การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 51 – ช่วยเหลือดูแลนักศึกษาแบบเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Assist) 4) ชมรม To Be Number One มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก 2. ช่วงกลางน้ำ – แนวทางการดำเนินการแบ่งออกเป็น 3 ด้าน • ด้านส่งเสริมป้องกัน o พัฒนาศักยภาพแกนนำนักศึกษา แกนนำศึกษาหากลุ่มเสี่ยงดูแลช่วยเหลือและส่งต่ออาจารย์ภายใต้ โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน o พัฒนาศักยภาพอาจารย์ บุคลากรทางด้านการศึกษา อาจารย์ที่ปรึกษา และผู้เกี่ยวข้องได้รับการอบรม การให้คำปรึกษาเบื้องต้นการดูแลช่วยเหลือนักศึกษากลุ่มเสี่ยง o การคัดกรองเชิงรุก ด้วย Mental Health Check In / Rmutto Happy wellness o บูรณาการความร่วมมือ การได้รับการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตจากหน่วยงานที่ดำเนินงานสนับสนุนองค์ ความรู้ด้านสุขภาพจิต ภาคีเครือข่ายศูนย์สุขภาพจิตที่ 6 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง เครือข่ายการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาและแนะแนวทางการศึกษาและอาชีพสำหรับนิสิตนักศึกษา ระดับอุดมศึกษา(สกอ.) • การดูแลช่วยเหลือ จากการส่งต่อเข้ารับการรักษา o การประสานงานผู้ปกครอง อาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อนำนักศึกษาที่มีความเสี่ยง เข้ารับการตรวจวินิจฉัย จากแพทย์และเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป o การติดตามดูแลนักศึกษากลุ่มเสี่ยงรายบุคคล ทั้งในเขตมหาวิทยาลัยและหอพักนักศึกษาหรือบริเวณ ใกล้เคียง การให้บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ • ด้านการพัฒนาสู่ความยั่งยืน o มีระบบในการช่วยเหลือดูแลนักศึกษาของมหาวิทยาลัยครอบคลุมทั้ง 4 เขตพื้นที่ o มีการจัดวางฐานระบบข้อมูลรายบุคคลเพื่อประสิทธิภาพในการให้บริการและการดำเนินการ o จัดทำแผนเผชิญเหตุ และซักซ้อมแผน เพื่อรองรับการเกิดเหตุวิกฤต o มีโรงพยาบาลคู่เครือข่ายในการส่งต่อนักศึกษากลุ่มเสี่ยงเพื่อการรักษา โดยไม่ต้องอาศัยสิทธิ์บัตรทอง 3. ช่วงปลายน้ำ การส่งนักศึกษาเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตเวช เพื่อตรวจวินิจฉัย อาการ ในกรณีที่มีความผิดปกติทางความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมก้าวร้าว คลุ้มคลั่ง หรือมีภาวะซึมเศร้าขั้น รุนแรง มีพฤติกรรมคิดฆ่าตัวตาย การพยายามฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายตัวเอง อาการกลุ่มโรคแพนิค อาการ ไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) โรคอารมณ์สองขั้ว เพื่อช่วยเหลือดูแลในการหาแนวทางในการเรียน กรณีที่แพทย์ วินิจฉัยให้พักรักษาตัว และกรณีที่แพทย์วินิจฉัยให้สามารถกลับมาเรียนได้ตามปกติ เพื่อวางแนวทางใ นการอยู่ ร่วมกับผู้ป่วยการจัดทำรายงานเพื่อเสนอต่อผู้บังคับบัญชารับทราบ และการสรุปรายงานประจำปีเพื่อจัดทำ แผนพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักศึกษาในปีถัดไป อภิปรายและสรุปผล 1. มีแนวทางในการปฏิบัติเมื่อพบนักศึกษาที่ประสบปัญหาต่างๆผ่าน การช่วยเหลือดูแลจาก ระบบ อาจารย์ที่ปรึกษาและระบบ การดูแลนักศึกษาแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อส่งต่อนักศึกษาเข้าสู่ระบบในการดูแล ช่วยเหลือของมหาวิทยาลัย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 52 – 2. การทำงานเชิงรุกในรูปแบบของการคัดกรอง นักศึกษาเพื่อนำผลจากการคัดกรอง เข้าสู่กระบวนการ ในการ ส่งเสริมป้องกันดูแลช่วยเหลือและพัฒนาในด้านต่างๆ รวมทั้งการส่งต่อเพื่อการรักษา 3. เมื่อสิ้นปีการศึกษามีการนำผลการดำเนินงานมารวบรวมและสรุปเป็นภาพรวมของมหาวิทยาลัย มีการถอดบทเรียนและนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางในการแก้ไขเพื่อดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือ นักศึกษาในมหาวิทยาลัยในปีถัดไป ปัจจัยความสำเร็จ 1. มหาวิทยาลัยมีการกำหนดวิสัยทัศน์และนโยบายในการให้ความสำคัญถึงการดูแลสุขภาพจิตของ นักศึกษาโดยให้คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา ร่วมกันคิดและพัฒนากระบวนการต่างๆในการสนับสนุนการ ดำเนินงานช่วยเหลือนักศึกษาในมหาวิทยาลัย 2. การมีเครือข่าย ในการร่วมพัฒนาการดำเนินงานช่วยเหลือนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ที่เป็นหน่วยงาน ภายนอก อาทิ ศูนย์สุขภาพจิตที่ 6 กรมสุขภาพจิต โรงพยาบาล หน่วยงานสาธารณสุข มหาวิทยาลัยที่มีความ เชี่ยวชาญในระบบการดูแลนักศึกษาทางด้านสุขภาพจิต 3. การมีส่วนร่วม ของบุคลากร คณาจารย์ นักศึกษา ในการให้ความสำคัญกับการดูแลนักศึกษาทั้งด้าน การเรียนและด้านสุขภาพทางจิต ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการแก้ไข 1. อาจารย์และบุคลากรบางส่วนยังไม่ ทราบกระบวนการขั้นตอนของระบบการดูแลช่วยเหลือ ส่งผลให้มาสามารถดูแลนักศึกษาที่มีปัญหาได้อย่าง ทั่วถึง 2. นักศึกษาที่เข้าสู่ระบบการดูแล ช่วยเหลือเหลือยังคงมีน้อยเนื่องจากยังไม่กล้าเข้ามารับ บริการแนวทางการแก้ไข 3. จัด Work shop ทักษะการให้คำปรึกษา การใช้เครื่องมือทางจิตวิทยา ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา วัยรุ่นการส่งเสริมสุขภาพจิต และแนวทางการดำเนินงานช่วยเหลือนักศึกษาในมหาวิทยาลัย(Work Flow) 4. การคัดกรองนักศึกษาที่คลอบคลุม และการส่งเสริมกิจกรรมที่เป้นแนวทางในการป้องกัน ตลอดทั้ง การสร้างกลุ่มนักศึกษาเข้ามาช่วยเหลือและดูแลนักศึกษาแบบเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Assist) เพื่อส่งต่อเข้าสู่ระบบ การดูแลช่วยเหลือ ความท้าทายต่อไป 1. การเผยแพร่องค์ความรู้และแนวทางการปฏิบัติที่ดีสู่หน่วยงานภายนอก 2. การมีนวัตกรรมทางสุขภาพจิตสำหรับการแก้ไขดูแลนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 53 – เอกสารอ้างอิง กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2563). คู่มือการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะของเยาวชน เรื่องการฝึกคิด แก้ปัญหา พัฒนา EQ สำหรับอาสาสมัคร/แกนนำศูนย์เพื่อนใจ To Be Number One ฉบับปรับปรุง ปี 2563. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์สื่อและสิ่งพิมพ์แก้วเจ้าจอม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. กลุ่มพัฒนาระบบสวัสดิการและบริการนักศึกษา สำนักส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักศึกษา สำนักงาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2561). แนวปฏิบัติที่ดีในการจัดระบบสวัสดิการและบริการนักศึกษาของ สถาบันอุดมศึกษา. กรุงเทพมหานคร: บริษัท ซีโน พับลิชชิ่ง แอนด์ แพคเกจจิ้ง จำกัด. กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมสุขภาพจิต. (2563). แนวทางการดูแลสุขภาพด้านจิตใจ Mental Health Package. กรุงเทพมหานคร: บริษัท บียอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด. กองส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2565). แนวทางการดำเนินงานการดูแล ช่วยเหลือและศึกษาในมหาวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: บริษัท บียอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด. นพพร แสงทอง, พ. ศ. (2564). การเสริมสร้างสมรรถนะการให้คำปรึกษาของนักเรียนเพื่อนที่ปรึกษา โดยการฝึกอบรมเชิงจิตวิทยา. วารสารวิจัยทางการศึกษาปีที่ 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564, 14 – 26. สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม. (2563). กรอบแนวทางการดำเนินการ ตามมาตรฐานกิจการนักศึกษา. กรุงเทพมหานคร: บริษัท ซีโน พับลิสชิ่ง แอนด์ แพคเกจจิ้ง จำกัด. ปุณณาสา โพธิพฤกษ์, (2563). การพัฒนารูปแบบการให้การปรึกษากลุ่มแบบเพื่อนช่วยเพื่อนเพื่อส่งเสริมสมรรถนะ ในการให้คำปรึกษาแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ของนักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่. วารสารเกษมบัณฑิต, 90 – 102. พิมพ์รัตน์ บุญญภักดิ์, (2564). การพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพจิตสำหรับนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา. วารสาร การพยาบาลและการศึกษา ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2564, 33-49. ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย สถาบันสุขภาพจิตและเด็ก และวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต. (2561). คู่มือปฏิบัติการดูแลวัยรุ่นที่มีภาวะซึมเศร้า สำหรับ บุคลากรสาธารณสุข และบุคลากรทางการศึกษา ตามแนวทางการดูแลวัยรุ่นที่มีภาวะซึมเศร้า. กรุงเทพมหานคร: บริษัท บียอนด์ พับลิสชิ่ง จำกัด. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ฝ่ายแนะแนวการศึกษาและอาชีพ กองบริการ สำนักงานอธิการบดี. (2550). คู่มือการ ปฏิบัติงานแนะแนว สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล. กรุงเพทมหานคร. สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2560). มาตรฐานการบริการ การให้คำปรึกษาวัยรุ่นสำหรับบุคลากรสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร: บริษัท บียอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด. สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักศึกษา. (n.d.). การใช้ระบบการให้คำปรึกษาวิชาการระดับปริญญาตรี สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. สำนักส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิตกรมสุขภาพจิต. (2561). คู่มือการจัดพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับวัยรุ่นและเยาวชน ในชุมชน. กรุงเทพมหานคร: บริษัท บียอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด.
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 54 – การศึกษาปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร A study of problems in participating in activities of undergraduate students Rajamangala University of Technology Phra Nakhon ชนัตชญาน์นันท์ รัตน์บุญทอง1 Chanatchayanan Ratbunthong1 บทคัดย่อ การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และ 2) ศึกษาทัศนคติในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากกลุ่ม ตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาจาก 9 คณะ และ 1 สถาบัน ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จำนวน 400 คน ใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (̅ ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t-Test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบ ทางเดียว (One-way analysis of variance) ผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาเพศ หญิง คิดเป็นร้อยละ 52.00 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 89.50 กำลังศึกษาระดับชั้นปีที่ 1 ร้อยละ 49.50 และมี สถานะในการเข้าร่วมกิจกรรม โดยเป็นนักศึกษาทั่วไป ร้อยละ 75.75 ทัศนคติและความคิดเห็นที่มีต่อการเข้าร่วม กิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเข้าร่วม กิจกรรม ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (̅ = 4.05) ทัศนคติและความคิดเห็นที่มีต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการไม่เข้าร่วมกิจกรรม ภาพรวมอยู่ ในระดับปานกลาง (̅ = 3.39) ความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พระนคร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (̅ = 3.81) และการทดสอบสมมติฐาน พบว่า เพศ และสถานะในการเข้าร่วม กิจกรรมของนักศึกษาต่างกันมีปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนศาสนา และระดับชั้นที่ศึกษาต่างกันมีปัญหาในการเข้าร่วม กิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ไม่แตกต่างกัน คำสำคัญ : นักศึกษา, กิจกรรมนักศึกษา, ปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรม ________________________________________ 1 หลักสูตรคหกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พระนคร
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 55 – บทนำ สถาบันการศึกษาต่างมุ่งเน้นให้นักศึกษามีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ และมุ่งพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ของนักศึกษา เพื่อให้เป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ การส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมเสริม มีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนานักศึกษาให้เป็นบัณฑิตที่มีความสมบูรณ์พร้อมในการใช้ชีวิต และทำประโยชน์เพื่อสังคมในอนาคต กิจกรรมนักศึกษาจึงเป็นกระบวนการทางการศึกษาที่มหาวิทยาลัยจัดให้มีขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้รู้จักสนิท สนม ปรึกษาหารือร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือกันในด้านต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ของนักศึกษา โดยมีอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่คอยแนะนำและให้คำปรึกษาเพื่อให้การดำเนินการจัดกิจกรรมของนักศึกษา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม นอกจากกิจกรรมทางด้านวิชาการแล้วมหาวิทยาลัย ยังส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษารู้จักคิดและสร้างสรรค์กิจกรรมในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับจากการทำกิจกรรมนักศึกษานั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตในอนาคต ค่อนข้างมาก เนื่องจากสังคมทุกวันนี้ไม่ต้องการเพียงแต่คนเก่งทางวิชาการเพียงอย่างเดียวแต่ต้องการคนี่มีความสมบูรณ์ ทั้งความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพและวิชาชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ จึงเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าผลจากการ เข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาทำให้ได้รับประโยชน์ที่มีคุณค่ามากมายหลายประการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จึงให้ความสำคัญกับกิจกรรมนักศึกษาเป็นอย่างมากเพราะถือ ว่าเป็นเครื่องมือสําคัญ ในการเสริมสร้างประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของสังคม ในปัจจุบัน โดยกิจกรรมนักศึกษา เป็นส่วนสำคัญที่จะก่อให้เกิดทักษะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคลิกภาพ ความคิด ทัศนคติ และค่านิยมของนักศึกษา ดังนั้น กระบวนการในการผลิตบัณฑิตที่มุ่งแต่วิชาการในชั้นเรียนที่เน้น ภาคทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่น่าจะไม่เหมาะสมกับความต้องการของสังคมปัจจุบัน การส่งเสริมการทำกิจกรรมนักศึกษา จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนานักศึกษา เพื่อส่งเสริมคุณภาพของบัณฑิตและการศึกษาให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มหาวิทยาลัยจึงต้องให้ความสำคัญ เอาใจใส่ ร่วมมือกันเสริมสร้างนักศึกษา ให้เกิดการเรียนรู้และการพัฒนาคน และนักศึกษาเองต้องเป็นผู้ที่มีภาระหน้าที่จะพัฒนาตนให้เติมศักยภาพด้วยการดำเนินการเพื่อที่จะไห้นักศึกษา มีความสามารถและมีคุณภาพดังกล่าวไม่อาจสำเร็จผลได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าจะอาศัยการจัดการเรียน การสอน ในห้องเรียนเท่านั้น (แสวง เสนาณรงค์, 2521) โดยกิจกรรมนักศึกษาเป็นรูปแบบหนึ่งของกระบวนการศึกษานอกชั้น เรียนที่มีความสำคัญอย่างมากต่อประสบการณ์ทางการศึกษาของนักศึกษา ซึ่งได้แก่ การพัฒนาวุฒิภาวะ ของนักศึกษา การพัฒนาทักษะด้านการจัดการและทักษะการตัดสินใจทางอาชีพ นอกจากนี้กิจกรรมนักศึกษายังควร มีลักษณะเป็นกิจกรรมที่ทำด้วยความสมัครใจ นักศึกษาเป็นผู้คิดเองทำเองอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดี รูปแบบ และขั้นตอนการทำกิจกรรมที่ชัดจนและมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษาและชี้แนะ (สำนักงานปลัดกระทรวง ทบวงมหาวิทยาลัย, 2540) ด้วยเหตุนี้กิจกรรมนักศึกษาจึงเข้ามีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนการศึกษา ของสถาบันอุดมศึกษา เนื่องจากกิจกรรมนักศึกษามีส่วนช่วยในการพัฒนาบัณฑิตให้มีคุณภาพได้ อีกทั้งยังมีส่วน สำคัญในการทำให้นักศึกษาได้รับประโยชน์ในด้านการรู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง การสร้างความ มั่นใจในตนเอง พัฒนาการด้านทักษะมนุษย์สัมพันธ์ ทักษะความเป็นผู้นำ ความเข้าใจโลกของการทำงาน ความเข้าใจในธรรมชาติ และความแตกต่างของมนุษย์ ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ผู้นำและผู้ตาม การรู้จักรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งกิจกรรมนักศึกษายังเป็นส่วนสำคัญของชีวิตนักศึกษาที่ส่งผลต่อการพัฒนานักศึกษาให้เป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ใน
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 56 – ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม ทัศนคติต่อการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษา ของนักศึกษา ลักษณะประชากร 1. เพศ 2. ศาสนา 3. ระดับชั้นปี 4. สถานะในการเข้าร่วมกิจกรรม สภาพปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรม ของนักศึกษา อนาคต เหตุนี้กิจกรรมนักศึกษาจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษาของ มหาวิทยาลัย (สำนักงาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา,2551) การจัดกิจกรรมนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครนั้น เป็นหน้าที่ของกองพัฒนา นักศึกษา และฝ่ายกิจการนักศึกษาของทุกคณะ ที่จะต้องมีบทบาทในการให้นักศึกษา ทุกคณะ ทุกชั้นปีได้เข้ามาร่วม ทำกิจกรรมต่างๆ การทำการวิจัยครั้งนี้จึงมุ่งศึกษาถึงปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา เพราะนักศึกษา แต่ละคนมีความต้องการในการเข้าร่วมกิจกรรมที่แตกต่างกัน โดยผู้วิจัยจะได้นำข้อมูลจากการทำวิจัยนี้มาจัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อสร้างองค์ความรู้ กระบวนการคิดวิเคราะห์ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ มีทักษะการดำรงชีวิตที่เกิดจากการฝึกหัด สามารถใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง และประกอบอาชีพ สามารถดำรงตนอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลพระนคร 2. เพื่อศึกษาทัศนคติในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลพระนคร ขอบเขต 1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ทั้ง 9 คณะ ที่กำลัง ศึกษาอยู่ในระดับปริญาตรี ปีการศึกษา 2565 จำนวน 10,531 คน 2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 400 คน โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามสูตรการคำนวณ ของ ทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) และทำการสุ่มแบบแบ่งชั้นชนิดสัดส่วน(Proportional Stratified Sampling) โดยการใช้วิธีการสุ่มแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) แนวคิด ภาพที่ 1 แสดงกรอบแนวคิด
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 57 – ลักษณะทางประชากร พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 52.00 นับถือศานาพุทธ ร้อยละ 89.50 กำลังศึกษาระดับชั้นปีที่ 1 ร้อยละ 49.50 และมีสถานะในการเข้าร่วมกิจกรรม โดยเป็นนักศึกษาทั่วไป ร้อยละ 75.75 ทัศนคติและความคิดเห็นทีมีต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลพระนครด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเข้าร่วมกิจกรรม ภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.05 ทัศนคติและความคิดเห็นทีมีต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลพระนครด้านปัจจัยที่มีผลต่อการไม่เข้าร่วมกิจกรรมภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ย 3.39 ความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภาพรวม อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 3.81 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรกับปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลพระนครแตกต่างกัน พบว่า เพศ และสถานะในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนศาสนา และระดับชั้นที่ศึกษาต่างกันมีปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ไม่แตกต่างกัน อภิปรายผลและสรุปผล ทัศนคติต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ทั้งนี้ อาจเนื่องจากการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายด้าน เช่น ทัศนคติต่อกิจกรรมประเภทนั้นสภาพความต้องการ และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เป็นต้น Astin 1970 อ้างถึงใน กรกช ศิริ (2536) สอดคล้องกับ (สมโภชน์ อเนกสุขม, 2529) กล่าวว่า การที่นักศึกษาจะมีความสนใจ และความ ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการ ได้แก่ องค์ประกอบส่วนตัวของนักศึกษา ประสบการณ์ของนักศึกษา ความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนของนักศึกษา การสนับสนุนของผู้ปกครอง ให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมองค์ประกอบแต่ละด้านมีส่วนเกี่ยวข้องกับความต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษา ซึ่งองค์ประกอบที่แตกต่างกันจะส่งผลให้นักศึกษาต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาแตกต่างกัน ทัศนคติต่อการไม่เข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระ นคร ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง จากผลการวิจัยพบว่าโดยส่วนใหญ่นักศึกษาจะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ เนื่องจากเหนื่อยจากการเรียน กระทบกับการเรียนและผลการศึกษา รวมถึงการประชาสัมพันธ์ที่ไม่เข้าถึง และรูปแบบกิจกรรมที่ไม่น่าสนใจ สอดคล้องกับ (นิจพงศ์ ศรีวรรณ, 2527) ที่ได้กล่าวไว้ว่า อุปสรรคในการเข้าร่วม กิจกรรมของนิสิตนักศึกษา ได้แก่ ปัญหาเวลาที่จัดกิจกรรมไม่ตรงกับเวลาว่าง ไม่มีแรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมที่จัดไม่ตรงกับความสนใจ ไม่ทราบข่าวการจัดกิจกรรม ไม่มีเพื่อนเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่วนตัวมาก รู้สึกอาย สรุป อุปสรรคปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรมนิสิตนักศึกษา 3 อันดับแรก ได้แก่ เวลา เงิน และเพื่อน ตามลำดับ และ (นลินี กิติเวชกุล, 2533) ที่ศึกษาความคิดเห็นของนิสิตที่ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมทั้งใน กิจกรรมสโมสรนิสิตจุฬา (กิจกรรมส่วนกลาง) พบว่า นิสิตไม่เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่ เพราะประสบปัญหาด้านการ เรียนจนไม่มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ลักษณะของกิจกรรมไม่สอดคล้องกับความต้องการนิสิตส่วนใหญ่เสนอแนะใน แบบสอบถามปลายเปิด สรุปได้ว่ามหาวิทยาลัย ควรจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการของนักศึกษา และควรวางแผนช่วงเวลาการจัดกิจกรรมไม่ให้กระทบกับการเรียนของนักศึกษา รวมถึงการจัดกิจกรรมในรูปแบบ ใหม่ๆให้น่าสนใจเชิญชวนให้นักศึกษาเข้าร่วม
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 58 – ข้อเสนอแนะ 1) การวางแผนการจัดกิจกรรม ควรวางแผนจัดกิจกรรมไม่ให้ตรงกับช่วงเวลาเรียนของนักศึกษา เพื่อเพิ่มจำนวนนักศึกษา และช่องทางให้กับนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ 2) ควรปรับปรุงรูปแบบกิจกรรมและสถานที่การทำกิจกรรมให้ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยความคิดเห็น ส่วนใหญ่มองว่ารูปแบบกิจกรรมและสถานที่ทำกิจกรรมในปัจจุบันนี้มีความน่าสนใจน้อยและไม่มีความเป็นส่วน ตัวการทำกิจกรรมจึงเป็นไปตามเป้าหมายได้ลำบาก อย่างเช่นสนามกีพาที่ยังคงไม่เพียงพอต่อนักศึกษา 3) มีการจัดไปดูงานตามมหาวิทยาลัยอื่นๆ โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่มองว่าควรมีการจัดการได้ดูงาน ตามมหาวิทยาลัยอื่น เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการทำงานรวมถึงไอเดียต่างที่จะนำมาพัฒนาองค์กรภายใน ของตนเอง รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้กับมหาวิทยาลัยอื่นอีกด้วย เอกสารอ้างอิง กรกช ศิริ. (2536). การศึกษาปัญหาและความต้องการของนิสิตเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิจกรรมนิสิต กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. ฤทธิฤกษ์ ราชภักดี. (2546). การศึกษาความต้องการในการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษา ของนักศึกษามหาวิทยาลัย ศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี. วิทยานิพนธ์. ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศรีปทุม. อโณทัย ธีระทีป. (2561). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสุขในการเรียนของนิสิตมหาวทิยาลยับูรพา.วิทยานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. คณะศึกษาศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา. อธิพัชร์ ดาด. (2564). กิจการนักศึกษาในศตวรรษที่ 21. วารสารรัชต์ภาคย์ ปีที่ 15 ฉบับที่ 43 พฤศจิกายน – ธันวาคม 2564 – TCI กลุ่มที่ 1 มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ปี 2564 - 2567, 389 – 396. อมรเทพ สีนวนสูง. (2559). ความคิดเห็นต่อการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาของนักศึกษามหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ. ปริญญานิพนธ์. การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 59 – การสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษา รายวิชาพัฒนาคุณสมบัติ ในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม Observation of Soft Skills That Occur in Students in the Course on Developing their Own Qualities with the Mindfulness and Social Engineering Program. ไตรตรึง พลอยม่วง1 , ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช2 , ณิภารัตน์ บุญกุล3 Traitrung Ploymong1 , Chairit Siradet2 , Niparat Bunkul3 บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนา คุณสมบัติในตน ด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม โดยได้การสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษา รายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม จากนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชา การพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 จำนวน 4 หมู่เรียน รวม 90 คน ซึ่งได้ จากการสุ่มแบบกลุ่มจากนักศึกษา ทั้งหมด 12 หมู่เรียน รวม 260 คน โดยการสังเกตจากการจัดการเรียนรู้ ตามแผน การจัดการเรียนรู้ที่ได้ร่วมกันออกแบบ ในรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม จากการให้นักศึกษาปฏิบัติกิจกรรม เครื่องมือที่ 1 ฟ้าประทาน เครื่องมือที่ 2 นาฬิกาชีวิต เครื่องมือที่ 3 Time line พัฒนาการ เครื่องมือที่ 4 Timeline กระบวนการ และ เครื่องมือที่ 5 M.I.C. model ด้วยแบบสังเกต ทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษาในรายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม เกี่ยวกับทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) นักคิด 2) นักสื่อสาร 3) นักประสานงาน 4) นวัตกร ผลการศึกษา พบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่มีทักษะอยู่ขั้นที่ 3 ของ Bloom’s Taxonomy (Psychomotor Domain) คือ การหา ความถูกต้อง พฤติกรรมสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องชี้แนะเมื่อได้กระทำซ้ำแล้วก็ พยายามหาความถูกต้องในการปฏิบัติดังนี้1) ทักษะ การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล ผู้เรียนส่วนใหญ่สามารถ วิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้าใจด้วยตนเอง 2) ทักษะการสื่อสาร องค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (นักสื่อสาร) ผู้เรียนส่วนใหญ่สามารถรวบรวมประเด็นเกือบถูกต้องทั้งหมดในการตั้ง คำถาม ใช้ถ้อยคำยังไม่ค่อยตรงประเด็น ผู้ถูกถามไม่สามารถเข้าใจคำถามได้ตรงกับผู้ถาม 3) ทักษะในการ ทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (นักประสานงาน) ผู้เรียนส่วนใหญ่ใส่ใจกับการทำงาน โดยได้รับการ บอกกล่าวและย้ำเตือน บ้างเป็นบางครั้ง และ 4) ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (นวัตกร) ผู้เรียน ส่วนใหญ่สามารถใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาโดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน อย่างเป็นรูปธรรม คำสำคัญ : การพัฒนา Soft Skills / วิศวกรสังคม / การสังเกตทักษะ ___________________________________ 1 สาขาวิชาดนตรีศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย 2 สาขาวิชาการวัดและประเมินผล คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย 3 สาขาวิชาสาธารณสุข คณะวิทยาลัยมวยไทยและการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 60 – บทนำ การออกแบบการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเน้นการบูรณาการการเรียนการ สอนกับการวิจัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นเน้นพัฒนาทักษะ Hard Skills ตามศาสตร์ในแต่สาขาวิชา และพัฒนาทักษะ Soft Skills ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปเพื่อผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพ สามารถปฏิบัติงานได้ ตามหลักปรัชญา ของมหาวิทยาลัย คือ “สร้างคนให้มีคุณค่าเพื่อพัฒนาท้องถิ่น” เพื่อให้ได้บัณฑิตที่มีความรู้ด้านทฤษฎี มีความสามารถในทางปฏิบัติ และมีเจตคติที่ดีในการทำงาน การพัฒนาทักษะSoft Skills ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก สร้างคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น หรือเรียกได้ว่าเป็นคนเต็มคน การพัฒนา ตัวมนุษย์ให้มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีชีวิตที่ดีงาม มีความสุข มีอิสรภาพ และการพัฒนาคนในฐานะที่เป็น ทรัพยากรมนุษย์คือเป็นทุนที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป .อ .ปยุตโต) ,2550) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรอบรู้อย่างกว้างขวาง มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล มีความเข้าใจธรรมชาติตนเอง ผู้อื่น และสังคม เป็นผู้ใฝ่รู้สามารถคิดอย่างมีเหตุผล สามารถใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสารความหมายได้ดีมีคุณธรรม ตระหนักในคุณค่าของศิลปะและวัฒนธรรมทั้งของไทยและของประชาคมนานาชาติสามารถนำความรู้ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตและดำรงตนอยู่ในสังคมเป็นอย่างดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จึงได้พัฒนารายวิชาพัฒนา คุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป โดยมีการกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ให้ นักศึกษาสามารถพัฒนาตนเองด้วยโปรแกรมสติและกระบวนการวิศวกรสังคม ให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษ ที่ 21 ในการทำงานร่วมกับบุคคลอื่น สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีสติ มีทักษะที่สำคัญในการดำเนินชีวิต ได้แก่ ทักษะ การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุผล ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะการสื่อสาร และทักษะการสร้างนวัตกรรม เพื่อให้เป็นผู้ที่สามารถคิดวิเคราะห์ข้อมูล สามารถเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผลในการการแก้ปัญหา สามารถสื่อสาร องค์ความรู้ที่เรียนไปแก้ปัญหาให้กับชุมชน ทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถประสานงานกับ องค์กรภายในท้องถิ่นหรือนอกท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นได้เน้นให้ผู้เรียนทำงานเป็นหมู่คณะ ร่วมกันคิดวางแผนในการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และดำเนินชีวิตอย่างมีสติดังที่ วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล (2562) กล่าวว่า Soft Skill หมายถึง ทักษะด้านความคิด อารมณ์ความรู้สึกและการสื่อสารที่จำเป็นต้องใช้ ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและ เอื้อให้เกิดการสร้างสรรค์นวตักรรม ซึ่ง Soft Skill จะช่วยส่งเสริมการพัฒนา Hard skills หรือทักษะเฉพาะทาง อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับ ฐาปกรณ์ อ่วมสถิตย์ (2563) ที่กล่าวว่า Soft Skill คือ ทักษะด้านอารมณ์และทักษะสังคม เป็นทักษะที่ช่วยส่งเสริมความฉลาด ความสามารถทางอารมณ์ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น เป็นทักษะที่ช่วยให้สามารถดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไม่เป็นปัญหาจากแนวทางการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เสริมสร้างพลังปัญญาแก่แผ่นดิน ฟื้นฟู พลังการเรียนรู้ เชิดชูภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง ในการจัดการเรียนการสอน เกณฑ์การ วัดผลประเมินผลจากการเรียนรู้นั้นมีส่วนสำคัญ ในการประเมิน การจัดการเรียนการสอนรายวิชาวิศวกรสังคมนี้ มีกลยุทธ์ในการวัดผลประเมินผลที่สำคัญ การประเมินผลตามสภาพจริง การประเมินโดยผู้สอนสังเกตพฤติกรรม ผู้เรียน จากการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงไป เน้นการลงมือปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะ การวัดและประเมินผลผู้เรียน จึงต้องมีการปรังปรุงให้สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการวัดและประเมินผล การวัดโดยการสังเกตพฤติกรรมตามทักษะ ในศตวรรษที่ 21 ในระหว่างการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มจึงเป็นกระบวบการวัดและประเมินที่มีความสอดคล้อง เป็นการ ประเมินจากผลงานที่มอบหมาย จากการนำเสนอถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 61 – จากการวิเคราะห์และสังเคราะห์กิจกรรมที่สอดคล้องกับหลักการของวิศวกรสังคม ดำเนินการอย่างเป็นกระบวนการ และจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน การสังเกตพฤติกรรมเป็นรูปแบบหนึ่งในการวัดและประเมินผล ที่สำคัญของรายวิชาวิศวกรสังคม เนื่องด้วยการเรียนการสอนรายวิชาวิศวกรสังคมมุ่งพัฒนานักศึกษาให้มีคุณลักษณะ และทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) นักคิด: ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล 2) นักสื่อสาร: ทักษะการสื่อสาร องค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา 3) นักประสานงาน: ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง 4) นวัตกร: ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาโดยดั้งเดิมขึ้นอยู่กับข้อมูลชุมชน ดังนั้นผู้สอนต้องวิเคราะห์ลักษณะ ของพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยผ่านการจัดการเรียนการสอน กิจกรรมงานที่ได้รับมอบหมาย ที่เหมาะสมกับ ผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามรรถนำความรู้มาปฏิบัติได้ การสังเกตพฤติกรรมทักษะของนักศึกษาที่ผ่าน การเรียนการสอน รายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคมจะช่วยทำให้ทราบถึงพฤติการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างถูกต้อง ทราบถึงระดับของทักษะที่เกิดกับนักศึกษา อีกทั้งยังสามารถนำผลการวัดและประเมิน ปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ และกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงรูปแบบและวิธีการวัดและประเมินผลในโอกาสต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อการสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติ และวิศวกรสังคม การพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วิศวกรสังคม เป็นกระบวนการพัฒนานักศึกษาเพื่อการเป็นบัณฑิตที่มีคุณลักษณะและทักษะในศตวรรษ ที่ 21 ที่ตอบสนอง ต่อบทบาทการพัฒนาท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ภายใต้กรอบแนวคิดการวิเคราะห์ ศักยภาพชุมชน ยกระดับองค์ความรู้ของชุมชน การสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาชุมชน และการสร้างความยั่งยืน ในการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่บนฐานข้อมูลชุมชน ทักษะวิศวกรสังคม Social Engineer Skills เป็นทักษะเฉพาะ ของนักศึกษา ที่ผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอน การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุผล ค้นหาปัญหาที่แท้จริง คิดอย่าง เป็นระบบ คิดเชิงสร้างสรรค์ คิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ลงมือทำอย่างมีระบบ แบบแผนขั้นตอนตามหลัก วิชา ไม่ติดตำรา พิจารณาจากปัญหาที่แท้จริง สื่อสาร ประสานงานกับเป้าหมายอย่างเข้าใจ รู้จักสร้างเครื่องมือ ใช้เทคนิค ที่สอดคล้องกับวิถีภูมิสังคมในท้องถิ่น ผลิตนวัตกรรมทางสังคมไปแก้ปัญหาของสังคมได้ในแนวทางที่ ถูกต้องดีงาม เนื้อหาสาระหลัก ของรายวิชาวิศวกรสังคม นั้นมีเครื่องมือสำคัญ 5 เครื่องมือ ตามที่ นงรัตน์ อิสโร (2564) ได้กล่าวไว้เครื่องมือที่ 1 ฟ้าประทาน แยกแยะข้อเท็จจริง (Fact) ออกจากอารมณ์และความรู้สึก (Feeling) ยอมรับความเห็นต่าง และสามารถหาจุดร่วมเพื่อการพัฒนาและช่างสังเกตและสืบสอบหาข้อมูล โดยให้นักศึกษา ดูภาพ ดูคลิปวีดีโอ เพื่อฝึกการแยกแยะ ข้อเท็จจริง จากอารมณ์และความรู้สึก เมื่อศึกษาเครื่องมือฟ้าประทานแล้ว ผู้เรียน จะสามารถแสดงความคิดเชิงบวก และเสนอแนะแนวทางใหม่ที่สร้างสรรค์มีประโยชน์ สามารถอธิบาย ข้อเท็จจริงออกจากอารมณ์และความรู้สึกได้ แสดงให้เห็นการยอมรับความเห็นต่างของเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ สามารถ หาจุดร่วมเพื่อพัฒนางาน เสาะหาและเปิดรับข้อเท็จจริงด้วยเหตุ-ผล กลับไปทบทวนข้อมูลเพื่อหาความน่าเชื่อถือ และนำมาสรุปผล สามารถสังเกต และไม่มองโลกเพียงด้านเดียว เข้าใจข้อมูลโดยไม่อาศัยจินตนาการและความรู้สึก แสดงทัศนะของการพูดที่สอดแทรกเข้าไปในข้อความที่พูดของผู้อื่นได้ แสดงความรู้สึก การคาดคะเน เป็นข้อเสนอแนะ ไม่เป็นการแสดงความคิดเห็นตามความเชื่อของตนเองใช้เหตุผลที่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ มีความ สมเหตุสมผล วิเคราะห์ถึงผลดีผลเสีย ผลกระทบก่อนจะตัดสินใจหรือแสดงออก สังเคราะห์ความถูกต้อง แหล่งข่าว
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 62 – ที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบที่มาเพื่อความแน่ใจก่อนดำเนินการ สามารถให้ความสำคัญในการค้นหาสาเหตุมากกว่าการใช้ ความรู้สึกร่วมและสามารถแยกแยะได้เมื่อพบข้อเท็จจริงที่ได้รับความขัดแย้ง เครื่องมือที่ 2 นาฬิกาชีวิต ฝึกกระบวนการโดยการให้นักศึกษาสอบถามเพื่อนแต่ละคนว่า มีในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ผู้เรียน เข้าใจและเคารพวิถี ชีวิตของเพื่อนร่วมงานและคนนชุมชน เลือกเวลาและประเด็นการมีส่วนร่วมได้อย่างเหมาสม (Put the right man to the right job) สามารถวางแผนในการเตรียมความพร้อมและกำหนดเวลาทำงานร่วมกันของเพื่อนร่วมงานและ คนในชุมชนได้ สามารถตั้งคำถามอย่างสงสัยใคร่รู้ (5W 1H) เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานและคนในชุมชน สามารถใช้ภาษาที่เหมาะสมในการเก็บข้อมูลหรือสัมภาษณ์ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลได้ วิเคราะห์คำตอบเกี่ยวกับกิจวัตร จากข้อมูลได้ สังเคราะห์คำตอบและสามารถแยกข้อเท็จจริงจากข้อมูลได้ สังเคราะห์ข้อมูลจากคำตอบได้ นำเสนอ ข้อมูลจากคำตอบได้ และสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างเกี่ยวกับกิจวัตรของคนในชุมชนได้ ผู้เรียนสามารถใช้ ทักษะสำคัญในการสื่อสาร ในการตั้งคำถาม เพื่อให้ได้คำตอบ เครื่องมือที่ 3 Time line พัฒนาการ สืบเสาะ แสวงหา ประวัติความเป็นมาของพื้นที่ เพื่อให้รู้จักคุณค่าอดีต เข้าใจปัจจุบัน เพื่อวางแผนอนาคต เมื่อเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถการจดบันทึกเรื่องราวในอดีตของชุมชนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถเข้าใจภาษา ท้องถิ่นของชุมชนเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก มีทักษะการสร้างมนุษยสัมพันธ์กับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดีเพื่อให้เข้าถึง ข้อมูล หากข้อมูลที่ได้มามีความคลาดเคลื่อน (errors) ปนอยู่ มีสามารถควบคุมขนาดของความคลาดเคลื่อนที่ปนมา ให้มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด สามารถสอบถามข้อมูล ที่เป็นข้อมูลที่ทันสมัย (up to date) และทันต่อความ ต้องการของผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลที่เป็นข้อมูลที่ให้ข้อเท็จจริง (facts) หรือข่าวสาร (information) ที่ครบถ้วน ทุกด้านทุกประการ มิใช่ขาดส่วนหนึ่งส่วนใดไปทำให้นำไปใช้การไม่ได้ นักศึกษาสามารถจัดข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ กะทัดรัดไม่ยืดเยื้อ สะดวกต่อการใช้และค้นหา สามารถเก็บข้อมูลที่ต้องการใช้และจำเป็นต้องรู้หรือเป็นประโยชน์ต่อ การจัดทำแผน กำหนดนโยบายหรือตัดสินปัญหาในเรื่องนั้น ๆ สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลที่จะต้องดำเนินการ อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องในลักษณะของอนุกรมเวลา (time-series) เพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในด้านการ วิเคราะห์วิจัยหรือหาแนวโน้มในอนาคต และสามารถเรียนรู้อดีต เพื่อเข้าใจปัจจุบัน และวางแผนอนาคต เครื่องมือที่ 4 Timeline กระบวนการ นักศึกษาต้องรู้จักทุกขั้นตอนอย่างถ่องแท้ เพื่อเลือกพัฒนาตามศักยภาพอย่างตรง เป้าหมาย “เกาให้ถูกที่คัน” เมื่อเรียนแล้วสามารถแสดงข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ ประเด็นที่สนใจ สามารถใช้ภาษาที่เหมาะสมในการเก็บข้อมูลหรือสัมภาษณ์ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ เลือกแนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสมจากข้อมูลได้ ตัดสินใจ เลือกข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ จดบันทึกข้อมูลได้ครบถ้วน ถูกต้อง วาดและลงข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจได้ครบถ้วน เข้าใจง่าย วาดและลงข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจได้ครบถ้วน และทันเวลา นำเสนอ timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ ประเด็นที่สนใจ ได้อย่างเข้าใจ อภิปรายเพื่อแสดงถึง timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ ได้อย่างเข้าใจทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบอย่างถ่องแท้ และแสดงผลการเลือกและวางแผนการพัฒนาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ที่ดีขึ้นในอนาคต และ เครื่องมือที่ 5 M.I.C. model เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ปรับปรุง (Modify) ยกระดับ (Improve) สร้างเพิ่ม (Create) กระบวนการด้วยองค์ความรู้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น “ชวนเพื่อน จูงน้อง ขอร้องพี่” เครื่องมือทั้ง 5 ชิ้นนี้เป็นหัวใจของวิศวกรสังคม ผู้เรียนวิเคราะห์กระบวนการใดกระบวนการหนึ่งมาปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมิน เหตุผลการพิจารณาเลือก) วางแผนการปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) กระบวนการใด ๆ ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมินแผน) ปรับปรุง (modify) ยกระดับ
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 63 – (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) กระบวนการใด ๆ ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมิน ผลลัพธ์) เชิญชวนบุคคลใกล้ชิด มาร่วมใจพัฒนากระบวนการใด ๆ อย่างเห็นคุณค่าบนหลักเหตุ-ผลได้ (ประเมินการ ขยายผล) สังเคราะห์และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการอย่างละเอียด ภายใต้บริบทของข้อจำกัดทางต้นทุน/ ศักยภาพได้ ทำให้ง่ายต่อการระดมสรรพกำลังในการดำเนินการและเกิดการพัฒนาอย่างเข้าใจและเข้าถึง เพื่อพัฒนา ทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) นักคิด: ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) 2) นักสื่อสาร: ทักษะ การสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) 3) นักประสานงาน: ทักษะ ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) 4) นวัตกร: ทักษะการสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติ และวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 จำนวน 4 หมู่เรียน รวม 90 คน ซึ่งได้จาการสุ่มแบบกลุ่มจากนักศึกษา ทั้งหมด 12 หมู่เรียน รวม 260 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา การศึกษาสังเกตทักษะครั้งนี้อาศัยทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bloom’s Taxonomy ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) (Bloom et.al., 1956) แบ่งเป็นพฤติกรรมย่อย ๆ 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1) การเลียนแบบ เป็นการให้ผู้เรียนได้รับรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง หรือ เป็น การเลือกหาตัวแบบที่สนใจ ขั้นที่ 2) กระทำตามสั่ง หรือ เครื่องชี้แนะ เป็นพฤติกรรมที่ผู้เรียนพยายามฝึกตามแบบที่ตนสนใจและพยายามทำซ้ำ เพื่อที่จะให้เกิดทักษะตามแบบที่ตนสนใจให้ได้หรือ สามารถ ปฏิบัติงานได้ตามข้อแนะนำ ขั้นที่ 3) การหาความ ถูกต้อง พฤติกรรมสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องชี้แนะ เมื่อได้กระทำซ้ำแล้วก็พยายามหาความ ถูกต้องในการปฏิบัติขั้นที่ 4) การกระทำอย่างต่อเนื่องหลังจากตัดสินใจเลือกรูปแบบที่เป็นของตัวเองจะ กระทำตาม รูปแบบนั้นอย่างต่อเนื่อง จนปฏิบัติงานที่ยุ่งยากซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง คล่องแคล่ว การที่ผู้เรียนเกิดทักษะ ได้ ต้องอาศัยการฝึกฝนและกระทำอย่างสม่ำเสมอ และ ขั้นที่ 5) การกระทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ พฤติกรรมที่ได้ จากการฝึกอย่างต่อเนื่องจนสามารถ ปฏิบัติ ได้คล่องแคล่วว่องไวโดยอัตโนมัติ เป็นไปอย่างธรรมชาติซึ่งถือเป็น ความสามารถของการปฏิบัติในระดับสูง เพื่อใช้ในการวัดและประเมินผลจากการสังเกตพฤติกรรม ในด้านต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานซึ่งแสดงออกมาโดยตรงตามตัวชี้วัดระดับของทักษะ มาพัฒนาแบบสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิด กับนักศึกษาในรายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ดังนี้ ตารางที่ 1 แบบสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติ และวิศวกรสังคม แบบสังเกตทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) (นักคิด) ขั้นที่ 1 ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาเมื่อได้รับการชี้นำ ขั้นที่ 2 ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้าใจด้วยตนเอง ขั้นที่ 3 ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องด้วยตนเอง ขั้นที่ 4 ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นกระบวนการ ขั้นที่ 5 ผู้เรียนวิเคราะห์กิจกรรมหรืองานได้อย่างมีเหตุผลได้ด้วยตนเองอย่างเป็นธรรมชาติและสอดคล้องกับหลักฐานเชิงประจักษ์ แบบสังเกตทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) (นักสื่อสาร) ขั้นที่ 1 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นไม่ถูกต้องใช้ถ้อยคำมากเกินไปในการตั้งคำถาม ไม่เข้าใจคำถามต้องถามใหม่ ต้องฝึกตั้งคำถามใหม่
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 64 – ขั้นตอนการดำเนินการและการเก็บรวบรวมข้อมูล การสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชา พัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม มีลำดับขั้นตอนดำเนินการวิจัยดังนี้ 1) จัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้ร่วมกันออกแบบ ในรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติ และวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 โดยการให้นักศึกษา ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ เครื่องมือที่ 1 ฟ้าประทาน แยกแยะข้อเท็จจริง (Fact) ออกจากอารมณ์และความรู้สึก (Feeling) ยอมรับ ความเห็นต่าง และสามารถหาจุดร่วมเพื่อการพัฒนา และช่างสังเกตและสืบสอบหาข้อมูล โดยให้นักศึกษา ดูภาพ ดูคลิปวีดีโอ เพื่อฝึกการแยกแยะ ข้อเท็จจริง จากอารมณ์และความรู้สึก เมื่อศึกษาเครื่องมือฟ้าประทานแล้ว ผู้เรียน จะสามารถแสดงความคิดเชิงบวก และเสนอแนะแนวทางใหม่ที่สร้างสรรค์มีประโยชน์ เครื่องมือที่ 2 นาฬิกาชีวิต ฝึกกระบวนการโดยการให้นักศึกษาสอบถามเพื่อนแต่ละคนว่า มีในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ผู้เรียน เข้าใจและเคารพวิถีชีวิตของเพื่อนร่วมงานและคนนชุมชน เลือกเวลาและประเด็นการมีส่วนร่วม ขั้นที่ 2 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นเกือบถูกต้อง ใช้ถ้อยคำมากเกินไปในการตั้งคำถามไม่ค่อยตรงประเด็นไม่เข้าใจคำถามต้องถามใหม่ ขั้นที่ 3 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นเกือบถูกต้องทั้งหมดในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำยังไม่ค่อยตรงประเด็น ผู้ถูกถามไม่สามารถเข้าใจ คำถามได้ตรงกับผู้ถาม ขั้นที่ 4 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นที่ถูกต้องในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำที่ตรงประเด็นเข้าใจคำถามตรงกันเกือบทั้งหมดทั้งผู้ถามและผู้ ถูกถาม ขั้นที่ 5 ผู้เรียนรวบรวมประเด็นที่ถูกต้องเหมาะสมในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำที่กระชับตรงประเด็นเข้าใจได้อย่างถูกต้องตรงกันทั้ง ผู้ถามและผู้ถูกถาม แบบสังเกตทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) (นักประสาน) ขั้นที่ 1 ผู้เรียนพยายามทำงานร่วมกับผู้อื่น แต่ต้องได้รับการบอก กล่าวและย้ำเตือนเป็นประจำ ให้ทำงานให้เสร็จและทันเวลาที่ กำหนด ขั้นที่ 2 ผู้เรียนได้รับการบอกกล่าวและย้ำ เตือนจากสมาชิกในกลุ่มหลายครั้งในการทำงานให้เสร็จและ ทันเวลาที่กำหนด ขั้นที่ 3 ผู้เรียนใส่ใจกับการทำงาน โดยได้รับการบอกกล่าวและย้ำเตือน บ้างเป็นบางครั้ง ขั้นที่ 4 ผู้เรียนใส่ใจกับการทำงานตลอดเวลา ไม่ต้องมีการบอกกล่าวหรือย้ำเตือน และส่งเสริมให้สมาชิกในกลุ่มใส่ใจใ น การทำงานในลักษณะเดียวกัน ขั้นที่ 5 ผู้เรียนใส่ใจกับการทำงานตลอดเวลา โดยไม่มีการบอกกล่าวหรือย้ำเตือน และ ส่งเสริมให้สมาชิกในกลุ่มใส่ใจ ในการทำงานในทุกช่วงเวลา แบบสังเกตทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) (นวัตกร) ขั้นที่ 1 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาของชุมชนตามข้อเสนอแนะของชุมชนในเชิงมโนทัศน์ ขั้นที่ 2 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาของชุมชนตามข้อเสนอแนะของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ขั้นที่ 3 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาโดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ขั้นที่ 4 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาโดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ชุมชนได้รับประโยชน์จากการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ขั้นที่5 ผู้เรียนใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาโดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ชุมชนได้รับประโยชน์จากการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแบบอย่างให้กับชุมชนอื่น
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 65 – ได้อย่างเหมาสม (Put the right man tothe right job) สามารถวางแผนในการเตรียมความพร้อมและกำหนดเวลา ทำงานร่วมกันของเพื่อนร่วมงานและคนในชุมชนได้ สามารถตั้งคำถามอย่างสงสัยใคร่รู้ (5W 1H) เพื่อให้ได้มา ซึ่งข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานและคนในชุมชน เครื่องมือที่ 3 Time line พัฒนาการ สืบเสาะ แสวงหา ประวัติความเป็นมาของพื้นที่ เพื่อให้รู้จักคุณค่า อตีด เข้าใจปัจจุบัน เพื่อวางแผนอนาคต เมื่อเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถการจดบันทึกเรื่องราวในอดีตของชุมชนเพื่อให้ ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถเข้าใจภาษาท้องถิ่นของชุมชนเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิง เครื่องมือที่ 4 Timeline กระบวนการ นักศึกษาต้องรู้จักทุกขั้นตอนอย่างถ่องแท้ เพื่อเลือกพัฒนาตาม ศักยภาพอย่างตรงเป้าหมาย สามารถแสดงข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ สามารถใช้ภาษาที่เหมาะสมในการเก็บข้อมูลหรือสัมภาษณ์ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล timeline กระบวนการของเรื่อง/ ปรากฏการณ์/ประเด็นที่สนใจ เลือกแนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสมจากข้อมูลได้ ตัดสินใจเลือกข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ได้ เครื่องมือที่ 5 M.I.C. model ผู้เรียนวิเคราะห์กระบวนการใดกระบวนการหนึ่งมาปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมินเหตุผลการ พิจารณาเลือก) วางแผนการปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้างเพิ่ม (creative) กระบวนการใด ๆ ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่มีคุณค่าได้ (ประเมินแผน) ปรับปรุง (modify) ยกระดับ (improve) หรือสร้าง เพิ่ม (creative) กระบวนการใด ๆ ได้อย่างเหมาะสม ภาพที่ 1 การจัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 2) ศึกษาทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1. นักคิด: ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) 2. นักสื่อสาร: ทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) 3. นักประสานงาน: ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) 4. นวัตกร: ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) กับนักศึกษา ที่เรียนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 ด้วยแบบสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ผลปรากฏดังนี้
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 66 – ตารางที่ 2 ผลการสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและ วิศวกรสังคม (n=90) ทักษะ ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 ขั้นที่ 4 ขั้นที่ 5 การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) (นักคิด) 16 (ร้อยละ17.78) 63 (ร้อยละ70.00) 9 (ร้อยละ10.00) 2 (ร้อยละ2.22) - การสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) (นักสื่อสาร) 2 (ร้อยละ2.22) 10 (ร้อยละ11.11) 45 (ร้อยละ50.00) 33 (ร้อยละ36.67) - การทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) (นักประสาน) 2 (ร้อยละ2.22) 8 (ร้อยละ8.89) 43 (ร้อยละ47.78) 37 (ร้อยละ41.11) - การสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) (นวัตกร) - 26 (ร้อยละ28.89) 64 (ร้อยละ71.11) - - การสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกร สังคมผู้เรียนได้พัฒนาตนเอง ผู้เรียนส่วนใหญ่มีทักษะอยู่ขั้นที่ 3 ของทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bloom’s Taxonomy ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) คือ การหาความถูกต้อง พฤติกรรมสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยไม่ ต้องอาศัย เครื่องชี้แนะเมื่อได้กระทำซ้ำแล้วก็พยายามหาความถูกต้องในการปฏิบัติสามารถสรุปได้ดังนี้ 1) ทักษะ การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) (นักคิด) พบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่ ร้อยละ 70.00 สามารถวิเคราะห์ข้อมูล ความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้าใจด้วยตนเอง และมีผู้เรียนบางส่วน ร้อยละ 17.78 สามารถวิเคราะห์ข้อมูลความเชื่อมโยงของเหตุและผลในการแก้ไขปัญหาเมื่อได้รับการชี้นำ 2) ทักษะการสื่อสาร องค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหา (Communicating for problem solving) (นักสื่อสาร) พบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่ร้อยละ 50.00 สามารถรวบรวมประเด็นเกือบถูกต้องทั้งหมดในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำยังไม่ค่อยตรงประเด็น ผู้ถูกถาม ไม่สามารถเข้าใจคำถามได้ตรงกับผู้ถาม และมีผู้เรียนบางส่วน ร้อยละ 36.67 สามารถรวบรวมประเด็นที่ถูกต้อง ในการตั้งคำถาม ใช้ถ้อยคำที่ตรงประเด็นเข้าใจคำถามตรงกันเกือบทั้งหมดทั้งผู้ถามและผู้ถูกถาม 3) ทักษะในการ ทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง (Collaboration skills) (นักประสานงาน) พบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่ ร้อยละ 47.78 ใส่ใจกับการทำงาน โดยได้รับการบอกกล่าวและย้ำเตือน บ้างเป็นบางครั้ง และมีผู้เรียนบางส่วน ร้อยละ 41.11 ใส่ใจกับการทำงานตลอดเวลา ไม่ต้องมีการบอกกล่าวหรือย้ำเตือน และส่งเสริมให้สมาชิกในกลุ่มใส่ใจ ในการทำงานในลักษณะเดียวกัน และ 4) ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา (Innovation skills for creative problem solving) (นวัตกร) พบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่ ร้อยล ะ71.11 สามารถใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหา โดยใช้องค์ความรู้ตามศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม และมีผู้เรียนบางส่วน ร้อยละ 28.89 สามารถใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาของชุมชนตามข้อเสนอแนะของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 67 – อภิปรายและสรุปผล จากการดำเนินงานเพื่อศึกษาสังเกตทักษะ Soft Skills ที่เกิดกับนักศึกษารายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตน ด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม พบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่มีทักษะอยู่ขั้นที่ 3 ของ Bloom’s Taxonomy ด้านทักษะ พิสัย คือ การหาความถูกต้อง จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากเดิมไปสู่พฤติกรรมใหม่ที่เป็นผลมาจาก ประสบการณ์หรือการฝึกฝนไม่ใช่เป็นผลจากการตอบสนองตามธรรมชาติหรือสัญชาตญาณ วุฒิภาวะ หรือความบังเอิญ จะทำให้เกิดเป็นทักษะที่คงทน ดังนั้นการพัฒนาทักษะ Soft Skills ของนักศึกษา จึงต้องอาศัย ประสบการณ์ที่ได้จากการมือปฏิบัติ ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนจึงต้องมีการกำหนดให้นักศึกษาได้มีกิจกรรมการ เรียนรู้ที่ได้ปฏิบัติจริง สอดคล้องกับ ประวีนา เอี่ยวยี่สุ่น (2564) ที่ทำการการประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย พบว่า การวัดทักษะพิสัยเป็นการวัดที่ใช้สถานการณ์เพื่อทดสอบการปฏิบัติงานของจำเป็นต้องมีการจัดสภาพการณ์ ให้ผู้เรียนได้มีการปฏิบัติจริง ผู้สอนต้องใช้การสังเกตพฤติกรรมการทำงานของผู้เรียนในระหว่างการปฏิบัติงาน จากการเรียนการสอนในรายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม พบว่า การจัดการเรียน แบบรวมกลุ่มหลากหลายสาขานั้นมีส่วนทำให้นักศึกษาปรับตัวเอง ในเรื่องของการยอมรับในความเห็นต่าง การประสานงานกันเลือกใช้เวลาที่ตรงกันในการทำกิจกรรมซึ่งมีส่วนช่วยพัฒนานักศึกษาเป็นอย่างมาก สอดคล้องกับ Noppadol Thumchuea (2022) ในการพัฒนาแนวทางการยกระดับรายวิชาศึกษาทั่วไป เรื่องการนำหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ที่ส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาและเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการนำหลักการไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ผ่านการลงมือปฏิบัติ ปัจจัยดังกล่าวจะส่งเสริมให้การจัด กิจกรรมวิศวกรสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าในสามารถเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และมีความชำนาญมากยิ่งขึ้นจากความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของการลงมือปฏิบัติในพื้นที่ชุมชน สอดคล้องกับ วัฒนา รัตนพรม (2564) ที่กล่าวว่า วิศวกรสังคมจะสร้างให้นักศึกษาคิดวิเคราะห์เป็นระบบมีเหตุและ ผล สามารถลงพื้นที่ในชุมชนเพื่อสร้างความเชื่อมโยงต่อชุมชน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรในการพัฒนา ประเทศ โดยมีคุณลักษณะหลัก 4 ประการ คือ 1) มีทักษะในการคิดวิเคราะห์เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผล เห็นปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย 2) สามารถสื่อสารองค์ความรู้ที่เรียนไปเพื่อนำไปแก้ปัญหาให้กับชุมชนได้ การทำงาน ร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง 3) สามารถที่จะระดมกำลังไม่ว่าจะภายในท้องถิ่นหรือนอกท้องถิ่นเข้ามา มีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นได้ และ 4) มีทักษะในการสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่นได้
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 68 – เอกสารอ้างอิง ฐาปกรณ์ อ่วมสถิตย์. (2563). การพัฒนาทักษะซอฟต์สกิลด้วยการดำเนินโครงการจิตอาสาตามแนวทางจิตตปัญญา ศึกษา. วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ. ปีที่ 3 ฉบับที่1 มกราคม-เมษายน 2564. น.37-50. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต). (2550). ธรรมนญชีวิต. (พิมพ์ครังที 4). กรุงเทพมหานคร: สํานักงาน พระพุทธศาสนาแหงชาติ. นงรัตน์ อิสโร (2564). คู่มือพัฒนานักศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ แบบฝึก Soft Skills จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ฉบับรั่วมหาวิทยาลัย. บริษัทอมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. (2562). การพัฒนาทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรม. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ผู้นำ พัฒนานวัตกรรมหลักสูตรและการเรียนรู้. วัฒนา รัตนพรม ,2564 (ออนไลน์) วิศวกรสังคม สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 จาก https://today.line.me/th/v2/article/qgOE1w ประวีนา เอี่ยวยี่สุ่น. (2564). การประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย Psychomotor Domain Assessment. วารสารวิพิธพัฒนนศิลป์บัณฑิตศึกษา ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม- งหาคม 2564. น. 18-32. Bloom, B.S. (Ed.). Engelhart, M.D., Furst, E.J., Hill, W.H., Krathwohl, D.R. (1956). Taxonomy Of Educational Objectives, Handbook I: The Cognitive Domain. New York: David McKay Co Inc. Noppadol, T. (2022). Developing Guidelines for Upgrading General Education Courses on Applying the Sufficiency Economy Philosophy in Real Life. Docens Series in Education, 4, 32-43.
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 69 – ถอดบทเรียนการพัฒนา Soft Skill ด้วยวิศวกรสังคมในนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง Lessons-Learned on Developing Soft Skills with Social Engineering in Students at Muban Chom Bueng Rajabhat University โชติ อินทวงศ์1, , วัชระ นิลเพชร2 และ เพียงพร เบ็ญพาด3 Choat Inthawongse1 , Watchara Ninphet2 and Pengporn Benyapad3 บทคัดย่อ ในการปรับปรุงหลักสูตรด้วยแนวคิดการออกแบบและจัดทำหลักสูตรการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ ที่นักศึกษาควรมีหลังจากการศึกษา ในปีการศึกษา 2566 มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้มีการพัฒนา รายวิชาศึกษาทั่วไป โดยมีวิชา “พัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้าง นักศึกษาให้สามารถนำทักษะที่ได้รับไปใช้กับการทำงานร่วมกับบุคคลอื่น และการใช้เทคนิคสติไปปรับใช้ในด้าน ต่าง ๆ ผ่านเครื่องมือวิศวกรสังคม ฝึกปฏิบัติทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุผล ทักษะการสื่อสารด้วยสติ กอปรจนทักษะการสร้างนวัตกรรมตามฐานความรู้เดิม บทความนี้เป็นการถอดบทเรียนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลความ เชื่อมโยงระหว่างเหตุและผลในการแก้ปัญหาด้วยโปรแกรมสติและกระบวนการวิศวกรสังคม ความสามารถสื่อสาร องค์ความรู้ที่เรียน ไปพัฒนา Soft Skill ในนักศึกษา ผลการศึกษาจากการใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการ วิเคราะห์สรุปอุปนัย พบว่า บทเรียนแห่งความสำเร็จได้แก่ 1) ขนาดของกลุ่มนักศึกษาในการร่วมกิจกรรม 2) ประสบการณ์และความพร้อมในการถ่ายทอดของผู้สอน 3) การใช้ทัศนคติเชิงบวกในกิจกรรมและการบรรยาย 4) การเกิดกระบวนการเรียนรู้ในระดับบุคคล และ 5) การเลือกเทคนิคโปรแกรมสติที่เหมาะกับอัตลักษณ์ของผู้เรียน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับมหาวิทยาลัยอื่นที่ต้องการพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษาให้พร้อมสู่โลกที่มีการ เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน คำสำคัญ : การพัฒนา Soft Skills / วิศวกรสังคม / การถอดบทเรียน _________________________________________ 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย 2 สาขาวิชาสัตวศาสตร์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย 3 กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 70 – บทนำ นับตั้งแต่แนวคิดวิศวกรสังคม (Social Engineer) โดยโรสโก้ พาวนด์ (Roscoe Pound, 1870-1964) นักกฎหมายชื่อดังชาวสหรัฐอเมริกาที่มีผลงานที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ของกฎหมายและบทบาทของกฎหมายในสังคม ถึงแม้ว่าแนวคิด ทฤษฎีด้านกฎหมายของพาวนด์ในยุคนั้นจะไม่ตรงตามที่ใช้ปัจจุบันก็ตาม แต่ผลงานเชิงประจักษ์ ของเขานับเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดวิศวกรสังคมในปัจจุบัน นักวิศวกรสังคมมีความยืดหยุ่นและรับมือกับความ เปลี่ยนแปลง มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมสังคมที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ผ่านกระบวนการทำงานร่วมกัน (ChatGPT-3.5, OpenAI, 2022) ทั้งนี้หนึ่งในประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) คือการพัฒนาและ เสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ที่มีเป้าหมายการพัฒนาและยกระดับคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็น ทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยจะต้องมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้าน และมีสุขภาวะที่ดีมีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ มีหลักคิด ที่ถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษ และภาษาที่สอง และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็น คนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่นๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัด ของตน (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2562) ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 มหาวิทยาลัยราชภัฏได้รับมอบหมายให้เป็น สถาบันการศึกษาที่มุ่งพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้กรอบคุณค่าและคุณธรรมของคนไทย ทั้งนี้มีการกำหนดให้บัณฑิตของ มหาวิทยาลัยราชภัฏมีคุณลักษณะตามพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีทัศนคติที่ดีและถูกต้อง พื้นฐานชีวิตที่มั่นคงเข้มแข็ง มีงานทำ-มีอาชีพ และเป็นพลเมืองดีมีระเบียบวินัย เพื่อรองรับการพัฒนาท้องถิ่น (สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, 2547) เพื่อตระหนักถึงภารกิจนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงได้นำเสนอ โครงการ “วิศวกรสังคม” ซึ่งมุ่งพัฒนานักศึกษาในกระบวนการหนึ่ง โดยมีคุณลักษณะและทักษะสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) นักคิด: ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล (Cause-Effect) เพื่อเปิดเผยปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย 2) นักสื่อสาร: ทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ไข ปัญหา (Communicating for problem solving) 3) นักประสานงาน: ทักษะ ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถรวมทรัพยากรและสรรพกำลัง ในท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหาได้(Collaboration skills) 4) นวัตกร: ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาโดย ดั้งเดิมขึ้นอยู่กับข้อมูลชุมชน (Innovation skills for creative problem solving) โดยในการปรับปรุงหลักสูตร พ.ศ.2566 ได้มีการผนวกหลักการพัฒนาสติในองค์กร (Mindfulness in Organization: MIO) ในลักษณะการนำ “สติ”(Mindfulness) มาประยุกต์ใช้ร่วมกับแนวคิดวิศวกรสังคม ผ่านกระบวนการฝึกการสร้างความสงบให้กับจิตใจ เกิดเป็นจิตที่มีคุณภาพในขณะบูรณาการเครื่องมือวิศวกรสังคม เมื่อฝึกฝนมากพอก่อให้เกิดสมาธิ (Tranquil Meditation) ในลักษณะของความตั้งมั่นแห่งจิต โดยสมาธิเป็นจิตที่มีคุณภาพขณะพัก (ยงยุทธ์, 2560) เพื่อให้ทำงาน โดยไม่วอกแวก จดจ่อ และสามารถควบคุมอารมณ์และความคิดได้อันจะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการ ดำเนินกิจกรรมวิศวกรสังคม อันประกอบไปด้วยเครื่องมือ 5 ชนิด (นงรัตน์,2562) ได้แก่ 1) ฟ้าประทาน แยกแยะ ข้อเท็จจริง (Fact) ออกจากอารมณ์ความรู้สึก (Feeling) ยอมรับความเห็นต่างและสามารถหาจุดร่วมเพื่อการพัฒนา ช่างสังเกต เข้าใจและเคารพวิถีชีวิตของเพื่อนร่วมงานและคนในชุมชน 2) นาฬิกาชีวิต เพื่อเข้าใจและเคารพในวิถี ชีวิตของเพื่อนร่วมงาน 3) ไทม์ไลน์พัฒนาการ เพื่อสังเคราะห์เหตุการณ์สำคัญ (บุคคล/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์) ผลที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในทุกมิติ 4) ไทม์ไลน์กระบวนการ ใช้ศึกษาขั้นตอน และแยกกระบวนการ
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 71 – ให้เกิดความชัดเจน เพื่อพัฒนาศักยภาพอย่างตรงตามเป้าหมาย และ 5) Modified-Improved-Created Model (M.I.C Model) เพื่อระดมสมองในการพัฒนากระบวนการ บทความนี้เป็นการนำเสนอผลการวิเคราะห์สรุปอุปนัย (Analytic induction) ในการจัดกิจกรรม ประกอบการเรียนรู้และบทเรียนที่ได้จากการจัดการเรียนรู้และกิจกรรมสำหรับนักศึกษาปีที่ 1 ผ่านกระบวนการ วิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ในรายวิชาพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม เพื่อพัฒนาทักษะ Soft Skill อันเป็นทักษะระดับบุคลิกภาพอันเป็นทักษะที่ไม่ใช่ทักษะทางเทคนิค แต่มีผลต่อการ ประสบความสำเร็จในการทำงานและชีวิตประจำวัน การดำเนินการในรายวิชาเป็นลักษณะของโครงงานกลุ่ม ซึ่งปรากฏในเนื้อหาผลการศึกษาดำเนินงานโครงงานท้ายรายวิชา (Manifest content) ประกอบกับการนำแนวคิด ทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้านวิศวกรสังคม ตลอดจนปัญหา อุปสรรค และผลการดำเนินงานของนักศึกษา นำไปสู่การพัฒนาทักษะ Soft Skills เพื่อนักศึกษาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาวิเคราะห์ผลการจัดกิจกรรมประกอบการเรียนรู้ในรายวิชา การพัฒนาคุณสมบัติในตน ด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม 2. เพื่อนำเสนอบทเรียนการดำเนินการบูรณาการโปรแกรมสติกับวิศวกรสังคม เพื่อการพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษาจากการจัดการศึกษาภาคเรียนที่ 1/2566 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงใช้แนวทางการเรียนการสอนที่ให้โอกาสแก่ผู้เรียนมีบทบาทและความ รับผิดชอบในกระบวนการเรียนรู้ของตนเองมากขึ้น หรือที่เรียกว่า active learning ซึ่งประกอบไปด้วย การโต้ตอบ (Classroom discussion) กิจกรรมกลุ่ม (Group activities) โปรเจกต์และการทำงานสด (Projects and HandsOn activities) การเรียนรู้ผ่านปฏิสัมพันธ์ (Interactive learning) การใช้เทคโนโลยีและสื่อการสอนมัลติมีเดีย (Multimedia instruction and Technology usages) สำหรับในปีการศึกษา 2566 รายวิชาศึกษาทั่วไปที่ กำหนดให้นักศึกษาใหม่ (ชั้นปีที่ 1) ทุกคนต้องผ่านการเรียนในรายวิชา “พัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติ และวิศวกรสังคม” มีการกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้รายวิชา (Course Learning Objective: CLO) เพื่อให้ผู้เรียน สามารถทำงานเป็นหมู่คณะ ร่วมกันคิดวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และดำเนินชีวิตอย่างมีสติ และร่วมกันคิดวางแผนแก้ปัญหาอย่างเป็นกระบวนการสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อการปรับปรุงแก้ไขหรือ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ นอกจากนี้ยังผลักดันให้ผู้ที่จบหลักสูตรนี้สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณในการแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ โดยมีแผนที่การกระจายผลลัพธ์การเรียนรู้ (Mapping of CLO) ประยุกต์ จากทฤษฎีของบลูม (Bloom et.al., 1956) ได้แก่ 1) ด้านความรู้ คือประยุกต์ใช้หลักการและทฤษฎีพื้นฐานในหมวด การศึกษาทั่วไปในชีวิตจริง 2) ด้านทักษะ คือสามารถควบคุมการแสดงออกโดยการปฏิบัติทักษะโดยปราศจากคำสั่ง ได้3) ด้านจริยธรรม คือให้ความสำคัญและยอมรับ และ 4) ด้านลักษณะบุคคล คือมีทักษะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีการการจัดการกับข้อมูลข่าวสาร และมีสติในการดำเนินชีวิต ซึ่ง active learning ในรายวิชานี้ ได้ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้เรียนมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างความ เข้าใจและความรู้และมีโอกาสในการปรับใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง ในลักษณะของการเรียนรู้ที่เน้นตาม สถานการณ์
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 72 – ภาพที่ 1 แผนภาพการกิจกรรมการเรียนรู้เปรียบเทียบกับเครื่องมือวิศวกรสังคมทั้ง 5 เครื่องมือ ในการถอดบทเรียนครั้งนี้ใช้วิธีการนำเสนอความรู้ (Knowledge presentation) ที่ประมวลผลจากการ สนทนากลุ่มย่อย และการสะท้อนคิดจากอาจารย์ผู้สอนในภาคเรียนที่ 1/2566ทั้ง 10 ท่าน และจากนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จำนวน 12 หมู่เรียนที่ลงทะเบียนเรียนทั้งสิ้น 260 คน รูปแบบของกิจกรรมในช่วง 12 สัปดาห์ โดยมีการดำเนิน กิจกรรมกลุ่ม เพื่อร่วมเรียนผ่าน 10 กิจกรรมการเรียนรู้ดังแสดงในภาพที่ 1 สรุปความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรม การเรียนรู้และเครื่องมือวิศวกรสังคมเป็นแผนภาพกิจกรรมการเรียนรู้ (Activity mapping) โดยรูปแบบการจัดการ เรียนการสอนนั้นดำเนินการในลักษณะรวมหมู่เรียนคละสาขาวิชาในห้องเรียนขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ จัดทีม คณาจารย์ 2-4 คนต่อการรวมหมู่เรียน โดยนักศึกษาในทุกคนได้รับโอกาสในการทบทวนหลังดำเนินกิจกรรม (After Action Review: AAR) เพื่อเป็นการยืนยันเครื่องมือที่นำมาใช้ในกระบวนการทำงาน และทบทวนวิธีการทำงานทั้ง ความสำเร็จและปัญหาจากการเรียนในแต่ละคาบเรียน จากนั้นอีก 3-5 สัปดาห์เป็นการดำเนินการค้นหาปัญหาด้วย การประยุกต์ใช้เครื่องมือวิศวกรสังคม เพื่อลงพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยฯ วางแผนแก้ไขปัญหา และเก็บรวบรวม ข้อมูล พัฒนาเครื่องมือ นวัตกรรม (ถ้ามี) ที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาผ่าน เครื่องมือ ที่ 5 ของวิศวกรสังคม แล้วสรุป ผลลัพธ์จากการดำเนินงาน ผ่านการให้คำแนะนำและนำเสนอ (Guided inquiry and presentation) ในรูปแบบ ของนิทรรศการวิศวกรสังคม (Social Engineer Day) ซึ่งดำเนินการโดยกองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึง โดยทีมคณาจารย์ผู้สอนรายวิชาสลับหมู่เรียนกันประเมินและสะท้อนผลลัพธ์การดำเนินงาน ของนักศึกษา (Feedback and Assessment) เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้รับข้อมูลและตอบรับ คณาจารย์ผู้สอนดำเนินการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ผ่านแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ active learning ตามแนวทางการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ต้องการให้ผู้เรียนมีตามวัตถุประสงค์ (Outcomebased Education, OBE) โดยใช้สื่อการสอนแบบบูรณาการศาสตร์ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดำเนินการ โดยคำนึงถึงผลลัพธ์การเรียนรู้สู่ระดับบทเรียน ซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้(Constructive alignment) ที่เชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ตั้งแต่วิธีการสอนไปจนถึงการประเมินผล ในแต่ละคาบเรียนนักศึกษา จะมีโอกาสในการเรียนรู้ถึงความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลง (Continuous improvement) ผ่านกิจกรรมกลุ่มและ โครงการ โดยมีการนำเสนอในทุกคาบเรียนเพื่อให้นักศึกษาได้มีประสบการณ์ตรงในการแสดงออกหน้าชั้นเรียน
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 73 – ในรูปแบบต่าง ๆ โดยผู้สอนทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษา (Mentorship) มอบแนวทางในการพัฒนาที่ชัดเจนผ่าน ข้อคิดเห็นและข้อแนะนำ (Feedback) ระหว่างเรียนในลักษณะของข้อคิดเห็นเชิงบวก (Positive feedback) และข้อคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์(Constructive feedback) แบบทันทีหลังการนำเสนองาน เมื่อพบข้อผิดพลาดหรือ ข้อบกพร่องที่ควรได้รับการแก้ไขจะมีการให้ข้อคิดเห็นเชิงลบ (Negative feedback) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาตนเอง และเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และเป็นการสร้างสัมพันธภาพในทีม และสามารถเป็นปัจจัยในการนำความรู้ และทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันเป็นการให้ความสำคัญกับความพร้อมทางอาชีพ (Professional readiness) ได้อีก ด้วย ภาพที่ 2 ภาพกิจกรรม Social Engineer Day 1 พฤศจิกายน 2566 ในการประเมินผลการเรียนรู้คณาจารย์ให้ความสำคัญกับการประเมิน (Assessment-driven) มีการใช้ เกณฑ์การประเมินกลางของรายวิชา และใช้แบบประเมินพัฒนาโครงการคิดเป็นน้ำหนักร้อยละ 40 ในหัวข้อประเมิน หลัก 4 ด้าน ตามเครื่องมือวิศวกรสังคมได้แก่ ความสามารถใช้เครื่องมือฟ้าประทานเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในการ แก้ปัญหา (นักคิด) ความสามารถในการใช้เครื่องมือนาฬิกาชีวิตในการสื่อสารประสานงานในการแก้ปัญหา (นักสื่อสาร) ความสามารถในการใช้เครื่องมือไทม์ไลน์พัฒนาการเพื่อศึกษาก่อนการแก้ปัญหา (นักประสาน) และความสามารถในการใช้เครื่องมือไทม์ไลน์กระบวนการในการวางแผนแก้ปัญหาได้อย่างเป็นกระบวนการ (นวัตกร) ตามลำดับ ผนวกกับการประเมินคุณสมบัติในตนระหว่างเรียนคิดเป็นน้ำหนักร้อยละ 60 ในด้านการทำงาน ร่วมกัน การตั้งคำถามและตอบคำถาม การคิดวางแผนแก้ปัญหา และการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ตามลำดับ โดยมุ่งเน้นที่การนำผลลัพธ์มาปรับปรุงและพัฒนาการศึกษา ไม่เพียงแค่การให้คะแนนหรือการตรวจสอบความรู้ของ ผู้เรียน แต่การประเมินนี้เน้นการตรวจวัดในทิศทางทักษะ ความเข้าใจ และการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง สอดคล้องกับแนวทางการเรียนรู้ที่เน้นตามสถานการณ์ (Situation-Based Learning: SBL) ซึ่งเป็นแนวคิดในการ ออกแบบการเรียนรู้ที่ให้ความสำคัญกับการนำความรู้และทักษะมาใช้ในสถานการณ์จริงหรือสถานการณ์ ในชีวิตประจำวัน (Lonka, 2020) ตามบริบทที่หลากหลายและเชื่อมโยงกับปัญหาหรือสถานการณ์ด้วยการทำงาน กลุ่ม ทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาสได้ประสบการณ์ที่เข้าใจผ่านการนำไปใช้จริง (Real-world application) พัฒนาทักษะ การแก้ปัญหาในบริบท ปรับเปลี่ยนไปในสถานการณ์ที่ต่างกัน
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 74 – ภาพที่ 3 ประมวลผลการวิเคราะห์ความรู้สึกภายหลังการเรียนวิชาการพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและ วิศวกรสังคม เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมรายวิชาการพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติแลวิศวกรสังคม ในภาคเรียน ที่ 1/2566 นักศึกษาร้อยละ 78.84 ตอบแบบประเมินตนเองโดยนักศึกษาทั้งในด้านความรู้สึกจากการเรียน (Sentiment analysis) และการทบทวนตนเองถึงความรู้ที่ได้รับจากการเรียน (Reflective practice) ในรูปแบบ ของการทบทวนวิเคราะห์ (Reflecting and analyzing) โดยในภาพที่ 3 แสดงคราวด์คำ (WordCloud) ประมวลผล การวิเคราะห์ความรู้สึกของนักศึกษาโดยคำที่ปรากฎบ่อยและมีความสำคัญมากจะถูกแสดงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่คำที่ปรากฏน้อยหรือมีความสำคัญน้อยจะมีขนาดเล็กกว่า โดยการรวบรวมผลการสะท้อนตนเอง จากนักศึกษาที่ร่วมตอบแบบประเมิน ภาพที่ 4 แสดงคราวด์คำสรุปการทบทวนตนเองของนักศึกษาถึงความรู้ที่ได้รับ พบว่า นักศึกษาประเมินตนเองว่าได้รับการเรียนรู้ (learned) ความรู้ (know) แบบหลากหลายกลุ่ม (groups) ผ่านเครื่องมือลักษณะต่าง ๆ (various tools) ได้เปลี่ยนมุมมองชีวิต (life) ได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น (work together) ได้ทำงานร่วมกันในสังคม (social working) และได้รู้จักขั้นตอนกระบวนการ (timeline) เป็นต้น ภาพที่ 4 ประมวลผลการทบทวนตนเองของนักศึกษาหลังการเรียนวิชาการพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติ และวิศวกรสังคม
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 75 – การอภิปรายผลและสรุปผล การถอดบทเรียนการพัฒนา Soft Skill ด้วยวิศวกรสังคมในนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาศึกษาทั่วไป “การพัฒนาคุณสมบัติในตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม” ได้แก่ 1) ขนาดของกลุ่มนักศึกษาในการร่วมกิจกรรม 2) ประสบการณ์และความพร้อมในการถ่ายทอดของผู้สอน 3) การใช้ ทัศนคติเชิงบวกในกิจกรรมและการบรรยาย 4) การเกิดกระบวนการเรียนรู้ในระดับบุคคล และ 5) การเลือกเทคนิค โปรแกรมสติที่เหมาะกับอัตลักษณ์ของผู้เรียน จากการดำเนินกิจกรรมเพื่อการพัฒนาทักษะทักษะทางสังคม หรือ Soft Skill ให้กับนักศึกษาในรูปแบบของกิจกรรมเสริม สู่การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ต้องการให้ ผู้เรียนมีตามวัตถุประสงค์ (OBE) โดยบทความนี้ได้สรุปเป็นแผนภาพกิจกรรมการเรียนรู้เปรียบเทียบกับเครื่องมือ วิศวกรสังคม โดยบทเรียนแห่งความสำเร็จในการพัฒนา Soft Skill ให้กับนักศึกษา อันประกอบไปด้วยทักษะการ สื่อสาร (Communication) การทำงานร่วมกัน (Teamwork) การแก้ปัญหา (Problem Solving) การนำนวัตกรรม (Creativity) การจัดการเวลา (Time Management) การปรับตัว (Adaptability) การมีวินัย (Discipline) การสร้าง ความสัมพันธ์ (Relationship Building) การให้บริการ (Customer Service) และความซื่อสัตย์และความนับถือ (Integrity and Respect) เหล่านี้นั้นสอดคล้องกับการนำเสนอบทเรียนของ นิคม (2565) และอับดุลเลาะห์ (2565) และสอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ผ่านปรากฎการณ์ (Phenomenon-based learning) ที่อธิบายไว้ในหนังสือการ จัดนวัตกรรมการเรียนรู้แบบฟินแลนด์ (Lonka, 2020) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในศตวรรษ ที่ 21 เจ็ดประการได้แก่ การคิดและการเรียนรู้ที่จะเรียนรู้สมรรถนะทางวัฒนธรรม ทักษะการสื่อสาร และการแสดงตัวตน การดูแลตนเอง และทักษะในชีวิตประจำวัน ทักษะการสื่อสารรอบด้าน ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทักษะชีวิต การทำงานและทักษะผู้ประกอบการ การมีส่วนร่วม อำนาจในตนเอง และความพร้อมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน อันจะเป็นการเตรียมความพร้อมนักศึกษาสู่โลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างฉับพลัน (Disruptive technology) ได้ต่อไป
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 76 – เอกสารอ้างอิง นงรัตน์ อิสโร. (2562). วิศวกรสังคม (Social Engineer) สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนา ประเทศ. เอกสารสรุปผลการอบรมเชิงปฏิบัติการ. นิคม สุวพงษ์. (2565). การถอดบทเรียน: เพื่อ เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้. Journal of Graduate Saket Review, 7(1), 47-60. พัชรา คงสุผล. (2561). ถอดบทเรียนโรงเรียนต้นไม้. Sarasatr, 1(4), 571-584. ยงยุทธ์ วงศ์ภิรมย์ศานติ์. (2560). สร้างสุขด้วยสติในองค์กร (Mindfulness in Organization: MIO). พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : บียอนด์ พับลิสชิ่ง จำกัด. สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2547). พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547. กรุงเทพฯ : สํานักงานฯ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี(พ.ศ. 2561- 2580). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ. สุภางค์ จันทวานิช. (2553). การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. อับดุลเลาะ เจ๊ะหลง. (2565). เงื่อนไขการถอดบทเรียนกิจกรรมนักศึกษา: ปรากฏการณ์จากผู้นำนักศึกษา. THE LIBERAL ARTS JOURNAL, MAHIDOL UNIVERSITY, 5(2), 289-313. Bloom, B. S., Engelhart, M. D., Furst, E. J., Hill, W. H., & Krathwohl, D. R. (1956). Taxonomy of educational objectives: The classification of educational goals. Handbook I: Cognitive domain. New York: David McKay Company. Lonka, K. (2020). Phenomenal Learning: นวัตกรรมการเรียนรู้แห่งอนาคตแบบฟินแลนด์. OpenAI. (2024). ChatGPT-3.5: OpenAI’s language model. https://www.openai.com/
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 77 – ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม Factors Affecting the Enhancement of Students’ Soft Skills Through the Social Engineering Process. นพดล ทุมเชื้อ1 , อนุรักษ์ ธัญญเจริญ2 , อภิเชษฐ์ ขำเลิศ3 Noppadol Thumchuea1 , Anurak Thanyacharoen2 , Aphichet Khamlert3 บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาและนำเสนอปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม โดยได้ศึกษาวิธีปฏิบัติในปีการศึกษาที่ผ่านมาจากการจัดโครงการอบรม เชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม และการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาการพัฒนา ตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม เพื่อนำมาสรุปปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของ นักศึกษา และนำเสนอเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป ผลการศึกษาสามารถสรุปได้ ดังนี้ ปัจจัยที่จะทำให้การ ยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ 1) ก่อนการจัดกิจกรรม ได้แก่ การร่วมกันออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สามารถบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ ที่กำหนด การอบรม/ประชุมผู้สอนเพื่อทำความเข้าใจในการพัฒนาผู้เรียนให้ตรงตามผลลัพธ์การเรียนรู้ และการจัดเตรียมงบประมาณ 2) ระหว่างการจัดกิจกรรม ได้แก่การประชุมผู้สอนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนิน กิจกรรม การใช้เครื่องมือวัด และเกณฑ์การประเมิน และการประสามงาน/วางแผนในการลงพื้นที่ของผู้เรียน และ 3) หลังการจัดกิจกรรม ได้แก่ การอบรมเพื่อสะท้อนผลการดำเนินการจัดการเรียนการสอน และการอบรม เพื่อ Upskills/Reskills ให้กับผู้สอน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้การยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วย กระบวนการวิศวกรสังคมทีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คำสำคัญ : ปัจจัยที่ส่งผล / การยกระดับ Soft Skills / กระบวนการวิศวกรสังคม ________________________________________ 1 สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย 2 สาขาวิชาคณิตศาสตร์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย 3 สาขาวิชาการจัดการทั่วไป คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประเทศไทย
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 78 – บทนำ พระบรมราโชบายด้านการศึกษาขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ทรงมอบหมาย องคมนตรีเพื่อดำเนินการโดยมีเป้าหมายอยู่ที่นักศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะนักศึกษาในการยกระดับคุณภาพการศึกษา และพัฒนาท้องถิ่นที่ตนอยู่ สร้างนักศึกษาเป็น “วิศวกรสังคม” ด้วยการมีทัศนที่ดีและถูกต้อง มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง เข้มแข็ง มีงานทำ มีอาชีพ เป็นพลเมืองที่ดีการพัฒนา Soft Skill ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคมเพื่อพัฒนาทักษะ ของนักศึกษาที่ต้องมีติดตัวเพื่อการดำรงชีวิต และการทำงานในอนาคต ได้แก่การคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล การเห็น ปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย การสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง สอดคล้องกับทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาการพัฒนาทักษะดังกล่าวให้กับนักศึกษา เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการบรรยายเป็นการท่องจำเนื้อหาแต่ไม่ลึกซึ้ง ผู้สอนจะนำเนื้อหา ที่จะสอนให้นักศึกษาฟังทำให้นักศึกษาขาดประสบการณ์การลงมือทำในพื้นที่ องค์กร ชุมชน หมู่บ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ต้องอาศัยทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ทักษะมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ดังที่ วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล (2562) กล่าวว่า Soft skills หมายถึง ทักษะด้านความคิด อารมณ์ความรู้สึก และการสื่อสาร ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ และเอื้อให้เกิดการสร้างสรรค์นวตักรรม Soft skills จะช่วยส่งเสริมการพัฒนา Hard skills หรือทักษะเฉพาะทาง อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับ ที่ฐาปกรณ์ อ่วมสถิตย์ (2563) กล่าวว่า Soft Skill คือ ทักษะด้านอารมณ์และทักษะด้านสังคม เป็นทักษะที่ช่วย ส่งเสริมความฉลาด ความสามารถทางอารมณ์ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทำให้การทำงานมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นทักษะที่ช่วยให้สามารถดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไม่เป็นปัญหา ดังนั้นการจัดการ เรียนการสอนต้องเพิ่มสมรรถนะขีดความสามารถที่นักศึกษาต้องมี หัวใจสำคัญในการปฏิรูปการศึกษาคือ “การยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม” จึงจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปการเรียนรู้ ซึ่งองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง และสัมพันธ์กันมีหลายประการอันได้แก่ ครูผู้สอน รูปแบบการจัดการเรียนการสอน หลักสูตร การวัดและการประเมินผล องค์ประกอบเหล่านี้จะสนับสนุนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและเกิด สมรรถนะสำคัญที่สามารถใช้ได้ในชีวิตจริง และจากการเปลี่ยนแปลงสังคมในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง สาธารณสุข และที่สำคัญคือการจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาบุคคลให้อยู่ ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังที่ Noppadol Thumchuea (2022) ได้กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา Soft skills ของผู้เรียนระดับอุดมศึกษาควรมีการปรับปรุงหลักสูตรที่เน้นผลลัพธ์ของผู้เรียน เน้นการปฏิบัติจริง ควรมีการกำหนดสมรรถนะของผู้เรียนเพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ควรมีการส่งเสริมการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงเพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติได้อย่างคล่องแคล่ว หรือทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองจากแนวคิดที่กล่าวมา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงจึงมีแนวคิดในการ พัฒนานักศึกษา โดยนำเอากระบวนการวิศวกรสังคมมาใช้ตามพระราโชบายของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โดยพัฒนาทักษะทั้ง 4 ประการผ่าน เครื่องมือทั้ง 5 เครื่องมือ และกำหนดให้นักศึกษา วิศวกรสังคม ได้วิเคราะห์ ศึกษา วิจัย พัฒนาจากกรณีศึกษา เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ข้ามศาสตร์แบบลงมือปฏิบัติ จริงจากการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเป็นฐาน (Social Lab Based) ผ่านการ Coaching ของคณาจารย์ต่างคณะต่าง สาขา และปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อให้นักศึกษาต่างคณะต่างสาขาร่วมดำเนินกิจกรรมแก้โจทย์ปัญหาเชิงพื้นที่ (Area based) ด้วยตัวนักศึกษาเองตลอดกระบวนการ โดยมุ่งเป้าที่การสร้างนักศึกษาให้กลายเป็นบัณฑิตนักคิด นักสื่อสาร นักประสาน และนวัตกรชุมชน จากผลการดำเนินการที่ผ่านมาได้มีการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการ
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 79 – ยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม เพื่อนำไปสู่การพัฒนากระบวนการในการเรียนการ สอนให้ดียิ่งขึ้น วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาและนำเสนอปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกร สังคม การพัฒนา Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วิศวกรสังคม (Social Engineer) เป็นคำศัพท์ที่รวมกันระหว่าง 2 คำได้แก่ 1) วิศวกร (Engineer) หมายถึง บุคคลผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ ถนัด ด้านการช่าง ออกแบบ สร้าง ซ่อม ผลิต ควบคุมสิ่งประดิษฐ์โดยมี ใบประกอบอาชีพด้านวิศวกรรมเป็นการรับรองความสามารถ และ 2) สังคม (Social) หมายถึงพื้นที่ชีวิต และกิจกรรมร่วมกันของคนตั้งแต่ 2 คนขึ้น ตั้งแต่สามีภรรยา ไปสู่การสร้างครอบครัวและหลายครอบครัวเป็นคุ้ม หมู่ ชุมชน เผ่าและหมู่บ้าน มีกิจกรรมทางสังคม และวัฒนธรรมร่วมกัน มีพื้นที่รวมใจของคน จนหลายกิจกรรมที่ทำ แล้วเป็นที่ยอมรับกัน และยังมีนักวิชาการที่ได้อธิบายความหมายของ วิศวกรสังคม (Social Engineers) ที่ได้นำมา เป็นแนวทางสามารถสรุปดังต่อไปนี้รัฐพล ตุลวรรธนะ (2564) กล่าวว่า วิศวกรสังคม คือ หลักวิชาในทางรัฐศาสตร์ ที่หมายถึงการปฏิบัติงานที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติอย่างกว้างขวาง และในพฤติกรรมสังคมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ปฏิบัติงานภาครัฐและธุรกิจ ในแวดวงทางการเมือง การเข้าไปเกี่ยวข้องกับวิศวกรรมทางสังคมคือวิศวกรรม ทางการเมือง ด้วยเหตุผลนานาทัศนะ ความหมายของคำนี้จึงเป็นสิ่งที่แปดเปื้อนในความหมายที่แฝงไปด้วยในทางที่ ไม่ดี อย่างไรก็ตามตัวบทกฎหมายและความเป็นธรรมรัฐได้มีผลกระทบเกี่ยวกับการแสวงหาการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมและได้มีการพิจารณาคำว่าวิศวกรรมสังคมในขอบเขตหลายประการ การสร้างวิศวกรสังคม มีต้นกำเนิด จากความต้องการสร้างสังคมที่ดี มีระบบระเบียบในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุข และประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยการมีความสามัคคี และเอื้ออาทรต่อกัน นักวิศวกรสังคมที่ดีควร คำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ สามารถคิดวิเคราะห์ได้อย่างเป็นระบบ สามารถสร้างความเชื่อมโยง กับชุมชนได้ โดยมีคุณลักษณะหลัก 4ประการ คือ 1) นักคิดที่มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง เหตุและผล เห็นปัญหาเป็นเรื่อง ท้าทาย 2) นักสื่อสารที่มีความสามารถในการนำความรู้ที่สร้างไปใช้ประโยชน์ กับชุมชน สามารถสื่อสารองค์ความรู้เพื่อนำไปแก้ปัญหาให้กับชุมชนได้ 3) นักประสานงานที่สามารถทำงานร่วมกับ ผู้อื่น โดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถที่จะระดมกำลังไม่ว่าจะภายใน หรือนอกท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ท้องถิ่นได้ และ 4) นวัตกรผู้มีทักษะในการสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่นได้สอดคล้องกับ Faiz & Agustine, (2018) ที่ได้อธิบายว่า วิศวกรสังคมมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้สังคม หรือชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลง ไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากวิศวกรสังคมทำหน้าที่เป็นผู้วิเคราะห์ศักยภาพชุมชนออกแบบเพื่อสร้างสรรค์สังคมให้เป็น สังคมที่มีคุณภาพ โดยการยกระดับองค์ความรู้ในชุมชน สร้างนวัตกรรมเพื่อการแก้ปัญหาชุมชน และสร้างความ ยั่งยืนในการแก้ปัญหา เชิงพื้นที่บนฐานข้อมูล หรือบริบทของชุมชนนั้น ๆ ส่งเสริมให้ชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ฉะนั้น คุณภาพชีวิตของคนในสังคมจึงสามารถสร้างได้ด้วยการมีวิศวกรสังคมอยู่ในชุมชน โดย ดาว์พงษ์ รัตนสุบรรณ (2564) ได้กล่าวว่า วิศวกรสังคม เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยสร้างชุมชนเข้มแข็งและสร้างเสริมสมรรถนะผู้เรียน ให้สมบูรณ์ด้วยคุณลักษณะ 4 ประการ ได้แก่ การมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง การมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม มีงานทำ มีอาชีพ และเป็นพลเมืองดี ซึ่งวิศวกรสังคมที่ได้รับการพัฒนาทักษะจะสามารถเป็นสื่อกลาง
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 80 – ในการประสานประโยชน์ของทุกภาคส่วนเพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นเกิดการพัฒนา ให้นักศึกษามีความสามารถ และทักษะเพื่อการดำรงชีวิตและการทำงานในอนาคต สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตนได้ จากการศึกษาความหมายของวิศวกรสังคม (Social Engineer) จากนักวิชาการดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่า วิศวกร สังคม (Social Engineer) หมายถึง ผู้ที่มีความสามารถในคิดวิเคราะห์อย่าง เป็นระบบ เป็นเหตุเป็นผล เชื่อมโยง อย่าง บูรณาการแบบข้ามศาสตร์ คละศาสตร์ ผสมศาสตร์มีความรู้การใช้เครื่องมือ เทคนิควิธี กระบวนการ ขั้นตอน ในการพัฒนาคนในชุมชนท้องถิ่น และในปี พ.ศ. 2563 กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏได้สร้างรูปแบบการพัฒนานักศึกษา ภายใต้ชื่อโครงการว่า “วิศวกรสังคม” โดยใช้ชุมชน ท้องถิ่นเป็นห้องเรียนสำหรับการทำกิจกรรมนักศึกษาระหว่าง เรียนปกติในรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อสร้าง “Soft Skills” ที่จำเป็น สำหรับการใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21 ทักษะ แห่งอนาคต การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ปรับวิธีคิดเปลี่ยนวิธีสอน ปรับห้องเรียนสี่เหลี่ยม เป็นห้องเรียนชุมชน ให้ “ทักษะวิศวกรสังคม” ติดตัวนักศึกษาไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตและทำงานในอนาคต โครงการวิศวกรสังคม เป็นกระบวนการพัฒนานักศึกษาเพื่อการเป็นบัณฑิตที่มีคุณลักษณะ และทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่ตอบสนองต่อ บทบาทการพัฒนาท้องถิ่น ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ภายใต้กรอบแนวคิดของการวิเคราะห์ ศักยภาพชุมชน การยกระดับองค์ความรู้ของชุมชน การสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาชุมชน และการสร้างความยั่งยืนในการ แก้ปัญหาเชิง พื้นที่บนฐานข้อมูลชุมชน วิศวกรสังคม มีความสำคัญในฐานะเป็นทักษะเฉพาะของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ที่ได้รับการปลูกฝัง อบรม ให้ความรู้ ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุผล ค้นหาปัญหาที่แท้จริง คิด อย่างเป็นระบบ คิดเชิงสร้างสรรค์ คิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ลงมือทำอย่างมีระบบ แบบแผน ขั้นตอน ตามหลักวิชา ไม่ติดตำรา พิจารณาจากปัญหาที่แท้จริง สื่อสาร ประสานงานกับเป้าหมาย ภาคีเครือข่าย หุ้นส่วนทาง สังคมอย่างเข้าใจ เข้าถึง พึ่งพา พัฒนา อย่างยั่งยืน รู้จักสร้างเครื่องมือ ใช้เทคนิควิธีให้สอดคล้องกับวิถีวิธีภูมิสังคม ที่ประชาชนอยู่ อาศัยในชุมชนท้องถิ่น ผลิตนวัตกรรมทางสังคมไปแก้ปัญหาของสังคมได้ ในแนวทางที่ถูกต้องดีงาม จนสร้างตนเป็นที่พึ่งแห่งตน สร้างตนเป็นที่พึ่งของสังคมได้อย่างสง่างามสมกับเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ อย่างภาคภูมิองค์ประกอบของวิศวกรสังคมจากคู่มือพัฒนานักศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ แบบฝึก Soft Skills จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ฉบับรั่วมหาวิทยาลัย นงรัตน์ อิสโร (2564) และสามารถสังเคราะห์องค์ประกอบของวิศวกร สังคมได้ทักษะวิศวกรสังคม ประกอบด้วย 1) ทักษะการคิดเชิงเหตุผล (นักคิด) 2) ทักษะการสื่อสาร (นักสื่อสาร) 3) ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น (นักประสาน) และ 4) ทักษะการสร้างนวัตกรรม (นักนวัตกร) เน้นให้การจัดการ เรียนการสอนแบบข้ามศาสตร์แบบลงมือปฏิบัติจริง (Multidisciplinary Active Learning) ที่ใช้ชุมชน ท้องถิ่นเป็น ฐาน (Social Lab Based) ด้วยเครื่องมือวิศวกรสังคม มีรายละเอียด ที่ดังนี้1) เครื่องมือ “ฟ้าประทาน” เพื่อให้ สามารถแยกแยะข้อเท็จจริง (Fact) ออกจากอารมณ์และความรู้สึก (Feeling) ยอมรับความเห็นต่างและสามารถหา จุดร่วมเพื่อการพัฒนา (ตัวเอง องค์กร สังคม) ช่างสังเกต สืบเสาะหาข้อมูลบนหลักเหตุ-ผล2) เครื่องมือ “นาฬิกา ชีวิต” เพื่อให้สามารถตั้งคำถามอย่างสงสัยใคร่รู้ (5W 1H) เข้าใจและเคารพวิถีชีวิตของเพื่อนร่วมงานและคนใน ชุมชนเลือกเวลาและประเด็นการมีส่วนร่วมได้อย่างเหมาะสม (Put the right man to the right job) รู้จักตั้ง คำถามเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล โดยมีจุดมุ่งหมายและการช่างซักถามอย่างสงสัยใคร่รู้3) เครื่องมือ “Timeline พัฒนาการ” เพื่อให้รู้จักคุณค่าอดีต เข้าใจปัจจุบันเพื่อวางแผนอนาคต 4) เครื่องมือ “Timeline กระบวนการ” เพื่อให้รู้จักทุกขั้นตอนอย่างถ่องแท้ เพื่อเลือกพัฒนาตามศักยภาพอย่างตรงเป้าหมาย และ 5) เครื่องมือ “M.I.C. model” เพื่อให้มีหลักคิดการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง, Design thinking, LEAN business, BMC, Service design, Storytelling art for the best communication. ปรับปรุง (Modify) ยกระดับ (Improve)
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 81 – สร้างเพิ่ม (Create) กระบวนการด้วยองค์ความรู้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นเป็นการนำ กระบวนการวิศวกรสังคมไปใช้การพัฒนา“Soft Skills” ของนักศึกษา สามารถพัฒนาตนเองให้มีองค์ความรู้ สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อย่างกัลยาณมิตร คิดสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาพัฒนาชุมชนท้องถิ่น วิศวกรสังคมเป็นทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 ในการออกแบบเพื่อสอนให้กับเหล่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศทั้ง 38 แห่งที่ยึด โยงกับวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นแต่ละภูมิภาค ตามบริบทที่แตกต่างของภูมิสังคมที่เป็นทั้งชุมชนเมืองและชุมชน ชนบท โดยการฝึกฝนอบรม บ่มเพาะให้ นักศึกษาราชภัฏเป็นผู้มีทักษะวิศวกรสังคมพร้อมกับการพึ่งตนเอง และเป็นที่พึ่งพาให้กับ สังคมที่กำลังเผชิญปัญหา การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและสังคมโลกจากหลักการ และแนวคิดดังกล่าวมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงได้นำเอามาปฏิบัติโดยปีการศึกษา 2565 ได้จัดโครงการ อบรม เชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ให้กับนักศึกษาทุกคณะโดยใช้รองคณบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษาแต่ละคณะรับผิดชอบ และได้ส่งอาจารย์เข้าร่วมอบรมกับส่วนกลางที่จัดขึ้นเพื่อมาขยายผลต่อใน การอบรมให้กับนักศึกษา และได้จัดทำรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ในหมวดวิชาศึกษา ทั่วไปเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกสาขาวิชา จากการดำเนินงานที่ผ่านมาพบข้อดี และข้อจำกับหลายประการ จึงได้มีการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาจากการจัดการ เรียนการสอนด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม โดยมีขอบเขตในการศึกษาดังนี้ กลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาแต่ละคณะ ที่รับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 จำนวน 6 คน นักศึกษาที่เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 จำนวน 100 คน ได้จาการสุ่มอย่างง่าย จากนักศึกษาทั้งหมด 600 คน อาจารย์ผู้สอนรายวิชาการ พัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 จำนวน 12 คน จาก 12 หมู่เรียน และนักศึกษา ที่เรียนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 จำนวน 90 คน ได้จาการสุ่ม แบบกลุ่มจากนักศึกษา 12 หมู่เรียน ทั้งหมด 260 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย 1) แบบบันทึกการประชุมกลุ่ม PLC (Professional Learning Community) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อ การยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม 2) แบบสรุปผลการสะท้อนคิดของนักศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการวิศวกรสังคม 3) แบบบันทึกการประชุมกลุ่มย่อยการสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษา ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ขั้นตอนการดำเนินการและการเก็บรวบรวมข้อมูล การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม เป็นการประยุกต์โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสม (Mix Method) โดยมี ลำดับขั้นตอนดำเนินการวิจัยดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกร สังคม 1) ศึกษาองค์ความรู้จากการถอดบทเรียนการดำเนินงานที่ผ่านมา ในการประชุมกลุ่ม PLC จากรองคณบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษาแต่ละคณะที่รับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการ
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 82 – วิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 และอาจารย์ผู้สอนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 2) ศึกษาผลการสะท้อนคิดของนักศึกษาที่เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วย กระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 เกี่ยวกับกระบวนการวิศวกรสังคม และนักศึกษาที่เรียนรายวิชา การพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 3) นำองค์ความรู้จากการถอดบทเรียนและการศึกษาการสะท้อนคิดของนักศึกษามาจัดประชุมเสวนากลุ่ม ย่อย (Focus Group) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกร สังคม จากรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาแต่ละคณะที่รับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษา ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 และอาจารย์ผู้สอนรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติ และวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 ขั้นตอนที่ 2 การสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกร สังคม 1) นำผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม มาศึกษาแนวทางเพื่อยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม 2) จัดประชุมเสวนากลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของ นักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคมจากรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาแต่ละคณะที่รับผิดชอบโครงการอบรมเชิง ปฏิบัติการเพื่อพัฒนานักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565 และอาจารย์ผู้สอนรายวิชาการ พัฒนาตนด้วยโปรแกรมสติและวิศวกรสังคม ภาคเรียนที่ 1/2566 ผลการดำเนินงาน จากการดำเนินงานเพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษา ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม พบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกร สังคม สามารถแบ่งออกเป็น ดังนี้ ตารางที่ 1 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ก่อนการจัดกิจกรรม 1. การร่วมกันออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สามารถบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ที่กำหนด 1) ออกแบบกิจกรรมการฝึกปฏิบัติเรียนรู้การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมทั้ง 5 เครื่องมือ ก่อนลงพื้นที่ 2) ออกแบบกิจกรรมการลงพื้นที่เพื่อฝึกให้ผู้เรียนเกิดทักษะทั้ง 4 ทักษะ ด้วยเครื่องมือวิศวกรสังคม 2. การอบรมผู้สอนเพื่อทำความเข้าใจในการพัฒนาผู้เรียนให้ตรงตามผลลัพธ์การเรียนรู้ที่กำหนด 3. การประชุมผู้สอนเพื่อทบทวนการใช้สื่อประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ 4. การจัดเตรียมงบประมาณทั้งงบประมาณสนับสนุนด้านวัสดุ อุปกรณ์ สอนสอบฝึก และการลงพื้นที่เพื่อ ปฏิบัติกิจกรรม ระหว่างการจัดกิจกรรม 1. การประชุมผู้สอนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินกิจกรรม
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 83 – 2. การใช้เครื่องมือวัด และเกณฑ์การประเมินดังนี้ 1) วัดความรู้เกี่ยวกับหลักการของเครื่องมือวิศวกรสังคม 2) วัดทักษะการใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมด้วยการสังเกตพฤติกรรม 3) วัดเจตคติจากการสะท้อนคิดการนำไปใช้ 3. การประสามงาน และวางแผนในการลงพื้นที่ของผู้เรียน 1) ใช้วงสนทนา PLC เพื่อเรียนรู้ร่วมกันและสะท้อนคิด 2) ใช้กลุ่ม Social Network เพื่อเรียนรู้ร่วมกันและเป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูล 3) มีเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน เพื่อสนับสนุนการจัดการ หลังการจัดกิจกรรม 1. การอบรมเพื่อสะท้อนผลการดำเนินการจัดการเรียนการสอน 2. การอบรมเพื่อ Upskills/Reskills ให้กับผู้สอน จากการศึกษา สามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการ วิศวกรสังคม แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรกก่อนการจัดกิจกรรม ได้แก่ การร่วมกันออกแบบกิจกรรมการ เรียนรู้ให้สามารถบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ที่กำหนด ประกอบไปด้วยการออกแบบกิจกรรมการฝึกปฏิบัติเรียนรู้การใช้ เครื่องมือวิศวกรสังคมทั้ง 5 เครื่องมือ ก่อนลงพื้นที่ และการออกแบบกิจกรรมการลงพื้นที่เพื่อฝึกให้ผู้เรียนเกิดทักษะ ทั้ง 4 ทักษะ ด้วยเครื่องมือวิศวกรสังคม การอบรมผู้สอนเพื่อทำความเข้าใจในการพัฒนาผู้เรียนให้ตรงตามผลลัพธ์ การเรียนรู้ที่กำหนด การประชุมผู้สอนเพื่อทบทวนการใช้สื่อประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ และการจัดเตรียม งบประมาณสนับสนุนด้านวัสดุ อุปกรณ์ สอนสอบฝึก และการลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติกิจกรรม ระยะที่สองระหว่างการจัด กิจกรรม ได้แก่ การประชุมผู้สอนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินกิจกรรม การใช้เครื่องมือวัด และเกณฑ์การ ประเมิน ประกอบไปด้วย การวัดความรู้เกี่ยวกับหลักการของเครื่องมือวิศวกรสังคม การวัดทักษะการใช้เครื่องมือ วิศวกรสังคมด้วยการสังเกตพฤติกรรม และการวัดเจตคติจากการสะท้อนคิดการนำไปใช้ และการประสามงาน/ วางแผนในการลงพื้นที่ของผู้เรียนการประสามงาน ประกอบไปด้วยการใช้วงสนทนา PLC เพื่อเรียนรู้ร่วมกัน และสะท้อนคิด การใช้กลุ่ม Social Network เพื่อเรียนรู้ร่วมกันและเป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูล และการมี เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน เพื่อสนับสนุนการจัดการ และระยะสุดท้ายหลังการจัดกิจกรรม ได้แก่ การอบรม เพื่อสะท้อนผลการดำเนินการจัดการเรียนการสอน และการอบรมเพื่อ Upskills/Reskills ให้กับผู้สอน อภิปรายและสรุปผล ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลการยกระดับ Soft Skills ของนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคมดังกล่าว เป็นผลมา จากการสะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากการดำเนินงานที่ผ่านมาในการจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนา นักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ให้กับนักศึกษาทุกคณะ และการจัดทำรายวิชาการพัฒนาตนด้วยโปรแกรม สติและวิศวกรสังคม ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกสาขาวิชา แสดงให้เห็นถึงลำดับและขั้นตอนของการดำเนินงานที่จะช่วยส่งเสริมให้การดำเนินงานเพื่อส่งเสริม ความสามารถ ความชำนาญที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติในสถานการณ์จริงของนักศึกษา สอดคล้องกับ แก้วตา ผิวพรรณ (2565) ในการศึกษาโครงการบ่มเพาะวิศวกรสังคมเพื่อพัฒนานวัตกรรมในการเพิ่มศักยภาพพัฒนา
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 84 – เชิงพื้นที่ในอำเภอเขาค้อ อยู่ในระดับดีมาก สอดคล้องกับ Noppadol Thumchuea (2022) ในการพัฒนา แนวทางการยกระดับรายวิชาศึกษาทั่วไป เรื่องการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ที่ส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ผ่านการลงมือปฏิบัติ ปัจจัยดังกล่าวจะส่งเสริมให้การจัดกิจกรรมวิศวกรสังคมเป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพ ช่วยให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าในสามารถเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และมีความ ชำนาญมากยิ่งขึ้นจากความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของการลงมือปฏิบัติในพื้นที่ชุมชน สอดคล้องกับ วัฒนา รัตนพรม (2564) ที่ว่า วิศวกรสังคมจะสร้างให้นักศึกษาคิดวิเคราะห์เป็นระบบมีเหตุและผล สามารถลงพื้นที่ในชุมชนเพื่อสร้าง ความเชื่อมโยงต่อชุมชน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรในการพัฒนาประเทศ โดยมีคุณลักษณะหลัก 4 ประการ คือ มีทักษะในการคิดวิเคราะห์เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผลเห็นปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย การนำความรู้ที่เรียนไปใช้ประโยชน์ให้กับชุมชนได้อย่างไร สามารถสื่อสารองค์ความรู้ที่เรียนไปเพื่อนำไปแก้ปัญหา ให้กับชุมชนได้ การทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถที่จะระดมกำลังไม่ว่าจะภายในท้องถิ่นหรือ นอกท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นได้ และมีทักษะในการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาให้กับชุมชน ท้องถิ่นได้ สอดคล้องกับ แก้วตา ผิวพรรณ (2565) ที่ว่า การพัฒนาและเพิ่มศักยภาพนักศึกษาวิศวกรสังคมต้องได้รับ การฝึกอบรมตามหลักการวิศวกรสังคม จะเห็นได้ว่าการพัฒนานักศึกษาให้เป็นผู้มีทักษะสำคัญในการปฏิบัติงานผ่าน กระบวนการวิศวกรสังคมต้องอาศัยการปฏิบัติงานจริงเพื่อฝึกใช้ความรู้และเครื่องมือที่ได้อบรมมาจะทำให้ความรู้ ความสามารถเพิ่มมากขึ้นกว่าการเรียนรู้จากการอบรมเพียงอย่างเดียว
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 85 – เอกสารอ้างอิง แก้วตา ผิวพรรณ. (2565). โครงการบ่มเพาะวิศวกรสังคมเพื่อพัฒนานวัตกรรมในการเพิ่มศักยภาพพัฒนาเชิงพื้นที่ใน อำเภอเขาค้อ. วารสาร มจร. การพัฒนาสังคม. ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 กันยายน–ธันวาคม 2565. น.148-164. ฐาปกรณ์ อ่วมสถิตย์. (2563). การพัฒนาทักษะซอฟต์สกิลด้วยการดำเนินโครงการจิตอาสาตามแนวทางจิตตปัญญา ศึกษา. วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ. ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน 2564. น.37-50. ดาว์พงษ์ รัตนสุบรรณ. (2564). วิศวกรสังคม(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 จาก https://www.bangkokbiznews.com/tech/953146 นงรัตน์ อิสโร (2564). คู่มือพัฒนานักศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ แบบฝึก Soft Skills จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ฉบับรั่วมหาวิทยาลัย. บริษัทอมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ วัฒนา รัตนพรม. (2564). วิศวกรสังคม(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 จาก https://today.line.me/t/v2/article/qgOE1w วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. (2562). การพัฒนาทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรม. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ผู้นำ พัฒนานวัตกรรมหลักสูตรและการเรียนรู้. รัฐพล ตุลวรรธนะ. (2565). โครงการอบรม หลักสูตร “วิศวกรการเมือง” (ออนไลน์). รุ่นที่ 1/2565 27-29 พฤษภาคม 2565 ณ โรงแรม อมรินทา กรุงเทพฯ Faiz, P., & Agustine, O. (2018). The Indonesian constitutional court decisions as a social engineer in improving people’s welfare. The 1st International Conference on Recent Innovations (ICRI 2018), 165-170. Noppadol, T. (2022). Developing Guidelines for Upgrading General Education Courses on Applying the Sufficiency Economy Philosophy in Real Life. Docens Series in Education, 4, 32-43.
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 86 – การพัฒนากิจกรรมนักศึกษาโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับวิศวกรสังคม เรื่อง การจัดการขยะพลาสติกเป็นพลังงาน Development of Students’Activities through Project Based Learning Incorporating Social Engineering on the topic of Plastic Waste Management for Energy Reform ภัทรกฤต คัชมาตย์1, , ขณัฏฐาพรรณ ปานณรงค์2 , ญาณี เพลิงพิษ3 , ธวัชวงศ์ แสงสัมฤทธิ์4 , อาภร ส่องเจี้ยะ5 , เพียงพร เบ็ญพาด6 Patarkrit Katchamat1 , Khanatthapan Pannarong2 , Yanee Plerngpit3 , Thawatwong Sangsumrit 4 , Aphon Songchia5 , Pengporn Banyapard6 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกร สังคม และ 2) ระดับผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดยใช้โครงานทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเป็นฐานโดยให้มีความสอดคล้องกับศาสตร์ ในสาขาวิชาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการขยะพลาสติกเป็นพลังงาน กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้นำ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เครื่องมือในงานวิจัยครั้งนี้ใช้แบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีผลพบว่า 1) ความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกรสังคมในภาพรวมอยู่ระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านคะแนนมากที่สุดคือ เครื่องมือ MIC Model อยู่ระดับมาก 2) ผลลัพธ์การใช้เครื่องมือ วิศวกรสังคมในภาพรวมอยู่ระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านคะแนนมากที่สุดคือการทำงานเป็นกลุ่ม และความพึงพอใจในเข้าร่วมโครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงานอยู่ระดับมาก และการ ออกแบบเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิสในครั้งนี้ เพื่อจะนำมาเป็น นวัตกรรมให้นักศึกษานำมาพัฒนาภายในชุมชนมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงและชุมชนเทศบาลเมืองจอมพล โดยออกแบบให้สามารถเติมขยะพลาสติกในเตาปฏิกรณ์ได้ครั้งละ 20 กิโลกรัม และใช้พลังงานความร้อนประมาณ 300 องศาเซลเซียส และสามารถผลิตดีเซลและน้ำมันเบนซีนได้รวมกันประมาณ 16 กิโลกรัม(70:30) และก๊าซ LPG ได้ประมาณ 4 กิโลกรัม และใช้ระยะเวลาการผลิตประมาณ 8 ชั่วโมง คำสำคัญ : การพัฒนากิจกรรมนักศึกษา / โครงงานเป็นฐาน / วิศวกรสังคม / การจัดการขยะ / พลาสติกเป็น พลังงาน / ไพโรไลซิส ____________________________________________________________ 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 2 สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 3 สาขาวิชาเทคโนโลยีโยธาสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 4 นักวิชาการศึกษา คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 5 นักวิชาการศึกษา คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 6 นักวิชาการศึกษา กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 87 – บทนำ โครงการวิศวกรสังคมเป็นโครงการที่ต้องการให้นักศึกษามีส่วนร่วมพัฒนาท้องถิ่น จากบทความพิเศษของ พระบาท สมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานพระราโชบายด้านการศึกษา เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 คือ “ต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน มีดังนี้ 1) มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง กล่าวคือ ต้องมีความรู้ ความเข้าใจต่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา มั่นคงในสถาบันกษัตริย์และมีความเอื้ออาทรต่อครอบครัว รวมทั้งชุมชนของตน 2) มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม กล่าวคือ ต้องรู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิดชอบ ชั่วดี ปฏิบัติแต่สิ่ง ที่ชอบสิ่งที่ดีงาม ปฏิเสธสิ่งที่ผิด สิ่งที่ชั่ว และช่วยกันสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง 3) มีงานทำ มีอาชีพ กล่าวคือ การเลี้ยงดูลูกหลานในครอบครัวหรือการฝึกฝนอบรมในสถานศึกษาต้องมุ่งให้เด็กและเยาวชนรักงาน สู้งาน ทำจนงานสำเร็จ การฝึกฝนอบรมทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตรต้องมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนทำงานเป็นและมีงาน ทำในที่สุดและต้องสนับสนุนผู้สำเร็จหลักสูตร มีอาชีพ มีงานทำจนสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัว 4) เป็นพลเมืองที่ดี กล่าวคือ การเป็นพลเมืองดีเป็นหน้าที่ของทุกคน ครอบครัว สถานศึกษาและ สถานประกอบการ ต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีการเป็นพลเมืองดีคือเห็นอะไรที่จะทำเพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้อง ทำ” จึงแนวทางการวิจัยครั้งนี้คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ต้องการ พัฒนานักศึกษา ให้เป็นบัณฑิตที่มีคุณลักษณะและทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่ตอบสนองต่อบทบาทการพัฒนาท้องถิ่น ผู้วิจัยจึงได้นำเครื่องมือวิศวกรสังคม ได้แก่ 1) ฟ้าประทาน โดยฝึกนักศึกษาให้เป็นนักคิด มีทักษะการคิดวิเคราะห์ เชิงเหตุ-ผลเห็นปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย 2) นาฬิการชีวิตโดยฝึกนักศึกษาให้เป็นนักสื่อสาร มีทักษะการสื่อสารองค์ ความรู้เพื่อแก้ปัญหา 3) Timeline พัฒนาการโดยฝึกนักศึกษาให้เป็นนักประสานงาน มีทักษะในการทำงานร่วมกับ ผู้อื่น โดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถระดมทรัพยากรสรรพกำลังในท้องถิ่นเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาได้ 4) Timeline กระบวนการ โดยฝึกนักศึกษาให้เป็นนวัตกร ทักษะการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาบนฐานข้อมูลชุมชน และ 5) M.I.C. model มาประยุกต์ใช้ในการสร้างนวัตกรรมชุมชนของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม วิธีการดำเนินการวิจัยคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม โดยการทำการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้เรื่อง เครื่องมือวิศวกรสังคมให้กับนักศึกษา และนำการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning : PBL) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ค้นหาคำตอบในสิ่งที่ ตนเองสนใจได้ตามความต้องการ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีในการแก้ปัญหา การทำงานอย่างมีระบบ การวางแผน การคิดวิเคราะห์ เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถสรุปมาเป็นองค์ความรู้ของตนเอง โดยผู้สอนเป็น ผู้จัดเตรียมบรรยากาศให้เอื้อต่อการเรียนรู้(พิมพลักษณ์ โมรา, 2561, หน้า 42) และกำหนดโจทย์โครงงานในครั้งนี้ เป็นเรื่องการจัดการขยะในชุมชน โดยการบูรณาการศาสตร์ทั้ง 5 สาขาวิชาภายในคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และทำการหาข้อมูลในแหล่งเรียนรู้จาการศึกษาดูงาน เรื่อง “เครื่องผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติกด้วยกระบวนการ ไพโรไลซิส” (ยุทธการ มากพันธุ์, ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ ท่ามะขาม, 2566.) โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการวิจัย คือ ผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและทำการลงพื้นหา ข้อมูล Timeline พัฒนาการ เรื่อง การจัดการขยะภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงและเทศบาลเมือง จอมพล จังหวัดราชบุรี ได้ทำการสัมภาษณ์ข้อมูลจริงกับนายพูนชัย คทาวัชรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี และนายชาญชัย ใช่รุ่งเรือง นายกเทศมนตรีเมืองจอมพล และได้นำเสนอนวัตกรรม “การจัดการขยะพลาสติกเป็น
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 88 – พลังงานด้วยกระบวนการไพโรไลซิส” กับท่านพลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ในการตรวจเยี่ยม การดำเนินงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ประจำปี 2566 และ คณะกรรมธิการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อปรึกษาหารือแนวทางในการบริหารจัดการโครงการกิจกรรมด้าน สิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองจอมพล ณ เทศบาลเมืองจอมพล อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีและทำการศึกษาระดับ ความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์และผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาระดับความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยี อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดยใช้โครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงาน เป็นฐาน 2. เพื่อศึกษาระดับผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดยใช้โครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงานเป็นฐาน กระบวนการไพโรไลซิส คือ กระบวนการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นให้เป็นน้ำมันหรือพลังงาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย โดยทำการให้พลังงานความร้อนที่ในภาวะที่ปราศจากออกซิเจนในระบบปิด โดยน้ำมันไพโรไลซิสที่สกัดได้จากพลาสติกชนิด PP จะมีจุดวาบไฟที่อุณหภูมิต่ำสุดที่ 14 องศาเซลเซียส มีค่าความ ร้อนจากการเผาไหม้ที่ 46.134 MJ/kg และน้ำมันไพโรไลซิสที่สกัดได้จากโฟม ชนิด PS มีจุดวาบไฟที่อุณหภูมิต่ำสุด ที่ 35 องศาเซลเซียส มีค่าความร้อนจากการเผาไหม้ที่ 41.436 MJ/Kg และเปรียบเทียบกับค่าจุดวาบไฟของ น้ำมันก๊าดที่อุณหภูมิต่ำสุดที่จะอยู่ระหว่าง 35 องศาเซลเซียส ถึง 65 องศาเซลเซียส ค่าความร้อนจากการเผาไหม้ แบบกรอสของน้ำมันก๊ดอยู่ที่ 46.2 MJ/Kg (ธันยบูรณ์ ถาวรวรรณ์, 2563, หน้า 15) รูปที่ 1 แบบเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส ที่มา : ยุทธการ มากพันธุ์ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ และนักศึกษาวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยี อุตสาหกรรม
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 89 – แบบเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิสนี้ออกแบบโดยนาย ยุทธการ มากพันธุ์ ผู้จัดการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติร่วมกับนักศึกษาวิศวกรสังคมของนักศึกษาคณะเทคโนโลยี อุตสาหกรรม เพื่อใช้ทำเป็นสื่อสาธิตกระบวนการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิสให้กับ ชุมชนภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงและชุมชนเทศเมืองจอมพล โดยทำการออกแบบให้สามารถเติม ขยะพลาสติกในเตาปฏิกรณ์ในหนึ่งครั้ง ๆ ละ 20 กิโลกรัม และใช้พลังงานความร้อนอุณภูมิประมาณ 300 องศา เซลเซียส สามารถผลิตน้ำมันดีเซลและเบนซีนได้ประมาณ 16 กิโลกรัม (70:30) และได้ก๊าซ LPG (LiquidPetroleum Gas) ได้ประมาณ 4 กิโลกรัม เพื่อย้อนกลับเป็นพลังงานหมุนเวียนให้เตาปฏิกรณ์ และระยะเวลาในกระบวนการผลิตประมาณ 8 ชั่วโมง โดยวัสดุทำเตาปฏิกรณ์ทำจากอะลูมิเนียมเพื่อทนต่อการกัด กร่อน และมีระบบปั๊มดูดอากาศเพื่อดูดอากาศภายในเตาปฏิกรณ์ให้เป็นศูนย์ยากาศ ซึ่งมีผลทำให้จุดเปลี่ยนสถานะ ของเหลวเป็นก๊าซอุณหภูมิน้อยลง เพื่อความปลอดภัยและลดขนาดวัสดุให้มีขนาดเล็กลง และใช้การกลั่นตัวเป็น ของเหลวด้วยอุณหภูมิอากาศภายนอก ซึ่งคุณภาพของน้ำมันขึ้นกับการคัดแยกขยะพลาสติกให้เป็นพลาสติก ประเภทเดียวกัน และทำการควบคุมอุณหภูมิความร้อนและความดันระยะเวลา ในกระบวนการผลิตขึ้นกับประเภท ขยะพลาสติก 1. ขอบเขตการศึกษา 1.1 กลุ่มเป้าในการศึกษา คือ ผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงที่เข้าร่วมโครงการ วิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงาน มีจำนวน 5 สาขาวิชา ได้แก่ 1) สาขาวิชาอาชีวะอนามัยและความ ปลอดภัย 2) สาขาวิชาเทคโนโลยีโยธาสถาปัตยกรรม 3) สาขาวิชาเทคโนโลยีดิจิทัลมีเดีย 4) สาขาวิชาเทคโนโลยี ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และ 5) สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ 1.2 ขอบเขตการศึกษา บทความวิจัยครั้งนี้ มุ่งศึกษาเนื้อหาคือ 1) ความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกรสังคม มีจำนวน 5 เครื่องมือ ได้แก่ 1.1) เครื่องมือ “ฟ้าประทาน” 1.2) เครื่องมือ “นาฬิกาชีวิต” 1.3) เครื่องมือ “Timeline พัฒนาการ” 1.4) เครื่องมือ “Timeline กระบวนการ” และ 1.5) เครื่องมือ “MIC Model” และ 2) ผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคม มีจำนวน 3 ด้าน ได้แก่ 2.1) ผลลัพธ์การใช้ทักษะกระบวนการการใช้ เครื่องมือวิศวกรสังคม 2.2) ผลลัพธ์การทำงานเป็นกลุ่ม และ 2.3) ผลลัพธ์ความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการ วิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงาน 1.3 ขอบเขตพื้นที่การวิจัย 1.3.1 พื้นที่ทำการศึกษาดูงาน “เครื่องผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติกด้วยกระบวนการไพโรไลซิส” ณ ศูนย์กสิกรรมท่ามะขาม ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 1.3.2 พื้นที่ทำการศึกษาการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม คือ 1) มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้แก่ อาคารอำนวยการ สำนักงานสีเขียว สำนักงานฝ่ายอาคารและสถานที่ และถังหมักก๊าซชีวภาพอาคาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและ 2) เทศบาลเมืองจอมพล อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 90 – 2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยใช้มาตราส่วนประมาณค่าของลิเคิร์ท ( Likert Five Rating Scale อ้างถึงใน บุญชม ศรีสะอ้าน, 2545, 69-70) 3. วิธีดำเนินการ วิธีการดำเนินโครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงานเพื่อเป็นงานวิจัย มีขั้นตอนดังนี้ 3.1 อบรมผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจเครื่องมือวิศวกร สังคม 3.2 กำหนดโจทย์โครงานทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเป็นฐานโดยให้มีความสอดคล้องกับบริบทภายใน สาขาวิชาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ซึ่งนักศึกษาที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งจะถูกปลุกฝังอุดมการณ์ อย่างภาคภูมิว่า “คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน” ที่มีพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย และมหาวิทยลัยราชภัฏทั่วประเทศ และโดยเฉพาะทางด้าน “พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย” จึงได้นำโจทย์ โครงงานทางด้าน การจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม การลดภาวะโลกร้อนคาร์บอนฟุตพริ้นท์และพลังงานทดแทน ในครั้งนี้ 3.3 ฝึกทักษะการเป็นนักคิดให้สามารถค้นคว้าหาความรู้และหาต้นทุนทางสังคม เพื่อสร้างองค์ความรู้ ใหม่มาเป็นนวัตกรรมชุมชน ได้แก่ 1) การศึกษาดูงาน ณ ศูนย์กสิกรรมท่ามะขาม โดยมีนายยุทธการ มากพันธุ์ เป็นวิทยากรผู้เชี่ยวชาญการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส 3.4 ฝึกทักษะการประสานงาน ได้แก่ 1) ศูนย์กสิกรรมท่ามะขาม ในการออกแบบและสร้าง เครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส 3.5 ฝึกทักษะการสื่อสาร ได้แก่ 1) การนำเสนอแนวคิดการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วย กระบวนการไพโรไลซิส 2) การนำเสนอแนวคิดการจัดการขยะพลาสติกให้กับหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึงและหน่วยงานภายนอกเทศบาลเมืองจอมพล 3.6 ดำเนินการนำเครื่องมือการวิจัยการพัฒนากิจกรรมนักศึกษาโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับวิศวกร สังคม เรื่อง การจัดการขยะพลาสติกเป็นพลังงานมาใช้งานและรายงานผลดำเนินการ 4. ผลการศึกษา ผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีความรู้เครื่องมือวิศวกรสังคมก่อนเข้าร่วมโครงการ มีคะแนนร้อยละ 56.88 และหลังเข้าร่วมโครงการ มีคะแนนร้อยละ 83.13 จึงมีคะแนนความก้าวหน้าร้อยละ 46.15 และมีผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมของผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึง ดังนี้ 4.1 ระดับความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์เครื่องมือวิศวกรสังคม 1) เครื่องมือ “ฟ้าประทาน” พบว่า นักศึกษาสามารถคาดคะเนถึงผลกระทบ ผลดีผลร้าย ในการตัดสินใจหรือแสดงออกได้อยู่ในระดับมาก 2) เครื่องมือ “นาฬิกาชีวิต” พบว่า นักศึกษาสามารถนำผลการวิเคราะห์นาฬิการชีวิตมาใช้งาน เพื่อหาคำตอบ ในการทำงานได้ อยู่ในระดับมาก 3) เครื่องมือ “Timeline พัฒนาการ” พบว่า นักศึกษาสามารถนำเสนอรายงานแผนผังรูปแบบ Timeline พัฒนาการ ในที่ประชุมได้อยู่ในระดับมาก
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 91 – 4) เครื่องมือ “Timeline กระบวนการ” พบว่า นักศึกษาสามารถเรียงลำดับขั้นตอน กระบวนการในการทำงานได้ และ สามารถนำเสนอรายงานแผนผังรูปแบบ Timeline กระบวนการ ในที่ประชุมได้ และ สามารถประเมินค่า Timeline กระบวนการ ว่าขั้นตอนใดสามารถพัฒนาต่อยอดต่อไปได้ อยู่ในระดับมาก 5) เครื่องมือ “MIC Model” พบว่า นักศึกษาสามารถอธิบายและยกตัวอย่างความหมายคำว่า modify ได้และสามารถอธิบายและยกตัวอย่างความหมายคำว่า improve ได้และนักศึกษาสามารถนำ Timeline กระบวนการที่รับการพัฒนาแล้วมาเขียนนำเสนอในที่ประชุมได้อยู่ในระดับมาก 4.2 ผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคม 1) ผลลัพธ์การใช้ทักษะกระบวนการการใช้เครื่องมือวิศวกรสังคม พบว่า นักศึกษาสามารถการ นำเสนอและประเมินผลอยู่ในระดับมาก . 2) ผลลัพธ์การทำงานเป็นกลุ่ม พบว่า นักศึกษาให้ความร่วมมือในการทำงาน อยู่ในระดับมาก 3) ผลลัพธ์ความพึงพอใจในการอบรมโครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติก พบว่า อยู่ใน ระดับมาก อภิปรายและสรุปผล ผู้นำนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีความรู้และการนำไปใช้ประโยชน์“เครื่องมือวิศวกร สังคม” ในภาพรวมอยู่ระดับมากและเมื่อพิจารณาระดับมากที่สุด คือ เครื่องมือ “MIC Model” ทั้งนี้เนื่องจากผู้นำ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีความสามารถอธิบายและยกตัวอย่างความหมายคำว่า modify ได้ คือ สามารถแก้ไขอะไรบ้างในขั้นตอนไหนได้และสามารถอธิบายและยกตัวอย่างความหมายคำว่า improve ได้ คือสามารถทำให้ดีขึ้นได้อย่างไรได้และสามารถนำ Timeline กระบวนการที่รับการพัฒนาแล้วมาเขียนนำเสนอ ในที่ประชุมได้ ผลลัพธ์การใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมในภาพรวมอยู่ระดับมากและเมื่อพิจารณาระดับมากที่สุดคือการ ทำงานเป็นกลุ่มและความพึงพอใจในการอบรมโครงการวิศวกรสังคมเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นพลังงานในภาพรวม อยู่ระดับมาก ทั้งนี้เนื่องจากผู้นำนักศึกษายอมรับการทำงานร่วมกันและวางแผนร่วมกันได้มีเป้าหมายผลลัพธ์ ของงานเดียวกัน ปรับรูปแบบวิธีการทำงานได้มีความเคารพและทำความเข้าใจในหน้าที่ทุกคนและพร้อมเรียนรู้ ความผิดพลาดร่วมกันได้ทั้งนี้จะสอดคล้องงานวิจัยของ สุภาสพงษ์ รู้ทำนอง. (2566). ได้ศึกษาการพัฒนาวิศวกร สังคมด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาพื้นที่โดยใช้ภูมิสารสนเทศ ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร มีการประเมินผลความพึงพอใจในการพัฒนาวิศวกรสังคมจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม พบว่า มีภาพรวมความพึงพอใจ ในระดับมากและมีผลการประเมินการเรียนรู้ด้านความรู้และทักษะที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นในทุกด้าน จากการกำหนดโจทย์โครงานทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเป็นฐาน จึงได้เลือกทางด้าน “การจัดการขยะ และสิ่งแวดล้อม” “การลดภาวะโลกร้อนคาร์บอนฟุตพริ้นท์” และ “พลังงานทดแทน” ในครั้งนี้โดยจะบูรณาการ ตามศาสตร์ของแต่ละสาขาวิชา ดังนี้1) สาขาวิชาอาชีวะอนามัยและความปลอดภัย จะลงพื้นที่ในการจัดการขยะ และสิ่งแวดล้อมในชุมชน 2) สาขาวิชาเทคโนโลยีโยธาสถาปัตยกรรม จะลงพื้นที่ในปรับปรุงภูมิสถาปัตย์ โดยการ ออกแบบสถานที่เพื่อติดตั้งเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิส ให้มีความ สวยงามเพื่อรองรับเป็นศูนย์การเรียนรู้และเชิงการท่องเที่ยวในอนาคต 3) สาขาวิชาเทคโนโลยีดิจิทัลมีเดีย จะลงพื้นที่ในการสื่อสารดิจิทัลมีเดียประสานงานประชาสัมพันธ์โครงการ 4) สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้าและ
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 92 – อิเล็กทรอนิกส์และสาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะจะลงพื้นที่ในการออกแบบและสร้างและสาธิตการทำงาน ของเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิสให้กับชุมชนในพื้นที่ จะสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ฉบับใหม่ (พ.ศ.2558-2579) ซึ่งปรับปรุงมาจากแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกร้อยละ 25 ใน 10 ปี (พ.ศ. 2555-2564) และในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการแปรรูปขยะ พลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้มีการชดเชยราคาให้กับโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับซื้อน้ำมันจากขยะพลาสติก ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2558 ถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2561 และให้มีการทบทวนต้นทุนการผลิตน้ำมัน จากขยะพลาสติกทุกปีโดยใช้กลไกประกันราคารับซื้อน้ำมันขยะพลาสติกเฉสี่ยที่ 14.50 บาทต่อลิตร (สุพิษชา ชีวพฤกษ์, 2560 หน้า 16-26.) สรุปได้ว่า วิศวกรสังคม เป็นแนวคิดของการพัฒนา Soft Skills หรือกระบวนการพัฒนาทักษะวิศวกร สังคมให้กับนักศึกษาที่มุ่งเน้นการบ่มเพาะให้เป็นบัณฑิตที่เป็น “นักคิด นักสื่อสาร นักประสานงานและนักสร้าง นวัตกรรม” ด้วยความคิดที่สร้างสรรค์และทัศนคติที่ดีและถูกต้องต่อสังคม (เอกสารประกอบการสอนรายวิชา 000401 คนราชภัฏ, 2565, หน้า 100 – 101) และสอดคล้องแนวคิดของ พิมพลักษณ์ โมรา. (2561). ที่ได้ศึกษา การจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน : ทางเลือกในการจัดการศึกษาสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ได้กล่าวไว้ ว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ค้นหาคำตอบในสิ่งที่ตนเองสนใจ ได้ตามความต้องการ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีในการแก้ปัญหา การทำงานอย่างมีระบบ การวางแผนการคิดวิเคราะห์ เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองและสามารถสรุปมาเป็นองค์ความรู้ของตนเอง ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะจากการศึกษาเพื่อนำผลการศึกษาไปใช้ประโยชน์ ข้อเสนอแนะงานในครั้งนี้สามารถนำไปใช้เครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน ด้วยกระบวนการไพโรไลซิสนี้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมหรือชุมชนใน ท้องถิ่นในการสาธิตกระบวนการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วยกระบวนการไพโรไลซิสร่วมกับการสอน ให้ความรู้วิธีการคัดแยก การทำความสะอาด การทำให้แห้ง การจัดเก็บขยะพลาสติก เพื่อเข้าร่วมโครงการด้านการ จัดการขยะและสิ่งแวดล้อม 2. ข้อเสนอแนะในทำการศึกษาครั้งต่อไป ข้อเสนอแนะงานครั้งต่อไป สามารถนำแบบเครื่องต้นแบบแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันด้วย กระบวนการไพโรไลซิสนี้ ไปขยายขนาดปริมาณการเติมขยะพลาสติกใส่ในเตาปฏิกรณ์จากเดิมปริมาณ 20 กิโลกรัม ให้สามารถมีขนาดเพิ่มเติมได้ปริมาณ 200 กิโลกรัมได้ เพราะปริมาณขนาดนี้จะเหมาะกับธุรกิจ SME (Small and Medium Enterprises) หรือเรียกว่า วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้หรือ วิสาหกิจชุมชน (community enterprise) เพื่อส่งเสริมกิจการของชุมชนในการผลิตพลังงานทางเลือก หรือการบริการให้ชุมชนได้ใช้ในกิจกรรม ได้แก่ เปลี่ยนขยะเป็นบุญ (การเผาศพ หรือ ฌาปนกิจ) ให้กับวัด หรือนำมาเป็นน้ำมันทดแทนมาใช้ในเครื่องตัดหญ้า ของหน่วยงานเทศบาลเมืองจอมพล หรือ ทำเป็นแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทนการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน ด้วยกระบวนการไพโรไลซิสโดยการจัดตกแต่งสถานที่ภูมิสถาปัตย์เพื่อยกระดับในเชิงการท่องเที่ยว หรือ การส่งเสริมการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 93 – เอกสารอ้างอิง กระทรวงพลังงาน. แนวทางการส่งเสริมน้ำมันปีโตรเลียมจากขยะพลาสติก. (2552). สืบค้น 20 มกราคม 2567 จาก http://www.eppo.go.th/images/petroleum/Biofuels/oilplasticwaste.pdf กระทรวงพลังงาน. แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี (พ.ศ.2555-2564). ธันยบูรณ์ ถาวรวรรณ์. (2563). การศึกษาการผลิตน้ามันจากขยะพลาสติกด้วยกระบวนการไพโรไลซิส. วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์, 2563(2) กรกฎาคม – ธันวาคม,15 – 32 พิมพลักษณ์ โมรา. (2561). การจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน : ทางเลือกในการจัดการศึกษาสำหรับผู้เรียน ในศตวรรษที่ 21. วารสารวิจัยและพัฒนาหลักสูตร, 2561(8), ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน, 42-52 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. (2565). เอกสารประกอบการสอนรายวิชา 000401 คนราชภัฏ. หน้า 100 – 101 สุพิษชา ชีวพฤกษ์. (2560). การประเมินแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก. วารสารวิชาการเทค โนโลขีอุตสาหกรรม, 13(1), 16-26. สุภาสพงษ์ รู้ทำนอง. (2566). การพัฒนาวิศวกรสังคมด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาพื้นที่โดยใช้ภูมิสารสนเทศ ตำบลนา บ่อคำ อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร. วารสารพิกุล, 21(2). 121-140 A. Lopez-Urionabarrenechea, I. de Marco, B.M. Caballero, M.F. Laresgoiti and A.Adrados. (2015). Upgrading of chlorinated oils coming from pyrolysis of plastic waste. Fuel Processing Technology, 137, 229–239. Achyut K. Panda, R.K. Singh and D.K. Mishra. (2010). Thermolysis of waste plastics to liquid fuel A suitable method for plastic waste management and manufacture of value added products—A world prospective. Renewable and Sustainable Energy Reviews, 14, 233– 248 Alberto Pavlick Caetani, Luciano Ferreira and Denis Borenstein. (2016). Development of an integrated decision-making method for an oil refinery restructuring in Brazil. Energy, 111, 197-210.
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 94 – คณะทำงานรวบรวมบทความวิชาการ ที่ปรึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต คณะทำงานรวบรวมบทความวิชาการ อาจารย์ ดร.มานพ ชาชิโย รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา นายธัชพิชัย ปิยสวัสดิ์ธาดา ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองพัฒนานักศึกษา อาจารย์ภาพิสุทธิ์ ภูวญาณพงศ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะครุศาสตร์ อาจารย์วีรวัฒน์ อินทรทัต รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและกิจการพิเศษ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อาจารย์แสงเดือน หังสวนัส รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิลปวัฒนธรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ อาจารย์เดชา สีดูกา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและสื่อสารองค์กร คณะวิทยาการจัดการ อาจารย์อัครวัฒน์ จิตหาญ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและวิเทศสัมพันธ์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ่งรัตน์ ทองสกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิพนธ์ บริเวธานันท์ คณะครุศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.วัชรี หิรัญพันธุ์ คณะวิทยาการจัดการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จันทนา แสงแก้ว คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุทธิณี พรพันธุ์ไพบูลย์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร นายกัมปนาท ไทยมิตต์ชอบ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานบริการและสวัสดิการนักศึกษา กองพัฒนานักศึกษา นายพีรวัฒน์ ขาวทอง ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานพัฒนานักศึกษา กองพัฒนานักศึกษา ว่าที่ ร.ต. ธนกรณ์ ชัยธวัช ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานบริหารทั่วไป กองพัฒนานักศึกษา นายบุรินทร์ ไทยมิตรชอบ กองพัฒนานักศึกษา นายณรงค์ จริงจิต กองพัฒนานักศึกษา
การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนานักศึกษาเครือข่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั่วประเทศ ครั้งที่ 13 - 95 –