทันเวลา นำเสนอ timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ ได้อย่างเข้าใจ อภิปรายเพื่อแสดงถึง timeline กระบวนการ ของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ ได้อย่างเข้าใจทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบอย่างถ่องแท้ และแสดงผลการเลือกและวางแผนการ พัฒนาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในอนาคต และ เครื่องมือที่ 5 M.I.C. model เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ปรับปรุง (Modify) ยกระดับ (Improve) สร้างเพิ่ม (Create) กระบวนการด้วยองค์ความรู้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น “ชวนเพื่อน จูงน้อง ขอร้องพี่” เครื่องมือทั้ง 5 ชิ้นนี้เป็น หัวใจของวิศวกรสังคม ผู้เรียนวิเคราะห์กระบวนการใดกระบวนการหนึ่งมาปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมินเหตุผลการพิจารณาเลือก) วางแผนการปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) กระบวนการใด ๆ ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมินแผน) ปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) กระบวนการใด ๆ ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมินผลลัพธ์) เชิญชวนบุคคลใกล้ชิด มาร่วมใจพัฒนากระบวนการใด ๆ อย่างเห็นคุณค่าบนหลักเหตุ-ผลได้ (ประเมินการขยายผล) สังเคราะห์และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการอย่างละเอียด ภายใต้บริบทของข้อจำกัดทางต้นทุน/ศักยภาพได้ ทำให้ง่ายต่อการ ระดมสรรพกำลังในการดำเนินการและเกิดการพัฒนาอย่างเข้าใจและเข้าถึง เพื่อพัฒนาทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) นักคิด: ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) 2) นักสื่อสาร: ทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) 3) นักประสานงาน: ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) 4) นวัตกร: ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 จำนวน 4 หมู่เรียน รวม 90 คน ซึ่งได้จาการสุ่มแบบกลุ่มจากนักศึกษา ทั้งหมด 12 หมู่เรียน รวม 260 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา การศึกษาสังเกตทักษะครั้งนี้อาศัยทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bloom’s Taxonomy ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) (Bloom et.al., 1956) แบ่งเป็นพฤติกรรมย่อย ๆ 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1) การเลียนแบบ เป็นการให้ผู้เรียน ได้รับรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง หรือ เป็น การเลือกหาตัวแบบที่สนใจ ขั้นที่ 2) กระทำตามสั่ง หรือ เครื่องชี้แนะ เป็นพฤติกรรมที่ผู้เรียน พยายามฝึกตามแบบที่ตนสนใจและพยายามทำซ้ำ เพื่อที่จะให้เกิดทักษะตามแบบที่ตนสนใจให้ได้ หรือ สามารถ ปฏิบัติงานได้ตาม ข้อแนะนำ ขั้นที่ 3) การหาความถูกต้อง พฤติกรรมสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องชี้แนะ เมื่อได้กระทำซ้ำแล้วก็ พยายามหาความถูกต้องในการปฏิบัติขั้นที่ 4) การกระทำอย่างต่อเนื่องหลังจากตัดสินใจเลือกรูปแบบที่เป็นของตัวเองจะ กระทำตาม รูปแบบนั้นอย่างต่อเนื่อง จนปฏิบัติงานที่ยุ่งยากซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง คล่องแคล่ว การที่ผู้เรียนเกิดทักษะได้ ต้องอาศัยการ ฝึกฝนและกระทำอย่างสม่ำเสมอ และ ขั้นที่ 5) การกระทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ พฤติกรรมที่ได้จากการฝึกอย่างต่อเนื่องจนสามารถ ปฏิบัติ ได้คล่องแคล่วว่องไวโดยอัตโนมัติ เป็นไปอย่างธรรมชาติซึ่งถือเป็นความสามารถของการปฏิบัติในระดับสูง เพื่อใช้ในการวัดและ ประเมินผลจากการสังเกตพฤติกรรม ในด้านต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานซึ่งแสดงออกมาโดยตรงตามตัวชี้วัดระดับของทักษะ มาพัฒนา แบบสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษาในรายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ดังนี้
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 56 ตารางที่ 1 แบบสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ขั้นตอนการดำเนินการและการเก็บรวบรวมข้อมูล การสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติ ในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม มีลำดับขั้นตอนดำเนินการวิจัยดังนี้ แบบสังเกตทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) (นักคิด) ขั้นที่ 1 ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาเมื่อได้รับการชี้นำ ขั้นที่ 2 ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้าใจด้วยตนเอง ขั้นที่ 3 ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องด้วยตนเอง ขั้นที่ 4 ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นกระบวนการ ขั้นที่ 5 ผู้เรียนวิเคราะห์กิจกรรมหรืองานได้อย่างมีเหตุผลได้ด้วยตนเองอย่างเป็นธรรมชาติและสอดคล้องกับหลักฐานเชิงประจักษ์ แบบสังเกตทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) (นักสื่อสาร) ขั้นที่ 1 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นไม่ถูกต้องใช้ถ้อยคำมากเกินไปในการตั้งคำถาม ไม่เข้าใจคำถามต้องถามใหม่ ต้องฝึกตั้งคำถามใหม่ ขั้นที่ 2 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นเกือบถูกต้อง ใช้ถ้อยคำมากเกินไปในการตั้งคำถามไม่ค่อยตรงประเด็นไม่เข้าใจคำถามต้องถามใหม่ ขั้นที่ 3 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นเกือบถูกต้องทั้งหมดในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำยังไม่ค่อยตรงประเด็น ผู้ถูกถามไม่สามารถเข้าใจ คำถามได้ตรงกับผู้ถาม ขั้นที่ 4 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นที่ถูกต้องในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำที่ตรงประเด็นเข้าใจคำถามตรงกันเกือบทั้งหมดทั้งผู้ถามและผู้ ถูกถาม ขั้นที่ 5 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นที่ถูกต้องเหมาะสมในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำที่กระชับตรงประเด็นเข้าใจได้อย่างถูกต้องตรงกันทั้ง ผู้ถามและผู้ถูกถาม แบบสังเกตทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) (นักประสาน) ขั้นที่ 1 ผู้เรียนพยายามทำงานร่วมกับผู้อื่น แต่ต้องได้รับการบอก กล่าวและย้ำเตือนเป็นประจำ ให้ทำงานให้เสร็จและทันเวลาที่ กำหนด ขั้นที่ 2 ผู้เรียนได้รับการบอกกล่าวและย้ำ เตือนจากสมาชิกในกลุ่มหลายครั้งในการทำงานให้เสร็จและ ทันเวลาที่กำหนด ขั้นที่ 3 ผู้เรียนใส่ใจกับการทำงาน โดยได้รับการบอกกล่าวและย้ำเตือน บ้างเป็นบางครั้ง ขั้นที่ 4 ผู้เรียนใส่ใจกับการทำงานตลอดเวลา ไม่ต้องมีการบอกกล่าวหรือย้ำเตือน และส่งเสริมให้สมาชิกในกลุ่มใส่ใจใน การทำงานในลักษณะเดียวกัน ขั้นที่ 5 ผู้เรียนใส่ใจกับการทำงานตลอดเวลา โดยไม่มีการบอกกล่าวหรือย้ำเตือน และ ส่งเสริมให้สมาชิกในกลุ่มใส่ใจ ในการทำงานในทุกช่วงเวลา แบบสังเกตทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) (นวัตกร) ขั้นที่ 1 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาของชุมชนตามข้อเสนอแนะของชุมชนในเชิงมโนทัศน์ ขั้นที่ 2 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาของชุมชนตามข้อเสนอแนะของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ขั้นที่ 3 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาโดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ขั้นที่ 4 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาโดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ชุมชนได้รับประโยชน์จากการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ขั้นที่ 5 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาโดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ชุมชนได้รับประโยชน์จากการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแบบอย่างให้กับชุมชนอื่น
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 57 1) จัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้ร่วมกันออกแบบ ในรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 โดยการให้นักศึกษา ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ เครื่องมือที่ 1 ฟ้าประทาน แยกแยะข้อเท็จจริง (Fact) ออกจากอารมณ์และความรู้สึก (Feeling) ยอมรับความเห็นต่าง และสามารถหาจุดร่วมเพื่อการพัฒนา และช่างสังเกตและสืบสอบหาข้อมูล โดยให้นักศึกษา ดูภาพ ดูคลิปวีดีโอ เพื่อฝึกการแยกแยะ ข้อเท็จจริง จากอารมณ์และความรู้สึก เมื่อศึกษาเครื่องมือฟ้าประทานแล้ว ผู้เรียน จะสามารถแสดงความคิดเชิงบวก และเสนอแนะ แนวทางใหม่ที่สร้างสรรค์มีประโยชน์ เครื่องมือที่ 2 นาฬิกาชีวิต ฝึกกระบวนการโดยการให้นักศึกษาสอบถามเพื่อนแต่ละคนว่า มีในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ผู้เรียน เข้าใจและเคารพวิถีชีวิตของเพื่อนร่วมงานและคนนชุมชน เลือกเวลาและประเด็นการมีส่วนร่วมได้อย่างเหมาสม (Put the right man to the right job) สามารถวางแผนในการเตรียมความพร้อมและกำหนดเวลาทำงานร่วมกันของเพื่อนร่วมงานและคนในชุมชนได้ สามารถตั้งคำถามอย่างสงสัยใคร่รู้ (5W 1H) เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานและคนในชุมชน เครื่องมือที่ 3 Time line พัฒนาการ สืบเสาะ แสวงหา ประวัติความเป็นมาของพื้นที่ เพื่อให้รู้จักคุณค่าอตีด เข้าใจปัจจุบัน เพื่อวางแผนอนาคต เมื่อเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถการจดบันทึกเรื่องราวในอดีตของชุมชนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถ เข้าใจภาษาท้องถิ่นของชุมชนเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิง เครื่องมือที่ 4 Timeline กระบวนการ นักศึกษาต้องรู้จักทุกขั้นตอนอย่างถ่องแท้ เพื่อเลือกพัฒนาตามศักยภาพอย่างตรง เป้าหมาย สามารถแสดงข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ สามารถใช้ภาษาที่เหมาะสมในการเก็บ ข้อมูลหรือสัมภาษณ์ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ เลือกแนวทางการแก้ปัญหา ที่เหมาะสมจากข้อมูลได้ ตัดสินใจเลือกข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ เครื่องมือที่ 5 M.I.C. model ผู้เรียนวิเคราะห์กระบวนการใดกระบวนการหนึ่งมาปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมินเหตุผลการพิจารณาเลือก) วางแผนการปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) กระบวนการใด ๆ ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมิน แผน) ปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) กระบวนการใด ๆ ได้อย่างเหมาะสม ภาพที่ 1 การจัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 2) ศึกษาทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1. นักคิด: ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) 2. นักสื่อสาร: ทักษะ การสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) 3. นักประสานงาน: ทักษะในการทำงานร่วมกับ ผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) 4. นวัตกร: ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) กับนักศึกษาที่เรียนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 ด้วยแบบสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ผลปรากฏดังนี้
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 58 ตารางที่ 2 ผลการสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม (n=90) ทักษะ ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 ขั้นที่ 4 ขั้นที่ 5 การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) (นักคิด) 16 (ร้อยละ17.78) 63 (ร้อยละ70.00) 9 (ร้อยละ10.00) 2 (ร้อยละ2.22) - การสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) (นักสื่อสาร) 2 (ร้อยละ2.22) 10 (ร้อยละ11.11) 45 (ร้อยละ50.00) 33 (ร้อยละ36.67) - การทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) (นักประสาน) 2 (ร้อยละ2.22) 8 (ร้อยละ8.89) 43 (ร้อยละ47.78) 37 (ร้อยละ41.11) - การสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) (นวัตกร) - 26 (ร้อยละ28.89) 64 (ร้อยละ71.11) - - การสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคมผู้เรียนได้ พัฒนาตนเอง ผู้เรียนส่วนใหญ่มีทักษะอยู่ขั้นที่ 3 ของทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bloom’s Taxonomy ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) คือ การหาความถูกต้อง พฤติกรรมสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัย เครื่องชี้แนะเมื่อได้กระทำซ้ำแล้วก็ พยายามหาความถูกต้องในการปฏิบัติสามารถสรุปได้ดังนี้ 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) (นักคิด) พบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่ ร้อยละ 70.00 สามารถวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้าใจด้วยตนเอง และมี ผู้เรียนบางส่วน ร้อยละ 17.78 สามารถวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาเมื่อได้รับการชี้นำ 2) ทักษะ การสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) (นักสื่อสาร) พบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่ ร้อยละ 50.00 สามารถรวบรวมประเด็นเกือบถูกต้องทั้งหมดในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำยังไม่ค่อยตรงประเด็น ผู้ถูกถามไม่สามารถเข้าใจคำถามได้ตรง กับผู้ถาม และมีผู้เรียนบางส่วน ร้อยละ 36.67 สามารถรวบรวมประเด็นที่ถูกต้องในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำที่ตรงประเด็นเข้าใจคำถาม ตรงกันเกือบทั้งหมดทั้งผู้ถามและผู้ถูกถาม 3) ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) (นักประสานงาน) พบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่ ร้อยละ 47.78 ใส่ใจกับการทำงาน โดยได้รับการบอกกล่าวและย้ำเตือน บ้างเป็นบางครั้ง และมีผู้เรียนบางส่วน ร้อยละ 41.11 ใส่ใจกับการทำงานตลอดเวลา ไม่ต้องมีการบอกกล่าวหรือย้ำเตือน และส่งเสริมให้สมาชิกในกลุ่ม ใส่ใจ ในการทำงานในลักษณะเดียวกัน และ 4) ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) (นวัตกร) พบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่ ร้อยล ะ71.11 สามารถใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาโดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้อง กับความต้องการของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม และมีผู้เรียนบางส่วน ร้อยละ 28.89 สามารถใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาของชุมชนตาม ข้อเสนอแนะของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม อภิปรายและสรุปผล จากการดำเนินงานเพื่อศึกษาสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติ และวิศวกรสังคม พบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่มีทักษะอยู่ขั้นที่ 3 ของ Bloom’s Taxonomy ด้านทักษะพิสัย คือ การหาความถูกต้อง จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากเดิมไปสู่พฤติกรรมใหม่ที่เป็นผลมาจากประสบการณ์หรือการฝึกฝนไม่ใช่เป็นผลจากการ ตอบสนองตามธรรมชาติหรือสัญชาตญาณ วุฒิภาวะ หรือความบังเอิญ จะทำให้เกิดเป็นทักษะที่คงทน ดังนั้นการพัฒนาทักษะ Soft Skills ของนักศึกษา จึงต้องอาศัยประสบการณ์ที่ได้จากการมือปฏิบัติ ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนจึงต้องมีการกำหนดให้
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 59 นักศึกษาได้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้ปฏิบัติจริง สอดคล้องกับ ประวีนา เอี่ยวยี่สุ่น (2564) ที่ทำการการประเมินผลการเรียนรู้ด้าน ทักษะพิสัย พบว่า การวัดทักษะพิสัยเป็นการวัดที่ใช้สถานการณ์เพื่อทดสอบการปฏิบัติงานของจำเป็นต้องมีการจัดสภาพการณ์ ให้ผู้เรียนได้มีการปฏิบัติจริง ผู้สอนต้องใช้การสังเกตพฤติกรรมการทำงานของผู้เรียนในระหว่างการปฏิบัติงาน จากการเรียนการสอนใน รายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม พบว่า การจัดการเรียนแบบรวมกลุ่มหลากหลายสาขานั้นมีส่วนทำให้ นักศึกษาปรับตัวเอง ในเรื่องของการยอมรับในความเห็นต่าง การประสานงานกันเลือกใช้เวลาที่ตรงกันในการทำกิจกรรมซึ่งมีส่วนช่วย พัฒนานักศึกษาเป็นอย่างมาก สอดคล้องกับ Noppadol Thumchuea (2022) ในการพัฒนาแนวทางการยกระดับรายวิชาศึกษาทั่วไป เรื่องการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ที่ส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาและเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการนำหลักการไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ผ่านการลงมือปฏิบัติ ปัจจัยดังกล่าวจะส่งเสริมให้การจัดกิจกรรมวิศวกรสังคม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าในสามารถเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และมีความชำนาญ มากยิ่งขึ้นจากความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของการลงมือปฏิบัติในพื้นที่ชุมชน สอดคล้องกับ วัฒนา รัตนพรม (2564) ที่กล่าวว่า วิศวกร สังคมจะสร้างให้นักศึกษาคิดวิเคราะห์เป็นระบบมีเหตุและผล สามารถลงพื้นที่ในชุมชนเพื่อสร้างความเชื่อมโยงต่อชุมชน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรในการพัฒนาประเทศ โดยมีคุณลักษณะหลัก 4 ประการ คือ 1) มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผลเห็นปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย 2) สามารถสื่อสารองค์ความรู้ที่เรียนไปเพื่อนำไปแก้ปัญหาให้กับ ชุมชนได้ การทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง 3) สามารถที่จะระดมกำลังไม่ว่าจะภายในท้องถิ่นหรือนอกท้องถิ่นเข้ามา มีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นได้ และ 4) มีทักษะในการสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่นได้ เอกสารอ้างอิง ฐาปกรณ์ อ่วมสถิตย์. (2563). การพัฒนาทักษะซอฟต์สกิลด้วยการดำเนินโครงการจิตอาสาตามแนวทางจิตตปัญญาศึกษา. วารสาร ศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ. ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน 2564. น.37-50. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต). (2550). ธรรมนญชีวิต. (พิมพ์ครังที 4). กรุงเทพมหานคร: สํานักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ. นงรัตน์ อิสโร (2564). คู่มือพัฒนานักศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ แบบฝึก Soft Skills จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ฉบับรั่วมหาวิทยาลัย. บริษัทอมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. (2562). การพัฒนาทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรม. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ผู้นำพัฒนานวัตกรรม หลักสูตรและการเรียนรู้. วัฒนา รัตนพรม ,2564 (ออนไลน์) วิศวกรสังคม สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 จาก https://today.line.me/th/v2/article/qgOE1w ประวีนา เอี่ยวยี่สุ่น. (2564). การประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย Psychomotor Domain Assessment. วารสารวิพิธพัฒนน ศิลป์บัณฑิตศึกษา ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม- งหาคม 2564. น. 18-32. Bloom, B.S. (Ed.). Engelhart, M.D., Furst, E.J., Hill, W.H., Krathwohl, D.R. (1956). Taxonomy Of Educational Objectives, Handbook I: The Cognitive Domain. New York: David McKay Co Inc. Noppadol, T. (2022). Developing Guidelines for Upgrading General Education Courses on Applying the Sufficiency Economy Philosophy in Real Life. Docens Series in Education, 4, 32-43.
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 60 ถอดบทเรียนการพัฒนา Soft Skill ด้วยวิศวกรสังคมในนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง Lessons-Learned on Developing Soft Skills with Social Engineering in Students at Muban Chom Bueng Rajabhat University โชติ อินทวงศ์1, , วัชระ นิลเพชร2 และ เพียงพร เบ็ญพาด3 Choat Inthawongse1 , Watchara Ninphet2 and Pengporn Benyapad3 บทคัดย่อ ในการปรับปรุงหลักสูตรด้วยแนวคิดการออกแบบและจัดทำหลักสูตรการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่นักศึกษาควรมี หลังจากการศึกษา ในปีการศึกษา 2566 มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้มีการพัฒนารายวิชาศึกษาทั่วไป โดยมีวิชา “พัฒนา คุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างนักศึกษาให้สามารถนำทักษะที่ได้รับไปใช้กับการทำงานร่วมกับ บุคคลอื่น และการใช้เทคนิคสติไปปรับใช้ในด้านต่าง ๆ ผ่านเครื่องมือวิศวกรสังคม ฝึกปฏิบัติทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุผล ทักษะ การสื่อสารด้วยสติกอปรจนทักษะการสร้างนวัตกรรมตามฐานความรู้เดิม บทความนี้เป็นการถอดบทเรียนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลความ เชื่อมโยงระหว่างเหตุและผลในการแก้ปัญหาด้วยโปรแกรมสติและกระบวนการวิศวกรสังคม ความสามารถสื่อสารองค์ความรู้ที่เรียน ไปพัฒนา Soft Skill ในนักศึกษา ผลการศึกษาจากการใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์สรุปอุปนัย พบว่า บทเรียน แห่งความสำเร็จได้แก่ 1) ขนาดของกลุ่มนักศึกษาในการร่วมกิจกรรม 2) ประสบการณ์และความพร้อมในการถ่ายทอดของผู้สอน 3) การใช้ทัศนคติเชิงบวกในกิจกรรมและการบรรยาย 4) การเกิดกระบวนการเรียนรู้ในระดับบุคคล และ 5) การเลือกเทคนิคโปรแกรม สติที่เหมาะกับอัตลักษณ์ของผู้เรียน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับมหาวิทยาลัยอื่นที่ต้องการพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษาให้พร้อม สู่โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน คำสำคัญ : การพัฒนา Soft Skills / วิศวกรสังคม / การถอดบทเรียน _________________________________________ 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย 2 สาขาวิชาสัตวศาสตร์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย 3 กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 61 บทนำ นับตั้งแต่แนวคิดวิศวกรสังคม (Social Engineer) โดยโรสโก้ พาวนด์ (Roscoe Pound, 1870-1964) นักกฎหมายชื่อดัง ชาวสหรัฐอเมริกาที่มีผลงานที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ของกฎหมายและบทบาทของกฎหมายในสังคมถึงแม้ว่าแนวคิด ทฤษฎีด้านกฎหมาย ของพาวนด์ในยุคนั้นจะไม่ตรงตามที่ใช้ปัจจุบันก็ตาม แต่ผลงานเชิงประจักษ์ของเขานับเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดวิศวกรสังคม ในปัจจุบัน นักวิศวกรสังคมมีความยืดหยุ่นและรับมือกับความเปลี่ยนแปลง มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมสังคมที่ให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืน ผ่านกระบวนการทำงานร่วมกัน (ChatGPT-3.5, OpenAI, 2022) ทั้งนี้หนึ่งในประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561- 2580) คือการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ที่มีเป้าหมายการพัฒนาและยกระดับคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็น ทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยจะต้องมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดี มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรมและเป็นพลเมืองดีของชาติ มีหลักคิด ที่ถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่สอง และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่นๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัดของตน (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2562) ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 มหาวิทยาลัยราชภัฏได้รับมอบหมายให้เป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่ง พัฒนาท้องถิ่น ภายใต้กรอบคุณค่าและคุณธรรมของคนไทย ทั้งนี้มีการกำหนดให้บัณฑิตของมหาวิทยาลัยราชภัฏมีคุณลักษณะ ตามพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีทัศนคติที่ดีและถูกต้อง พื้นฐานชีวิตที่มั่นคงเข้มแข็ง มีงานทำ-มีอาชีพ และเป็น พลเมืองดีมีระเบียบวินัย เพื่อรองรับการพัฒนาท้องถิ่น (สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, 2547) เพื่อตระหนักถึงภารกิจนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงได้นำเสนอโครงการ “วิศวกรสังคม” ซึ่งมุ่งพัฒนานักศึกษาในกระบวนการหนึ่ง โดยมีคุณลักษณะ และทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) นักคิด: ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) เพื่อเปิดเผยปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย 2) นักสื่อสาร: ทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) 3) นักประสานงาน: ทักษะ ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถรวมทรัพยากรและสรรพกำลังในท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหาได้(Collaboration skills) 4) นวัตกร: ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาโดยดั้งเดิมขึ้นอยู่กับข้อมูลชุมชน (Innovation skills for creative problem solving) โดยในการปรับปรุงหลักสูตร พ.ศ.2566 ได้มีการผนวกหลักการพัฒนาสติในองค์กร (Mindfulness in Organization: MIO) ในลักษณะการนำ “สติ”(Mindfulness) มาประยุกต์ใช้ร่วมกับแนวคิดวิศวกรสังคม ผ่านกระบวนการฝึกการ สร้างความสงบให้กับจิตใจ เกิดเป็นจิตที่มีคุณภาพในขณะบูรณาการเครื่องมือวิศวกรสังคม เมื่อฝึกฝนมากพอก่อให้เกิดสมาธิ (Tranquil Meditation) ในลักษณะของความตั้งมั่นแห่งจิต โดยสมาธิเป็นจิตที่มีคุณภาพขณะพัก (ยงยุทธ์, 2560) เพื่อให้ทำงานโดยไม่วอกแวก จดจ่อ และสามารถควบคุมอารมณ์และความคิดได้อันจะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการดำเนินกิจกรรมวิศวกรสังคม อันประกอบไปด้วยเครื่องมือ 5 ชนิด (นงรัตน์,2562) ได้แก่ 1) ฟ้าประทาน แยกแยะข้อเท็จจริง (Fact) ออกจากอารมณ์ความรู้สึก (Feeling) ยอมรับความเห็นต่างและสามารถหาจุดร่วมเพื่อการพัฒนา ช่างสังเกต เข้าใจและเคารพวิถีชีวิตของเพื่อนร่วมงานและคน ในชุมชน 2) นาฬิกาชีวิต เพื่อเข้าใจและเคารพในวิถีชีวิตของเพื่อนร่วมงาน 3) ไทม์ไลน์พัฒนาการ เพื่อสังเคราะห์เหตุการณ์สำคัญ (บุคคล/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์) ผลที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในทุกมิติ 4) ไทม์ไลน์กระบวนการ ใช้ศึกษาขั้นตอน และแยก กระบวนการให้เกิดความชัดเจน เพื่อพัฒนาศักยภาพอย่างตรงตามเป้าหมาย และ 5) Modified-Improved-Created Model (M.I.C Model) เพื่อระดมสมองในการพัฒนากระบวนการ บทความนี้เป็นการนำเสนอผลการวิเคราะห์สรุปอุปนัย (Analytic induction) ในการจัดกิจกรรมประกอบการเรียนรู้ และบทเรียนที่ได้จากการจัดการเรียนรู้และกิจกรรมสำหรับนักศึกษาปีที่ 1 ผ่านกระบวนการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ในรายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม เพื่อพัฒนาทักษะ Soft Skill อันเป็นทักษะระดับบุคลิกภาพอันเป็น ทักษะที่ไม่ใช่ทักษะทางเทคนิค แต่มีผลต่อการประสบความสำเร็จในการทำงานและชีวิตประจำวัน การดำเนินการในรายวิชาเป็น ลักษณะของโครงงานกลุ่มซึ่งปรากฏในเนื้อหาผลการศึกษาดำเนินงานโครงงานท้ายรายวิชา (Manifest content) ประกอบกับการนำ
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 62 แนวคิดทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้านวิศวกรสังคม ตลอดจนปัญหา อุปสรรค และผลการดำเนินงานของนักศึกษานำไปสู่ การพัฒนาทักษะ Soft Skills เพื่อนักศึกษาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาวิเคราะห์ผลการจัดกิจกรรมประกอบการเรียนรู้ในรายวิชา การพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกร สังคม 2. เพื่อนำเสนอบทเรียนการดำเนินการบูรณาการโปรแกรมสติกับวิศวกรสังคม เพื่อการพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษา จากการจัดการศึกษาภาคเรียนที่ 1/2566 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงใช้แนวทางการเรียนการสอนที่ให้โอกาสแก่ผู้เรียนมีบทบาทและความรับผิดชอบใน กระบวนการเรียนรู้ของตนเองมากขึ้น หรือที่เรียกว่า active learning ซึ่งประกอบไปด้วย การโต้ตอบ (Classroom discussion) กิจกรรมกลุ่ม (Group activities) โปรเจกต์และการทำงานสด (Projects and Hands-On activities) การเรียนรู้ผ่านปฏิสัมพันธ์ (Interactive learning) การใช้เทคโนโลยีและสื่อการสอนมัลติมีเดีย (Multimedia instruction and Technology usages) สำหรับ ในปีการศึกษา 2566 รายวิชาศึกษาทั่วไปที่กำหนดให้นักศึกษาใหม่ (ชั้นปีที่ 1) ทุกคนต้องผ่านการเรียนในรายวิชา “พัฒนาคุณสมบัติ ในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม” มีการกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้รายวิชา (Course Learning Objective: CLO) เพื่อให้ ผู้เรียนสามารถทำงานเป็นหมู่คณะ ร่วมกันคิดวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และดำเนินชีวิตอย่างมีสติ และร่วมกันคิดวางแผน แก้ปัญหาอย่างเป็นกระบวนการสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อการปรับปรุงแก้ไขหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ นอกจากนี้ยังผลักดัน ให้ผู้ที่จบหลักสูตรนี้สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ โดยมีแผนที่การ กระจายผลลัพธ์การเรียนรู้ (Mapping of CLO) ประยุกต์จากทฤษฎีของบลูม (Bloom et.al., 1956) ได้แก่ 1) ด้านความรู้ คือ ประยุกต์ใช้หลักการและทฤษฎีพื้นฐานในหมวดการศึกษาทั่วไปในชีวิตจริง 2) ด้านทักษะ คือสามารถควบคุมการแสดงออกโดยการ ปฏิบัติทักษะโดยปราศจากคำสั่งได้3) ด้านจริยธรรม คือให้ความสำคัญและยอมรับ และ 4) ด้านลักษณะบุคคล คือมีทักษะความคิด ริเริ่มสร้างสรรค์มีการการจัดการกับข้อมูลข่าวสาร และมีสติในการดำเนินชีวิต ซึ่ง active learning ในรายวิชานี้ ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อ ส่งเสริมการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้เรียนมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างความเข้าใจและความรู้และมี โอกาสในการปรับใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง ในลักษณะของการเรียนรู้ที่เน้นตามสถานการณ์ ภาพที่ 1 แผนภาพการกิจกรรมการเรียนรู้เปรียบเทียบกับเครื่องมือวิศวกรสังคมทั้ง 5 เครื่องมือ
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 63 ในการถอดบทเรียนครั้งนี้ใช้วิธีการนำเสนอความรู้ (Knowledge presentation) ที่ประมวลผลจากการสนทนากลุ่มย่อย และ การสะท้อนคิดจากอาจารย์ผู้สอนในภาคเรียนที่ 1/2566ทั้ง 10 ท่าน และจากนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จำนวน 12 หมู่เรียนที่ลงทะเบียนเรียน ทั้งสิ้น 260 คน รูปแบบของกิจกรรมในช่วง 12 สัปดาห์ โดยมีการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม เพื่อร่วมเรียนผ่าน 10 กิจกรรมการเรียนรู้ดัง แสดงในภาพที่ 1 สรุปความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมการเรียนรู้และเครื่องมือวิศวกรสังคมเป็นแผนภาพกิจกรรมการเรียนรู้ (Activity mapping) โดยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนนั้นดำเนินการในลักษณะรวมหมู่เรียนคละสาขาวิชาในห้องเรียนขนาดกลางถึงขนาด ใหญ่ จัดทีมคณาจารย์ 2-4 คนต่อการรวมหมู่เรียน โดยนักศึกษาในทุกคนได้รับโอกาสในการทบทวนหลังดำเนินกิจกรรม (After Action Review: AAR) เพื่อเป็นการยืนยันเครื่องมือที่นำมาใช้ในกระบวนการทำงาน และทบทวนวิธีการทำงานทั้งความสำเร็จและ ปัญหาจากการเรียนในแต่ละคาบเรียน จากนั้นอีก 3-5 สัปดาห์เป็นการดำเนินการค้นหาปัญหาด้วยการประยุกต์ใช้เครื่องมือวิศวกร สังคม เพื่อลงพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยฯ วางแผนแก้ไขปัญหา และเก็บรวบรวมข้อมูล พัฒนาเครื่องมือ นวัตกรรม (ถ้ามี) ที่ใช้ในการ แก้ไขปัญหาผ่าน เครื่องมือ ที่ 5 ของวิศวกรสังคม แล้วสรุปผลลัพธ์จากการดำเนินงาน ผ่านการให้คำแนะนำและนำเสนอ (Guided inquiry and presentation) ในรูปแบบของนิทรรศการวิศวกรสังคม (Social Engineer Day) ซึ่งดำเนินการโดยกองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดยทีมคณาจารย์ผู้สอนรายวิชาสลับหมู่เรียนกันประเมินและสะท้อนผลลัพธ์การดำเนินงาน ของนักศึกษา (Feedback and Assessment) เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้รับข้อมูลและตอบรับ คณาจารย์ผู้สอนดำเนินการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ผ่านแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ active learning ตามแนวทางการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ต้องการให้ผู้เรียนมีตามวัตถุประสงค์ (Outcome-based Education, OBE) โดยใช้ สื่อการสอนแบบบูรณาการศาสตร์ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดำเนินการโดยคำนึงถึงผลลัพธ์การเรียนรู้สู่ระดับบทเรียน ซึ่งเป็นการสร้าง ประสบการณ์การเรียนรู้(Constructive alignment) ที่เชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ตั้งแต่วิธีการสอนไปจนถึงการประเมินผล ในแต่ละคาบเรียนนักศึกษาจะมีโอกาสในการเรียนรู้ถึงความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลง (Continuous improvement) ผ่านกิจกรรม กลุ่มและโครงการ โดยมีการนำเสนอในทุกคาบเรียนเพื่อให้นักศึกษาได้มีประสบการณ์ตรงในการแสดงออกหน้าชั้นเรียนในรูปแบบต่าง ๆ โดยผู้สอนทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษา (Mentorship) มอบแนวทางในการพัฒนาที่ชัดเจนผ่านข้อคิดเห็นและข้อแนะนำ (Feedback) ระหว่างเรียนในลักษณะของข้อคิดเห็นเชิงบวก (Positive feedback) และข้อคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์(Constructive feedback) แบบ ทันทีหลังการนำเสนองาน เมื่อพบข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องที่ควรได้รับการแก้ไขจะมีการให้ข้อคิดเห็นเชิงลบ (Negative feedback) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาตนเองและเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และเป็นการสร้างสัมพันธภาพในทีม และสามารถเป็นปัจจัยในการนำ ความรู้ และทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันเป็นการให้ความสำคัญกับความพร้อมทางอาชีพ (Professional readiness) ได้อีกด้วย ภาพที่ 2 ภาพกิจกรรม Social Engineer Day 1 พฤศจิกายน 2566
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 64 ในการประเมินผลการเรียนรู้คณาจารย์ให้ความสำคัญกับการประเมิน (Assessment-driven) มีการใช้เกณฑ์การประเมินกลาง ของรายวิชา และใช้แบบประเมินพัฒนาโครงการคิดเป็นน้ำหนักร้อยละ 40 ในหัวข้อประเมินหลัก 4 ด้าน ตามเครื่องมือวิศวกรสังคม ได้แก่ ความสามารถใช้เครื่องมือฟ้าประทานเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในการแก้ปัญหา (นักคิด) ความสามารถในการใช้เครื่องมือนาฬิกาชีวิต ในการสื่อสารประสานงานในการแก้ปัญหา (นักสื่อสาร) ความสามารถในการใช้เครื่องมือไทม์ไลน์พัฒนาการเพื่อศึกษาก่อนการ แก้ปัญหา (นักประสาน) และความสามารถในการใช้เครื่องมือไทม์ไลน์กระบวนการในการวางแผนแก้ปัญหาได้อย่างเป็นกระบวนการ (นวัตกร) ตามลำดับ ผนวกกับการประเมินคุณสมบัติในตนระหว่างเรียนคิดเป็นน้ำหนักร้อยละ 60 ในด้านการทำงานร่วมกัน การตั้ง คำถามและตอบคำถาม การคิดวางแผนแก้ปัญหา และการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ตามลำดับ โดยมุ่งเน้นที่การนำผลลัพธ์มาปรับปรุงและ พัฒนาการศึกษา ไม่เพียงแค่การให้คะแนนหรือการตรวจสอบความรู้ของผู้เรียน แต่การประเมินนี้เน้นการตรวจวัดในทิศทางทักษะ ความเข้าใจ และการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง สอดคล้องกับแนวทางการเรียนรู้ที่เน้นตามสถานการณ์ (Situation-Based Learning: SBL) ซึ่งเป็นแนวคิดในการออกแบบการเรียนรู้ที่ให้ความสำคัญกับการนำความรู้และทักษะมาใช้ในสถานการณ์จริงหรือ สถานการณ์ในชีวิตประจำวัน (Lonka, 2020) ตามบริบทที่หลากหลายและเชื่อมโยงกับปัญหาหรือสถานการณ์ด้วยการทำงานกลุ่ม ทำ ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสได้ประสบการณ์ที่เข้าใจผ่านการนำไปใช้จริง (Real-world application) พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาในบริบท ปรับเปลี่ยนไปในสถานการณ์ที่ต่างกัน ภาพที่ 3 ประมวลผลการวิเคราะห์ความรู้สึกภายหลังการเรียนวิชาการพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมรายวิชาการพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติแลวิศวกรสังคม ในภาคเรียนที่ 1/2566 นักศึกษาร้อยละ 78.84 ตอบแบบประเมินตนเองโดยนักศึกษาทั้งในด้านความรู้สึกจากการเรียน (Sentiment analysis) และการทบทวนตนเองถึง ความรู้ที่ได้รับจากการเรียน (Reflective practice) ในรูปแบบของการทบทวนวิเคราะห์ (Reflecting and analyzing) โดยในภาพที่ 3 แสดงคราวด์คำ (WordCloud) ประมวลผลการวิเคราะห์ความรู้สึกของนักศึกษาโดยคำที่ปรากฎบ่อยและมีความสำคัญมากจะถูก แสดงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่คำที่ปรากฏน้อยหรือมีความสำคัญน้อยจะมีขนาดเล็กกว่า โดยการรวบรวมผลการสะท้อนตนเองจาก นักศึกษาที่ร่วมตอบแบบประเมิน ภาพที่ 4 แสดงคราวด์คำสรุปการทบทวนตนเองของนักศึกษาถึงความรู้ที่ได้รับ พบว่า นักศึกษา ประเมินตนเองว่าได้รับการเรียนรู้ (learned) ความรู้ (know) แบบหลากหลายกลุ่ม (groups) ผ่านเครื่องมือลักษณะต่าง ๆ (various tools) ได้เปลี่ยนมุมมองชีวิต (life) ได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น (work together) ได้ทำงานร่วมกันในสังคม (social working) และได้รู้จัก ขั้นตอนกระบวนการ (timeline) เป็นต้น
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 65 ภาพที่ 4 ประมวลผลการทบทวนตนเองของนักศึกษาหลังการเรียนวิชาการพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม การอภิปรายผลและสรุปผล การถอดบทเรียนการพัฒนา Soft Skill ด้วยวิศวกรสังคมในนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ผ่านกิจกรรม การเรียนรู้รายวิชาศึกษาทั่วไป “การพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม” ได้แก่ 1) ขนาดของกลุ่มนักศึกษาใน การร่วมกิจกรรม 2) ประสบการณ์และความพร้อมในการถ่ายทอดของผู้สอน 3) การใช้ทัศนคติเชิงบวกในกิจกรรมและการบรรยาย 4) การเกิดกระบวนการเรียนรู้ในระดับบุคคล และ 5) การเลือกเทคนิคโปรแกรมสติที่เหมาะกับอัตลักษณ์ของผู้เรียน จากการดำเนิน กิจกรรมเพื่อการพัฒนาทักษะทักษะทางสังคม หรือ Soft Skill ให้กับนักศึกษาในรูปแบบของกิจกรรมเสริม สู่การจัดการเรียนการสอน ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ต้องการให้ผู้เรียนมีตามวัตถุประสงค์ (OBE) โดยบทความนี้ได้สรุปเป็นแผนภาพกิจกรรมการเรียนรู้เปรียบเทียบกับ เครื่องมือวิศวกรสังคม โดยบทเรียนแห่งความสำเร็จในการพัฒนา Soft Skill ให้กับนักศึกษา อันประกอบไปด้วยทักษะการสื่อสาร (Communication) การทำงานร่วมกัน (Teamwork) การแก้ปัญหา (Problem Solving) การนำนวัตกรรม (Creativity) การจัดการ เวลา (Time Management) การปรับตัว (Adaptability) การมีวินัย (Discipline) การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Building) การให้บริการ (Customer Service) และความซื่อสัตย์และความนับถือ (Integrity and Respect) เหล่านี้นั้นสอดคล้องกับการ นำเสนอบทเรียนของ นิคม (2565) และอับดุลเลาะห์ (2565) และสอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ผ่านปรากฎการณ์ (Phenomenonbased learning) ที่อธิบายไว้ในหนังสือการจัดนวัตกรรมการเรียนรู้แบบฟินแลนด์ (Lonka, 2020) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในศตวรรษ ที่ 21 เจ็ดประการได้แก่ การคิดและการเรียนรู้ที่จะเรียนรู้สมรรถนะทางวัฒนธรรม ทักษะการสื่อสาร และการแสดงตัวตน การดูแล ตนเองและทักษะในชีวิตประจำวัน ทักษะการสื่อสารรอบด้าน ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทักษะชีวิตการทำงาน และทักษะผู้ประกอบการ การมีส่วนร่วม อำนาจในตนเอง และความพร้อมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน อันจะเป็นการเตรียมความพร้อม นักศึกษาสู่โลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างฉับพลัน (Disruptive technology) ได้ต่อไป
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 66 เอกสารอ้างอิง นงรัตน์ อิสโร. (2562). วิศวกรสังคม (Social Engineer) สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาประเทศ. เอกสารสรุปผล การอบรมเชิงปฏิบัติการ. นิคม สุวพงษ์. (2565). การถอดบทเรียน: เพื่อ เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้. Journal of Graduate Saket Review, 7(1), 47-60. พัชรา คงสุผล. (2561). ถอดบทเรียนโรงเรียนต้นไม้. Sarasatr, 1(4), 571-584. ยงยุทธ์ วงศ์ภิรมย์ศานติ์. (2560). สร้างสุขด้วยสติในองค์กร (Mindfulness in Organization: MIO). พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : บี ยอนด์ พับลิสชิ่ง จำกัด. สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2547). พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547. กรุงเทพฯ : สํานักงานฯ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี(พ.ศ. 2561-2580). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ. สุภางค์ จันทวานิช. (2553). การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. อับดุลเลาะ เจ๊ะหลง. (2565). เงื่อนไขการถอดบทเรียนกิจกรรมนักศึกษา: ปรากฏการณ์จากผู้นำนักศึกษา. THE LIBERAL ARTS JOURNAL, MAHIDOL UNIVERSITY, 5(2), 289-313. Bloom, B. S., Engelhart, M. D., Furst, E. J., Hill, W. H., & Krathwohl, D. R. (1956). Taxonomy of educational objectives: The classification of educational goals. Handbook I: Cognitive domain. New York: David McKay Company. Lonka, K. (2020). Phenomenal Learning: นวัตกรรมการเรียนรู้แห่งอนาคตแบบฟินแลนด์. OpenAI. (2024). ChatGPT-3.5: OpenAI’s language model. https://www.openai.com/
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 67 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม Factors Affecting the Enhancement of Students’ Soft Skills Through the Social Engineering Process. นพดล ทุมเชื้อ1 , อนุรักษ์ ธัญญเจริญ2 , อภิเชษฐ์ ขำเลิศ3 Noppadol Thumchuea1 , Anurak Thanyacharoen2 , Aphichet Khamlert3 บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและนำเสนอปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการ วิศวกรสังคม โดยได้ศึกษาวิธีปฏิบัติในปีการศึกษาที่ผ่านมาจากการจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วย กระบวนการวิศวกรสังคม และการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม เพื่อนำมาสรุป ปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษา และนำเสนอเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป ผลการศึกษา สามารถสรุปได้ ดังนี้ ปัจจัยที่จะทำให้การยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ 1) ก่อนการจัดกิจกรรม ได้แก่ การร่วมกันออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สามารถบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ ที่กำหนด การอบรม/ประชุมผู้สอนเพื่อทำความเข้าใจในการพัฒนาผู้เรียนให้ตรงตามผลลัพธ์การเรียนรู้ และการจัดเตรียมงบประมาณ 2) ระหว่างการจัดกิจกรรม ได้แก่ การประชุมผู้สอนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินกิจกรรม การใช้เครื่องมือวัด และเกณฑ์การ ประเมิน และการประสามงาน/วางแผนในการลงพื้นที่ของผู้เรียน และ 3) หลังการจัดกิจกรรม ได้แก่ การอบรมเพื่อสะท้อนผลการ ดำเนินการจัดการเรียนการสอน และการอบรมเพื่อ Upskills/Reskills ให้กับผู้สอน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้การยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคมทีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คำสำคัญ : ปัจจัยที่ส่งผล / การยกระดับ Soft Skills / กระบวนการวิศวกรสังคม 1 สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย 2 สาขาวิชาคณิตศาสตร์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย 3 สาขาวิชาการจัดการทั่วไป คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 68 บทนำ พระบรมราโชบายด้านการศึกษาขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ทรงมอบหมายองคมนตรี เพื่อดำเนินการโดยมีเป้าหมายอยู่ที่นักศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะนักศึกษาในการยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่นที่ตนอยู่ สร้างนักศึกษาเป็น “วิศวกรสังคม” ด้วยการมีทัศนที่ดีและถูกต้อง มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคงเข้มแข็ง มีงานทำ มีอาชีพ เป็นพลเมืองที่ดี การพัฒนา Soft Skill ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคมเพื่อพัฒนาทักษะของนักศึกษาที่ต้องมีติดตัวเพื่อการดำรงชีวิต และการทำงาน ในอนาคต ได้แก่การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล การเห็นปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย การสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับ ผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง สอดคล้องกับทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาการพัฒนาทักษะดังกล่าวให้กับนักศึกษา เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการบรรยายเป็นการท่องจำเนื้อหาแต่ไม่ลึกซึ้ง ผู้สอนจะนำเนื้อหาที่จะสอนให้นักศึกษาฟังทำ ให้นักศึกษาขาดประสบการณ์การลงมือทำในพื้นที่ องค์กร ชุมชน หมู่บ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ทักษะมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ดังที่ วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล (2562) กล่าวว่า Soft skills หมายถึง ทักษะ ด้านความคิด อารมณ์ความรู้สึก และการสื่อสารที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ และเอื้อให้เกิด การสร้างสรรค์นวตักรรม Soft skills จะช่วยส่งเสริมการพัฒนา Hard skills หรือทักษะเฉพาะทาง อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับ ที่ฐาปกรณ์ อ่วมสถิตย์ (2563) กล่าวว่า Soft Skill คือ ทักษะด้านอารมณ์และทักษะด้านสังคม เป็นทักษะที่ช่วยส่งเสริมความฉลาด ความสามารถทางอารมณ์ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นทักษะที่ช่วยให้สามารถดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไม่เป็นปัญหา ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนต้องเพิ่มสมรรถนะขีด ความสามารถที่นักศึกษาต้องมี หัวใจสำคัญในการปฏิรูปการศึกษาคือ “การยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการ วิศวกรสังคม” จึงจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปการเรียนรู้ ซึ่งองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง และสัมพันธ์กันมีหลายประการอันได้แก่ ครูผู้สอน รูปแบบการจัดการเรียนการสอน หลักสูตร การวัดและการประเมินผล องค์ประกอบเหล่านี้จะสนับสนุนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่มี คุณภาพและเกิดสมรรถนะสำคัญที่สามารถใช้ได้ในชีวิตจริง และจากการเปลี่ยนแปลงสังคมในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง สาธารณสุข และที่สำคัญคือการจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาบุคคลให้อยู่ในสังคมได้อย่างมี คุณภาพชีวิตที่ดี ดังที่ Noppadol Thumchuea (2022) ได้กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา Soft skills ของผู้เรียน ระดับอุดมศึกษาควรมีการปรับปรุงหลักสูตรที่เน้นผลลัพธ์ของผู้เรียน เน้นการปฏิบัติจริง ควรมีการกำหนดสมรรถนะของผู้เรียนเพื่อเป็น แนวทางในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ควรมีการส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงเพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติได้ อย่างคล่องแคล่ว หรือทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง จากแนวคิดที่กล่าวมา มหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึงจึงมีแนวคิดในการพัฒนานักศึกษา โดยนำเอากระบวนการวิศวกรสังคมมาใช้ตามพระราโชบายของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โดยพัฒนาทักษะทั้ง 4 ประการผ่าน เครื่องมือทั้ง 5 เครื่องมือ และกำหนดให้นักศึกษาวิศวกรสังคม ได้วิเคราะห์ ศึกษา วิจัย พัฒนาจากกรณีศึกษา เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ข้ามศาสตร์แบบลงมือปฏิบัติจริงจากการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น เป็นฐาน (Social Lab Based) ผ่านการ Coaching ของคณาจารย์ต่างคณะต่างสาขา และปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อให้นักศึกษาต่างคณะ ต่างสาขาร่วมดำเนินกิจกรรมแก้โจทย์ปัญหาเชิงพื้นที่ (Area based) ด้วยตัวนักศึกษาเองตลอดกระบวนการ โดยมุ่งเป้าที่การสร้าง นักศึกษาให้กลายเป็นบัณฑิตนักคิด นักสื่อสาร นักประสาน และนวัตกรชุมชน จากผลการดำเนินการที่ผ่านมาได้มีการศึกษาปัจจัย ที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม เพื่อนำไปสู่การพัฒนากระบวนการในการเรียนการ สอนให้ดียิ่งขึ้น
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 69 วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาและนำเสนอปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม การพัฒนา Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วิศวกรสังคม (Social Engineer) เป็นคำศัพท์ที่รวมกันระหว่าง 2 คำได้แก่ 1) วิศวกร (Engineer) หมายถึงบุคคลผู้ที่มีความ เชี่ยวชาญ มีความรู้ ถนัด ด้านการช่าง ออกแบบ สร้าง ซ่อม ผลิต ควบคุมสิ่งประดิษฐ์โดยมี ใบประกอบอาชีพด้านวิศวกรรมเป็น การรับรองความสามารถ และ 2) สังคม (Social) หมายถึงพื้นที่ชีวิตและกิจกรรมร่วมกันของคนตั้งแต่ 2 คนขึ้น ตั้งแต่สามีภรรยา ไปสู่การสร้างครอบครัวและหลายครอบครัวเป็นคุ้ม หมู่ ชุมชน เผ่าและหมู่บ้าน มีกิจกรรมทางสังคม และวัฒนธรรมร่วมกัน มีพื้นที่รวม ใจของคน จนหลายกิจกรรมที่ทำแล้วเป็นที่ยอมรับกัน และยังมีนักวิชาการที่ได้อธิบายความหมายของ วิศวกรสังคม (Social Engineers) ที่ได้นำมาเป็นแนวทางสามารถสรุปดังต่อไปนี้รัฐพล ตุลวรรธนะ (2564) กล่าวว่า วิศวกรสังคม คือ หลักวิชาในทาง รัฐศาสตร์ที่หมายถึงการปฏิบัติงานที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติอย่างกว้างขวาง และในพฤติกรรมสังคมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มปฏิบัติงาน ภาครัฐและธุรกิจ ในแวดวงทางการเมือง การเข้าไปเกี่ยวข้องกับวิศวกรรมทางสังคมคือวิศวกรรมทางการเมือง ด้วยเหตุผลนานาทัศนะ ความหมายของคำนี้จึงเป็นสิ่งที่แปดเปื้อนในความหมายที่แฝงไปด้วยในทางที่ไม่ดี อย่างไรก็ตามตัวบทกฎหมายและความเป็นธรรมรัฐ ได้มีผลกระทบเกี่ยวกับการแสวงหาการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและได้มีการพิจารณาคำว่าวิศวกรรมสังคมในขอบเขตหลายประการ การสร้างวิศวกรสังคม มีต้นกำเนิดจากความต้องการสร้างสังคมที่ดี มีระบบระเบียบในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์ เพื่อให้มีคุณภาพ ชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุข และประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยการมีความสามัคคี และเอื้ออาทรต่อกัน นักวิศวกรสังคมที่ดีควรคำนึงถึง ประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ สามารถคิดวิเคราะห์ได้อย่างเป็นระบบ สามารถสร้างความเชื่อมโยงกับชุมชนได้ โดยมี คุณลักษณะหลัก 4ประการ คือ 1) นักคิดที่มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผล เห็นปัญหาเป็นเรื่อง ท้าทาย 2) นักสื่อสารที่มีความสามารถในการนำความรู้ที่สร้างไปใช้ประโยชน์กับชุมชน สามารถสื่อสารองค์ความรู้เพื่อนำไปแก้ปัญหา ให้กับชุมชนได้ 3) นักประสานงานที่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถที่จะระดมกำลังไม่ว่าจะภายใน หรือนอกท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นได้ และ 4) นวัตกรผู้มีทักษะในการสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาให้กับชุมชน ท้องถิ่นได้สอดคล้องกับ Faiz & Agustine, (2018) ที่ได้อธิบายว่า วิศวกรสังคมมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้สังคม หรือชุมชนเกิดการ เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากวิศวกรสังคมทำหน้าที่เป็นผู้วิเคราะห์ศักยภาพชุมชนออกแบบเพื่อสร้างสรรค์สังคมให้เป็นสังคม ที่มีคุณภาพ โดยการยกระดับองค์ความรู้ในชุมชน สร้างนวัตกรรมเพื่อการแก้ปัญหาชุมชน และสร้างความยั่งยืนในการแก้ปัญหา เชิงพื้นที่บนฐานข้อมูล หรือบริบทของชุมชนนั้น ๆ ส่งเสริมให้ชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ฉะนั้น คุณภาพชีวิตของคนในสังคมจึง สามารถสร้างได้ด้วยการมีวิศวกรสังคมอยู่ในชุมชน โดย ดาว์พงษ์ รัตนสุบรรณ (2564) ได้กล่าวว่า วิศวกรสังคม เป็นอีกหนึ่งกลไก สำคัญที่จะช่วยสร้างชุมชนเข้มแข็งและสร้างเสริมสมรรถนะผู้เรียนให้สมบูรณ์ด้วยคุณลักษณะ 4 ประการ ได้แก่ การมีทัศนคติที่ถูกต้อง ต่อบ้านเมือง การมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม มีงานทำ มีอาชีพ และเป็นพลเมืองดี ซึ่งวิศวกรสังคมที่ได้รับการพัฒนาทักษะ จะสามารถเป็นสื่อกลางในการประสานประโยชน์ของทุกภาคส่วนเพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นเกิดการพัฒนา ให้นักศึกษามีความสามารถ และทักษะเพื่อการดำรงชีวิตและการทำงานในอนาคต สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตนได้ จากการศึกษาความหมาย ของวิศวกรสังคม (Social Engineer) จากนักวิชาการดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่า วิศวกรสังคม (Social Engineer) หมายถึง ผู้ที่มี ความสามารถในคิดวิเคราะห์อย่าง เป็นระบบ เป็นเหตุเป็นผล เชื่อมโยงอย่าง บูรณาการแบบข้ามศาสตร์ คละศาสตร์ ผสมศาสตร์ มีความรู้การใช้เครื่องมือ เทคนิควิธี กระบวนการ ขั้นตอนในการพัฒนาคนในชุมชนท้องถิ่น และในปี พ.ศ. 2563 กลุ่มมหาวิทยาลัยราช ภัฏได้สร้างรูปแบบการพัฒนานักศึกษาภายใต้ชื่อโครงการว่า “วิศวกรสังคม” โดยใช้ชุมชน ท้องถิ่นเป็นห้องเรียนสำหรับการทำ กิจกรรมนักศึกษาระหว่าง เรียนปกติในรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อสร้าง “Soft Skills” ที่จำเป็น สำหรับการใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21 ทักษะ แห่งอนาคต การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ปรับวิธีคิดเปลี่ยนวิธีสอน ปรับห้องเรียนสี่เหลี่ยม เป็นห้องเรียนชุมชน ให้ “ทักษะวิศวกร สังคม” ติดตัวนักศึกษาไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตและทำงานในอนาคต โครงการวิศวกรสังคม เป็นกระบวนการพัฒนานักศึกษาเพื่อการเป็น
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 70 บัณฑิตที่มีคุณลักษณะ และทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่ตอบสนองต่อบทบาทการพัฒนาท้องถิ่น ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ภายใต้กรอบ แนวคิดของการวิเคราะห์ ศักยภาพชุมชน การยกระดับองค์ความรู้ของชุมชน การสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาชุมชน และการสร้าง ความยั่งยืนในการแก้ปัญหาเชิง พื้นที่บนฐานข้อมูลชุมชน วิศวกรสังคม มีความสำคัญในฐานะเป็นทักษะเฉพาะของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่ได้รับการปลูกฝัง อบรม ให้ความรู้ ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุผล ค้นหาปัญหาที่แท้จริง คิด อย่างเป็นระบบ คิดเชิง สร้างสรรค์ คิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ลงมือทำอย่างมีระบบ แบบแผน ขั้นตอนตามหลักวิชา ไม่ติดตำรา พิจารณาจากปัญหา ที่แท้จริง สื่อสาร ประสานงานกับเป้าหมาย ภาคีเครือข่าย หุ้นส่วนทางสังคมอย่างเข้าใจ เข้าถึง พึ่งพา พัฒนา อย่างยั่งยืน รู้จักสร้าง เครื่องมือ ใช้เทคนิควิธีให้สอดคล้องกับวิถีวิธีภูมิสังคมที่ประชาชนอยู่ อาศัยในชุมชนท้องถิ่น ผลิตนวัตกรรมทางสังคมไปแก้ปัญหา ของสังคมได้ ในแนวทางที่ถูกต้องดีงามจนสร้างตนเป็นที่พึ่งแห่งตน สร้างตนเป็นที่พึ่งของสังคมได้อย่างสง่างามสมกับเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอย่างภาคภูมิองค์ประกอบของวิศวกรสังคมจากคู่มือพัฒนานักศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ แบบฝึก Soft Skills จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ฉบับรั่วมหาวิทยาลัย นงรัตน์ อิสโร (2564) และสามารถสังเคราะห์องค์ประกอบของวิศวกรสังคมได้ทักษะ วิศวกรสังคม ประกอบด้วย 1) ทักษะการคิดเชิงเหตุผล (นักคิด) 2) ทักษะการสื่อสาร (นักสื่อสาร) 3) ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น (นักประสาน) และ 4) ทักษะการสร้างนวัตกรรม (นักนวัตกร) เน้นให้การจัดการเรียนการสอนแบบข้ามศาสตร์แบบลงมือปฏิบัติจริง (Multidisciplinary Active Learning) ที่ใช้ชุมชน ท้องถิ่นเป็นฐาน (Social Lab Based) ด้วยเครื่องมือวิศวกรสังคม มีรายละเอียด ที่ดังนี้1) เครื่องมือ “ฟ้าประทาน” เพื่อให้สามารถแยกแยะข้อเท็จจริง (Fact) ออกจากอารมณ์และความรู้สึก (Feeling) ยอมรับ ความเห็นต่างและสามารถหาจุดร่วมเพื่อการพัฒนา (ตัวเอง องค์กร สังคม) ช่างสังเกต สืบเสาะหาข้อมูลบนหลักเหตุ-ผล 2) เครื่องมือ “นาฬิกาชีวิต” เพื่อให้สามารถตั้งคำถามอย่างสงสัยใคร่รู้ (5W 1H) เข้าใจและเคารพวิถีชีวิตของเพื่อนร่วมงานและคนใน ชุมชนเลือกเวลาและประเด็นการมีส่วนร่วมได้อย่างเหมาะสม (Put the right man to the right job) รู้จักตั้งคำถามเพื่อให้ได้มาซึ่ง ข้อมูล โดยมีจุดมุ่งหมายและการช่างซักถามอย่างสงสัยใคร่รู้3) เครื่องมือ “Timeline พัฒนาการ” เพื่อให้รู้จักคุณค่าอดีต เข้าใจ ปัจจุบันเพื่อวางแผนอนาคต 4) เครื่องมือ “Timeline กระบวนการ” เพื่อให้รู้จักทุกขั้นตอนอย่างถ่องแท้ เพื่อเลือกพัฒนาตามศักยภาพ อย่างตรงเป้าหมาย และ 5) เครื่องมือ “M.I.C. model” เพื่อให้มีหลักคิดการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง, Design thinking, LEAN business, BMC, Service design, Storytelling art for the best communication. ป รับ ป รุ ง (Modify) ยกระดับ (Improve) สร้างเพิ่ม (Create) กระบวนการด้วยองค์ความรู้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นเป็นการนำ กระบวนการวิศวกรสังคมไปใช้การพัฒนา“Soft Skills” ของนักศึกษา สามารถพัฒนาตนเองให้มีองค์ความรู้ สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อย่างกัลยาณมิตร คิดสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาพัฒนาชุมชนท้องถิ่น วิศวกรสังคมเป็นทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในการออกแบบเพื่อสอน ให้กับเหล่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศทั้ง 38 แห่งที่ยึดโยงกับวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นแต่ละภูมิภาค ตามบริบท ที่แตกต่างของภูมิสังคมที่เป็นทั้งชุมชนเมืองและชุมชนชนบท โดยการฝึกฝนอบรม บ่มเพาะให้ นักศึกษาราชภัฏเป็นผู้มีทักษะวิศวกร สังคมพร้อมกับการพึ่งตนเอง และเป็นที่พึ่งพาให้กับ สังคมที่กำลังเผชิญปัญหา การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและสังคมโลก จากหลักการและแนวคิดดังกล่าวมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงได้นำเอามาปฏิบัติโดยปีการศึกษา 2565 ได้จัดโครงการอบรม เชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ให้กับนักศึกษาทุกคณะโดยใช้รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาแต่ละ คณะรับผิดชอบ และได้ส่งอาจารย์เข้าร่วมอบรมกับส่วนกลางที่จัดขึ้นเพื่อมาขยายผลต่อในการอบรมให้กับนักศึกษา และได้จัดทำ รายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาชั้น ปีที่ 1 ทุกสาขาวิชา จากการดำเนินงานที่ผ่านมาพบข้อดี และข้อจำกับหลายประการ จึงได้มีการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาจากการจัดการเรียนการสอนด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม โดยมีขอบเขตในการศึกษาดังนี้ กลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาแต่ละคณะที่รับผิดชอบโครงการ อบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 จำนวน 6 คน นักศึกษาที่เข้ารับการอบรม เชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 จำนวน 100 คน ได้จาการสุ่มอย่างง่าย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 71 จากนักศึกษาทั้งหมด 600 คน อาจารย์ผู้สอนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 จำนวน 12 คน จาก 12 หมู่เรียน และนักศึกษาที่เรียนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 จำนวน 90 คน ได้จาการสุ่มแบบกลุ่มจากนักศึกษา 12 หมู่เรียน ทั้งหมด 260 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย 1) แบบบันทึกการประชุมกลุ่ม PLC (Professional Learning Community) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม 2) แบบสรุปผลการสะท้อนคิดของนักศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการวิศวกรสังคม 3) แบบบันทึกการประชุมกลุ่มย่อยการสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการ วิศวกรสังคม ขั้นตอนการดำเนินการและการเก็บรวบรวมข้อมูล การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วย กระบวนการวิศวกรสังคม เป็นการประยุกต์โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสม (Mix Method) โดยมีลำดับขั้นตอนดำเนินการวิจัยดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม 1) ศึกษาองค์ความรู้จากการถอดบทเรียนการดำเนินงานที่ผ่านมา ในการประชุมกลุ่ม PLC จากรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา แต่ละคณะที่รับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 และอาจารย์ ผู้สอนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 2) ศึกษาผลการสะท้อนคิดของนักศึกษาที่เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 เกี่ยวกับกระบวนการวิศวกรสังคม และนักศึกษาที่เรียนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 3) นำองค์ความรู้จากการถอดบทเรียนและการศึกษาการสะท้อนคิดของนักศึกษามาจัดประชุมเสวนากลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม จากรองคณบดีฝ่ายกิจการ นักศึกษาแต่ละคณะที่รับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 และอาจารย์ผู้สอนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 ขั้นตอนที่ 2 การสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม 1) นำผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม มาศึกษาแนวทาง เพื่อยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม 2) จัดประชุมเสวนากลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วย กระบวนการวิศวกรสังคมจากรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาแต่ละคณะที่รับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษา ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 และอาจารย์ผู้สอนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียน ที่ 1/2566
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 72 ผลการดำเนินงาน จากการดำเนินงานเพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการ วิศวกรสังคม พบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม สามารถแบ่งออกเป็น ดังนี้ ตารางที่ 1 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ก่อนการจัดกิจกรรม 1. การร่วมกันออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สามารถบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ที่กำหนด 1) ออกแบบกิจกรรมการฝึกปฏิบัติเรียนรู้การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมทั้ง 5 เครื่องมือ ก่อนลงพื้นที่ 2) ออกแบบกิจกรรมการลงพื้นที่เพื่อฝึกให้ผู้เรียนเกิดทักษะทั้ง 4 ทักษะ ด้วยเครื่องมือวิศวกรสังคม 2. การอบรมผู้สอนเพื่อทำความเข้าใจในการพัฒนาผู้เรียนให้ตรงตามผลลัพธ์การเรียนรู้ที่กำหนด 3. การประชุมผู้สอนเพื่อทบทวนการใช้สื่อประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ 4. การจัดเตรียมงบประมาณทั้งงบประมาณสนับสนุนด้านวัสดุ อุปกรณ์ สอนสอบฝึก และการลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติกิจกรรม ระหว่างการจัดกิจกรรม 1. การประชุมผู้สอนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินกิจกรรม 2. การใช้เครื่องมือวัด และเกณฑ์การประเมินดังนี้ 1) วัดความรู้เกี่ยวกับหลักการของเครื่องมือวิศวกรสังคม 2) วัดทักษะการใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมด้วยการสังเกตพฤติกรรม 3) วัดเจตคติจากการสะท้อนคิดการนำไปใช้ 3. การประสามงาน และวางแผนในการลงพื้นที่ของผู้เรียน 1) ใช้วงสนทนา PLC เพื่อเรียนรู้ร่วมกันและสะท้อนคิด 2) ใช้กลุ่ม Social Network เพื่อเรียนรู้ร่วมกันและเป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูล 3) มีเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน เพื่อสนับสนุนการจัดการ หลังการจัดกิจกรรม 1. การอบรมเพื่อสะท้อนผลการดำเนินการจัดการเรียนการสอน 2. การอบรมเพื่อ Upskills/Reskills ให้กับผู้สอน จากการศึกษา สามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรกก่อนการจัดกิจกรรม ได้แก่ การร่วมกันออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สามารถบรรลุผลลัพธ์การ เรียนรู้ที่กำหนด ประกอบไปด้วยการออกแบบกิจกรรมการฝึกปฏิบัติเรียนรู้การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมทั้ง 5 เครื่องมือ ก่อนลงพื้นที่ และการออกแบบกิจกรรมการลงพื้นที่เพื่อฝึกให้ผู้เรียนเกิดทักษะทั้ง 4 ทักษะ ด้วยเครื่องมือวิศวกรสังคม การอบรมผู้สอนเพื่อทำความ เข้าใจในการพัฒนาผู้เรียนให้ตรงตามผลลัพธ์การเรียนรู้ที่กำหนด การประชุมผู้สอนเพื่อทบทวนการใช้สื่อประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ และการจัดเตรียมงบประมาณสนับสนุนด้านวัสดุ อุปกรณ์ สอนสอบฝึก และการลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติกิจกรรม ระยะที่สองระหว่างการจัด กิจกรรม ได้แก่ การประชุมผู้สอนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินกิจกรรม การใช้เครื่องมือวัด และเกณฑ์การประเมิน ประกอบไป ด้วย การวัดความรู้เกี่ยวกับหลักการของเครื่องมือวิศวกรสังคม การวัดทักษะการใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมด้วยการสังเกตพฤติกรรม และการวัดเจตคติจากการสะท้อนคิดการนำไปใช้ และการประสามงาน/วางแผนในการลงพื้นที่ของผู้เรียนการประสามงาน ประกอบ ไปด้วยการใช้วงสนทนา PLC เพื่อเรียนรู้ร่วมกันและสะท้อนคิด การใช้กลุ่ม Social Network เพื่อเรียนรู้ร่วมกันและเป็นแหล่งเก็บ
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 73 รวบรวมข้อมูล และการมีเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน เพื่อสนับสนุนการจัดการ และระยะสุดท้ายหลังการจัดกิจกรรม ได้แก่ การอบรม เพื่อสะท้อนผลการดำเนินการจัดการเรียนการสอน และการอบรมเพื่อ Upskills/Reskills ให้กับผู้สอน อภิปรายและสรุปผล ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคมดังกล่าว เป็นผลมาจากการสะท้อน องค์ความรู้ที่ได้จากการดำเนินงานที่ผ่านมาในการจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ให้กับนักศึกษาทุกคณะ และการจัดทำรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปเพื่อใช้ในการ จัดการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกสาขาวิชา แสดงให้เห็นถึงลำดับและขั้นตอนของการดำเนินงานที่จะช่วยส่งเสริมให้การ ดำเนินงานเพื่อส่งเสริมความสามารถ ความชำนาญที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติในสถานการณ์จริงของนักศึกษา สอดคล้องกับ แก้วตา ผิวพรรณ (2565) ในการศึกษาโครงการบ่มเพาะวิศวกรสังคมเพื่อพัฒนานวัตกรรมในการเพิ่มศักยภาพพัฒนาเชิงพื้นที่ในอำเภอ เขาค้อ อยู่ในระดับดีมาก สอดคล้องกับ Noppadol Thumchuea (2022) ในการพัฒนาแนวทางการยกระดับรายวิชาศึกษาทั่วไป เรื่องการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ที่ส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาและเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ผ่านการลงมือปฏิบัติ ปัจจัยดังกล่าวจะส่งเสริมให้การจัด กิจกรรมวิศวกรสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าในสามารถเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และมีความชำนาญมากยิ่งขึ้นจากความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของการลงมือปฏิบัติในพื้นที่ชุมชน สอดคล้องกับ วัฒนา รัตนพรม (2564) ที่ว่า วิศวกรสังคมจะสร้างให้นักศึกษาคิดวิเคราะห์เป็นระบบมีเหตุและผล สามารถลงพื้นที่ในชุมชนเพื่อสร้างความเชื่อมโยงต่อชุมชน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรในการพัฒนาประเทศ โดยมีคุณลักษณะหลัก 4 ประการ คือ มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผลเห็นปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย การนำความรู้ที่เรียนไปใช้ประโยชน์ให้กับชุมชนได้อย่างไร สามารถสื่อสารองค์ความรู้ที่เรียนไปเพื่อนำไปแก้ปัญหาให้กับชุมชนได้ การทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถที่ จะระดมกำลังไม่ว่าจะภายในท้องถิ่นหรือนอกท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นได้ และมีทักษะในการสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่นได้ สอดคล้องกับ แก้วตา ผิวพรรณ (2565) ที่ว่า การพัฒนาและเพิ่มศักยภาพนักศึกษาวิศวกรสังคม ต้องได้รับการฝึกอบรมตามหลักการวิศวกรสังคม จะเห็นได้ว่าการพัฒนานักศึกษาให้เป็นผู้มีทักษะสำคัญในการปฏิบัติงานผ่าน กระบวนการวิศวกรสังคมต้องอาศัยการปฏิบัติงานจริงเพื่อฝึกใช้ความรู้และเครื่องมือที่ได้อบรมมาจะทำให้ความรู้ความสามารถเพิ่มมาก ขึ้นกว่าการเรียนรู้จากการอบรมเพียงอย่างเดียว
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 74 เอกสารอ้างอิง แก้วตา ผิวพรรณ. (2565). โครงการบ่มเพาะวิศวกรสังคมเพื่อพัฒนานวัตกรรมในการเพิ่มศักยภาพพัฒนาเชิงพื้นที่ในอำเภอเขาค้อ. วารสาร มจร. การพัฒนาสังคม. ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 กันยายน–ธันวาคม 2565. น.148-164. ฐาปกรณ์ อ่วมสถิตย์. (2563). การพัฒนาทักษะซอฟต์สกิลด้วยการดำเนินโครงการจิตอาสาตามแนวทางจิตตปัญญาศึกษา. วารสาร ศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ. ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน 2564. น.37-50. ดาว์พงษ์ รัตนสุบรรณ. (2564). วิศวกรสังคม(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 จาก https://www.bangkokbiznews.com/tech/953146 นงรัตน์ อิสโร (2564). คู่มือพัฒนานักศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ แบบฝึก Soft Skills จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ฉบับรั่วมหาวิทยาลัย. บริษัทอมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ วัฒนา รัตนพรม. (2564). วิศวกรสังคม(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 จาก https://today.line.me/t/v2/article/qgOE1w วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. (2562). การพัฒนาทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรม. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ผู้นำพัฒนานวัตกรรม หลักสูตรและการเรียนรู้. รัฐพล ตุลวรรธนะ. (2565). โครงการอบรม หลักสูตร “วิศวกรการเมือง” (ออนไลน์). รุ่นที่ 1/2565 27-29 พฤษภาคม 2565 ณ โรงแรม อมรินทา กรุงเทพฯ Faiz, P., & Agustine, O. (2018). The Indonesian constitutional court decisions as a social engineer in improving people’s welfare. The 1st International Conference on Recent Innovations (ICRI 2018), 165-170. Noppadol, T. (2022). Developing Guidelines for Upgrading General Education Courses on Applying the Sufficiency Economy Philosophy in Real Life. Docens Series in Education, 4, 32-43.
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 75 การพัฒนากิจกรรมนักศึกษาโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับวิศวกรสังคม เรื่อง การจัดการขยะพลาสติกเป็นพลังงาน Development of Students’Activities through Project Based Learning Incorporating Social Engineering on the topic of Plastic Waste Management for Energy Reform ภัทรกฤต คัชมาตย์1, , ขณัฏฐาพรรณ ปานณรงค์2 , ญาณี เพลิงพิษ3 , ธวัชวงศ์ แสงสัมฤทธิ์4 , อาภร ส่องเจี้ยะ5 , เพียงพร เบ็ญพาด6 Patarkrit Katchamat1 , Khanatthapan Pannarong2 , Yanee Plerngpit3 , Thawatwong Sangsumrit 4 , Aphon Songchia5 , Pengporn Banyapard6 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกรสังคม และ 2) ระดับ ผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดยใช้โครงาน ทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเป็นฐานโดยให้มีความสอดคล้องกับศาสตร์ในสาขาวิชาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการขยะ พลาสติกเป็นพลังงาน กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เครื่องมือในงานวิจัยครั้งนี้ใช้แบบสอบถาม เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีผลพบว่า 1) ความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกรสังคมในภาพรวมอยู่ระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านคะแนน มากที่สุดคือ เครื่องมือ MIC Model อยู่ระดับมาก 2) ผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมในภาพรวมอยู่ระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านคะแนนมากที่สุดคือ การทำงานเป็นกลุ่ม และความพึงพอใจในเข้าร่วมโครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงานอยู่ระดับมาก และการออกแบบเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิสในครั้งนี้ เพื่อจะนำมาเป็น นวัตกรรมให้นักศึกษานำมาพัฒนาภายในชุมชนมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงและชุมชนเทศบาลเมืองจอมพล โดยออกแบบให้ สามารถเติมขยะพลาสติกในเตาปฏิกรณ์ได้ครั้งละ 20 กิโลกรัม และใช้พลังงานความร้อนประมาณ 300 องศาเซลเซียส และสามารถ ผลิตดีเซลและน้ำมันเบนซีนได้รวมกันประมาณ 16 กิโลกรัม(70:30) และก๊าซ LPG ได้ประมาณ 4 กิโลกรัม และใช้ระยะเวลาการผลิต ประมาณ 8 ชั่วโมง คำสำคัญ : การพัฒนากิจกรรมนักศึกษา / โครงงานเป็นฐาน / วิศวกรสังคม / การจัดการขยะ / พลาสติกเป็นพลังงาน / ไพโรไลซิส __________________________________ 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 2 สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 3 สาขาวิชาเทคโนโลยีโยธาสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 4 นักวิชาการศึกษา คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 5 นักวิชาการศึกษา คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 6 นักวิชาการศึกษา กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 76 บทนำ โครงการวิศวกรสังคมเป็นโครงการที่ต้องการให้นักศึกษามีส่วนร่วมพัฒนาท้องถิ่น จากบทความพิเศษของพระบาท สมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานพระราโชบาย ด้านการศึกษา เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 คือ “ต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน มีดังนี้ 1) มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง กล่าวคือ ต้องมีความรู้ความเข้าใจต่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา มั่นคงในสถาบันกษัตริย์ และมีความเอื้ออาทรต่อครอบครัวรวมทั้งชุมชนของตน 2) มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม กล่าวคือ ต้องรู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิดชอบ ชั่วดี ปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบสิ่งที่ดีงาม ปฏิเสธสิ่งที่ผิด สิ่งที่ชั่ว และช่วยกันสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง 3) มีงานทำ มีอาชีพ กล่าวคือ การเลี้ยงดูลูกหลานในครอบครัวหรือการฝึกฝนอบรมในสถานศึกษาต้องมุ่งให้เด็กและเยาวชนรักงาน สู้งาน ทำจนงานสำเร็จ การฝึกฝน อบรมทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตรต้องมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนทำงานเป็นและมีงานทำในที่สุดและต้องสนับสนุนผู้สำเร็จหลักสูตร มีอาชีพ มีงานทำจนสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัว 4) เป็นพลเมืองที่ดี กล่าวคือ การเป็นพลเมืองดีเป็นหน้าที่ของทุกคน ครอบครัว สถานศึกษาและ สถานประกอบการต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีการเป็นพลเมืองดีคือเห็นอะไรที่จะ ทำเพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้องทำ” จึงแนวทางการวิจัยครั้งนี้คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ต้องการพัฒนานักศึกษา ให้เป็นบัณฑิตที่มีคุณลักษณะและทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่ตอบสนองต่อบทบาทการพัฒนาท้องถิ่น ผู้วิจัยจึงได้นำเครื่องมือวิศวกร สังคม ได้แก่ 1) ฟ้าประทาน โดยฝึกนักศึกษาให้เป็นนักคิด มีทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผลเห็นปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย 2) นาฬิการชีวิตโดยฝึกนักศึกษาให้เป็นนักสื่อสาร มีทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ปัญหา 3) Timeline พัฒนาการโดยฝึก นักศึกษาให้เป็นนักประสานงาน มีทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถระดมทรัพยากรสรรพกำลังใน ท้องถิ่นเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาได้ 4) Timeline กระบวนการ โดยฝึกนักศึกษาให้เป็นนวัตกร ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา บนฐานข้อมูลชุมชน และ 5) M.I.C. model มาประยุกต์ใช้ในการสร้างนวัตกรรมชุมชนของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม วิธีการดำเนินการวิจัยคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม โดยการทำการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้เรื่องเครื่องมือวิศวกรสังคม ให้กับนักศึกษา และนำการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning : PBL) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการ จัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ค้นหาคำตอบในสิ่งที่ตนเองสนใจได้ตามความต้องการ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธี ในการแก้ปัญหา การทำงานอย่างมีระบบ การวางแผนการคิดวิเคราะห์ เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถสรุปมาเป็นองค์ ความรู้ของตนเอง โดยผู้สอนเป็นผู้จัดเตรียมบรรยากาศให้เอื้อต่อการเรียนรู้(พิมพลักษณ์ โมรา, 2561, หน้า 42) และกำหนดโจทย์ โครงงานในครั้งนี้เป็นเรื่องการจัดการขยะในชุมชน โดยการบูรณาการศาสตร์ทั้ง 5 สาขาวิชาภายในคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และทำการหาข้อมูลในแหล่งเรียนรู้จาการศึกษาดูงาน เรื่อง “เครื่องผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติกด้วยกระบวนการไพโรไลซิส” (ยุทธการ มากพันธุ์, ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ ท่ามะขาม, 2566.) โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการวิจัย คือ ผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และทำการลงพื้นหาข้อมูล Timeline พัฒนาการ เรื่อง การจัดการขยะภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และเทศบาลเมืองจอมพล จังหวัดราชบุรี ได้ทำการ สัมภาษณ์ข้อมูลจริงกับนายพูนชัย คทาวัชรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี และ นายชาญชัย ใช่รุ่งเรือง นายกเทศมนตรีเมือง จอมพล และได้นำเสนอนวัตกรรม “การจัดการขยะพลาสติกเป็นพลังงาน ด้วยกระบวนการไพโรไลซิส” กับท่านพลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ในการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอม บึง ประจำปี 2566 และ คณะกรรมธิการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อปรึกษาหารือแนวทางในการบริหารจัดการโครงการกิจกรรมด้าน สิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองจอมพล ณ เทศบาลเมืองจอมพล อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีและทำการศึกษาระดับความรู้ และการนำไปใช้ประโยชน์และผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึง
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 77 วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาระดับความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดยใช้โครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงานเป็นฐาน 2. เพื่อศึกษาระดับผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึง โดยใช้โครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงานเป็นฐาน กระบวนการไพโรไลซิส คือ กระบวนการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นให้เป็นน้ำมันหรือพลังงาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม น้อย โดยทำการให้พลังงานความร้อนที่ในภาวะที่ปราศจากออกซิเจนในระบบปิด โดยน้ำมันไพโรไลซิสที่สกัดได้จากพลาสติกชนิด PP จะมีจุดวาบไฟที่อุณหภูมิต่ำสุดที่ 14 องศาเซลเซียส มีค่าความร้อนจากการเผาไหม้ที่ 46.134 MJ/kg และน้ำมันไพโรไลซิสที่สกัดได้ จากโฟม ชนิด PS มีจุดวาบไฟที่อุณหภูมิต่ำสุดที่ 35 องศาเซลเซียส มีค่าความร้อนจากการเผาไหม้ที่ 41.436 MJ/Kg และ เปรียบเทียบกับค่าจุดวาบไฟของน้ำมันก๊าดที่อุณหภูมิต่ำสุดที่จะอยู่ระหว่าง 35 องศาเซลเซียส ถึง 65 องศาเซลเซียส ค่าความร้อนจากการเผาไหม้แบบกรอสของน้ำมันก๊ดอยู่ที่ 46.2 MJ/Kg (ธันยบูรณ์ ถาวรวรรณ์, 2563, หน้า 15) รูปที่ 1 แบบเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส ที่มา : ยุทธการ มากพันธุ์ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ และนักศึกษาวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม แบบเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิสนี้ ออกแบบโดยนายยุทธการ มากพันธุ์ ผู้จัดการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติร่วมกับนักศึกษาวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เพื่อใช้ทำเป็นสื่อสาธิต กระบวนการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิสให้กับชุมชนภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และชุมชนเทศเมืองจอมพล โดยทำการออกแบบให้สามารถเติมขยะพลาสติกในเตาปฏิกรณ์ในหนึ่งครั้ง ๆ ละ 20 กิโลกรัม และใช้ พลังงานความร้อนอุณภูมิประมาณ 300 องศาเซลเซียส สามารถผลิตน้ำมันดีเซลและเบนซีนได้ประมาณ 16 กิโลกรัม (70:30) และได้ ก๊าซ LPG (LiquidPetroleum Gas) ได้ประมาณ 4 กิโลกรัม เพื่อย้อนกลับเป็นพลังงานหมุนเวียนให้เตาปฏิกรณ์ และระยะเวลา ในกระบวนการผลิตประมาณ 8 ชั่วโมง โดยวัสดุทำเตาปฏิกรณ์ทำจากอะลูมิเนียมเพื่อทนต่อการกัดกร่อน และมีระบบปั๊มดูดอากาศ
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 78 เพื่อดูดอากาศภายในเตาปฏิกรณ์ให้เป็นศูนย์ยากาศ ซึ่งมีผลทำให้จุดเปลี่ยนสถานะของเหลวเป็นก๊าซอุณหภูมิน้อยลง เพื่อความ ปลอดภัยและลดขนาดวัสดุให้มีขนาดเล็กลง และใช้การกลั่นตัวเป็นของเหลวด้วยอุณหภูมิอากาศภายนอก ซึ่งคุณภาพของน้ำมัน ขึ้นกับการคัดแยกขยะพลาสติกให้เป็นพลาสติกประเภทเดียวกัน และทำการควบคุมอุณหภูมิความร้อนและความดันระยะเวลา ในกระบวนการผลิตขึ้นกับประเภทขยะพลาสติก 1. ขอบเขตการศึกษา 1.1 กลุ่มเป้าในการศึกษา คือ ผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงที่เข้าร่วมโครงการวิศวกรสังคม เปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงาน มีจำนวน 5 สาขาวิชา ได้แก่ 1) สาขาวิชาอาชีวะอนามัยและความปลอดภัย 2) สาขาวิชา เทคโนโลยีโยธาสถาปัตยกรรม 3) สาขาวิชาเทคโนโลยีดิจิทัลมีเดีย 4) สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และ 5) สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ 1.2 ขอบเขตการศึกษา บทความวิจัยครั้งนี้ มุ่งศึกษาเนื้อหาคือ 1) ความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกรสังคม มีจำนวน 5 เครื่องมือ ได้แก่ 1.1) เครื่องมือ “ฟ้าประทาน” 1.2) เครื่องมือ “นาฬิกาชีวิต” 1.3) เครื่องมือ “Timeline พัฒนาการ” 1.4) เครื่องมือ “Timeline กระบวนการ” และ 1.5) เครื่องมือ “MIC Model” และ 2) ผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคม มีจำนวน 3 ด้าน ได้แก่ 2.1) ผลลัพธ์การใช้ทักษะกระบวนการการใช้เครื่องมือวิศวกรสังคม 2.2) ผลลัพธ์การทำงานเป็นกลุ่ม และ 2.3) ผลลัพธ์ความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงาน 1.3 ขอบเขตพื้นที่การวิจัย 1.3.1 พื้นที่ทำการศึกษาดูงาน “เครื่องผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติกด้วยกระบวนการไพโรไลซิส” ณ ศูนย์กสิกรรมท่า มะขาม ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 1.3.2 พื้นที่ทำการศึกษาการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม คือ 1) มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้แก่ อาคาร อำนวยการ สำนักงานสีเขียว สำนักงานฝ่ายอาคารและสถานที่ และถังหมักก๊าซชีวภาพอาคารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 2) เทศบาลเมืองจอมพล อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี 2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยใช้มาตราส่วน ประมาณค่าของลิเคิร์ท ( Likert Five Rating Scale อ้างถึงใน บุญชม ศรีสะอ้าน, 2545, 69-70) 3. วิธีดำเนินการ วิธีการดำเนินโครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงานเพื่อเป็นงานวิจัย มีขั้นตอนดังนี้ 3.1 อบรมผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจเครื่องมือวิศวกรสังคม 3.2 กำหนดโจทย์โครงานทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเป็นฐาน โดยให้มีความสอดคล้องกับบริบทภายในสาขาวิชาคณะ เทคโนโลยีอุตสาหกรรม ซึ่งนักศึกษาที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งจะถูกปลุกฝังอุดมการณ์อย่างภาคภูมิว่า “คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน” ที่มีพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยและมหาวิทยลัยราชภัฏทั่วประเทศ และโดยเฉพาะ ทางด้าน “พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย” จึงได้นำโจทย์โครงงานทางด้าน การจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม การลดภาวะโลก ร้อนคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และพลังงานทดแทน ในครั้งนี้
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 79 3.3 ฝึกทักษะการเป็นนักคิดให้สามารถค้นคว้าหาความรู้และหาต้นทุนทางสังคม เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่มาเป็น นวัตกรรมชุมชน ได้แก่ 1) การศึกษาดูงาน ณ ศูนย์กสิกรรมท่ามะขาม โดยมีนายยุทธการ มากพันธุ์ เป็นวิทยากรผู้เชี่ยวชาญการ แปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส 3.4 ฝึกทักษะการประสานงาน ได้แก่ 1) ศูนย์กสิกรรมท่ามะขาม ในการออกแบบและสร้างเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะ พลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส 3.5 ฝึกทักษะการสื่อสาร ได้แก่ 1) การนำเสนอแนวคิดการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส 2) การนำเสนอแนวคิดการจัดการขยะพลาสติกให้กับหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงและหน่วยงานภายนอก เทศบาลเมืองจอมพล 3.6 ดำเนินการนำเครื่องมือการวิจัยการพัฒนากิจกรรมนักศึกษาโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับวิศวกรสังคม เรื่อง การจัดการขยะพลาสติกเป็นพลังงานมาใช้งานและรายงานผลดำเนินการ 4. ผลการศึกษา ผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีความรู้เครื่องมือวิศวกรสังคมก่อนเข้าร่วมโครงการ มีคะแนนร้อยละ 56.88 และหลังเข้าร่วมโครงการ มีคะแนนร้อยละ 83.13 จึงมีคะแนนความก้าวหน้าร้อยละ 46.15 และมีผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกร สังคมของผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ดังนี้ 4.1 ระดับความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกรสังคม 1) เครื่องมือ “ฟ้าประทาน” พบว่า นักศึกษาสามารถคาดคะเนถึงผลกระทบ ผลดีผลร้ายในการตัดสินใจ หรือแสดงออกได้ อยู่ในระดับมาก 2) เครื่องมือ “นาฬิกาชีวิต” พบว่า นักศึกษาสามารถนำผลการวิเคราะห์นาฬิการชีวิต มาใช้งานเพื่อหาคำตอบ ในการทำงานได้ อยู่ในระดับมาก 3) เครื่องมือ “Timeline พัฒนาการ” พบว่า นักศึกษาสามารถนำเสนอรายงานแผนผังรูปแบบ Timeline พัฒนาการ ในที่ประชุมได้ อยู่ในระดับมาก 4) เครื่องมือ “Timeline กระบวนการ” พบว่า นักศึกษาสามารถเรียงลำดับขั้นตอนกระบวนการในการทำงานได้ และ สามารถนำเสนอรายงานแผนผังรูปแบบ Timeline กระบวนการ ในที่ประชุมได้ และ สามารถประเมินค่า Timeline กระบวนการ ว่าขั้นตอนใดสามารถพัฒนาต่อยอดต่อไปได้ อยู่ในระดับมาก 5) เครื่องมือ “MIC Model” พบว่า นักศึกษาสามารถอธิบายและยกตัวอย่างความหมายคำว่า modify ได้ และ สามารถอธิบายและยกตัวอย่างความหมายคำว่า improve ได้ และ นักศึกษาสามารถนำ Timeline กระบวนการที่รับการ พัฒนาแล้วมาเขียนนำเสนอในที่ประชุมได้ อยู่ในระดับมาก 4.2 ผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคม 1) ผลลัพธ์การใช้ทักษะกระบวนการการใช้เครื่องมือวิศวกรสังคม พบว่า นักศึกษาสามารถการนำเสนอ และประเมินผลอยู่ในระดับมาก . 2) ผลลัพธ์การทำงานเป็นกลุ่ม พบว่า นักศึกษาให้ความร่วมมือในการทำงาน อยู่ในระดับมาก 3) ผลลัพธ์ความพึงพอใจในการอบรมโครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติก พบว่า อยู่ในระดับมาก
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 80 อภิปรายและสรุปผล ผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มีความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์ “เครื่องมือวิศวกรสังคม” ในภาพรวม อยู่ระดับมาก และเมื่อพิจารณาระดับมากที่สุดคือ เครื่องมือ “MIC Model” ทั้งนี้เนื่องจากผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยี อุตสาหกรรมมีความสามารถอธิบายและยกตัวอย่างความหมายคำว่า modify ได้ คือ สามารถแก้ไขอะไรบ้างในขั้นตอนไหนได้ และสามารถอธิบายและยกตัวอย่างความหมายคำว่า improve ได้ คือสามารถทำให้ดีขึ้นได้อย่างไรได้ และ สามารถนำ Timeline กระบวนการที่รับการพัฒนาแล้วมาเขียนนำเสนอในที่ประชุมได้ ผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมในภาพรวมอยู่ระดับมากและเมื่อพิจารณาระดับมากที่สุดคือการทำงานเป็นกลุ่ม และ ความพึงพอใจในการอบรมโครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงานในภาพรวมอยู่ระดับมาก ทั้งนี้เนื่องจากผู้นำ นักศึกษา ยอมรับการทำงานร่วมกัน และวางแผนร่วมกันได้ มีเป้าหมายผลลัพธ์ของงานเดียวกัน ปรับรูปแบบวิธีการทำงานได้ มีความเคารพและทำความเข้าใจในหน้าที่ทุกคน และพร้อมเรียนรู้ความผิดพลาดร่วมกันได้ ทั้งนี้จะสอดคล้องงานวิจัยของ สุภาสพงษ์ รู้ทำนอง. (2566). ได้ศึกษาการพัฒนาวิศวกรสังคมด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาพื้นที่โดยใช้ภูมิสารสนเทศ ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง กำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร มีการประเมินผลความพึงพอใจในการพัฒนาวิศวกรสังคมจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม พบว่า มีภาพรวม ความพึงพอใจในระดับมาก และมีผลการประเมินการเรียนรู้ด้านความรู้และทักษะที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นในทุกด้าน จากการกำหนดโจทย์โครงานทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเป็นฐาน จึงได้เลือกทางด้าน “การจัดการขยะ และสิ่งแวดล้อม” “การลดภาวะโลกร้อนคาร์บอนฟุตพริ้นท์” และ “พลังงานทดแทน” ในครั้งนี้ โดยจะบูรณาการตามศาสตร์ของ แต่ละสาขาวิชา ดังนี้ 1) สาขาวิชาอาชีวะอนามัยและความปลอดภัย จะลงพื้นที่ในการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมในชุมชน 2) สาขาวิชาเทคโนโลยีโยธาสถาปัตยกรรม จะลงพื้นที่ในปรับปรุงภูมิสถาปัตย์ โดยการออกแบบสถานที่เพื่อติดตั้งเครื่องต้นแบบแปรรูป ขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส ให้มีความสวยงามเพื่อรองรับเป็นศูนย์การเรียนรู้และเชิงการท่องเที่ยวในอนาคต 3) สาขาวิชาเทคโนโลยีดิจิทัลมีเดีย จะลงพื้นที่ในการสื่อสารดิจิทัลมีเดีย ประสานงานประชาสัมพันธ์โครงการ 4) สาขาวิชาเทคโนโลยี ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และ สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ จะลงพื้นที่ในการออกแบบและสร้าง และสาธิตการทำงาน ของเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิสให้กับชุมชนในพื้นที่ จะสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ฉบับใหม่ (พ.ศ.2558-2579) ซึ่งปรับปรุงมาจาก แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกร้อยละ 25 ใน 10 ปี (พ.ศ. 2555-2564) และในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร นโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้มีการชดเชยราคา ให้กับโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับซื้อน้ำมันจากขยะพลาสติก ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2558 ถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2561 และให้มีการทบทวนต้นทุนการผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติกทุกปี โดยใช้กลไกประกันราคารับซื้อน้ำมันขยะพลาสติกเฉสี่ยที่ 14.50 บาทต่อลิตร (สุพิษชา ชีวพฤกษ์, 2560 หน้า 16-26.) สรุปได้ว่า วิศวกรสังคม เป็นแนวคิดของการพัฒนา Soft Skills หรือกระบวนการพัฒนาทักษะวิศวกรสังคมให้กับ นักศึกษาที่มุ่งเน้นการบ่มเพาะให้เป็นบัณฑิตที่เป็น “นักคิด นักสื่อสาร นักประสานงาน และนักสร้างนวัตกรรม” ด้วยความคิด ที่สร้างสรรค์และทัศนคติที่ดีและถูกต้องต่อสังคม (เอกสารประกอบการสอนรายวิชา 000401 คนราชภัฏ, 2565, หน้า 100 – 101) และสอดคล้องแนวคิดของ พิมพลักษณ์ โมรา. (2561). ที่ได้ศึกษาการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน : ทางเลือกในการจัด การศึกษาสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ได้กล่าวไว้ว่า เป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียน ได้ค้นหาคำตอบในสิ่งที่ตนเองสนใจได้ตามความต้องการ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีในการแก้ปัญหา การทำงานอย่างมีระบบ การวางแผน การคิดวิเคราะห์เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถสรุปมาเป็นองค์ความรู้ของตนเอง
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 81 ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะจากการศึกษาเพื่อนำผลการศึกษาไปใช้ประโยชน์ ข้อเสนอแนะงานในครั้งนี้ สามารถนำไปใช้เครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไล ซิสนี้ เป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมหรือชุมชนในท้องถิ่นในการสาธิตกระบวนการแปรรูปขยะ พลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส ร่วมกับการสอนให้ความรู้วิธีการคัดแยก การทำความสะอาด การทำให้แห้ง การจัดเก็บขยะพลาสติก เพื่อเข้าร่วมโครงการด้านการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม 2. ข้อเสนอแนะในทำการศึกษาครั้งต่อไป ข้อเสนอแนะงานครั้งต่อไป สามารถนำแบบเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไล ซิสนี้ ไปขยายขนาดปริมาณการเติมขยะพลาสติกใส่ในเตาปฏิกรณ์จากเดิมปริมาณ 20 กิโลกรัม ให้สามารถมีขนาดเพิ่มเติมได้ปริมาณ 200 กิโลกรัมได้ เพราะปริมาณขนาดนี้จะเหมาะกับธุรกิจ SME (Small and Medium Enterprises) หรือเรียกว่า วิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อมได้ หรือ วิสาหกิจชุมชน (community enterprise) เพื่อส่งเสริมกิจการของชุมชนในการผลิตพลังงานทางเลือก หรือการบริการให้ชุมชนได้ใช้ในกิจกรรม ได้แก่ เปลี่ยนขยะเป็นบุญ (การเผาศพ หรือ ฌาปนกิจ) ให้กับวัด หรือนำมาเป็นน้ำมัน ทดแทนมาใช้ในเครื่องตัดหญ้าของหน่วยงานเทศบาลเมืองจอมพล หรือ ทำเป็นแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทนการแปรรูปขยะพลาสติก เป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส โดยการจัดตกแต่งสถานที่ภูมิสถาปัตย์เพื่อยกระดับในเชิงการท่องเที่ยว หรือ การส่งเสริมการ จัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกสารอ้างอิง กระทรวงพลังงาน. แนวทางการส่งเสริมน้ำมันปีโตรเลียมจากขยะพลาสติก. (2552). สืบค้น 20 มกราคม 2567 จาก http://www.eppo.go.th/images/petroleum/Biofuels/oilplasticwaste.pdf กระทรวงพลังงาน. แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี (พ.ศ.2555-2564). ธันยบูรณ์ ถาวรวรรณ์. (2563). การศึกษาการผลิตน้ามันจากขยะพลาสติกด้วยกระบวนการไพโรไลซิส. วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ประยุกต์, 2563(2) กรกฎาคม – ธันวาคม,15 – 32 พิมพลักษณ์ โมรา. (2561). การจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน : ทางเลือกในการจัดการศึกษาสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. วารสารวิจัยและพัฒนาหลักสูตร, 2561(8), ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน, 42-52 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. (2565). เอกสารประกอบการสอนรายวิชา 000401 คนราชภัฏ. หน้า 100 – 101 สุพิษชา ชีวพฤกษ์. (2560). การประเมินแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก. วารสารวิชาการเทคโนโลขีอุตสาหกรรม, 13(1), 16-26. สุภาสพงษ์ รู้ทำนอง. (2566). การพัฒนาวิศวกรสังคมด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาพื้นที่โดยใช้ภูมิสารสนเทศ ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง กำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร. วารสารพิกุล, 21(2). 121-140 A. Lopez-Urionabarrenechea, I. de Marco, B.M. Caballero, M.F. Laresgoiti and A.Adrados. (2015). Upgrading of chlorinated oils coming from pyrolysis of plastic waste. Fuel Processing Technology, 137, 229–239. Achyut K. Panda, R.K. Singh and D.K. Mishra. (2010). Thermolysis of waste plastics to liquid fuel A suitable method for plastic waste management and manufacture of value added products—A world prospective. Renewable and Sustainable Energy Reviews, 14, 233–248 Alberto Pavlick Caetani, Luciano Ferreira and Denis Borenstein. (2016). Development of an integrated decisionmaking method for an oil refinery restructuring in Brazil. Energy, 111, 197-210.
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 82 คณะทำงานรวบรวมบทความวิชาการ ที่ปรึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต คณะทำงานรวบรวมบทความวิชาการ อาจารย์ ดร.มานพ ชาชิโย รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา นายธัชพิชัย ปิยสวัสดิ์ธาดา ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองพัฒนานักศึกษา อาจารย์ภาพิสุทธิ์ ภูวญาณพงศ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะครุศาสตร์ อาจารย์วีรวัฒน์ อินทรทัต รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและกิจการพิเศษ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อาจารย์แสงเดือน หังสวนัส รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิลปวัฒนธรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ อาจารย์เดชา สีดูกา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและสื่อสารองค์กร คณะวิทยาการจัดการ อาจารย์อัครวัฒน์ จิตหาญ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและวิเทศสัมพันธ์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ่งรัตน์ ทองสกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิพนธ์ บริเวธานันท์ คณะครุศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.วัชรี หิรัญพันธุ์ คณะวิทยาการจัดการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จันทนา แสงแก้ว คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุทธิณี พรพันธุ์ไพบูลย์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร นายกัมปนาท ไทยมิตต์ชอบ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานบริการและสวัสดิการนักศึกษา กองพัฒนานักศึกษา นายพีรวัฒน์ ขาวทอง ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานพัฒนานักศึกษา กองพัฒนานักศึกษา ว่าที่ ร.ต. ธนกรณ์ ชัยธวัช ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานบริหารทั่วไป กองพัฒนานักศึกษา นายบุรินทร์ ไทยมิตรชอบ กองพัฒนานักศึกษา นายณรงค์ จริงจิต กองพัฒนานักศึกษา
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 83